ในที่สุดก็มีการแสดงท่าทีชัดเจน ออกมาล่วงหน้าจากฝ่ายอัยการสูงสุดว่าจะ “ไม่สั่งฟ้อง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในคดีอาญาจากกรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน สร้างความเสียหายให้แก่รัฐมูลค่าไม่น้อยกว่า 7 แสนล้านบาท ท่าทีดังกล่าวรับรู้ได้จากการเปิดเผยของ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ในฐานะโฆษกสำนักอัยการสูงสุด ที่ระบุว่าการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับตัวแทนของสำนักงานอัยการฯ ในวันที่ 7 พฤศจิกายน “จะเป็นเพียงแค่การพิจารณาถึงเรื่องความไม่สมบูรณ์ของสำนวน ที่ทางอัยการเห็นว่ายังมีพยานหลักฐานไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ไม่ใช่เป็นการสรุปว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง” ออกมาแบบนี้ก็ชัดเจนว่า “ยื้อ” และในที่สุดก็จะไม่ฟ้องนั่นแหละ!! อย่างไรก็ดี ท่าทีแบบนี้กลับสวนทางกับฝ่ายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย เลขาธิการ ป.ป.ช. สรรเสริญ พลเจียก ระบุก่อนหน้านี้ว่าการประชุมร่วมกันดังกล่าวในวันที่ 7 พฤศจิกายน เป็นการประชุมเพื่อให้ได้ข้อยุติว่า “ฟ้องหรือไม่ฟ้อง” โดยเมื่อได้มติแล้วแต่ละฝ่ายก็นำไปแจ้งให้ที่ประชุมได้รับทราบ ความหมายจากฝ่าย ป.ป.ช.ก็คือจะไม่ยืดเยื้ออีกแล้ว นั่นคือหากอัยการสูงสุดไม่สั่งฟ้อง ทาง ป.ป.ช.ก็จะเดินหน้าฟ้องอาญา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งกำหนดวันประชุมอีกรอบในวันที่ 12 พฤศจิกายนนั่นเอง แน่นอนว่าท่าทีของสำนักงานอัยการสูงสุดที่ออกมาแบบนี้ นั่นคือ “สั่งไม่ฟ้อง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ย่อมต้องเกิดเสียงวิพากษ์จารณ์อย่างหนักจากสังคมตามมาแน่ เพราะช่วยไม่ได้ที่จะถูกมองว่ามีเจตนาเตะถ่วงยื้อคดีออกไปเรื่อยๆ รวมถึงถูกมองในแง่ลบว่า “อาจจะ” มีเจตนาเข้าด้วยช่วยเหลือ ซึ่งสังคมย่อมมีสิทธิ์ที่จะเข้าใจอย่างนั้น มีความรู้สึกอย่างนั้นได้ แม้ว่าในความเป็นจริง การพิจารณาสำนวนคดีต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานเป็นหลัก จะใช้ความรู้สึกไม่ได้ มันก็ใช่ แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องไม่ลืมว่าคดีนี้ จากโครงการนี้คือ รับจำนำข้าวได้สร้างความเสียหายกับชาติบ้านเมือง ที่เปิดเผยตัวเลขออกมาจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี เองว่าไม่น้อยกว่า 7 แสนล้านบาท ต้องใช้หนี้กันไม่น้อยกว่า 30 ปี “ใช้หนี้กันถึงรุ่นหลาน” จะปล่อยให้ลอยนวลกันง่ายๆแบบนี้หรือ ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่า คดีดังกล่าวทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามแห่งชาติได้ใช้เวลาในการตรวจสอบ สอบสวนพยานหลักฐานนานเป็นปี และในที่สุดก็มี “มติเป็นเอกฉันท์” สั่งฟ้องคดีอาญา คำว่าเอกฉันท์ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ดีว่าต้อง “ชัดเจน มัดแน่น” แต่ถึงอย่างไรเมื่อสำนวนส่งถึงมืออัยการสูงสุดกลับบอกว่า “สำนวนไม่สมบูรณ์” พยานหลักฐานยังไม่พอก็ตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาเพิ่มเติมก็ใช้เวลามาระยะหนึ่งแล้ว ก็สามารถอุดช่องโหว่ได้ทันเวลา แต่กลายเป็นว่าหลังจากใช้เวลาในการพิจาณาสำนวนร่วมกันนานนับเดือนแล้วมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 7 พฤศจิกายน เพื่อที่จะให้ฝ่ายอัยการสูงสุดบอกว่า “พยานหลักฐานยังไม่สมบูรณ์” อย่างนั้นหรือ อย่างไรก็ดี เมื่อมีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าผลจะออกมาแบบนี้มองอีกมุมหนึ่งมันก็ดีเหมือนกัน เพราะในเมื่อกำลังเข้าสู่โหมดของการปฏิรูปทุกภาคส่วน มันก็ถึงเวลาที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนอัยการเสียใหม่เพื่อให้สังคมรู้สึกได้ว่า “มีอิสระ” แบบเต็มร้อย ไม่ต้องสงสัยในการทำงานและสั่งคดี เพราะยิ่งสงสัยนั่นก็เท่ากับว่า “ความเสื่อมศรัทธา” ก็จะเกิดขึ้นกับสำนักงานอัยการสูงสุดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งความรู้สึกในลักษณะดังกล่าวกำลังเกิดขึ้นอย่างหนักกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาแล้ว และกำลังถูกกดดันให้มีการปฏิรูปรื้อโครงสร้างกันอย่างขนานใหญ่ ในอีกไม่ช้า ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าการสั่งคดีของอัยการสูงสุดหลายครั้งค้านสายตาประชาชน มีอัยการระดับสูงบางคนเข้าไปร่วมเป็นบอร์ดองค์กรรัฐวิสาหกิจบางแห่ง แต่เมื่อถูกตรวจสอบมีการสอบสวนการทุจริต เมื่อส่งสำนวนไปให้อัยการสูงสุดได้พิจารณาก็สั่งไม่ฟ้อง หรือกรณีถูกกล่าวหาว่าอัยการสูงสุดบางคนรับใชัการเมือง พิสูจน์ได้จากมีอดีตอัยการสูงสุดที่มีผลงานในการสั่งคดีไม่ฟ้องคนในรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร และเคยเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่แต่งตั้งในรัฐบาลสมัยนั้น ซึ่งต่อมาก็ได้รับรางวัลให้เป็นรัฐมนตรีในที่สุด สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ การเปลี่ยนแปลงภายในสำนักงานอัยการสูงสุดหลังจากมีการเข้ามาควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็มีการโยกย้ายอัยการสูงสุดคนเก่าคือ อรรถพล ใหญ่สว่าง ออกไปแล้วแต่งตั้งคนใหม่คือ ตระกูล วินิจฉัยภาค เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน ตามหลังการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในหน่วยงานดังกล่าวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์การทำงานอย่างหนัก ความหมายที่ออกมาก็คืออัยการสูงสุดเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่มีเสียง “ยี้” จากสังคม จนต้องใช้อำนาจพิเศษเข้าไปจัดการ ดังนั้น หากพิจารณาจากการสั่งไม่ฟ้องอาญา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากโครงการรับจำนำข้าวที่ก่อให้เกิดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม หากออกมาในแนวทางแรกตามที่แสดงท่าทีออกมา แม้จะถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่และดุลพินิจของอัยการสูงสุดตามกฎหมายก็ตาม แต่รับรองว่าจะต้องถูกสังคมตั้งคำถาม พร้อมกับเสียงวิจารณ์ตามมาหนักหน่วงแน่ และถึงตอนนั้นก็จะเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่จะถูกกดดันให้มีการปฏิรูปกันอย่างขนานใหญ่แน่นอน!! http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000127719
