11.10น.ศาลจำคุก2ปี6เดือนนศ.ขอนแก่นกับพวกเล่นละครเวทีผิดม.112-ไม่รออาญา ลิเบอร่านนนนนนนน 555555555555555 จาก SMS News
ถ้าเป็นละครเวที ..น่าเป็นคดีนี้ กระทำการนานแล้วนี่ตั้งแต่ปี 56 คุม นศ. แสดงละครเวทีหมิ่นสถาบัน ขอศาลฝากขัง http://www.thairath.co.th/content/443482 ตร.สน.ชนะสงคราม คุมตัว นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ขอศาลอาญารัชดาฝากขัง สาเหตุร่วมแสดงละครเวทีหมิ่นสถาบันฯ ที่ศาลอาญา วันที่ 15 ส.ค.57 ร.ต.ท.รัฐกานต์ ทองไทย พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม นำตัวนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม อายุ 23 ปี นักศึกษา ม.ขอนแก่น บ้านอยู่ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน มาขออำนาจศาลฝากครั้งเป็นครั้งแรก โดยคำร้องบรรยายว่า เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 57 ตำรวจได้จับตัวผู้ต้องหาไว้แจ้งข้อหาว่า ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 6 และ 13 ต.ค. 56 เวลา 17.00 น. ได้มีกลุ่มใช้ชื่อว่า "ประกายไฟ" และนักแสดงอื่นๆ ที่มีผู้ต้องหารวมอยู่ด้วยได้แสดงละครเป็นตัวละคร ปุโรหิต หรือเสนา ในเรื่องนี้ และจัดให้มีการแสดงบนเวทีเรื่อง เจ้าสาวหมาป่า ในลักษณะล้อเลียนเชิงดูหมิ่นสถาบัน เป็นความผิดตาม ป.อาญามาตรา 112 ในงานรำลึก 37 ปี 6 ตุลา ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จนมีผู้กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ต่อมาตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาได้ที่ จ.ขอนแก่น ตามหมายจับศาลอาญา พนักงานสอบสวนได้สอบสวนมาตลอด แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นยังต้องสอบพยานอีก 4 ปาก รอผลพิสูจน์ประวัติต่างๆ ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ศาลอยู่ระหว่างพิจารณาคำร้องเพื่ออนุญาตให้ฝากขังต่อไป ขณะที่ผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพ์ขอประกันตัวสามแสนบาท ศาลอยู่ระหว่างการพิจารณาเช่นกัน
เพื่อชาติ เพื่อพ่อหลวง เขียนบทละครเอง กำกับเอง เล่นเอง ติดคุกเอง !! ยังน้อยไปสำหรับอีลูกนอกแผ่นดินอย่างมัน ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยคดีเจ้าสาวหมาป่าทั้ง 2 เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ หลังศาลอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวจำเลยทั้งสองออกจากห้องไปทันทีโดยไม่ได้คุยกับญาติกหรือเพื่อนที่มาให้กำลังใจ คิดๆดู คนเป็นพ่อแม่จะรู้สึกอย่างไร แต่มันยิ้มระรื่นอยู่เลย
นีก็อีกคดีที่เกิดก่อนรัฐประหารแต่มาโดนตัดสินเมื่อ พ.ย. 57 (ม.ดังแถวหนองจอกคงเดาชื่อได้) คดีนี็โดน 5ปีไม่รอลงอาญา รายนี้โดนเข้าไป5ปี ยิ้มไม่ออก (2ป6 น่าจะน้อยไปนะ) http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000126945 ที่ห้องสมานฉันท์ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (4 พ.ย.57) ศาลอ่านคำพิพากษาคดี หมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.2915/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอัครเดช เอี่ยมสุวรรณ อายุ 24 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังย่านหนองจอก เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 และ14 โจทก์ฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2557 จำเลยได้ใช้นามแฝงโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้ได้รับความเสื่อมเสีย อันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีพร้อมอุปกรณ์หลายรายการเป็นของกลาง เหตุเกิดที่แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน จำเลยให้การรับสารภาพตลอด ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ลงโทษฐานดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นบทหนักสุด จำคุก 5 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี 6 เดือน เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบการกระทำของจำเลยเป็นการเหยียดหยามสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพของประชาชนชาวไทย ทั้งจำเลยกระทำในลักษณะโฆษณา ทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและพบเห็นข้อความดังกล่าวได้ นับเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ ริบของกลาง
