https://www.facebook.com/gunchon.rit เบื่อพวกแก๊งไอติม เบื่อพวกดีแต่พูด เบื่อพวกเรียกร้องให้คนอื่นลาออกรับผิดชอบอุทยานแต่ตัวเองเกาะเก้าอี้แน่น
ถ้าจะตรวจสอบจริงไม่ต้องออกข่าวรายวันก็ได้... เอาหลักฐานทั้งหมดไปยื่นฟ้องเลย (ถ้ามีนะ) ถ้าไม่บอกชื่อว่าใคร ผมจะเข้าใจว่าข่าวพวกนี้มาจาก เด็จพี่ ห่วงทรัพย์ วรชัย หรืออนุสรณ์ แห่งพรรคเพื่อไทยได้ ประมาณพวกกล่าวหานู่นนี่ไปเรื่อย แต่พอถามหาหลักฐานกลับเงียบหาย หรือยื่นซองอะไรไม่รู้แก้เขิน
ไม่รู้ว่าเป็นใคร หน้าตายังไง แต่นักการเมือง ก็ต้องทำเพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องทั้งนั้น ต่างแค่ว่าจะทำในระดับปกติหรือออกหน้าออกตาจนน่าเกลียด และเห็นหัวประชาชนมากน้อยแค่ไหน
เห็นด้วยครับ ส่วนตัวถ้าหลักฐานชัดๆก็ชอบที่จะยื่นให้ปปช.ฟันให้ติดคุกไปเลย แต่ไม่ใช้ในลักษณะมาให้ข่าวทำลายกันอย่างนี้ ลักษณะอย่างนี้มันคือเกมส์การเมืองชัดๆ ไม่ดี ประชาชนจะเสียศรัทธา
ดูข่าวนี้ รู้สึกว่าเหมือนคนโวยวายว่ามีเรื่อง มีเหตุร้าย แต่ยังไม่ไปแจ้งความ ฟ้องประจานลงโซเชียลไว้ก่อน
มองในอีกมุมนึง วิลาสคงพยายามทำตัวเป็นดีปราบโกง ไม่เว้นแม้แต่พวกเดียวกัน อันที่จริง วิลาสเค้าก็มีเหตุผลนะ คือ นโยบายของชายหมู บางทีมันก็เพ้อๆ เชิงโลกสวย อยากให้กรุงเทพเป็นแบบนั้นแบบนี้ เอาของล้ำๆ งบประมาณไม่อั้น มาลง สวยงาม ตามจริตชายหมู แกก็คงหวังดีกับชาวกรุงเทพฯ แหละ แต่มันไม่ใช่ไง. มันทำไม่ได้ ดันทุรังทำไปก็เสียงบปล่าวๆ ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ หลายเรื่องล่ะ ทั้งห้องน้ำล้ำๆ ที่ สุดท้ายก็โดนขีดเขียน โดนลักอุปกรณ์ไปขาย สุดท้ายห้องน้ำสุดล้ำก็ไม่ไดใช้ เพราะต้อง ใส่กุญแจล๊อก ทีจอดจักรยานที่ไม่ค่อยมีใครใช้ เป็นที่ขายของแม่ค้า เกะกะฟุตบาท บางทีมันไม่ใช่เรื่องโกงอะไรหรอกแต่เป็นเรื่องการใช้งบประมาณไม่เหมาะสม. งบละลาย ไปกับนโยบายเพ้อๆ แต่ได้ผลตอบแทนไม่เป็นชิ้นเป็นอัน อย่างเรื่องล่าสุดนี้ ก็เครื่องดนตรี แต่ซื้อมาแจกราคาแพงๆ แล้วไม่มีครูสอน จนต้องกองอยู่เฉยๆ ให้ฝุ่นจับเล่น ผมเข้าใจวิลาส คงไม่อยากฟังเสียงก่นด่าจากประชาชนบางคน ที่มองเรื่องการใช้งบประมาณไม่เหมาะสม กระแสของชายหมูไม่ดีมานานแล้ว ยังอยู่ได้เพราะคนเกลียดทักสิน การคงอยู่ของชายหมูอาจสร้างผลลบ ต่อประชาธิปปัตย์ได้เพราะหลายๆคน ไม่คิดจะให้โอกาสชายหมูเป็นครั้งที่สอง แล้วถ้าไม่เปลี่ยนแปลง ชายหมูจะลงต่อหรือส่งใครในนามพรรคลงมา ก็อาจลำบากกว่าเดิมแน่ๆ การที่อภิสิทธิ์พยายามสนับสนุนชายหมู ด้วยเหตุผลเป็นคนตั้งใจทำงาน ดูเผินๆอาจเป็นแนวคิดที่ดี แต่มันก็สะท้อน ว่าตัวอภิสิทธิ์เองมีข้อเสียร้ายแรงอยู่เหมือนกัน คือโลกสวย มองโลกในแง่ดีเกินเหตุ อ่อนด๋อย และไม่รู้จักใช้คน แม้ตัวอภิสิทธิ์จะดูเก่งมากๆ เมื่อเทียบกับชายหมูก็ตาม
