หมุด “นั้น” สำคัญไฉน ทำไม “แสลงใจ” ใครหลายคน “ณ ที่นี้ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ เพื่อความเจริญของชาติ” นี่คือเนื้อความซึ่งถูกจารึกอยู่บนหมุดทองเหลืองขนาดเล็ก ประติมากรรมนูนต่ำทรงกลมทองเหลือง เรียบๆ ง่ายๆ วงนี้เคยทรงพลังและทรงความหมายต่อสังคมไทยอย่างยิ่ง หมุดปฏิวัติ 2475/ หมุดคณะราษฏร ถูกตอกตรึงลงบนพื้นแผ่นดินไทย ฝังอยู่บริเวณด้านข้าง ลานพระบรมรูปทรงม้าฝั่งสนามเสือป่า ซึ่งเป็นจุดที่พระยาพหลพลพยุหเสนายืนอ่านประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 แก่เหล่าทหารเพื่อเป็นสักขีพยานต่อการทำการปฏิวัติครั้งนั้น เนื้อความบนหมุดจารึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลักษณะของหมุดเป็นวงกลม หล่อด้วยทองเหลือง มีคำว่า “เวลาย่ำรุ่ง” อยู่ตรงกลางระหว่างกระจังสามเหลี่ยมด้านบนและล่างที่ลดทอนรายละเอียดจากแบบประเพณีจนเหลือให้เห็นเค้าลางภายใต้ขอบของสามเหลี่ยม ส่วนคำว่า “ณ ที่นี้24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ” จะวนอยู่ตามขอบวงกลมโดยรอบ ภาพจำลองหมุดคณะราษฎรในสภาพสมบูรณ์ คาดว่า หมุดทองเหลือง หรือ “งานศิลปกรรมชิ้นแรกๆ ในยุคแห่งคณะราษฎร” นี้ น่าจะจัดทำขึ้นราวปี พ.ศ.2484 ที่รัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ 24 มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันชาติ” นับแต่นั้นมา แล้วจึงมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง แปดสิบกว่าปีที่หมุดทองเหลืองนี้ถูกตรึงเข้ากับผืนแผ่นดิน ถูกผู้คนรถราเหยียบย่ำไปมา ถูกแดด ถูกฝน หลายคนไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของหมุดนี้ด้วยซ้ำ บางคนที่ผ่านตาอาจคิดว่าเป็นเพียงฝาท่อระบายน้ำ เนื้อความที่ถูกจารึกลงบนหมุนเริ่มลบเลือนหายไปตามกาลเวลาจนแทบอ่านไม่ออก หมุดคณะราษฎรในปัจจุบันที่หายไป อาจกล่าวได้ว่ากาลเวลาได้ลบเลือนความทรงจำที่มีต่อ “สัญลักษณ์” ชิ้นนี้จนแทบหมดสิ้น คนยุคใหม่แทบไม่มีโอกาสได้รู้จัก หลงเหลือความสำคัญอยู่ในกลุ่มคนที่ยังแวะเวียนไปจัดกิจกรรมรำลึกวันเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประจำทุกปี นอกจากเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ให้กลุ่มคนที่เห็นความสำคัญของเหตุการณ์นั้นได้รวมตัวเพื่อร่วมรำลึกถึงวันเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว หมุดเดียวกันนี้ยังสร้างความรู้สึก “แสลงใจ” ให้กับใครหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองในครั้งนั้น มีคนเคยพยายาม “ทำลาย” หมุดคณะราษฏร ทั้งด้วยการ “ลงมือทำลาย” และ “ทำลายเชิงสัญลักษณ์” ถูกขูดขีดและราดทับด้วยวัสดุสีดำ – ขอบคุณภาพจากคุณ yoonnoi พิธีถอนหมุด (แค่พิธีไม่ได้ถอนจริง) ผ่านการถูกทำลายทั้งทำลายจริง และการทำลายทางพิธี ก็มีผู้ประกาศทำลายหมุดทองเหลืองนี้อีกครั้ง จนเป็นกระแสฮือฮาบนโลกโซเชียลช่วงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ประกาศขีดเส้นตายสิ้นปี 2559 ถ้าไม่มีเจ้าของจะขุดออกหรือทำให้หมดสภาพ ทำไมถึงเกิดความต้องการที่จะ ถอน/ ขุด/ ทำลาย/ ทำให้หมดสภาพ กับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นนี้ ทั้งที่เป็นแค่หมุดทองเหลืองบนถนน ไม่ได้กีดขวางการจราจรหรือบดบังทัศนียภาพใดๆ อะไรเป็นเหตุทำให้เกิดความรู้สึก “แสลงใจ” ต่อหมุดทองเหลืองเล็กๆ หมุดนี้ ‘ผศ.ดร.ทวีศักดิ์ เผือกสม’ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ตอนหนึ่งว่า (อ่านเต็มๆ ได้ที่ The Matter) การพยายามรื้อถอนหมุดเป็นความพยายามของฝ่ายปฏิกิริยาต่อจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติ พ.