--------------------------------- เห็นข่าวแล้ว นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่ง ที่หลวงพ่อจรัญ ได้เมตตาให้ธรรมะไว้... --------------------------------- ม่ายรู้ว่า กรณีนี้ เป็นที่ ลูกไม่ดี หรือ พ่อแม่ไม่ดี กันแน่...หรือ... "เลวทั้งคู่" ?… เพื่อนๆ คิดเห็นว่าไงครับ ...
น่าสน งานนี้ไอ้นิวมันจะใช้แม่ตัวเองสร้างกระแสหากินเหมือนใช้เสื้อแดงคนอื่นๆรึเปล่า หมายถึงอยากให้เป็น ##
เด็กคนนี้ เป็นทหารหรือตำรวจตั้งแต่เมื่อไหร่ ยศได้มาเพราะอะไร คนมียศก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรี แล้ว ไอ้เด็กคนนี้มันมีเกียรติมีศักดิ์ศรีตรงไหน เห็นทั้งสื่อทั้งโซเชียลเรียกกันจัง
http://m.tnews.co.th/politic/tnews.php?hotID=188059 น่าจะเป็นเรื่องนี้ ตอนแรกงง ชื่อตำรวจชื่อผู้ร้ายเหมือนกัน ตอนนี้ควายแดงคลั่งกันใหญ่ จะลาออกจากประเทศกันเลยทีเดียว
พอผมรู้ว่ามีทหารไซเบอร์ผมก็ปูเสื่อรอเลย ป่านนี้คงได้ไอพีพวกนี้หมดละรีบๆเช็คบิลเลยฮะแผ่นดินจะได้สูงขึ้น คนไทยทนดูสวะจัญไรพวกนี้โพสต์บิดเบือนโกหกตอแหลมานานละ
ทนายพาเข้ามอบตัวแล้ว พร้อมยื่นประกัน แต่ .. ค่าประกันห้าแสน...ใครจ่าย...??? http://www.naewna.com/politic/214658
ขำตอนไอนิวไปอ่านข่าวแล้วจะฟ้องให้ได้เลย แต่เจอรับฟ้องแม่มันก่อนเลย แล้วจะไปฟ้องหมิ่นสำนักข่าวเขาได้ยังไงล่ะนี่
ข้าวผัด โอเลี้ยง หญ้า พร้อม แม่จ่านิว'วืดประกันเกรงหลบหนี จ่อขอศาลทหารฝากขังอาทิตย์นี้ 6 พ.ค. 59 มีรายงานว่า ภายหลังจากที่ น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยพนักงานสอบสวน ปอท. แจ้งข้อหาฐานร่วมกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 โดยทนายความของน.ส.พัฒน์นรี ได้ยื่นขอประกันตัวโดยใช้เงินสด 5 แสนบาท ล่าสุด ทวิตเตอร์ @TLHR2014 ของ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า พนักงานสอบสวน ปอท. เห็นว่าพฤติการณ์ของ น.ส.พัฒน์นรี มีความร้ายแรง และมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยจะนำ น.ส.พัฒน์นรี ไปควบคุมตัวไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อรอขออำนาจศาลทหารกรุงเทพ ฝากขังในวันอาทิตย์นี้ (8 พ.ค.) เวลา 09.00 น. ต่อไป
จับ "แม่จ่านิว" ผิด ม.112 เข้ามอบตัว ปอท.พบหลักฐานกระทำผิดร่วมบุรินทร์ แม่ของ "จ่านิว" เข้ามอบตัวกับตำรวจ ปอท. หลังทราบว่าถูกตั้งข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 หมิ่นสถาบันเบื้องสูง หลังสอบปากคำตำรวจที่ไม่ให้ประกันตัว พร้อมนำฝากขัง ที่สถานีตำรวจทุ่งสองห้อง ขณะที่ทนายความเตรียมขอยื่นประกันตัวอีกครั้งในวันอาทิตย์ ที่ 8 พฤษภาคมนี้อีกครั้ง นางสาวพัฒน์นรี หรือหนึ่งนุช ชาญกิจ มารดา ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ "จ่านิว" เดินทางเข้ามามอบตัว กับตำรวจ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. พร้อมกับ นายธีรพันธ์ พันธุคีรี ทนายความ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หลังตำรวจตั้งข้อหาร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ หลังจากที่ พันตำรวจโทสัณห์เพชร หนูทอง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กองกำกับการ 3 ปอท. ได้ขอหมายจับ นางสาวพัฒน์นรี และศาลได้พิจารณาอนุมัติหมายจับโดยเป็นการกระทำผิดร่วมกับ นายบุรินทร์ อินติน ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ขณะที่ทำกิจกรรม ยืนเฉยๆ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยหลังจากเข้ารับฟังข้อกล่าวหา นานกว่า 4 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งกับทนายความ ว่า ขอคัดค้านการประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า เนื้องจากคดีมีอัตราโทษสูงถึง 15 ปี และเกรงว่าหากปล่อยให้ประกันตัวไป ผู้ต้องหาอาจทำการหลบหนี หรือเข้าไปยุ่งกับพยานหลักฐานได้ นายธีรพันธ์ ทนายความกล่าวว่า ได้รับการชี้แจงจากตำรจถึงการออกหมายจับ นางสาวพัฒน์นรี ในความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 ว่า มีหลักฐานมาจาก กล่องข้อความ จาก เฟซบุ๊ก โดยมีการพูดคุยกัน ระหว่างบัญชีผู้ใช้ "Burin Intin" ไปยัง บัญชีผู้ใช้ชื่อ "หนึ่งนุช" โดยบัญชี ผู้ใช้ "หนึ่งนุช" ไม่มีข้อความพาดพิงเบื้องสูง แต่บัญชีผู้ใช้ "Burin Intin" มีข้อความพาดพิงเบื้องสูง ดังนั้น เมื่อบัญชีผู้ใช้ "หนึ่งนุช" ไม่มีการตำหนิ หรือว่ากล่าวตักเตือนใด ๆ จึงเห็นว่า มีความเห็นชอบ หรือ ยินยอมด้วย ทำให้มีความผิดตามมาตรา 112 ดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้น นางสาวพัฒน์นรี ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา กาอนที่ตำรวจจะคุมตัวไปฝากขังที่สถานีตำรวจทุ่งสองห้อง และวันวันอาทิตย์ ที่ 8 พฤษภาคม จะขออำนาจศาลทหารฝากขังซึ่งตนเองจะเข้ายื่นขอประกันตัวอีกครั้ง ในเวลาประมาน 9.00 น. "จ่านิว" โพสต์เฟซเป็นห่วงแม่ อ้างไม่เคยยุ่งการเมือง ด้านนายสิรวิชญ์ หรือ จ่านิว แกนนำนักศึกษาพลมืองโต้กลับ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว sirawith Seritiwat ว่า "ตอนนี้ผมห่วงแต่สถานการณ์แม่มากที่สุด เพราะเวลานี้กำลังพบตำรวจ ที่ ปอท. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ทางศาลทหารออกหมายจับ อย่าว่าเรื่องที่เสี่ยงต่อมาตรา 112 เลยครับ เรื่องการเมืองทั่วไป แม่ผมไม่เคยจะไปพูดหรือเถียงกับใคร ถ้าผมไม่มาสนใจหรือเคลื่อนไหวทางการเมือง แม่ผมเขาก็คงไม่สนใจด้วยซ้ำ แม่ผมจะยึดหลักว่า เราเป็นคนรากหญ้า เราเป็นคนหาเช้ากินค่ำ จะเป็นอย่างไร เราก็ต้องอยู่เหมือนเดิม วันนี้ผมอยู่ต่างจังหวัด กลับไปกรุงเทพฯ ณ ตอนนี้ไม่ทัน ต้องให้ทางทนายตามเรื่องให้ ถือเป็นเรื่องช็อกทีเดียวครับ ต้องเจออะไรที่อะไรหนักหนาสาหัส และผมก็อยู่ต่างจังหวัดอีก เลยไม่อยู่กับแม่ตอนสถานการณ์แบบนี้ สงสารแม่มากในเวลานี้ ส่วนท่านใดที่อยู่ใกล้ๆ ฝากส่งกำลังใจให้ด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับเข้ากรุงเทพฯ”
อย่างงี้...พอส่ง Casting ได้มั๊ยครับ... --------------------------------- --------------------------------- "ชีวิต รันทด" ขึ้นมาทันที... นี่ก็...ผลจากการ..."หาเช้า กินค่ำ"... ------------------------------------------ ------------------------------------------
อ่านแล้วมันแปลก ๆ นะ แค่ไม่มีการตำหนิหรือตักเตือนถือว่าเห็นชอบเนี่ย แบบนี้ถ้าแกนนำที่หมิ่นบนเวทีนี่พวกข้างล่างต้องโดนข้อหาเดียวกันหมดสิ สำนวนน่าจะมีมากกว่านั้น แต่ต้องการดราม่าเลยตัดมาแค่บางส่วนมากกว่า
หรือว่าจะ "เข้าทาง" ที่ต้องการ...? เตรียมวางบิล ปิดจ๊อบครั้งใหญ่... ------------------------------------------ ------------------------------------------ "ฮิวแมนไรท์วอทช์" !?!