ครั้งแรกดันไม่รอลงอาญา อือหือ สงสารน้อง ฎีกายืนอ.นิด้าฆ่าเมีย รออาญา3ปี เจ้าตัวสำนึก ไม่มีเมียใหม่ ศาลฎีกาพิพากษายืนอดีต "อาจารย์นิด้า" คดีใช้ร่มฟาดเมียตายเมื่อปี 44 ระบุโทษจำคุก 2 ปี ให้รอลงอาญา 3 ปี ศาลชี้จำเลยมีการศึกษาสูงและให้การรับสารภาพจึงให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีเพื่อเลี้ยงดูบุตร ด้านเจ้าตัวเผยไม่คิดมีภรรยาใหม่ พร้อมวางมือเลิกเล่นกอล์ฟ ที่ห้องพิจารณา 7 ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่นายพิพัฒน์ ลือประสิทธิ์สกุล อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ตกเป็นจำเลยในคดีทำร้ายร่างกาย นางวรรณี ลือประสิทธิ์สกุล ภรรยา โดยการใช้กำลังเตะต่อยและใช้ของแข็งไม่มีคมตีจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 17 ต่อเนื่องเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม 2544 โดยก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายพิพัฒน์ 4 ปี แต่ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะเป็นเวลา 50 ชั่วโมง โดยให้เหตุผลว่า จำเลยเป็นผู้มีความรู้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประกอบกับให้การรับสารภาพ และต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งศาลฎีกาออกนั่งบัลลังก์แถลงคำพิพากษาว่า จากการตรวจสำนวนคดีแล้วพิเคราะห์ตามพยานหลักฐาน เห็นว่าจำเลยมีการศึกษาถึงปริญญาเอก และขณะเกิดเหตุเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า โดยระมัดระวังรักษาชื่อเสียงและเกียรติยศมาโดยตลอด ส่วนภรรยาได้มอบหมายให้ดูแลบุตรคอยขับรถไปรับไปส่งที่โรงเรียน จนกระทั่งวันเกิดเหตุ (17 ก.ค.44) ผู้ตายมีอาการเมาสุรา ขาดสติ และยังไม่ยอมขับรถไปรับบุตรที่โรงเรียน ปล่อยให้อยู่กับเด็กรับใช้เพียงลำพัง และไม่ไปรับจำเลย ทำให้มีปากเสียงกัน โดยผู้ตายยอมรับกับจำเลยว่าออกไปหาคนรักเก่า จำเลยแม้จะมีการศึกษาสูง แต่เป็นเพียงปุถุชน ได้ฉวยร่มในถุงไม้กอล์ฟออกมาตีผู้ตาย ทั้งที่สามารถหยิบอาวุธที่ร้ายแรงกว่านั้นได้ แต่ไม่ทำ แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ประสงค์ให้ภรรยาเสียชีวิต อีกทั้งได้โทรศัพท์ตามญาติผู้ตายมาดูแล แต่เมื่อเห็นผู้ตายแน่นิ่งผิดสังเกต ครั้งแรกคิดว่าเมาหลับ จึงนำส่งโรงพยาบาลอย่างไม่นิ่งนอนใจ ทั้งนี้ ศาลเห็นว่าจำเลยมีความรู้ประกอบกับให้การรับสารภาพมาโดยตลอด จึงเห็นควรลงโทษสถานเบา และโทษที่ถูกพิพากษามาเห็นสมควรแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ เพื่อให้โอกาสจำเลยได้แก้ตัว และเลี้ยงดูบุตรต่อไป หลังฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้น นายพิพัฒน์กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ดีใจที่ศาลปรานี อย่างไรก็ตาม ได้ทำใจและบอกกับลูกๆ ทั้งสองก่อนมาศาลว่า หากศาลไม่ปรานีลูกจะเข้าใจและอยู่ได้ด้วยตัวเอง ขณะนี้ตนเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยรังสิต ส่วนการบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะตามที่ศาลสั่งได้ปฏิบัติตามครบ 50 ชั่วโมงแล้ว โดยไปบรรยายพิเศษที่กรมแพทย์ทหารเรือ 10 ชั่วโมง สอนหนังสือเด็กนักเรียนที่ครอบครัวประสบภัยสึนามิ 40 ชั่วโมง ส่วนภรรยาที่เสียชีวิตไปยังรักมากที่สุดเหมือนเดิม ไม่คิดมีภรรยาใหม่ โดยจะครองตัวเป็นโสดเพื่อเลี้ยงดูลูกทั้งสองอย่างดีที่สุดตลอดไป และทุกวันนี้ไม่ได้เล่นกอล์ฟแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นางมาลี สกุลทอง มารดาของนางวรรณี น.ส.คูณ คูรัมย์ แม่เลี้ยงนางวรรณี ด.ช.