พอดี ผมได้สร้างห้องนี้ขึ้นมาสักพักหนึ่งแล้ว ขอโทษทีครับที่เพิ่งนำมาโฆษณา สถิตในหทัยราษฎร์ หลักการคือผมอยากจะให้เป็นที่เก็บเรื่องราวของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งก่อนและหลังสวรรคต เนื่องจากเข้าใจว่าบางครั้งเราก็ไม่อยากจะโพสให้ปะปนกับเรื่องการเมือง ดังนั้น หากใครสนใจ ขอเชิญโพสได้ตามสะดวกครับ โดยผมขอสงวนสิทธิ์ในการดัดแปลงปรับปรุงตามสมควรครับ
หากแอดมิน หรือเพื่อนสมาชิก เห็นว่ามีสิ่งใดไม่เหมาะสม มิบังควร ขอความกรุณา พิจารณาได้ตามที่ถูกที่ควรครับ
ใกล้จะถึงวันส่งเสด็จแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ คิดแต่จะว่าตัวเองจะได้เฝ้ามองพระองค์ด้วยความรักความภักดี ที่ได้รับการสั่งสอนมาจากบรรพบุรุษให้รักและเทอดทูนพระองค์ ดุจดั่งเจ้าชีวิตรับใช้พระองค์ด้วยความปิติ ไม่มีสิ่งใดเคลือบแฝง มาบัดนี้เมืองไทยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตะนิ่นตาญี วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เวลา ๑๕.๕๕ นาฬิกา
ทำไมคนไทยรักในหลวง ตะนิ่นตาญี ไม่ทราบว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่ส่วนตัวแล้วเพราะพระองค์ทรงงานอย่างหนักเพื่อคนไทยทุกคน ตะนิ่นตาญี
๐๕.๐๐ นาฬิกา เช้ามืดของวันเสาร์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ ขอน้อมอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ ลมหนาว มายังสภากาแฟ ห้องสถิตย์ในหทัยราษฎร์ เพื่อระลึกถึงองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใน รัชกาลที่ ๙ ตะนิ่นตาญี
"....การมีเสรีภาพนั้นเป็นของที่ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อจะใช้ จำเป็นจะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และความรับผิดชอบมิให้ล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นที่เขามีอยู่เท่าเทียมกัน ทั้งมิให้กระทบกระเทือนถึงสวัสดิภาพ และความเป็นปรกติสุขของส่วนรวมด้วย…" พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ 9 กรกฎาคม 2514 ************************ คัดลอกมาจาก พระบรมราโชวาท ของ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามแฝงว่า ตะนิ่นตาญี วันอาทิตย์ที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
“การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมาก ไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้” ****************************** พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๐๖ ****************************** ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ข้าพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามแฝง ตะนิ่นตาญี
ความประพฤติดังนั้นใช่จะเกิดมีขึ้นเองได้ หากแต่จำเป็นต้องฝึกหัดอบรมและสนับสนุนส่งเสริมกันอย่างจริงจังสม่ำเสมอนับตั้งแต่บุคคลเกิด ดังที่มนุษย์ไม่ว่าชาติใดภาษาใด ได้เฝ้าพยายามกระทำสืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งเพื่อให้สามารถรักษาตัวและมีความสุข ความสำเร็จในการครองชีวิต ทั้งให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ด้วยความผาสุกสงบ” ************************** พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ในรัชกาลที่ ๙ พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการสัมมนาของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เรื่อง การพัฒนาสังคมในด้านศีลธรรมและจิตใจ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๖ ************************** ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามแฝง ตะนิ่นตาญี