อืม ผมก็สงสัยคล้าย ๆ คุณ solid อะ คือปกติ ถ้าแค่ไม่ตักเตือน มันก็ไม่น่าถึงผิดหรอก แต่เราไม่เห็น ข้อความตอบโต้ ซึ่งคงไม่มีโอกาสนั้นหรอก มันก็เลยบอกไม่ได้ว่า ไม่ตักเตือน คือ เห็นด้วยเลยไม่ตำหนิ หรือ แค่ไม่อยากขัดเพื่อน อย่างผมยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมกำลังแชท กับคนที่จะค้าอาวุธ แล้วพอเค้าเริ่มพูดเรื่องนี้ แล้ว ถ้าผม ยังไม่พยายามให้เค้าเปลี่ยนเรื่อง นี่คนที่ แอบมาเห็น ก็อาจสงสัยได้ว่า ผมร่วมรู้เห็น บางอย่างด้วยหรือเปล่า เพราะอย่างที่รู้กันว่า การค้าอาวุธผิดกฏหมาย ถ้ามีการพูดคุย ต้องรีบตัดบทแล้ว แต่ถ้ายังฟังต่อ มันก็พูดยาก ที่จะบอกว่า เราเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพราะอย่าลืมว่า แชทในเฟส มันเก็บข้อมูลได้ ถ้าเราเกรงกลัวกฏหมาย หรือบริสุทธิ์ใจ ควรต้องรีบ ตัดไฟแต่ต้นลมแล้ว การนิ่ง หรือ อาจไม่นิ่ง( มันขึ้นกับ บทสนทนา จริง ๆ ด้วย) มันไม่ได้บอกทั้งหมด ว่าเราไม่เห็นด้วย หรือ บริสุทธิ์ใจ อันนี้มันแล้วแต่วิจารณญาณ ของคนทำคดีด้วย เพราะถ้า คนทำคดีเล่นงานแต่บุรินทร์ สำหรับตัวบุรินทร์เอง ก็จะรู้สึกหรือเปล่า ว่า อ้าว ทำไมตัวเองถึงถูกคดีคนเดียว ก็คุยกัน 2 คน ตัวเองไม่ได้บ้าคุยกับคอมพิวเตอร์ เสียหน่อย
อาจจะเป็นการ "ขุดบ่อ ล่อปลา" ก็ได้… ใครเดือดเนื้อ ร้อนใจในเรื่องนี้ แล้วรีบเร่งโร่ออกมา "โหวกเหวก โวยวาย" ก็จะได้เห็นกันจะจะ จากนั้นก็ ตามรวบรวม เก็บข้อมูล หลักฐานต่างๆ ไว้ใช้งาน ต่อไป... ---------------------------------------- ----------------------------------------
เหอๆๆ…เตือนชาวไพร่ ไว้ด้วยเลยแล๊ะกัลล์... ----------------------------- -----------------------------
กราบนมัสการพระคุณเจ้า ขอเรียนให้ทราบว่าคำว่า"จ่า"ของเด็กคนนี้ น่าจะมาจากคำว่า "สุนัขจ่าฝูง" โดยในสุนัขทุกฝูง(ตั้งแต่ ๓ ตัวขึ้นไป) จะมี"จ่าฝูง"เสมอเป็นธรรมชาติของมัน โดยตัวจ่าฝูงจะมีชื่อเรียกว่าตัวอัลฟ่า(Alfa) ส่วนตัวตามจะมีชื่อเรียกว่าโอเมก้า(Omega) http://www.jojohouse.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539327609&Ntype=5
นิสัยชอบเอามนุษย์คนอื่นเป็นตัวประกันเวลาตัวเองจะเข้าคุกเข้าตะราง ยีนเด่นขนาดนี้ ผิดก็คือผิด แล้วลูกเธอคงดูแลไหวแหล่ะ เห็นเอาเงินไปประกัน และใช้เงินน้อยๆที่ใหน เห็นฟ้อง คสช.ไปถึงขั้นฎีกา มีเงินเยอะพอตัว
7 พ.ค. 59 - เมื่อเวลา 13.10 น. ที่บก.ป. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายเสนาธิการผู้บังคับบัญชาคณะทำงานพิเศษฝ่ายกฎหมาย คสช. พร้อมด้วย พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 ปอท. และพ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง รองผกก(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท ร่วมแถลงข่าวและชี้แจงผลการจับกุม น.ส.พัฒน์นรี หรือ หนึ่งนุช ชาญกิจ ผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ต.อ.โอฬาร กล่าวว่า การดำเนินการเกี่ยวกับคดีดังกล่าวซึ่งประกอบด้วยกฎหมายหลายข้อ อาทิ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยทาง บก.