ดูผิวเผิน เหมือนกับจะมีการเตะ ตัดแข้ง ตัดขา อะไรยังไงกันเล็กๆน้อยๆ เสร็จแล้ว ก็จะมีแค่ "แพะตัวเล็กๆ" บางตัวที่(อาจจะ)ถูกสังเวยกันไป ดั่งที่เฟสไพร่แดง เขา"ปูเสื่อรอ"... ************************* ************************* https://www.facebook.com/cheeryingluck ************************* ************************* แต่พอไปเจอเอาที่ อ.ไพศาลว่าไว้... ************************* ************************* ************************* ************************* ถ้าเป็นไปตามที่ว่านี้... ผมว่า "ลุงตู่" อยู่ยาวๆไปเบย ดีก่า... ปล่อยให้ขี้ข้านักการเมืองสวาปามภาษีชาติกันต่อไป หรือไม่ก็ งุบงิบๆ ลูบหน้าปะจมูก ซุกขี้ไว้ใต้พรม รอให้ขี้ข้าคนอื่นๆ มาเปิดเจอกันทีหลังแล้วก็ซุกกันต่อๆไปอีก... หรือเพื่อนๆ ว่าไง?...
ป๋าเปลว ว่าไว้ก็น่าสนใจติดตามยิ่งนัก... โดยเฉพาะ ข้อมูลตอนสรุป... *************** กรณี "กรมศุลกากร" กักรถเมล์ NGV ๙๙ คัน ไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ด้วยเหตุ มีประเด็นข้อสงสัย ว่า "รถลอตนี้.......... ผู้นำเข้าแจ้งถิ่นกำเนิดในประเทศมาเลเซีย แต่พบข้อสงสัยที่ต้องตรวจสอบว่า จะเป็นไปตามนั้นจริงหรือไม่?" เบื้องหน้า-เบื้องหลังกรณีนี้ จะ "มี-ไม่มี" ก็ช่าง แต่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ ในการทำหน้าที่ของศุลกากร ลักษณะ "ยึดถูก-ผิด" ไม่ยึด "ซองและเส้น" ซึ่ง "ผมเห็นด้วย ๑๐๐%" เพราะเท่าที่ดูการปูพื้นการนำรถลอตแรกนี้เข้ามาจากทางบริษัทผู้ชนะประมูลคือ "เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด" ดูจะตีขลุมคำแถลงรัฐบาล แล้วออกข่าวนำร่อง "อิงกระแส" เหมือนเบิกช่องให้รถผ่านศุลกากรที่ท่าเรือแหลมฉบัง แบบ "รูดปรื๊ดดด" ยังไงไม่รู้? ก็ไม่ได้มองใครไปในแง่ร้าย แต่ผมอ่านข่าวแต่แรกๆ มันเป็นการปูพื้นอารมณ์ชาวบ้านให้เข้าใจว่า รถเมล์ NGV ลอตนี้ เป็นพระเอก แต่เมื่อถูกศุลกากรที่ท่าเรือเบรก คนก็จะเกิดความรู้สึก "พระเอกถูกผู้ร้ายรังแก"! ภาพลักษณ์ศุลกากรในสายตาชาวบ้านไม่ค่อยดีอยู่ด้วย มาเกิดกรณีนี้ขึ้น ถ้าไม่นำมาพูดคุยให้เห็น "ที่มา-ที่ไป" เรื่องอาจถูกตัดสินบนฐาน "ความรู้สึก" ที่ไม่มีข้อมูลประกอบ นอกจากอารมณ์ ฉะนั้น ลองมาแยกธาตุในเรื่องราวดูกันหน่อย.......... "พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด" แถลงวันก่อนว่า "เพื่อให้พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์ เป็นของขวัญปีใหม่ และคาดหวังว่า ประชาชนจะหันมาขึ้นรถเมล์สาธารณะกันมากขึ้น และในวันที่ ๒๑ ธันวา ขสมก.