ป่าชายเลนของไทยที่เหลืออยู่เพียงแค่ 1.52 ล้านไร่ แต่วันนี้พบปัญหาการบุกรุกสูงกว่า 3 แสนไร่ ทำให้เมื่อกฎหมายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายนนี้ ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงเตรียมประกาศพื้นที่คุ้มครองป่าชายเลนแห่งแรกที่ลุ่มน้ำประแส จ.ระยอง ติดตามจากรายงาน คุณจันทร์จิรา พงษ์ราย ต้นโกงกางขนาดใหญ่ เกือบสามพันไร่ ที่เขียวครึ้ม กระจายเต็มพื้นที่ลุ่มน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง บ่งบอกถึงความสมบูรณ์ทางนิเวศน์ ที่พลิกฟื้นกลับคืนมา จนเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนและเป็นธนาคารอาหารของชาวชุมชน ป่าชายเลนที่มีสภาพสมบูรณ์ของลุ่มน้ำประแสแห่งนี้ กำลังได้รับการประ กาศเป็นพื้นที่คุ้มครองป่าชายเลนแห่งแรก ภายใต้กฎหมายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ฉบับใหม่ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กำหนดเป้าหมายหลักโดยให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ และสงวนคุ้ม ครองพื้นที่ป่าชายเลน เป็นหนึ่งในภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ฉบับใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้ รูปแบบของการประกาศพื้นคุ้มครองป่าชายเลนแห่งนี้ เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน เริ่มจากการทำโซนนิ่งพื้นที่จำแนกการทำประโยชน์ ออกเป็น 3 โซน คือ โซนป่าอนุรักษ์ โซนป่าชุมชน และโซนป่าเศรษฐกิจ โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมมาประกอบข้อมูลการสำรวจภาคสนามตามหลักวิชาการ จัดทำเป็นแถบสีแบ่งเขตให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณใดมีความอุดมสมบูรณ์ตามมาตรฐานวิชาการ และควรสงวนรักษาไว้เป็นพื้นที่สงวนและอนุรักษ์ ในอดีตจังหวัดระยอง เคยมีป่าชายเลนมากถึง 34,335 ไร่ แต่ปัจจุบัน เหลืออยู่เพียง 10,190 ไร่ จากการถูกบุกรุกทำนากุ้ง พื้นที่ทำการเกษตร และพื้นที่ชุมชน จนสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่ง นับจากนี้การอนุรักษ์ป่าชายเลนที่เหลืออยู่เพียงแค่1.5 ล้านไร่ จึงเป็นความท้าทายการทำงานรูปแบบใหม่ของรัฐกับประชาชน **************************************************** กรมทะเล นำร่องเตรียมประกาศคุ้มครองแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลหายาก 3 ชนิด คือโลมาอิรวดี ทะเลสาบสงขลา โลมาสีชมพู ทะเลขนอม และพะยูน จ.ตรัง หลังจากกฎหมายทรัพยากรทางทะเล มีผลบังคับใช้ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายชลธิศ สุรัสวดี เปิดเผยว่า หลังจากพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ฉบับใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้ ทำให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะมีอำนาจหน้าที่ในการดูแลทรัพยากรทางทะเลทั้งในน้ำ และบนบก เช่น ชายหาด หาดทราย ป่าชายเลน เต่าทะเล /โลมา/ พะยูน /ปะการัง ดังนั้นจึงได้มีการหารือกับนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช ซึ่งรับผิดชอบอุทยานแห่งชาติทางทะเลทั้ง 25 แห่งว่า ต่อไปจะมีการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างทางทะเล ยั่งยืนภายใต้หลักวิชาการ และภายใต้กฎหมายของทั้ง 2 กรมโดยเบื้องต้นจะมีการจัดระเบียบการท่องเที่ยวที่ทำลายปะการัง เช่น การให้จอดเรือนอกแนวปะการังเพื่อลดความเสียหายต่อปะการังน้ำตื้น การกำหนดช่วงเวลาอนุญาตให้กางร่ม วางเตียงผ้าใบ ที่จะไม่รบกวนเต่าทะลขึ้นมาวางไข่ในชายหาดสำคัญๆ โดยอาจต้องกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังเตรียมพิจารณาประกาศพื้นที่คุ้มครองที่แหล่งอาศัยของสัตว์ทะเลหายากนำร่อง 3แห่งคือ พะยูน จังหวัดตรัง โลมาอิรวดี ที่ทะเลสาบสงขลา และโลมาสีชมพู ที่ทะเลขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากกฎหมายให้อำนาจกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สามารถประกาศเขตคุ้มครองบนบก และทางทะเล
