จากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรม สหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายน 2004 ระบุว่า นักโทษมากกว่า 70% ในดินแดนแห่งเสรีภาพ เป็นชาวอเมริกันผิวสี สถานการณ์การทำร้ายผู้หญิง และเด็กในสหรัฐ ก็รุนแรงไม่แพ้ประเทศอื่น จากสถิติอาชญากรรมของเอฟบีไอ พบว่าในปี 2003 เกิดคดีข่มขืนกระทำชำเราถึง 93,233 คดี หรือเท่ากับว่ามี ผู้หญิงทุก 63.2 คนใน 100,000 คน ตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิด ทางเพศ ในทุกๆปี มีเด็กที่ถูกบังคับให้เป็นโสเภณีหรือค้าประเวณี ราว 400,000 คน + ด้านสิทธิความเท่าเทียมระหว่างเพศ จากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐเมื่อเดือนมกราคม 2004 ชี้ชัดว่า ผู้หญิงที่ทำงานเต็มเวลา เช่นเดียวกับผู้ชายแต่ได้เงินเพียง 81.1% ที่ผู้ชายได้รับ ซึ่งนั่นคือการละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้านความเท่าเทียมกัน ของ เพศชาย และ เพศหญิง กาชาดสากลระบุ การทรมานนักโทษเป็นสิ่งที่ทหารอเมริกันปฏิบัติจนเป็น''ระบบ'' ไปแล้ว ในด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศอื่น หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ และ นิวส์วีก เคยนำมาตีแผ่เรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน เกี่ยวกับการใช้วิธีการรุนแรงต่างๆ ในการทรมานนักโทษ ในอัฟกานิสถานและ ในคุก อบูคอหริบ ในอิรัก แหล่งข่าว ของคณะกรรมการกาชาดสากล ให้ข้อมูลว่า การทรมานนักโทษของทหารอเมริกัน ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่ทำจนกลายเป็น ระเบียบปฏิบัติ ไปแล้ว กองทัพสหรัฐ ได้ทำการเข่นฆ่าอย่างป่าเถื่อน ระหว่างที่เข้าโจมตีในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในสงครามอิรัก ซึ่งจากสถิติการเสียชีวิตของพลเมืองอิรัก คาดว่าการโจมตีอิรัก นำไปสู่การล้มตายของคนมากกว่า 100,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเป็นผู้หญิงและเด็ก สหรัฐอเมริกา มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนมากมาย แต่ก็ยังเที่ยวไปทำสงคราม เหยียบย่ำอธิปไตย และละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศอื่น ศูนย์ครอบครัวคนไร้บ้านแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นซีเอฟเอช) เผยผลการศึกษาล่าสุดในรายงานชุด “America’s Youngest Outcasts” พบข้อมูลว่า นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาก้าวขึ้นบริหารประเทศในสมัยแรกเมื่อ 20 มกราคม ปี 2009 เป็นต้นมา จำนวนของ “เด็กไร้บ้าน” ในสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มขึ้นเป็น “เกือบ 2.5 ล้านคน” แล้วนับถึงปี 2013 ที่ผ่านมา ถือเป็นจำนวนเด็กไร้บ้านที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
รายงานข่าวบอกว่า ในเดือนธันวาคม 2014 พบว่ากลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงซึ่งรวมทั้งนักรบต่างชาติในซีเรียด้วยได้ใช้พาหนะจากสหรัฐฯ ซึ่งทั้งรถบรรทุกปิ๊กอัพที่ก่อนหน้านี้ใช้โดยบริษัทประปาในรัฐเท็กซัส (กรรม! อ่ะฮ้าแล้วตอนนี้ไอซิสก็หันมานิยมใช้ฮัมวี่ของกองทัพอเมริกาด้วยนะครับ ประมาณ 2,300 คันเชียวนะ สหรัฐฯอ้างว่าถูกปล้นไปในอิรัคซะงั้น ฮ่าๆๆ)
อ่านในเฟซบุ๊คเขาบอกว่า ถ้าอเมริกาเอางบประมาณที่ไปรุกรานประเทศอื่นมาให้นาซ่าทำการวิจัย ป่านนี้คงจะสร้างอาณานิคมนอกโลกได้ไปแล้ว
ถ้าดูในหนังคาวบอย ที่สร้างมากมายในอดีต อินเดียนแดงมักจะลอบโจมตีคนขาวอย่างโหดร้าย ส่วนในหนังสือนิยายคาวบอย พระเอกมักต่อสู้ชนะอินเดียนแดงประจำ ส่วนเรื่องที่คนขาวบุกรุกไล่ล่าอินเดียนแดงออกจากพื้นที่ ผมไม่ค่อยจะเห็นนะ
