เป็นบทสรุปของบทความ "'ยกครอกเข้าคุก' ด้วยกฏกรรม" ของป๋าเปลวแกวันนี้... ----------------------------------------- ผู้ต้องหา "เปิดปาก"....... ให้ชื่อ "เดอะแก๊ง" วินาศกรรมไทย กับทีมสอบสวน ไป ๒-๓ ชื่อ! แต่ใครคือ BIG BOSS สั่งการ-วานจ้าง "บึ้มราชประสงค์" ...ปากยังปิด! คดีนี้ ว่าไปแล้ว สร้างปรากฏการณ์ "น่าสังเกต" ๓-๔ เรื่อง เรื่องแรก จับผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติพร้อมอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด ชัดว่า เป็น ๑ ในแก๊ง ผู้สร้างเหตุประสงค์ร้ายกับเมืองไทยแน่นอน แต่ชื่ออะไร เป็นคนชาติไหน...? ใช้ภาษาอะไรสื่อสารในการให้ปากคำกับทีมสอบสวนไทย เนื่องจากผู้ต้องหาภาษาอังกฤษแค่พอได้ แต่ไม่ถนัดนัก และตุรกีก็ปฏิเสธ "ไม่ใช่คนของเขา"!? ขณะนี้ สิ่งเหล่านั้นก็ยังเป็น "ข้อมูลสงวน" ที่คนส่วนใหญ่พอใจ ที่จะไม่ซักไซ้ไต่ถาม "ด้วยเข้าใจ" บนความเป็นประโยชน์ทางราชการงานลับ แต่คดีกลับมีความคืบหน้า.........! ถึงขั้นตำรวจออกหมายจับอีก ๒ คน แล้ว คือนางวรรณา หรือนางไมซาเลาะห์ สวนสันต์ บ้านเดิมอยู่อำเภอคุระบุรี พังงา เธอเป็นผู้เปิดห้องเช่าหอพักที่ซอยราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี ให้ชายอีกคนที่ถูกออกหมายจับพร้อมกัน สมมุติมิสเตอร์ B ยังไม่ทราบสัญชาติ เป็นคนอยู่อาศัย ทหาร-ตำรวจตรวจค้นไปวันก่อน (๓๐ ส.ค.) พบอุปกรณ์ประกอบระเบิด มีทั้งปุ๋ยยูเรีย ดินเทา อุปกรณ์เชื่อมโลหะ เหมือนที่เจอในห้องเช่ามิสเตอร์ X ที่อพาร์ตเมนต์หนองจอก ซอยราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี มีประวัติต้องจำ.....! เพราะเป็นแหล่งที่มาของอาวุธสงคราม ประเภทระเบิดประกอบเอง เชื่อมโยงถึงการระเบิดหลายครั้ง-หลายที่ ต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๕๓ และ ๕๗ เมื่อ มี.ค.๕๗ มีคนเช่าบ้านในซอยนี้ ใช้เป็นแหล่งผลิตเช่นกัน มือผลิต คนขอนแก่นกับคนแพร่ "ทำพลาด" ขณะประกอบ ช่วง กปปส.ชุมนุม ตูมมมม...ใส่ตัวเอง ตายไป ๒ เหมือนที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านนนทบุรี ดังที่ทราบกันแล้ว! และครั้งนี้ ตัวละครบึ้มราชประสงค์ ก็นัวเนีย-เคลียคลอ อยู่ย่านหนองจอก-มีนบุรี เชื่อมโยงปทุมธานี-นนทบุรี ยังไม่หลุดวงจรไปไหน เรื่องที่สอง จับชาวต่างชาติ สงสัยพัวพันบอมบ์หน้าศาลท่านท้าวมหาพรหม แต่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ "เงียบ" ผิดวิสัยสหรัฐฯ ที่กระทำกับรัฐบาล คสช.มาตลอด? เพราะทุกครั้ง ที่ คสช.จับกุมคนนอกชาติ หรือคนไทยในระบอบหนึ่งที่ออกมาเคลื่อนไหวท้าทายอำนาจ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะต้องออกมาแถลง ทำนองสงสัย "ยัดเยียดข้อหาหรือเปล่า?" พร้อมยกเรื่องสิทธิมนุษยชนขึ้นมาดิสเครดิต-กดดันรัฐบาลไทย! เรื่องที่สาม สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ ทำตัวเป็นองค์การผู้ใหญ่ "น่าเชื่อถือ" ผิดหู-ผิดตา เพราะป่านนี้ ยังไม่เห็นแถลงการณ์ จิก-ตบ-กัด รัฐบาล คสช.