ตามนี้ละครับ ************************************************* นครราชสีมา 17 เม.ย -ตร.เร่งเอาผิดคดีสนามแข่งรถโบนันซ่ารุกป่า หลังตรวจสอบรุกทั้ง ส.ป.ก.และสวนป่า รวม 110 ไร่ คาดจันทร์หน้าสรุปฟ้องเอาผิด พ.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข รอง ผบช.ภ.3 กล่าวภายหลังการประชุมความคืบหน้าติดตามเร่งรัดคดีสนามแข่งรถโบนันซ่า สปีดเวย์ จ.นครราชสีมา บุกรุกป่าสงวนป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน ว่า หลังจาก ส.ป.ก.ได้นำเสนอข้อมูลที่ไปตรวจรังวัดใหม่ในพื้นที่อย่างละเอียด 71 จุด พบว่ามีพื้นที่ใช้สอยรวม 166 ไร่ 2 งาน 40 ตารางรา หักจากโฉนดที่มี น.ส.3 ก จำนวน 5 แปลง รวม 55 ไร่ สรุปพบว่า บุกรุกพื้นที่สวนป่า 35 ไร่ บุกรุก ส.ป.ก. 75 ไร่ รวม 110 ไร่ ยังไม่รวมรุกล้ำลำรางสาธารณะ อบต. ซึ่งวันนี้ อบต.จะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ โดยในวันจันทร์นี้ (20 เม.ย.) จะสามารถสรุปได้ทั้งหมดว่าหน่วยงานใดถูกบุกรุก ถือเป็นผู้เสียหาย จะได้เข้ายื่นฟ้องเพื่อเอาผิดตามกฎหมายที่ตนเองมี ทั้งนี้ ในการรื้อถอนที่ดินจะเป็นกรมป่าไม้รับผิดชอบ ซึ่งต้องรอคำสั่งศาลจึงจะดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโบนันซ่ามีการแจ้งมาว่าจะขอยื่นยื่นเอกสารเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการติดต่อเข้ามา.-สำนักข่าวไทย *************************************************** กองทัพภาคที่ 2 เตรียมสอบเอกชนรุกป่า ในพื้นที่เขาใหญ่ อีกกว่า 30 ราย ขณะที่ตำรวจ เตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้อง 15 ราย สอบหาที่มาเอกสารสิทธิ์ 5 แปลงของสนามแข่งรถโบนันซ่า หัวหน้าคณะทำงานด้านกฎหมายกองทัพภาคที่ 2 พันเอกสมหมาย บุษบา เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีการตรวจสอบการบุกรุกป่า ในพื้นที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมาว่า คณะทำงานด้านกฎหมายกองทัพภาคที่ 2 เตรียมเข้าตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติม หลังมีเรื่องร้องเรียนบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และที่ดิน ส.ป.ก.ในเขตพื้นที่เขาใหญ่ อีกกว่า 30 เรื่อง ส่วนกรณี สนามแข่งรถโบนันซ่า อำเภอปากช่อง คณะทำงานด้านกฎหมายกองทัพภาคที่ 2 ได้ติดตามความคืบหน้าคดี หลังพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาทางผู้บริหารโบนันซ่าแล้ว ขณะนี้อยู่ในชั้นการรวบรวมข้อมูล พิสูจน์ข้อเท็จจริงตามที่กล่าวหา โดยทางกองทัพภาคที่ 2 มีหน้าที่คอยสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน ทั้งกรมป่าไม้ และ ส.ป.ก. ขณะนี้การดำเนินการคืบหน้าไปมากแล้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีโบนันซ่า ในพื้นที่วันนี้ ด้าน พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจนะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีสนามแข่งรถโบนันซ่า เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน กำลังเร่งสอบปากคำพยาน ที่ปรากฏชื่ออยู่ในเอกสารสิทธิ์ นส.3 จำนวน 5 แปลง ที่ทางผู้บริหารสนามแข่งรถโบนันซ่านำมาแสดง ซึ่งมีรายชื่อการซื้อขายต่อกันมา รวม 15 รายชื่อ โดยต้องเรียกทั้งหมดมาสอบหาข้อมูลว่า เอกสาร นส.3 ทั้งหมด ได้มาอย่างไร และต้องรอรวบรวมข้อมูลจากที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ส.ป.ก. และกรมป่าไม้ เพื่อยืนยันการบุกรุกที่ดินของสนามแข่งรถโบนันซ่า เพื่อนำมาประกอบสำนวนดำเนินคดีกับผู้ครอบครองด้วย ********************************************* ข่าว 7 สี - ตำรวจภูธรภาค 3 ลงพื้นที่ตรวจสอบโบนันซ่า เขาใหญ่ และบ้านพักตากอากาศของพิธีกรรายการทีวีชื่อดัง พลตำรวจตรีธเนษฐ สุนทรสุข รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ลงพื้นที่โบนันซ่า เขาใหญ่ พร้อมเรียกประชุมหน่วยงานทั้งหมด เพื่อหาข้อสรุปว่าหน่วยงานใดบ้างที่ถูกบุกรุกพื้นที่ เพื่อให้ตำรวจรวบรวมหลักฐาน และดำเนินคดีในส่วนที่บุกรุก จากนั้นลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพัก 2 หลังของพิธีกรรายการทีวีชื่อดังคนหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง พบว่ามีการขุดดินจากลำห้วยขึ้นมา ซึ่งจะได้ตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่เอกชน หรือพื้นที่สาธารณะ รวมทั้งการก่อสร้างรางน้ำด้วยปูน ว่ามีการขออนุญาตจากเทศบาลตำบลหมูสี อย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบภายใน 1 สัปดาห์ ล่าสุด คณะทำงานด้านกฎหมายกองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า พื้นที่โครงการหมู่บ้านดังกล่าวนี้ เป็นพื้นที่ของ สปก. และพื้นที่ป่าไม้ โดยจะได้วัดพิกัด เพื่อหารายละเอียดว่าเป็นพื้นที่ของหน่วยงานใด เพื่อดำเนินการต่อไป พลตำรวจโทพิสัณห์ จุลดิลก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวถึงกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยงข้องเร่งทำงานอย่างเต็มที่ หากพบว่าผิดจริง ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งการทำงานก็ไม่มีแรงกดดันใดๆ และแต่หากหน่วยงานใดถูกกลุ่มอิทธิพลข่มขู่และคุกคาม ก็พร้อมจัดกำลังเข้าไปดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่