สุวพันธุ์เผยคุยสำนักพุทธปมขัดแย้งคณะสงฆ์แล้ว สนับสนุนเนื้อหา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย คุยสำนักพุทธ ปมขัดแย้งคณะสงฆ์แล้ว ยังไม่กำหนดประชุมนอกรอบ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้จะยังไม่มีหารือกับ นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เนื่องจากขณะนี้ นายพนม ได้เดินทางไปต่างประเทศ แต่ได้มีการหารือไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพูดคุยในทุกเรื่อง ที่คาดว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ทั้งเรื่องที่กลุ่มคณะสงฆ์ เตรียมออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนการเสนอชื่อแต่งตั้ง สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 และกลุ่มที่จะออกมาคัดค้านว่าควรทำอย่างไร ซึ่งส่วนตัวได้ให้สำนักพุทธไปศึกษา ทบทวน หาข้อมูลว่าจะทำอย่างไรเพื่อลดความขัดแย้งดังกล่าว พร้อมทั้งยังไม่มีกำหนดการการประชุมครั้งต่อไป ปล ใครพอทราบที่มาที่ไปรบกวนขยายความด้วยครับ
คิดว่าจะโยนให้ นายกฯ ลุงตู่ เลย บอกไปเลยว่า รอดูทางคดีก่อน ให้คนเข้าตรวจสอบ ให้ละเอียด ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน
ผู้นำด้านจิตวิญญาณ ของประเทศไทย คนแรก ที่ ทำให้ สังคม แตกแยก สงสัยจริงจริง สมเด็จช่วง จะรู้ไหม สำนึกไหม ว่า อะไรควร หรือไม่ควร? นะโมตัสสะ ภะคะวะโต ... อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตะนิ่นตาญี วันจันทร์ที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๒๐.๐๓ นาฬิกา
ตำแหน่ง อำนาจ ทรัพย์สินเงินทอง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งยั่วกิเลสได้ดีนักแล คนที่ละวางสิ่งเหล่านี้ได้ ถือว่าเป็นยอดคน
ผมมีแบบอย่างพระที่ปฎิบัติดีในใจแล้วครับ เทศน์ครั้งหนึ่งหลวงตาเล่าว่ามีคนยกเก้าอี้หินอ่อนมาตั้งที่วัดป่าบ้านตาด พอหลวงตาทราบก็บอกให้คนเอามา มายกกลับไป ท่านบอกว่าวัดไม่ใช้สถานที่ท่องเที่ยว วัดเป็นสถานที่มาเอาธรรม (เท่าที่ฟังมา อะไรที่ขวางธรรม หลวงตาไล่ให้เอาออกไปให้หมด) ทำให้ผมรู้สึกว่าพระที่สะสม พระที่ปฎิบัตินอกเหนือจากนี้ ไม่ใช้ บริเวณวัดคือส่วนที่มีต้นไม่เยอะๆ กุฏิพระจะอยู่บริเวณต้นไม้ ส่วนหลังคาเขียวคือศาลาการเปรียญซึ่งเป็นศาลาไม้หลังใหญ่
วันนี้ (18 ม.ค.) l ข่าว 19.00 น.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันการส่งเรื่องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ.ศึกษาและทบทวน เพื่อลดความขัดแย้งการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20
พระที่จะเป็นสมเด็จพระสังฆราชต้องปราศจากมลทินทั้งปวง จะทำให้โปร่งใสก็ต้องรื้อฟื้นเอาบรรดาคดีความและประเด็นทั้งหลายที่สังคมคลางแคลงใจทั้งเรื่องวัตรปฎิบัติของตัวสมเด็จช่วงเองและสำนักที่สมเด็จช่วงอุปถัมภ์และปกป้องอยู่ขึ้นมาปัดฝุ่นทำให้เป็นเรื่องสาธารณะทั้งหมด รวมถึงกรณีพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายกกรณีอาบัติปราชิกของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายด้วย หากชัดเจนว่าสมเด็จช่วงมิได้มีข้อชวนกังขาตามที่หลายฝ่ายในสังคมชี้ประเด็นไว้ สาธุชนจะได้กราบไหว้ท่านได้อย่างเต็มหัวใจ หากได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นสมเด็จพระสังฆราช ก็จะรับตำแหน่งสูงสุดของพระสงฆ์ไทยด้วยความสง่างาม