ฐานอำนาจหนึ่งในการกะเกณฑ์พลพรรคทักษิณแกนนำเสื้อแดง ส่วนหนึ่งที่พบเห็นเป็นอดีตอัยการ อย่างเช่นแดงพิมลราช ไอ้ตัวนี้เคยสามารถเกณฑ์ไพร่แดงครั้งละ 2-3 บัสในการรวมพลแต่ละครั้ง ตอนหลังแตกคอกับแกนนำแดงในพื้นที่ แดงพิมลราชหายไป คนในพื้นที่ทุกวันนี้ไม่ให้ราคามัน
การฟ้องนักการเมือง คิดว่า ป.ป.ช. น่าจะมีอำนาจอยู่แล้ว ความจริงน่าจะออกกฎหมายให้ ป.ป.ช. ทำเองไปเลยไม่ต้องมาผ่านอัยการ เพราะยังไงอัยการก็คงอิงการเมือง หลีกเลี่ยงไม่ได้
รัฐประหารแล้วยกเลิก รธน เปิดโอกาสให้คนทำผิดลอยนวล ขี้ข้ากังฉินเลยหาข้ออ้างไม่เอาผิดนาย ประชาชนอย่างเราน่าจะโดนหลอกแล้วละ หยุดเสียภาษีตอบโต้มันจะได้มั๊ย
หัวข้อกับเนื้อข่าวจะตรงกันสักครั้งได้มั๊ยนะ... "ในที่สุดก็มีการแสดงท่าทีชัดเจน ออกมาล่วงหน้าจากฝ่ายอัยการสูงสุดว่าจะ “ไม่สั่งฟ้อง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
ไม่แปลกใจหรอกที่ อัยกินมันจะไม่ฟ้องยิ่งลักษณ์ ขนาดเจ๊กระบังลม สู้กันมา 2 ศาล ยังไม่ฎีกาหน้าตาเฉย เหตุผลก็ไม่มี หงอกจุลสิงห์ทำงานเพื่อนายออกหน้าออกตาอย่างไม่แคร์ความสงสัยของประชาชนยังทำมาแล้วเลย
อืม....................แค่จะบอกว่าอัยการบางคนก็มี "สี" นะครับ ปล หน้าที่ของอัยการ คือ "ทนายแผ่นดิน" ไม่ใช่ผู้พิพากษา ยังไงก็ไม่มีสิทธิตัดสินครับ
ไม่ต้องไปสนใจ อสส หรอกค่ะ ปปช มีอำนาจดำเนินการฟ้องเองได้ รอคำพิพากษา....ถ้าผิดจริง... ก็ฟ้องกลับ อสส ยกคณะ ความผิดฐานละเว้นปฎิบัติหน้าที่..หรือ ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ... ปิดฉาก อสส...ค่ะ
คดีนี้มันจะ ยืด ออกไปอีกสักระยะ มันก็ไม่น่ามีอะไรเสียหาย เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ต้องฟ้องอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นอัยการฟ้อง หรือ ปปช เป็นผู้ฟ้องเอง แต่ที่สำคัญก็คือ ฟ้องแล้วอย่าให้หลุด เพราะถ้า ปปช ยึดเอามุมของตนเองเป็นที่ตั้ง แล้วฟ้องเอง ถ้าเกิดหลุดในชั้นศาล มันก็มองได้ว่าคุณรีบฟ้องแล้วหลุด เพราะคุณมีอะไรหรือเปล่า เวลายิ่งยืดออกไป คนที่ีทุกข์ใจ วิตกกังวล ก็คือ ผู้ถูกกล่าวหา บางคนก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ บางคนก็ทำหน้าชื่นอกตรม เดินผ่านลูกกรงเหล็กทีไร ผวาทุกที ชีวิตไม่มีความสุขหรอก
จัการพยานฝ่ายจำเลยที่อัยการฝ่ายจำเลยขอให้สอบเพิ่มด้วยครัช ถ้าเสนอหน้ามาถ่วงเวลาก็พ่วงเป็นจำเลยร่วมไปเลย