“เป็นความจริงอยู่โดยธรรมดา ที่บุคคลในสังคมนั้นย่อมมีอัชฌาสัยจิตใจแตกต่างเหลื่อมล้ำกันเป็นหลายระดับ ขึ้นอยู่กับพื้นฐานภูมิธรรมของตน บางคนก็มีความคิดจิตใจสูง มีความประพฤติปฏิบัติดีงาม เป็นคุณเป็นประโยชน์อยู่แล้วเป็นปกติ แต่บางคนไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ เพราะยังไม่เห็นคุณค่าของการปฏิบัติดี จึงมักก่อปัญหาให้เกิดแก่สังคม คนเรานั้น สำคัญอยู่ที่ควรจะได้ปรารภปรารถนาที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเป็นลำดับ เพื่อให้ชีวิตเป็นสุข และเจริญรุ่งเรือง” ********************************* พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการประชุม ยุวพุทิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ ๑๖ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๒๔ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามแฝง ตะนิ่นตาญี
“การใช้จ่ายอย่างประหยัดนั้น จะเป็นหลักประกันความสมบูรณ์พูนสุขของผู้ประหยัดเอง และครอบครัวช่วยป้องกันความขาดแคลนในวันข้างหน้า การประหยัดดังกล่าวนี้จะมีผลดีไม่เฉพาะแก่ผู้ที่ประหยัดเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วย” ***************************** พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๒ ***************************** ด้วยเกล้าด้วยกคะหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามปากกา ตะนิ่นตาญี
“ถ้าทำงานด้วยความตั้งใจที่จะให้เกิดผลอันยิ่งใหญ่ คือ ความเป็นปึกแผ่นของประเทศชาติ ด้วยความสุจริตและด้วยความรู้ความสามารถ ด้วยจริงใจ ไม่นึกถึงเงินทองหรือนึกถึงผลประโยชน์ใดๆ ก็เป็นการทำหน้าที่โดยตรงและได้ทำหน้าที่โดยเต็มที่” **************************** พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ พระราชทานแก่ ศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๑ **************************** ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามปากกา ตะนิ่นตาญี หมายเหตุ : อยากบอกว่าคนไทยคนนี้ ตะนิ่นตาญี รักในหลวง ครับ
“ถ้าทุกคนสนใจในความรักประเทศชาติ รักษาความดีเอาไว้ ไม่ต้องไปตามอย่างในสิ่งที่เราเห็นว่าไม่น่าที่จะเจริญไม่น่าจะพัฒนา เราต้องรักษาแนวทางความคิดตามที่เรามีอยู่ แม้จะเป็นสิ่งที่ตกทอดมาแต่โบราณกาลจากปู่ย่าตายายของเรา แต่เป็นระเบียบการหรือเป็นวิธีการที่ดี จะไม่ล้าสมัย” ************************************** พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเสด็จภูมิพลอดลุยเดชฯ ไปทรงเยี่ยมวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ๑๓ มีนาคม ๒๕๑๔ ************************************** ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามปากกา ตะนิ่นตาญี รักในหลวง
“ชาติบ้านเมืองประกอบด้วยนานาสถาบัน อันเปรียบได้กับอวัยวะทั้งปวง ที่ประกอบกันขึ้นเป็นชีวิตร่างกาย ชีวิตร่างกายดำรงอยู่ได้ เพราะอวัยวะใหญ่น้อยทำงานเป็นปรกติพร้อมกันอย่างไร ชาติบ้านเมืองก็ดำรงอยู่ได้เพราะสถาบันต่าง ๆ ตั้งมั่นและปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยพร้อมมูลอย่างนั้น” ***************************** พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ พระราชทานแก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และอาสาสมัครพลเรือน ในพิธีตรวจพลสวนสนาม ในงานพระราชพิธีรัชดาภิเษก ๘ มิถุนายน ๒๕๑๔ ********************************** ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามปากกา ตะนิ่นตาญี รักในหลวง