ไม่เป็นไรคับ ไม่ชอบพรรคปชป ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้อยากให้ง้อ แล้วก็ไม่ได้ขอให้เลือกด้วย บางทีเดินร่วมกัน บางทีต่างคนต่างเดิน ตั้งพรรค กปปส หรือพรรค คสช มาเลย พรรคที่คิดว่าบริสุทธิ์ที่สุด วัดกันไปเลย
หลายเรื่องบางทีหม่อมก็โลกสวยเกินไปจนไม่ดูถึงสันดานประชากรว่าพร้อมไหม ไหนจะเรื่องประชาสัมพันธ์อีก หลายเรื่องชี้แจงไม่ยากแต่ดันอุบเงียบไว้เฉย ส่วนเรื่องจ่ายลิขสิทธิ์เพื่อซื้อคู่มือดนตรี อันนี้สมควรต้องจ่ายนะครับ เพราะปกติเงื่อนไขมันสำหรับ 1 user ไม่ใช่ว่าเวลาสอนเล่นใช้วิธีถ่ายสำเนาทั้งเล่มแจกจ่าย
อ้อ เหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไร กับ กปปส และ คสช ในเมื่อมันเป็นเรื่องในพรรค ของเขา แปลกจริง ไม่ว่าเรื่องอะไร อดโยงไปไม่ได้ ถ้าไม่ได้โยง จะถ่ายไม่ออกหรือไง เอ๊อ
พรรคเพื่อไทย กับ นปช ครับ พรรคที่บริสุทธิ์ที่สุด มีเอกภาพมาก พรรคเพื่อไทยแล้วแต่ทักษิณทุกอย่าง ส่วน นปช. ก็เป็นประชาธิปไตยมากแต่เนื่องจากภายใน นปช เป็นเอกภาพภายใต้การบงการของนายใหญ่ ประธาน นปช.เลยแต่งตั้งมันซะเลยไม่ต้องเลือกตั้งให้เสียเวลา
สุดท้ายก็ดำเนินรอยตามเจ้าพระยาอีกคน เป็นเจ้างั่งสมบูรณ์ คนฉลาดที่แยก ปชป. กปปส. คสช. ไม่ออก ถ้าพูดอย่างนี้ คนกลางก็ช่วยหาเสียงให้ปชป.นะครับ ถ้ามีเลือกตั้ง ถ้าไม่ทำ เสียหมานะเออ
คนกลางฯ ช่วยยกตัวอย่างพรรคฯในอุดมการ มาให้ชมสักพรรคหน่อย พร้อมคำอวยฯได้เลย ขอแบบจริงใจนะ จะพรรคภูมิใจเธอ พรรคดีแด่เทอคนเดียว ก้อได้ แบบอยากรู้ภักฯรักการเมืองแค่ไหน ส่วนตัว -ตั้งแต่มีสิทธิ์ เลือกตั้งมา มี2พรรคที่เคยเลือก คือ ปชป. เลือกตลอดจนปัจจุปันและ พรรคกิจสังคมของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ครั้งหนึ่ง (เกือบๆ เลือก ปชท. ของ สมัครฯ เช่นกัน) แค่นี้ ก้ออ่านแนวการเมืองได้แล้วใช่ไหม??? บอกได้ไหม? คนกลาง!!! ปล. ปัจฉิมลิขิต เคย "บอยคอตต์" ครั้งหนึ่ง รู้ๆอยู่ นั้นแหละ ครั้งนั้นเลย ทั้งๆทีบอกตัวเองว่า เห็นควรไม่ไปเลือกมัน?? ควรไปเลือกตั้ง หากเลือกแล้วไปสนับสนุนคนโกง อย่าไปเลือกดีกว่า! ก้อแค่นั้นแหละ
บอกอะไร"ป๊อบ"อย่างนึงนะ เรื่องของคน"ป๊อบ"อย่ายุ่งเลย "ป๊อบ"อยู่ของ"ป๊อบ"ไปเหอะ ให้คนเค้าจัดการเรื่องของเค้ากันเอง
ตอนนี้ผมขอเชียร์พรรคนายกลุงตู่ ให้อยู่ไปนานๆหน่อย บ้านเมืองสงบดี ไปมาปลอดภัย พรรคอื่นๆเงียบๆหน่อยก็ดี