ประเด็นที่มีการระบุว่า ป.ป.ช.สามารถดำเนินการยื่นฟ้องเองได้หรือไม่นั้น นายวุฒิพงศ์ ระบุด้วยว่า คงไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากยังอยู่ในกรอบระยะเวลาในการพิจารณาร่วมกันอยู่ ส่วนจะมีการนัดประชุมกันอีกหรือไม่นั้น คงตอบไม่ได้ในขณะนี้ ต้องรอนายตระกูลพิจารณาอีกครั้ง""""""""""""""""""""""' ส่วนกรอบระยะเวลา 14 วันในการพิจารณานั้น เป็นเพียงกรอบระยะเวลาในการเร่งรัดเท่านั้น ซึ่งคงไม่มีผลต่อการพิจารณาคดี """""""""""""""""""""""""""""'' ช่างเทอะ อย่าลำบากเลย เดี๋ยวก็เลือกตั้งแล้ว แล้วก็รู้เอง ใครเลือกข้างผิด ข้างถูก ไม่ใช่แค่เสื้อแดงนะ กปปส.ก็รอเลือกตั้งอยู่เหมือนกัน กลับมาเป็นนายกอีกสักทีนะ ไม่่ยากได้คนอื่นละ ยิ่งลักษณ์สู้ๆ ยิ่งลักษณ์สู้ๆ
ลงผิด นึกว่าอธิบดี ใหญ่สุด สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ การเปลี่ยนแปลงภายในสำนักงานอัยการสูงสุดหลังจากมีการเข้ามาควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็มีการโยกย้ายอัยการสูงสุดคนเก่าคือ อรรถพล ใหญ่สว่าง ออกไปแล้วแต่งตั้งคนใหม่คือ ตระกูล วินิจฉัยภาค เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน ตามหลังการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในหน่วยงานดังกล่าวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์การทำงานอย่างหนัก ความหมายที่ออกมาก็คืออัยการสูงสุดเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่มีเสียง “ยี้” จากสังคม จนต้องใช้อำนาจพิเศษเข้าไปจัดการ
มีเยอะมาก ยิ่งพวกตำแหน่งใหญ่โต ฐานะสูงๆ และพวกรากหญ้า ที่ไม่ใช่พวกทักษิณ ไม่ชอบทักษิณ แต่เลือกข้างทักษิณ เพราะคิดว่า ทักษิณจะได้กลับมาเป็นใหญ่ มันจะส่งผลกับหน้าที่การงาน ใครจะกล้าเสี่ยง เกียร์ว่างมันไป รอเกษียณ ก็เอาเฮอะ ก็ถูกของเค้า พวกไปเลือกตั้งใครจะไปเลือกคนที่จะไปเป็นฝ่ายค้านมาเป็นตัวแทนจังหวัดตน ผมเคยบอกคนที่ไปเลือกตั้ง ไปสมัครรับเลือกตั้ง เลือกพรรคบรรหารไว้ มันเป็นรัฐบาลเสมอ ก็ถ้าโดนปฏิวัติสามครั้งติด ก็ดูว่าใครจะไปคบอีก สึี่ครั้ง ห้าครั้งยังได้ ยันลูกยันหลาน เอาจนพวกเลือกข้างให้เข็ด
เขาแต่งตั้งเพราะ คสช หาคนเข้าไป หรือ ขึ้นมาแทนเพราะอาวุโสสูงสุดล่ะ? http://www.naewna.com/politic/107731 ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายตระกูล วินิจนัยภาค รองอัยการสูงสูดคนที่ 1 ซึ่งอาวุโสสูงสุด จะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่อัยการสูงสุดแทนนายอรรถพลไปก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจาก คสช.
อย่าเพิ่งดีใจออกนอกหน้าไป เดี๋ยวเงิบเหมือนกระทู้ก่อนหน้านี้อีกนะครับเจ้าของกระทู้ ป.ป.ช. มีสิทธิ์ฟ้องเองได้อยู่แล้ว ตอนนี้รอแค่อัยการตกลงใจให้เสร็จก่อนว่าจะไม่ฟ้องแน่ๆ ใช่ไหมแล้วส่งเรื่องกลับมา จากนั้น ป.ป.ช. ก็จัดการฟ้องเอง อัยการทำได้อย่างมากที่สุดก็แค่ถ่วงเวลาได้ซักพัก แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ศาลอยู่ดี
ตอนนี้ยังอยู่ในกรอบเวลา ที่ อัยการสูงสุด กับ ปปช. กำหนดให้หารือร่วมกันอยู่ จึงยังทำให้ ปปช.ยังฟ้องเองไม่ได้ รอให้หมดเวลาก่อนครับ ได้ฟ้องแน่