ศ.2475 มากกว่าเป็นความพยายามรื้อถอนหรือลบล้างสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ โดยกลุ่มปฏิกิริยาดังกล่าวคงคิดว่าประวัติศาสตร์สยามสามารถดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศและเป็นวัฏจักรภายในตัวเอง และแยกขาดออกได้จากวิถีทางของประวัติศาสตร์แบบวิวัฒนาการของมนุษยชาติ ซึ่งตั้งอยู่บนพลังแห่งเหตุผลและมุ่งหน้าไปสู่เสรีภาพและการหลุดพ้นจากอวิชชา เพราะประวัติศาสตร์สยามแบบที่คนเหล่านี้สำเหนียกจำอยู่นั้นคงมีแต่ประวัติศาสตร์แบบที่ติดอยู่ในหล่มของวัฏจักรแห่งการสั่งสมบุญญาบารมีของพระโพธิสัตว์เท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องก้าวไปสู่แสงสว่างทางปัญญาแบบยุคภูมิธรรม (Enlightenment) และความเจริญก้าวหน้าอันเป็นจากการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ หรือไปสู่เป้าหมายของวิถีประวัติศาสตร์แบบอื่นๆ ที่ทอดรออยู่เบื้องหน้า ดังนั้น สภาวการณ์ที่เราเผชิญอยู่นี้จึงทำให้ประวัติศาสตร์สยามได้แต่หมุนวนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งชั่วนิรันดร ความสงสัยเกิดขึ้นมากมาย ว่าการประกาศดังกล่าวจะทำได้จริงหรือไม่ หลายเสียงก็ว่าควรขุดถอดถอนไปให้สิ้นซาก หลายปากก็ว่าเป็นการทำลายหลักฐานทางประวัติศาสตร์ซึ่งถึงแม้ทำได้จริงก็ไม่ได้ทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวระเหิดหายไปในประวัติศาสตร์ หรือทำให้สามารถรื้อถอนเหตุการณ์ดังกล่าวเสมือนหนึ่งไม่เคยบังเกิดขึ้น เพราะเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นแล้ว ผลของการปฏิวัติของคณะราษฎรสำเร็จก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายส่งผลมาสู่ปัจจุบัน และประวัติศาสตร์ดังกล่าวก็จะกลับมาหลอกหลอนอยู่เสมอ https://godowninhistorythai.wordpress.com/2017/01/02/หมุด-นั้น-สำคัญไฉน-ทำไม-แ/
หมุดคณะราษฏรถูกรื้อถอน พบหมุดใหม่ “ประชาชนสุขสันต์หน้าใส” มาฝังแทนที่ Fri, 2017-04-14 17:13 หมุดคณะราษฎรหายไป พบหมุดใหม่ เขียนว่า “ประชาชนสุขสันต์หน้าใส-ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดีในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง” มาฝังแทนที่ ไร้คำว่า “ประชาธิปไตย” ภาพจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ หมุดคณะราษฎร ภาพในมุมใกล้เคียงกันก่อนที่จะมีการร้อถอดหมุดคณะราฎรออก 14 เม.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ที่ตั้งของหมุดคณะราษฎร ซึ่งเป็นหมุดกลมสีทองเหลือง ฝังลงบนพื้น กลางถนน ระหว่างฐานของพระบรมรูปทรงม้าและประตูทางเข้า สนามเสือป่า ที่ตั้งกองบัญชาการทหารสูงสุดในอดีต เพื่อเป็นที่ระลึกถึงจุดที่ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎร ประกาศเปลี่ยนระบบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย และอ่าน "ประกาศคณะราษฎร" ฉบับแรก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ได้หายไป โดยข้อความในหมุดคณะราษฎรที่หายไปนั้นได้เขียนข้อความไว้ว่า "24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง ณ ที่นี้ คณะะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ" ขณะที่ได้มีหมุดใหม่มาแทนที่ โดยในหมุดดังกล่าวได้เขียนข้อความว่า “ขอให้ประเทศสยามจงเจริญยั่งยืนตลอดไป ประชาชนสุขสันต์หน้าใส เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน” และ “ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดีในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องคำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง” ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม สำหรับข้อความในวงขอบนอกที่เขียนว่า "ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง" ตรงกับข้อความในพระราชลัญจกรประจำเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระราชลัญจกรประจำเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.จ.