จะนำรถรุ่นใหม่นี้ไปเปิดตัวให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นผู้โดยสารกลุ่มแรก ได้ทดลองนั่งเป็นปฐมฤกษ์ จากทำเนียบรัฐบาลไปสถานีรถไฟหัวลำโพง ท่านนายกฯ มีความปรารถนาที่จะให้รถรุ่นใหม่นี้ไปบริการประชาชนวิ่งวนรอบท้องสนามหลวง เริ่มจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อให้บริการรับส่งประชาชนที่ไปร่วมงานพระบรมศพ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธ.ค.นี้” ต่อมา .......... เมื่อเกิดปัญหา ทางผู้ชนะประมูลในการนำรถเข้ามา "นายคณิสสร์ ศรีวชิรประภา" ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ให้สัมภาษณ์นักข่าว "เชิงฟ้อง" ว่า "รถบัสลอตนี้ เข้ามาเทียบท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ ๑ ธันวาคม จนถึงวันนี้ รถทั้งหมดที่มา ๑๐๐ คัน เราได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ๗% เรียบร้อยแล้ว แต่ขณะนี้ กระบวนการทางศุลกากรยังไม่เรียบร้อย ผมกำลังสังหรณ์ใจว่า แผนงานและกำหนดเวลาต่างๆ ที่ทาง ขสมก.และความปรารถนาของท่านนายกรัฐมนตรีคงจะไม่สามารถดำเนินการได้แล้ว พี่น้องชาวกรุงเทพฯ ก็คงยังไม่ได้รับของขวัญจากท่านนายกฯ ประยุทธ์แน่ๆ ด้วยกรมศุลกากรยังไม่ยอมปล่อยรถ โดยให้เหตุผลเพียงว่า ยังมีข้อสงสัย จึงจำเป็นต้องกักรถไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบังก่อน" อืมมมม...ถ้าถูกต้อง ทำไมจะต้อง "สังหรณ์ใจ" ล่ะ? และอีกอย่าง ไปโหนนายกฯ เรื่อง "ของขวัญชาว กทม." ทำไม มันไม่เกี่ยวกันเลย? เอา "กระพี้" ขึ้นมา "กลบแก่น" หรือเปล่า? เอาเถอะ...ไม่พูดบนฐานข้อเท็จจริง ในขั้นนี้ ให้บริษัทเบสท์รินกับกรมศุลฯ รู้ความจริงกัน ๒ ฝ่ายก่อน แต่พูดบนฐานความเป็นจริง ก็รู้กันโต้งๆ รถเมล์ NGV นี้ของรัฐ อีกอย่าง รัฐบาลกำลังรอนำไปโชว์ มอบเป็นของขวัญชาว กทม. แล้วเจ้าหน้าที่กรมศุลฯ งั่งชนิดไม่ลืมหู-ลืมตา บังอาจใช้อำนาจหน้าที่ไปกลั่นแกล้ง หวังหาเศษ-หาเลย กับสินค้าลอตนี้ อย่างนั้นเชียวหรือ? ผมไม่ได้พูดเองประเด็น "กลั่นแกล้ง" หากแต่ "นายคณิสสร์" ออกมาตั้งข้อสงสัยเองอย่างนั้น........ "รถเมล์เอ็นจีวีลอตนี้ ถูกประกอบที่มาเลเซีย ใช้วัสดุของมาเลเซียกว่า ๔๐% เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายทุกอย่าง ทำให้ปลอดภาษีนำเข้า แต่ได้รับแจ้งจากรมศุลกากรว่า แม้เอกสารหนังสือรับรองที่ยื่นขอใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีศุลกากร (From D) ซึ่งเป็นการลดอัตราภาษีศุลกากร 0% แก่สินค้านำเข้าระหว่าง ๑๐ ประเทศ AEC มีความถูกต้องจริง แต่ก็ถูกกักไว้อย่างไม่มีเหตุผล ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า 'อาจถูกกลั่นแกล้ง' หากวันที่ ๗ ธันวายังนำรถออกจากท่าเรือไม่ได้ จะยื่นหนังสือร้องเรียน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น" ก็ควรทราบไว้นิด .......... รถเมล์ NGV ขสมก.