สนับสนุนอุปกรณ์ดนตรีครับ อุปกรณ์ตามเนื้อหาคุณวิลาศนี่ก็ไม่เห็นจะเป็นไรไป เว้นแต่เปียโนอัพไรท์ทุกรร.ก็เกินไปหน่อย ที่จริงต้องสนับสนุนงบจ้างครูดนตรีด้วยแหละครับ เพราะคนเล่นดนตรีเขาไม่ได้สอบบรรจุ/มีทางหากินอื่น/รับสอนตามบ้าน หลายรร. ครูประจำมีแต่ดนตรีไทย ครูสากลรร.ต้องหาตังจ้างเอง (รร.สพฐ.นะครับ ของกทม.ผมไม่ทราบ) ครูสายนี้ไม่ต้องมีใบวิชาชีพหรอก หลายๆคนก็อินดี้อยู่ระบบราชการไม่ได้หรอก แต่สอนได้อ้ะ ดนตรีคือดนตรี เล่นเป็นก็สอนเป็น เรียนไม่ซ้อมก็ไม่เป็น ยิ่งถ้าลดเวลาห้องเรียนได้จริงนะ เลิกคาบบ่าย2แต่ประตูรร.เปิด4โมงครึ่ง ไม่หากิจกรรมให้ทำแล้วจะให้อยู่ในรร.ทำไม ชมรมที่น่าสนุก+ได้ประโยชน์มาก ก็ดนตรี-กีฬา-ทำอาหารนี่แหละ
บางทีตรวจสอบกันเองเยอะไปผมก็ว่ามันเลี่ยนน๊ะ มันจะดูหาเรื่องมากกว่าอยากตรวจสอบจริง ๆ ส่วนคนกลาง จะเหน็บ จะเสี้ยมทั้งที ใช้สมองเยอะกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้เน๊อะ
ชนวนร้าว 'สุขุมพันธุ์-อภิสิทธิ์' เกมเดิมพันอนาคต ปชป. ชนวนร้าว 'สุขุมพันธุ์-อภิสิทธิ์' เกมเดิมพันอนาคต ปชป. : โดย...สำนักข่าวเนชั่น กลายเป็น “ศึกใน” อย่างต่อเนื่อง สำหรับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. กับแกนนำและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์สาย "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ออกมาโจมตีการทำงานของ กทม. ภายใต้การบริหารของคุณชายหมูสมัยที่ 2 โดยเฉพาะท่าทีจาก วิลาศ จันทร์พิทักษ์ และ วัชระ เพชรทอง ที่ออกมากระทุ้งเรื่องการจัดซื้อเครื่องดนตรีและกล้องซีซีทีวี ที่กำลังถูกตรวจสอบเรื่องความโปร่งใส รวมไปถึงปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นหลายระลอก แต่คุณชายหมูกลับแก้ไขอะไรไม่ได้ แถมยังส่งผลกระทบไปถึงพรรคต้นสังกัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้เมื่อไม่นานมานี้จะมีการส่งตัวกลางอย่าง อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เข้าไปเป็นตัวเชื่อมข้อกลาง ทว่าไม่สามารถประสานรอยร้าวนั้นได้เลย เพราะกระแสความเคลื่อนไหวในพรรคเกี่ยวกับสถานการณ์วันนี้ ...ว่ากันว่าทุกวันอังคาร หัวหน้าพรรคจะนัดอดีต ส.ส.และแกนนำพรรคมาพูดคุยและกินกาแฟกันตอนเช้า โดยในวงสนทนามีวาระต่างๆ มากมาย และหนึ่งในนั้นคือ “การทำงานของคุณชายหมู” ที่ไม่สนใจพรรคเท่าที่ควร แม้พรรคจะนัดหมายทั้งทางตรงและทางอ้อมให้คุณชายหมูมาพบกับหัวหน้าพรรคก่อนที่ อภิสิทธิ์ จะส่งจดหมายขออนุญาตประชุมพรรคต่อ คสช.