ก. ซึ่งในพระราชลัญจกรนั้นบริเวณขอบจักรมีอักษรเป็นคาถาภาษิตสำหรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ คือ "ติรตเนสกรฏฺเฐจ สมฺพํเสจมมายนํ สกราโชชุจิตฺตญฺจ สกรฏฺฐาภิวัฑฺฒนํ" ซึ่งแปลว่า "ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง" อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานว่าหน่วยงานใดเป็นผู้รื้อถอดหมุดคณะราษฎรออก และนำหมุดใหม่มาแทนที ด้านมติชนออนไลน์ ได้สอบถามไปยังนายบันลือ สุขใส ผู้อำนวยการเขตดุสิต เปิดเผยว่า ทางเขตฯได้ทราบว่ามีการเปลี่ยนหมุดคณะราษฎรแล้ว แต่ทางเขตฯไม่ได้เป็นผู้เปลี่ยน ซึ่งขณะนี้ทางเขตกำลังรอรายละเอียดและข้อมูลที่ชัดเจนอยู่ว่าหน่วยงานใดเป็นผู้เปลี่ยนหมุดพร้อมข้อความดังกล่าว และหากทราบรายละเอียดที่ชัดเจนแล้ว ทางเขตจะได้แจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป ขณะที่นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว กรมศิลป์ฯไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และหากมีการเปลี่ยนแปลงข้อความในหมุดดังกล่าวจริงก็ไม่ต้องแจ้งให้กรมศิลป์ฯรับทราบ เพราะไม่ใช่พื้นที่ที่กรมศิลป์ดูแล ทางกรมศิลป์ดูแลเฉพาะองค์อนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นไม่ได้อยู่ในความดูแลของกรมศิลป์ ส่วนบริเวณหมุดอยู่ในความดูแลของหน่วยงานใดนั้น ตนไม่ทราบ สำหรับหมุดคณะราษฎร ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น "ศิลปกรรมชิ้นแรกๆ ในยุคแห่งคณะราษฎร" นั้น มีการประกอบพิธีฝังหมุดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2479 โดยมีพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีสมัยนั้นและเป็นหัวหน้าคณะราษฎรเป็นผู้ฝังหมุด ตามที่มีรายงานในหนังสือพิมพ์ประชาชาติ และต่อมาในปี 2481 มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2481 ให้วันที่ 24 มิถุนายนของทุกปี เป็น "วันชาติ" นับแต่นั้นมา ก่อนที่วันชาติถูกเปลี่ยนไปเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์ เมื่อปี พ.ศ. 2503 ในสมัยการปกครองของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยหมุดดังกล่าวเริ่มกลับมามีบทบาทโดยเฉพาะเป็นสถานที่จัดงานรำลึกเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยในวันที่ 24 มิ.ย. ของทุกปีช่วงวิกฤติการเมืองปัจจุบันจะมีการจัดงานรำลึกบริเวณดังกล่าว และมีการแสดงออกทางการเมืองบริเวณนั้นด้วย อย่างไรก็ตามมีผู้พยายามทำลายหมุดดังกล่าวมาโดยตลอด เช่น มีการนำวัสดุสีดำมาลาดทับ การนำของแข็งมาขีดจนเป็นรอยจำนวนมาก รวมทั้งการปฏิบัติการเชิงสัญลักษณ์ เช่น นำพระมาสวดทำพิธีสะกด โดยเมื่อต้นปี 2558 ในเฟสบุ๊กของ สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด มีการเปิดโปงว่า ได้มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเข้าไปทำพิธีกับหมุดคณะราษฎรที่ฝังไว้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยนายสมบัติระบุว่าเป็นการทำพิธีถอนหมุดออก โดยเป็นการทำพิธีตามความเชื่อของคนกลุ่มดังกล่าว ภาพ ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังทำพิธีกับหมุดคณะราษฎร ขณะที่เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2559 เทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ โพสต์ภาพหมุดปฏิวัติ 2475/หมุดคณะราษฎร ผ่านเฟซบุ๊ก 'Thepmontri Limpaphayorm' และพิมพ์ข้อความว่า "ประกาศหาเจ้าของ ถ้าไม่มาขุดเอาไป ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2559 ผมกับเพื่อนๆ ถือว่าไม่มีเจ้าของ จะไปเอาออกหรือทำให้หมดสภาพเอง ถ้ายังอยากเก็บรักษาไว้ รีบขุดออกไปเสียให้พ้น" โดย ก่อนหน้านั้น เทพมนตรี โพสต์ถามผ่านเฟซบุ๊กดังกล่าวด้วยว่า มีผู้แสดงความเห็นกับเขาว่า ตั้งแต่คณะราษฎรปฏิวัติ 2475 มาถึงปัจจุบัน ก็เป็นเวลาประมาณ 85 ปีแล้ว เราได้นักการเมือง รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ที่โกงกินบ้านเมืองมามากมาย สมควรที่จะถอนหมุดอันนี้ออกหรือไม่ มีคนพูดกันว่าหมุดอันนี้เป็นความอัปยศของระบอบประชาธิปไตยก็มี คิดเห็นประการใดบ้าง https://prachatai.com/journal/2017/04/71034 "ประชาชนสุขสันต์หน้าใส" 55555 กร๊ากกกกกกกกก เป็น propaganda ที่เช๊ยเชย
