สวัสดีครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจการเมืองและติดตามมานาน แต่ก็พอรู้คร่าวๆไม่ได้รู้จริง ทีนี้ล่าสุดเพิ่งจะมาลองไล่อ่านคดีต่างๆ แต่ปรากฏว่าเซิจหาข้อมูลใน Google แล้วมันมีข่าวสารหลายกระแสบ้าง บอร์ดที่เอียงไปฝั่งทักษิณก็อ้างอย่าง บอร์ดที่อยู่คนละฝั่งก็อ้างอย่าง แต่ผมอยากได้ข้อมูลที่ฟังแล้วมีที่มาที่ไปน่าศึกษาครับ ซึ่งมีหลายประเด็นด้วยกัน แต่บางคดีอย่างที่ดินรัชฎาผมได้ตามอ่านการโต้แย้งกันในบอร์ดนี้แล้วค่อนข้างกระจ่างละครับ แต่ประเด็นนี้ผมยังค้นหาไม่เจอในบอร์ดนี้ ประเด็นคือผมไปเจอในบอร์ดพันทิป ซึ่งก็รู้อยู่ว่าแดงแจ๋ แต่ปัญหาคือผมอยากดูข้อเท็จจริงเลยลองๆอ่านดู ผมก็รู้มาเบื้องต้นว่าคดีเป็นไง แต่ดีเทลมันไม่ชัดเจน แต่กระทู้นี้น่าสนใจเพราะเขาพูดฟังดูมีเหตุผล จะขาดก็หลักฐานที่มาที่ไปของข้อมูลว่าที่พูดน่ะมันไม่ได้มั่ว ผมเลยอยากถามผู้รู้หลายๆท่านในนี้ครับว่า ที่ จขกท. นี้พูดมามันจริงหรือไม่ ประเด็นไหนมั่ว ก็อยากให้อธิบายเพื่อที่จะได้เป็นความรู้ครับ http://pantip.com/topic/31820317 และถ้าเป็นไปได้ ผมกำลังหาเอกสารคำพิพากษาของคดีนี้ แต่เซิจใน google แล้วไม่เจอเลย keyword อาจยังไม่ดีพอ ใครมีลิงค์ก็รบกวนสงเคราะห์ได้นะครับ ป.ล. ในโอกาสต่อๆไปผมจะมาตั้งกระทู้ลักษณะนี้ต่อ ที่จริงเจตนาผมคือต้องการข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง สามารถนำไปใช้คุยกับคนอื่น (หรือเรียกว่าไปเถียงคนที่อ้างผิดๆน่ะแหละ) ได้ ซึ่งเบื้องต้นผมก็พยายามศึกษาด้วยตัวเองแล้ว แต่ในบางเรื่องยังขาดหลักฐานที่น่าเชื่อถือ เพราะในอินเตอร์เน็ตยุคนี้ต่างคนก็พูดกันไป จนไม่รู้จะเชื่อใครดี อย่างในพันทิปนี่ผมแทบจะไม่อยากเชื่อเลย แต่พอเขามีประเด็นที่น่าฟังมันก็น่าเชื่อนะ แต่ยังไงก็ยังเชื่อไม่ลงจนต้องมาถามที่นี่แหละครับ และถ้าเป็นไปได้ หากการถามของผมมันได้ข้อมูลที่ชัดเจน ก็อยากจะให้ใช้เป็นกระทู้อ้างอิงในแต่ละเรื่องเลยครับ (อาจจะหวังเอาแก่ได้มากไปหน่อย แต่ก็ต้องรบกวนผู้รู้จริงๆครับ)
โอ๊วววววว หรือว่ามีภาค2 ภาค3 อีกดัวยหรืิอเปล่าจ๊ะ พันทิบว่าเจ๋งนะ ผมยังไม่อ่านนะ แปลว่า อยากรู้ด้วยคน แปลว่า เสื้อแดงในนี้อาจเจ๋งกว่าแดงพันทิบ เด๋วก็รู้
มั่วทุกประเด็น การที่กฎหมายอนุญาตให้คุณโอนหุ้นให้คนใช้ได้ ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายอนุญาตให้ทำอย่างนั้นเพื่อปกปิดทรัพย์สินได้ เจ้าของกระทู้นู้นก็บอกเองด้วยซ้ำว่าทักษิณยอมรับด้วยตัวเองว่าให้คนอื่นถือหุ้นแทนเพราะไม่อยากให้เป็นชื่อตัวเองเพราะมีผลต่อความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ ถ้าไม่มีอะไรต้องปกปิดก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ในเมื่อทักษิณรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นหุ้นที่ให้คนอื่นถือแทน ย่อมต้องเข้าใจว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบในการแสดงบัญชีทรัพย์สิน เพราะจุดประสงค์ของการแสดงบัญชีทรัพย์สินคือความโปร่งใส การปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับทรัพย์สิน มีความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 40 มาตรา 295 ถ้ามีมโนสำนึกสักหน่อย ก็รู้ได้ไม่ยากหรอกครับว่าข้อมูลส่วนนี้ควรจะแจ้งให้ทราบ ที่ทักษิณไม่แจ้งไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไม่อยากแจ้งมากกว่า ก็ใครจะอยากแจ้งว่าตัวเองเอาหุ้นไปซุกไว้กับคนนั้นคนนี้ถ้าไม่จำเป็น
ทักษิณซุกหุ้นภาคแรกลองหาจากคำว่า บกพร่องโดยสุจริต ดูสิครับ เปิดโปงครั้งแรกประมาณช่วงปี 41 ครั้งนั้น ศาล รธน เสียหายมาก เพราะตัดสินว่าทักษิณพ้นผิดด้วยคะแนน 8 ต่อ 7 นาย ประเสริฐ เกิดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2474 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญคนที่ 2 ของประเทศไทย โดยบทบาทสำคัญของนายประเสริฐ คือเป็นผู้ที่วินิจฉัยความผิดในคดีซุกหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็น 1 ในจาก 7 เสียงส่วนน้อย ที่วินิจฉัยว่า พ.ต.ท.มีความผิดในคดีซุกหุ้น 1 เมื่อ พ.ศ.2544 คำวินิจฉัยของนายประเสริฐ ได้รับการยอมรับจากวงการนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ว่า เป็นคำวินิจฉัยที่ดีที่สุดของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะนอกจากจะวางหลักกฎหมายและข้อเท็จจริงแล้ว ยังสอดแทรกแนวคิดในเรื่องรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตย และที่สำคัญที่สุดคือ จริยธรรมและคุณธรรมของผู้นำ- ดูรายละเอียดผู้ถูกคณะกรรมการ ก.ล.