ตามหลังสหรัฐฯ อย่างที่ทำสม่ำเสมอ? เรื่องที่สี่ องค์การสิทธิมนุษยชน หรือ ฮิวแมน ไรต์ วอตช์ โดยเฉพาะนายสุณัย ผาสุข ไม่ใช่แค่ "ดอกไม้ในรูหูที่หายไป" แต่เหมือน "ตาย" ไปจากโลกนี้ ด้วยเริ่มรู้สถานการณ์ตัวเอง!? นี่...๓-๔ เรื่อง ที่พวก "ขาประจำ" จ้องจังหวะออกมาขย้ำรัฐบาล คสช.ทุกครั้ง ที่มีกรณีทำนองนี้ แต่ครั้งนี้...."หัว" หายกันไป ผิดปกติ? ย้อนดู "เส้นทางจร" นางวรรณาหรือไมซาเลาะห์ บ้าง น่าสนใจมากนะ คือหลังจากศาลออกหมายจับ....! ทหารไปบ้านเกิดที่พังงา ทราบว่านางไม่อยู่ คนในบ้านบอก นางเดินทางไปตุรกี ๒-๓ เดือนแล้ว เพราะสามีเธอเป็นชาวตุรกี!? เมื่อไล่เลียงดู "ปฏิทินเดินทาง" ของเธอ น่าสนใจ ชนิดต้องใช้คำว่า "น่าทึ่ง-น่าพิศวง" มากกว่า..... ๑ ก.ค.๕๘ จากสนามบินภูเก็ต ด้วยสายการบินเอธิฮัท เที่ยวบิน EY 431 ปลายทาง อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่รู้จักกันว่าดูไบ ดูจากกล้องวงจรปิดวันนั้น........ เธอปรากฏที่สนามบินภูเก็ต พร้อมชายมีใบหน้าคล้ายภาพสเกตช์ ที่ตำรวจออกหมายจับพร้อมกันเมื่อวาน ที่ผมเรียกมิสเตอร์ B นั่นแหละ! ย้อนไปปี ๕๗.........! หลัง คสช.เข้าควบคุมอำนาจปกครองประเทศ ๒๒ พ.ค.๕๗ ๓๐ พ.ค.๕๗ เธอเดินทางไปกัมพูชา ผ่านด่าน อ.คลองลึก จ.สระแก้ว ๒๓ ต.ค.๕๗ เธอผ่านทางด่านสะเดา สงขลา ไปมาเลเซีย!? สำหรับนางวรรณา วัย ๒๗ นี้ มาเรียนและทำงานในกรุงเทพฯ มีแฟนเป็นชาวตุรกี แต่งงานกันที่พังงาปีที่แล้วนี่เอง แต่งแล้วไปอยู่ตุรกี มีลูกด้วยกัน ๑ คน ช่วงถือศีลอดที่ผ่านมา เธอกลับมาเยี่ยมบ้าน แต่ตอนนี้อยู่ตุรกี เมื่อเจ้าหน้าที่ให้ญาติติดต่อไป เธอบอกจะกลับมามอบตัว เพราะไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น ญาติๆ เสริมความเห็น....เธอไม่เกี่ยวข้องด้วยแน่ แต่ถ้าเกี่ยว..."หมายความว่า เธอคงโดนหลอกแน่นอน"! ก็สรุปๆ ประจำวันให้ทราบน่ะครับ จะพูดอะไรตอนนี้ ต้องดูเส้น ล้ำหน้า-ล้ำเส้น จะผิดทิศ ผิดทาง ไม่เป็นคุณกับบ้านเมืองในองค์รวม แต่ดูๆ แล้ว ประเด็นจากข้อมูลตอนนี้ ยังฉีกไม่ออกจากแนวร่วม "ไทย-ต่างชาติ" และต่างชาตินั้น............... ถึงมิสเตอร์ X ที่คุมตัวไว้ สถานทูตตุรกีปฏิเสธความเป็นคนของเขา แต่ก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่า...ถ้างั้น เป็นคนสัญชาติอะไร? ซ้ำตัวละครในเรื่องบอมบ์ราชประสงค์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ๆ ก็ยังคงเป็นตัวละคร "ตุรกี" ฉีกหนีไปไหนไม่ออก! ย่านหนองจอก-มีนบุรี เชื่อมต่อปทุมธานี อันเป็นย่านพี่น้องชาวมุสลิมอยู่อาศัย ใครจะเชื่อว่า มีคนต่างชาติ สัญชาติตุรกีเข้ามาพักอาศัย เวียนอยู่-เวียนไป เป็น "หมื่นๆ คน"?! จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คงทำให้รัฐบาล-กทม.ตื่นตัว เข้าไปบริหาร-จัดการพื้นที่ให้สอดคล้องสถานการณ์จริง โดยเฉพาะด้านความมั่นคง นอกจากแรงงาน พม่า-เขมร ลาวบ้างเล็กน้อย เป็นน้ำซึมเข้าลึก ยึดครองชีพจรประเทศไทยแล้ว วันนี้...