มีอีกประเด็นที่น่าคิด คือ เมื่อเวลาเปลี่ยน อาจมีอะไรเปลี่ยนก็ได้ ฝ่ายผู้ถูกร้องเอง ตอนนี้อาจกำลังวุ่นวาย หัวเป็นน๊อต อยู่ก็ได้ เพื่อจะเปลี่ยนอะไรบางอย่าง โดยอาศัย ประโยชน์จากเงื่อนเวลาแค่เพียงนิดหน่อย อย่าลืมว่า คงไม่มีใครนิ่งดูดาย ให้ตัวเอง และพวก ต้องโทษหรอกครับ ยิ่งพวก ระดับนี้ คดีหลุด หรือ ยกฟ้อง มันง่ายซะเหลือเกิน
ระยะเวลาที่ อัยโกงต่ำ(ช้า)สุด เตะถ่วงยืดเวลาออกไป ก็เพื่อให้ทีมทนายของไอ้เหลี่ยม ได้ศึกษาสำนวนของ ปปช. อย่างละเอียดเพื่อหาช่องมุดคดีไปให้มากที่สุด
เพื่อความยุติธรรม ผมขอให้สอบพยานเพิ่มครับ โดยเอาชาวนาทุกคนที่อยู่ในโครงการมาสอบปากคำทุกคนครับ น่าจะโอเค
หลังจากนั้นนายยรรยง พวงราช รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กรมการค้าต่างประเทศส่งจดหมายผ่านอีเมล์วันที่ 23 มกราคม 2557 เวลา 12.36 น. เชิญผู้สื่อข่าว กว่า 150 แห่งเยี่ยมชมและพบปะผู้บริหารบริษัทGSSG ณ เมืองกวางโจว ประเทศจีนในระหว่างวันที่ 26-28 มกราคม 2557 วัตถุประสงค์ของการเชิญครั้งนี้ ตามกำหนดการกรมการค้าต่างประเทศจัดให้สื่อมวลชนไปเยี่ยมชมและพบปะผู้บริหารบริษัท GSSG IMP & EXP CORP ซึ่งเป็นบริษัทจีนที่ทำการซื้อ-ขายข้าวกับรัฐบาลไทย ช่วงเช้าของวันที่ 24 มกราคม 2557 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดแถลงข่าวกรณีกระทรวงพาณิชย์พาสื่อมวลชนเดินทางไปพบผู้บริหารบริษัท GSSG ที่ประเทศจีน ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ น.พ.วรงค์กล่าวต่อไปอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลจีนยกเลิกการซื้อ-ขายข้าวลอตนี้กับรัฐบาลไทยไปแล้ว หากเป็นการขายข้าวแบบจีทูจีจริง ผู้นำเข้าข้าวต้องขออนุมัติโควตาจากบริษัทคอปโก้ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดรัฐบาลกลาง โควตาข้าวที่ผ่านการอนุมัติเสียภาษีนำเข้าที่อัตรา 1% แต่ถ้าไม่ผ่านการอนุมัติ โควตาเสียภาษีจะอยู่ที่ 60% ระเบียบการนำเข้าดังกล่าวนี้เป็นข้อตกลงที่รัฐบาลจีนทำไว้กับองค์การการค้าโลก (WTO) ขณะที่บริษัท GSSG เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดรัฐบาลท้องถิ่น (ระดับมณฑล) ไม่มีอำนาจอนุมัติโควตา ถ้าส่งออกไปจีนจริง ข้าวลอตนี้จะขายในจีนในราคาที่แพงมาก เพราะเสียภาษีที่อัตรา 60% ........................ ยุติธรรมที่ซู๊ดเรครับ ต้องสอบอีกเยอะครับ อัยการบอกจะสอบหมดทุกคนทุกประเด็น ที่ตีความว่าเป็นข้อกล่าวหา ต้องสอบไปตามกรอบเวลาแระ ไม่ตามกรอบวัน หมดเวลาสอบก็ต่อวันใหม่ งานเข้าแระ รัฐบาลจีน GSSG บ.คอปโก้ WTO รัฐบาลมนทลจีน
บอกตามตรงว่า ปฏิวัติรัฐประหารรอบนี้ ถ้าไม่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะ ตำรวจ และ อัยการ ผมคิดว่า เสียของ ครับ เพราะ สององค์กรนี้คือปัญหาของสังคมไทย เป็นรากฐานของการโกงกินและใช้อำนาจแบบไม่ชอบ หวังว่า รัฐบาลจะจัดการสะสางสององค์กรนี้ ในช่วงท้ายๆ ก่อนหมดจากอำนาจนะครับ