หมุดนั้นไม่สำคัญเลยซินะ ลักลั่นย้อนแย้งเสียจนหัวร้อนไหม้ไปทั้งหัว ถึงกับมาตั้งกระทู้เขียนประวัติศาสตร์เรื่องหมุดกันเลยทีเดียวเชียวครัช อิอิ --
มันสำคัญตรงที่ คนคิดตอนลงหมุดครั้งแรก มีสนิมเกาะติดอยู่ สนิมนั้นมันเกาะติดและกัดกร่อนเนื้อในจนจะผุพัง และลุกลาม เปรียบเสมือนโรคร้าย ไม่แปลก ถ้ามีคนคิดจะรักษาและกำจัดโรคนี้ อาการของคนติดโรคแบบนี้ ถ้ามีคนมารักษา จะดิ้นทุรนทุราย
ตอนนี้ร่านควายแดงกำลังดิ้นห้องราดดำนาแทบแตก ผมงี้ รู้สึกเฉยๆ จริงจริ๊ง(เสียงสูงด้วย) https://pantip.com/topic/36344370
สะหลง แสลง อาไร คนเขาก็เล่นสงกรานต์สนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้กันไป เด๋ววันพรุ่งก็ทำงานกันแล้ว ก็กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ ไม่เห็นมีใครแสลงอันใดเลย ไอ้คนที่ดิ้นพล่าน ๆ นั่นดิ เป็นไรมากป่ะ
พงศกร รอดชมภู 14 เมษายน เวลา 20:35 น. · เรื่องหมุดฯ และการเปลี่ยนแปลงความหมายของหมุด เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ มนต์ดำโบราณทั้งนั้น สมัยพันธมิตรก็เอาคนห่มผ้าสีกลักลัทธิเทวทัตกับพวกจำนวนหนึ่งมาทำพิธีข่มหมุดและเอาน้ำกรดราดทำลายไปแล้ว เอาประจำเดือนสตรีมาราดแถวนั้นก็มีแล้ว พิธีการแบบชนเผ่าเหล่านี้ เวลาเจอกับทหารฝรั่งตะวันตกใช้ปืนไฟ ไม่มีรอดสักราย มนต์ดำ ไสยศาสตร์ กรีดเลือดฯลฯ เป็นพิธีกรรมของกลุ่มคนล้าหลังเหล่านี้มานานแล้ว อาศัยระบบอุปถัมภ์จึงได้อำนาจมา เพราะระบบเครือข่ายลงนะหน้าทอง พุทธศาสนาใช้การทำบุญสร้างกุศล สร้างคุณงามความดี เมตตา เผื่อแผ่ ไม่ถือชั้นวรรณะ จึงไม่เข้ากับคติของชนเผ่าเหล่านี้ที่พยายามรักษาระบบอุปถัมภ์และผูกขาดทั้งอำนาจและเศรษฐกิจให้มากที่สุดด้วยความเหี้ยมโหดและทุกวิถีทาง จริงอยู่คุณไสยมีและมีผู้ใช้ได้ผลด้วย แต่เมื่อเทียบกับบุญทางพุทธศาสนายังห่างไกล เทียบกับแสนยานุภาพทางเทคโนโลยี และความรู้ของมนุษย์ยุคใหม่แล้วยิ่งห่างไกล เหตุผลที่ลงมือทำการเปลี่ยนแปลงช่วงนี้ น่าจะเกิดจากความเชื่อเรื่องดวงดาวว่ามีการซ้ำกับยุค ๒๔๗๕ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และผู้ทำคงต้องการใช้โอกาสนี้สนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการให้ยาวนาน จึงลงมือทำการเปลี่ยนแปลงตามฤกษ์ยาม ที่ตนคำนวณไว้และเชื่อว่าตนเองจะมีอำนาจยืนยาวเพราะฤกษ์ยามนี้ ถ้าใครเป็นนักยุทธศาสตร์แล้วเคยอ่าน คำวิจารณ์ของพระเจ้าถังไทจง กับกุนซือคนสนิท เรื่องว่าการรบจำเป็นต้องมีฤกษ์ยามหรือไม่ กุนซือบอกว่า "มีไว้หน่อยเอาไว้หลอกแม่ทัพโง่ๆ แต่แท้จริงไม่ใช่เลย" ซึ่งฮ่องเต้ทรงเห็นด้วย ประชาชนโง่ หรือแม่ทัพจะโง่ ใครจะหลอกใครเก่งกว่ากัน น่าติดตามครับ
ปิด Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว 20 ชั่วโมงที่แล้ว (คลิป2/4)วิเคราะห์ text บน “หมุดหน้าใส” ไม่สะท้อนอุดมการณ์ที่มองไปข้างหน้า แตกต่างจาก “หมุดคณะราษฎร” ผศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ผู้เขียนหนังสือ 2475 และ 1 ปีหลังการปฏิวัติ (1932 Revolution and Aftermath) พิมพ์โดยมูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ กล่าวว่า หมุดนี้ขนาดก็ดูใกล้เคียงกับหมุดคณะราษฎร 2475 ถ้าดูจากภาพก็ดูเหมือนเป็นหมุดโลหะแผ่นหนึ่ง แต่เมื่อมามองดูใกล้ๆ ก็ดูเหมือนเป็นร่อง เป็นกรอบ เป็นวงกลมแล้วมีชิ้นส่วนอย่างน้อยๆ 4 ชิ้นมาประกอบกัน ตัวอักษรตรงกลาง “ขอประเทศสยามจงเจริญ” ต้องพิจารณาว่า การใช้คำว่าประเทศ และการใช้คำว่า สยาม นั้น รัฐบาลกรุงเทพฯ ยอมรับเป็นชื่อประเทศสยามเมื่อปีพ.ศ. 2398 ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อต้องทำสนธิสัญญากับอังกฤษ ต่อมาชื่อประเทศสยามถูกเปลี่ยนแปลง ในปี พ.