นี้ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ชนะประมูล ทั้งหมด ๔๘๙ คัน วงเงิน ๓,๓๘๙ ล้านบาท ที่เป็นปัญหาด้านแหล่งกำเนิดรถอันมีผลต่อภาษีตอนนี้ เป็นลอตแรก ๙๙+๑ คัน ตามสัญญา ลอต ๒-๓ ลอตละอีก ๑๔๕ คัน ทั้งหมดรวม ๔๘๙ คัน ต้องส่งมอบให้ ขสมก.ภายในวัน ที่ ๒๙ ธ.ค.๕๙ แต่แค่ลอตแรก ก็มีปัญหาซะแล้ว ดังนั้น เรื่องนี้ จะจบแบบไหนก็ตาม ผมขอบอกทั้งกรมศุลฯ และเบสท์ริน ให้ยึด "ที่มา-ที่ไป" ให้ดี เพราะ ถ้าไม่เข้าท่า ภาคประชาชนที่จ้องจับตาดูอยู่เวลานี้ เขา "ตรวจสอบ" แน่! ฟังก็แแปลก มีปัญหาแทนที่จะเอาหลักฐานไปเคลียร์เจ้าหน้าที่กรมศุลฯ ที่ท่าเรือ แต่นายคณิสสร์กลับจะไปร้องเรียนให้ "รองนายกฯ สมคิด" มาจัดการ? คล่อง "ระบบราชการไทย" จริงนะ! ไปแสดงความบริสุทธิ์ เอาเอกสารมาเคลียร์ก่อนดีกว่า ถ้าเคลียร์แล้ว กรมศุลฯ ยังเล่นแง่ ถึงตอนนั้น ค่อยไปฟ้องรองฯ สมคิด ค่อยดูมีเหตุ-มีผลหน่อย! มาฟังทางกรมศุลฯ บ้าง ....... ถูกอัดจนเป็นผู้ร้ายตลอดกาล เรื่องนี้จะเป็นพระเอกหรือผู้ร้าย ฟัง "นายชัยยุทธ คำคุณ" รองอธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร แจกแจงบ้าง "จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมศุลกากรพบว่า การนำเข้ารถเมล์ NGV ดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปตามข้อตกลงสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน (ฟอร์มดี) แต่เป็นการนำเข้ารถสำเร็จรูปจากประเทศจีน ผ่านประเทศมาเลย์ และเข้าสู่ประเทศไทย จึงต้องการมีตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถูกต้อง ทั้งนี้ บริษัทนำเข้าชื่อว่าซูเปอร์ซาร่า ได้แจ้งนำเข้ารถเมล์ NGV ทั้งหมด ๒ รอบ รอบแรกนำเข้า ๑ คัน สำแดงถิ่นกำเนิดจากประเทศมาเลย์ เพื่อขอยกเว้นอากรตามข้อตกลงฟอร์มดี แต่ศุลกากรตรวจสอบพบว่า หมายเลขตู้คอนเทนเนอร์ที่นำรถดังกล่าวเข้ามานั้น เป็นหมายเลขตู้เดียวกันกับที่ออกจากประเทศจีน โดยสำแดงเป็นรถ NGV สำเร็จรูป ยี่ห้อ โมเดล ตรงกันอย่างชัดเจน และส่งออกจากจีนเมื่อ ๒๘ ต.ค.เข้ามาเลย์ ๙ พ.ย.และออก ๒๓ พ.ย. โดยถึงไทย ๓๐ พ.ย.๕๙ เป็นช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยต่อเนื่องกัน ส่วนรอบที่ ๒ สำแดงนำเข้า ๙๙ คัน ในลักษณะเดียวกัน โดยขนส่งผ่านทางเรือ ออกจากจีน ๑๓ พ.ย.เข้ามาเลย์ ๑๙ พ.ย.ออก ๒๖ พ.ย.และเข้าไทยวันที่ ๑ ธ.ค.ที่ผ่านมา 'ทำไมต้องมีการนำเข้า ๒ รอบ?' 