ปอท. ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินคดี และมีการให้ข้อมูลจนเกิดความสับสน มีการกล่าวหาใส่ร้ายว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปโดยไม่มีหลักฐาน หรือกลั่นแกล้ง เรื่องนี้จึงต้องขอชี้แจ้งทำความเข้าใจว่า การดำเนินการดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอน และมีพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนชัดเจน สำหรับพฤติการณ์แห่งคดีนั้นทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดได้ เนื่องจากเป็นขั้นตอนในการสอบสวนสืบสวนจึงต้องเป็นความลับ อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่ามีการนำเสนอข้อมูลต่อศาลให้พิจารณาและศาลได้มีคำสั่งให้ออกหมายจับดำเนินคดีทั้งสองราย ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้อาศัยอำนาจอื่นใดในการดำเนินคดี และตามกฎหมายสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 48 ชั่วโมง ซึ่งในวันที่ 8 พ.ค.นี้จะนำตัวน.ส.พัฒน์นรี ไปฝากขังที่ศาลทหารตามขั้นตอน พ.ต.อ.โอฬาร กล่าวอีกว่า กรณีที่ประชาชนมีการบอกว่า น.ส.พัฒน์นรี ไม่ได้มีการดำเนินการดังกล่าวนั้น ต้องบอกว่าไม่เป็นความจริง เพราะจากการตรวจสอบพบว่า น.ส.พัฒน์นรี และ นายบุรินทร์ มีการดำเนินการร่วมกัน มีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ซึ่งทุกอย่างจะปรากฏในชั้นศาล รวมถึงบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องหากตรวจพบการกระทำผิดแบบเดียวกันนี้จะดำเนินการทันที และขอความร่วมมือหากมีการนำเสนอข้อมูลควรมีหลักฐาน ไม่ควรบิดเบือน หรือนำสิ่งที่ตัวเองคิดแล้วนำเสนอออกไป ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับผู้ปฏิบัติงานได้ ยืนยันว่าตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งที่ บก.ปอท. ตั้งแต่มี บก.ปอท. ครั้งแรก ไม่เคยมีการกลั่นแกล้งใดๆ หรือข่มขู่ เพื่อให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐาน สำหรับบุคคลที่แชร์และกดไลค์ข้อความที่แสดงให้เห็นถึงสนับสนุนการกระทำผิดดังกล่าว ก็ถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน "ตำรวจไม่ได้มีการรินรอนสิทธิของสื่อ ไม่มีการเซ็นเซอร์ข่าว ไม่เคยมีการห้ามในการแสดงความคิดเห็น แต่ทั้งนี้จะต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ขอความกรุณาสื่อมวลชน หากต้องข้อมูลที่เป็นประโยชน์สามารถติดต่อมาได้โดยตรงที่ผม หรือพนักงานผู้ปฏิบัติงานคดีนี้ บอกได้ในข้อเท็จจริงตามกฎหมาย แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดข้อความเนื้อหาได้ เพราะเป็นความลับในชั้นการสอบสวน ยืนยันว่าการพูดคุยของทั้งสองคนเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา โดยแม่จ่านิวไม่ได้พิมพ์เพียงแค่คำว่า จ้า เนื่องจากมีการสนทนาที่มากกว่านั้น" พ.ต.อ.โอฬาร กล่าว เมื่อผู้สื่อถามว่าการพิมพ์คำว่า จ้า ถือว่าเป็นการสนับสนุน ทำไมถึงตีความว่าเป็นการกระทำความผิด พ.ต.อ.