ศ. 2482 ในสมัย จอมพล ป หรือ หลวงพิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลคณะราษฎร ผู้สร้างระบอบประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญ ได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นประเทศไทย ดังนั้น ประเทศสยามได้สิ้นไปแล้ว ในปีพ.ศ. 2482 ช่วงของประเทศสยามมีเพียง 83 ปีเท่านั้น การที่ใช้คำว่าประเทศสยาม เท่ากับย้อนยุคไป ในขณะที่เราอยู่ในช่วงของประเทศไทย คำว่า “ขอให้ประเทศสยามจงเจริญ ยั่งยืนตลอดไป ประชาชนสุขสันต์หน้าใส” อันนี้แปลกมากเลยนะครับ เมื่อใช้คำว่าสุขสันต์หน้าใส สุขสันต์เป็นคำใหม่ของโลกยุคของพวกเรา แต่คำว่า หน้าใส มันก็ทำให้คิดถึง จารึกในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ที่เราเรียกว่าไพร่ฟ้าหน้าใส แต่ทีนี้จะใช้คำว่าไพร่ฟ้าก็ไม่ได้ กลับมาใช้คำว่าประชาชน ประชาชนเป็นคำที่ถูกใช้หลังการปฏิวัติ 2475 เพราะว่าก่อนปฏิวัติ 2475 เราเป็นประเทศสยาม เราจะต้องเรียกคนในแผ่นดินนี้ว่าราษฎร ด้วยเหตุนี้ คณะราษฎรหรือว่า the people party จึงตั้งชื่อตัวเองว่าคณะ หรือ party ซึ่งแปลว่า คณะ ตอนนั้นคำว่าพรรคการเมืองยังไม่มี ส่วน people ใช้คำว่าราษฎร ซึ่งเป็นผู้ถูกปกครองในสมัยของประเทศสยาม แต่พอบอกว่า ประเทศสยามแล้วบอกให้ประชาชนหน้าใส มันคนละยุคสมัย ที่เอามาอยู่ด้วยกันได้อย่างไรก็ไม่ทราบ ส่วนคำว่า “เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน” เป็นคำที่เราคุ้นๆ คำว่าไพร่ฟ้าหน้าใส อาจจะตีความได้ว่ามีความสุขสดชื่น แต่โดยทั่วๆ ไป เราแค่เห็นสิ่งที่พยายามจะบอกว่า บ้านเมืองดูดีนะ แต่เราไม่เห็นอุดมการณ์ที่มองไปข้างหน้า นี่คือหลักหมายของหมุดนี้ คำในวงกลมเหมือนเป็นการเอาคำที่ปิ๊ง มาไว้ร่วมกัน ทั้ง 3 อันจึงขัดแย้งกันเอง ไม่ได้ไปตามยุคสมัยใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนกับบอกว่า ไพร่ฟ้าหน้าใส เอ๊ะ!! แล้วจะเป็นอุดมการณ์ ทางการเมืองยังไง เราอ่านแล้วก็จะไม่รู้ถึงการมองไปข้างหน้า วิชั่นที่จะมีไปข้างหน้า ในขณะที่หมุดของคณะราษฎร บอกว่า เขาได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ ซึ่งเป็นวิชั่นที่มองไปข้างหน้า นี่คือความแตกต่างกันนะครับ
โอ......... งั้นที่ทักษิณ เผาไทย และเสื้อแดงต้องประสบแต่ความวิบัติ คงเป็นเพราะจ้างพราหมณ์ศักดิ์ระพี พรหมชาติ มาเทเลือดควายเลือดหมู รดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี่เอง
คณะร่านไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆแม้แต่ชาติ ศาสนา ยกเว้นหมุด หงอกและผองเพื่อนเดือดร้อนกันใหญ่ อ้าวจะรอชมว่าจะมีน้ำยาทำอะไรได้มั่ง หรือได้แค่เห่าระบายอารมณ์
ความในใจจริงมือด้วนคือ "ขนาดเพื่อนที่มีเลือดเนื้อลมหายใจตูยังไม่สน แล้วอะไรที่ขายไม่ได้แบบนี้ตูจะสนทำไม"
http://www.thaipost.net/?q=ที่อยู่-ที่หาย-หมุด-ลานพระรูป ลุงเปลว แกเล่าจากหนังสือเรื่องที่ตัวจริง เสียงจริง บันทึกไว้เป็นหนังสือ ตัวจริงเค้ายอมรับกันหมดแล้ว พวกตัวปลอมที่เสปิร์มกับไข่ของพ่อแม่มันยังไม่เจอกันด้วยซ้ำ เอาเรื่องจริงนิด ๆ หน่อย ๆ เติมมั่ว ๆ เติมนิยาย สร้างวาทะกรรม มาห้อยโหนเล่นกัน ถ้ายังไม่ยอมหยุดเดี๋ยวคงได้เห็นนักเลงคีบอร์ดติดคุกกันมั่งแหละ ตามสบายเลยมือดี ฯ รักจะชั่วก็ใจถึง ๆ หน่อย
จะว่าไปแล้ว คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้รายละเอียดของการรัฐประหารปี2475มากนัก สำหรับผม ยิ่งรู้รายละเอียด ยิ่งชอบคณะราษฎร์น้อยลง