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่ามติมหาเถรสมาคม ที่ออกมายืนยันว่าพระธัมมชโย ไม่อาบัติปาราชิก กระทบกับความศรัทธาของสังคมที่มีต่อองค์กรสถาบันพระพุทธศาสนา ด้านดีเอสไอ เตรียมชี้มูลคดีรับเช็คที่ได้จากการยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ภายในเดือนนี้ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีมหาเถรสมาคม (มส.) มีมติว่า พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่อาบัติปาราชิกว่า หลังจากมีมติออกมาแล้วต้องไปดูหนังสือชี้แจงของมหาเถรสมาคม และพศ.ที่จะทำไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในฐานะที่ทำเรื่องสอบถามเข้ามาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ตนได้บอก พศ.ไปว่าเรื่องนี้สังคมไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ข้อบังคับ หรือพระธรรมวินัยเท่านั้น แต่เป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับความศรัทธาต่อองค์กร สถาบันพระพุทธศาสนา พศ.จึงต้องชี้แจงกับสังคมให้เข้าใจว่าที่ผ่านมาได้ทำไปตามอำนาจหน้าที่ของตัวเองอย่างไรบ้าง สุดขอบเขตอำนาจตัวเองแล้วหรือยัง ขณะที่ทางมหาเถรสมาคมคงต้องทำแบบนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งตนได้เสนอข้อเสนอแนะไปแล้ว นายสุวพันธุ์ กล่าวอีกว่า จากที่ต้องยึดข้อกฎหมาย ข้อบังคับของมหาเถรสมาคม และพระธรรมวินัย แต่วันนี้ตนคิดว่าเราคงต้องเพิ่มอีกสักเรื่องหนึ่งคือ คำนึงถึงศรัทธาของประชาชนที่มีต่อองค์กร พระพุทธศาสนา เรื่องของคณะสงฆ์หรือของใครก็ว่ากันไปเป็นกรณีไป ยึดกฎหมายและพระธรรมวินัยเป็นหลักแล้วดำเนินการไปตามนั้น ส่วนประเด็นใดที่ไปเชื่อมโยงกับความศรัทธาของสังคมก็ต้องมีประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม ดังนั้น เรื่องที่ยังค้างคา ก็ต้องดูไปตามข้อกฎหมายที่มีอยู่ ดีเอสไอก็ทำของเขาต่อไป "ดีเอสไอ"ชี้มูล"ธัมมชโย"คดีสหกรณ์คลองจั่น ก.พ.นี้ พันตำรวจโทสมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กล่าวถึงการสอบสวนความผิดฐานฟอกเงินและรับของโจรกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพระเครือข่าย ซึ่งได้รับเช็คที่ได้มาจากการยักยอกทรัพย์ของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทว่า คดีดังกล่าวเป็นไปตามความเห็นของพนักงานอัยการที่ส่งเรื่องมายังดีเอสไอเมื่อวันที่ 29 มกราคม ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาสอบสวน ซึ่งเส้นทางการเงินก่อนหน้านี้มีการรับเช็คจำนวนดังกล่าวไปจริง หลังจากนี้ต้องสอบสวนว่าจะเข้าข่ายความผิดใดระหว่างฟอกเงินหรือรับของโจร โดยต้องพิสูจน์เจตนาเป็นหลัก ต้องรู้หรือควรรู้ว่าเงินดังกล่าวได้มาจากการยักยอกหรือไม่ คดีนี้มีอายุความ 15 ปี / ส่วนกรณีรับของโจรต้องพิจารณาว่าได้รู้มาก่อนหรือไม่ว่าเงินดังกล่าวได้มาจากการกระทำผิด มีอายุความ 5 ปี คาดว่าจะใช้เวลาสอบสวนอีกนาน ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้น่าจะสามารถชี้มูลความผิดได้
พระจีน พระญี่ปุ่น พระพม่า พระเขมร พระอืนเดีย มี มส. พศ. ดูแลมั้ย หรือมีแค่การยึดหลักธรรมวินัยอย่างเดียว มส. นะ ยุบเถิด ไม่มีการตัดสินใจตามหลักพระวินัยได้เลย มีแต่พวกมากลากไป เป็นแหล่งสร้างศูนย์รวมกิเลสบิดเบียนหลักการ แค่ไม่ยึดหลักพระวินัย ทั้งกลุ่มก้ออาบัติหมด เสียพระหมด
ไล่ออกได้แล้ว รัฐมนตรีคนนี้ อยู่ไปเสนียดจัญไรกินพระศาสนา จะเก็บไว้ทำซากเน่าอะไร ผลงานเป็นที่ประจักษ์ว่า อยู่มาเป็นปีแต่ไม่ทำเอี้ยอะไรเลย มีแต่พูดโลกสวย ปัญญาอ่อน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ นัดประชุมในวันที่ 16 ก.พ.นี้ เพื่อพิจารณาฟ้องเครือข่ายธรรมกาย รับของโจร และฟอกเงิน หรือไม่ คาดว่าจะสามารถส่งฟ้องได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ดีเอสไอ จ่อฟ้องธรรมกาย รับของโจร -ฟอกเงินพ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชา การสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และหัวหน้าชุดตรวจสอบ เส้นทางการเงินสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนคลองจั่น บอกว่า จะเรียกคณะทำงานมาประชุมร่วมในวันที่ 16 ก.พ.