ต. ปรับ และจำนวนเงินค่าปรับ กรณีการใช้ข้อมูลภายในได้จากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจประจำวันจันทร์ที่ ๒๙ - วันพุธที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๔๔) ประชาชาติธุรกิจขอนำบางตอนของคำวินิจฉัยของนายประเสริฐ นาสกุล ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ๒๐/๒๕๔๔ วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๔ ลงมานำเสนอท่านผู้อ่าน ดังนี้ ... การพัฒนาระบบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยลอกเลียนความรู้จากกฎหมายของต่างประเทศในระบบทุนนิยมมาประยุกต์ใช้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่ใช้สติและปัญญานำเอาวิธีปฏิบัติที่ดี และเหมาะสม ตลอดจนวิธีการป้องกันการเอาเปรียบ การเลี่ยงปฏิบัติตามกฎหมาย ฯลฯ มาใช้ด้วย ประกอบกับการเอาความสะดวกสบายโดยไม่รู้จักคิด ปล่อย หรือยอมให้ผู้อื่นคิดแทน โดยไม่มีการพิจารณาว่า ระบบดังกล่าวสอดคล้องกับศีลธรรมและวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทยหรือไม่ เพราะผู้นำเข้ามุ่งแต่การมีระเบียบแบบแผน กฎหมาย และหวังในความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ขาดประสบการณ์ ไม่ทราบ หรือคาดคิดมาก่อนว่า ความรู้ที่นำมานั้นอาจจะก่อให้เกิดปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม และเตรียมการป้องกันไว้ด้วย เช่น การประกอบธุรกิจแบบครอบครัวได้พัฒนาเป็นห้างหุ้นส่วน บริษัทเอกชน บริษัทมหาชน และกลุ่มบริษัท โดยมีตลาดหลักทรัพย์ ฯ เป็นแหล่งระดมเงินทุน และต่อไปจะมีตลาดกลางสินค้าเกษตรล่วงหน้า แต่มีผู้คิดหาช่องทางต่าง ๆ ของกฎหมาย เช่น การค้าเสรีเปิดโอกาสให้ใครมือยาวสาวได้สาวเอา โดยใช้ความได้เปรียบในฐานะทางเศรษฐกิจ ถิ่นที่อยู่ และการศึกษา การเอาประโยชน์โดยใช้ ผู้ใกล้ชิดให้มีจำนวนเพียงพอที่จะก่อตั้งบริษัท แล้วโอนลอยหุ้น การใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทน การปล่อยเงินกู้เฉพาะแก่คนรู้จัก การโอนถ่ายกำไรระหว่างบริษัท การใช้ข้อมูลภายในของบริษัท และกลุ่มบริษัทเพื่อ ขยายกิจการ และการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม (มีการบอกกล่าวข้อความอันเป็นเท็จ การปล่อยข่าวลือ การอำพราง การใช้ข้อมูลภายใน - ดูรายละเอียดผู้ถูกคณะกรรมการ ก.ล.ต. ปรับ และจำนวนเงินค่าปรับ กรณีการใช้ข้อมูลภายในได้จากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจประจำวันจันทร์ที่ ๒๙ - วันพุธที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๔๔) ผู้ถูกร้องจะทราบความจริงนี้หรือไม่ก็ตาม แต่ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ และชัดถ้อย ชัดคำว่า การที่ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจประสบความสำเร็จ จนมีบริษัทในเครือและทรัพย์สินมากมาย โอนลอยหุ้น และใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทน นั้น เป็นการประกอบธุรกิจตามปกติธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ทำกันอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่การทำธุรกิจในระบบนายทุนของต่างประเทศเป็นการกระทำมุ่งแสวงหากำไร เป็นความโลภ และความฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ ไม่คำนึงถึงศีลธรรม และวัฒนธรรมอันดีงามของไทย นอกจากนี้ ผู้ถูกร้องอ้างว่า เลิกกระทำธุรกิจหันมาทำงานการเมืองแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ และมอบการบริหารธุรกิจในกลุ่มบริษัทให้แก่คู่สมรส (ในกรณีที่ผู้ถูกร้องเป็นผู้รับสัมปทานจากรัฐ อาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๑๐ (๒)) บุตร และเครือญาติ ดำเนินการต่อไป (แทนที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๐๙ โอนหุ้นให้นิติบุคคลซึ่งจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น เช่น การให้ทรัสต์จัดการทรัพย์สิน ในกรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา - ซึ่งเป็นความคิดก้าวหน้าสำหรับประเทศไทย) และ ผู้ถูกร้องเข้าใจผิดว่า จำนวนประชาชนที่ออกเสียงเลือกผู้ถูกร้องในการเลือกตั้งทั่วไป เพราะผู้ถูกร้องเสนอ โครงการต่าง ๆ เป็นที่ถูกใจได้นั้น มากมายมหาศาล แต่จำนวนประชาชนดังกล่าวมิได้มากกว่าจำนวนคนที่ทราบว่า ผู้ถูกร้องและคู่สมรสมีทรัพย์สินและหนี้สินจริงในวันยื่นบัญชี ฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๙๑ วรรคสอง เพราะประชาชนสิบเอ็ดล้านกว่าคนนั้นไม่ทราบจำนวนทรัพย์สินและหนี้สินจริงของผู้ถูกร้อง และคู่สมรสดีไปกว่าเลขานุการส่วนตัวเพียงสองคนของผู้ถูกร้องและคู่สมรส เพราะเป็นคนละเรื่องกัน การกระทำของผู้ถูกร้องดังกล่าวข้างต้น ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกร้องซึ่งเป็นผล ของอดีต ยังคงคิดและทำเหมือนเดิม เหมือนนักธุรกิจคนอื่น ๆ ในระบบทุนนิยมในประเทศไทย แต่ยังคง เข้าใจผิดคิดว่า แนวความคิดที่จะบริหารประเทศของผู้ถูกร้องเป็นการคิดใหม่และทำใหม่ ไม่เข้าใจสาเหตุ ที่แท้จริงของปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของชาติ ซึ่งแก้ไขไม่ได้ด้วย เงิน อย่างเดียว ผู้ถูกร้องโฆษณาให้ประชาชนทราบเพียงว่า ผู้ถูกร้องประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ มีเงินทองมากมาย ไม่ทุจริต ผิดกฎหมาย และไม่อำพราง แล้วอุทิศตัวหันมาทำงานทางการเมือง โดยโอนการจัดการธุรกิจ ให้แก่คู่สมรส บุตร และเครือญาติ ผู้ถูกร้องรู้ปัญหาของบ้านเมืองดี จึงอาสาเข้ามาแก้ไข แต่ผู้ถูกร้องมิได้แสดงหรือเปิดเผยว่า ความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในอดีตของผู้ถูกร้อง ภายในระยะเวลาอันสั้นนั้น กระทำได้อย่างไร และจะแก้ปัญหาการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ของครอบครัวกับประโยชน์ของส่วนรวมหรือของชาติอย่างไร ปัญหาของบ้านเมืองบางอย่าง