บรรดากลุ่มคนพี่น้องเสื้อแดงต่างพากันออกมา "ดิ้นพราดๆ" เรื่องแผ่นโลหะสัมฤทธิ์ ที่จารึกข้อความเก๋ๆ ไว้แผ่นเดียว ถูกเปลี่ยนไป แต่กลุ่มคนเหล่านี้ ไม่ได้ศึกษาเรียนรู้กันเลยว่า กลุ่มคณะราษฎร์ ที่ยึดอำนาจกษัตริย์ แล้วนำอำนาจนั้นมาแบ่งกันในกลุ่ม จนมีเรื่องแย่งชิงยศ-ตำแหน่งกันในกลุ่ม มิได้คิดทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าอย่างคำประกาศเลย พฤติกรรมของกลุ่มคณะราษฎร์พูดได้เต็มปากว่า เป็น "เผด็จการ" ที่ร่วมมือกันระหว่างทหารและกลุ่มคนที่ศึกษาความรู้จากเมืองนอก เมื่อยึดพระราชอำนาจไปแล้ว การปกครองบ้านเมืองตลอดจนการพัฒนาให้ความรู้ประชาชน ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จนถึงปัจจุบันระเบียบวิธีการบริหารราชการแผ่นดินไทย ก็ยังเป็นระบบเจ้าขุนมูลนาย-ข้าทาสรับใช้ ไม่ได้เปลี่ยนไปมากเลย บรรดาคนที่ตำหนิสถาบันกษัตริย์ด่าว่าเผด็จการ ควรรู้ไว้เสียว่า กลุ่มคณะราษฎร์ ที่ตนเองยกย่องเชิดชูนั้น เมื่อมองให้เห็นถึงแก่นจริงๆแล้ว ก็คือกลุ่มคนที่ยึดอำนาจจากระบบเดิม กระทำการปกครองชาติไทยต่อมา ในลักษณะที่เรียกได้ว่า เผด็จการอย่างที่ตนเองด่าว่าอยู่ทุกวันนี้นั่นเอง
สิ่งที่คนไทยทั่วไป (ไม่) รู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ หมุดคณะราษฏร - ไม่รู้ว่ามีมันอยู่ตรงนั้น - ไม่รู้ว่ามันมีนานเท่าไหร่ - ไม่รู้ว่ามันไว้ทำอะไร - ไม่รู้ว่ามันเขียนอะไรไว้ - ไม่รู้ว่ามันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์หรือโบราณวัตถุยังไง - ไม่รู้ว่าใครเอาไป - ไม่รู้ว่าทำไมต้องบ้าตามหา - ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ - ไม่รู้ว่าใครจะช่วยบริจาคทำใหม่
นั่นซีครับ ให้คณะราษฎร์ขอพระราชทานอภัยโทษร.7 และเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ก่อน เพราะทำผิดบาปต่อท่านไว้มากนัก บางทีผมอาจช่วยตามหาหมุดที่หายไปให้
ตอนนี้ เจ้าของกระทู้นั้นพ่ายแพ้แก่ข้อมูลของผูให้ข้อมูลจนต้องขอปิดกระทู้หนีข้อเท็จจริงไปแล้วครับ หลังๆมาขจกทนั้น เริ่มเขียนแต่ข้อความที่ยึดมั่นแต่ความเชื่อของตัวเองไม่เปิดรับหลักฐานใดๆ พอพลาดท่าก็รีบเปลี่ยนหัวข้อแต่ก็ยังพลาดท่าอีก คุณ V_Mee ข้อมูลแน่นมากครับ ความรู้ล้วนๆ
หมุดบ้าๆอันเดียวนี่แหละ ที่ร่านหลายๆตัวพยายามจุดกระแสให้เหมือนการทลายคุกบาสตีย์ของฝรั่งเศส แต่พวกมันคงลืมคิดไปว่า ระบอบกษัตริย์ของฝรั่งเศสกับของเรามันต่างกันมาก แน่นอนมันจึงจุดไม่ติด แต่กลับกลายเป็นว่า เรื่องราวชั่วร้ายในอดีตของคณะราษฎร์กลับมาทิ่มแทงญาติของคณะผู้ก่อการและ พวกร่าน ยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกแฉมากเท่านั้น ฝรั่งเศสเองในวันนี้ต้องรับผลกรรมที่ทำไว้กับชาติอื่นๆ ที่เคยตกเป็อาณานิคม จนหลายๆฝ่ายมีแนวคิดจะฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์กลับมาอีก .............................
ไปๆมาๆ อ้ายหมุดสัมฤทธิ์เจ้าปัญหาซึ่งหายไป และทำให้มีการตั้งกระทู้ถกเถียงกันในห้องราชดำเนินที่เว็บพันทิพย์ ทำท่าจะมีผลข้างเคียง ที่ทำให้เครดิต เรื่องทำสำเร็จในการแก้สนธิสัญญาสิทธิสภาพนอกอาณาเขตของพวกต่างชาติที่ทำกับเมืองไทย และคุณปรีดี เป็นผู้ปฎิบัติจนได้ผล .... ทำท่าว่าจะกลายเป็นเรื่องแอบอ้างเอาชื่อเสียงโดยคณะรัฐบาลในสมัยของปรีดีไปเสียแล้ว ก็ต้องรอดูท่าทีของบุคคลากรบางส่วนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งนับถือยกย่องคุณปรีดีกันมาก และมักยกเอาเรื่องนี้มาพูดเสมอๆ ว่าจะมีปฏิกิริยาอาการอย่างไร กับการถูกแฉโดยคอมเมนท์ ที่แสดงความเห็นแย้งกับเรื่องนี้กัน https://pantip.com/topic/36344370 คห.ที่ 29 คห.ที่ 43 ที่ 47 และ 100 ครับ
สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยกับการถอนหมุดคณะราษฎร์เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ไม่เกี่ยวกับความผิดถูกหรืออคติใดๆ ผมเห็นด้วยครับ แต่กับนักวิชาการวางบิล สื่อฯรับจ้าง และม็อบเติมเงินที่พยายามจุดไฟโดยเอาหมุดเป็นเชื้อเพลิง ผมว่าหยุดดีกว่า เพราะยิ่งทำไปยิ่งมีคนที่มีข้อมูลแม่น น่าเชื่อถือ ออกมานำเสนอข้อมูลอีกด้าน เช่นคนที่ริเริ่มและทำงานแสนหนักที่ทำให้ไทยแก้ไขสัญญาสิทธิสภาพนอกอาณาเขต แต่ด้วยข้อตกลงเรื่องเงื่อนไขของเวลา จึงมาเสร็จสิ้นสมบูรณ์เอาในสมัยที่นายปรีดีเป็นรมต.ต่างประเทศ ความจริงยังมีเรื่องที่นายปรีดีหน่วงการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลที่ร.7ทรงดำริให้จัดทำตั้งแต่ก่อนปฏิวัติ2475 หยุดเถอะ ก่อนคนที่คุณพยายามยกย่องเชิดชู จะมีคำนำหน้าที่ไม่เป็นมงคล