นักวิเคราะห์ฝ่ายขวาตกขอบของสหรัฐเรียกร้องให้ซาอุดิ อาราเบียสนับสนุนนักรบจีฮัดอย่างเต็มกำลังเพื่อรบกับกองทัพรัสเซียในซีเรีย Jonathan Schanzer และ Boris Zilberman ผู้เชี่ยวชาญทางความมั่นคงและนโยบายต่างประเทศของสหรัฐจากFoundation for Defense of Democracies เขียนบทความร่วมในนิตยสาร National Interest ว่าความหวังที่จะสกัดอิทธิพลของรัสเซียในซีเรีย ขึ้นอยู่กับกลุ่มประเทศหลักที่ให้การสนับสนุนนักรบอิสลามในตะวันออกกลาง https://www.facebook.com/ThanongFanclub/posts/397140477148999:0
ตอนเด็กๆเวลาเห็นอินเดียนถูกยิง หรือหลบหนีคนขาวที่เก่งกว่า ผมสะใจมาก เพราะในสายตาผมตอนนั้น อินเดียนแดงคือคนเลว โหดเหี้ยม ฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิง เด็กๆ เฮ้อ......ตรูโดนพวกฝรั่งหลอกซะแล้ว
จากที่เพื่อนๆ โพสต์ความเห็นกันมา จะเห็นได้ว่า สื่อบันเทิงของประเทศที่ได้ชื่อว่าดินแดนเสรีภาพ เป็นมหาอำนาจโลกทางตะวันตก ยังมี propaganda สอดแทรกในนั้นเลย
ตอนเด็กๆวิทยุรัฐบาล สื่อสิ่งพิมพ์ ล้วนโจมตีคอมมิวนิสต์ กรอกหูกันทุกวัน จนผมมโนภาพว่าพวกคอมฯไม่ใช่คน แต่เป็นเหมือนยักษ์มาร ที่น่ากลัวมากๆ พอได้เห็นตัวจริง ยังแปลกใจว่าคอมฯทำไมเป็นคนธรรมดา เหมือนๆกะเราเลย
เคยเห็นเหมือนกันค่ะ เป็นหนังสือระดับคุณภาพดีมาก แจกฟรี กระดาษดีสีสวย นิตยสาร “เสรีภาพ” เป็นหนังสือออกรายเดือน มีจุดประสงค์ที่จะอำนวยประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านในการส่งเสริมความรอบรู้ในด้านความเจริญและวัฒนธรรมทั้งภายในประเทศและของชาวประเทศเพื่อนบ้านโดยการแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นกันอย่างใกล้ชิด โดย: สำนักข่าวสารอเมริกัน ปกอ่อน / 44 หน้า cr.: parindra
ข่าวมั่วหรือข่าวจริง พิจารณาดูเองนะครับ ----------------------------------------------------------------- จอน ริทไซเมอร์ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงคนอเมริกันทั่วโลกว่า จะพาพรรคพวกที่เป็นทหารผ่านศึกและกลุ่มคนอเมริกันรักชาติ เดินทางจากรัฐอริโซน่าไปยังรัฐมิชิแกน พร้อมอาวุธครบมือจัดหนักทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อบุกจับ ส.ส.บางคน และประธานาธิบดีโอบามา ฐานทรยศต่อประเทศชาติ เป็นกบฏและไม่เป็นประชาธิปไตย.. http://topsecretthai2.blogspot.com/2015/10/blog-post_18.html?spref=fb
ตอนนี้เป็นสิ่งพิมพ์ระดับตำนานไปแล้ว แม้มันจะเป็นโฆษณาชวนเชื่อของอเมริกา แต่ก็บันทึกภาพและข้อมูลบ้านเมืองของไทยในยุค 50 - 60 ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาอยู่ไม่น้อย
ในยุค 80 มีหนังเรื่องนึงที่ดังมากในยุคนั้น Top Gun เป็นเรื่องของโรงเรียนฝึกนักบินระดับ elite ของกองทัพเรือสหรัฐ
soundtrack หนังเรื่อง Die Hard ภาค 3 เป็นหนังแอคชั่นที่สนุกตื่นเต้น ได้ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง เพลงนี้ชื่อ When Johnny Comes Marching Home
จาก Full Metal Jacket อีกซักเพลง Hello Vietnam ได้บรรยากาศของดนตรียุคนั้น เนื้อหาของหนังเรื่องนี้มันไม่ได้อวยกองทัพ หรือเป็น propaganda ดูๆ แล้วเป็นหนังต่อต้านสงครามซะมากกว่า แต่ก็มีฉากนึงที่มีภาพหลุมศพคนเวียดนามที่ถูกฆ่า เพราะว่าเป็นชนชั้นที่ “เป็นศัตรูของการปฏิวัติ” ผู้กำกับเขาคงจะสื่อถึงการสังหารหมู่ที่เว้ (Huế) ที่จำได้ฝังหัวเลยก็คือไอ้จ่าฮาร์ทแมนคนนี้ มันกวนโอ๊ยดีจัง
เพลง For You จากหนังเรื่อง Act of Valor จะได้ยินตอนท้ายเรื่องที่มีตัวหนังสือขึ้นมา เนื้อเพลงน่าประทับใจ Could I take the bullet, I would Yes I would, for you ผู้ชาย caucasian คนนึงที่สามารถสละได้กระทั่งชีวิต เพื่อผู้หญิง caucasian ที่อยู่ในแนวหลัง ถือเป็นอุดมคติของทหารเลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Henry S. Rowen (อีกครั้ง)... “The Pentagon is like a log going down the river with 25,000 ants on it, each thinking he’s steering the log. - เพนตากอนเปรียบได้เช่นท่อนซุง ลอยไปตามกระแสน้ำ โดยมีมด 25,000 ตัวเกาะอยู่ และแต่ละตัวต่างคิดว่าตัวมันเองกำลังเป็นผู้คัดท้ายท่อนซุงนั้น...” http://www.thaipost.net/?q=อวสาน-อเมริกา