อสส. อ้างข้อมูลรับจำนำข้าวน้อย ย้ำ ป.ป.ช. ยังไม่มีอำนาจฟ้องเอง 10 พ.ย. 57 นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด (อสส.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่าย อสส. พิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในกรณีดังกล่าวว่า ได้ให้อธิบดีคดีพิเศษรายงานด้วยวาจาให้นายตระกูล วินิจนัยภาค อสส. ทราบแล้ว แต่จะทำรายงานเป็นหนังสือในลายลักษณ์อักษรภายใน 1-2 วันนี้ โดยจะเสนอว่าภายหลังคุยแล้ว ฝ่ายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยอมสอบพยานให้บางปาก เอกสารบางอย่าง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ยังตกลงกันไม่ได้ ต้องว่านายตระกูลจะสั่งการอย่างไรต่อไป “เราจะเสนอท่านไปว่าภายหลังคุยกันแล้ว ได้ความอย่างนี้ ป.ป.ช. เขายอมสอบให้บางเรื่อง เช่น เรื่องเอกสาร ส่วนเรื่องอื่น ๆ ยังตกลงกันไม่ได้ ต้องรอว่าท่านจะสั่งการอย่างไรต่อไป ท่านอาจจะบอกว่า ไม่ได้ต้องสอบต่อ หรือยอมรับเพียงแค่นั้นก็แล้วแต่ คือขั้นตอนจะถึงก็ต่อเมื่อเราบอกว่า ข้อมูลมันอย่างนี้ มันยังไม่พอ ถ้าฝ่ายเขาบอกพอ และเป็นคำสั่งของท่านอัยการสูงสุด ถ้าไม่พอก็ต้องว่ากัน มันก็ยังไม่มีข้อยุติ คือมันต้องไม่อาจหาข้อยุติได้เสียก่อน ป.ป.ช. จึงจะมีอำนาจไปฟ้องเอง ต้องรอท่าทีของท่านอัยการฯท่านจะว่าอย่างไร” นายวุฒิพงศ์ กล่าว เมื่อถามว่า เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า หากประชุมร่วมครั้งต่อไปยังไม่ได้ข้อสรุปจะฟ้องเอง ตรงนี้มีอำนาจหรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ป.ป.ช. ยังไม่มีอำนาจฟ้องเองในขณะนี้ เพราะเรายังไม่ได้รวบรวมข้อไม่สมบูรณ์ถึงไหนเลย ยังไม่ได้อะไรเลย ต้องรอให้นายตระกูลตัดสินใจ เพราะขั้นตอนยังไม่ถึง http://www.ryt9.com/s/nnd/2026062
ตบหน้าพวกกาสรสีชาดที่เข้ามาซุยอีกแล้ว http://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=25&cad=rja&uact=8&ved=0CDcQFjAEOBQ&url=http://202.28.25.43/kms/sites/default/files/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%20%E0%B8%9E.%E0%B8%A3.%E0%B8%9A.%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%8A.%20(%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3).doc&ei=CNFgVK2tKc_kuQTP2YCICA&usg=AFQjCNHF9rPip3qic63Hcyb0L6saSezgRg&sig2=iFIvoBINhxaN99ZqsBRsvA
เคยมีนะครับ กรณีตัวอย่าง ในคดีอาญา อัยการฟ้องผิดศาล แล้วตัวอัยการเองเข้าใจว่า ต้องถอนฟ้อง แล้ว นำความไปฟ้องใหม่ ศาลท่านเลยยกฟ้อง เป็นฟ้องซ้ำ คดี ดังๆ ที่เป็นข่าวก็มี ที่อัยการ สั่งไม่ฟ้อง ผู้เสียหายจ้างทนาย ฟ้องเอง ก็ชนะคดี มีหลายคดีอยู่ ผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่า ด้วยระยะเวลาที่ยืดออกไป สามารถดลบันดาลอะไรได้บ้าง
งวดเข้ามาทุกทีแล้ว ป.ป.ช. สรุปแล้วว่าไม่สอบพยานเพิ่มเติมอีก ถ้าอัยการไม่ฟ้อง ป.ป.ช.จะฟ้องเอง เรื่องจะได้เร็วขึ้นอีก
หาลักฐาน พยานไม่พอ เรอะ ง่ายมากๆ เลือกตั้งเร็วๆ แล้วให้ยิ่งลักษณ์ รับจำนำข้าวอีก จะคอยดู จะจำนำหรือไม่ พยาน หลักฐาน ถึงเวลามันมาเอง