มากันเป็นกลุ่มก้อน กระบวนการงานสร้าง โดยอ้างผลงานวิชาการประวัติศาสตร์ หักล้างความเชื่อในเรื่องเชื้อชาติความเป็นไทย ก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยสนใจ ไอ้บทความของพวกบิดเบือนประวัติศาสตร์อ้างอิงวิชาการ ผูกเป็นเรื่องล้มล้างความเชื่อเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่พักหลังสังเกตุเห็นมากขึ้น "รัฐไทย" เคยได้ยินคนพูดถึงมานานแล้วก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากมาย แต่วันนี้ก็ต้องหยุดฉุกคิดหลังจากที่อ่านข่าวในมติชนว่า คนมีการศึกษาระดับด๊อกเตอร์จะไม่เข้าใจความหมายของคำว่า"รัฐไทย"เชียวหรือ??? และการที่พูดคำว่า"รัฐไทย"ออกมา ต้องการสื่อถึงดินแดนของ"รัฐไทย"ในสมัยโบราณ ก่อนที่จะผนวกรัฐใกล้เคียงมาเป็น"ประเทศไทย"??? นักประวัติศาสตร์ เปรียบ การเมืองไทยในปัจจุบัน ไม่ได้ไปไหนเลยรอบ 200 ปี วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 22:07:18 น. วันนี้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศาสตรจารย์ ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บรรยายพิเศษวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางความคิดของปัญญาชนไทย โดย ดร.ธเนศ ได้ยกตัวอย่าง การเปลี่ยนแปลงทางความคิดของปัญญาชนในอดีตของไทย เช่น เหตุการณ์การเสนอความเห็นเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง รศ.103 ว่าหลายเรื่องในเอกสารมีความสอดคล้องและเป็นวิวาทะเช่นเดียวกับยุคปัจจุบัน จนดูเหมือนว่าการเมืองไทยปัจจุบันไม่ได้ไปไหนเลยในรอบ 200 ปี นอกจากนี้ปัญญาชนเมืองไทยยังมีปัญหาการถูกคุกคามเรื่อยมา จนทำให้ไม่สามารถเเพร่ความคิดของตนได้อย่างเต็มที่ ต่างจากปัญญาชนในตะวันตก เช่นกรณีของเทียนวรรณ ซึ่งเป็นนักคิดรุ่นใหม่ ที่พยายามวิพากษ์ วิจารณ์ผู้มีอำนาจรัฐ โดยตรง แต่ต้องถูกขังคุกถึงกว่า 17 ปี ทั้งนี้ลักษณะการคุกคามและจัดการกับนักคิดปัญญาชนดังกล่าวเป็นวัฒนธรรมของรัฐไทย เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ บทบาทของปัญญาชน คือคนที่ต้องคิดและเผยเเพร่ความคิดของตนออกมา เพื่อให้คนอื่นรับรู้ โดยปัญหาการเมืองและสังคมในปัจจุบันก็เป็นการต่อสู้กันภายใต้ความคิดและอุดมการณ์ที่เป็นผลจากการสร้างและผลิตความหมายจากปัญญาชนในอดีตทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.ธเนศ มองว่าในปัจจุบันรัฐไทยไม่สามารถก้าวพ้นกับดักการปฏิรูปทางสังคมและการเมือง และมักมอบอำนาจการเปลี่ยนแปลงให้กับคนกลุ่มเดิมที่ยึดกุมอำนาจรัฐและภูมิปัญญาเดิมๆไว้เสมอ
