สรุป อ.เจษจะบอกว่าแม่ค้าคลองถมควรมีสิทธิ์ขายของบนทางสาธารณะหรือครับ ไอ้ชิหาย หาเรื่องด่าลุงตู่ไม่ได้ เมิงก็มาแถตรรกะโง่ๆออกมา http://pantip.com/topic/33312126
มันมีการนำประเด็นการจัดระเบียบแม่ค้าแผงลอย ไม่ว่าจะเป็นที่สีลม คลองถม ปากคลอง ฯ พยายามไปโยงเข้ากับการเมือง โดยมุ่งประเด็นความแตกแยก สร้างรอยบาดหมาง ด้วยให้เกิดความรู้สึกว่า พวกแม่ค้าเหล่านี้เคยเข้าร่วมขบวนขับไล่ทักษิณ แต่ถูกตอบแทนด้วยการจัดระเบียบ และยกเลิกแผงค้าที่พวกเขาใช้ทำมาหากินมา20-30ปี เลยอยากจะให้ท่านนายก ตัดไฟแต่ต้นลม ตั้งคณะขึ้นมาศึกษาและดำเนินการจัดระเบียบแบบค่อยเป็นค่อยไป แทนวิธีที่ทำอยู่ แบบให้เลิกกันทันที่เหมืนที่ทำกับคลองถม ผมว่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
อ้างการต่อสู้ กับนาซี แต่ที่เจษ ทำทั้งหมด มันทำเพื่อนาซี นะ อย่าเอาความเป็นอาจารย์ มาปั่นหัวคนเล่นเลยครับ อยู่เฉยๆก็ไม่มีใครว่าหรอกครับ
เสรีภาพพ่อค้าแม่ค้า ที่ไม่สนใจเสรีภาพคนอื่น เบียดเบียนที่สาธาณะเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่เคารพกฎหมาย... ถ้าหน้าบ้านว่างก็ชวนพ่อค้าแม่ค้าไปตั้งร้านซิ่ หรือให้เขาขายในบ้าน เจษ อย่างเสรีเลยก็ได้
สมัยยิ่งลักษณ์เขาก็เริ่มจัดระเบียบกันไปแล้ว... ทำไมตอนนั้น เจษ เงียบ บช.น.สั่งสน.เข้ม”หาบเร่” เน้นจัดระเบียบคลองถม วันจันทร์ 20 กุมภาพันธ์ 2555 http://www.dailynews.co.th/Content/regional/152510/บช.น.สั่งสน.เข้ม”หาบเร่”+เน้นจัดระเบียบคลองถม
เจษ อ้างนาซี แต่ที่เจษ ไม่พูด หรือ พูดไม่หมดเกี่ยวกับ นาซี นาซี ไม่ใช่อมนุษย์ หรือปีศาจร้าย ที่ออกมาจากขุมโลกันต์ แต่คือพวก ที่ชนะเลือกตั้ง ได้เสียงข้างมาก ท่วมท้นในสภา โดยฮิตเลอร์ ในขณะนั้น โดยประชานิยม เพราะสมัยนั้นเยอรมัน ตกอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพง เกิดความย่ามใจ ในเสียงสนับสนุน พรรคพวกตน จะกำหนด แนวทาง หรือนโยบาย แบบใหนก็ได้ โดยอ้างเสียงข้างมากของฝั่งตน จึงเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมหลายๆอย่าง
ผมยอมรับถ้าแกพูดเรื่องวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าให้พูดเรื่องการเมือง แกจะลืมพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ไปหมดสิ้น แล้วแปลงร่างเป็นนักมโนศาสตร์แบบนี้แหละ
บางทีเรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่แกไม่เชี่ยวชาญ ผมก็คิดว่าไม่น่าเชื่อถือครับ อย่างเรื่องบั้งไฟพญานาค ถึงแม้ว่าจะมีหลักการที่ดีพอสมควร( เรื่องปืนส่องแสง ) แต่ผมรู้สึกว่าอาจารย์แกด่วนสรุปง่ายเกินไป และตัดความเป็นไปได้ทางอื่นๆโดยไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน อย่างไรก็ตาม อาจารย์แกก็คนธรรดาล่ะครับ มีผิดมีถูก ว่ากันเป็นเรื่องๆไป อย่างเรื่องนี้ ผมก็ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์ เพราะ คสช เค้าพยายามบังคับใช้กฎหมาย ให้ทุกคนมีสิทธิในการใช้สาธารณะสมบัติ ไม่ได้ละเมิดอะไรเลย
ผมเคยแสดงความคิดเห็น เรื่อง รูปถ่าย ปืนส่องสว่าง จากทางฝั่งลาว ว่า รูปไม่ได้ represent ปรากฎการณ์ทั้งหมด ลำน้ำโขงกว้างใหญ่ และ ยาวมาก จะเอารูปเดียว แล้วมาสรุปว่า ไม่ได้ขึ้นจากน้ำ มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์ โดน แฟนคลับ แก กระหน่ำ จนขี้เกียจรำคาญ ยอมรับว่า ความเห็นผมไม่ถูกต้อง เบื่อที่จะคุยกับ คนที่เชื่อถือ วิทยาศาสตร์ ปลอม ๆ คือ เชื่อ นักวิทยาศาสตร์พูดทุกอย่าง และ พวกนี้ ไม่ได้รู้ Methodology ของวิทยาศาสตร์ เช่น การสังเกต, การเก็บข้อมูลที่ Represent ปรากฎการณ์, การทดลอง, การสรุปผลการทดลอง
เข้าไปดูเพจที่เรียกร้องสิทธิคนเดินบนทางเท้า มีแต่ด่าพ่อค้า แม่ค้าที่ขายของบนทางเท้า บางคนก็ด่าเทศกิิจ บางคนก็ด่าผู้ว่าฯ กทม. หนักหน่อยก็ ขายของบนทางสาธารณะ ยังไงก็คือโจรปล้นทางเท้า ภาษีไม่ต้องจ่าย ขายจนรวย พวกที่จนจริงคือมนุษย์เงินเดือนที่โหนรถเมล์ (เริ่มเอาชนชั้นมาพูดหน่อยๆ) สำหรับนักมโนศาสตร์คนนี้ ... ถ้าเรียกร้องสิทธิแทนพ่อค้าแม่ค้า แล้วเอาคนเดินเท้าไว้ที่ไหนครับ คนเท่ากัน your father ............ เสรีภาพสื่อก็ยังอยู่นี่ นักข่าวเอาไมค์จ่อปากพร้อมคำถามกวนตรีนนายกฯ ได้อยู่เลยนี่ ช่องเสื้อสีก็ไม่ได้ไปไหน แค่เปลี่ยนชื่อ แต่ในสเตตัสมีคำว่า เกษตรกร ผมนึกถึงเรื่องยางพาราที่เสื้อแดงชอบเอามาเล่นน่ะ
เคยดูรายการวิทยาศาสตร์ที่อาจารย์แกเคยมาสาธิตการทดลอง ดูเป็นมืออาชีพเป็นนักวิทยาศาสตร์แท้ๆ แต่พอแกมาเกี่ยวข้องกับการเมือง ทำไมกลับกลายเป็นพ่อมดหมอผีไปได้
ไม่มี เพราะมันเป็นแนวทางต่อสู้รูปแบบใหม่ คือโพสแล้วให้คนแคปไปแพร่ จากนั้นลบออก จะได้ไม่ถูกอธิการ และสารเขียว เรียกไปปรับทรรศนะคติ
ไอ้ เจด-สะ-ดาก บอกเป็นเสรีภาพของพ่อค้าแม่ค้าที่จะขายบนทางเท้า ฟุตบาท หรือหน้าบ้านใครก็ได้ ส่งสัญญาณไฟเขียวแบบนี้ พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายก็ยกขบวนไปขายที่หน้าบ้านไอ้ เจด-สะ-ดาก ได้เลย ไม่ต้องสนใจว่ามันจะเข้าออกหรือไม่สะดวก..ยังไง
แปลกดี คนที่คิดโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์เป็นอาชีพแบบนี้ เวลาเป็นเรื่องการเมืองกลับโยนสมองส่วนเหตุผลทิ้งซะอย่างนั้น