เบญจพล ลือประสิทธิ์สกุล อายุ 13 ปี บุตรชายคนโต มาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย ซึ่งทั้งหมดมีสีหน้ายิ้มแย้มและยอมรับคำตัดสินของศาล ด้านนายธวัชชัย ไทยเขียว รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม กล่าวกรณีศาลฎีกาพิพากษาคดีนายพิพัฒน์ โดยให้ยืนตามศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น ว่า ในส่วนของการคุมประพฤติ นายพิพัฒน์ได้ทำงานบริการสังคม ด้วยการเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่วิทยาลัยกองทัพเรือและพาณิชยการในต่างจังหวัด จนครบ 50 ชั่วโมงแล้ว และกรมคุมประพฤติได้รายงานต่อศาลแล้ว ดังนั้นนายพิพัฒน์จึงพ้นการคุมประพฤติตามคำสั่งและคำพิพากษาของศาลไม่ต้องทำอีก เหลือแต่เรื่องการรอลงอาญา 3 ปี ขณะที่ นางทิชา ณ นคร ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้หญิงกับรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า จะนำคดีนี้มาจัดเสวนาทางวิชาการภายใน 2-3 วันนี้ เนื่องจากคดีนี้ถือเป็นความรุนแรงในครอบครัวลักษณะหนึ่ง โดยการเสวนามุ่งให้สาธารณชนและสังคมเข้าใจ มีมิติมุมมองที่กว้างและลึกซึ้งขึ้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้หญิงที่ประสบปัญหาเดียวกัน
.................................................................................................................................^^ ไม่ได้โดนคนเดียวแต่ข้างๆกันที่โดนด้วย(ถือขวดน้ำ) คือ น.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง หรือกอล์ฟ ประกายไฟ จากคณะรัฐศาสตร์ มร.(ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวบริเวณสนามบิน หาดใหญ่)
แหม คิดเอาคดีนี้มาโพสท์จะทำให้คดีหมิ่นม.112 ดูดีขึ้นเหรอครับ ว่าแต่ป่าช้าได้อ่านคำพิพากษาหรือเปล่าครับ หรือเก่งแต่แปะแล้วชิ่ง ปากดีชะมัด ตกลงป่าชิ่งเป็นพวกเดียวกับพวกล้มเจ้าใช่มั้ย เห็นบอกสงสารน้อง ผมไม่สงสารคนที่จาบจ้วงพระมหากษัตริย์หรอกครับ
เมื่อ15 ส.ค.57 น.ส.พรทิพย์ มั่นคง อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 986/57 ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ถูกจับกุมตัวได้บริเวณสนามบินหาดใหญ่ ขณะปลอมตัวเป็นหญิงสาวมุสลิม และกำลังจะเดินทางหลบหนีไปประเทศมาเลเซีย หลังได้ทำการแสดงละครเวทีหมิ่นสถาบันร่วมกับ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม อายุ 23 ปี ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเอเชีย (The Asian Human Rights Commission หรือ AHRC) ออกแถลงการณ์แสงความวิตกต่อกรณีนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ถูกจับกุมดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 112 เกี่ยวเนื่องจากการร่วมแสดงละครเวทีของกลุ่มประกายไฟเรื่องเจ้าสาวหมาป่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสิ่งที่ชี้ถึงวิกฤตด้านสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในประเทศไทยนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์22พ.ค. http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd09ERTJOVGt3TXc9PQ== จงดูความมั่วของลิเบอร่านคณะกรรมการสิทธิฯเอเชีย และลิเบอร่านข่าวปดเสนอความเท็จว่าคดีน.ศ.เล่นละครเวทีหมิ่นซึ่งเกิดตั้งแต่ปี 2556 เดือนตุลา เป็น "สิ่งที่ชี้ถึงวิกฤตด้านสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในประเทศไทยนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์22พ.ค. " พวกลิเบอร่านมันชอบยุคปูที่ปล่อยให้เกิดเรื่องหมิ่นอย่างโจ่งแจ้งโดยฝ่ายบ้านเมืองนั่งหลับตาไม่ทำอะไร พอเขาบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้อง กลับกลายเป็นฝ่ายบ้านเมืองกระทำการ"รอนสิทธิ" ทันที ! คุณเล่นละครได้ แต่ไม่ต้องเฉียดใคร ทำได้ไหม ถ้าทำละครแบบนั้น-แค่นั้น..พวกคุณจะเล่นละครสักกี่เรื่อง จะเล่นวันละเรื่องทุกวันก็ไม่มีใครไปยุ่งกับลิเบอร่านแบบพวกคุณ แต่ถ้าอยากโดนจับก็หมิ่นกันเข้าไป แล้วนอนรอไปเป็นนักเรียนนอกที่ฮ่องกรง ไม่ต้องหนีไปมาเลเซีย เหอๆ..
