อิตาลี-ฝรั่งเศส-เยอรมนีรุมจีบไทย ขอแจมโครงสร้างพื้นฐาน-ศูนย์ซ่อมเครื่องบิน รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมแจ้งว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลี สาธารณรัฐฝรั่งเศส และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประจำประเทศไทย ได้เข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อแสดงความยินดีหลังเข้ารับตำแหน่ง และได้หารือเกี่ยวกับการร่วมมือต่างๆ ซึ่งทั้ง 4 ประเทศสนใจโครงสร้างพื้นฐาน ระบบราง และศูนย์ซ่อมเครื่องบิน พร้อมเปิดเส้นทางบินเพิ่ม เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางเอเชียเชื่อมยุโรป นายอาคมกล่าวว่า อิตาลีได้ขอให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทบทวนการยกเลิกเที่ยวบินกรุงเทพฯ-โรม เพราะต้องการให้การบินไทยเปิดให้บริการต่อไป เนื่องจากปี 2559 จะเป็นปีพิเศษที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสประกาศให้เป็นปีแห่งเมตตาธรรม ซึ่งจะมีคริสตศาสนิกชนคาทอลิกทั่วโลกจะเดินทางไปยังนครรัฐวาติกันที่กรุงโรมเพื่อจาริกแสวงบุญจำนวนมาก ส่วนเรื่องผู้โดยสารน้อยนั้น ทางอิตาลีขอหารือกับการบินไทยเพื่อส่งเสริมตลาดร่วมกัน เพราะอิตาลียังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย นอกจากนี้ อิตาลีสนใจที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทยด้วย นายอาคมกล่าวว่า ส่วนของฝรั่งเศสสนใจที่จะเข้ามาตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในไทย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสายการบินแอร์ฟรานซ์กับการบินไทย เพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมการบินในไทย และสนใจที่จะเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเทคโนโลยีระบบรางในไทย รวมถึงรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ด้วย ส่วนเยอรมนีสนใจระบบราง และต้องการให้การบินไทยร่วมมือกับสายการบินลุฟท์ฮันซ่า ตั้งศูนย์ซ่อมอากาศยานในไทยเช่นเดียวกัน โดยจะใช้ไทยเป็นฐานการซ่อมในเอเชีย และยังขอเปิดเส้นทางบินใหม่ โคโลญจน์-ภูเก็ต และโคโลญจน์-กรุงเทพฯ ด้วย "การที่กลุ่มประเทศดังกล่าวสนใจไทย เพราะมองว่าเป็นศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน จึงต้องการใช้ไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมเอเชียกับยุโรปด้วย" นายอาคมกล่าว http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1443964818
ประเทศพวกนี้น่ากลัวจริงๆ คิดจะเตะตัดขาประเทศไทย ทำเป็นว่าอยากทำธุรกิจด้วย เจตนาคือคิดจะเอากำไรจากประเทศเรา กลับประเทศตัวเอง สงสัยจะเป็นวิธีแบนแบบใหม่ล่าสุดแน่นอน
พระสันตะปาปาก็มีอิทธิพลต่อชาติตะวันตกไม่น้อย ชาวคริสต์ที่อยู่บ้านเราไม่เคยมีปัญหากับลัทธิอื่น ต่างจากประเทศทั่วไปแค่โป๊ปเอ่ยปากมีหรือใครจะกล้า แค่มโนกับเชื่อมโยงจากคำกล่าวบางช่วงของท่านที่กล่าวไว้ในการประชุมสหประชาติ อีกอย่างในอนาคตไม่ไกลข้างหน้านี้หากตะวันตกลุกเป็นไฟขึ้นมา จะเข้าจะหันหน้าไปเพิ่งใครออกจากชาติตะวันออกไกลที่กำลังจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างอาเซียน ที่มีพร้อมแทบทุกอย่างไม่ว่าอาหารหรือทรัพยากรยุโรปตอนนี้สถานะการณ์เหมือนจะถูกบีบให้เดินลง ทะเลไม่มีทางไปทิศเหนือทะเลทิศตะวันออกรัสเซียทิศยิ่งแล้วใหญ่ร้อนเหมือนไฟลามทุ่งหาทางไปไม่เจอ ณ.เวลานี้ทำเลที่ดีที่สุดของโลกน่าจะเป็นอาเซียนที่เป็นกลางมากที่สุด
ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปยัง "สหประชาชาติ" เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ท่ามกลางผู้นำ 193 ประเทศ ที่รับฟังพระดำรัสของพระองค์ ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สหประชาชาติเชิญพระสันตะปาปามากล่าวเปิดการประชุมสมัชชา ซึ่งก่อนหน้านี้ พระสันตะปาปาองค์ก่อนๆ มาตรัสสุนทรพจน์ก็จริง แต่ไม่ได้มากล่าวเปิดการประชุม ก่อนพระสันตะปาปาตรัสเปิดการประชุม พัน กี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวกับที่ประชุมว่า "สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เป็นคนที่ไม่ถือตัว พระองค์เป็นกันเองกับทุกคน เฉพาะอย่างยิ่งเวลาถ่ายรูป พระองค์ไม่เคยถือตัวว่าต้องถ่ายรูปแบบทางการ แต่ทรงเลือกวิธีการเซลฟี่กับเยาวชน เพื่อใกล้ชิดกับพวกเขา" (ที่ประชุมปรบมือกันอย่างพร้อมเพรียง) นส่วนของพระดำรัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ มีดังนี้ ชื่นชมและเสนอแนะสหประชาชาติ เรื่องการปฏิรูปและปรับตัว - พระสันตะปาปาทุกพระองค์ให้ความเคารพต่อสหประชาชาติ เพราะสหประชาชาติได้ทำการสนองตอบด้วยท่าทีที่ดีงามต่อการเมือง และกฏเกณฑ์ตามยุคสมัยต่างๆ และยังเผชิญหน้ากับอุดมการณ์ที่ผิดๆ ข้าพเจ้าขอสดุดีเจ้าหน้าที่สหประชาชาติที่ทำงานอย่างหนัก และบางคนได้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่นด้วย - การปฏิรูปสำคัญเสมอ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเท่าเทียมกันให้มากยิ่งขึ้นในสหประชาชาติ เมื่อมาถึงจุดที่ต้องมีการลงมติตัดสินใจ เช่น สภาความมั่นคงและหน่วยงานช่วยเหลือทางการเงิน - มันต้องมีส่วนร่วมจากทุกชาติโดยปราศจากการแบ่งแยก สิ่งนี้จะช่วยจำกัดการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมทุกรูปแบบหรือการให้กู้ยืมที่คิดดอกเบี้ยสูงเกินกำหนด เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศกำลังพัฒนาเข้ามาเกี่ยวข้อง - หน่วยงานให้ความช่วยเหลือทางการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ควรเอาใจใส่ต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศต่างๆ และควรทำให้เกิดความมั่นใจว่า ประเทศเหล่านั้นจะไม่ตกอยู่ใต้ระบบการกู้ยืมที่กดขี่ข่มเหง ซึ่งก่อให้เกิดความยากจนแร้นแค้น การกีดกัน และการตกเป็นทาส ปกป้องผู้ที่ถูกกีดกันและปกป้องสิ่งแวดล้อม - การจำกัดการใช้อำนาจคือส่วนหนึ่งของความยุติธรรม ไม่มีใครหรือกลุ่มใดที่มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ โดยไม่สนใจศักดิ์ศรีและสิทธิของคนอื่น - ทุกวันนี้ มีสิทธิจอมปลอมมากมาย ขณะเดียวกัน ก็มีคนจำนวนมาก ที่ตกเป็นเหยื่อของการใช้อำนาจในทางที่ผิด เช่น ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และคนที่ถูกแบ่งแยกออกไปอันเป็นผลมาจากการเมืองและเศรษฐกิจ ระบบนิเวศน์และสิทธิของคนที่ถูกกีดกันนั้น ต้องได้รับการปกป้อง - สิทธิที่แท้จริงของสิ่งแวดล้อมต้องดำรงอยู่ เพราะมนุษย์ดำเนินชีวิต โดยพึ่งพาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม พวกเราต้องปกป้องสิ่งแวดล้อม การกระทำใดที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม ก็ทำร้ายมนุษยชาติด้วย - ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมมีสิทธิของตัวมันเอง เพราะพระเจ้าสร้างมันขึ้นมา พระองค์ทรงให้เราใช้มันเพื่อความดีและเพื่อพระเกียรติของพระองค์ - มนุษย์ไม่มีสิทธิจะไปทำลายสิ่งสร้างของพระเจ้า สำหรับทุกศาสนา ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมคือคุณงามความดีขั้นพื้นฐาน - ความเห็นแก่ตัว การกระหายอำนาจอย่างไม่รู้จักพอ และความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุ ทำให้เราใช้ทรัพยากรธรรมชาติในทางที่ผิด และกีดกันผู้อ่อนแอและผู้ด้อยโอกาส - การกีดกันทางเศรษฐกิจและสังคมคือการปฏิเสธความเป็นพี่น้องกันของมนุษยชาติอย่างแท้จริง และยังเป็นการคุกคามอย่างรุนแรงต่อสิทธิมนุษยชนและธรรมชาติสิ่งแวดล้อม - คนยากจนคือคนที่ต้องทนทุกข์มากที่สุดจากภัยคุกคามนี้ การพัฒนาอย่างยั่งยืน - การประชุมสมัชชาครั้งนี้จัดภายใต้หัวข้อการพัฒนาอย่างยั่งยืน นี่คือเครื่องหมายแห่งความหวัง อย่างไรก็ตาม คำมั่นสัญญาไม่เพียงพอหรอก ผู้นำต้องทำให้เกิดผล ทำอย่างต่อเนื่อง และทำอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อปกป้องโลกและผู้คน - เราต้องช่วยกันหยุดการแบ่งแยก การกีดกัน การค้ามนุษย์และค้าอวัยวะ หยุดการขายบริการทางเพศ โสเภณี ยาเสพติด การค้าอาวุธ การก่อการร้าย และอาชญากรรม การล่าอาณานิคมทางความคิด ภัยยุคใหม่ - การล่าอาณานิคมทางความคิดคือการยัดเยียดวิถีการดำเนินชีวิตที่ผิดปกติ ซึ่งมันทำให้อัตลักษณ์ของคนผิดเพี้ยนไปและขาดความรับผิดชอบ จงปฏิเสธสงคราม - สงครามคือการปฏิเสธสิทธิทุกรูปแบบ ถ้าเราต้องการการพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่ครบครัน เราต้องทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อหลีกหนีสงครามระหว่างชนชาติและระหว่างประชาชน - ถ้าหากบรรทัดฐานของสหประชาชาติถูกใช้เพียงเพื่อสนองความต้องการของใครคนใดคนหนึ่ง กล่องแห่งความชั่วร้ายก็จะถูกเปิดออก มันจะปลดปล่อยพลังที่ไม่สามารถควบคุมได้ออกมาทำร้ายทุกคน อาวุธนิวเคลียร์จะทำให้เกิดความไม่ไว้ใจกัน - เราต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้โลกนี้ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ เพราะโลกที่ตั้งอยู่บนภัยคุกคามที่จะทำลายล้างแบบนี้ จะทำให้ชาติต่างๆ หวาดกลัวและไม่วางใจกัน - ข้อตกลงล่าสุดเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ที่ประเทศอิหร่านมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ชั้นดีว่า ความตั้งใจดีทางการเมืองและกฏหมายก็ทำให้เรื่องนี้ลุล่วงไปได้ ถ้าหากเราทำด้วยใจจริง อดทน และมั่นคง หยุดยั้งการเข่นฆ่าชาวคริสต์ - ข้าพเจ้าขอวิงวอนทุกฝ่ายเกี่ยวกับการเข่นฆ่าชาวคริสต์ ทั้งในยูเครน ซีเรีย อิรัก ลิเบีย ซูดานใต้ และในทวีปแอฟริกา นานาชาติต้องทำทุกทางที่สามารถ เพื่อหยุดและปกป้อง ไม่ให้เกิดความรุนแรงแบบนี้ต่อชนกลุ่มน้อยและผู้บริสุทธิ์ทุกคน การค้ายาเสพติด - การสู้กับยาเสพติดคือการต่อสู้ที่เลวร้ายมากๆ ยาเสพติดฆ่าคนนับล้านแบบเงียบๆ และยังทำให้เกิดอาชญากรรมด้วย - สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอเรียกร้องทุกฝ่ายได้โปรดวางความเป็นพวกพ้องและความต้องการส่วนตนไว้ข้างหลัง และขอให้ทุกฝ่ายมุ่งมั่นอย่างจริงใจที่จะทำงานรับใช้คุณความดีด้วย คัดลอกมาจากเว็บอรุณสวัสดิ์ของป้าเสลา http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=13853.msg102751;topicseen#new
บิ๊กตู่ไม่ควรไป UN เล้ยยย มีแต่คนเค้ารังเกียจ “บิ๊กตู่” มีคิวร่วมเวทีโลกอีก “ฝรั่งเศส” เชิญถกผู้นำด้านภูมิอากาศสมัยที่ 21 http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000111782
กองทัพอังกฤษเยือนไทย กระชับความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ 2016/03/18 8:01 PM สำนักข่าวไทย 18 มี.ค.-คณะที่ปรึกษาทางทหาร กระทรวงกลาโหม สหราชอาณาจักร เดินทางมาเยือนกองบัญชาการกองทัพไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านความมั่นคง ระเบิดแสวงเครื่อง ประกอบขึ้นจากวัสดุทั่วไป มีรูปแบบที่ไม่แน่นอน ง่ายต่อการนำมาใช้ก่อเหตุความไม่สงบ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงยากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการตรวจค้นและเก็บกู้ ดังนั้นส่วนหนึ่งของการเพิ่มศักยภาพของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ย่อมมาจากการแลกเปลี่ยนความรู้ พันโทสตีฟ เจอร์มี่ ที่ปรึกษาทางทหาร มือลำดับต้นๆ ด้านการต่อต้านและทำลายล้างวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง ของกองทัพแห่งสหราชอาณาจักร นำคณะผู้เชี่ยวชาญมาถ่ายทอดประสบการณ์ตรงที่ได้มาจากการปฏิบัติการในหลาย ประเทศอย่าง อัฟกานิสถาน คูเวต และอิรัก ให้กับเจ้าหน้าที่ของไทยได้รับทราบ เพราะการก่อเหตุวางระเบิดนั้น นับวันก็ยิ่งมียุทธวิธีที่แปลกใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ฝ่ายความมั่นคงก็ต้องดำเนินการในเชิงรุก