http://www.thairath.co.th/content/724000 ---คนเก่ามันอมหรือเปล่า ลงคนมาเที่ยวน้อยกว่าคยวามเป็นจริง เป็นไปได้ไงที่ปีเดียวคนเที่ยวต่างกัน 1 ล้านคน!!! --- ต้องตั้งกรรมการสอบคนเก่าครับ ไม่ใช้ไปตั้งกรรมการสอบคนมาใหม่ -*- ยกเลิกสินบนนำจับจราจร แต่ให้ส่วนแบ่งรายได้กับเจ้าหน้าที่อุทยานยังมีคุณกับประชาชนมากกว่า
เอ.. เขาก็สอบคนเก่านี่ครับ “ที่ยอมรับคือ หนังสือที่ทางสบอ.5 ทำออกไปนั้น อาจจะไม่มีความชัดเจน ทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจคลาดเคลื่อนไปหมด ขอเรียนว่า ตัวผมเองรู้สึกชื่นชมหัวหน้าอุทยานคนใหม่ ทั้ง 3 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคนเสียด้วยซ้ำที่เสียสละทำงานให้ขนาดนี้ โดยที่ผ่านมา ทั้งตัวพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทส.และตัวผม ก็ได้เข้าไปตรวจเยี่ยมพื้นที่อุทยานแห่งชาติเหล่านี้มาตลอด เห็นการทำงานเป็นอย่างดี ยิ่งตรวจสอบจากเอกสารก็เห็นความแตกต่างชัดเจน แต่ต้นเหตุของความเข้าใจคลาดเคลื่อนในเรื่องนี้ http://www.matichon.co.th/news/284788
จากเวปข่าวที่ให้มา บอกอะไรได้หลายอย่าง ******************************************** “เราต้องการนำพา กรมอุทยานไปสู่ อุทยานยุค 4.0 ไม่ใช่ 0.4 การปฏิบัติการทุกอย่างต้องมีความโปร่งใส ชัดเจน นับตั้งแต่ยุคของ คณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามา เราสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง หากไม่ทำในยุคนี้คิดว่า ต่อไปก็คงทำยากแล้ว”นายธัญญา กล่าว
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แจงเหตุตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเลทั้ง 3 แห่ง ที่จัดเก็บรายได้มากขึ้น รายละเอียดไม่ชัดเจน ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน ล่าสุดมีคำสั่งให้ปรับปรุงแก้ไขแล้ว นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ อธิบายว่า คำสั่งสอบหัวหน้าอุทยานฯอ่าวพังงา หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และอดีตหัวหน้าอุทยานฯสิมิลัน ไม่ได้ออกจากทางกรม แต่ออกโดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 หลังมีผู้ร้องเรียนช่วงต้นปีที่มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้การบริหารจัดการอาจมีปัญหา จึงเป็นความผิดพลาดในเรื่องงานหนังสือ ทำให้เข้าใจคำสั่งคลาดเคลื่อน เพราะในความเป็นจริงแล้วหัวหน้าอุทยานฯสมควรได้รับคำชมเชย ทางกรมจึงได้มีหนังสือไปยังสำนักฯเพื่อให้ปรับปรุงคำสั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนการจัดเก็บรายได้อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ที่สูงเกือบ 2,000 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ได้เพียง 800 ล้านบาทนั้น เป็นผลจากนโยบายรัฐบาลทั้งคอร์รัปชั่นและการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบ สำหรับรายได้ของอุทยานฯ ที่จัดเก็บไม่ได้นำเข้ารัฐ แต่ได้บริหารจัดการภายในกรม โดยแบ่งสัดส่วน 20 เปอร์เซ็นต์ ส่งคืนให้อุทยานฯบริหารจัดการเอง แต่ต้องมีแผนเสนอให้กรมพิจารณา 5 เปอร์เซ็นต์ คืนกลับสู่ชุมชน ส่วนที่เหลือ 75 เปอร์เซ็นต์ ทางกรมจะบริหารในภาพรวม โดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วนซึ่งต้องผ่านคณะกรรมการตรวจสอบหลายขั้นตอน อธิบดีกรมอุทยานฯ ยืนยันไม่ได้ตั้งกรรมการสอบหัวหน้าอุทยานดัง เรื่องเงินรายได้ ระบุเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ชี้เม็ดเงินรายได้ทะลุพันล้าน