นี้ โดยจะพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินหรือ รับของโจรหรือไม่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปในคดีนี้ โดยจะดำเนินการกับกลุ่มที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โดยเฉพาะกับกลุ่มของวัดพระธรรมกาย เนื่องจากเป็นที่สนใจของสังคม หากพบว่าใครเป็นผู้รับเช็ค จะดำเนินคดีทันที คาดว่าคดีนี้จะเกิดความชัดเจนในวันที่ 16 กพ.และจะสามารถดำเนินคดีกับใครได้บ้าง และจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.นี้ สำหรับการตรวจสอบเช็ค 878 ฉบับที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เป็นผู้สั่งจ่ายไปยังกลุ่มต่างๆ พนักงานสอบสวนแบ่งกลุ่มการตรวจสอบเป็น 7 กลุ่ม คือ 1.นิติบุคคลที่มีมูลหนี้ต่อกัน 2.วัดพระธรรมกาย 3.สหกรณ์อื่นๆ 4.ผู้ต้องหาและผู้ที่เข้าข่าย 5.บุคคลธรรมดา 6.นายหน้าค้าที่ดิน 7.นิติบุคคลที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ขณะที่ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อมหาเถรสมาคม ข้อหาละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และผิดจรรยาพระสังฆาธิการ ฝ่าฝืนอำนาจมหาเถรสมาคมกรณีปล่อยปละละเลยให้พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินเรี่ยไรเงินไปทั่วประเทศ ทั้งที่มีกฎหมายกำหนดไว้ว่า ห้ามสงฆ์ออกเรี่ยไรเงินนอกพื้นที่ นอกจากนี้ ยังอวดอุตริด้วย รองผอ.สำนักพุทธเผยส่งหนังสือชี้แจงกรณี"ธัมมชโย"ให้ดีเอสไอแล้ว เร่งรวบรวมข้อมูลเพื่อชี้แจงสังคม-ดีเอสไอ หลัง"สุวพันธุ์"สั่งตอบสังคมกรณีมีข้อสงสัยแก้วิกฤติศรัทธา มส. รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) นายชยพล พงษ์สีดา บอกว่า กรณีที่นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล พศ. ระบุว่า กรณีเรื่องพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย สังคมไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ข้อบังคับ หรือพระธรรมวินัย แต่เป็นคำถามที่เกี่ยวกับความศรัทธาต่อสถาบันพระพุทธศาสนา พศ. จะต้องชี้แจงให้สังคมเข้าใจด้วยนั้น พศ. ได้ทราบข้อห่วงใยของนายสุวพันธุ์แล้วถึงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับระบบการปกครองคณะสงฆ์ภายหลังที่ พศ. ได้แถลงเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่งผลให้สังคมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับระบบการปกครองคณะสงฆ์ โดยมหาเถรสมาคม(มส.) นายชยพล บอกอีกว่า พศ. ได้หารือกับผู้แทน มส. ผู้ทรงคุณวุฒิ เตรียมรวบรวมข้อมูลว่าสังคม รวมทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เคลือบแคลงสงสัยหรือยังไม่เชื่อมั่นในประเด็นใดบ้าง เกี่ยวกับการทำงานของ มส. และระบบการปกครองคณะสงฆ์ เพื่อชี้แจงให้สังคมและดีเอสไอเกิดความเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเห็นว่า หากสังคมยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัยอยู่ อาจจะส่งผลกระทบต่อศรัทธาที่มีต่อ มส. โดย พศ. จะหาข้อมูลให้ได้ว่า ศรัทธาที่คลอนแคลนต่อ มส. เกิดจากสาเหตุใด หากเป็นเรื่องศรัทธาต่อบุคคลก็เป็นเรื่องที่แก้ยาก แต่ถ้าเป็นเรื่องศรัทธาต่อระบบ พศ. จะต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ว่า เกิดอะไรขึ้น มีความบกพร่องอย่างไร ทางแก้ไขคืออะไร เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ โดยจะมีการแถลงข่าวและชี้แจงให้สังคมได้รับทราบในเร็วๆนี้ ส่วนคำชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระลิขิตเกี่ยวกับเรื่องเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายตามที่ดีเอสไอได้สอบถามมายัง มส. นั้น พศ. ได้ส่งให้ดีเอสไอตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.แล้ว สำนักข่าวไทย 13 ก.พ.-เครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา เตรียมยื่นเรื่องให้ดีเอสไอ ใช้มาตรา 157 เอาผิดสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา เตรียมยื่นเรื่องให้ดีเอสไอ ใช้มาตรา 157 เอาผิดเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวในการเสวนาหัวข้อ “ทรัพย์สินพระ ทรัพย์สินวัด ทรัพย์สินใคร” ว่าในวันจันทร์ ที่ 15 กุมภาพันธ์นี้เครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา จะยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ใช้มาตรา 157 เอาผิดสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ในฐานะกรรมการมหาเถรสมาคม ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ปาราชิก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ณดา จันทร์สม คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ นิด้า เสนอให้มีการปฏิรูปการบริหารจัดการเงินของพระและวัดให้รัดกุมมากขึ้น เพราะกฎหมายคณะสงฆ์ปี2505 ยังมีช่องว่าง ทำให้ขาดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ยาก อำนาจทุกด้านผูกขาดอยู่ที่เจ้าอาวาส สอดคล้องกับ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เสนอรัฐบาล ออกกฎหมายห้ามพระภิกษุมีทรัพย์สินส่วนตัว และให้ยุบมหาเถรสมาคม เพราะไม่ทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา และเผด็จการปกป้องพระธัมมชโย ทั้งที่กระทำผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง ถึงขั้นอาบัติปาราชิก ตามที่ระบุไว้ในพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชฯ.-สำนักข่าวไทย “หลวงปู่พุทธอิสระ” แจ้งความดำเนินคดีมหาเถรสมาคมในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา157
ดีเอสไอประชุม"ธัมมชโย"รับเงิน"ศุภชัย"พรุ่งนี้ ดีเอสไอประชุมพิจารณา วัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย รับเช็คกว่า 2 พันล้านบาท จากการยักยอกเงิน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เข้าข่ายฟอกเงินรับของโจรหรือไม่ พรุ่งนี้ หลังพบว่าการสั่งจ่ายเช็ค 878 ฉบับโดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน พันตำรวจโทปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าชุดตรวจสอบการฟอกเงินจากการยักยอกและลักทรัพย์ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เฉพาะกลุ่มเครือข่ายพระวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) จะมีการประชุมพนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาว่า การสั่งจ่ายเช็ค 878 ฉบับจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินงานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ โอนไปยังกลุ่มคนต่าง รวมทั้งวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย เข้าข่ายความผิดกฎหมายฟอกเงินหรือรับของโจร หรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นที่โดยเงินไปยังกลุ่มที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โดยมั่นใจว่าจะสรุปชี้มูลได้ภายในสิ้นเดือนนี้ ทั้งนี้ กรณีเช็คของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่โอนให้กับวัดพระธรรมกาย / พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพระเครือข่าย รวมกว่า 2,000 ล้านบาท มีการยอมรับชัดเจนว่า ได้รับเงินดังกล่าวไปจริง ทั้งที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน หากนายศุภชัย ถูกตั้งข้อหาลักทรัพย์จากการโอนทรัพย์ของสหกรณ์ฯมาบริจาคให้กับเครือข่ายวัด พระธรรมกาย ทางวัดและพระธัมมชโย ก็ชัดเจนในความผิดฐานรับของโจร ซึ่งมีเหตุอันเชื่อได้ว่า ผู้รับเช็ค รู้ฐานะของนายศุภชัย ว่าใช้เงินจากส่วนใดโอนมาให้ ซึ่งการโอนจ่ายเช็คมาให้เครือข่ายพระของวัดพระธรรมกายมีขึ้นหลายครั้งหลายหน "ดร.มโน"ชี้พระชุมนุมเพื่อป้อง"ธัมมชโย" ด้าน ดร.