โอฬาร ตอบว่า การดำเนินการทางกฎหมายไม่มีการตีความ จะต้องดูพฤติการณ์ของผู้กระทำ ถึงจะมีการพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนั้นที่จะมาบอกว่าพิมพ์คำว่า จ้า อย่างเดียวและผิดกฎหมายนั้น อันนี้ถือว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งผู้ที่นำเสนออาจทำให้โดนดำเนินคดีได้ โปรดระมัดระวัง ต้องยืนยันอีกว่า ผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยศาล อย่างไรก็ตามจะมีการควบคุมตัว น.ส.พัฒน์นรี ไว้ที่ บก.ป. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารได้นำกำลังไปค้นบ้านของ นายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว ในช่วงเวลาตั้งแต่ 13.00 น. วันที่ 7 พ.ค. โดยดำเนินการเข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมจำนวน 3 จุด ได้แก่ บ้านเลขที่ 12/109 ม.4 คลอง 12 เขตหนองจอก กทม. บ้านเลขที่ 99/10 ม. 8 คลอง 1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และบ้านเลขที่ 53/88 ม.4 ถ.พระยาสุเรนท์ เขตคลองสามวา กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. วันที่ 7 พฤษภาคม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้เดินทางมายังบ้านเลขที่ 53/88 หมู่บ้านธีรวรรณ ซอยรามอินทรา 109 หรือ ถ.พระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายศาลเพื่อเข้าตรวจค้น พร้อมบันทึกภาพภายในบ้าน ซึ่งใช้เวลาตรวจค้นประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นได้นำเอาคอมพิวเตอร์พีซี จำนวน 2 เครื่อง ของ นายสิรวิชญ์ ไปดำเนินการตรวจสอบหาข้อมูล และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ หรือ หนึ่งนุช มารดาของ นายสิรวิชญ์ ซึ่งถูกจับในข้อหาตาม ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ วันนี้ตำรวจได้ย้ายตัวแม่ของจ่านิว จาก สน.ทุ่งสองห้อง ไปยังกองปราบ หลังจากที่เมื่อวานนี้ ไม่อนุญาตให้ประกันตัวเพราะเกรงว่าจะหลบหนี ไปติดตามบรรยากาศสดของการย้ายครั้งนี้กับ อนุพันธุ์ จันทะ คุม แม่จ่านิว ไปกองปราบเมื่อวานนี้ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ไม่ให้ประกันตัว นางสาวพัฒน์นรี หรือ หนึ่งนุช ชาญกิจ ผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยให้เหตุผลว่า ตำรวจมีหลักฐานเป็นข้อความสนทนาผ่านโปรแกรมแชตเฟซบุ๊กส่วนตัว ระหว่าง เพจเฟซบุ๊กของ นายบุรินทร์ อินติน แนวร่วมพลเมืองโต้กลับ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ กับ เพจเฟซบุ๊กชื่อ หนึ่ง นุช ที่เชื่อว่าเป็นของ นางสาว พัฒน์นรีและคดีนี้ ยังเป็นคดีสำคัญที่อัตราโทษสูง จึงเกรงว่าหากได้รับการประกันตัว ผู้ต้องหาอาจหลบหนี หรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน โดยมีรายงานว่า ทนายความ อานนท์ นำภา จะขอยื่นคำร้อง เพื่อประกันตัวในชั้นศาลต่อไป พร้อมระบุว่า ตลอดคืนที่่ผ่านมา นาง พัฒน์นรี ยังอยู่ในภาะค่อนข้างเครียด เนื่องจากต้องเตรียมใจ และปรับตัวกับข้อหาที่ถูกแจ้ง ขณะที่ ทนายความจากศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน ธีรพันธ์ พันคีรี ระบุว่า นางสาวพัฒน์นรี ให้การปฏิเสธ และยืนยันว่า ไม่รู้จัก นายบุรินทร์ อินติน ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เป็นการส่วนตัว แต่อาจเคยพบกันในขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ และไม่พูดคุยกันทางเฟซบุ๊ก หรือ ไลน์ สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ ตำรวจจะพาตัว ผู้ต้องหาไปฝากขังผัดแรกต่อศาลทหาร ในวันที่ 8 พฤษภาคม ข่าว 7 สี - ตำรวจยืนยันมีหลักฐานชัดเจน ในการจับกุมดำเนินคดีมารดาของจ่านิว ระบุกระแสวิพากษ์วิจารณ์หลักฐานการจับกุมในโลกโซเชียลถูกบิดเบือนเร่งหาต้นตอปล่อยข่าว เมื่อช่วงสายที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ควบคุมตัว นางสาวพัฒน์นรี หรือ หนึ่งนุช ชาญกิจ แม่ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ผู้ต้องหาตามความผิดข้อหาหมิ่นสถาบัน ตรามาตรา 112 และความผิดทางพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จาก สน.ทุ่งสองห้อง มาควบคุมตัวไว้ ที่ห้องควบคุม กองบังคับการปราบปรามถนนพหลโยธิน ซึ่งระหว่างการควบคุม นางพัฒน์นรี มีสีหน้าเคร่งเครียด และนายสิรวิชญ์ ก็ติดตามมาขอเข้าเยี่ยมมารดาเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนจะรีบเดินทางกลับบ้านไป เนื่องจากมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการเข้าตรวจค้นเพื่อค้นหาพยานหลักฐานที่บ้าน ด้านพันตำรวจโท โอฬาร สุขเกษม ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. หัวหน้าชุดสอบสวนในคดีนี้ แถลงข่าวชี้แจงการจับกุม มารดาของจ่านิวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการจับกุม ตามขั้นตอนอย่างถูกต้องโดยมีการนำหลักฐาน การสนทนา ของมารดาจ่านิว และนายบุรินทร์ อินทร์ติน ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 หมิ่นสถาบันเบื้องสูง จึงใช้พยานหลักฐานดังกล่าว ยื่นขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับดังกล่าว โดยไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง หรือ มีคำสั่งจากคสช.แต่อย่างใด แต่เป็นการตรวจค้นตามกฎหมาย และพบพยานหลักฐานดังกล่าวเอง ส่วนกรณี ที่ในโลกโซเชียลมีการเผยแพร่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมแม่ของจ่านิว เพราะมีหลักฐานว่า แม่ของจ่านิว ตอบรับในบทสนทนาเพียงคำว่า "จ้า" คำเดียวนั้น. ไม่เป็นความจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐาน ชัดเจนว่า ก่อนที่แม่จ่านิว จะตอบรับ คำว่า "จ้า"นั้น มีการพูดคุย และพิมพ์ถ้อยคำ ที่เป็นการหมิ่นสถาบันอย่างชัดเจน ซึ่งบทสนทนาที่เปิดเผย ในโลก social นั้นเป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการบิดเบือนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเสียหาย ทั้งนี้จะมีการพิจารณาดำเนินคดี กับผู้ที่เผยแพร่ และบิดเบือนข่าวดังกล่าว โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมแม่ของจ่านิวไว้ ที่ห้องขังของกองปราบปรามก่อนจะส่งฝากขังที่ศาลทหาร ในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 10.00 น. ผบ.ตร.ยืนยันมีหลักฐานในการดำเนินคดี “แม่จ่านิว”สอบพบมีพฤติกรรมแชทหมิ่นฯผิดม.112ไม่ใช่แค่คำว่า “จ้า”