หลังส่งคนใหม่มาทำงาน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายธัญญา เนติธรรมกุล บอกว่า ได้ตรวจสอบกรณีสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง หัวหน้าอุทยานฯเรื่องเงินรายได้แล้ว ยอมรับว่าหนังสือที่ทางสบอ.5 ทำออกไปอาจจะไม่มีความชัดเจน ทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจคลาดเคลื่อนไปหมด ต้นเหตุมาจากการร้องเรียนผ่านทางเว็บไซด์ว่า ในพื้นที่มีขยะจำนวนมาก เก็บเงินรายได้มาก ทำไมยังปล่อยให้มีขยะอยู่ กรมไม่ได้ตั้งกรรมการสอบ แต่ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งพบว่า ขยะในทะเลนั้น แม้จะมีการเคลียร์ทำความสะอาดไปแล้วในช่วงเย็น แต่ด้วยลมฟ้าอากาศ ที่เกิดขึ้น ก็อาจจะมีคลื่นซัดขยะจากพื้นที่อื่นเข้ามาได้อีก เป็นเรื่องปกติ นายธัญญา ยืนยันว่าไม่ได้เรื่องเงินรายได้กับหัวหน้าคนใหม่ แต่เป็นการสอบหัวหน้าอุทยานคนเก่าทั้ง 3 เพราะหากเทียบรายได้ปัจจุบัน มีความแตกต่างกันมาก คือ ปี 2558 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เก็บรายได้ 84 ล้านบาท ปี 2559 แค่ 11 เดือน 502 ล้านบาท อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา 62 ล้านบาทเป็น 302 ล้าน บาท และอุทยานแห่งชาติสิมิลัน จาก40 ล้านบาท เป็น 185 ล้านบาท เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าอุทยาน เปลี่ยนระบบหลายอย่างทำให้รายได้เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ต้องให้หัวหน้าคนเก่าทั้ง 3 แห่ง มาชี้แจง รวมทั้งให้หัวหน้าคนใหม่เข้ามาให้ข้อมูลทั้งนี้ชื่นชมหัวหน้าอุทยานคนใหม่ ทั้ง 3 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละทำงานให้ขนาดนี้ ที่ผ่านมา พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทส.และตน ก็ได้เข้าไปตรวจเยี่ยมพื้นที่อุทยานแห่งชาติมาตลอด
เอ๊ะ เจ้าแรงงานด่างด้าวนี่ไม่ปรับปรุงตัวเองเลย กระทู้ใกล้ๆนี่ก็พิมพ์"ปฏิรูป" ว่า "ปติรูป" กระทู้นี้ภาษาไทยก็ยังไม่แข็งแรงอยู่ดี พิมพ์ "พิจารณา" เป็น "พิจาณา" ไปเสียอีก หัวหน้าควายแดงจ้างคนโพสท์มีคุณภาพหน่อยได้มั้ย วันหนึ่งอาจเรียกนายจ้างจาก"เฮีย" เป็น "เฮี่ย" ก็ได้
ข่าว 7 สี - ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว ที่ประท้วงปิดอ่าวจังหวัดกระบี่ เพื่อให้อุทยานฯ ลดค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวต่างชาติยอมสลายตัวและเปิดอ่าวแล้ว แต่ว่าจะกลับมารวมตัวอีกหากข้อเรียกร้องไม่ได้การตอบรับอย่างเป็นทางการ ผู้ประกอบการ และเรือนำเที่ยวหาดอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ ไปรวมตัวกันหน้าที่ทำการอุทยานห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พร้อมทั้งนำเรือหางยาวและเรือสปีดโบ๊ตกว่า 500 ลำปิดร่องน้ำอ่าวนาง จนเรือทุกประเภทผ่านเข้าออกไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้อุทยานฯ ลดค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากเดิมที่เก็บคนละ 400 บาท ให้เหลือ 200 บาท เพราะผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ เนื่องจากนักท่องเที่ยวลดน้อยลงแต่เจ้าหน้าที่ยืนยันลดไม่ได้เพราะเป็นประกาศของกรมอุทยานฯ กระทั่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้นำท้องถิ่นได้เข้าไปเจรจาและบอกว่าจะนำข้อเสนอทั้งหมดแจ้งให้กรมอุทยานอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้พิจารณาภายใน 20 วัน ส่วนเงินที่เก็บได้ก็นำไปพัฒนาอุทยานฯ เพื่อความสะดวกสบายของนักท่องเที่ยว ล่าสุดกลุ่มผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว ก็ยอมสลายตัวและเปิดร่องน้ำบริเวณอ่าวนาง ให้เรือทุกประเภทวิ่งผ่านได้แล้วตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา แต่หากข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบรับ ก็จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง หัวหน้าอุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ทำหนังสือขอย้ายตัวเองออกจากพื้นที่ เหตุจากมีกลุ่มผู้ประท้วงให้ลดค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯของชาวต่างชาติ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บริหารกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่าจะเห็นชอบหรือไม่ นายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ทำหนังสือขอย้ายตัวเองไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่นโดยอ้างเหตุผลเรื่องสุขภาพ และการทำงานหนักมาตลอดเวลาการปฏิบัติงานกว่า 1 ปี 7 เดือน โดยไม่มีวันหยุด การขอย้ายตัวเองออกจากพื้นที่ครั้งนี้ คาดว่ามาจากกรณีมีกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว และผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวกว่า 500 คน รวมตัวกันเมื่อวานนี้ เพื่อเรียกร้องให้ทางอุทยานฯลดค่าธรรมเนียมเข้าไปเที่ยวอุทยานฯของชาวต่างชาติจากปกติผู้ใหญ่ 400 บาท เหลือ 200 บาท และเด็ก 200 บาท เหลือ 100 บาท หนังสือการขอย้ายครั้งนี้ได้ส่งถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาว่าจะให้ย้ายหรือไม่ คาดจะทราบผลวันศุกร์นี้ ที่ผ่านมาหัวหน้าอุทยานฯ สามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และ นำงบมาปรับปรุงอุทยานฯ และทรัพยากรทางทะเล ทีมข่าว ตรวจสอบบรรยากาศบริเวณหน้าหาดอ่าวนาง ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากมาซื้อตั๋วเรือโดยสารเพื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยังเกาะแก่งต่างๆ ขณะที่ผู้ประกอบการเรือ บอกด้วยว่า นักท่องเที่ยวยังมองว่าค่าเข้าอุทยานฯมีราคาแพง เมื่อบวกค่าเดินทางด้วยเรือต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายจากค่าเรือปกติ ทำให้บางคนเลือกจะไม่ไปท่องเที่ยวตามเกาะ แต่เดินทางตามชายหาดที่ไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานฯ จากกรณีนี้ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ที่ปรึกษาหัวหน้าอุทยานฯหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ผู้ผลักดันพีพีโมเดล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์ขอลดค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ โดยตั้งข้อสังเกตไว้หลายประเด็น คือ 1.ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯหมู่เกาะพีพี ไม่ได้เพิ่งขึ้นราคาแต่ขึ้นมาหลายปีแล้ว ถ้าจำไม่ผิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2550 หากจะเกิดปัญหา ทำไมถึงเพิ่งเกิด 2.ค่าเข้าอุทยานฯพีพีไม่ได้แพงที่สุด ยังมีอุทยานฯแห่งอื่น เช่น สิมิลัน สุรินทร์ แพงกว่านี้ หากต้องลดค่าธรรมเนียมต้องลดพร้อมกันทุกแห่ง 3.จำนวนนักท่องเที่ยวใน 4 เดือน อุทยานฯพีพี มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 464,000 คน เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ หรือ 90,000 คน ถือเป็นอุทยานฯที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุดของไทย 4.นับตั้งแต่หัวหน้าอุทยานฯหมู่เกาะพีพี คนนี้มาทำงาน สามารถเก็บเงินค่าธรรมเนียมปี 2559 ได้ถึง 527 ล้านบาท และนับจากเดือนตุลาคม-มกราคม เก็บเงินค่าธรรมเนียมเข้าหลวงได้อีก 182 ล้านบาท ขณะที่ปี 2557 เก็บค่าธรรมเนียมทั้งปีได้ 24 ล้านบาท 5.