ในหลวง ร.7 พระองค์พระราชทานอภัยโทษให้แล้ว ด้วยพระเมตตา ออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมให้ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2475/A/163.PDF แต่ด้วยผลกรรม ไม่มีใครช่วยได้ จุดจบของสมาชิกผู้ก่อการแต่ละคนเลยเป็นอย่างที่เห็น
จะว่าตลกหรือสงสารมือด้วนดีนะ ถึงเป็นมานานแล้วกับแต่หลังๆดูเหมือนคนตะเกียดตะกายให้ตัวเองมีที่ยืน ขอแค่มีตัวตนในบอร์ดไม่ว่าคนจะมองงี่เง่ายังไงก็ไม่สนซะออกนอกหน้า ยิ่งกระทู้หมุดนี้ยิ่งเห็นชัด ถึงปากบอกรัก สงสาร โกรธแค้น แต่ไม่เห็นอะไรที่เป็นจริงซักอย่างในคำพูดเลย ดูว่างเปล่า ไร้น้ำหนัก เหมือนสะท้อนตัวมือด้วนว่าเป็นคนเหงาไม่มีคนสนใจ ไม่มั่นใจในตัวเอง จนไม่อยากทำอะไรให้สังคม แต่ก็ไม่อยากถูกตราหน้าว่าแปลกแยก ที่ว่าคนอื่นเลว ลึกจริงๆไม่ได้อยากว่าคนอื่น แต่เหมือนสมองหลอกตัวเองว่าตัวเองด้อยค่า ถ้าทำให้คนอื่นด้อยกว่า ตัวเองก็จะไม่แปลกแยกหรือเหนือกว่า คิดแล้วเศร้าแฮะ
ผมขอนอกเรื่องนิดครับ กรณีย์หมุดคณะราษฎร์ ที่หายไป.. จริงอยู่ว่า มีบางท่านออกมาพูดว่า เป็นเรื่องเล็กบ้าง หมุดนั้นไม่ใช่โบราณวัตถุที่ได้ขึ้นทะเบียน นั้น ..เป็นเรื่องไม่ควรพูด เพราะเห็นๆกันอยู่ว่า ตัวหมุดถึงแม้จะเป็นแค่ก้อนทองเหลืองที่มีด้านบนลักษณะเป็นแผ่น แต่เมื่อหายไป และก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก ..อีกประเด็นคือ ถึงแม้ตัวหมุดจะไม่ใช่โบราณวัตถุ แต่ก็เป็นสิ่งที่จารึกถึงเรื่องราวในอดีตของเราคนไทยไว้ จะอย่างไรก็ตาม มันคือสมบัติของแผ่นดินไทย เป็นสมบัติชาติ มันจะทำให้เราระลึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะเป็นตัวแทนที่ดีหรือไม่ดีในความคิดของใคร ก็ตามแต่ ผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบควรให้ความสำคัญ ตั้งคณะเจ้าหน้าที่ดำเนินการพิสูจน์แล้วแจ้งให้ประชาชนรับรู้ จึงจะถูกต้อง อีกเรื่องที่อยากพูดว่าเป็นเรื่องนอกประเด็นแน่ๆ คือมี หลายท่าน ทั้งนักการเมืองและอาจารย์ ย้ำว่าหลายๆท่าน ออกมาพูดในทำนองต่อว่า ว่าไม่ให้ความสำคัญกับอ้ายหมุดเจ้าปัญหานี้ เห็นว่าอาวุธ รถถัง เรือดำน้ำฯ สำคัญกว่าหรือไร ..ซึ่งส่อถึงความชอบ-ชังที่มีกับรัฐบาลอย่างชัดเจน อยากจะเรียนให้ทราบว่า หมุดนั้นสำคัญครับ แต่ในสภาวะเหตุการณ์บ้านเมืองโลกยุคนี้ การมีกองกำลังทหารและอาวุธที่ทันสมัยครบถ้วน "สำคัญกว่าการจะมีหมุดคณะราษฎร์หรือไม่มีหมุดฯ" ตัวอย่างที่เห็นกันชัดกับตาเลยนะครับ ประเทศญี่ปุ่นซึ่งในรัฐธรรมนูญของเขากำหนดไว้ว่าจะไม่มีกองกำลังทหารของประเทศ แต่เขายักเยื้องจัดตั้ง "กองกำลังป้องกันประเทศ" ไว้นะครับ แล้วแถมมีแสนยานุภาพแข็งแกร่งอยู่ในอันดับ 4 ของโลกเสียด้วย ขณะที่ไทยแลนด์ของเราอยู่อันดับ 16 ในจำนวนทหารของไทยเราที่มีจำนวนเป็นแสนนายนั้น มันย่อมแน่นอนอยู่แล้วว่ามีทั้งทหารที่ดีและมีบางส่วนที่ไม่ดีรวมกันอยู่ ดังนั้นเวลามีข่าว พลทหารเสียชีวิตในขณะประจำการแล้วออกมาโวยวายด่าว่าระบบทหารทั้งหมดว่าไม่ดี ย่อมไม่ถูกต้อง ควรพิจารณาจัดการในแต่ละรายๆ ไป ยิ่งผู้ชายไทยที่ออกมาพูดต่อต้านการเกณฑ์ทหาร ไม่อยากพูดถึงเลยครับ เพราะอาจเป็นการกล่าวหาหรือคาดเดาไปโดยไม่มีหลักฐาน (ว่าไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลย) การจัดอันดับประเทศที่มีแสนยานุภาพทางทหารของโลก จาก Credit Suisse เว็บของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ครับ ดูกันเล่นๆ เป็นความรู้ว่า "ประเทศเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว" นะครับ http://www.catdumb.com/credit-suisse-list-333/ ........