มีผู้ให้คำจำกัดความไว้มากมายแต่คล้ายคลึงกันว่า ความแตกต่างระหว่าง รัฐ กับ ประเทศ และ ชาติ คำว่า รัฐ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า State แต่มีคำอีกสองซึ่งใช้มักนิยมปะปนกัน คือ คำว่า ประเทศ หรือ Country กับ คำว่า ชาติ หรือ Nation ซึ่งในหลายกรณีอาจใช้เรียกสลับกันได้ โดยมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกัน เช่น เราอาจเรียกว่า รัฐไทย หรือ ประเทศไทย หรือ ชาติไทย ก็ได้ สุดแล้วแต่ แต่แท้ที่จริงแล้ว คำว่า ประเทศและชาตินั้น มีความหมายแตกต่างกับรัฐ กล่าวคือ คำว่า ประเทศมุ่งเพียงกล่าวถึงดินแดนหรืออาณาเขตที่อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลเดียวกันเท่านั้นโดยไม่จำเป็นว่าประเทศนั้นจะต้องมีอธิปไตยเฉกเช่นรัฐแต่อย่างใด ส่วนคำว่า ชาติ มีความหมายลึกซึ้งกว่า รัฐ เพราะมุ่งหมายใช้กับประชาชนหรือสังคมมากกว่าจะใช้กับดินแดนดังประเทศ อีกทั้งยังหมายถึง ความผูกพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทางวัฒนธรรม อาทิ เผ่าพันธุ์ ภาษา ศาสนา เป็นต้น ตลอดจนมีประสบการณ์ร่วมกันในทางประวัติศาสตร์ หรือ วิวัฒนาการทางการเมืองการปกครอง http://th.wikipedia.org/wiki/รัฐ
ส่วนใหญ่พวกที่ชอบกล่าวหรือเรียก"รัฐไทย" ถ้าไม่ใช่พวก"คอมมิวนิสต์" ก็จะแดงล้มเจ้า ส่วนหนึ่งจากเวบประชาไทย
ว่าด้วยเรื่องปฏิรูป ช้าเร็วก็ต้องทำครับ เพราะทั้งสองฝ่ายบอกว่าต้องปฏิรูป แค่ก่อนหรือหลังเลือกตั้งเท่านั้น มอบอำนาจให้คนกลุ่มเดิม ใช่ครับ ไม่งั้นตระกูลชินวัตรไม่ได้เป็นนายก 3 คนหรอก
ข้อเขียนของอาจารย์สมเกียรติ อ่อนวิมล อธิบายถึงความหมายของคำว่า “ประเทศและรัฐ” “ประเทศไทย” ใหญ่กว่า “รัฐไทย” 16 June 2013 at 17:45 “ประเทศไทย” ใหญ่กว่า “รัฐไทย” เมื่อจะหมายถึง "ประเทศไทย" หรือ “ราชอาณาจักรไทย” สื่อมวลชนไทยต้องไม่ใช้คำว่า"รัฐไทย"ตามนิยามของกลุ่ม BRN แต่ควรใช้คำว่า “ประเทศไทย” จึงจะถูกต้อง เพราะเหตุผลดังนี้ : พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 นิยามคำว่า “ประเทศ” เป็นคำนาม แปลว่า “บ้านเมือง” หรือ “แว่นแคว้น” ส่วนนิยามศัพท์ตามกฎหมาย พจนานุกรมฯก็แปลว่า “ชุมนุมแห่งมนุษย์ซึ่งตั้งมั่นอยู่ในดินแดนอันมีอาณาเขตแน่นอน มีอำนาจอธิปไตยที่จะใช้ได้อย่างอิสระ และมีการปกครองอย่างเป็นระเบียบเพื่อประโยชน์ของบรรดามนุษย์ที่อยู่ร่วมกันนั้น, รัฐ ก็เรียก” (หน้า 661) ส่วนคำว่า “รัฐ” พจนานุกรมฯ นิยามว่า เป็นคำนาม แปลว่า “แคว้น เช่นรัฐปาหัง, บ้านเมือง เช่นกฎหมายสูงสุดของรัฐ, ประเทศ เช่นรัฐวาติกัน” (หน้า 941) ตามพจนานุกรมฯ แม้จะอธิบายว่า “รัฐ” จะหมายถึง “ประเทศ” ก็ได้ แต่ “รัฐ” จะมีขนาดเล็กกว่า “ประเทศ” หากใช้โดยเปรียบเทียบ ดังที่ยกตัวอย่างรัฐปาหัง และ รัฐวาติกัน (ราชบัณฑิตยสถานมีเหตุผลอันใดไม่ปรากฏที่เลือกยกตัวอย่างรัฐปาหังของมาเลเซีย ในพจนานุกรมไทย ซึ่งมีปัญหาเรื่อง “รัฐปัตตานี” กับพวกกลุ่มแยกดินแดนที่อยู่ในการปกป้องของมาเลเซีย ณ เวลานี้) คำว่า “ประเทศ” เป็นภาษาสันสกฤต และใช้ในภาษาฮินดีในประเทศอินเดียปัจจุบัน พจนานุกรม The Oxford Hindi-English Dictionary เรียบเรียงโดย R.S. McGregor นิยามคำ “ประเดช/ประเทศ” (Pradesh) ว่า “a mandate” และ คำว่า “ประเดชิค” (Pradeshik) ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ ก็อธิบายความหมายว่า หมายถึง “1. Regional; having to do with a state; provincial. 2. Territorial (as national rights) (หน้า 669) ในประเทศอินเดียปัจจุบันนิยมใช้คำว่า “ประเทศ” (Pradesh) ตามหลังชื่อรัฐต่างๆ เช่น “อุตรประเทศ” (Uttar Pradesh / รัฐทางเหนือ), มัธยประเทศ (Madhya Pradesh / รัฐภาคกลาง), หิมาจัลประเทศ (Himachal Pradesh / รัฐหิมาจัล / รัฐแถบเทือกเขาหิมาลัย) เพราะรัฐเหล่านี้มีประวัติความเป็นมาและมีขนาดรวมทั้งเอกลักษณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมใหญ่ไพศาลเทียบเป็นประเทศได้ สำหรับแคว้นหรือรัฐใหญ่ เช่นแคว้นเบงกอลตะวันออก ของชาวเบงกาลีมุสลิม แยกออกมาเป็น “เบงกอลประเทศ” (Bengal Pradesh) หรือ “บังกลาเดช / บังคลาเทศ” (Bangladesh) คือประเทศบังคลาเทศในปัจจุบันนี้นั่นเอง “ประเทศไทย” (Thailand) หากจะอยากเขียนใหม่ว่า “ไทยประเทศ” / “Thai Pradesh” ก็ย่อมได้ ซึ่งหมายถึงไทยทั้งประเทศที่อำนาจการปกครองรัฐของรัฐบาลไทยครอบคลุมดินแดนทั้งหมดที่มีอยู่ตามเส้นกั้นพรมแดน ตามแผนที่ปัจจุบัน รวมถึงดินแดนที่ในสมัยโบราณอาจเคยเป็นแคว้นอิสระหรือเมืองโบราณ เช่น ล้านนา, ชากังราว, ปัตตานี แต่ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทย หรือ “ประเทศไทย” แล้ว คำว่า “ประเทศ” ที่ไทยยืมมาใช้จากภาษาสันสกฤต จึงมีความหมายเป็นประเทศใหญ่สมบูรณ์ มากกว่าเป็นเพียง “รัฐไทย” คำว่า “รัฐไทย” ที่กลุ่ม BRN แยกดินแดนปัตตานีใช้เรียกประเทศไทยนั้น มีความหมายว่าเป็นอำนาจการปกครองของไทย ที่เป็นเพียง “รัฐไทย” ที่ไม่รวมถึง “รัฐปัตตานี” ซึ่งพวก BRN ต้องการแยกดินแดนอิสระจากประเทศไทย ดังนั้นสำหรับพวก BRN “รัฐไทย” จึงไม่เท่ากับ “ประเทศไทย” แต่เท่ากับ “ประเทศไทย” ลบ “จังหวัดปัตตานี” เหลือเป็น “รัฐไทย” “รัฐไทย” จะมีขนาดพื้นที่เล็กลงไปเรื่อยๆในอนาคต หากจังหวัดปัตตานี แยกออกไปเป็น “รัฐปัตตานี”; จังหวัดเชียงใหม่ แยกออกไปเป็น “รัฐล้านนา”; จังหวัดกำแพงเพชร แยกออกไปเป็น “รัฐชากังราว” หรือจังหวัดสุพรรณบุรี แยกออกไปเป็น “รัฐอู่ทอง” หากสื่อมวลชนไทยใช้คำว่า “รัฐไทย” ตามนิยามของกลุ่ม BRN จึงเท่ากับเป็นการรับรองการแยกดินแดน “จังหวัดปัตตานี” ออกจากประเทศไทยไปเป็น “รัฐปัตตานี” ในอนาคตอันไกลข้างหน้า เขตแดนราชอาณาจักรไทย จะลดเล็กลง หรือเพิ่มใหญ่ขึ้น ก็มิอาจทราบได้ล่วงหน้า ขึ้นอยู่กับประชาชนชาวไทยจะช่วยกันปกป้องดูแลแผ่นดินไทยให้เข้มแข็งเจริญมั่งคั่งยั่งยืนต่อไป แต่เฉพาะเวลานี้ เป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนไทย, นักรัฐศาสตร์, นักภาษาศาสตร์, นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี, นักการเมือง, ตลอดจนข้าราชการไทย จะต้องช่วยกันปกป้องอธิปไตยของเขตแดนไทยด้วยการใช้ภาษาที่ถูกต้อง เรียกชื่อประเทศไทยของตัวเองให้ถูก เรียก “ราชอาณาจักรไทย” จะสมบูรณ์งดงาม และทรงพลังที่สุด เรียก “ประเทศไทย” ก็ถูกต้อง หนักแน่น เป็นทางการ อย่าเรียก “รัฐไทย” จะดี สมเกียรติ อ่อนวิมล 16 มิถุนายน 2556
ต้องคืนให้ใครบ้างครับ เรื่องแบบนี้ไม่มีคำว่าปัญญาชน หรอกครับ สงครามรูปแบบใหม่ ใช้เรียกว่าตีกิน หรือ เอาขนมมาล่อ ให้เด็กหลงเชื่อ ตัวอย่าง "เออน่า พ่อเอ็ง ไม่รู้หรอก พระเครื่อง พ่อเอ็งมีตั้งเยอะ หายสักองค์ สององค์ คงไม่รู้ ถ้าเอามาให้ข้า เดียวข้าจะซื้อ หุ่นยนต์รุ่นใหม่ CTX 9000 ที่เขานิยมเล่นกันให้" แต่ถ้าเป็นระดับประเทศ ก็ต้องเนียนๆ แบบนี้ เพื่อผลประโยชน์ ของต่างชาติ ทำไมต้องเพาะหนอน ระวังคุณจะกลายเป็นหนอน หนอนบ่อนใส้ !!!!! หนอนชนิดนี้ มันกัดกิน เนื้อผลไม้หมด มันตายนะครับ ผลไม้ลูกอื่น เขาไม่ให้เอาไปอยู่ด้วยหรอก พวกนี้เขาถือคติ ประเทศเอ็ง เอ็งก็ไม่รัก แล้วเอ็ง จะรักประเทศข้าลงหรือ
200ปีไม่ไปไหน แล้วจะไปไหน? มีใครเดือดร้อน? พวกคุณเท่านั้นคือปัญญาชน? สุดท้ายพวกเอ็งอยากไปไหนพวกข้าต้องไปด้วยรึ? แล้วที่พวกเอ็งเห่าใบตองแห้งกันมาหลายๆปี ไปถึงไหนกันแล้ว.
มีใครเคยได้ยินมั้ยครับ ประเทศเรา แย่งชิง แพื้นแผ่นดิน และกดขี่ ชาวพื้นเมือง มาเป็นของเราและตั้งเป็นประเทศ เราเอาระเบิด ไปถล่ม เอาคนไปฆ่า ชาวต่างชาติ เพื่อแย่งชิง น้ำมัน และ ทรัพยากร ด้วยข้ออ้างติงต๊อง มาบริโภค พอเราแดรก น้ำมันเสร็จ เราก็ปล่อย ให้มันตาย แกล้งลืมไปชั่วขณะ ปล่อยให้มันฆ่ากันเอง เราเป็นโจร ดังนั้น ทั้งหมด ทั้งมวล เราต้องคืน ให้เขาไป ก็ไม่เห็นมีนี่ครับ นักวิชาการ จะเลียดาร์ค usa อะไรนักหนา ที่คุณใช้ปัจจุบัน ซื้อข้าวแกง คือเงินบาท ไม่ใช่ USD
หาที่สักที่ หรือเกาะใหญ่ๆ สักเกาะ ให้ขนคนพวกนี้ไปอยู่รวมกัน ปกครองกันเอง แบ่งกันเป็นผู้นำบริหารประเทศ สักคนละเดือน