อาจแก้ไขได้โดยไม่ต้องใช้เงินทองเลย เพียงแต่ ผู้นำของประเทศต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี โดยการคิด พูด และทำตรงกัน และชี้นำประชาชนในชาติว่า ปัญหาของชาตินั้นอยู่ที่ทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไข ด้วยการลด ละ และเลิก ความเห็นแก่ตัว เป็นอันดับแรก ยิ่งทำได้มากและรวดเร็วเท่าใด จะสามารถนำพาชาติบ้านเมืองให้รอดพ้นจากภาวะวิกฤติสู่ความเป็นปกติรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น หากไม่แก้ไขความเห็นแก่ตัวก่อนแล้ว เห็นว่า หมดหวัง เพราะไม่มีทางอื่นใดที่จะแก้ไขปัญหาของชาติในเวลานี้ได้ อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อผู้ร้องกล่าวหาผู้ถูกร้องว่า จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ มีข่าว ที่ค่อย ๆ เบี่ยงเบนประเด็นที่ผู้ถูกร้องถูกกล่าวหาทีละน้อย ๆ และเป็นระยะ ๆ ว่า ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจจนร่ำรวยด้วยน้ำพักน้ำแรง ไม่มีการทุจริต ผิดกฎหมาย ผู้ถูกร้องเป็นคนแรกที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ประชาชนทราบ ในขณะที่ยังไม่มีกฎหมายบังคับ ผู้ถูกร้องสมัครใจยื่นรายการทรัพย์สินและ หนี้สินเพิ่มเติมเอง หากศาลเห็นว่า ผู้ถูกร้องกระทำผิด ก็เป็นการทำผิดโดยสุจริต ควรใช้หลักรัฐศาสตร์ ชลอการตัดสินคดี หรือยกโทษให้ผู้ถูกร้อง ไม่ควรลงโทษผู้ถูกร้องซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน สิบกว่าล้านคน เพื่อให้โอกาสผู้ถูกร้องบริหารประเทศต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพราะไม่มีใครดีกว่าผู้ถูกร้อง ประเทศไทยขาดผู้ถูกร้องไม่ได้ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติให้ศาลกระทำได้ และเมื่อใกล้จะถึงวันที่ศาลลงมติ มีข่าวหนาหูขึ้นว่า ฝ่ายผู้สนับสนุนผู้ถูกร้องจะชุมนุมกันเพื่อกดดันศาล จะวางเพลิงเผาศาล ตลอดจน จะทำร้ายตุลาการบางคน จนกระทั่งมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปให้ความคุ้มครอง ทำให้สิ้นเปลือง งบประมาณแผ่นดินไปอย่างน่าเสียดาย เป็นต้น ข่าวต่าง ๆ ดังกล่าวมานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หากมิใช่ เป็นการแสดง ความเห็นแก่ตัว ของคน ดังนั้น จึงเห็นว่า เมื่อผู้ถูกร้องยอมรับว่า ผู้ถูกร้องมีทรัพย์สิน แต่ไม่ยื่นบัญชี ฯ เพราะใช้ชื่อบุคคลอื่นถือกรรมสิทธิ์แทน และประกาศให้ประชาชนทราบว่า ผู้ถูกร้องได้ทรัพย์สินมาโดยสุจริต และโอนทรัพย์สินนั้นให้เป็นของคู่สมรสผู้ถูกร้อง และคู่สมรสผู้ถูกร้องจะโอนให้ใครก็ได้ ตนไม่ทราบ เมื่อตรวจดูพยานหลักฐานต่าง ๆ จึงพบความจริงว่า ผู้ที่รับโอนหรือเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น แท้จริงเป็น เจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวแต่ในนาม และโอนคืนทรัพย์สินนั้นให้คู่สมรสผู้ถูกร้องในเวลาเดียวกันกับที่โอน และบุคคลเหล่านั้น คือ คนใกล้ชิดที่ผู้ถูกร้องและหรือคู่สมรสเคยใช้ชื่อถือทรัพย์สินมาก่อนที่ผู้ถูกร้องอาสาเข้ามาทำงานการเมืองตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ นั่นเอง ถือว่า ผู้ถูกร้อง และ/หรือคู่สมรสรู้ว่า มีทรัพย์สินในชื่อบุคคลอื่น หรือใช้ชื่อบุคคลอื่นถือแทน โดยมีเหตุผลและข้อเท็จจริงดังที่ผู้ถูกร้องกล่าวชี้แจงโดยละเอียดในหนังสือทั้งสามฉบับข้างต้น แต่จงใจยื่นบัญชี ฯ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง ให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๙๕ ส่วนการห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองห้าปีควรเริ่มต้นนับแต่วันใดนั้น เห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๙๕ บัญญัติว่า ... ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองนับแต่วันที่ครบกำหนดต้องยื่นตามมาตรา ๒๙๒ คือ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๐ (กรณีเข้ารับตำแหน่ง) วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ (กรณีพ้นจากตำแหน่ง) และวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ (กรณีที่พ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี) หรือ นับแต่วันที่ตรวจพบว่า มีการกระทำดังกล่าว คือ เมื่อผู้ร้องมีมติเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๓ ว่า ผู้ถูกร้องจงใจยื่นบัญชี ฯ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และศาล รัฐธรรมนูญมีมติวินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๔ นั้น เห็นว่า กรณีนี้ผู้ถูกร้องพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา ๒๑๕ (๑) เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ จึงต้องถือเอาวันนี้ เพราะการถือเอาวันอื่น เช่น วันที่ผู้ร้องตรวจพบว่า มีการกระทำดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๓ หรือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๔ จะไม่ตรงกับรัฐธรรมนูญ เพราะมากกว่าห้าปี และไม่เป็นธรรมแก่ผู้ถูกร้อง นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๙๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๑๖ วรรคสอง ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๙๗ มาใช้บังคับ เมื่อผู้ถูกร้องได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ (ยังอยู่ภายในระยะเวลาต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ เป็นเวลาห้าปี) ดังนั้น การออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมือง ย่อมไม่กระทบกระเทือนกิจการที่ผู้ถูกร้องได้กระทำไปในหน้าที่นายกรัฐมนตรี รวมทั้งการได้รับเงินประจำตำแหน่ง หรือประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นก่อนออกจากตำแหน่งด้วย คือ ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ จนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยนี้ ด้วยเหตุและผลดังกล่าวมา จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร อดีต รองนายกรัฐมนตรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความ อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๙๕ และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ เป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ผู้ถูกร้องพ้นจากตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เป็นต้นไป. http://money.sanook.com/10597/
อยากเห็น มุมมองของ จขกท.เรื่อง คดีความทักษิณด้วยครับ หากมีเหตุผลที่ดี สมาชิกที่นี้ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยครับ
คิดนานมั้ย กว่าจะคิดแก้ตัวให้ไอ้แม้วได้ เรื่องซุกหุ้นภาค 1 เจตนาซุกหุ้นให้คนใช้ คนขับรถ แก้ผิดให้เป็นถูกเนี่ย
หุ้นที่ให้คนใช้ คนขับรถ มัน 500 กว่าล้านซะที่ไหน http://www.prasong.com/คดีผู้ดำรงตำแหน่งทางกา/secret-nominee/
เห็นเจ้าของกระทู้ออนเข้ามาเมื่อสักยี่สิบนาทีที่ผ่านมา แล้วออกไปแล้วโดยไม่เพิ่มเติมมุมมองไรไว้ หากไม่เแสดงออกมามากกว่านี้ หนีไม่พ้นเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย หุหุ การแสดงตัวตนเบื้องต้นวนเวียนเนียนวาจาชวนให้มองได้เป็นอย่างนั้นนะเราว่า ไม่จริงใจ ไม่น่าเสวนาด้วย เหมือนขุดหลุมพรางหาเรื่องเนียนด่าไงไม่รู้ดิ
ก่อนอื่น ผมขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบ โดยเฉพาะในเรื่องของเนื้อหาที่น่าสนใจและสำคัญอันเป็นประเด็นที่ผมต้องการรู้ ส่วนท่านที่คลางแคลงใจ ว่าผมจะเป็นแดงแท้ แดงเทียม หรือคนกลาง ก็ไม่ว่ากันครับ เพราะผมเข้าใจดีว่าการเอาคำถามที่ดูเหมือนเป็นการโต้แย้งราวกับจะบอกว่าทักษิณไม่ได้ผิดจริงๆนะ อย่างเช่นกระทู้นี้ มันชวนให้น่าสงสัย ทีนี้มาฟังความจริงใจของผมบ้าง ก่อนอื่นผมกล้าออกตัวก่อนเลยว่า ผมอยู่ข้างประชาธิปปัตย์ คนเสื้อแดงหรือจะคนกลางที่ไหนก็ช่าง มาว่าเป็นพวกสลิ่มบ้างล่ะ กปปส.บ้างล่ะ ผมไม่สนใจ เพราะผมถือว่าผมเชื่อในพรรคนี้ ที่อย่างน้อยก็หาดีกว่านี้ไม่ได้แล้วในเวลานี้ ถ้ามีดีกว่าผมก็พร้อมที่จะไปเชื่อมั่นพรรคใหม่ๆที่ว่านั่นแต่มันไม่มีไง? กรณีรัฐบาลของบิ๊กตู่ อันนี้ผมไม่นับแล้วกัน เพราะท่านเข้ามาแก้ปัญหาจากความหน้าด้านของครม. ทักษิณที่เก้าอี้เหนียว ปูโดนศาลวินิจฉัยว่าผิดข้อหายสั่งย้ายถวิลโดยมิชอบ ครม.ชุดอื่นๆเด้งไปเกือบหมด ซึ่งสภาวะที่มันเปราะบางเช่นนี้ ประเทศเดินต่อไป ไม่ได้แต่ยังพยายามดิ้นรนรักษาอำนาจของตนเพราะผลประโยชน์ แล้วก็พูดเป็นแต่คำว่า "มาจากการเลือกตั้ง" ซึ่งดูเหมือนเป็นความชอบธรรมเดียวที่พวกเขามีและใช้เป็นเกราะกำบังเสีย มันทุเรศมากครับ ส่วนเรื่องการบริหารของบิ๊กตู่ จะดีอย่างไรค่อยว่ากันเป็นเรื่องไป เพราะตรงนี้ผมยังมีความรู้ในเรื่องของการเมืองน้อย จนยังไม่อาจจะออกตัวได้ว่าสิ่งที่ท่านทำไปสมควรไหม แต่ถ้าเป็นแค่ความเห็น ผมมองว่าที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังล่าช้า ไม่ได้เลือกตั้งเสียที มิใช่เป็นเพราะสส.ของพรรคเพื่อไทย (หรือแม้แต่ ปชป.) คอยเตะตัดขาตลอดหรอกหรือ? ผมพูดอะไรผิดแย้งได้ครับเพราะอย่างที่ว่า ความรู้ผมยังน้อย อาจเข้าใจผิดได้ ส่วนในมุมมองของเรื่องคดีทักษิณ ผมพูดตรงๆเลยนะ ไม่มีคนดีที่ไหน มีคดีความติดตัวยาวเป็นหางว่าวให้น่าคลางแคลงใจ ต่อให้โดนใส่ร้าย มันก็ไม่น่าจะมีไม่กี่เรื่อง และเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลเสียเท่าไรนัก นอกจากจะเป็นคนที่วันๆคิดแต่จะหาผลประโยชน์ใส่ตัว บริหารประเทศโดยมีผลประโยชน์ของตนและพรรคพวกทับซ้อน มีเรื่องให้เป็นที่จับผิด เป็นที่สงสัยได้เสมอ ทำแต่เรื่องสุ่มเสี่ยงผิดกฏหมาย พอโดนจับได้ยืนฟ้องก็หาว่ารังแกกันบ้าง ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมบ้าง อำมาตย์บ้าง ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญบ้าง ทำไมทีฝ่ายนี้ทำไม่โดนบ้าง ไปเรื่อยโดยที่ไม่รู้จักมองดูคนอื่นว่า ก็เขาไม่ได้ชั่วอย่างคุณไง คุณน่ะจ้องจะหาช่องโหว่ของกฏหมายหาผลประโยชน์ตลอด แต่คนอื่นเขาไม่ทำกัน หรือทำก็เล็กน้อยจนมีไม่กี่เรื่องให้จับผิด แต่คุณน่ะทำเยอะ พอโดนตรวจสอบก็เจอเยอะตาม ถึงได้มีคดียาวเป็นหางว่าว มิใช่หรือไง? นี่คือมุมมองที่ผมมองทักษิณ ส่วนสาเหตุที่ผมมาตั้งกระทู้ถามเรื่องลักษณะนี้ มีดังนี้ครับ 1. เพื่อให้ได้เข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง ผมอาจจะอคติไปบ้างที่ไม่ไปถามเรื่องนี้ในบอร์ดที่เอียงไปทางทักษิณ เช่นพันทิป แต่ผมมีอคติที่ว่าฝ่ายนั้นข้อมูลบิดเบือนเยอะ การไปหาข้อเท็จจริงในที่แบบนั้น มันเสียเวลาเปล่า แถมจะหลงเชื่อข้อมูลผิดๆไปอีก 2. ผมเคยเถียงเรื่องการเมืองกับคนอื่น แต่เขาเหล่านั้นมักยกสิ่งที่ผมไม่รู้มาอ้าง ทำให้ผมต้องไปศึกษาใหม่ และบ่อยครั้งที่เป็นเรื่องบิดเบือนของพวกเสื้อแดง ที่หลอกกันอยู่แต่ประเด็นเดิมๆพูดจนทำให้คนคิดว่าเป็นเรื่องจริง อย่างเช่นกรณีที่ดินรัชฎาที่อ้างว่าออกกฏหมายเอาผิดย้อนหลังอยู่นั่นแหละ หรืออย่างเรื่องคดีซุกหุ้นที่อ้างอะไรมั่วๆมาเช่นในกระทู้นี้เพื่อไม่ให้โดนข้อมูลมั่วๆเถียงกลับมา ผมเลยต้องมาตั้งกระทู้ถามสิ่งเหล่านั้น และต่อไปผมอาจจะต้องยก"คำอ้างมั่วๆ" จากบอร์ดอื่นๆมาถามเป็นระยะ เพื่อต้องการหาข้อเท็จจริง เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ก็คงต้องรบกวนทุกท่านที่รู้ข้อเท็จจริง ช่วยอธิบายด้วยครับ 3. บางทีผมก็รู้สึกนะว่าการมาถามขอให้อธิบายให้ฟังอย่างเดียว มันจะขอมากไปไหม แต่ผมก็ใคร่ครวญหลายครั้งแล้ว จะถาม google ก็กลัวได้ข้อมูลผิดๆ แต่ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ ก็ไม่มีวันรู้ข้อเท็จจริงอยู่ดี ดังนั้นถามผู้ที่มีความน่าเชื่อถือน่าจะดีกว่า ดังเช่นหลายๆท่านในนี้ ใครจะอยู่ฝ่ายไหนไม่ว่ากันถ้าคุณมีข้อมูลที่สามารถอ้างหลักฐานให้เห็นได้ ก็เอามาดีเบตกันเลย จะได้รู้กันซะทีว่าใครถูกใครผิดใครมั่ว และถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้กระทู้ที่ผมถามได้เป็นแหล่งข้อมูลที่ใช้อ้างอิงได้อีกในโอกาสต่อๆไป จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบกันใหม่ ขอให้ประเด็นมันเคลียร์และชัดเจนครับ 4. ผมไม่ได้โจมตีทักษิณเพียงอย่างเดียว แต่ผมจะถามในหัวข้อที่ ปชป. ต้องสงสัยด้วย เราต้องยอมรับความจริง ใครโกงใครผิดก็ต้องว่าไปตามนั้น ไม่ใช่ว่าผมเชียร์ ปชป. ใครจะมาว่า ปชป.ไม่ได้ แต่ขอให้เรื่องที่กล่าวหานั้น มันมีข้อมูลก็พอ เพราะบ่อยครั้งที่ผมเคยไปเถียงกะคนอื่นเขามักจะยกเรื่องไม่เป็นประเด็นมาเล่น แต่ก็น่าคิด เช่นมาร์คหนีทหาร มาร์คกู้ (แต่ประเด็นนี้ตั้งกะปูเข้ามากู้หนักกว่า พวกเสื้อแดงเลิกเล่นไปละ 5555) มาร์คชั่งไข่ มาร์คสองสัญชาติ คดีโฮปเวล (ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยว แต่ก็มาเกี่ยว?) สปก.4-01 โครงการไทยเข็มแข็ง คดีโรงพัก คดียุบพรรค ปชป. แล้วรอดคดี สุเทพโดนแฉจ้างพรรคเล็กใส่ร้าย และอีกสารพัด ซึ่งพวกนี้เองผมคิดว่าจะเอามาถามด้วยเช่นกัน เพื่อให้กระจ่าง จะได้ไม่ต้องมาฟังคำพูดประเภทที่ว่า ทีปชป. โกงไม่เห็นจะตรวจสอบหรือเรื่องเงียบ
คนที่นี่เค้าเป็นกันอย่างนั้นอยู่แล้ว เว้นแต่ฝั่งเสื้อแดงมักจะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลในกรณีที่ฝั่งตรงข้ามตัวเองพ้นผิด(มักจะบอกว่ามีอำนาจบางอย่างช่วยเหลือ) ศาลตัดสินยังไงก็ตามนั้น ในขณะที่เสื้อแดงใช้วิธีบิดเบือนแก้ข้อกล่าวหาทางสังคม พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้สังคมเชื่อว่าไม่ผิด
ในฐานะที่เป็นคนตั้งคำถามเรื่องมุมมองของ จขกท. ในเรื่องนี้ก็ยอมรับว่า อธิบายได้ชัดเจนดีครับ หมดข้อสงสัย ยินดีต้อนรับครับ
จขกท น่าจะยกประเด็นที่แคลงใจ ไม่มั่นใจ หรือประเด็นที่รู้สึกว่าจะคล้อยตาม ที่ว่าทักษิณไม่ผิด มาเลยน่ะครับ ในนี้น่าจะมีผู้ชี้แจงได้
ดีใจที่ จขกท บอกกันตรง ๆ การหาข้อมูลในอินเตอร์เนตสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผมสามารถสกัด ความลวงจากความจริงได้นั้น คือ บริบท รอบข้าง เช่น ตอนยิ่งลักษณ์บอกว่าของไม่แพง ประชาชนคิดไปเอง ช่วงแรกก็สับสน รอให้ความสับสนหายไปเมื่อไรความจริงก็จะปรากฏขึ้นมาเอง เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการเอาชนะในการเถียงเวลานั้น หากไม่ใช่ผู้รู้จริงเรื่องนั้นๆ หลายครั้งที่ผมยอมถอย แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้วปรากฏว่าความเห็นของเราใกล้เคียงความจริง ก็ไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บ เพียงแต่ข้อมูลเหล่านั้นเมื่อฝ่ายตรงข้ามใช้อีกรอบค่อยเอาหลักฐานมาว่ากัน
จะมีก็แต่นักธุรกิจที่เข้าไปเล่นการเมืองน่ะครับ เป็นการหลบเลี่ยงกฏหมายของ ปปช เพราะจะมีผลทำให้ต้องออกจากอำนาจทางการเมือง และมีคดีความติดตัว
ราชครูผัง เคยเล่นที่ไหนบ้างมั้ยยย คุ้นๆว่าเตยเห็น ยูชเนมนี้ พร้อม โปรไฟร์ ลักษณะนี้ คิดว่าไม่ใช่ไม่เคยเล่นแน่นอน ทัศนคตินั้นไม่เคลือบแคลงหรอก แค่แปลกที่เรื่องนี้กระฉ่อน จนแป๊ะฯลิ้มสะดุ้ง น่ารู้ๆกัน เพิ่นๆๆเลยเขม่น
หากจะกรุณาขอให้เข้าไปอ่าน คำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ๑๙/๒๕๔๔ และ ๒๐/๒๕๔๔ ก่อนสักนิดหนึ่ง คำวินิจฉัยที่ ๑๙/๒๕๔๔ นั้น เป็น กรณี ที่ นายประยุทธ มหากิจศิริ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ในขณะที่ คำวินิจฉัยที่ ๒๐/๒๕๔๔ เป็น กรณี ที่ คุณทักษิณ ชินวัตร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ทั้งสองกรณีนั้นมีข้อเท็จจริงที่ไม่แตกต่างกัน ข้อกฏหมายเดียวกัน คือ ความผิดตามมาตรา ๒๙๕ แต่ที่น่าสนใจนั้น คือ คำวินิจฉัย ที่ แตกต่างกัน โดยสิ้นเชิง ลองอ่านคำวินิจฉัยทั้งสองกรณีนี้ ดูก่อน ... อย่าพึ่งตัดสินว่า คุณทักษิณ ชินวัตร ถูก และ/หรือผิด อ่านและทำความเข้าใจก็จะเห็นได้เองว่า จริงหรือไม่ ถูกหรือผิด ประการใด กับ คำว่า Double Standard ครับ ตะนิ่นตาญี วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๕๖ นาฬิกา
ผมไล่อ่านคำตอบของแต่ละท่านแล้วที่เกี่ยวข้องแล้ว ผมจะตอบความคิดเห็นของผมต่อคำตอบนะครับ 1. ข้อแรกนี่เห็นด้วยจริงๆครับ กระทู้ต้นทางอ้างว่า "ในส่วนที่เป็นชื่อแม่บ้านนั้น เพราะเหตุผลทางธุรกิจจึงต้องใช้ชื่อแม่บ้านเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เช่น เข้าไปซื้อหุ้นในกิจการที่มีหนี้สิน การใช้ชื่อตัวเองหรือภรรยา ก็มีผลต่อความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ หรือการใช้ชื่อผู้อื่นเพื่อให้ครบเกณฑ์การถือครองตามกฎหมาย หรือเพื่อให้มีเสียงข้างมากในการถือหุ้นธุรกิจนั้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ กฎหมายอนุญาตให้ทำได้" ผมเห็นด้วยว่าสิ่งที่กล่าวอ้างของกระทู้นั้นคือ การเข้าไปซื้อหุ้นในกิจการที่มีหนี้ โดยใช้ชื่ผู้อื่นถือครอง เพื่อให้ครบเกณฑ์ต่างๆของธุรกิจนั้นทำได้จริงๆ ซึ่งประโยคเหล่านั้นนำมาพูดเฉพาะเรื่องของการซื้อหุ้น แต่การปกปิดเรื่องที่มีหุ้นนี่มันคนละเรื่องเลย เพราะกฏหมายให้ซื้อได้ แต่ไม่ได้ให้ปกปิดว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าประเด็นนี้ โคตรจะมั่วเลย ไม่ได้เกี่ยวกันเลยไม่รู้เอามาหักล้างได้ไง แสดงให้เห็นว่าคำพูดนี้จงใจบิดเบือนจริงๆ 2. เห็นด้วยตามที่คุณ ridkun_user พูดมาครับ 3. ผมอ่านจากข่าวนี้ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000022659 ในนี้มีการอ้างถึงคำพูดทักษิณและคำตัดสินของ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญตามนี้ครับ ตุลาการที่เห็นว่า นช ทักษิณ ไม่ได้จงใจซุกหุ้น เชื่อตามข้อต่อสู้ของ นช. ทักษิณที่ว่า ตัวเองไม่รู้มาก่อนว่า หุ้นที่โอนลอยไปให้ภรรยาก่อนหน้านั้น จะถูกนำไปให้ผู้อื่นคือ คนใช้ คนสวนคนขับรถ ถือแทน และเลขานุการของภรรยา ก็ไม่รู้ว่า ต้องแจ้งทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของบุคคลเหล่านี้ด้วย ดังข้อความในท้ายคำวินิจฉัยกลางว่า “คู่สมรสของผู้ถูกร้องเองยังให้การต่อคณะอนุกรรมการตรวจ สอบฯด้วยว่า ตนเองก็ยังไม่รู้ว่า เลขานุการส่วนตน ไม่ได้แจ้งหุ้นเหล่านั้นไว้ในบัญชีฯ ถ้าตนตรวจดู ก็จะรู้ และให้แจ้งไว้ เห็นได้ว่า แม้กระทั่งคู่สมรสผุ้ถูกร้อง ก็ยังไม่รู้ว่า ในขณะยื่นบัญชีฯ ทั้ง 3 ครั้งของผู้ถูกร้อง ไม่ได้แจ้งรายการหุ้นเหล่านั้นไว้ในบัญชีฯ เมื่อเจ้าของหุ้นที่แท้จริงซึ่งเป็นคู่สมรสผู้ถูกร้องยังไม่รู้ จะรับฟังได้อย่างไรว่า ผู้ถูกร้อง ต้องรู้ถึงการไม่แจ้งหุ้นเหล่านั้นไว้ในยบัยชี เช่นนี้ จึงเชื่อว่า ผุ้ถูกร้องน่าจะไม่รู้ว่า ขณะยื่นบัยชีฯทั้ง 3 ครั้ง มีหุ้นที่ให้ผู้อื่นถือแทน และยังไม่ได้แสดงไว้ในบัญชี ข้อต่อสุ้ของผุ้ถูกร้องจึงมีน้ำหนักรับฟังได้ “ ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวตรงกับที่ผมลองไปค้นอ่านมาตามคำแนะนำของคุณ ตะนิ่นตาญี ที่ให้ไปอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับ ๒๐/๒๕๔๔ จริงๆ ถ้าอ้างจากที่ทักษิณพูดแล้วสรุปก็คือ ตัวเองไม่รู้ว่าหุ้นที่โอนลอยไปให้ภรรยา แล้วภรรยาโอนให้คนใช้ถือครองต่อ แล้วภรรยาให้เลขาฯตัวเองเป็นคนยื่น แต่เลขาฯไม่รู้ว่าต้องนับหุ้นที่ให้คนอื่นถือครองด้วย (ก็คือหุ้นที่อยู่กับคนใช้) เลยทำให้มีการแจงทรัพย์สินผิดพลาด และเป็นการ บกพร่องโดยสุจริต ที่ทักษิณใช้อ้าง คำถามของผมคือ แว่บแรกที่ผมอ่านประโยคนี้ ผมนึกถึงเวลาคนโดนจับแล้วอ้างไม่รู้กฏหมาย เคสนี้ก็คล้ายกัน แต่เป็นเหมือนการโยนความผิดให้เลขาฯอีกที ผมมองว่าการที่เขาเชื่อใจภรรยา เชื่อใจเลขาฯที่ทำหน้าที่แทน เป็นเสมือนการมอบอำนาจในการจัดการ ถ้าเลขาฯทำผิดพลาด คุณจะไม่ต้องรับผิดชอบเลยหรือ ถ้าเป็นแบบนี้จริงแปลว่าลูกน้องจะทำผิดอะไรก็ได้เลยอย่างนั้นสิ? (ที่จริงประเด็นนี้มันคล้ายกับกรณีที่ดินรัชฎา ที่ทักษิณถามกฤษฎีกาว่าสามารถเซ็นค้ำให้ภรรยาซื้อที่ดินได้ไหม แล้วกฤษฎีกาตอบว่าได้ ไม่ผิดกฏหมาย แล้วทักษิณก็เชื่อตามนั้น แต่ประเด็นนี้ผมจะขอเก็บไว้ถามวันหลังนะครับ เพราะผมอยากให้กระทู้นี้โฟกัสเรื่องซุกหุ้นภาคแรกอย่างเดียว) ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าตัวเองไม่รู้สิ่งที่ลูกน้อง(ของภรรยากระทำ) ทั้งๆที่การยื่นแจงทรัพย์สินและหนี้สิน มันเป็นหน้าที่ของตัวเอง มันฟังไม่ค่อยขึ้น ดังนั้น น่าจะตรงประเด็นเดียวกันกับของคุณ ridkun_user ครับ 4. เห็นด้วยตามนั้นครับ ขอบคุณในคำอธิบายของคุณ ridkun_user ด้วยที่ทำให้ผมเข้าใจ และไม่หลงไปตามคำพูดของกระทู้นั้น (ตอนแรกยอมรับว่างงๆ แต่ยังไม่ค่อยอยากเชื่อกระทู้นั้นมาก เพราะรู้ดีว่าพันทิปเป็นยังไง แต่ไม่สามารถปฏิเสธคำตอบด้วยเหตุผลได้ครับ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว) ผมขอปิดประเด็นของคุณ ridkun_user ไว้ตรงนี้ก่อนขึ้นโพสใหม่ เพราะเกรงว่ายาวเกินจะทำให้อ่านลำบากและสับสนครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ อันนี้ผมลองอ่านแล้วงงๆ เพราะช่วงท้ายเหมือนมีการตัดสินว่าทักษิณทำผิดจริง แต่คดีนี้ศาลยกฟ้องนี่ครับ หรือว่ายังเป็นแค่การตัดสินรับคำร้องก่อนที่จะให้ศาลพิจารณา?