"..ข้าพเจ้าอยู่ในห้องนี้ครั้งละ 5-6 ชั่วโมงข้าพเจ้าไม่ชอบอยู่คนเดียว แต่ข้าพเจ้ามีงานต้องทำ การอยู่คนเดียวจะทำให้มีสมาธิ มีสติในการทำงาน เป็นการเตรียมตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะต้องพบเจอ ข้าพเจ้าต้องศึกษาแผนที่ ซึ่งจะทำให้ข้าพเจ้าได้ข้อมูลในสิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังจะทำ.." พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว BBC ของอังกฤษ *********************** ในหลวงของแผ่นดิน ทรงทุ่มเทพระวรกายและกำลังความสามารถ เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยความจงรักภักดีนี้ การน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยในวันอันใกล้นี้ จึงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำเพื่อแสดงถึงความรู้สึกนี้ได้ ตะนิ่นตาญี
เมื่อต้นปี ๒๕๓๑ ทรงเกิดความคิดว่าระบบการทำงานของราชการนั้นช่างล่าช้า เบิกอะไรก็ใช้เวลานาน จนทำให้แก้ไขปัญหาประชาชนได้ไม่ทันท่วงที พระองค์จึงมีรับสั่งกับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ กปร.ในสมัยนั้นว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำงานแบบ ‘โง’ ซะที ในหลวงจึงมีรับสั่งให้ ดร.สุเมธ รีบไปดำเนินการตั้งมูลนิธิ เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงาน โดยพระองค์ทรงออกแบบและตั้งชื่อไว้เรียบร้อย และจะทรงรับตำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิด้วยพระองค์เอง แต่พอถึงอำเภอ ดร.สุเมธกลับไม่กล้าบอกว่า มูลนิธิที่จะมาจดทะเบียนเป็นของในหลวง เพราะกลัวคนจะเข้าใจว่าไปอวดอ้างแสดงอำนาจ พอถึงคิวก็ยื่นเอกสารแบบปกติธรรมดา เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องอ่านแล้วถามว่า มูลนิธิของคุณเหรอ เมื่อ ดร.สุเมธตอบปฏิเสธ ก็โดนซักต่อว่า ทำไมประธานหรือนายกมูลนิธิไม่เดินทางมาจดทะเบียนเอง ดร.สุเมธนึกในใจว่า ถ้านายกมูลนิธิมาเองก็คงวุ่นแน่เลย จึงบอกไปว่านายกไม่ว่าง อีกทั้งในใบขอจดก็ยังไม่ได้กรอกที่อยู่และอาชีพของนายกมูลนิธิ ดร.สุเมธก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะกรอกอย่างไรดี ได้แต่บอกไปว่าบ้านมีเนื้อที่หลายไร่และนายกมูลนิธิทำหลายอย่าง เจ้าหน้าที่จึงพูดด้วยความไม่พอใจว่า "บ้านช่องก็ไม่มีหลักแหล่ง อาชีพก็ไม่แน่นอน แล้วจะมาจดมูลนิธิได้ยังไง” แล้วก็ดึงหัวกระดาษมาดู แต่พอเห็นว่าชื่อผู้ยื่นคือ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ก็ตกใจแทบตกเก้าอี้ รีบบอกว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก หลังจากนั้นก็เร่งดำเนินการจนเสร็จทุกขั้นตอนภายในเวลาเพียง ๗ นาที แล้วกระมิดกระเมี้ยนบอกว่ามีค่าธรรมเนียม ๓๐ บาท ขอจ่ายให้ได้ไหม ดังนั้นจึงถือว่าเจ้าหน้าที่คนนี้เป็นผู้บริจาครายแรกของมูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อด๊อกเตอร์สุเมธกลับมากราบบังคมทูล ให้ในหลวงทราบว่าเกือบจดมูลนิธิไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้กรอกเลขที่บ้านและอาชีพของนายกมูลนิธิ ในหลวงก็ตรัสว่า พระองค์เองก็ไม่ทราบเลขที่พระราชวังสวนจิตรดลาเหมือนกัน ส่วนอาชีพนั้นให้ ดร.สุเมธใส่ไปเลยว่า "ทำราชการ" ทุกวันนี้มูลนิธิชัยพัฒนาได้รับเงินบริจาคหลายล้านบาท เพื่อเป็นทุนสำรองในการทำงานแบบ ‘โง’ เพื่อดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยในหลวงเคยรับสั่งไว้ชัดเจนว่า ห้ามเรี่ยไร เพราะจะทำให้คนเดือดร้อน และนี่คือเรื่องราวของมูลนิธิที่ในหลวง ร.