ผมสงสัยนะ ในยุคปัจจุบันเท่าที่เห็นส่วนมากแยกไปแล้วเละเทะหมด เพราะถ้าลองคิดดูแต่เริ่มเดิมทีรวมกันเป็นประเทศเดียว มีระบบบริหาร "สารธารณูปโภค" ที่เขาวางไว้แล้ว เกิดอยู่ดีๆมีส่วนไหนของประเทศเกิดอยากแยกไปเป็นเอกราช จะอยู่ยังไงได้ครับถ้าระบบพื้นฐานตัวเองต้องทำใหม่หมด เพราะไงๆประเทศเดิมที่คุณขอแยกไปเขาคงไม่ช่วยแน่ๆ ดูอย่างเฮติงี้ หรือกระทั่งระบบบริหารราชการ การป้องกันเอกราช ฯลฯ ผมมองว่าส่วนหนึ่งที่สก็อตแลนด์ไม่แยกก็เพราะเหตุนี้ล่ะด้วยล่ะครับ คือภูมิใจแหละเป็นเอกราช แต่ตัวเองจะอยู่ไม่รอดเพราะทุกอย่างต้องทำใหม่หมดแล้วไม่ใช่แค่ปีสองปี ถ้าไปมองไครเมีย อันนั้นดูกันได้ครับว่าขอไปอยู่กับรัสเซียแทนเลย แบบนี้เข้าใจ ผมว่าปัจจุบันหายากที่จะแยกไปเป็นเอกราชเดี่ยวๆแล้วอยู่รอด มีแต่แยกเพื่อไปรวมกับประเทศอื่นมากกว่า
แล้วอเมริกาต้องคืนประเทศให้อินเดียแดง? พม่าต้องคืนแผ่นดินให้มอญ? นานาประเทศต้องคืนออสเตเลียให้เผ่าอะบอริจิน? แมนจูต้องคืนแผ่นดินให้จีน? แน่จริงไปบอกประเทศแรกให้ทำได้ก่อนเถอะ เจ้าแห่งประชาธิปไตย และเสรีภาพ แล้วค่อยมาพูด
ตั้งแต่ผมดูซีรี่ย์ ขงจื้อ ที่ทางทีวีช่อง ฟ้าวันใหม่ เคยเอามาออกอากาศ ... ผมก็คิดตามว่า คนที่จะพยายาม พลักดันการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เกิดขึ้นได้จริงนั้น ต้องมีบารมี มากๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่แค่พูดอยู่แต่ในมหาลัย หรือ ในเมืองหลวง... ขนาดขงจื้อ มีลูกศิษย์ มากมาย มีการสืบทอดแนวคิด การเมืองการปกครอง ที่คิดว่าดีแล้วก็ตาม ในช่วงเวลาทั้งชีวิตของขงจื้อ เดินทางไปรอบประเทศ ก็ยังไม่สามารถ พลักดันแนวคิดของท่านมาเปลี่ยนแปลงประเทศได้ คำที่บอกว่า "ปัญญาชนเมืองไทย" นั้น... หมายถึงใคร? คำที่บอกว่า "คนกลุ่มเดิมที่คุมอำนาจรัฐ" นั้น... หมายถึงใคร? 200ปี หมายความว่าอะไร ในความคิดผม "200ปี" จะหมายถึง ราชวงค์จักรี และรัตนโกสินทร์ ผมเห็นว่า พระมหากษัตริย์ ไทยทุกพระองค์ ล้วนมีพระวิสัยทัศน์กว้างไกล มีส่วนในการพัฒนาประเทศให้เจริญมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่า หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ทำให้การพัฒนา หลายๆอย่าง ล้าหลังลงไปบ้างก็ตาม ..ยกตัวอย่าง กิจการรถไฟไทย ตั้งแต่สมัย ร.5 ขึ้นชื่อว่าเจริญสุดๆในเอเซีย และอีกหลายๆอย่าง... กับดักที่แท้จริงคือ อะไร
ชนชั้นปัญญาชนบางกลุ่มสมัยนี้ สรรหาวาทกรรม ข้อมูลประวัติศาสตร์ แล้วมาตีความเพื่อทำลายความภูมิใจ ทำลายอัตลักษณ์ของคนในชาติ เผลอๆ จะลามไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ด้วยวาทกรรมเล่นลิ้นเฉี่ยวไปมา รับงานใครมาปะเนี่ย ?