อย่างเป็นทางการ แต่ปฏิกิริยาจากคนที่เสาชิงช้าส่งกลับมาคือ ความนิ่ง และถึงแม้ว่าบางครั้งคุณชายหมูจะรับนัด แต่แล้วก็ยังมีเหตุที่มิอาจพบหน้ากันได้อยู่เรื่อยไป ทำให้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการเมืองจึงถาโถมใส่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ โดยนัยที่สังคมมองออกคือ คนในพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการปลดประจำการคุณชายหมู จากเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ก่อนหมดวาระในเดือนมีนาคม 2560 ว่ากันว่า ปรากฏการณ์รอบนี้เป็นเกม “ตัดขา” ของคนภายในพรรค ท่ามกลางการให้สัมภาษณ์ของแกนนำและคนใกล้ชิดหัวหน้าพรรคว่า ไฟเขียวที่มอบให้อดีต ส.ส.ทั้ง 2 ราย ออกมาเล่นบท “ตรวจสอบกันเอง” เพื่อดิสเครดิตการทำงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพราะข้อมูลทุกเช้าวันอังคารที่คณะผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์ มีความเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ พ้นจากสมาชิกภาพของพรรค ด้วยเหตุที่มีพฤติกรรมไม่สนองตอบนโยบายของพรรคมาโดยตลอด ก็เป็นระเบิดเวลาสร้าง “รอยร้าว” ให้สมาชิกพรรคห่างเหินกันมากขึ้น ขณะเดียวกันเหตุ “กินใจ” ตั้งแต่การโหวตบุคคลเป็นตัวแทนพรรคเข้าสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อปี 2556 กระแสออกมาว่า สมาชิกพรรคหลายราย และ “อภิสิทธิ์” เลือกชื่อ กรณ์ จาติกวณิช เป็นตัวแทนพรรคลงชิงเก้าอี้ แต่ความสัมพันธ์พิเศษระหว่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ก็เปลี่ยนเกมพลิกผลโหวตให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ชนะ กรณ์ ไปอย่างฉิวเฉียด เพื่อให้ลงป้องกันแชมป์กับตัวแทนพรรคเพื่อไทยในช่วงนั้น และยังมีคนวงในยืนยันว่า หากพรรคสะตอไม่ส่งคุณชายหมูลงสนามในนามพรรค เจ้าของตำแหน่งพ่อเมืองหลวงในตอนนั้นจะลงสมัครแบบอิสระ และมีการล็อบบี้ผ่านขาใหญ่เมืองสุราษฎร์ฯ ให้ล็อบบี้แกนนำพรรคเพื่อให้ส่งคุณชายหมูลงชิงชัยคนเดียวเท่านั้น จากครั้งนั้น เมื่อบวกกับท่าทีการให้สัมภาษณ์และการทำงานแก้ปัญหาในกรุงเทพฯ ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่คนกรุงเทพฯ มองว่ายังไม่เข้าตา โดยเฉพาะประโยคแห่งปีที่ว่า “เราเป็นเมืองน้ำ เป็นเมืองฝน ไม่มีจุดเสี่ยงเลยไม่ได้ ถ้าไม่มีน้ำท่วมต้องไปอยู่บนดอย...” ถูกส่งเป็นประโยคที่สังคมวิพากษ์ “เสียงดัง” ถึงบทบาทผู้นำเมืองหลวง เพราะในวันนั้นสมาชิกพรรคหลายคนได้วิจารณ์คำพูดลักษณะนี้ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ค่อนข้างมาก เพราะเกรงว่าเสียงวิจารณ์ต่อผู้ว่าฯ กทม.