๙ ทรงตั้งขึ้น ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ไปสู่ความสงบ ความเจริญ และความอยู่ดีกินดี เรียบเรียงจากบรรยาย เรื่องพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ต่อปวงชนชาวไทย เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙, บทสัมภาษณ์ เรื่องพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อปวงชนชาวไทย และบทความเรื่องในหลวงกับการพัฒนาประเทศ โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ที่มา FB:เพจสานต่อที่พ่อทำ คัดลอกมาจากบทความของ T-NEWS *************************************************** NGOs ‘โง’ คือคำที่ในหลวง ร.๙ ทรงเรียกกลุ่ม NGOs หรือองค์กรพัฒนาที่ไม่ได้สังกัดภาครัฐ นั่นเอง ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าผู้ใช้นามปากกา ตะนิ่นตาญี
พรุ่งนี้แล้วสิครับ ครบ 1 ปีแห่งการสวรรคต พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกฐ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผมพยายามบอกตัวเองว่าท่านยังอยู่ในใจเรา ทำความดีให้มากขึ้นอีกนิด ทำความเลวให้น้อยลงอีกนิด ท่านคงดีใจที่เราทำได้ สุดท้ายต้องยอมรับความจริงเมื่อเวลาเดินไป อีก 14 วันก็เป็นวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ แม้แต่เราก็เช่นกัน หากสร้างความดีมากพอ คงได้เป็นข้ารับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในชาติภพต่อไป ชีวิตที่เหลือตั้งใจจะเดินตามแนวทาง ที่พระองค์ได้สอน ได้ทำเป็นแบบอย่างอันดีงาม เพียงเพื่อความหวังของตัวเองก่อนหมดลมหายใจ ได้สัมฤทธ์ผล
ครบ1ปี เมื่อวานมีหมอกธุมเกตุกลางคืนจนเช้า วันนี้8โมงเช้ายังมีหมอกอยู่ บรรยากาศเศร้าๆเหมือนเมื่อ1ปีที่แล้ว คิดว่าคืนนี้มีหมอกธุมเกตุอีกแน่นอน
ในสมัยเด็กเด็กตะนิ่นตาญีมักจะเดินเข้าไปสุดซอยบ้าน เพื่อมองหาแมลงทับซึ่งมีอยู่ตามต้นมะขามเจอบ้าง-ไม่เจอบ้างตามแต่ฤดูกาล แต่ที่ชอบยืนดูเห็นจะเป็นต้นมะขามที่เพิ่งผลิใบคู่สีเขียวดูบอบบาง จากเม็ดสีน้ำตาลที่แตกอ้าอยู่ใต้ต้นเห็นแล้วก็อดเสียไม่ได้ที่จะเก็บขึ้นมา หวังจะเอาไปปลูกที่บ้านเพื่อว่าสักวันหนึ่งเมื่อมันเติบโตขึ้น เมื่อแมลงทับมาเกาะ-มาอาศัยอยู่ที่ต้นนั้น จะได้มีแมลงทับโดยไม่ต้องไปจับให้เปลืองแรง .... ***************************************************************************** ในวันฟ้าสวยตะนิ่นตาญีเคยล้มตัวลงนอนกลางสนามหญ้าเมื่อแดดหมดแล้ว มองท้องฟ้าไกลลิบลิบสูดกลิ่นดิน-กลิ่นหญ้าด้วยหวังไว้ให้อยู่ในความทรงจำ ความทรงจำอันเป็นนิรันดร์กาลนิรันดร์กาลในเสี้ยวเวลา ... เก็บก้อนหินก้อนเล็กเล็กตามที่ต่างต่างห่อกระดาษไว้ ใช้กระดาษกาวแปะเก็บไว้ในสมุดเขียนกำกับไว้ด้วยว่าเก็บมาจากไหน เคยเก็บผีเสื้อปีกโตเกือบเท่ากลีบดอกกุหลาบ ที่นอนตายอยู่ข้างทางตอนเดินกลับบ้านหนีบทับเอาไว้ในสมุดพก เคยเอามือแตะกำแพงวัดพระแก้วทุกครั้งที่เดินผ่าน เพื่อเก็บไออุ่นของมันถ่ายเทเข้ามาไว้ในร่างกายของตะนิ่นตาญี ! ***************************************************************************** ในทุกครั้งที่มีโอกาสได้รอรับเสด็จ ตะนิ่นตาญีจะคุกเข่าลงก้มกราบรถยนต์พระที่นั่งหรือแม้แต่ฉายาอากาศ เบื้องท้ายรถยนต์พระที่นั่งรวมทั้งถวายคำนับธงมหาราช นับตั้งแต่จำความได้จนถึงปัจจุบัน ... ด้วยความรู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของล้นเกล้าล้นกระหม่อมในหลวงรัชกาลที่๙ ในหลวงรัชกาลที่๑๐ สมเด็จพระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่มีต่อพสกนิกรทุกคนรวมทั้งตะนิ่นตาญี ***************************************************************************** ด้วยดวงใจดวงนี้เองตะนิ่นตาญีได้เล่า-ได้ถ่ายทอดวีรกรรม ของวีรชนและวีรกษัตริย์ไทยให้ลูกหลานของเพื่อนและของตัวเองฟัง