แน่นอนครับ แต่ที่ดินรัชดา ผมพอจะเข้าใจเรื่องราวแล้ว แต่ยังมีบางประเด็นที่ต้องมาเจาะรายละเอียดกันอีกรอบไว้ว่างๆจะมาตั้งกระทู้ ถามเรื่องนี้ครับ ได้เลยครับ ถ้าไม่รังเกียจที่จะให้ผมไปหา "ข้ออ้างที่ดูเหมือนจะมีหลักการ แต่มั่วๆ" จากบอร์ดเอียงๆมาให้จับผิดนะครับ ปกติผมไม่อยากเข้าไปอ่านในบอร์ดเหล่านั้นเพราะกลัวหลงข้อมูลบิดเบือน แต่ถ้าที่นี่สามารถช่วยแถลงไขได้ว่าอันไหนจริงไม่จริง ผมก็อยากจะไปหยิบยกที่น่าสงสัยมาให้ช่วยกันแก้ไขครับ 55555 ผมไม่เคยเล่นบอร์ดการเมืองไหนเลยครับ ที่ผ่านมาคืออ่านๆเอาอย่างเดียว ที่จริงก็ไม่เชิงว่าไม่เคยเล่น แต่ปกติผมชอบสิงกระทู้การเมืองของบอร์ดเกมแห่งหนึ่งมากกว่า และนานๆเข้าไปตอบในกระทู้การเมืองของบอร์ดเกมนั้น แต่เพราะความรู้ยังไม่มากเลยไม่ค่อยได้แสดงความเห็นเท่าไหร่ในนั้น และชื่อนี้เป็นคนละชื่อกับบอร์ดเกมนั้นแน่นอน ที่จริงผมเป็นพวกเล่นเกมน่ะครับ แต่หลังๆก็เริ่มสนใจการเมืองขึ้นมาบ้าง น่าเสียดายช่วงที่มีคดีความของทักษิณยังเป็นสมัยผมเรียนมหาลัย ซึ่งตอนนั้นยังไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้เลย ว่าแล้วก็เสียดาย ไม่งั้นคงได้ฟังเรื่องโกหกๆของทักษิณแบบชัดๆแล้ว ส่วนเรื่องชื่อราชครูผังกับโปรไฟล์นั้นไม่มีอะไรเป็นพิเศษน่ะครับ ผมแค่ชอบดูเปาบุ้นจิ้น แต่ที่ใช้ราชครูก็เพราะว่า เปาบุ้นจิ้นจะเป็นคนออกแนวเป็นตุลาการตัดสินเสียมากกว่า ขณะที่ผมสมัครมาเพื่ออยากจะถามข้อมูลต่างๆ เลยออกแนวๆ เหมือนขุนนางขี้สงสัยคำตัดสิน แล้วก็คอยถามซ่อกแซกโน่นนี่ เลยนึกถึงราชครูในเรื่อง ก็เอามาตั้งเป็นโปรไฟล์ ถ้ามันจะไปคล้องกับใครเข้า ผมบอกได้เลยว่าโคตรบังเอิญครับ ผม ลองอ่านแล้ว เรื่องเดียวกัน แต่เหตุผลของการทำผิดมันยังต่างกัน ผมมองว่าคำพูดของศาลที่ตัดสินต่อประยุทธ ก็สมเหตุสมผลแล้ว แต่ของทักษิณนี่มันยังดูคลางแคลงใจอยู่ครับ คิดว่าตอนนั้นทักษิณเพิ่งเข้ามาเป็นนายกได้ไม่นาน การที่ศาลจะตัดสินโดยให้โอกาสตรงนี้โดยอ้างการเลือกของประชาชนสิบล้านเสียงมากกว่าจะอิงกฏหมาย ผมมองว่ามันออกจะขัดกับหลักการการทำงานของหน้าที่ผู้เป็นตุลาการน่ะครับ เพราะคนเหล่านี้น่าจะเป็นองค์กรอิสระที่ไม่ควรจะมีแรงกดดันภายนอกมาส่งผลกระทบการตัดสิน แต่นี่ก็เป็นความเห็นของผมเฉยๆ ผมก็ยังเคารพคำตัดสินของศาลครับ เรื่องมันตัดสินไปแล้วก็ถือเป็นที่สิ้นสุดครับ
คำถามถัดไปของผมนะครับ วันก่อนระหว่างที่ผมหาข้อมูลเรื่องคดีซุกหุ้น ได้ไปเจอบล็อกนี้เข้า https://nirvana666.wordpress.com/2013/10/22/thaksin-5/ พูดจาฉะฉานแก้ตัวให้ทักษิณอย่างดีครับ ซึ่งผมลองอ่านแล้วก็ดูน่าฟังดี แต่... ยังไม่น่าเชื่อถือครับ ตามประสาของคนเสื้อแดงที่ว่าชอบเอาเรื่องผิดๆมาพูดให้มันถูกๆ หลอกคนไปเรื่อย ดังนั้นเพื่อที่จะหาข้อเท็จจริงต่อไป ผมเลยอยากถามโดยอิงจากบล็อกนี้นะครับ ในนั้นพูดถึงเรื่องเทคนิคการโกงของนักการเมืองด้วยวิธีการแจกแจงทรัพย์สินอันเป็นเท็จโดยใช้การแสดงทรัพย์สินให้ต่ำกว่าความเป็นจริง หรือแสดงหนี้สินให้สูงกว่าความเป็นจริง ซึ่งจะทำให้การทุจริตคอรัปชั่นง่ายขึ้น (ที่จริงผมรู้ดีว่าทักษิณใช้วิธีการโกงด้วยการคอรัปชั่นเชิงนโยบาย ผลประโยชน์ทับซ้อนด้วย แต่กรณีนั้นผมจะไม่นับนะครับ เราจะมาคุยเรื่องซุกหุ้นอย่างเดียวก่อน) ในบล็อกนั้นบอกว่า ทักษิณแสดงทรัพย์ให้สินต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งเป็นการกระทำตรงกันข้ามกับเทคนิคดังกล่าว ดังนั้นการเล่นงานทักษิณในเรื่องนี้จึงเหมือนเป็นการโจมตีเสียมากกว่า ดังข้อความด้านล่างครับ การที่นายกทักษิณแสดงทรัพย์สินต่ำกว่าความเป็นจริง แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ผิดต่อระเบียบหรือข้อบังคับ หรือกฎหมายของ ป.ป.ช. ก็ตาม แต่ความผิดตรงนี้ มันไม่ได้เป็นช่องทางหรือเป็นประโยชน์ต่อการทุจริตในอนาคตเลย แต่ ป.ป.ช. ก็ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดโดยพิจารณาจากแง่กฎหมายเพียงอย่างเดียว ไม่ได้คำนึงถึงเจตนารมภ์ในการการออกกฎหมายให้นักการเมืองแสดงบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินเลย เรื่องทำผิด ผมว่าดำเนินคดีตามกฏหมายน่ะถูกต้องแล้ว จะละเว้นไม่ได้ แต่เขาอ้างว่าทักษิณซุกหุ้นไป ก็ไม่ได้เป็นคนมีเจตนาที่จะทุตจริต หรือจะมีช่องทางทุจริตเพิ่มเติมอยู่แล้ว คำถามผมคือ 1. ผู้เขียนบล็อกนี้พูดถูกหรือไม่ครับ ในเรื่องของการแสดงทรัพย์สินให้ต่ำกว่าความเป็นจริง ไม่สามารถจะมีช่องทางโกงได้ 2. ทักษิณจะได้ประโยชน์อะไรจากการซุกหุ้นครับ ถ้าคำกล่าวอ้างจากบล็อกนั้นเป็นจริง