จะสะเทือนไปถึงประชาธิปัตย์ ในการสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในอนาคต ความกดดันคราวนั้นกระทบไปถึงอภิสิทธิ์ ที่พยายาม “ต่อสาย” ถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพื่อพูดคุยถึงข้อร้องเรียนและข้อสงสัยในการทำงานของ กทม.ด้วยตัวเอง เพื่อให้ "หัวหน้าพรรค-ผู้ว่าฯกทม.” ร่วมกันแถลงข่าวแสดงความรับผิดชอบต่อวาทกรรมที่เกิดขึ้น แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่มีดีลใดต่อไปถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้ การปล่อยกระแสเชิงลบต่อประชาธิปัตย์ให้บานปลายออกไปจะไม่เป็นผลดี จึงเป็นที่มาให้ อภิสิทธิ์ ตัดสินใจออกมา “ขอโทษ” คนกรุงเทพฯ ด้วยตัวเอง ว่ากันว่าชนวนเหตุรอยร้าวที่เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสเบื้องลึก อภิสิทธิ์ ไม่พอใจที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ พยายามจะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของพรรคประชาธิปัตย์ในยามที่บ้านเมืองกลับมามีประชาธิปไตยอีกครั้ง เพราะทุกวันนี้ถึงแม้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะพูดคุยสนิทใจกับคนในพรรคเพียงไม่กี่คน แต่คนในพรรคไม่กี่คนเหล่านี้ กลับพบว่ามีชื่อคนสำคัญที่ชื่อ “สุเทพ” ที่แม้วันนี้จะลาออกจากพรรคไปแล้ว แต่ลุงกำนันยังสามารถกำหนดพิมพ์เขียวประชาธิปัตย์ได้ในอนาคต และความรู้สึกจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่ไม่พอใจอภิสิทธิ์ที่ไม่ยอมออกมาเบรกลูกพรรคที่ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถล่มกทม.ไม่ยั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่อภิสิทธิ์เคย “หักน้ำใจ” เลือก กรณ์ เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เมื่อคราวนั้น ทำให้คุณชายหมูเลือกที่จะไม่แคร์หัวหน้าพรรคในคราวนี้ จนถึงขณะนี้ผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนพยายามเป็นกาวใจให้ทั้งสองได้เคลียร์กัน เพราะเกรงว่ายิ่งศึกในระอุขึ้นเท่าไหร่ ย่อมสะเทือนไปถึงประชาธิปัตย์ในการสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หรือกระทั่งการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าอย่างแน่นอน แต่ยังไม่รู้เลยว่ากาวยี่ห้อใดที่จะสมานขั้ว "มาร์ค-คุณชายหมู” ได้สนิทใจ ที่มา คมชัดลึก นี่น่าจะเป็นเหตุผลทำไมช่วงนี้คนในพรรคเดียวกันออกมาตัดขากันเหลือเกิน
เล่นการเมืองแบบสาดโคลนกันแบบนี้ สส สมัยหน้าจะถึงหลักร้อยรึเปล่า ส่วนผู้ว่า กทม คงเสียให้ผู้สมัครอิสระ
นั่นสิ ผมยังงง ๆ อยู่ว่า ขับออกจากพรรค ชายหมูก็ยังเป็นผู้ว่าต่ออยู่ดี ถึงเล่นการเมืองปลดออกจากผู้ว่าได้ ก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าคน ปชป จะได้รับเลือกเป็นผู้ว่า