ถ้าให้คืนปัตตานี คืนล้านนา คืนอีสานจริง โลกนี้คงจะโกลาหล จีนก็จะต้องคืนซินเจียงอุยกูร์ คืนทิเบต เผลอๆต้องคืนชนชาติไททางใต้ของยูนนานด้วย พม่าก็คงจะคืนๆไปให้หมด ยะไข่ ชิน คะฉิ่น ฉาน กะเหรี่ยง คยา มอญ เวียดนามก็คืนให้จามไป อินโดนีเซียก็คืนกันสนุกสนานเลย ญี่ปุ่นก็คืนริวกิว อเมริกายิ่งแล้วหนัก คืนอินเดียนแดง คืนฮาวาย คืนกันไปให้หมดนั่นแหละ ถ้าคืนล้านนา ที่เป็นอาณาจักรของไทยวน เดี๋ยวก็ต้องคืนแถวลำพูนให้พวกลัวะอีก เหลือแค่แถวเชียงรายย่านๆนั้นไป จริงๆทุกชาติย่อมมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์อยู่แล้ว เมื่อประวัติศาสตร์มันไปถึงขนาดนี้แล้ว จะย้อนหวนกลับคืนก็เป็นไปไม่ได้ ทางที่เหมาะคือการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ทุกเชื้อชาติอยู่ในรัฐเดียวกันได้อย่างสงบสุข มีสิทธิความเป็นพลเมืองเท่ากันในฐานะที่เป็นประชาชนแห่งประเทศไทย ในอนาคตเราอาจจะมีนายกที่มาจากกะเหรี่ยง มีผู้แทนเป็นคนปัตตานีนุ่งโสร่งมาประชุม ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร นี่คือส่ิงที่ควรเป็นด้วยซ้ำ ขอยืมคำขวัญอินโดนีเซียว่าเอกภาพท่ามกลางความหลากหลายมาใช้ละกัน แต่แนวคิดเช่นนี้ที่พวกนักวิชาเกินบางพวกกำลังโชว์พาวนั้น ก็ไม่เข้าใจว่าคิดอะไรกันอยู่ ตีวัวกระทบคราดให้ชาติอ่อนแอลง จะได้จัดการกับบางสิ่งได้ง่ายขึ้นรึเปล่า ให้หมดความภูมิใจในประวัติศาสตร์ ใช้วิชาประวัติศาสตร์มาทำลายประวัติศาสตร์ตนเอง ยิ่งปลูกฝังให้เยาวชนคิดแบบนี้อีก ไปกันใหญ่อนาคตประเทศนี้
จากฝีมือ บ.ล็อบบี้ยิสต์ ที่เหลี่ยมจ้างไว้ ช่วงนี้เร่งกดดันรัฐบาลไทยโดยอาศัยมือประเทศประชาธิปไตยจอมปลอม จากแถลงการณ์ของ ก.ต่างประเทศไอ้กัน ตามมาด้วย EU เดี๋ยวก็คงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ คราวนี้โยกมาเล่นทางด้าน นักวิชากิน เพราะถ้าแค่วงเสวนาพูดเพียงว่า ประเทศไทยประกอบด้วยรัฐอะไรบ้างในอดีต ยังพอเข้าใจได้ว่าเป็นการเสวนาทางวิชาการ แต่การมาพล่ามในเรื่อง ต้องคืนดินแดนที่ผนวกให้เจ้าของเดิม? อย่าว่าแต่มาพล่ามในช่วงกฏอัยการศึกเลย ต่อให้เป็นช่วงใช้กฏหมายปกติ การพล่ามแบบนี้คงต้องโดน สันติบาล เชิญไปคุยและอาจแจ้งข้อหา เป็นภัยต่อความมั่นคง กันบ้างล่ะ คือผมรู้สึกว่าพวกนี้มันจะโง่ขนาดไม่รู้เลยหรือว่าตอนนี้อยู่ในช่วง กฏอัยการศึก น่ะ เหมือนจะมีความพยายามสร้างสถานการณ์ให้ทหาร+ตำรวจมาเอาพวกนักวิชาเกินเหล่านี้ไปควบคุมตัวและแจ้งข้อหา เพื่อที่จะได้ตีข่าวตามช่องทางสื่อที่เตรียมเอาไว้ว่า รัฐบาลเผด็จการจับกุมนักวิชาการ ทั้งหมดทั้งปวงนี้ก็เพื่อสร้างความชอบธรรมในการขอลี้ภัยของนังโง่ และอาจปูทางตั้งรัฐบาลผลัดถิ่น โดยมีไอ้กันหมามิตร ประกาศรับรองเป็นประเทศแรกเลย