ส่วนการขอย้ายตัวเองของหัวหน้าอุทยานฯหมู่เกาะพีพี ได้สอบถามแล้วทราบว่าเป็นการทำหนังสือไปเองซึ่งเป็นการตัดสินใจของหัวหน้าอุทยานฯหมู่เกาะพีพี ส่วนจะได้ย้ายหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บริหาร และสุดท้ายเหตุผลที่ตัดสินใจทำพีพีโมเดล เพราะหัวหน้าคนนี้ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนซึ่งหากมีการโยกย้ายเกิดขึ้นสัญญาว่าหากจะให้ไปช่วยไม่ว่าทะเลแห่งหนไหนตนจะไปทันที
รัฐบาลวอนผู้ประกอบการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันเปิดใจกว้าง หลังชุมนุมขอปรับลดราคาเข้าชมหาดนพรัตน์-เกาะพีพี ให้กับชาวต่างชาติ เตรียมประชุมหาทางออก 27 กุมภาพันธ์นี้ แจงนักท่องเที่ยวไม่วิตกกังวลกับค่าธรรมเนียม พบยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี กรณีที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและเรือโดยสาร จ.กระบี่ พังงา ภูเก็ต ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐลดค่าเข้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ของนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 400 บาท เป็น 200 บาทต่อราย โดยอ้างว่าได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดน้อยลง วันนี้ (24 ก.พ.) พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ คณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ (PAC) จะประชุมเพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องดังกล่าว และจะเสนอข้อสรุปให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่มีความเข้าใจความต้องการของผู้ประกอบการ แต่ขอให้ผู้ประกอบการเปิดใจกว้างรับฟังและพิจารณาถึงเหตุผลที่ต้องกำหนดราคานี้ด้วย โดยค่าธรรมเนียมในปัจจุบันใช้ติดต่อกันมาถึง 10 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาปรับขึ้นในช่วงนี้ พลโทสรรเสริญ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอาจต้องดูจากหลายสาเหตุ เช่น จำนวนเรือของผู้ประกอบการที่จดทะเบียนมีมากขึ้น ทำให้ตัดลูกค้ากันเอง โดยสถิติเมื่อปี 2558 มีจำนวนเรือทั้งสิ้น 92 ลำ แต่ในปีนี้มีเรือถึง 1,871 ลำ และเมื่อเปรียบเทียบกับค่าธรรมเนียมในต่างประเทศก็พบว่าสูงกว่าประเทศไทยหลายเท่าตัว โดยเฉพาะค่าดำน้ำ พลโทสรรเสริญ กล่าวว่า จากสถิตินักท่องเที่ยวที่กรมอุทยานฯ ได้รวบรวมไว้นั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งสวนทางกับข้อมูลของผู้ประกอบการ โดยในช่วงเดือนตุลาคม 2558 – มกราคม 2559 มีนักท่องเที่ยวเข้าชมอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 374,000 คน ขณะที่เดือน ตุลาคม 2559 – มกราคม 2560 มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 464,667 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 24 และการจัดเก็บรายได้ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557-2559 จาก 24 ล้านบาท เป็น 84.9 ล้านบาท และ 561.1 ล้านบาท ตามลำดับ เป็นผลมาจากนโยบายกำจัดเงินรั่วไหลในการหารายได้เข้าชมอุทยานแห่งชาติของรัฐบาล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหา โดยได้มอบหมาย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.กระบี่ รับเป็นเจ้าภาพจัดประชุมแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านการท่องเที่ยวของ จ.