http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/43266-report_43266.html ผ่าปมร้อน!เมื่อ 'อุดมเดช' ออกโรงแจงปม"โรงหล่อ" อีกครั้ง ทำไมยังไม่เชื่อมั่นกันอีก? วันพุธ ที่ 09 ธันวาคม 2558 เวลา 13:10 น. “มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมอยากพูด คือ ประเด็นเรื่องโรงหล่อ ผมอยากจะบอกว่าไม่เคยรองรับคำที่ใช้กันในเรื่องนั้น เพราะเป็นเรื่องของเอกชนที่ดำเนินการกัน และเมื่อคณะกรรมการจัดสร้างฯ ได้ทำข้อตกลงกับโรงหล่อแล้วก็เป็นไปตามนั้น ส่วนเรื่องที่โรงหล่อจะไปคุยกับภาคเอกชนอื่น ไม่ใช่หน้าที่ของคณะกรรมการดำเนินงานที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเราตกลงกันแล้ว" นี่คือ ประโยคคำพูดล่าสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2558 ที่ผ่านมา พล.อ.อุดมเดช ยังกล่าวย้ำด้วยว่า "แต่เมื่อเราทราบว่ามีการดำเนินการที่อาจจะไม่เหมาะสม ทางคณะกรรมการฯก็เข้าไปพูดคุยให้เกิดในลักษณะที่เป็นบุญกุศล อันนี้เป็นประเด็นหลักที่อาจไม่เข้าใจและทำให้ถูกมองไปในทางไม่สุจริต แต่ยืนยันทุกอย่างดำเนินการในทางที่สุจริต และน่าจะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการก่อสร้างน่าจะได้รับคำชมเชยเสียด้วยซ้ำ” และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อพบการกระทำที่อาจไม่เหมาะสมระหว่างโรงหล่อกับเซียนพระ ทำไมทางทหารไม่เข้าไปดำเนินการ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า "ไม่ใช่เรื่องของทางทหาร เมื่อคณะกรรมการตกลงในรายละเอียดแล้วคงจะไปหาคำปรึกษาจากที่ใดก็เป็นเรื่องระหว่างเอกชน ซึ่งเหมือนที่ตนยืนยันแต่แรกว่ามีความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง คือ โรงหล่อกับเอกชนเป็นความสมัครใจที่เขาคุยกันเอง เมื่อมีอะไรที่อาจไม่เหมาะสมเราก็เข้าไปช่วยดูแล เมื่อทุกคนเข้าใจก็กลายเป็นสิ่งที่เกิดความศรัทธา เป็นเรื่องของบุญกุศล ขอให้เข้าใจในขั้นต้น" หากพิจารณาภาพรวมคำให้สัมภาษณ์ทั้งหมด ดูเหมือนว่า พล.อ.อุดมเดช กำลังชี้ชวนให้สาธารณชนเชื่อมั่นว่า ปัญหาความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้นกับกรณีโรงหล่อ ที่ปรากฎข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า มีเซียนพระรายหนึ่ง ไปเรียกรับเงินค่าตอบแทนจากการติดต่อให้เข้ามารับงานหล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ เป็นจำนวนเงินกว่า 10 % ของมูลค่างานหล่อองค์ละกว่า 45 ล้านบาท (โรงหล่อบางแห่งไม่ได้จ่ายเงินให้) เป็นเรื่องของเอกชน ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายทหาร หรือคณะกรรมการก่อสร้างแต่อย่างใด ดังนั้น กรณีนี้ไม่ควรอย่างยิ่งที่ตนจะถูกโจมตี โดนไล่บี้ ให้แสดงความรับผิดชอบ กับความผิดที่สิ่งที่ไม่ได้ทำแบบนี้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ พล.อ.อุดมเดช ต้องการจะสื่อสารต่อสาธารณชนรับทราบข้อเท็จจริงใช่หรือไม่? แต่หากพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนงานหล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ ที่ปรากฎออกมาก่อนหน้านี้ จะพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ พล.อ.