ลุงกำนันก็ดันเอ๋อเข้ามา จนมาเป็นวลีน้อยเนื้อต่ำใจที่ว่า อย่าดูถูกกุ กุคนของพรรควิบัติ งานนี้เล่นหนัก ไล่กัดกันเองไม่ปล่อย ปชป ยากจะประสานร้อยร้าวกับ ลุงกำนัน ลุงกำนันถึงเวลาแล้วครับ ที่จะตั้งพรรคมวลมหาประชาชน
รอต้อนรับคุณชายเข้าพท. อาจง่ายกว่า ไม่แน่นะ ย้ายจากปชป.มาเยอะนี่ ย้ายไปเห็นได้ดิบดีทั้งนั้น เสื้อแดงก็สนับสนุนขั้นหมอบกราบกันเชียว
เรื่องนี้ มันเริ่มจาก วัชระ ออกมาโวยวายอยู่คนเดียวแต่แรก ในเรื่องหนึ่ง พอทำท่าว่าจะสงบไป ก็มีวิลาศ โผล่ออกมาอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าดูเรื่องที่ทั้งสองคนออกมาโวยวายแล้ว ยังหาประเด็นไม่ได้เลยว่ามีการทุจริตหรือเปล่า เพราะคนที่โวยวายก็บอกเองว่า สงสัย หรือ ส่อว่าน่าจะทุจริต แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งบอกว่าที่สงสัย หรือที่บอกว่า ส่อ นั้น มีหลักฐานอะไร เพราะฉะนั้นจะส่งเรื่องให้ ปปช ตรวจสอบว่ามีการทุจริตหรือเปล่า สุขุมพันธ์ เงียบ ไม่หือไม่อือ คงรู้อยู่แก่ใจว่า สองคนนี้มายังไง หรือเป็นกระบอกเสียงของใครให้มาสั่นคลอนเก้าอี้ เลยไม่แยแส รอจังหวะล้ำเส้นเมื่อใดค่อยเอาให้ตายดีกว่าไม่สนว่า ใครจะมองอย่างไร พรรคจะเสียหายหรือไม่ เป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเองเหมือนกรณีราชภัฎ นั่นแหละ อภิสิทธิ์ ก้นร้อน เพราะจะห้ามสองคนไม่ให้ออกมาโวยวาย เดี๋ยวก็จะโดนหาว่าปกป้องพวกเดียวกัน ถ้าปล่อยให้โวยวายไปเรื่อย ๆ พรรคก็จะมีแต่เสียกับเสีย จึงพยายามติดต่อสุขุมพันธ์ ให้มาเคลียร์กันในพรรคดีกว่าว่าเรื่องมันเป็นยังไงกัน ซึ่งก็ได้ผลเพราะสุขุมพันธ์ก็รับปากดิบดีว่าจะมาเคลียร์ แต่พอถึงวันนัดกลับเบี้ยวซะงั้น แถมปิดโทรศัพท์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ติดต่อจากอภิสิทธิ์อีกต่างหาก อภิสิทธิ์ คงหูร้อนที่ถูกเบี้ยว หรือไม่ก็ถูกคนในพรรคกดดันให้ดำเนินการให้เด็ดขาดเพราะกลัวเสียคะแนนเสียง ก็ไม่รู้ได้ จึงทำหนังสือถึง คสช ขอให้พรรคการเมืองประชุมพรรคได้ โดยให้ยกเลิกคำสั่ง คสช ที่ห้ามไว้ ให้เหตุผลว่า ตอนนี้พรรคไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เพราะรับบริจาคไม่ได้ เงินบำรุงพรรคที่หักจาก สส ก็ไม่มี พูดง่าย ๆ ก็คือ พรรคถังแตกแล้ว เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือ อยากจะประชุมพรรคเพื่อเคลียร์เรื่อง กทม ด้วย ซึ่งดูแล้ว คสช ไม่น่าจะอนุญาต เพราะคงคิดว่า เรื่องของมึง ถ้าให้คุณประชุมได้ เดี๋ยวพรรค ผี พรรค เปรต