กระบี่ในภาพรวม ควบคู่ไปกับการควบคุมไม่ให้มีปริมาณนักท่องเที่ยวมากเกินไป เพื่อดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติไม่ให้เสื่อมโทรมลง นอกจากนี้ กรมอุทยานฯ ยืนยันว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลหรือเดือดร้อนจากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราดังกล่าว กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ปลดกำนันตำบลอ่าวนางออกจากตำแหน่ง ระบุข้อกล่าวหาเป็นผู้มีอิทธิพลรุกที่อุทยานฯ และเป็นแกนนำประท้วงลดค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ เมื่อ 3 วันก่อน อธิบดีกรมอุทยานฯ ยืนยันมติคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ ให้คงอัตราการจัดเก็บค่าเข้าอุทยานที่ราคาเดิม แต่มี4เงื่อนไขต้องแก้ปัญหา อุทยานฯ พีพี เสนอ 4 เงื่อนไขไม่ลดค่าตั๋วนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช บอกว่าที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ (PAC) มีข้อสรุปให้คงอัตราการจัดเก็บที่ราคาเดิมคือ 400 บาทสำหรับชาวต่างชาติผู้ใหญ่ และเด็ก 200 บาท แต่การจัดเก็บต้องโปร่งใส และใช้ระบบการจัดเก็บที่ทันสมัยและมีมาตรฐาน รวมทั้งมีข้อเสนอเพิ่มเติมอีก 4 ประเด็น คือให้จัดระเบียบการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เช่น ควบคุมมาตรฐานและจำนวนเรือ ควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละแหล่งท่องเที่ยว นอกจากนี้ให้ปรับเปลี่ยนระบบการจัดสรรงบประมาณที่ได้รับจากจัดเก็บค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติให้กับท้องถิ่น ไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 15 โดยข้อเสนอให้จัดสรรกับจังหวัดโดยตรงเพื่อจะได้จัดสรรให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต้องมีกรรมการพิจารณาที่มาจากกรมอุทยาน และองค์กรที่จดทะเบียนเป็นสมาคม และข้อเสนอสุดท้ายให้จัดเก็บค่าบริการที่มีมาตรฐานเดียวกัน หรือรวมค่าบริการในเขตอุทยานใกล้เคียงกันในลักษณะวันเดย์ทริป อธิบดีกรมอุทยานฯ ยืนยันว่าทุกอุทยานฯยังต้องใช้มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณาขึ้นหรือลดค่าธรรมเนียมสำหรับบุคคลที่เข้าไปในอุทยานทุกเกาะ คือชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท ซึ่งค่าบริการในอัตราดังกล่าว ได้จัดเก็บมาตั้งปี พ.ศ. 2550 และไม่เคยจัดเก็บเพิ่มแต่อย่างใด
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่หมู่เกาะปอดะ ทะเลแหวก และอ่าวไร่เลย์ ระหว่างเดินทางไปติดตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ พบว่ามีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งระหว่างการเดินทางดูสภาพของเกาะปอดะ 1 ในทัวร์ 4 เกาะที่ขึ้นชื่อของจังหวัดกระบี่ ได้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทักทาย พร้อมทั้งขอถ่ายภาพร่วมกัน เมื่อสอบถามถึงค่าธรรมเนียม นักท่องเที่ยว บอกว่า ไม่แพงสำหรับการท่องเที่ยวทะเลกระบี่ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ค่าธรรมเนียมขึ้นเกาะสำหรับชาวต่างชาตินั้น ยังคงเดิมคือผู้ใหญ่ 400 บาท และเด็ก 200 บาท ซึ่งถือว่าไม่แพง แต่หลังจากนี้ จะต้องหารือและพัฒนาพื้นที่ให้รองรับนักท่องเที่ยว เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้องน้ำ จัดการ์ดดูแลนักท่องเที่ยว รวมทั้งการนำงบประมาณที่จัดเก็บไป กลับมาพัฒนาพื้นที่ให้มากขึ้น และจะได้หารือ ถึงกรณีการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ในอุทยานที่ใกล้กัน ให้ซื้อครั้งเดียวเที่ยวได้หลายสถานที่ เป็นต้น