ผมไม่ชอบฝรั่งเศส แต่เมื่อชมเมืองปารีสจะได้เห็นสถานที่และเรื่องราวของฝ่ายที่คิดต่างทั้งหลาย ฆ่ากันไปฆ่ากันมาเป็นพันเป็นหมื่นศพ แล้วแต่ว่ายุคไหนใครมีอำนาจ และการนำเสนอก็เป็นเพียงแค่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีการโน้มน้าวให้เกิดอคติเข้าข้างฝ่ายไหนแต่อย่างใด นับว่าเป็นวิธีการบันทึกและนำเสนอประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง พอมาถึงเรื่อง"หมุด"ของเรา การตามหาเห็นได้ชัดว่ามีวาระซ่อนเร้นพุ่งเข้าเล่นงานเป้าหมาย และหลับหูหลับตาเชิดชูบุคคลที่มีประวัติสีเทาซึ่งมีข้อมูลมากมายชี้ชัดว่าบุคคลนั้นไม่ได้สูงส่งอย่างที่พยายามเชิดชูกัน คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า"หมุด"นั้นเคยอยู่ตรงไหน มีข้อความอะไร การต่อต้านที่เกิดขึ้นจึงมิใช่การต่อต้าน"หมุด" แต่เป็นการต่อต้านกลุ่มและคนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มที่ตามหา"หมุด"นั้นต่างหาก
หลักหมุด73 เจบีซี เอ็มโอยู43 เอากันเข้าไป สะใจแป๊ะลิ้มกับสาวกน้ำด่างแล้วนี้ ไอ้วีระ สมอีกตัว พวกนี้มันรักชาติแบบกลัวคนอื่นได้ดีเกินหน้าเกินตาพวกตัวเอง คนอื่นพูดอะไรไม่ฟัง พวกกูถูกฝ่ายเดียว ไปๆ มาๆ ไอ้พวกนี้ มันกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับของพวกไ้แม้วไปเสียฉิบ เวรครับเวร
พูดถึงญี่ปุ่นแล้วผมชิงชังเป็นการส่วนตัว อันเนื่องจากกรณีการข่มขืนที่นานกิง ผมมีเชื้อสายจีน แน่นอนเตี่ยผมหนีภัยสงครามมาเมืองไทย ถ้าไม่ใช่ไอ้ยุ่นอัปปรีย์ ที่มันกระทำย่ำยีต่อคนเชื้อสายเดียวกับผม ถ้าหากไอ้ยุ่นคิดจะรื้อฟื้นกองทัพกลับมา รัฐบาลจีนและไทย คงจะถือว่าเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรง และรอบนี้ไอ้ยุ่นมันจะ ได้รับบทเรียนที่สาสมจากอดีตที่มันทำไว้กับคนจีนและคนในอาเซียนเราแน่นอน http://oknation.nationtv.tv/blog/toymcp/2009/07/30/entry-1
- มีอาจารย์หางแดงบางตัวบอกว่าการถอนหมุดคือการลบและบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ผมคิดว่า เรากำลังจะได้ชำระประวัติศาสตร์ รับรู้ด้านมืดที่แท้จริงของคณะราษฎร ขณะเดียวกันข้อมูลที่พรั่งพรูออกมา ยังมีข้อมูลที่แสดงถึง การยอมรับความจริงของฝ่ายรักเจ้าเสียด้วย ความก้าวหน้าทางวิชาการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยกำลังมา ในอีกแง่นึง....ใครกันแน่ที่กำลังบิดเบือนประวัติศาสตร์? - มีอาจารย์หางแดงบางตัวบอกว่า การถอนหมุดแสดงถึงความไม่ก้าวหน้า-ล้าหลัง จริงหรือ? แค่ดูตัวอักษร สามารถวิเคราะห์ได้เป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้เลย?? วิชาสถาปัตยกรรม มีสอนเรื่องการวิเคราะห์ตัวอักษรแล้วรู้ถึงสันดารคนเขียนด้วยรึ?? ใครก็ได้ช่วยบอกผมที ว่าแต่ ถ้าข้อความราชการสมัย ร.5 ถ้าแสดงถึงความล้าหลังแล้ว? เหตุไฉนยุค ร.5 จึงเป็นยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงมากที่สุด มีการเลิกธรรมเนียมข้าทาส ทำไมเรามีรถไฟเป็นชาติแรกในอาเซียน? ยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองนั้นคืออะไร?? สรุปคือ อาจารย์แก..... มโน ใช่มิ?? - มีอาจารย์หางแดงบางตัวบอกว่า การถอนหมุดแสดงถึง ความไม่ฉลาดของฝ่ายอนุรักษ์นิยม เรื่องนี้ ฉลาด-ไม่ฉลาด พิสูจน์ได้ง่ายมากๆ คือมรึงดิ้นกันทั้งบางขนาดนี้ ทำอะไรเค้าได้รึเปล่าว? จุดกระแสต่อต้านรัฐบาลได้ไหม? กดดันรัฐให้หาหมุดมาคืนได้ไหม? ประชาชนส่วนมากจะอินกับพวกมรึงมั๊ย?? แค่นี้ล่ะ เราก็ได้คำตอบแล้วว่า ฝ่ายไหนกันแน่ที่โง่ ! และฝ่ายไหนที่ฉลาด.......
ไอ้พวกร่าน นี่เป็นพวกเกลียดปลาไหลกินน้ำแกงกันป่าว หรือเป็นพวกมนุษย์ครึ่ง ควายครึ่ง คณะราษฎร์มันใช้ทหารยึดอำนาจแล้วสร้างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใช้ ต่างกับการยึดอำนาจในปัจจุบันตรงไหน แถมยังเลวกว่า เพราะถึงขนาดกักตัว องค์พระมหากษัตริย์ ไม่รู้ว่ามันเอาอะไรตรงไหนมาเป็น Idol 555