ปรับตัวให้เท่าทันผู้ก่อเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นจนนำไปสู่ความสูญเสีย นับเป็นก้าวสำคัญในการสานความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้บังคับบัญชาระดับบริหารและระดับนโยบายของกองทัพสหราชอาณาจักรได้เดินทาง มาเยือนไทยแล้ว มาครั้งนี้เจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติการก็ได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้แทน จากกองทัพไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นและขีดความสามารถของทหารและตำรวจไทย ที่จะทำให้บ้านเมืองของเราพบแต่ความสงบสุข.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/427329
มีแต่พวกตั่วเฮียแหละครับที่อยากให้ต่างชาติคว่ำบาตรไทย แต่ที่เฮียกว่านั้นคือพวกที่ถึงขนาดลงทุนไปถึงยุโรปเพื่อบอกให้เค้าทำนี่แหละครับ คนแถวนั้นเขาคงคิดนะว่า ยุคนี้สมัยนี้ยังมีคนกล้าขายชาติหน้าด้าน ๆ แบบนี้อยู่อีกเหรอ
กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ซึ่งจะนำร่องที่สนามบินอู่ตะเภา ภายในเดือนเมษายนนี้ โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข.เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ผ่านขั้นตอนการสำรวจพื้นที่โครงการเรียบร้อยแล้ว และจะนำผลรายงานต่อกระทรวงคมนาคม ร่วมกับกองทัพเรือ เจ้าของพื้นที่ ในวันที่ 1 เมษายนนี้ จากนั้นก็จะสรุปความเห็นชอบ เสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีทันที โดยคาดว่าจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.ได้ภายในเดือนเมษายนนี้ โดยศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา มีแผนดำเนินการในช่วง 2 ปีนี้ เพื่อเป็นโครงการนำร่อง เม็ดเงินลงทุนทั้งโครงการ 1.5 หมื่นล้านบาท โดนจะเป็นลงทุนร่วมระหว่างรัฐกับเอกชน โดยภาครัฐเป็นคนจัดสรรที่ดิน ส่วนเอกชนจะเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ อาคารและโรงงาน เครื่องมือและอุปกรณ์ รวมถึงการให้บริการ ซึ่งประเภทการซ่อมบำรุงที่เหมาะสม คือ การซ่อมบำรุงเครื่องยนต์และการซ่อมบำรุงโครงสร้างเครื่องบินลำตัวแคบ เช่น รุ่น A320 เป็นต้น เพราะมีสายการบินต้นทุนตํ่าหลายสายใช้อยู่ และมีอัตราการเติบโตสูง โดยโบอิ้ง ระบุว่า หลังเปิด เออีซี ธุรกิจการบินในอาเซียนเติบโตถึง 3 เท่า โดยเฉพาะกลุ่มโลคอส และประเมินว่า ภายในปี 2576 ความต้องการเครื่องบินใหม่ในภูมิภาคนี้จะพุ่งสูงถึง 3,080 ลำ หรือ คิดเป็นมูลค่า 1.39 ล้านล้านบาท โดยตลาดที่มีการเติบโตสูงสุด คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ซึ่งหากศูนย์ซ่อมอากาศยานประสบความสำเร็จ จะสร้างโอกาสให้ไทยเกิดกิจกรรมการลงทุนการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานตามมา โดยรัฐเตรียมส่งเสริมให้ผู้ผลิต ที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้วใน นิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด แตกไลน์การผลิต รวมถึงดึงให้เกิดผู้ผลิตรายใหม่ด้วย อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอากาศยาน เป็น 1 ใน 4 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือ นิว เอส เคิร์ฟ ที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาเพื่อก้าวสู่ยุคของการผลิตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งบริษัทของคนไทยแห่งเดียวของประเทศที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย นำทีมวิจัยจากโตโยต้า มอเตอร์ คอเปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เข้าพบและหารือกับนางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยภาคเอกชนอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอเป็นแพ็กเกจ ขอรับการส่งเสริมการลงทุน ในโครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ต่อสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. เพื่อให้นำเสนอสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอไปพิจารณา ผู้บริหารโตโยต้าระบุว่า ประเด็นที่จะขอส่งเสริมหลักๆ เช่น แพ็กเกจการส่งเสริมการลงทุน แพ็กเกจภาษีสรรพสามิต สิทธิประโยชน์ในการนำเข้าชิ้นส่วนต่างๆ ขณะเดียวกันคาดว่าประเทศไทยจะสามารถพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าประเภทไฮบริดได้ก่อน เพราะทำได้สะดวกที่สุด เมื่อเทียบกับรถยนต์ธรรมดา ราคาก็ไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งหากแพ็กเกจต่างๆ ออกมาเรียบร้อยเชื่อว่าจะจูงใจนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการแข่งขันในระดับภูมิภาคและในตลาดโลก ทีมโตโยต้ายังนำเทคโนโลยี ดีเอ็นเอ มาร์ทเกอร์ ซึ่งเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับการนำพันธุ์อ้อยมาผลิตเป็นเอทานอลผสมกับน้ำมันเครื่องยนต์ งานวิจัยล่าสุด ที่ช่วยให้เกิดภาวะโลกร้อนน้อยที่สุด ส่วนแนวคิดจัดเก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถยนต์ ที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป ภาคเอกชนเห็นด้วย เพราะ มองว่าได้ประโยชน์ในการส่งเสริมการขายรถยนต์ในประเทศ และช่วยเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ในต่างประเทศเองก็เก็บภาษีรถเก่าในอัตราสูง
กองทัพอากาศ และบริษัท อุตสาหกรรมการบิน เปิดศูนย์ซ่อมอากาศยานในภูมิภาคอาเซียนของประเทศไทย เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
จขกท.ใจร้ายมาก ทำลายฝันลมแล้งๆของเผาไทยและคนไทยอีก15ล้านคน แค่ฝนตกไอ้พวกนี้ก็จะอกแตกตายอยู่แล้ว กลัวประเทศชาติจะผ่านพ้นภัยแล้ง
ไทย-เนเธอร์แลนด์ หารือขยายการค้า-ลงทุน พร้อมถามความชัดเจนเก็บภาษีน้ำตาลสูง วันที่: 13 มิ.ย. 59 เวลา: 11:55 น. เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่กระทรวงพาณิชย์ นายกาเริล โยฮันเนิส ฮาร์โตค เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และหารือแนวทางการขยายการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ รวมถึงการพัฒนาความร่วมมือด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมและการเกษตรที่เนเธอร์แลนด์มีความเชี่ยวชาญ นางอภิรดี กล่าวว่า ได้ย้ำให้เนเธอร์แลนด์เชื่อมั่นต่อนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการนำประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และยึดมั่นในพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย รวมทั้งมุ่งมั่นในการวางรากฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เพื่อเชื่อมโยงกับภูมิภาคอาเซียนและประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง จึงได้เชิญชวนนักลงทุนเนเธอร์แลนด์ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าและบริการไปยังประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากไทยมีที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์อยู่บริเวณศูนย์กลางของภูมิภาค มีพรมแดนติดประเทศเพื่อนบ้านทั้งในอาเซียน และเอเชียที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ และย้ำยุทธศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ในการนำประเทศไทยไปสู่การเป็น Trading Nation ซึ่งประกอบด้วยก้าวสู่ยุคอุปสงค์นำการค้า ก้าวสู่การเป็นเศรษฐกิจการค้าที่ใช้ภาคบริการเป็นผู้นำ ปรับบทบาทจากการกำกับและควบคุมเป็นการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้า และพัฒนาภาคการผลิตสู่การสร้างมูลค่า ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ กล่าวยินดีที่ไทยกับเนเธอร์แลนด์มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน ทั้งระดับทวิภาคีและภูมิภาค โดยมุ่งมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ของสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งแจ้งความสนใจของนักลงทุนเนเธอร์แลนด์ที่ต้องการลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยด้วย ซึ่งทั้งสองประเทศเห็นพ้องควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมและการเกษตร ที่เนเธอร์แลนด์มีความโดดเด่นอย่างมาก โดยเฉพาะการจัดการน้ำที่ประเทศไทยต้องการให้เนเธอร์แลนด์เข้ามาลงทุน และถ่ายทอดองค์ความรู้และวิทยาการด้วย นอกจากนี้ ฝ่ายเนเธอร์แลนด์ยังได้สอบถามเกี่ยวกับนโยบายการเก็บภาษีสรรพสามิตในเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกินเกณฑ์มาตรฐานสุขภาพ โดยกังวลว่าผลิตภัณฑ์ dairy product ของเนเธอร์แลนด์อาจได้ผลกระทบ เนเธอร์แลนด์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 22 ของไทยและเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มสหภาพยุโรป 28 ประเทศ โดยปี 2558 การค้ารวมมีมูลค่า 5,241 ล้านเหรียญสหรัฐ ในจำนวนนี้ไทยส่งออก 4,270 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้เปรียบดุลการค้า 3,300ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกไปเนเธอร์แลนด์ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล แผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนสินค้าไทยนำเข้า อาทิ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เป็นต้น และปี 2558 เนเธอร์แลนด์ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในไทย มูลค่า 16,439.1 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึง 4,068 ล้านบาท ซึ่งเนเธอร์แลนด์อยู่อันดับ 2 ของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่ลงทุนในไทย แหล่งข้อมูลพวกสลิ่ม http://www.matichon.co.th/news/171428
พวกคุณนะสิฝัน อิตาลี-ฝรั่งเศส-เยอรมนีรุมจีบไทย ขอแจมโครงสร้างพื้นฐาน-ศูนย์ซ่อมเครื่องบิน อิตาลีเทียม ฝรั่งเศสก็เทียม เยอรมันเทียมเหมือนกัน ต้องรอฟังข้อมูลก่อน เรื่องนี้ต้องถึงหูประธานนปชแน่ คอยดูนะ สลิ่มเทียมพันธ์เหลือง
รับทราบครับ ตอนนี้ดูเหมือนจะเหลือแต่อเมริกาแห่งเดียวที่ยังเป็นประเทศแท้ๆและทูตแท้ๆอยู่ อย่าให้สีตกนะเจ้าประคู้ณ
ถ่ายหนังในไทยดันท่องเที่ยว กองถ่ายต่างชาติโต 15% นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ ทีเส็บ กล่าวว่า จะเน้นการดึงงานประชุมองค์กร และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 2,000 คนขึ้นไป เข้ามาเมืองไทย โดยตลาดหลักมาจากภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจากภาพรวมของตลาด Meeting and Incentives หรือไมซ์ในปีงบประมาณ 2558 พบว่ามีนักเดินทางกลุ่มไมซ์ เดินทางมายังประเทศไทย เกือบ 1,100,000 คน สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 95,000 ล้านบาท โดยนักเดินทางกลุ่มไมซ์ชาวจีนถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ขณะเดียวกัน ได้มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณให้กับกลุ่มบริษัทขายตรงอาหารเสริม และเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่ ติดอันดับ 1 ใน 3 ของจีน ที่นำผู้ประชุมเข้าร่วมงานกว่า 14,000 คน เข้ามาจัดกิจกรรมในประเทศไทย ซึ่งการเข้ามาของนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากจีนครั้งนี้ สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่ากลยุทธในการส่งเสริมการตลาดกลุ่ม MEGA Size และการจัดงาน อินฟินิทัส 2016 จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันทีเส็บบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ในปีนี้ คือจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ 1,060,000 คน สร้างรายได้ 92,000 ล้านบาท