ไปพัทยา คนไทยก็แทบต้องทำพาสปอร์ตเข้าต่างแดน มีรัสเซียเป็นเจ้าเมือง ภูเก็ตก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่! ในกรุงเทพฯ เอง นอกจากย่านหนองจอก-มีนบุรี อย่างที่ว่าแล้ว ทุกวันนี้ จะเห็นคนต่างชาติ ปากีสถาน บังกลาเทศ อุยกูร์ อินเดีย ตุรกี เรียกว่าหน้าตาแปลกๆ เดินตามตรอก ซอก ซอย หนาตากว่าแต่ก่อน ที่เรียก "บังขายถั่ว" หายไป มีคนหน้าตาแปลกๆ ใหม่ๆ มาแทน ขายโรตีบ้าง เดินเก็บดอกเบี้ยรายวันบ้าง ขายจริง หรือขายบังหน้า ซอกซอนสำรวจตรวจตราแหล่ง-แห่งที่เพื่ออย่างใด อย่างหนึ่ง เห็นแล้วอึดอัด แหละเป็นห่วง "อนาคตไทย"! ตำรวจน่ะ ถ้าไม่ใช่เหตุตำตาและเอื้อประโยชน์ หวังพึ่งพาอะไรด้านมั่นคง ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน "ทางจิตสำนึก" ไม่ได้หรอก รัฐบาล คสช.ต้องคิดใหม่แล้วในเรื่องความมั่นคงชาติ จากต่างชาติที่วันนี้ "โลกไม่มีประตู" ใครจะเข้า-จะออกอย่างไรตามสบาย ยิ่งกระหายตัวเลขนักท่องเที่ยวด้วยแล้ว สารพัดสวะจากต่างชาติ มันจะฉวยโอกาสไหลตามเข้ามา ยิ่งลักษณะสังคมไทย เคารพ-บูชาคนต่างชาติอยู่แล้ว ไทยที่หากินง่าย หลอกต้มง่าย จะกลายเป็นศูนย์รวมอาชญากรโลก ใครจ้างให้ทำอะไร..ทำได้หมด! ผมห่วง เพราะคนไทย จะซื่อ บริสุทธิ์ และแสนดี กับคนต่างชาติเสมอ จะโหด อำมหิต ชั่วร้าย เอารัด-เอาเปรียบ และแสนทราม กับคนไทยด้วยกันเสมอ ถ้าไม่ปรับ กระตุกจิตสำนึกไทยให้คืนสมดุล ...ประเทศไทยไม่อันตราย แต่ประเทศไทยจะเป็นสวรรค์ของต่างชาติที่ไหลเข้ามาในทศวรรษต่อๆจากนี้ไป ในขณะที่คนไทย กลายเป็นคนยากจน และต้องเป็นคนชั้น ๒ ในบ้านเมืองตัวเอง! ชั่วโมงนี้ ดีอย่างเดียว .......... คือระบบยุติธรรม และระบบกรรม กำลังทำหน้าที่เคร่งครัด น่าครั่นคร้าม สำหรับคนทรามโฉด น่าลิงโลด สำหรับคนและสังคมที่ถูกกระทำรังแกมายาวนาน! เงินกรุงไทย "เงินหลวง" ตกน้ำไม่ไหล-ตกไฟไม่ไหม้ ไอ้ตระกูลที่ "พ่อกูใหญ่" โกงแบ่งกันไม่เป็นไร ทั้ง พ่อ-แม่-ลูก-อา พรั่งพร้อมด้วย "ขี้ข้าใกล้ชิด" ประตูนรกที่ปิด ขณะนี้...เปิดเชื่อม "ประตูคุก" รำไรแล้ว! ----------------------------------------- อ่านแล้ว คิดเห็นกันเช่นไร เชิญได้ครับ...
จะว่าไป เดี๋ยวนี้พวกแขกตะวันออกกลางก็ไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ของเราด้านการท่องเที่ยวแล้ว ออกแรงเชียร์ให้ยกเลิก Visa on Arrival กับแขกขี้ครอกพวกนี้กันหน่อยดีไหม
ผมว่าไม่ใช่ประเด็นครับ เราไม่ทางกรองใครดี ใครไม่ดีหรอกครับ ผมว่าเรื่องพวกนี้เกิดจากความอ่อนแอในการบังคับใช้กฎหมายของเราเอง พวกยุทธภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งปืนเถื่อน พวกนี้มีคนจัดหากันให้กันเป็นระบบ แต่เราไม่มีเจ้าภาพควบคุมเรื่องนี้อย่างจริงจัง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ของพวกนี้ จะฟลุ๊ค ถูกจับได้ เพราะไม่ได้ทำผิดอยู่ท้องที่ใด ท้องที่หนึ่ง ถ้าดูจากการจัดองค์กรของตำรวจ เรามี ป.ป.ส., มีบก.ป.การค้ามนุษย์, ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ, ทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ, อาชญากรรมทางเทคโนโลยี, ทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ มีแม้กระทั่ง บก.ป.การคุ้มครองผู้บริโภค แต่ไม่มีเรื่องอาวุธ ทั้งๆที่เรื่องพวกนี้ กระทบสวัสดิภาพในชีวิตของประชาชนโดยตรง มันตลกมากครับ