สิทธิในการแสดงออก แล้วผู้ที่เสียหายจากสิทธินั้น ใครจะรับผิดชอบ เห็นแต่ละเว็บ แต่ละองค์กรที่อ้างเสรี แหล่งข่าวมีตั้งเยอะ แ_ม่มอ้างแต่ข้อมูลประชาไทย กับนักวิชาการที่ชาวบ้านไม่สนไม่รู้จัก
การเคลื่อนไหวของกลุ่มประกายไฟในการแสดงละครหมิ่นเหม่ต่อสถาบัน เป็นหนึ่งในขบวนการที่เคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบของหมู่คนเสื้อแดง ซึ่งได้มีการผลิตเนื้อหาในลักษณะดังกล่าวซ้ำๆ ล่าสุดก็มีเว็บไซต์ไทยฟรีนิวส์ของเครือข่ายคนเสื้อแดงที่เขียนเรื่องสั้นบางเรื่องออกมาในลักษณะเดียวกันกับละครเรื่อง"เจ้าสาวหมาป่า" ล็อกอิน "ป้าพลอยตาสว่าง" คอลัมนิสต์ของเว็บไทยฟรีนิวส์ดังกล่าวเขียนเรื่องสั้นเรื่อง "กำนัน บูดายัน...ในคราบของนักบุญ" โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่ง ว่า ณ หมู่บ้านไกลโพ้น...ทะเลทรายแห่งหนึ่งของตะวันออกกลาง ได้มีหมู่บ้านเล็กๆอยู่หมู่บ้านหนึ่ง รวบรวมประชากรแล้วในราวๆ 1,500 กว่าคน รวมทั้งลูกเล็กเด็กแดง อาชีพส่วนใหญ่ของชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ ทำไร่ข้าวโพดและพืชผักหน้าดินเนื่องจากเป็นดินแดนแห้งแล้ง มองไปทางทิศใดเห็นแต่ทะเลทรายล้อมรอบ แต่เพราะหมู่บ้านท่านกำนันบูดายันเป็นพื้นที่ราบสูง จึงมีดินปนทรายให้ทำการเกษตรได้ หมู่บ้านแห่งนี้ ท่านกำนันบูดายัน เป็นหัวหน้าปกครองลูกบ้าน หลังจากนั้นก็มีการนำเสนอเนื้อหาที่มีความล่อแหลมที่ทางสำนักข่าวทีนิวส์ไม่สามารถนำเสนอได้ ก่อนที่ผู้เขียนจะเขียนบทสรุปสุดท้ายว่า ....นิทานเรื่องนี้ เป็นอุทธาหรณ์ เกี่ยวกับครอบครัวหนึ่ง? เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิธีคิดของเว็บไซต์ไทยฟรีนิวส์กับการแสดงละครเรื่อง"เจ้าสาวหมาป่า"เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งนี่คือการเคลื่อนไหวที่เป็นขบวนการอย่างชัดเจน และเมื่อเอ่ยถึงเว็บไซต์ไทยฟรีนิวส์ก็ดูว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงขนาดเคยเดินทางไปทำข่าวทักษิณที่ต่างประเทศมาแล้ว ในขณะที่ทักษิณก็ใช้คำว่า"เรา"กับเว็บไซต์ไทยฟรีนิวส์ขณะอวยพรให้ประสบความสำเร็จอีกด้วย การเคลื่อนไหวที่มีความเชื่อมโยงกันของพ.ต.ท.ทักษิณ-คนเสื้อแดง-และเครือข่ายเหล่านี้เคยถูก"ลูกชาวนาไทย" เขียนบทความสะท้อนความเชื่อมโยงเอาไว้อย่างเห็นภาพตั้งแต่ปี 2553 แล้ว เจ้าของนามปากกา “ลูกชาวนาไทย” แห่งเว็บไซต์ไทยฟรีนิวส์มาพร้อมกับบทความ “แนวรบสำคัญของเสื้อแดงมีสองแนวรบ มันไม่ต้องสัมพันธ์กันหรือร่วมมือกันตอนนี้” เขาเปรียบเทียบไว้อีกมุมหนึ่ง โดยการยกตัวอย่างประกอบการอรรถาธิบายเรื่อง นปช. 3 เกลอกับ นปช.USA และกลุ่มแดงสยาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเด็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ “ลูกชาวนาไทย”ระบุว่า “สามเกลอเขาต้องการไปแค่นครสวรรค์ แต่แดงสยามต้องการไปถึงเชียงใหม่....” “แต่วันนี้ ขบวนรถมันยังถึงแค่ลพบุรี ยังไม่ใช่เวลาและหน้าที่ของแดงสยาม เพียงรอให้สถานการณ์และเหตุการณ์มันเลยนครสวรรค์ไปก่อน ไม่อย่างนั้น รถไฟก็ตกรางตายกันหมดตรงสถานีลพบุรีนี่แหละ.....” “ผมเชื่อว่า หากสถานการณ์สุกงอมถึงนครสวรรค์แล้ว ผมเชื่อว่า นปช.