ญี่ปุ่นก็รังเกียจไทยซะงั้น ผลสำรวจขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นหรือ เจโทร กรุงเทพฯ พบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นยังสนใจลงทุนในประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าสหรัฐฯยังคงสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ จีเอสพี ให้กับสินค้าไทย รวม 12รายการตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ยื่นคำร้องต่อสหรัฐฯไว้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร และสินค้าในหมวดเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น น้ำมะพร้าว ดอกกล้วยไม้สด อุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าที่มีมอเตอร์ ซึ่งสินค้าใน 12 รายการ เป็นสินค้าไทยที่มีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าจากสหรัฐฯเกิน 50% แต่มูลค่าที่สหรัฐนำเข้าจากทั่วโลก ในแต่ละรายการต่ำกว่ามูลค่าขั้นต่ำ ที่สหรัฐฯกำหนดไว้ นอกจากนี้ ยังไม่มีสินค้าไทยรายการใดที่ถูกตัดสิทธิจีเอสพีในการทบทวนครั้งนี้ ดังนั้นสินค้าที่ได้สิทธิจีเอสพีจะยังได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯอย่างน้อย 5 ปี นับตั้งแต่วันที่มีผลบังคับ ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าน่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย ผู้ประกอบการจึงควรเร่งใช้ประโยชน์จากสิทธิจีเอสพีที่ไทยยังคงได้รับให้มากที่สุด ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่ารัฐบาลเตรียมออกโครงการใหม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทย รวมถึงการส่งออกให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เน้นใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่ผู้ประกอบการของไทยมีศักยภาพ และได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ประกอบด้วย กลุ่มกีฬาประเภทมวย กลุ่มการจัดงานนิทรรศการและเทศกาล กลุ่มอาหาร กลุ่มสินค้าแฟชั่นและการออกแบบ และกลุ่มภาพยนตร์ ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมไทย รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เผย BMW เดินหน้าลงทุนอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทย 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้กลางปี 2560 รองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ บอกว่า การเยี่ยมเยือนของกลุ่มการค้าไทยยุโรปในครั้งนี้ กลุ่มบริษัท BMW ได้มีการเสนอแผนผังและโมเดลต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในอนาคต เบื้องต้นจะเริ่มลงทุนในกลุ่มปลั๊กอินไฮบริด หรือกลุ่มรถยนต์ที่ใช้น้ำมันและไฟฟ้า ประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้กลางปี 2560 ทั้งนี้ไทยถือเป็นประเทศที่ 2 รองจากเยอรมันที่กลุ่มการค้าไทยยุโรปสนใจร่วมลงทุน จากนี้จะมีการพูดคุยกับกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องผลตอบแทนด้านภาษีที่นักลงทุนจะได้รับด้วย
เป็นไงละ เพราะ EU ไม่คบ เลยต้องมาคบกันเองเลย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าต่างประเทศ ของ สหราชอาณาจักร ยืนยันว่าเตรียมออกจากสหภาพยุโรปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดเงินตลาดทุนชี้ว่าไทยควรปฏิรูปภาษีและพึ่งพาตลาดในประเทศให้มากเพื่อรับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก
'ประยุทธ์' บอกวันนี้ใครไม่คบผม แต่ต่างชาติมาหากันหมดทุกประเทศ มาอะไรกันนักกันหนา ต่างชาติเขาบอกว่ารัฐบาลผมรักษาสัญญาและข้อตกลง นั่นคือสิ่งที่ผมเป็นทหาร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดตัวสินค้า OTOP ไทยจากท้องถิ่น บินสู่ท้องฟ้า โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า "วันนี้ใครบอกคนไม่คบผม เขามากันหมดทุกประเทศ เขามาเพราะเห็นศักยภาพของเรามากันทุกอาทิตย์ มาอะไรกันนักกันหนา ทั้งที่คนไทยบอกไม่มีใครคบ แต่เค้าก็มาครบผม ต่างชาติเขาบอกว่ารัฐบาลผมรักษาสัญญาและข้อตกลง รวมถึงพยายามเดินตามข้อตกลงมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆมา นั่นคือสิ่งที่ผมเป็นทหารเพราะสัญญาคือสัญญาต้องทำให้ได้" นายกฯกล่าว