ปรับใช้ยุทธวิธีรบของเหมาเลยนิ " ห-มึงมากูรมุด ห-มึงหยุดกูรตี " มาเป็นยุทธวิธีล้างป่าช้า " ห-มึงเผลอ กูรโพส์ ห-มึงจับผิดกูรได้ กูรลบ"
ท่าน ว. โดนชนชาวก้าวหน้าตาสว่างเหน็บอยู่บ่อยๆกับคำว่า "อย่างมงายในวิทยาศาสตร์" ท่านจะกล่าวประโยคนี้จริงไหมผมไม่รู้ ผมเองก็เคยจบคณะเดียวกับอ.JD ทุนใกล้เคียงกันแต่เป็นชนิดให้เปล่าไม่ต้องทำงานใช้ทุน รุ่นน้องกว่าแกนิดนึง ตอนนั้นกำลังจะได้ทุนต่อโทควบเอกที่เดิม แต่ผมเปลี่ยนใจเลิก ไปเรียนต่อสายสังคม ทีแรกก็ไม่ถูกใจประโยคนี้หรอก เรื่องงมงายอย่างอื่นมีเยอะแยะ วิทย์นี่อิงเหตุผลมากๆแล้ว แม้จะไม่เคยให้คำตอบแท้จริง ( ความรู้ค้นคว้าวิจัยที่ต่างก็บอกกันว่า"นักวิทย์หาคำว่า why ในเรื่องต่างๆ" ผมไม่เคยเห็นว่าเป็นwhyเลย "ผมยอมรับให้เป็นได้แค่ how ที่ลึกลงไป ในขั้นต่อๆไป และก็จะมีขั้นต่อๆไปอีกเรื่อย ในระดับเท่าที่สัตว์มนุษย์เข้าใจได้" ปล.ตอนอายุช่วงนั้นผมเป็นพวกไม่อิงศาสนาใดนะครับ) เดี๋ยวนี้ ยิ่งวันยิ่งเห็นมาก พฤติกรรมของพวกนักวิทย์-นักเชียร์นักวิทย์ ที่อ้างวิทย์มาล่าคนอื่นเป็นแม่มด โดยเฉพาะนักเชียร์นี่จะอาการหนักกว่า เพราะตามแห่ ทั้งที่ตัวเองไม่รู้เรื่องหรอก ( ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าอ.ไหนหรือนักท่องเนทรายไหนเป็นพิเศษนะ ) ผมว่า เมื่อก่อนนี้ผมโง่งมไม่เข้าใจคำว่างมงายเองแหละ
คงเป็นท่าน ว ที่พูด "อย่างมงายในวิทยาศาสตร์" จริง กับ อีกเรื่อง ที่ท่าน ว โดนหนักมาก คือ เรื่อง คนสมัยก่อน เหาะได้ ซึ่งท่าน คงอ้างจาก พระไตรปิฎก ผม เคย ให้โจทย์ นักเชียร์วิทย์ พิสูจน์ เรื่องใน พระพุทธศาสนา ที่สอนว่า " จิต ที่อยาก (ตัณหา) ทำให้เกิด ความทุกข์" ความอยาก แล้ว ความทุกข์ เป็นสิ่งที่มีอยู่แน่ ๆ ทุกคน รู้ดี ให้ช่วยเขียน วิธีการทดลอง การวัดผล และ การประเมินผล ให้ดูที ไม่เห็น มีใครทำได้เลย 555555555
จิตวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่จะเอาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาจับได้ ถ้าเอาเหตุผลแบบวิทยาศาสตร์มาจับ คนก็แค่ก้อนสารเคมีที่กำลังเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่อยู่ และจิตวิญญาณอาจเป็นแค่ภาพเงาฉายของสัญญาณไฟฟ้าในสมอง สำหรับพวกงมงายในวิทยาศาสตร์มาก ๆ การฆ่าคนอาจจะถูกมองว่าเป็นแค่การหยุดปฏิกิริยาทางเคมีนี้ก็ได้ วิทยาศาสตร์ให้คำตอบในเชิงวัตถุและกายภาพได้ แต่ไม่มีทางให้คำตอบสำหรับเรื่องนามธรรมได้ เช่น ทำไมเราต้องทำดี ทำไมต้องเห็นแก่ส่วนรวม ทำไมเราต้องไม่ทำร้ายผู้อื่น จริง ๆ คำตอบทางวิทยาศาสตร์แท้ ๆ สำหรับคำถามเหล่านี้ คือ เราไม่จำเป็นต้องทำนะครับ และนั่นคือคำตอบที่ละทิ้งความเป็นคนโดยสิ้นเชิง