กับสามเกลอ เขาก็อาจร่วมขึ้นรถไฟต่อไปถึงเชียงใหม่.....” “แต่เขาไม่จำเป็นต้องพูดให้ฝ่ายอำมาตย์มางัดรางรถไฟตรงลพบุรี....” ในบทความชิ้นนี้ ได้กล่าวไว้ว่าแนวรบที่สำคัญในการต่อต้านอำมาตย์มี 2 แนวรบ 1. แนวรบเปิดเผย คือ คนเสื้อแดงมี ซึ่งนปช. เป็นแกนนำ ส่วนนี้มีการสร้างมวลชนอย่างเปิดเผย โดยเป้าหมายหลักคือ โค่นล้มระบบอำมาตย์ ทำการโจมตีรัฐบาลอภิสิทธิ์และพล.อ.เปรม ,ต้องการปฏิรูปการเมืองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ต้องไม่มีการแทรกแซงทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น 2. แนวรบใต้ดิน ที่มีน้ำหนักมากที่สุด และทำงานได้ผลคือ “นปช.ยูเอสเอ + อ.ชูพงษ์” เป็นการโจมตีใต้ดินที่รุนแรงและเฉียบขาด แม้ไม่มีการใช้อาวุธใดๆทางกายภาพ แต่อาวุธคือซีดีที่มีเนื้อหารุนแรงระดับเดียวกับระเบิดนิวเคลียร์ เป้าหมายคือทำลายลัทธิซาบซึ้ง หรือระบอบราชาธิปไตย แต่ยังแสดงว่าต้องการระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเช่นกัน และยังให้คงสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้ แต่ต้องมีการปรับปรุงมากมายในเรื่องที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ “ลูกชาวนาไทย”บอกว่าแนวรบ 2 แนวนี้แม้ไม่ได้มีคุยกัน ,มองไม่เห็นการประสานกัน หรือทำงานร่วมกันเลย.. แต่แนวทางสอดประสานกันโดยอัตโนมัติ และก่อให้เกิดเป็นพลังอย่างรุนแรง !! แนวรบ นปช. หยุดอยุ่ที่พล.อ.เปรมเพราะเป็นแนวรบเปิดเผย สามารถทำได้อย่างมากก็แค่นี้ แต่คุณูปการอันยิ่งใหญ่คือการรวบรวมคน ,การจัดตั้งมวลชน แต่มีข้อจำกัดคือไม่สามารถโจมตีไปที่เป้าหมายที่แท้จริงได้ เพราะมีข้อจำกัดทางวัฒนธรรมหลายประการ รวมทั้งข้อจำกัดทางกฎหมายต่างๆ แต่ก็ไม่เป็นไร ปล่อยแนวร่วมพวกนี้เขาทำงานพื้นฐานของพวกเขาไป ส่วนแนวรบ นปช.ยูเอสเอ + อ.ชูพงษ์ เป็นการสร้างความตาสว่าง หรือให้การศึกษาแก่มวลชนเสื้อแดงของ นปช. อีกต่อและยกระดับมวลชนกลุ่มแรกขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำอย่างเปิดเผย หรือขึ้นเวทีปราศรัยอย่างเปิดเผยให้ถูกจับ “สามเกลอเขาก็สร้างมวลชนไป นปช.ยูเอสเอ + อ.ชูพงษ์ก็ผลิตเนื้อหา ป้อนมวลชนเสื้อแดงในช่องทางอื่นๆ ไป นี่เป็นช่องทางที่สมบูรณ์แล้ว เป็นแนวรบที่สอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แล้ว...” “แม้ว่า นปช. ในทางเปิดเผยจะไม่ยอมรับ แต่เขาก็ไม่เอ่ยถึงหรือพูดถึงแต่อย่างใด เพราะมันเป็นงานที่ นปช. ไม่จำเป็นต้องไปพูดถึง...” “มันสอดประสานกันเอง โดยธรรมชาติอยู่แล้ว” http://www.tnews.co.th/html/content/73677/ พวกมรึงวิแคะเป็นพวกเดวหรือ? พวกกรุก็รู้ ..