ก็โผล่มาจากหลุมเต็มไปหมดเท่านั้น ซึ่งอภิสิทธิ์ ก็คงจะรู้อยู่ว่าเขาคงไม่อนุญาตหรอก เพราะเห็นให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าไม่อนุญาตก็คงหากทางอื่นโดยจะหารือกับผู้ใหญ่ในพรรค เรื่องนี้น่าจะเป็นปัญหาการเมืองภายในพรรค แต่เป็นออเดอร์จากคนในพรรคหรือคนอีกพรรคไม่รู้ได้ แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่ อภิสิทธิ์ อย่างที่ เนชั่นพยายามเขียนให้มันเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งเรื่องลงสมัครผู้ว่า หรือการพยายามทาบรัศมีอภิสิทธิ์ มันดูไร้สาระเกินไป เพราะการสมัครผู้ว่าที่ผ่านมา สุขุมพันธ์นี่ลูกผีลูกคนเลย ถ้าอภิสิทธิ์ไม่สู้เต็มที่ คงไม่ได้รับเลือกหรอก เพราะคนที่เลือก ปชป ไม่เอากันเยอะ ส่วนเรื่องทาบรัศมีอภิสิทธิ์นั้น อันนี้เพ้อเจ้อเลย คุณไปยุกรณ์ หรืออภิรักษ์ ยังดูน่าเชื่อถือกว่าเยอะ แต่ที่สำคัญก็คืออภิสิทธิ์ยังไม่เคยมีพฤติกรรมเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าอย่างนี้ โดยเฉพาะการพูดปาว ๆ ว่าทุจริตโดยไม่มีหลักฐานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จึงน่าแปลกใจว่า บทความใน เนชั่น ทำไมยังพยายามทำลายล้าง แก๊งไอติมอยู่ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เขาก็ห้ามนักการเมืองแสดงบทบาทมิใช่หรือ ที่เขียนมานั้นมันเห็นเจตนายุให้รำตำให้รั่ว ซึ่งมันไม่เคยได้ผลเลย เพราะเขาไม่ได้ โง่ อย่างที่คุณคิดหรอก เอาเวลาไปติดตามออกข่าวพวกที่ยกขบวนไปตรวจสอบเรื่องราชภัฎ อย่างที่ทำอยู่ดีกว่า เผื่อจะมีคนเสื้อแดงสนใจมากขึ้น
แต่ที่สำคัญก็คืออภิสิทธิ์ยังไม่เคยมีพฤติกรรมเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าอย่างนี้ เห็นด้วยครับ พี่มาร์คยังไม่เคยมีพฤติกรรมเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าอย่างนี้ แต่มีพฤติกรรมเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าก่อฉนวนสงครามระหว่างประเทศเยี่ยงนั้นครับ นายกรู้คนเดียววววว คุณชายกบ ทีวี - ตอนใหม่มาแล้วนะครับ นายกรู้คนเดียว ... - Facebook
การที่อภิสิทธิ์เงียบไม่ปรามมันก็ไม่ได้เป็นผลดีกับพรรคหรอกครับ เพราะจะมองเป็นพวกเดียวกับพวกวิลาศไปด้วย ดูแล้วไม่แปลกว่าทำไมสุขุมพันธ์ไม่มาเคลียร์ เวลากล่าวหาก็ใช้พรรคเรียกสื่อประกาศซะใหญ่โต พอจะให้เคลียร์กลับให้ทำกันในพรรคเงียบ ๆ เขาคงจะมาเคลียร์หรอกนะ อภิสิทธิ์ยังไม่เคยมีพฤติกรรมเล่นการเมืองแบบน้ำเน่า ก็ใช่แต่นั่นเป็นอดีต ส่วนปัจจุบันและอนาคตไม่มีอะไรยืนยันได้ การที่เป็นหัวหน้าพรรคแล้วปล่อยให้ลูกพรรคใช้พรรคมาเล่นการเมืองน้ำเน่าจะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นก็คงไม่ได้หรอกครับ