ตะนิ่นตาญีมั่นใจว่าพวกเขาเหล่านั้นยังจำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าบัดนี้พวกเขาจะได้เติบโตรับปริญญาหรือมีเหย้า-มีเรือนแล้วก็ตาม เพราะว่ามันเป็นประวัติศาสตร์และพลังของ แผ่นดินและปู่-ย่า-ตา-ยาย ***************************************************************************** วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๕๒ นาฬิกา ตะนิ่นตาญีไม่รู้จะเล่าให้ลูก-หลานฟังอย่างไรว่าตัวเองนั้นร้องไห้ ร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อน! วันนั้นน้ำตาที่ไหลออกมาดูมันมากมายเกินกว่าที่จะคิดเกินกว่าที่จะเชื่อ อาจเป็นเพราะน้ำตาที่ไหลออกมานั้นมาจากหัวใจที่จงรักภักดี มาจากจากจิตและวิญญาณแห่งความเป็นคนไทย คนไทยที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในรัชกาลที่๙ได้อยู่ใต้ร่มพระบารมีที่อบอุ่น ได้เห็นพระองค์ทรงงานเพื่อคนไทยทุกคนไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ทุกหน-ทุกแห่งบนแผ่นดินไทยไม่มีที่ไหนที่พระองค์ไม่เคยเสด็จไป จนปฏิเสธไม่ได้ว่า “พระบาตรที่ยาตรายาวรอบหล้าฟ้าสากล” ***************************************** จากพระปฐมบรมราชโองการสัตยาธิษฐาน “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” คงไม่ต้องมีบทพิสูจน์ใดใดอีกแล้ว สำหรับพระราชจริยาวัตรอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้ทรงกระทำมาโดยตลอด พระราชปณิธานเดียวที่ทรงพระประสงค์คือให้คนไทยได้อยู่ดีกินดี ทรงนำเมืองไทยให้พ้นจากการเป็น “โดมิโนตัวสุดท้ายของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ร่วมกันต่อต้านการรุกรานอันมาจากภัยแห่งลัทธิที่ไม่พึงต้องประสงค์ ด้วยทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความสามัคคีของคนไทยทั้งชาติ จึงทรงนำพาประเทศไทยให้รอดพ้นภัยพาลได้ในครั้งนั้น ***************************************** เมื่อคนไทยต้องต่อสู้กับระบอบทุนนิยมสามานย์ พระองค์ก็มิได้ทอดทิ้งคนไทยแม้จะยากลำบากสักเพียงใด พระองค์ทรงช่วยให้เราสู้... สู้กับตัวเองสู้กับความละโมภอันเป็นพื้นฐานของจิตใจของคนเราทุกคน พระองค์ทรงให้พระคาถาอันยิ่งใหญ่กำกับให้เป็นพื้นฐานอันได้แก่ “ความพอเพียง” สำหรับผู้ที่รู้จักพอความพอนั้นจะทำให้มีไปตลอดกาล ***************************************** การต่อสู้ของพระองค์เพื่อคนไทยนั้นดูจะไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าพระองค์จะทรงพระประชวรหนักเพียงใดก็ยังทุ่มเทพระวรกาย เพื่อให้เกิด “ประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” อย่าได้แปลกใจหากจะเห็น “พระเสโทที่ถั่งท้นถ้าไหลรวมคงท่วมไทย” เป็นเช่นนั้นจริงจริง ***************************************** ครบรอบการเสด็จสู่สวรรคาลัยไปแล้วเมื่อวานนี้ เมื่อวานนี้ตะนิ่นตาญีเขียนหนังสือไม่ได้เพราะทุกข์เกินกว่าจะทำการใดใด ตะนิ่นตาญี ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ทราบแต่ว่าเมืองไทยไม่มีวันจะเหมือนเดิมอีกแล้วเมื่อขาดพระองค์ท่านไป อาจารย์หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ปราโมชท่านเคยบอกไว้ว่า ... “ไม่มีทุกข์ใดจะยิ่งใหญ่เท่าทุกข์ของแผ่นดิน” มาบัดนี้ตะนิ่นตาญีเห็นด้วยกับท่านอาจารย์ฯอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกแล้ว ตะนิ่นตาญี วันเสาร์ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เวลา ๑๖.๐๖ นาฬิกา #ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป
ในความเห็นของผม อีกเหตุการณ์ที่น่าบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ในห้องนี้ คือการซ้อมในพระราชพิธีฯ ขออนุญาตบันทึกไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการสืบค้นในวันข้างหน้าครับ