อย่าไปเต้นตามอาจารย์กากๆ พวกนี้เลยครับ บอกคนอื่นว่า "หัวก้าวหน้า" แต่ดันใช้ทฤษฎี "ปฏิวัติฝรั่งเศส" เมื่อ 200 ปีก่อน มันก้าวหน้าตรงไหนเนี่ย
พวกเขาเป็นอาจารย์หรือครับ ทำไมความคิดมันได้กากแบบนี้ละครับ สมัยก่อนที่จะตั้งองค์กรสหประชาชาติ การยึดดินแดนคนอื่นที่อ่อนแอกว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนสมัยโบราณนะครับ พอมีองค์กรสหประชาชาติเรื่องพวกนี้ได้ยุติไป ประเทศต่างๆ ก็ไม่ได้ทำสงครามขยายดินแดนกันอีก คิดแบบนี้มีแต่จำทำให้ประเทศแตกแยกความสามัคคีกันไปเปล่า ๆ
ถ้าเป็นประเทศอื่น ที่เผด็จการเข้มๆ รหัสที่บ้านเราเรียกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาจมาเยือนถึงบ้านของชนชั้นปัญญาชนพวกนี้ก็ได้ ผมคิดเอาเองน่ะ ความรู้ท่วมหัวจะเอาตัวไม่รอดก็คราวนี้แหละ เพราะความมั่นคงของชาติสำคัญกว่า
ชาติ เส้นเขตแดน เป็นสิ่งสมมู้ดดดดดดด เราควรเลาะเส้นเขตแดนออกให้หมดดดดดด อย่าคลั่งชาติกันสิจ๊ะะะะะะะ ชาติไทยไม่มีจริงนะจ๊ะะะ เป็นแค่มายาคติเท่านั้นเอ๊งงงงง --มิตรสหายนักวิชาการท่านหนึ่งคงจะกล่าวไว้-- ชาติ เส้นเขตแดน ไม่มีจริง แต่ถ้าชาติล่มสลายเมื่อไหร่ อย่าไปวิ่งขอสัญชาตินะจ๊ะ --มิตรสหายไม่ได้กล่าวไว้ ตูนี่แหละกล่าวเอง--
ผมได้เห็นวาทกรรมแนวนี้จากงานมหกรรมหนังสือระดับชาติปีที่แล้ว อยู่ในนิทรรศการระลึกชาติในแบบเรียน ซึ่งกลิ่นการเมืองคลุ้งกระจายมาก เนื้อหานิทรรศการก็ประมาณว่าทางการไทยใส่เนื้อหาความเป็นชาติในแบบเรียนวิชาภาษาไทย ร้ายมากที่จัดนิทรรศการแฝงการเมืองแบบนั้น สำหรับวาทกรรมดังกล่าวนี้ ผมเคยแย้งในนี้ทำนองว่า เส้นเขตแดนคือมายา โดนยิงตาย_าที่ชายแดนคือของจริง
ผมฟังพวกนี้แล้วบอกตามตรง ผมสงสารกษัตริย์ของเรามาก หลายพระองค์ในอดีตถึงปัจจุบันได้ส่งเสริมให้คนไทยให้มีความรู้ความสามารถ ไม่ว่าการสร้างโรงเรียน คิดแบบเรียน หรือแม้กระทั้งให้ไปเรียนต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าและพร้อมรับศึกภายนอก กลับกลายเป็นว่ามีคนเนรคุณเอาความรู้ที่มีกลับมาทำลายประเทศไทย สถาบัน ชักศึกเข้าบ้าน และสร้างความเชื่อผิดจนถึงวันนี้ CURSE YOU, PD! ปล. เพลงหนักแผ่นดินดังขึ้นมาในหัวทันที
