ทำแบบนี้จะช่วยลดอิทธิพลของพวกนักการเมืองในรัฐวิสาหกิจ เอามืออาชีพจริงๆ มาบริหาร ดีกว่าตั้งบอร์ดลูกน้องนักการเมืองมานั่งตำแหน่งแบบเมื่อก่อน ถ้าให้ดี ห้ามนักการเมืองสั่งย้ายหรือปลดบอร์ดรัฐวิสาหกิจด้วย ****************************************************** คณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (ซูเปอร์บอร์ด) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบให้ปรับปรุงการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจให้ประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่เป็นเอกชน โดยมอบให้บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ดูแลในการเข้ามาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มสร้างรายได้และลดค่าใช้จ่าย
กรุงเทพฯ 4 มี.ค.-ซุปเปอร์บอร์ดเห็นชอบตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติคุมรัฐวิสาหกิจ ด้าน สปช. หนุนเพราะเป็นการปฏิรูปเพิ่มประสิทธิภาพ ป้องกันการแทรกแซงทางการเมือง จากปัญหารัฐวิสาหกิจถูกแทรกแซงจากการเมืองนำไปสู่การใช้นโยบายในทางที่ผิด จนสร้างความเสียหายกับรัฐวิสาหกิจจำนวนมาก บางแห่งมีภาระจำเป็นต้องบริการประชาชน จนต้องแบกรับภาระและสร้างหนี้พอกพูนมหาศาล เพื่อหวังพลิกฟื้นและปฏิรูปรัฐวิสหากิจให้กลับมาพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพย์สินที่มีอยู่ ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือซุบเปอร์บอร์ด ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ เพื่อการปฏิรูปกำกับรัฐวิสาหกิจทั้งระบบของประเทศ ดังนั้น การควบคุมดูแลรัฐวิสาหกิจจึงมีหน่วยงาน 2 หน่วยงานกำกับดูแลคือ สคร. กำกับดูแลรัฐวิสหากิจที่มีกฎหมายจัดตั้ง เช่น รฟท., กฟผ., กฟภ.,ขสมก. ส่วนบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่เหมือนกับผู้ถือหุ้น กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น การบินไทย, ปตท., อสมท หรือรัฐวิสาหกิจ จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน หรือบริษัทจำกัด เพื่อทำหน้าที่แต่งตั้งผู้บริหาร หรือบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ควบคุมดูแลเหมือนกับผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อคานอำนาจกับกระทรวง เมื่อจะสั่งให้ทำงานอะไร ต้องฟังเสียงผู้ถือหุ้นใหญ่ เพราะหากมีปัญหาขาดทุนผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน แผนปฏิรูปรัฐวิสาหกิจในครั้งนี้เป็นเพียงการปรับระบบการกำกับดูแล ยังไม่ถึงขั้นยุบ-ยกเลิกรัฐวิสาหกิจที่ปัญหา หรือต้องปรับสัดส่วนการถือหุ้น เพราะมองว่าจะเป็นหนทางนำไปสู่การพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ดีขึ้น จึงนำรูปแบบเพียงส่วนเทมาเสกของสิงคโปร์ หรือคาซาน่าของมาเลเซีย มาปรับใช้ คาดว่าจะเสนอกฎหมายได้ในกลางปีนี้ ขณะที่กรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงินการคลัง สปช. ออกแรงหนุนอีกด้านหนึ่งในการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ เพื่อเสนอสภา สปช.พิจารณา ด้วยการแบ่งอำนาจการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจอย่างชัดเจน 4 ด้าน เพื่อให้นักการเมืองระดับรัฐมนตรีทำหน้าที่กำหนดนโยบาย เพื่อให้รัฐวิสาหกิจทำงานตามที่มอบหมาย แต่ก็มีผู้กำกับดูแล คอยทำหน้าที่ติดตามให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ การบริหารอย่างโปร่งใส ตามรายสาขา และยังมีตั้งองค์กร Holding Company มาดูแลแทนกระทรวงการคลังอีกด้านหนึ่ง จึงหวังว่าการเดินหน้าปฏิรูปรัฐวิสาหกิจในครั้งนี้จะนำพารัฐวิสาหกิจทั้งระบบดูแลประชาชนเพื่อไม่ให้มีต้นทุนค่าบริการสูง แต่อีกด้านหนึ่งต้องแข่งขันกับภาคเอกชนได้ โดยไม่สร้างภาระหนี้สินให้กับรัฐบาลมากกมายเหมือนกับปัจจุบัน.-สำนักข่าวไทย