ถ่ายทอดสดพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง วันพุธที่ 25 ตุลาคม 2560 เวลา 14.00 น. โดย โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ถ่ายทอดสดพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สู่พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันที่ 26 ตุลาคม 2560 ถ่ายทอดสดพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สู่พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (2) (เวลา 14.00น. 26 ต.ค.60) ประมวลภาพพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สู่พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง (26 ตุลาคม 2560) ถ่ายทอดสดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดย โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (เวลา 16.50 น. 26 ต.ค. 60)
การถ่ายทอดสดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ วันนี้ (26 ต.ค.) จบสิ้นลงแล้ว ติดตามพระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ และพระสรีรางคาร อีกครั้ง พรุ่งนี้ (27 ต.ค.) ถ่ายทอดสดพระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (เวลา 07.00 น. 27 ต.ค.60) ประมวลภาพพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ตั้งแต่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ อัญเชิญพระบรมโกศจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มายังพระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง จนกระทั่งถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในช่วงค่ำวานนี้ (26 ต.ค.60)
“ผมต้องจดจำสิ่งนี้ ผมคือผู้ออกแบบงานสถาปัตยกรรมสุดท้ายที่จะส่งพระองค์ขึ้นสรวงสวรรค์...” เปิดใจ “ก่อเกียรติ ทองผุด” นายช่างศิลปกรรม สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อร่างสร้างแบบ พระเมรุมาศในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในการพระบรมศพที่สะท้อนถึงพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ และในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้จัดสร้างขึ้นอย่างสมพระเกียรติตามพระราชอิสริยยศ ซึ่งในคืนวันที่ 13 ตุลาคม 2559 แม้ความรู้สึกจะถูกอัดแน่นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจเพียงไหน แต่ด้วยภารกิจสำคัญ ทำให้เขาต้องตั้งใจทำงานนี้ให้ดีที่สุด จากลายเส้นอันสุดแสนวิจิตร บนกระดาษร่างแบบสีขาว สู่การขยายแบบพระเมรุมาศขนาดเท่าของจริง ซึ่งการสร้างพระเมรุมาศให้มีบุษบก 9 ยอด เพื่อให้เลข 9 เป็นลัญลักษณ์ที่สื่อแทนความเป็น “พระเมรุมาศในพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9” บ้านของพ่อ.... "พรธรรม ธรรมวิมล" ภูมิสถาปนิก กรมศิลปากร ได้ออกแบบงานภูมิสถาปัตยกรรมโดยรอบพระเมรุมาศ ในครั้งนี้มีความพิเศษกว่าทุกครั้ง โดยคำนึงถึงความสวยงาม สมพระเกียรติ เพราะบริเวณฐานพระเมรุมาศทั้ง 4 ทิศ จะจัดสร้างสระอโนดาต พร้อมจำลองโครงการในพระราชดำริ บริเวณนอกรั้วราชวัตรทางทิศเหนือ เพื่อสื่อถึงในหลวงรัชกาลที่9 ที่ได้พระราชทานโครงการในพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ให้แก่ประชาชนชาวไทย ได้มีชีวิตที่อยู่ดีกินดี โดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับน้ำ และนอกจากนี้ยังใช้แนวคิดของภูมิจักรวาล ภาพสวรรค์ และสวนแบบไทยๆ มาออกแบบเพื่อสื่อว่าพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย โดยคำนึงถึงประโยชน์การใช้สอย ให้ความร่มรื่น สวยงาม และสมพระเกียรติ สถาปัตยกรรมแห่งแผ่นดินไทยที่ยิ่งใหญ่ และมีความวิจิตรงดงามมากที่สุด ประติมากรรมประดับพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่สำนักช่างสิบหมู่ ได้รับมอบหมายจากกรมศิลปากร มีแนวคิดยึดหลักปรัชญา และคติความเชื่อ ตามคติไตรภูมิในพระพุทธศาสนา ที่กล่าวถึงจักรวาล อันมีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งสะท้อนความเชื่อเรื่องพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนสมมุติเทพอวตารลงมาจากสวรรค์ ในแต่ละชั้นเป็นไปอย่างสมพระเกียรติ ตามหลักโบราณราชประเพณีของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งประติมากรรมประกอบพระเมรุมาศครั้งนี้ เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจของประติมากร ที่ทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อให้ประติมากรรมทุกชิ้นงานออกมาสมพระเกียรติที่สุด จิตรกรรมฉากบังเพลิงประกอบพระเมรุมาศพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งประดับที่มีความสำคัญ ซึ่งมีลักษณะรูปแบบ มีทั้งหมด 4 ด้าน แต่ละด้านมี 4 ชิ้น แต่ละชิ้นแบ่งเป็น 2 ตอน มีความวิจิตรงดงาม สมพระเกียรติ ราชรถ ราชยาน เป็นหนึ่งในเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ใช้สำหรับเชิญพระโกศพระบรมศพฯ ในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 2 และ 3 โดย “พระมหาพิชัยราชรถ” เป็นราชรถองค์สำคัญในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 2 เชิญพระโกศพระบรมศพฯ จากบริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามไปยัง มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นอกจากนี้ ยังใช้ “ราชรถน้อย” สำหรับสมเด็จพระสังฆราช ประทับอ่านพระอภิธรรมนำ “พระมหาพิชัยราชรถ” ซึ่งราชรถทั้งสององค์ สร้างมาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีอายุกว่า 200 ปี
“พระโกศจันทน์” และ”พระหีบจันทน์” เป็นส่วนงานประณีตศิลป์ที่สำคัญอีกหนึ่งส่วน ของงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทุกขั้นตอน ทุกชิ้นงาน ล้วนผ่านฝีมือช่างศิลป์ ที่ต้องใช้ความละเอียดในการประกอบ“ไม้ฉลุลาย”ชิ้นต่อชิ้น จนเกิดเป็นลวดลายอันวิจิตรงดงาม รายการที่จะบันทึกความยิ่งใหญ่ของงานศิลปกรรมระดับชาติ ที่รวมหัวใจคนไทยทั้งประเทศมารวมไว้ ณ ท้องสนามหลวง พบกับเรื่องราวของศาสตร์และศิลป์แห่งงานประติมากรรมและจิตกรรมประดับพระเมรุมาศสุดยิ่งใหญ่ ความวิจิตรอลังการของริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ และงานประณีตศิลป์แห่งยุคสมัย ลายซ้อนไม้พระโกศจันทน์และฐานรองพระโกศจันทน์ ติดตามทุกเรื่องราวของงานศิลปะกรรมยิ่งใหญ่แห่งยุค
ถ่ายทอดสดพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (เวลา 16.30 น. 28 ต.ค.60) ถ่ายทอดสดพระราชพิธีเลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานพระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (เวลา 09.30 น. 29 ต.ค.60) ถ่ายทอดสดพระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ขบวนกองทหารม้าอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดารามไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จากนั้นขบวนกองทหารม้าอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามไปบรรจุ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (เวลา 16.30 น. 29 ต.ค.60)
พระราชพิธีเลี้ยงพระ,พระราชพิธีอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ 09.30 น. (29 ต.ค. 60) พระราชพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรางคาร 16.30 น. (29 ต.ค. 60)