ผมก็ไปมาครับ ละก็ไปเห็นนิทรรศการด้วย ประเทศบ้าอะไรจะไม่ใส่เรื่องความเป็นชาติในแบบเรียนละครับ ส่วนหนึ่งผมเห็นด้วยที่จะส่งเสริมให้ท้องที่ต่างๆมีความเป็นท้องถิ่นมากขึ้น รู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ประเพณีท้องถิ่น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะมันคือบ่อเกิดแห่งภูมิปัญญาท้องถิ่น เขาจะได้มีความหวงแหนในท้องถิ่น และพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งถ้าท้องถิ่นพัฒนา ประเทศชาติโดยรวมก็พัฒนาตามไปด้วย แต่ก็ต้องไม่ลืมส่วนกลางที่เราทุกคนจะต้องรับรู้รับทราบ รู้หน้าที่ รู้ความเป็นมา รู้จักกับประเทศ ในฐานะที่เป็นพลเมืองของประเทศไทย หน้าที่ที่เรามีต่อประเทศชาติของเราคืออะไร นี่ก็เป็นสิ่งสำคัญ พลังของคนท้องถิ่นเล็กๆจะขับเคลื่อนชาติไปได้อย่างไร ก็ต้องรู้เช่นกัน นักวิชาการบางพวกหลังๆมาดูจะสาดเสียเทเสียกับเรื่องนี้เหลือเกิน หาว่ายัดเยียดความเป็นส่วนกลาง จริงๆแล้วความเป็นท้องถิ่น เราก็อาจเรียนรู้ได้จากชุมชนอยู่แล้ว ในชุมชนนั้นมีภูมิปัญญา เรื่องราวมากมายให้เรียนรู้ แต่หลังๆมาเข้าใจว่าชุมชนอ่อนแอลง มีแต่พ่อแก่แม่เฒ่ากับหลานตัวน้อยๆ คงทำให้เรียนรู้ได้ไม่มาก หน้าที่จึงตกกับระบบการศึกษาไป ทางที่ดี การที่ชุมชนเข้ามาร่วมกับการศึกษาในระบบ ให้ความรู้ควบคู่กันไป น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
มันสนุกนักรึไง กับการทำให้บ้านที่ตัวเองซุกหัวนอน จะกลายเป็นแบบยูเครน อ๊ะ! ก็ไม่แน่นะ อาจมีความสุข นอนนับตังค์ แดกไวน์ เคี้ยวช๊อกโกแล๊ต เพลินๆ ดูเพื่อนร่วมชาติกำลังฆ่ากัน เป็นความบันเทิงก็ได้ แถมพอมันฆ่ากันเสร็จ กรูยังมามีอำนาจ มาสั่งพวกหน้าโง่ได้อีก
กลัวจะเป็นอย่างนั้นน่ะสิครับ นักวิชาการพวกนั้น เขาไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรหรอก มีเรื่องก็ไปซุกเมืองนอกกัน คอยยุยงสานุศิษย์ในประเทศให้ขุดรากถอนโคนสังคม โดยอ้างความเป็นสมัยใหม่ แต่เอ็งหารู้ไม่ว่า เอ็งกำลังจะขุดทั้งรากทั้งโคน เราจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เหมือนในเรื่อง TF4 งะ ที่ต่อให้มนุษย์กลายเป็นทาส พวกตรูก็จะได้เป็นหัวหน้าทาสที่ได้ลงแส้เฆี่ยนพวกทาสชั้นต่ำอีกที
เห็นรูปแผนที่นี้ ยังไมถูกต้อง เพราะว่าขาด มะริด ทวาย ตะนาวศรี จะว่าไป รากเหง้าความเป็นไทย ในอดีต กับดินแดนที่เสียไป ให้กับอังกฤษมากกว่าที่เสียไปให้กับฝรั่งเศภ มะริท ทวาย ตะนาวศรี กลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี เคดา พวก ดินแดนติดทะเล นี่ในปัจจุบัน มูลค่าการสร้างเศรษฐกิจประเทศนี่มหาศาล อย่างทวาย ถ้ายังเป็นของเรา ตอนนี้เราทำท่าเรื่อน้ำลึก ได้นี่ ประเทศไทยนี่ มั่งคั่งมากมี เพราะจีนจะยิ่งต้องเอาใจไทยหนักกว่าเดิม