'ก็ไม่เข้าใจ ส่วนเรื่องสำแดงราคาไม่ได้มีปัญหา ขณะนี้ประเด็นเรื่องฟอร์มดี ออกโดยหน่วยงานจากมาเลย์จริงหรือไม่ ไม่ได้เป็นปัญหาหลักเท่ากับข้อมูลที่กรมฯ พบว่า สินค้าไม่น่าจะผลิตจากมาเลเซีย' โดยรถที่นำเข้าทั้ง ๑๐๐ คัน เป็นยี่ห้อ Sunlong ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยนำเข้าจากจีน จากนี้ กรมฯ จะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว และประสานความร่วมมือไปยังศุลกากรมาเลย์ เกี่ยวกับการผลิตและการออกฟอร์มดี และประเทศจีน ซึ่งอาจต้องขอไปดูโรงงานผลิตด้วย” โฆษกกรมศุลฯ ยังตบท้ายว่า......... "หากตรวจสอบพบว่าการนำเข้าไม่ถูกต้อง จะถือว่าบริษัทเบสท์ริน ฉ้อฉล สำแดงภาษีเป็นเท็จทันที มีความผิดในการเลี่ยงภาษีอากร และจะต้องจ่ายภาษีนำเข้า ๔๐% ของมูลค่ารถยนต์ NGV หรือ ๑.๒ ล้านบาท/คัน รวมค่าปรับ ๔ เท่าของมูลค่าภาษี แต่หากกรณีนี้ 'ไม่ผิด' เอกชนฟ้องกรมศุลกากรกลับได้" มันต้องแบบนี้ จะจะ แจ้งๆ กันไปเลย ถ้า "เบสท์รินถูก-ศุลกากรผิด" ศุลกากร ยืดอก.......ฟ้องกลับได้เลย! อยากรู้กันละซี ว่า "นายคณิสสร์ ศรีวชิรประภา" ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เป็นใคร มาจากไหน? ข้อมูลจาก "สำนักข่าวอิศรา" นายคณิสสร์ คือ "นายเค่อนั่วหลิน" ผู้ถือหุ้น ๓๓% ในบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท "คนจีนทั้งหมด" ถือหุ้นรวม ๔๙% มีคนไทยคนเดียว ชื่อ "นายจินดาสร แสงฤทธิ์" ถือหุ้น ๕๑%! หึ..หึ! ***************
ผมได้ฟังคำบอกเล่าจากบุคคลที่ทำงานในองค์กร ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาและออกกฎหมายฉบับต่างๆ เล่าให้ฟังว่า .. เมื่อมีข่าวการติดขัดในโครงการต่างๆของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ถูกต้องของสัญญาระหว่างกัน การไม่ครบถ้วนของเอกสาร การต้องรอคำอธิบายรายละเอียดจากองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้อง เงื่อนไขติดขัดจากกฎเกณฑ์ของประเทศอื่น ฯลฯ บลาๆๆ มักจะเป็นเรื่องของละครหน้าฉาก แต่หลังฉากล้วนแต่มีสาเหตุจาก "น้ำร้อนน้ำชา" นั้น ถ้วยเล็กไปหรือแจกจ่ายไม่ทั่วถึงครับ .... จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้....
ผมอยากให้ ปปช. เอาเบสท์ริน ติดบัญชีดำไปเลยครับ ไม่ให้มารับงานประมูลกับภาครัฐอีกต่อไป เพราะถือว่าเป็นบริษัทที่ไม่มีธรรมาภิบาล
บริษัทจัดหารถยังเป็นแค่บริษัทนอมินีอยู่เลย ถ้าผมเป็นนายกฯ นะ ปีนี้กรมศุลกากรเอา 2 ขั้นไปทั้งหน่วยงานเลย ผลงานชิ้นโบว์แดงมาก
รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็ไม่สนใจคน กทม เลื่อนโครงการรุเมลล์มาเรื่อย ๆ รัฐบาลเผด็จการ ทำไมทำแบบนี้ คนกทม จะมีรถเมลล์ เมื่อไร Doc โส ช่วยด้วย มาสมัคร ผู้ว่าหน่ย