ยินดีครับที่พอมีประโยชน์บ้าง ต้องขอออกตัวว่า ไม่เคยคิดจะดื้อดึงไม่ยอมรับอำนาจในทางกฎหมายที่เกิดจากการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญแต่ประการใด กฎหมายก็ว่าไปตามกฎหมาย ศาลบอกว่าไม่ผิดก็คือไม่ต้องออกจากตำแหน่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมต้องเปลี่ยนความเห็นให้เป็นไปตามตุลาการเสียงข้างมาก ความคิดของคนไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลครับ ส่วนเรื่อง(อดีต)ภรรยา ผมฟังไม่ขึ้นครับ สามีภรรยากัน ภรรยาโอนหุ้นให้คนอื่นเป็นร้อยล้าน สามีไม่รู้เรื่องเลย น่าเชื่อหรือไม่ ผมว่าคนทั่วไปก็ตัดสินได้ไม่ยาก
เรื่องผ่านมานานแล้ว ค่อนข้างจะลืมไปหมดแล้วครับ แต่สำหรับบล็อกนี้ที่ตามเข้าไปอ่าน เจตนาน่าจะช่วยทักษิณจริงๆ เพราะยึดหลักแค่ว่า แจ้งต่ำไม่โกง แจ้งสูงถึงจะมีเจตนาโกง จริงๆแล้วการปกปิดทรัพย์สิน ถือว่ามีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ อยู่แล้วครับ ซึ่งเป็นข้อห้ามของนักการเมืองที่เข้ามา 2 ข้อที่ถามก็คือข้อเดียวกันครับ หากการแจ้งต่ำ คือหุ้นที่ซุกซ่อนไว้ เจ้าของหุ้นก็ได้รับผลประโยชน์จากหุ้น หากเป็นนักการเมืองย่อมสามารถใช้ข้อมูลของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองได้ เช่นเป็นนายกฯปล่อยกู้(งบประมาณแผ่นดิน)ให้พม่าเพื่อขายดาวเทียม เป็นนายกฯ ลดสัมปทานค่าโทรศัพท์มือถือให้กลุ่มธุรกิจของตัวเอง ฯลฯ
สมมติผมเป็นนายกฯ แต่ไม่แจ้งว่าผมมีหุ้น AIS อยู่พันล้าน วันรุ่งขึ้นผมประกาศยกเว้นค่าสัมปทานให้ AIS ถ้าไม่มีใครรู้ว่าผมถือหุ้นอยู่ ก็อาจไม่มีคนตั้งข้อสงสัย ไม่มีคนตั้งข้อหาว่าผมผลประโยชน์ทับซ้อน นอกจากนี้ยังมีกฎหมายห้ามนักการเมืองเป็นคู่สัญญากับรัฐอีกต่างหาก ความจริงทักษิณไม่ได้ต้องการปกปิดต่อ ปปช. แต่ต้องการปกปิดจากสาธารณะมากกว่า การที่บอกว่าให้คนอื่นถือหุ้นแทนตัวเอง มันคงไม่งามเท่าไหร่สำหรับคนที่เป็นนักการเมือง จริง ๆ คำถามสองข้อ ไม่ใช่ประเด็นอะไรที่เกี่ยวข้องเลย เป็นการเบี่ยงประเด็นตามสไตล์ขี้ข้า การแสดงบัญชีทรัพย์สินคือความโปร่งใส การเจตนาปกปิดคือความผิดสำเร็จในตัว และกรรมคือเครื่องบอกว่าเจตนาปกปิดหรือไม่ ถ้า ปปช. ต้องดูเจตนาว่าปกปิดเพราะอะไรก่อนฟ้อง ต่อไปนักการเมืองก็คงอ้างนั่นอ้างนี่มาเป็นเหตุผลได้ แล้ว ปปช. ก็ต้องไม่ฟ้องอย่างนั้นหรือ
เท่าที่อ่านแล้ว เป็นจริงอย่างท่านว่า ประเด็นซุกหุ้นภาคแรกของผม หมดความสงสัยแต่เพียงเท่านี้ ถ้ามีอะไรสงสัยเกี่ยวกับคดีนี้ ผมจะกลับมาถามอีกนะครับ ขอบคุณคุณ Anduril ridkun_user และอีกหลายๆท่านที่ช่วยตอบมากๆครับ ป.ล. ครั้งหน้าอาจจะได้ถามคดีอื่นบ้าง แต่เป็นในกระทู้ใหม่นะครับ
เรื่องซุกหุ้น ท่านทักษิณไม่ผิดนะครับ ของอย่างนี้ใครๆเขาก็ทำกัน ในเมื่อใครๆเขาก็ทำกัน แสดงว่าทักษิณไม่ผิด (เสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง)
คดีซุกหุ้นภาคแรกของทักษิณ พวกตุลาการศาลฯที่ตัดสินว่าทักษิณไม่ผิดนั้น เขาไม่รู้จะสำนึกผิดกันบ้างหรือปล่าว เพราะเท่ากับพวกเขา ได้สร้างความวิบัติขึ้นในประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง ***ปล่อยผีให้นักการเมืองที่เลวร้าย ได้เข้ามาสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยมากที่สุด เป็นต้นเหตุสำคัญ ที่ทำให้คนไทยเกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง ***สร้างความเคลือบแคลงใจ ความเสื่อมเสียให้กับวงการศาลมากที่สุด ***ทำให้นักการเมืองหมดความเกรงกลัว ที่จะกระทำผิด เพราะคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง แม้แต่ศาล จะเห็นได้จากการกระทำครั้งหลังๆเช่น การแกล้งลืมถุงขนม การว่าจ้างคนให้เสนอผลประโยชน์แก่ศาล ***เป็นตัวอย่างให้เกิดการรวมตัวของคนหมู่มาก เพื่อกดดันให้ศาลตัดสินตามใจพวกของตน ***จนบัดนี้แม้การตัดสินครั้งนั้น จะผ่านไปนานเกินสิบปีแล้ว ความเชื่อมั่นที่มีต่อคำตัดสินของศาล ยังไม่กลับคืนมาเหมือนเดิม คำว่า"สองมาตรฐาน" จึงยังเป็นคำที่พวกคนเลว หยิบออกมาปั่นหัวคนได้ตลอด