สงสัยประเทศไทยจะกลายเป็นประชาธิปไตยแล้วหรือเปล่านะ สถานทูตสหรัฐฯเปิดศูนย์ประสานงานศูนย์อวกาศและจรวดแห่งชาติแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทย เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศด้านการศึกษาและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ
ไหนบอกว่าจะแบนไง ทำไมกลับมาเจรจา FTA กับเผด็จการวะ http://www.thaigov.go.th/index.php/...านสัมพันธ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างไทย-สหภาพยุโรป
เซ็นต์สัญญากันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แบนกันอีท่าไหนก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แอร์บัส จับมือ การบินไทย ลงทุนสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่อู่ตะเภา ใหญ่และทันสมัยที่สุดในเอเซียแปซิฟิค นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นสักขีพยานการลงนาม ระหว่างการบินไทย และ บริษัท แอร์บัส อินดัสตรี ในโครงการพัฒนาธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา โดยแอร์บัสจะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาศูนย์ซ่อม เช่น การพัฒนาเครื่องบินรุ่นใหม่ประหยัดพลังงาน, โรงซ่อมบำรุงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการใช้ระบบบริหารจัดการซ่อมบำรุง ที่ช่วยรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ และสร้างการจ้างงานช่างซ่อมเครื่องยนต์ อีกกว่า 200,000 คน คาดมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากถึง 2.5 เท่า จากมูลค่าโครงการ ขณะที่นายฟาบริซ เบรฌิเยร์ ประธานกรรมการ บริษัท แอร์บัส อินดัสตรี้ กล่าวปาฐกถาพิเศษ "วิสัยทัศน์การบินระดับภูมิภาคและบทบาทของประเทศไทย" ที่กระทรวงการต่างประเทศ ว่า ไทยมีความสำคัญที่สุดทางด้านการตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และอยู่จุดศูนย์กลางของภูมิภาค โดยในอีก 20 ปีข้างหน้า ความต้องการเครื่องบิน จะอยู่ที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถึง 40% โดยปริมาณในไทยจะเพิ่มจาก 6,000 ลำ เป็น 15,000 ลำ ความร่วมมือครั้งนี้ ทำให้ไทยมีศูนย์ซ่อมสร้างอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ซึ่งแอร์บัสยังแสดงความสนใจ ในเรื่องรถไฟความเร็วสูง ที่จะเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และสนามบินอู่ตะเภา ทั้งยังทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคมของไทย และส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้การช่วยเหลือ ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลฝรั่งเศส รายงานพิเศษ : Airbus เปิดศูนย์ซ่อมที่อู่ตะเภา ดัน EEC ขึ้นเป็นศูนย์การบินโลก การบินไทย-แอร์บัส ลงนาม MOU ศึกษาตั้งศูนย์ซ่อมเครื่องบินที่สนามบินอู่ตะเภา หลังเห็นศักยภาพในพื้นที่และการเติบโตของธุรกิจการบิน การเดินหน้าปฏิรูปประเทศสู่โมเดลไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล นับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติได้เป็นอย่างดี สะท้อนจาก บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติอย่าง"แอร์บัสกรุ๊ป" ที่เลือกการบินไทยเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมศึกษาพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยานแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากเชื่อมั่นว่าไทย มีศักยภาพ สามารถพัฒนาสู่การเป็นฮับการบินในภูมิภาคได้ ติดตามจากรายงาน
จะมีประชุม UN เร็วๆนี้ เผาไทย เสื้อแดง ธรรมกาย วิ่งกันพล่าน lobbyให้ต่างชาติกดดันชาติไทยของเรา ผมเชื่อมั่นว่าเราแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ และขอให้คนที่คิดร้ายกับบ้านเกิดเมืองนอนต้องแพ้ภัยตัวเอง
ประชุมผู้นำอาเซียนหลายปีก่อน ยังเคยโดนฝ่ายที่คิดว่าตัวเองรักประชาธิปไตยหนักหนาถล่มเละมาแล้ว เราไม่เคยลืม