ผมว่าไอ้พวกเดียวกันนั่นแหละ ที่ขุดบ่อล่อควาย ล่อให้แม่ไอ้นิวตกลงไปในบ่อ จะได้เป็นควายแดงแท้ ไอ้นิวก็เอาแม่เป็นควายบูชายันต์ เพื่อช่วยให้ไอ้แม้วได้ดิสเครดิตลุงตู่ เฮ้อ มันจะเป็นควายกันทั้งโครต จนตัวตายก็ยังไม่รู้ตัวว่าโดนหลอกใช้งาน
อ้าว นายเวร คนกาง เลอคู และเหล่าควายแดงในนี้ ช่วยโอนเงินโดยเร็วไว ช่วยแสดงหลักฐานการโอนด้วยนะครับ เอ ว่าแต่ ผมอยากโอนตีนไปให้อ่ะ ทำยังไงดี
อันนี้ ความเห็นส่วนตัวนะ ผมว่า ทุก ๆ คนอะ ไม่ว่าจะ ฝ่ายไหน เกลียดหรือชอบทักษิณ ควรต้องปกป้องตัวเองไว้ก่อน เพราะกฏหมาย เวลาทำผิดแล้วอะ จะอ้างว่า ไม่รู้ไม่ได้นะ (อันนี้ผมจำได้ เพราะครูกฏหมายผม เค้าย้ำเรื่อย) จะโพสต์อะไรลงอินเตอร์เน็ตอะ ต้องไม่ให้มันชัดเกินไป บางทีก็ต้องอ้อมบ้าง ผมไม่รู้นะ ว่าบุรินทร์มันพิมพ์อะไรลงไป แต่คิดว่าคงชัดเจน ส่วนนี้เชื่อเพราะ ฝ่ายแดง ไม่เถียงเรื่องบุรินทร์เลย ดังนั้น ถ้าอีกฝ่ายที่กำลังโต้ตอบกับเรา เค้ากำลังหาตะรางให้เรา ถ้าเราจะปกป้องตนเอง ควรทำไง อย่างง่าย ๆ เลยนะ ถ้าเพื่อนผม มันชวนผมคุยเรื่อง ล่อแหลมจะหาความซวยให้ เป็นผม สิ่งแรกที่จะทำเลย จะบอกว่า " เออ อะไรก็ตามอะ แต่ตรงนี้มันพูดไม่ได้นะ แกต้องรู้ว่า กฏหมายมันไม่ใช่ กฏโรงเรียน หรือ บริษัทนะ ที่จะขอโทษแล้วจบเรื่องอะ เอาไว้เวลาอื่นละกัน ตรงนี้ไม่สะดวก " นี่ แค่นี้อะ พูดเป็นหรือเปล่า ถ้ามี บทสนทนาตรงนี้ออกมา ตำรวจเค้าจะจับเราได้ไหม ใช่ไหม ไม่ว่าเราจะเป็นพวก เก็บซ่อนความรู้สึก ไม่พอใจอะไรไว้ แต่กฏหมาย มันก็คือ กฏหมายอะ แต่ถ้าคิดว่าตัวเอง ไม่กลัวอะไรแล้วชาตินี้ จะทำอย่างบุรินทร์มันก็ได้ ใครจะว่า แต่ถ้าไม่อยากมีเรื่อง ขึ้นโรงขึ้นศาล มันต้องหัดปกป้องตัวเอง ไม่ใช่เหรอ เพราะข้ออ้างว่า ไม่รู้กฏหมาย หรือไม่รู้ ว่าทำอย่างนี้ก็ผิด มันอ้างได้ที่ไหน ถ้าคุณยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือ เพราะเด็กเกินไป พอจะตีความกฏหมายได้ อันนั้น ค่อยมาอ้างนะ คุณจะชอบที่กฏหมาย มันเป็นแบบนี้หรือไม่ก็ตามเหอะ แต่เมื่อมันออกเป็นกฏหมายแล้ว มันหมายความว่า คุณต้องปฏิบัติตาม ไม่มีข้อยกเว้น ใช่ไหม ไม่งั้น บ้านเมืองมันจะปกครองยังไง ถ้าประชาชนอ้างได้ ว่าชั้นไม่เห็นด้วยกับกฏหมาย ดังนั้น ทำผิดกฏหมายข้อนี้ ชั้นไม่ยอมรับผิด ทำอย่างนี้ได้ไหม โต ๆ กันแล้วอะ
อ้าว! มีก่อนไม่เป็น นส. จะใช้ นส. ได้ไง??? เรื่องใช้ นส. นำหน้านามนี้ น่ามีข้อกำหนดนะ ว่าหากมีลูกแล้ว ยังไม่จดทะเบียน ให้ใช้ นาง. หรืออาจมีแต่งงานหรือยังไม่แต่ง จดทะเบียน เมื่ออายุเกิน 25ปี ให้ใช้เป็น นาง. ทุกคน ง่ายๆว่า ใช้ นส. ได้ช่วงอายุ 15-25ปี หากมีลูก หรืออายุเกินกำหนด ให้ใช้เป็น นาง. ทุกคน