ฝ่ายความมั่นคงยิ่งรู้ พักนี้ พอทางการเอาจริง มันถึงโดนจับเอา จับเอากันไง ... แต่ไอพวก “ ตาสว่าง ” พวกถูกหลอกใช้ พวกถูกสวมเขาบนหัว พวกมันแมมไม่รุ หน้าโง่ ship ...555+
สิทธิเสรีภาพในการพูด ก็เหมือนกับสิทธิในเรื่องอื่นๆ และก็มีสถานะเทียบเท่ากับสิทธิเสรีภาพในเรื่องอื่นๆ ไม่ได้มีสถานะเหนือกว่าแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อสิทธิเสรีภาพในการพูดไปขัดแย้งกับสิทธิอื่น มันจึงไม่ได้เป็นผู้ชนะเสมอไป
บอกให้คนอื่นรู้จักเคารพกติกา แต่ละเมิด ป.อาญา ม.112 เป็นว่าเล่น อ้างเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญทุกฉบับของไทยไม่มีให้
2 ปี 6 เดือน นั่นคงเพราะจำเลยรับสารภาพ ส่วน 5 ปี คงจะปฏิเสธแล้วสู้คดีลูกเดียว ไม่มีเหตุลดหย่อนผ่อนโทษ
เล็ก เจ้าเก่า คุก 2 ปี 6 เดือน นศ.ขอนแก่นเล่นละครเวทีหมิ่นเบื้องสูง(หัวข่าว) ศาลไม่ได้สั่งจำคุกนักศึกษาครับ ทั้งสองเป็นอดีตนักศึกษา-พ้นสภาพนักศึกษาแล้ว Nareenuch Sirivanitchaya อายุ 27 กับ 24 ปี ก็น่าจะจบแล้วนะ นภัสกร เบิร์ด เห็นในข่าวเมื่อสักครู่ ยิ้มเริงร่า สำนึกบ้างไม๊เนี่ย ว่ามรึงจะอยู่ในคุก 2ปี6เดือน (อย่าขออภัยโทษด้วยน่ะเมื่อถึงวันสำคัญ) ให้มันติดเต็มๆไปเลย
ไม่น่าใช่ครับ ขาโน้นเค้าไม่หยาบคาย แต่ไอ้"ล้างป่าช้า" นี่เถื่อน ถ่อย สมองไม่มี เสียดายแทนบริษัทที่รับเข้าทำงาน
ศาลอาญาจำคุกนักเคลื่อนไหว-อดีตนศ.ม.ขอนแก่น2ปี6เดือนเล่นละครเจ้าสาวหมาป่าหมิ่นสถาบันปี56 วันนี้(23ก.พ.58)ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญาอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.3526/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยขอนแก่น และน.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง หรือ กอล์ฟ ประกายไฟ บัณฑิตคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จำเลยที่ 1-2 ในฐานความผิดร่วมกันดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คดีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 56 จำเลยกับพวกได้ร่วมกันแสดงละครเวทีเรื่อง เจ้าสาวหมาป่า ในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลาฯ ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีบทละครที่มีข้อความเป็นการดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ทำให้ผู้ได้รับฟังเข้าใจความหมายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อันเป็นการลบหลู่ ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย