ต่อไปคงต้องเปลี่ยนเนื้อหาของหนังสือเรียนครับ อย่างน้อยคงต้องบอกว่าคณะราษฎร หลอกทหารมาปฏิวัติ จับคนเป็นตัวประกัน มันคือเรื่องจริงทั้งนั้น ที่เด็กๆเรียนกันอยู่ตอนนี้มันเป็นภาพ retouch สวยๆ
http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=bb784912703c2f2e6d2a522516c43bc3&topic=3363.0 เอาไปอ่านเรื่องคณะร่าน สนุกสนานดี สุดท้ายตายไม่ดีเกือบหมด
เอาจริง ๆ ไอ้ทองเหลืองนี่ก็ไม่เคยเห็นมีใครสนใจเลยนะ บางคน (ส่วนใหญ่เลยล่ะ) ไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่ามันมีด้วยหรือ ? มันคืออะไร สำคัญตรงไหน ? หรือแม้แต่คณะราษฎรอะไรนี่คือใคร ??? สำคัญตรงไหน ??? ก็เห็นมีแต่สัก 2-3 ปีก่อน มีเด็กประหลาดกลุ่มนึงแต่งตัวคอสเพลย์ไปขัด ๆ ถู ๆ อะไรตรงนั้นแหละ เห็นแล้วก็ตาหลก
หาเหาใส่หัวรายวัน เรื่องกระบะนั่งหลังก็ยังไม่จบ อะไรที่ไม่ควรให้สังคมมาขุดขึ้นมาวุ่นวายอีก ก็ไปสะกิดขึ้นมาอีก ฮ่า ฮ่า
เรื่องนี้ ทำเอาร่าน ควาย นิติขี้ราด หัวร้อนอย่างไม่มีเหตุผล แล้วถ้าเกิดรูปปั้นอันนี้เกิดอันตรธานหายไป มันจะเป็นยังไง
จนบัดนี้ยังไม่มีใครแสดงตนว่าเป็นคนทำ อยู่ใจกลางเมืองแท้ๆ อิอิ ด่วน!! อวสานหมุดคณะราษฎร์ -ถูกเปลี่ยนแล้ว- Posted by พี่ขนฟู เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2560 มีรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ ว่า เพจเฟซบุ๊ก “หมุดคณะราษฎร” ได้เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความเกี่ยวกับการเปลี่ยนหมุดคณะราษฎรบริเวณลานหน้าพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งเป็นหมุดที่ทำขึ้นเนื่องในเหตุการณ์การอภิวัฒน์สยาม 2475 ซึ่งพระยาพหลพลพยุหเสนา หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร อ่านประกาศคณะฉบับที่ 1 เสร็จสิ้นในเวลาย่ำรุ่งของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 โดยหมุดเดิมมีข้อความว่า “ณ ที่นี้ 24 มิถุนายน 2475 เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ เพื่อความเจริญของชาติ” สำหรับหมุดใหม่ มีข้อความรอบนอกว่า “ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง” ส่วนข้อความในวงด้านใน ระบุว่า “ขอประเทศสยามจงเจริญยั่งยืนตลอดไป ประชาชนสุขสันต์ หน้าใส เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน” ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายบันลือ สุขใส ผู้อำนวยการเขตดุสิต เปิดเผยว่า ทางเขตฯได้ทราบว่ามีการเปลี่ยนหมุดคณะราษฎรแล้ว แต่ทางเขตฯไม่ได้เป็นผู้เปลี่ยน ซึ่งขณะนี้ทางเขตกำลังรอรายละเอียดและข้อมูลที่ชัดเจนอยู่ว่าหน่วยงานใดเป็นผู้เปลี่ยนหมุดพร้อมข้อความดังกล่าว และหากทราบรายละเอียดที่ชัดเจนแล้ว ทางเขตจะได้แจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป ขณะที่นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว กรมศิลป์ฯไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และหากมีการเปลี่ยนแปลงข้อความในหมุดดังกล่าวจริงก็ไม่ต้องแจ้งให้กรมศิลป์ฯรับทราบ เพราะไม่ใช่พื้นที่ที่กรมศิลป์ดูแล ทางกรมศิลป์ดูแลเฉพาะองค์อนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นไม่ได้อยู่ในความดูแลของกรมศิลป์ ส่วนบริเวณหมุดอยู่ในความดูแลของหน่วยงานใดนั้น ตนไม่ทราบ ทั้งนี้ได้มีการกล่าวถึงการเปลี่ยนหมุดคณะราษฎร์ครั้งนี้กันอย่างแพร่หลาย เช่น เวปไซด์ Voice TV ได้เผยแพร่ข่าวโดยพาดหัวว่า "ด่วน!รื้อถอน 'หมุดคณะราษฎร' เอาหมุดใหม่มาใส่หวังลบประวัติศาสตร์ 2475" ซึ่งเป็นการมองว่าเป็นเรื่องการลบประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในขณะที่พันตรีพุทธินาถ พหลพลพยุหเสนา ทายาทพลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา กล่าวกับ โพสต์ทูเดย์ ถึงความรู้สึกที่ หมุดคณะราษฎรถูกถอดรื้อออกว่า เพิ่งทราบข่าวเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกเฉยๆ ไม่คิดอะไรมาก เพราะทุกอย่างล้วนตั้งอยู่ และดับไป "ความทรงจำไม่ได้อยู่ที่ว่า คุณถอนหมุดแล้ว ทำลายมัน ทุกอย่างจะจบ เพราะถ้าใครทำชั่ว ทำดี ยันชั่วลูกหลานเหลนโหลน มันก็ยังถูกพูดถึง ดังนั้น ไม่ต้องหาสัญลักษณ์อะไรเก็บไว้เป็นที่รำลึก แต่คุณก็สามารถปิดบังคนรุ่นหลังได้" ทายาทแกนนำคณะราษฎร์กล่าว แต่อย่างไรก็ตามมีข่าวว่า นายศรีสุวรรณ จรรยาเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เผยแพร่แถลงการณ์ลงวันที่ 14 เมษายน 2560 เรื่องขอทวงคืนหมุดคณะราษฎร โดยให้รัฐบาลเร่งดำเนินการนำหมุดคณะราษฎรดังกล่าวกลับมาประดิษฐานยังที่เดิม หากไม่ดำเนินการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญจะใช้สิทธิตามมาตรา 51 ของรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป ความแปลกของเรื่องนี้ก็คือ ณ ขณะนี้ยังไม่มีใครออกมาแสดงตนว่าเป็นผู้ดำเนินการเปลี่ยนหมุดดังกล่าว และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐก็ออกมาปฏิเสธความรับรู้ในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตามคงจะมีความคืบหน้าในเรื่องนี้ต่อไปในไม่ช้านี้ ประเด็นหนึ่งที่กล่าวอ้างกันว่าหมุดดังกล่าวมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์นั้น หากจะกล่าวกันในแง่ความเป็นจริงแล้วต้องยอมรับกันว่า หลายต่อหลายคนที่ผ่านไปผ่านมา ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า จะมีสักกี่ท่านที่ได้เห็นหมุดดังกล่าว จะมีสักกี่ท่านที่จะบอกเราได้ว่า ได้เห็นแล้วว่าหมุดนั้นอยู่ ณ ที่ใดจุดใดของบริะเวณลานพระบรมรูปทรงม้า หลายคนไม่รู้ หลายคนไม่เคยเห็น เพราะบริเวณดังกล่าว มิได้ล้อมรอบบริเวณทำเป็นสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีป้ายอธิบายประวัติความเป็นมาไว้ มีใครคิดบ้างไหมว่าจะทำให้ชนรุ่นหลังได้รับรู้ความสำคัญดังกล่าว เปล่าเลยหมุดดังกล่าวก็ติดไว้ ณ พื้นถนนให้รถวิ่งทับไปทับมา ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลายสิบปี ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงหมุดนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ส่วนตัวก็เห็นว่าเดิมนั้นดูเหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มคน แต่ของใหม่กลับดูจะเป็นเรื่องของปวงชนชาวไทยมากกว่า แต่ในความเป็นจริงตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาหมุดดังกล่าวได้ถูกปล่อยให้รถวิ่งทับ คนเดินเหยียบมาตลอด ทำไมผู้ที่เห็นว่าเป็นสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ ไม่ใยดีที่จะทำให้สิ่งนั้นสำคัญ แต่พอเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา กลับออกมาโวยวายจะเป็นจะตายกับสิ่งที่เกิดขึ้น หมุดนั้นแท้จริงแล้วถูกปล่อยปละละเลยมิได้ให้ความสำคัญว่าเป็นสัญลักษณ์หลักฐานทางประวัติศาสตร์หรือไม่อย่างไร ต่อเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาแล้วก็จะนำมาสร้างกระแสอะไรบางอย่างให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา โดยแท้จริงพวกท่านเหล่านั้นก็มิได้เห็นความสำคัญดังที่กล่าวอ้าง เพราะไม่ปรากฏว่าจะเคยมีใครขอล้อมพื่้นที่บริเวณประวัติศาสตร์นั้น เพื่อทำให้หมุดดูเด่นมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ดังที่กำลังกล่าวขวัญถึงนี้แต่อย่างใด แม้กระทั่งนักการเมือง พรรคการเมืองบางพรรค ก็เคยเข้ามาบริหารประเทศ แต่ก็ไม่เคยคิดจะสร้างเสริมให้หมุดนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เช่นที่กล่าวอ้าง ก็หาไม่.....โหนกระแสกันแท้ๆ
พระยาพหลเขาเป็นคนดี แต่เป็นคนดีประเภทยอมเป็นหมากให้คนน่ากลัวเป็นใหญ่ เป็นคนดีหวังดีต่อประเทศ แต่มันไม่ใช้ว่าสิ่งที่เขาคิดมันจะถูกซักหน่อย
พวกเสื้อแดง และพวกเรียกตนเองว่าลิเบอรัลชอบไปสร้างเรื่องราวเคลื่อนไหวที่หมุดนี้อยู่เนืองๆ เพื่อไม่ให้ฝั่งตัวตกไปจากกระแสข่าวสาร ดังมีภาพปรากฏให้เห็นเช่นในวันที่ 24 มิย ฯลฯ
ลิเบอรัลรำลึกถึงคุณงามความดีคณะราษฎรก็รำลึกไป ถ้าเป็นเรื่องของไสยศาสตร์และความงมงายล้าหลังดักดาน ต้องนี่เลย พิธีกรรมของชาว สลิ่มศรี ณ โกเต๊ก โอม โกเต๊ก จง ลงไป ลงไป ทาๆถูๆ ระดูกู้ชาติจงเจริญ...
ดีตรงใหนคณะราษฏรปล้นอำนาจจากคนอื่นมาเป็นของตน มันเป็นหมุดแห่งความอัปยศมากกว่า ญาติพวกมันคงอายเลยเอาออก อำนาจที่ได้มาเหมือนโดนสาปแช่ง สุดท้ายพวกนักการเมืองก็ไปไม่รอดสักราย ตายบ้างหนีบ้างที่อยู่ก็ทนทุกข์ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น
นายก พหลฯ.ไม่มีเงินทำศพ ทรงสุรเดช ขายกล้วยเลี้ยงชีพ ประศาสตร์ ลูกตายใน ww II เป็นเชลยรัสเชีย ฤทธิอัครเน สุดท้ายบวช กงกรรมกงเกวียน เรียนก็ใช้เงินแผ่นดิน .... จุดจบ จิง ๆ เป็นไง
มันพรํ่าบอกมาตลอดว่าพวกมันคือหัวก้าวหน้า แต่อยากบอกว่า สัส....ทำไมมึงไปกราบมุดอันเท่ากำปั้น ชาวบ้านที่เขางมงายเรื่องโชคลาภยังไม่บ้าเท่าพวกนี้เลย เอาพวงมาลัยไปกราบหัวปลีมันยังมีกล้วยให้กิน หรือว่ากราบมุดแล้วแดกอุดมการณ์อิ่ม แหม๊..ๆ ทีเรื่องสถาบันฯทั้งกัดทั้งเหน็บ ถ้าเรียนเป็นนักศึกษาแล้วคิดได้แค่นี้ มองอนาคตไม่ออก
รับแจ้งเฉยๆนะ ไม่มีผู้เสียหาย เจ้าทุกข์ เจ้าของ แค่รับทราบแล้วไปนอน จ่าพนมฯ มีหนังเล่นต่อภาค 5ละ คิดหามุขตั้งนาน ไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ด้วย
5555 หมุดคณะร่านมันเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ยังไงก็ควรปล่อยไว้ยังงั้นเพื่อเป็นสักขีว่าวันหนึ่งในอดีตมีคณะบุคคลคณะหนึ่งลักพาและหน่วงเหนี่ยวกักขังพระราชวงศ์เพื่อให้พวกตนได้มาซึ่งอำนาจอธิปไตย อำนาจที่ได้มา ตอนแรกก็บอกว่าเพื่อประชาชนชาวสยาม แต่ก็มิได้เป็นเช่นนั้น มีการใส่ความหักหลังคนที่เคยเป็นพวกเดียวกันเพื่อยึดอำนาจนั้นไว้กับตนและพวกพ้อง สมาชิกในคณะบุคคลนั้นต่างก็มีอันเป็นไป ไม่ใช่เพราะใครอื่นแต่เพราะคนที่เคยเป็นพวกเดียวกันเอง ต้องระหกระเหินกระจัดกระจายกันไปตกระกำลำบากและตายในต่างแดน จะดีกว่าถ้ามีใครเอารูปปั้นรูปหนึ่งแถวท่าพระจันทร์ไปทุบทิ้งเสีย
พวกร่านปากแข็งว่าหมุดหายสิดี ทำให้เรื่อง 2475 ดังขึ้นมาอีก จะดังแบบไหน รอดูกัน มีคนช่วยเตรียมขุด ขุด ขุด จนพื้นพรุนแน่ อิอิ ไปไหว้พระวัน-สองวัน กลับมา เห็นนักศึกษา ๒-๓ คน ยืนชูป้าย "หมุดฯ หายไปไหน" ก็สงสาร........... อยากให้พวกเธอกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ แล้วใช้ปัญญาวิเคราะห์ อย่าใช้เท้าแทนสมอง แบบพวก "ม็อบวางบิล" เอะอะชูป้าย แจ้งตำรวจ อย่างเมื่อวาน (๑๖ เม.ย.๖๐) "ช่วยติดตามหมุดคณะราษฎร สัญลักษณ์เหตุการณ์อภิวัฒน์สยาม ๒๔๗๕ ที่อยู่บริเวณลานหน้าพระบรมรูปทรงม้าที่หายไป" ควรต้องทราบก่อนว่า.......... "ลานพระบรมรูปทรงม้า" นั้น จากอดีต ตราบปัจจุบัน ยันอนาคต ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ หากแต่เป็น "ลานพระราชวังดุสิต" และนั่นคือ "เขตพระราชฐาน"! ด้วยความเป็นนิสิต-นักศึกษา ในชั้นแห่งปัญญากรอง ย่อมทราบถึงกรอบ-ขอบเขต ระหว่าง "พื้นที่สาธารณะ" กับ "เขตพระราชฐาน" อะไรที่เกินไป ก็ไม่ดี, อะไรที่ขาดไป ก็ไม่ดี, อะไรที่พอดีๆ กอปรด้วย เงื่อนไขแห่งการณ์ แห่งเวลา และแห่งบุคคล จะดี-ไม่ดี นั่นเรื่องหนึ่ง .............. แต่จะ "เป็นคุณ" ทั้งตัวเองและสถานการณ์รวมสถานเดียว! หมุดฯ นั่นน่ะ แค่ทองเหลือง จะเอาซักกี่กิโลล่ะ? แต่ "ก่อนเป็นหมุด" มีความเป็นมาอย่างไร อยากให้อ่านหนังสือซัก ๔-๕ เล่มก่อน แล้วคำบอกเล่าของคน "ในเหตุการณ์จริง" จะสะท้อนผ่านมโนธรรมสำนึกออกมาเอง ว่า ควรร้องถาม "หมุดฯ หายไปไหน"? หรือควรร้องถาม "ปล่อยให้อัปลักษณ์สยามนี้ปักอยู่ได้อย่างไร?" ลองไปหาอ่านนะครับ........... -กบฏ ร.ศ.๑๓๐ ของ เหรียญ ศรีจันทร์-ร.ต.เนตร พูนวิวัฒน์ -เปิดวังปารุสก์ พระนิพนธ์ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ -"เจ้าชีวิต" พระนิพนธ์ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ -จากพระยายมราช ถึงสุขุมวิท โดย ประสงค์ สุขุม -"ทำเป็นธรรม" ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา -ไปเมืองนอกครั้งแรก ร.ศ.๑๑๘ พระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เรียบเรียงโดย ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต และ -เบื้องแรกประชาธิปตัย รวบรวมโดยสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย หนังสือ "เบื้องแรกประชาธิปตัย" เล่มนี้แหละ .......... ขอแนะนำเป็น "ภาคบังคับเลย" ว่า ต้องไปหามาอ่านกันให้ได้ เป็นหนังสือเก่า ที่นักข่าว ยุค ๑๔ ตุลา ๑๖ ไปสัมภาษณ์ "ตัวบุคคล" ร่วมก่อการ ๒๔๗๕ ที่มีชีวิตอยู่ แล้ว "ผอ.กำพล วัชรพล" แห่งไทยรัฐ ออกทุนพิมพ์เผยแพร่ เป็นการ "ชำระประวัติศาสตร์ ๒๔๗๕ จากตัว 'ผู้ก่อการ' โดยตรง"! โดยเฉพาะ "นายปรีดี พนมยงค์" และ "พลโท ประยูร ภมรมนตรี" การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ นั้น ............ ๒ คนนี้แหละ รู้กันไว้เถอะ "ต้นคิดก่อการ" ก่อนขยายไปสู่ ๗ คณะผู้ก่อการ! ก็พอดีจังหวะ ผู้บริหารสมาคมนักข่าวปัจจุบัน นำกลับมาพิมพ์เผยแพร่ยังเหลืออยู่หรือเปล่าไม่ทราบนะ ไปถามหาที่สมาคมนักข่าว หน้า รพ.วชิระ สามเสน เอาเองละกัน! ที่สำคัญสูงสุด นอกจากบทสัมภาษณ์-บทบันทึก "๒ ต้นคิด" คณะก่อการนี้แล้ว .... "สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี" พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ พระราชทานพระราชวโรกาส ให้คณะกรรมการสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยยุคนั้นเข้าเฝ้าฯ และทรงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นพระราชทาน และยังพระราชทาน "พระราชบันทึก" อันเป็นประวัติศาสตร์ที่ใครก็บิดเบือนไม่ได้แก่คณะกรรมการสมาคมฯ เพื่อเผยแพร่ด้วย "จอมพล ป.เคยมาเฝ้า เขาพูดว่า อยากจะล้างบาป เพราะทำกับท่าน (พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗-เปลว) ไว้มากเหลือเกิน จากนั้นแล้วก็เลยไปสร้างโรงพยาบาลพระปกเกล้าไว้ให้ที่จันทบุรี ดูเหมือนจะสร้างไปทั้งหมด ๕ ล้านบาท" สมเด็จฯ ทรงเล่าและทรงเท้าความย้อนไปก่อนที่จะเสด็จฯ กลับ (จากอังกฤษ) ว่า "หลวงประดิษฐ์มนูธรรม พระยามานวราชเสวี เคยไปขอเข้าเฝ้าฯ บอกว่า ข้าพระพุทธเจ้าตอนนั้นยังเด็ก คิดอะไรหัวมันรุนแรงเกินไป ไม่นึกว่าจะลำบากยากเย็นถึงเพียงนี้ ถ้ารู้ยังงี้ ก็ไม่ทำ" นี่แค่ตัวอย่าง จากหนังสือเบื้องแรกประชาธิปตัย แค่ ๒-๓ บรรทัด ยังขนาดนี้ การเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร พูดกันแต่ปรีดี..ปรีดี..แต่อีกคนต้นคิดแต่แรกเริ่มที่ฝรั่งเศส และไม่มีใครพูดถึงเลย คือ "พลโทประยูร ภมรมนตรี"! คนนี้น่าศึกษา มารดาเป็นชาวเยอรมัน พ่อแม่นำเข้าถวายตัวเป็นข้าหลวงในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต แต่เล็ก ไปเรียนฝรั่งเศส เจอกับนายปรีดี ก็ร่วมกันคิดก่อการ ใช้ที่พักกับบ้านพระยาทรงสุรเดช เป็นแหล่งวางแผน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คนที่ "สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต" ขุนมากับมือ เมื่อ ๒๔ มิถุนา ๗๕ "พล.ท.ประยูร" นี้แหละ........... เป็นผู้ควบคุมตัว "สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต" พูดตรงๆ คือ "จับตัว" ไปที่พระที่นั่งอนันตสมาคม! พล.ท.ประยูรเขียนบันทึกเป็นการแถลงข้อเท็จจริงถึงเบื้องหน้า-เบื้องหลังด้วยตัวท่าน มอบให้คณะกรรมการสมาคมนักข่าวฯ ผมจะยกบางตอนมาเป็นตัวอย่าง "..........ข้อสังเกตที่เกี่ยวกับการหาความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการให้ความคิดในการดำเนินการยึดอำนาจการปกครองนั้น การค้นหาความรู้ไปได้ไม่เท่าไหร่ คุณหลวงประดิษฐ์ฯ (ปรีดี พนมยงค์) ก็ได้ก่อกรรมวิบากขึ้นในการพาข้าพเจ้าเข้าไปในข่ายคอมมูนิสต์ คือหนังสือพิมพ์คอมมูนิสต์ ห้องสมุดคอมมูนิสต์ และที่ประชุมคอมมูนิสต์ ซึ่งไม่นานนัก ตำรวจฝรั่งเศสก็เริ่มสนใจติดตามและรายงานพฤติการณ์ต่างๆ ของเราให้สถานทูตไทยในกรุงปารีสทราบ..........." อีกตอนหนึ่งของคำตอบ ทำไมหมุดจึงตอกที่ลานพระรูป? การดำเนินการยึดอำนาจได้กระทำกันในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและแม่ทัพนายกองชั้นผู้ใหญ่ออกจากพระนครไปดูการซ้อมยิงปืนที่หัวหิน การดำเนินการยึดอำนาจทำเป็นสองขั้นตามแผนฟ้าแลบของ พ.อ.พระยาทรงสุรเดช เสนาธิการเยอรมัน ขั้นแรก คือ ล่อให้หน่วยทหารมาชุมนุมกันที่ลานพระรูป โดยกระทำการอย่างกะทันหัน............ ครั้นเมื่อหน่วยกรมกองต่างๆ ได้มาชุมนุมพร้อมกันที่ลานพระรูป ท่านเจ้าคุณพหลฯ ก็เรียกประชุมนายทหารสัญญาบัตรเข้าวงล้อม แล้วก็ประกาศยึดอำนาจ........... ครั้นแล้ว พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนาได้อ่านประกาศยึดอำนาจ เปล่งเสียงไชโยกึกก้องสามยกสามลา แล้วก็นำคณะนายทหารที่มาชุมนุมอยู่ ณ ที่นั้น เดินเข้าไปไขกุญแจเปิดทวารเหล็กที่พระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นกองบัญชาการ อันเป็นความสำเร็จเบื้องต้น........ฯลฯ....... พล.ท.ประยูร บันทึกต่อไว้ว่า........... ในเช้าวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๕ เวลา ๐๘.๐๐ น. พ.ต.หลวงพิบูลสงคราม พล.ต.พระประสาทพิทยายุทธ์ กับ ร.อ.หลวงนิเทศฯ ร.น. ได้นำจอมพล สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ มาในรถถัง ส่งให้ข้าพเจ้าที่หน้าประตูพระที่นั่งอนันต์ ข้าพเจ้าได้ถวายคำนับ เชิญเสด็จให้ลงเดินเข้าไปประทับในพระที่นั่ง ทรงจ้องข้าพเจ้าด้วยพระเนตรดุเดือด ตรัสว่า "ตาประยูร แกเอากับเขาจริงๆ พระยาอธิกรณ์ประกาศบอกฉันไม่เชื่อ ฉันตั้งชื่อ ทำขวัญให้แกเมื่อเกิด ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็ก โกรธฉันที่ไม่ไปเผาศพพ่อแกใช่ไหม" แล้วก็ทรงเหลียวมองดูหน่วยทหารที่พลุกพล่านเต็มลานพระบรมรูป ข้าพเจ้ากราบทูลว่า "ถ้าบิดาข้าพระพุทธเจ้าสามารถทราบได้ คงจะเศร้าใจมาก" ในที่สุด ข้าพเจ้าเร่งให้เสด็จลงจากรถถัง ทรงสำทับถามว่า "จะเอาฉันไปไหน อย่าเล่นสกปรกนะ" ข้าพเจ้ากราบทูลยืนยันว่า "เชิญเสด็จไปประทับในพระที่นั่งเถอะพ่ะย่ะค่ะ รับรองไม่มีภัยประการใด ข้าพระพุทธเจ้าจะอยู่เฝ้าด้วยตนเอง" ............ท่าทางของข้าพเจ้าตอนนั้นคงจะป่าเถื่อนอยู่มาก สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ทรงจ้องมองข้าพเจ้าด้วยความหวาดระแวง พอข้าพเจ้าสำนึกตัวได้ ก็วางปืน แล้วก้มลงกราบขอพระราชทานอภัย ทรงรับสั่งถามเป็นคำแรกว่า "ใครเป็นหัวหน้า พระองค์บวรเดชใช่ไหม" ข้าพเจ้ากราบทูลว่า "ไม่ใช่" ทรงถามว่าแล้วใครเล่า "ยังกราบทูลไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" ทรงกริ้วข้าพเจ้า รับสั่งหนักแน่นว่า "ตาประยูร แกเป็นกบฏ โทษถึงต้องประหารชีวิต" ข้าพเจ้าก็กราบทูลว่า "ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นกบฏ ไม่ได้ล้มพระราชบัลลังก์ ถ้าข้าพระพุทธเจ้าพลาดพลั้งทำการไม่สำเร็จต้องถูกประหารแน่ แต่วันนี้ คณะข้าพระพุทธเจ้าทำการสำเร็จ ใต้ฝ่าพระบาทไม่มีอันตรายประการใด" แล้วทรงรับสั่งถามต่อไปว่า "พวกแกที่ยึดอำนาจนี้ต้องการอะไร มีความประสงค์อะไร ต้องการมีปาลีเมนต์ มีคอนสติติวชั่นใช่ไหม?" ข้าพเจ้ากราบทูลตอบไปว่า "ใช่" ทรงนิ่งอยู่ครู่แล้วรับสั่งถามว่า "แล้วมันจะดีกว่าที่เป็นอยู่เวลานี้หรือตาประยูร" ข้าพเจ้ากราบทูลตอบไปว่าอารยประเทศทั่วโลกก็มีปาลีเมนต์กันทั่วไป ยกเว้นแต่อาบิสซีเนีย ทรงถามว่าข้าพเจ้าอายุเท่าไหร่? เมื่อข้าพเจ้ากราบทูลว่า ๓๒ ก็รับสั่งว่า "เด็กเมื่อวานซืนนี้เอง นี่แกรู้จักคนไทยดีแล้วหรือ แกจะต้องเจอปัญหาเรื่องคน พระราชวงศ์จักรีครองเมืองมา ๑๕๐ ปีแล้ว รู้ดีว่าคนไทยนี่ปกครองกันได้อย่างไร อ้ายคณะของแกจะเข็นครกขึ้นเขาไหวรึ" ..................พอดี น.ต.หลวงสินธุสงครามชัยเปิดประตูเข้ามาถวายคำนับ ส่งขนมปังให้ข้าพเจ้าก้อนหนึ่งกับใบปลิว ๓-๔ แผ่น ข้าพเจ้าเอาใบปลิวมาอ่านคร่าวๆ รู้สึกว่ามีข้อความที่รุนแรงอยู่มากซึ่งเป็นเรื่องการเมือง แต่แล้ว พออ่านบรรทัดสุดท้าย รู้สึกเลือดขึ้นหน้าซ่า คำทำนายของกรมพระนครสวรรค์ฯ ที่รับสั่งอยู่หยกๆ ว่าพวกแกจะต้องฆ่ากันตาย พลันเป็นความจริงขึ้นแล้ว คือ หลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้เขียนข้อความไว้ในวรรคสุดท้ายของคำประกาศยึดอำนาจ ความว่า "จะได้นำประชาชนให้ไปสู่ความสุข ความเจริญอย่างประเสริฐสุด ซึ่งเรียกว่าศรีอารยะนั้น ก็พึงบังเกิดแก่ราษฎรถ้วนหน้า" อันคำว่า "ศรีอารยะ" นั้น เป็นคำแฝงที่คุณหลวงประดิษฐ์มนูธรรมใช้แทนคำว่า "คอมมูนิสต์" เป็นอันว่า คุณหลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้ถือโอกาสแทรกเจตจำนงที่จะนำประเทศชาติไปสู่ลัทธิคอมมูนิสม์ในคำประกาศยึดอำนาจนั้นขึ้นแล้วในวาระแรก ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องผจญสู้และป้องกันกันต่อไป ครับ...นี่แค่ตัวอย่างจาก "ตัวจริง-เสียงจริง" ผมขอจบตรงที่ พล.ท.ประยูรบันทึกตอนนายปรีดีนำรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ได้นำรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงตั้งพระทัยพิจารณาอย่างจริงจัง แต่ครั้นแล้ว มีข้อความหลายตอนข้องพระทัยยิ่งนัก จึงตรัสถามพระยาทรงสุรเดชว่า ได้อ่านรัฐธรรมนูญนี้มาก่อนหรือเปล่า ซึ่งพระยาทรงสุรเดชก็กราบทูลว่า ไม่ได้อ่าน แล้วหันมาถามข้าพเจ้าว่าได้อ่านหรือเปล่า ข้าพเจ้าก็ตอบว่าไม่ได้อ่านเช่นเดียวกัน ท่านเจ้าคุณได้กำชับหลวงประดิษฐ์มนูธรรมไว้แล้วว่า ให้ร่างตามแบบอังกฤษ ซึ่งมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้ระบบรัฐธรรมนูญ ซึ่งรับสั่งว่าต้องการจะให้เป็นเช่นนั้น แต่นี่เรื่องอะไรกันถึงจะต้องใช้คำเสนาบดีว่า "คณะกรรมการราษฎร" ซึ่งเป็นแบบรัสเซีย แบบคอมมูนิสต์ ทรงไม่เข้าใจว่า นี่มันอะไรกัน .......................พวกเราทุกคนต่างก็ตะลึงพรึงเพริด ทยอยกันออกไปยืนที่ลานหน้าพระราชวัง พระยาทรงฯ ชี้หน้าหลวงประดิษฐฯ ว่า "คุณหลวงทำฉิบหายป่นปี้ ไม่ทำตามที่บอกกล่าวกันไว้ ทำอะไรไปนอกเรื่อง" พระยาทรงฯ พูดอย่างเคืองแค้น เป็นอันว่าความสัมพันธ์ระหว่าง พ.อ.พระยาทรงสุรเดชกับหลวงประดิษฐ์มนูธรรม ได้แตกร้าวลงไปอย่างไม่มีทางที่จะประสานกันได้ ตั้งแต่วาระนั้น! http://thaipost.net/?q=ที่อยู่-ที่หาย-หมุด-ลานพระรูป
คนบางคนพอได้รับการศึกษาและได้รับรู้อะไรมาบ้าง ก็อยากปักหมุดหมายของตัวเองไว้ในประวัติศาสตร์ อย่างเช่นที่คณะร่านทำ บางกลุ่มบางคนแทบทำให้ชาติต้องพินาศย่อยยับเพียงเพราะกำหนัดอยากปักหมุดหมายของตัวเอง แต่ที่ประมาทคณะร่านไม่ได้คือการเสี่ยงชีวิตเข้ายึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง หากพลาดพลั้งอาจมีโทษถึงประหารชีวิต ผิดกับปัจจุบันที่มีกลุ่มนักวิชาการวางบิล สื่อฯรับจ้าง ม็อบจานด่วน ฯลฯ ที่อยากปักหมุดหมายของตนและได้ค่าจ้างพร้อมๆกันไปด้วย
อ่านบทความข้างล่างในลิงก์นี้แล้ว ...อุ๊ต๊ะ....นี่มันคือความทหารทำรัฐประหารยึดอำนาจจากเจ้านายนี่หว่า มีอาการทหารหนุ่มจัดกำลังคุมตัวกรมพระนครสวรรค์ฯ และพระชายาไปกักตัวไว้ มีการจัดกำลังหลายทีมไปเฝ้าสังเกตการณ์บ้านเจ้านายและบุคคลสำคัญ เพื่อ “ล็อก” มิให้ติดต่อสั่งการใดๆได้ ซึ่งอันนี้น่าจะเป็นหัวใจสำคัญในการก่อการ มีซีนคณะผู้ก่อการบุกถึงกรมทหารม้าที่ ๑ รักษาพระองค์ และนำกำลังเข้าตัดโซ่กุญแจคล้องคลังอาวุธ นำอาวุธปืนและหีบกระสุนออกมา เข้ายึดรถรบ รถยนต์หุ้มเกราะ และรถบรรทุก พร้อมกำลังทหารม้ามาเป็นของฝั่งตัว มีการยึดกรมไปรษณีย์โทรเลข และตัดสายโทรศัพท์ โอ๊ยสารพัด ถ้ายุคนั้นมีทีวีก็ต้องยึดทีวีกรมประชาสัมพันธ์ด้วยน่ะสิ อิอิ เอ้อ ..แล้วพวกร่านที่เกลียดการรัฐประหารราวไส้เดือนกิ้งกือพากันชื่นชม PD ที่ทำรัฐประหารครั้งนั้นกันทำไมวะ " ลองเข้าไปอ่านเบื้องหลังการปฏิวัติ ๒๔๗๕ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติการยึดอำนาจของคณะผู้ก่อการฯเกือบจะทุกแง่ทุกมุม บอกเล่าเหตุการณ์เบื้องหน้าเบื้องหลัง นับตั้งแต่รายนาม “ฝ่ายทหาร”ที่มีแนวคิดในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แล้วลำดับเหตุการณ์เรื่อยมาสู่ขั้นตอนวางแผน จนกระทั่งถึงวัน “เอาจริง” ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ http://thaienews.blogspot.com/2017/04/blog-post_53.html "
ถ้าเว้นไว้แต่2475 บิดาแห่งรัฐประหารแห่งประเทศไทยมี3คนคือ ปรีดี พระยาพหล จอมพลป. ตอนนั้นไม่เห็นจำเป็นต้องรัฐประหารเลย ใช้วิถีสภาก็ได้ แต่ไม่ทำ
ตกลงคณะราษฎร... ใช้กำลังทหารในการยึดอำนาจมาหรือเปล่า? ร่างรัฐธรรมนูญและกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองหรือเปล่า? นิรโทษกรรมให้ตัวเองหลังยึดอำนาจหรือเปล่า? คงอำนาจไว้ที่ตัวเองหลังจากยึดอำนาจหรือเปล่า?
รู้สึกว่า จากที่ พวกร่าน จะดิ้นเรื่องหมุด กลายเป็น ตอนนี้คนขุด วีรเวร ทั้งหลายของพวกคณะร่าน ออกมากันเต็ม แสดงว่า หมุดนี่ ไม่ได้ตั้งใจว่าตอกใช้ไสย มนต์ดำ สะกดตรึง กษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรี กลายเป็นว่า หมุดนี่ มันตรึงความจังไร ของพวกร่านไว้ให้เงียบไป 80 กว่าปี พอถอนปุ้บ เรือ่งจังไร ในอดีต ออกมาเต็มๆ อะไรที่เคยด่าเค้า มันเข้าตัวหมด 5555
โอ....... เพราะหมุดมนต์ดำนี้นี่เล่า พอถอนหมุดปุ๊บ พวกเปรต อสุรกายและสารพัดปีศาจถูกปล่อยออกมาร้องระงมกันทั่วเมืองปั๊บเลย
เด๋วก่อน ๆ ก่อนจะไปกันใหญ่ รู้ยัง ใครเป็นเจ้าของ จนป่านนี้ยังหาตัวเจ้าของไม่เจอเลย #บอกแล้วมันไม่สำคัญ
จัดเต็มๆให้หายคาใจ!"เทพมนตรี"ซัด"พวกเลอะเทอะ"อ้างหมุดคณะราษฎรหายทำลายประวัติศาสตร์หนุนคนไทยร่วมชำระอดีตกระชากเจ้าลัทธิเกลียดชังสถาบันฯลงโทษ? http://www.tnews.co.th/contents/aw/311707 เทพมนตรี นี้ หากไม่ไปร่วมกับ แป๊ะแอนด์เดะแกงค์ จนแลอะ แล้วไม่เอาไสยศาสตร์ใส่ประวัติศาสตร์ ยึดโน้นมาใส่นี้มากไป ชอบนะ ตั้งแต่มีครอบครัว ดีขึ้นมาก ยึดความถูกต้องมากขึ้น
เผลอๆ พวกนายทุนสามานย์ ย่องเบา หมุด สร้างกระแส เรียกลิเบอร์ร่าน มารวมตัว สร้างฐานรอเลือกตั้ง ปั่นกระแส สร้างฝ่ายตรงข้ามให้คนเลือกง่าย แบ่งแยกแล้วปล้นสดมภ์ หมุดหายปั๊บ คสช นายก ปชป อภิสิทธิ โดนทันที 5555
ไม่สำคัญจ้า เดวขอร้องให้มึงไปถอนหมุดอันใหม่ออกไป คงไม่มีใครไปเอาเรื่องมึงแน่ๆ บอกแล้วไม่สำคัญ ใครจะถอนจะรื้อก็ได้
จริงๆน่าจะสืบไม่ยากหรอก ใครมันจะทำฝาหล่อแบบนี้ได้ สืบตามโรงหล่อก็น่าจะเข้าเค้า คำในฝาหล่อใหม่ ผมอ่านแล้วคิดเองว่า ออกแนวประชดด้วยซ้ำ พร้อมจะกระตุ้นอะไรในใจคน "ประชาชนสุขสันต์หน้าใส" เขียนเอาฮามั๊ง