บรรยากาศที่ศาลทหารกรุงเทพเช้าวันนี้เต็มไปด้วยกองทัพผู้สื่อข่าว แม้จะเป็นวันอาทิตย์ เนื่องจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ได้นำตัว นางสาวพัฒน์นรี หรือ หนึ่งนุช ชาญกิจ มารดาของ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว สมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ไปยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกต่อศาลทหาร พนักงานสอบสวนปอท. คุมตัว นางสาวพัฒน์นรี มารดาของจ่านิว ไปที่ศาลทหารตั้งแต่เวลา 07.20 น. เร็วกว่าเวลาที่กำหนดไว้กว่า 1 ชั่วโมง โดย นางสาวพัฒน์นรี ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ โทั้งนี้ นางสาวพัฒน์นรี มีสีหน้าเรียบเฉย เดินลงจากรถแล้วขึ้นศาลไปทันที ต่อมาเวลา 08.40 น. นายสิรวิชญ์ ได้เดินทางไปที่ศาลทหารด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยช่วงแรกยังไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน จากนั้นเวลา 09.30น. ตุลาการศาลทหารได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคำร้องขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน โดยพนักงานสอบสวน ปอท.ให้เหตุผลว่า ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 7 ปาก และต้องตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา รวมถึงโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งตรวจสอบประวัติลายนิ้วมือ ประกอบกับคดีมีอัตราโทษสูงเกิน 10 ปี แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัว เพราะผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเอง ขณะที่ทนายความของนางสาวพัฒน์นรี ได้ยื่นคัดค้านการฝากขัง โดยให้เหตุผล 4 ข้อ คือ ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี // ผู้ต้องหาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ // เห็นว่ายังไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามข้อกล่าวหา // และการคุมขังผู้ต้องหาจะส่งผลทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน เบื้องต้นตุลาการศาลทหารเห็นควรให้ฝากขังตามคำร้องของพนักงานสอบสวนเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 พฤษภาคม โดยให้นำตัวส่งที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ขณะที่ นางสาวภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล นางสาวภาวิณี ทนายความของผู้ต้องหา ตั้งข้อสังเกตว่า การบุกยึดคอมพิวเตอร์ที่บ้านของ นางสาวพัฒน์นรี น่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ด้านนายสิรวิชญ์ กล่าวว่า พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่เหมือนใช้มารดาของตนเป็นตัวประกัน ซึ่ตนจะไม่ยอมเปลี่ยนจุดยืนและจิตวิญญาณ ช่วงนี้เราไปติดตามความคืบหน้าล่าสุดจากศาลทหาร กับคุณอัญชลี อริยกิจเจริญ ทีมพิกัดข่าว NOW26 ครับ ความคืบหน้าจากศาลทหารเวลาประมาณ 12.30 น. ล่าสุดศาลทหารให้ประกันตัว นางสาวพัฒน์นรี แม่ของจ่านิว วงเงินประกัน 5 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขห้าม ห้ามยั่วยุ ปลุกปั่น ห้ามเคลื่อนไหว ชุมนุมทางการเมือง / ห้ามออกนอกประเทศ // ส่วนการปล่อยตัว จะไปดำเนินการปล่อยตัวที่ทัณฑสถานหญิง