อุดมเดช ยังไม่ได้ตอบคำถามที่ชัดเจน ดังต่อไปนี้ 1. งานหล่อองค์พระรูปบูรพกษัตริย์ เป็นงานที่มีการว่าจ้างเอกชนเข้ามาเป็นผู้รับจ้างงาน ตามขั้นตอนราชการ (ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดเป็นทางการ) ซึ่งจากการสัมภาษณ์ เจ้าของโรงหล่อหลายแห่งที่เข้าไปรับงาน ของสำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลว่า ได้รับแจ้งข้อมูลจากกลุ่มโรงหล่อด้วยกันว่า มีงานนี้มา สนใจที่จะรับงานหรือไม่ เมื่อตกลงรับงาน ก็มีการนัดหมายไปพบที่กองทัพบก เพื่อรับฟังการชี้แจงข้อมูล จากนั้นก็มีการเสนอราคาต่อรองงานกัน เมื่อได้รับงานก็จะถูกหักเงิน 2 % เป็นค่าประกันงาน ดังนั้น การดำเนินงานควบคุมการหล่อองค์พระรูปฯ จึงควรที่จะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของคณะกรรมการก่อสร้าง (ตามข้อมูลที่ พล.อ.อุดมเดช ระบุซึ่งไม่รู้มีใครบ้าง) ตั้งแต่ต้นจนจบมิใช่หรือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนดราคากลางงาน การต่อรองราคางาน การตามติดความคืบหน้างาน การจ่ายเงินจ่ายทอง การส่งมอบงาน ยิ่งถ้าบอกว่างานนี้มีความสำคัญอย่างมาก การติดตามควบคุมดูแลงาน ก็ต้องมีความรัดกุมเข้มงวดเป็นพิเศษมากขึ้นกว่าเดิมจริงหรือไม่? และเมื่อดูแลอย่างเข้มงวดแล้วทำไมถึงปล่อยให้เซียนพระ เข้าไปทำเรื่องมิบังควรแบบนี้ได้อีก? หรือที่ผ่านมาหลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการก่อสร้างฯ ก็ไม่ได้เข้าไปติดตามงานอะไรอีก ส่วนเอกชนจะทำอะไร ที่ไม่ดีก็เป็นเรื่องของเอกชนเอง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา คณะกรรมการฯ ไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย? ย้อนกลับมาดูวิธีการแก้ไขปัญหา จากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องสำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันว่า เมื่อมีการตรวจสอบพบปัญหาเกิดขึ้น ฝ่ายทหารเข้าไปจัดการ ด้วยวิธีการติดตามเงินกลับคืนมา แล้วไปถามฝ่ายโรงหล่อ ว่าจะเอาเงินคืนหรือไม่ เมื่อไม่เอาเงินคืน ก็เอามาบริจาคให้แทน จากนั้นก็ปล่อยให้เรื่องจบกันไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (อ่านประกอบ : ทหารตามเงินได้แล้ว แต่ไม่มีใครเอาคืน! โรงหล่อแจงยิบปมจ่ายเงิน 'เซียนพระ' ) ถามว่า นี่คือการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสมตามที่พล.อ.อุดมเดช ระบุไว้แล้วใช่หรือไม่? เพราะในทางปฏิบัติถ้าปรากฎข้อมูลยืนยันชัดเจนว่า มีการเรียกรับค่าตอบแทนที่ไม่เหมาะสมจริง ในช่วงที่ผ่านมา ทำไมถึงไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ขึ้นอย่างเป็นทางการ ใครทำผิดก็ต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมาย ตั้งแต่ช่วงแรก หรือบ้านเมืองนี้ ไม่มีกฎหมายให้เคารพและต้องปฎิบัติตามกันแล้วหรือ? และถ้าเรื่องนี้เซียนพระ มีความผิดจริงๆ ถามว่า โรงหล่อที่จ่ายเงินเป็นค่าตอบแทนการได้รับงานต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ เพราะถือเป็นการจ่ายเงินแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้รับงานตอบแทน ไม่ใช่วิธีการเสนอราคางานตามปกติ! แต่ที่น่าสนใจที่สุด คือ ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีใครรู้เลยว่า เซียนพระหนีไปอยู่ที่ไหน เงินที่ติดตามคืนกลับมาได้มีจำนวนเท่าไร และนำมาจากแหล่งไหนกันแน่? ส่งผลทำให้ข้อมูลกรณีนี้ ดูเหมือนจะถูกตัดตอน ไม่ให้ขยายความอะไรไปมากกว่านี้! (อ่านประกอบ : ขมวดปมหัวคิวโรงหล่อ! สรุป 'เซียนพระอุ๊' มีเอี่ยวจริงหรือ? หาตัวมาแถลงชัดๆได้ไหม?, แกะรอย 'อุ๊ กรุงสยาม' เซียนพระคดีอุทยานราชภักดิ์ ถูกทหารเชิญตัวให้ปากคำจริงหรือ? ) 2. เซียนพระ มีสิทธิอะไรในการเข้าไปเรียกรับงานค่าตอบแทนจากโรงหล่อ กรณียังเป็นคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ หลังจากที่ผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกเปิดเผย ออกมาก่อนหน้านี้ ว่า บุคคลที่รับหน้าที่เป็นตัวกลาง ในการประสานงานกับกลุ่มโรงหล่อให้เข้ามารับงาน คือ เซียนพระรายหนึ่ง โดยเซียนพระรายนี้ จะได้รับการจ่ายเงินค่าตอบแทนในการติดต่อประสานงานให้คิดเป็นจำนวนเงิน 10 % ของมูลค่างานที่ได้รับไป (บางรายไม่ได้จ่าย) จึงทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุผลที่เซียนพระ กล้าลงมือทำเรื่องมิบังควรแบบนี้ อาจเป็นเพราะได้แรงสนับสนุนจากผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์หรือไม่? และการเข้ามารับหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานหาโรงหล่อเข้ามารับงาน ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่คนในคณะกรรมการก่อสร้างก็ต้องรับรู้ด้วย ยืนยันได้จากคำให้สัมภาษณ์ของ นางสาว รุ่งทิพย์ ทองศรี ตัวแทนโรงหล่อ พุทธปฏิมา พรหมรังสี ซึ่งเข้ามารับงานสร้าง“พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” กับสำนักข่าวอิศรา ที่ระบุว่า เคยเห็นเซียนพระบางที่ทบ. เพราะอยู่ในกลุ่มที่ทำงานนี้ด้วย (อ่านประกอบ : เปิดเส้นทางรับงานปั้น 'ร.1'! โรงหล่อแห่ง 5 ยันเคยเห็นเซียนพระในทบ. แต่ไร้หัวคิว!) ดังนั้น ประเด็นสำคัญที่สาธารณชน ต้องการรับทราบข้อมูลในขณะนี้ คือ การกระทำของเซียนพระรายนี้ มีผู้มีอำนาจรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ วงเงินที่ได้รับไปจริงๆ มีมูลค่าเท่าไร มีใครได้รับประโยชน์จากเงินจำนวนนี้ด้วยหรือไม่ และการดำเนินการของเซียนพระในเรื่องนี้ เกี่ยวข้องอะไรกับ 'พล.ต.สุชาติ พรมใหม่' หรือ "เสธ.โต" อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและเลขานุการของ มูลนิธิราชภักดิ์ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ หลังถูกศาลทหารออกหมายจับในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ยังไม่กระจ่างชัด แต่ถ้ามีความเกี่ยวข้องกัน ก็จะชี้ให้เห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เอกชนตกลงกันเอง แต่มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ต่างจากข้อมูลที่พล.อ.อุดมเดช กำลังสื่อสารให้สาธารณชนรับทราบอยู่ในขณะนี้ 3. การตั้งราคางานหล่อองค์พระรูป มีความถูกต้องและเหมาะสมมากน้อยเพียงใด นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ และพล.อ.อุดมเดช หรือผู้เกี่ยวข้องควรออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นทางการ เพราะภายหลังจากที่มีข่าวปรากฎออกมาว่า เซียนพระเข้าไปเรียกรับเงินจากโรงหล่อ ประมาณ 10 % ของวงเงินเงินที่ได้รับ ขณะที่โรงหล่อหลายแห่งก็ยอมจ่ายเงินให้ไป ชี้ให้เห็นข้อสังเกต 2 ประการ คือ 1. ทางโรงหล่อคงคำนวณราคางานที่ออกมาแล้ว และพบว่ามีราคาสูงเกินกว่าราคางานจริง แม้จะต้องจ่ายเงินค่าตอบแทนให้เซียนพระไป แต่ก็ยังมีกำไรตอบแทนอยู่ดี 2. ราคากลางงานนี้ ถูกตั้งไว้ในสูงขึ้นกว่าปกติ เพื่อเผื่อเอาไว้สำหรับเป็นค่าตอบแทน ที่โรงหล่อจะต้องจ่ายให้กับเซียนพระในภายหลัง สรุปง่ายๆ ถ้าไม่มีประเด็นเรื่องการจ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับเซียนพระ ราคาค่าหล่อจะถูกลงกว่านี้ไหม? แต่ประเด็นนี้ ยังไม่มีใครสามารถฟันธงได้ชัดเจน เพราะที่ผ่านมาการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการประกวดราคาจ้างงานหล่อองค์พระรูป หรืองานก่อสร้างส่วนอื่น ต่อสาธารณชน ในโครงการอุทยานราชภักดิ์ แทบจะปรากฎให้เห็นน้อยมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ในกองทัพหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องงานก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ บอกได้แต่เพียงว่า "ไม่รู้" "ไม่เห็น" "ไม่มีอำนาจที่จะพูดอะไรได้" เมื่อปัญหาข้อสงสัยเหล่านี้ ยังไม่ได้รับการชี้แจงให้กระจ่างจนคลายความสงสัยได้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ที่ภายหลังจากการรับฟังคำให้สัมภาษณ์ ของพล.