อภิสิทธิ์ รู้แน่นอน เพราะตอนวัชระออกมาโวย เขาก็บอกอยู่แล้วว่าบอกหัวหน้าพรรคแล้ว และอภิสิทธิ์ก็บอกว่าให้ตรวจสอบไป เพราะมันมีประชาชนร้องเรียนมา แต่การตรวจสอบในความหมายของอภิสิทธิ์กับความหมายของวัชระอาจแตกต่างกัน เพราะวัชระใช้วิธีโวยวายผ่านสื่อ ซึ่งมันเป็นการประจานมากกว่าการตรวจสอบ และน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งทีทำให้สุขุมพันธ์ไม่พอใจ เพราะสื่อต่าง ๆ ก็นำเรื่องนี้ไปเล่นว่าวัชระเป็นเด็กของอภิสิทธิ์ ซึ่งอภิสิทธิ์ก็ดูเหมือนพยายามพูดว่า มันเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหาย ควรมาพูดกันในพรรคดีกว่า แต่ก็ไม่ได้ผลเพราะฝ่ายหนึ่งก็ยังคงตะบี้ตะบันออกสื่อโดยอ้างว่าไปติดต่อขอรายละเอียดแล้วแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็มีแยบออกมาบ้างนิดหน่อยแล้วเงียบเหมือนจะบอกว่า แน่จริงเดินเข้ามาซิ ส่วนวิลาศนี่ อภิสิทธิ์ไม่เห็นมีให้สัมภาษณ์ คงมองว่ามันดูเลื่อนลอยเกินไป แต่มันก็ทำให้กลายเป็นเรื่องบานปลายจนกลายเป็นเหยื่อของสื่อจนคนในพรรคกดดันให้เคลียร์เรื่องนี้ให้ยุติ จึงติดต่อสุขุมพันธ์แล้วถูกเบี้ยวนั่นแหละ การเคลียร์กันในพรรคมันไม่เงียบหรอก เพราะสุดท้ายมันก็ต้องมีแถลงออกมา แต่มันดีกว่ามาปาว ๆ กล่าวหากันทางสื่อ ซึ่งมีแต่จะทำให้เกิดความเสียหายโดยคนที่รับสื่อก็ไม่รู้ว่า สรุปแล้วมันจริงหรือไม่จริงกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ความเสียหายมันเกิดขึ้นแล้ว ส่วนที่คุณเจ้าพระยาบอกว่าอภิสิทธิ์เป็นชนวนก่อสงครามระหว่างประเทศนั้น อันนี้ตลกกว่า เนชั่น เยอะ มันเป็นตลกเรื่องยาว ไม่รู้จะชี้แจงยังไงดี
ก่อสงครามหรือไม่ เขารุกล้ำมา พื้นปราสาทตาเมือนธน และปราสาทตาควาย เราย่อมต้องปกป้องดินแดนเราครับ ไม่ใช่พวกชาบชาติชอบให้เขามารุกล้ำดินแดนเรา ผมว่าที่น้ำเน่าคือ ปชป.กักน้ำ อำมาตย์สั่งยิงฝนเทียมไล่ควายแดง เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง
ไม่เห็นพูดถึงเขาพระวิหาร ไม่รกชาติปกป้องเขาพระวิหารกันแล้ว หรอ อ๋อ ตอนนี้ปกป้องท้อปบู๊ททหารกันอยู่ เล่นเชลียร์ซะมันวาววับทุกวันเลย
คุณชายหมู ก็เงียบ รองผู้ว่า กทม ก็เงียบ ไม่ออกมาโต้แย้ง ปล่อยให้ 2 คนโวยวายไป เพื่อทำลายพรรคตัวเอง คุณอภิสิทธิ์ ก็เรียกคุณชายหมูมาคุย แต่ไม่มา เหตุผลที่ทำให้สองคนนี้ ยิ่งออกมาโวยวายผ่านสื่อ แต่นั่นก็กลับกลายเป็นว่า ทำลายพรรคตัวเอง ปชป เป็นแบบนี้ตลอด ไม่ว่าอลงกรณ์ พิชัย พิเชษฐ์ และเห็นอยู่ว่า พวกนี้ ต้องการทำลาย คุณอภิสิทธิ์