อ.อุดมเดช จบลง หลายคน ก็ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในคำพูดเหล่านี้มากเท่าไรนัก และพากันมองไปว่า การที่พล.อ.อุดมเดช ออกมาพูดถึงเรื่องอุทยานราชภักดิ์ ในช่วงเวลานี้ โดยมุ่งประเด็นที่เรื่องโรงหล่อเป็นสำคัญ เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญที่สุด ของปัญหาอุทยานราชภักดิ์ และกำลังเป็นหอกแหลมทิ่มแทงตนเอง จากการให้สัมภาษณ์ในช่วงแรก และดันไปพูดยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโรงหล่อเกิดขึ้นจริง จนกลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า งานก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ มีเรื่องมิบังควรเกิดขึ้นจริงๆ พล.อ.อุดมเดช จึงต้องย้อนกลับมา หาทางแก้ไขปัญหาจุดอ่อนจากคำพูดของตนเอง โดยเพิ่มเติมชุดข้อมูลใหม่ ให้สาธารณชน เข้าใจกันชัดๆ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เอกชนทำกันเอง ตน และคณะกรรมการที่รับผิดชอบงาน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยจริงๆ แต่ดูเหมือนสาธารณชนก็ยังไม่เชื่อมั่นในข้อมูลนี้อยู่ดี! ------------------------------------------------------------------------------------------------ เคสนี้ อุดมเดชรับเละหลายเรื่อง ต้องตอบคำถามให้เคลียร์กว่านี้ เพราะแกรับผิดชอบเรื่องนี้ตั้งแต่แรก
มันไม่จริ๊งๆๆๆ พวกเสื้อแดงมันใส่ร้าย ทักษิณจ้างโรงหล่อให้มาใส่ร้ายทั้งนั้น พวกเราคนดี มีคุณธรรม มีจริยธรรมสูงส่ง ถ้าเผลอทำกัีนจริง ก็ทำเพื่อประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ที่ผ่านมาทั้งหมด ล้วนทำเพื่อชาติ ทำเพื่อรกแผ่นดิน ใครๆก็รู้ ฮื่อๆๆ
เอาจริงๆแล้วการหักหัวคิว หรือการคิดค่าหัวคิว มันกลายเป็นเรื่องปรกติของหน่วยงานราชการไปแล้วไม่ว่าที่ใหนก็เหมือนกันหมด หลักการง่ายๆคือหากหน่วยงานจะซื้ออะไรทางคนที่ได้งานก็จะบวกค่างานหรือสินค้าไปด้วยเลยจะกี่ % ก็ว่ากันไป รายระเอียดสินค้าหรืองานสามารถปรับเปลี่ยนรายละเอียดขึ้นลงได้หากผลประโยชน์ลงตัว ผมเองเช่ือว่างานนี้ก็คงไม่ต่างกัน สิ่งที่ยังคลุมเครือเเละยังไม่เปิดเผย ในเรื่องนี้ก็คือ เงินค่าหัวคิวตรงนี้มีใครได้รับไปบ้างก็เท่านั้น
มันไม่จริ๊งๆๆๆ พวกเสื้อแดงมันโง่ ขนาดกล่าวหาแล้วยังหาหลักฐานไม่ได้ ต้องทำตัวขี้แพ้ไปวันๆ เถียงใครไม่ได้ ทำตัวงี่เง่า ไร้ค่าหนักแผ่นดินไปวันๆ ใครๆก็รู้ ฮื่อๆๆ
เรื่องจริง ไม่ใช่นิยาย คนพูด ไม่ได้คนลงมือทำ บางคนเก่งเเต่เเต่งนิยาย เเต่ไม่ได้เก่งในการที่จะลงมือทำ ถ้าคนเเต่งนิยายเก่ง เเล้วทำอื่นๆเก่งไปด้วย เช่นนั้น คนเขียนนิยายดีๆ เขียนถึงอาชีพโน่นอาชีพนี้ได้ 108 ก็คงจะมาลงทำธุรกิจเอง เเล้วประสบความสำเร็จไปนักต่อนักเเล้ว
หน้าด้านๆอย่างน้องน่ะเหรอ จะมาถามพี่ ถ้ายังแอบอ้างปฏิวัติ(ที่เขียนตรงข้างล่าง)เพื่อทำมาหาแดกกับซากศพคนไทยอยู่ น้องไม่มีค่าเลยว่ะ ที่เม้นมาน่ะ เข้าตัวน้องทั้งนั้นเลย คิดสิ สมองมี ลองคิดดู แค่เปลี่ยนคำว่า แดงเป็นเหลือง และทักษิณเป็นอำมาตย์ มันก็คือตัวน้องทั้งหมดแหละ พี่คิดว่า น้องกำลังเกรียน อาจเป็นเพราะไม่ยอมตั้งใจเรียน เข้าบ่อนจนหมดตัว ต้องมาขายจิตวิญญาณโพสต์ไร้สาระเพื่อเชียร์ตัวอัปปรีย์แบบนี้ พี่ไม่ตอบตรงๆ แต่คนมีสมองย่อมเข้าใจว่าพี่ตอบน้องยังไงนะ