มโน เลาหวณิช อาจารย์วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติ จุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย และ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. กล่าวว่า ไม่ทราบข่าวเรื่องนี้ แต่ได้รับข้อมูลอ้างชื่อเครือข่ายคณะสงฆ์ทั่วประเทศ และศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้นิมนต์คณะสงฆ์ทั่วประเทศ ผู้รักและศรัทธาพระพุทธศาสนา มาร่วมงานสัมมนาเครือข่ายคณะสงฆ์ หัวข้อ “สกัดแผนล้มการปกครองคณะสงฆ์ไทย” แต่กำหนดเดิมเป็นวันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น. สถานที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่คิดว่าน่าจะเริ่มมาชุมนุมในวันนี้ ส่วนที่มีเครือข่ายคณะสงฆ์ทั่วประเทศมาชุมนุมในวันนี้ ดร.มโน มองว่า น่าจะออกมาเพื่อปกป้องพระธัมมชโย หรือป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามออกมาชุมนุม เพราะวันนี้ตน และนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ เตรียมยื่นหนังสือถึง พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชและประธานกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ละเว้นปฏิบัต้หน้าที่ช่วยพระธัมมชโย ไม่ต้องสละสมณเพศ http://www.now26.tv/view/69383 สัมภาษณ์สด นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ. รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ถึงเหตุการณ์เครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ (คสพ.) โดยมีคณะสงฆ์และฆราวาสเดินทางมาที่ลานหน้าองค์พระพุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 เผย เส้นทางการเงินของเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน เช็ค 878 ฉบับ มูลค่า 11,367 ล้านบาท มาจากไหนบ้าง
ข่าว 7 สี - รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้หากยังมีความเห็นต่างในประเด็นการเสนอพระนามพระสังฆราช ก็คงไม่มีใครกล้าทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระนามตามมติของมหาเถรสมาคมได้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังบอกด้วยว่า การรับข้อเสนอจากกลุ่มเครือข่ายคณะสงฆ์เมื่อวานนี้ ไม่ได้เป็นการผูกมัดว่าต้องปฎิบัติตามโดยจะส่งคำร้องให้นายกรัฐมนตรีหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศยืนยันไม่มีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันต้องปฎิบัติตามกฎหมาย ส่วนข้อเรียกร้อง ที่ไม่ให้รัฐยุ่งเกี่ยวกับกิจของสงฆ์นั้น หากทำผิดกฎหมายก็ละเว้นไม่ได้ จึงขออย่าได้มากดดันทางการในประเด็นนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าเหตุความวุ่นวายเมื่อวานนี้มีการกระทำผิดกฎหมาย หรือขัดต่อคำสั่ง ของ คสช. เรื่องห้ามการชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ หากพบอาจจะสั่งดำเนินคดีย้อนหลังได้
ในเมื่อความแตกแยกมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ให้มันชัดเจนไปเลย วัดไหนสนับสนุนมติมหาเถรสมาคมเสนอชื่อสมเด็จช่วงเป็นสังฆราช สนับสนุนแนวทางวัดพระธรรมกาย และห้ามฆราวาสแทรกแซงกิจทุกอย่างของสงฆ์ ให้เปิดเผยขึ้นป้ายหน้าวัดให้ชัดเจน สาธุชนจะได้เลือกถูกว่าจะทำบุญกับวัดไหน
17 ก.พ.59 พล.อ.ประยุทธ์ขอทุกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหวกรณีแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช "ผมไม่อยากใช้อำนาจกับพระ" 17 ก.พ.| ข่าว 15.00 น. พระพุทธะอิสระ ยื่นหนังสือต่อประธาน สปท.และประธาน สนช.เรียกร้องให้ปฏิรูปกฏหมายคณะสงฆ์ พร้อมสนับสนุนเวทีดีเบตแต่งตั้งสังฆราช รมว.ยุติธรรมเชิญทุกฝ่ายฟัง"ดีเอสไอ"แถลงคดีรถหรูสมเด็จช่วงวันพรุ่งนี้พร้อมเปิดให้ซักถาม หลังพบผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร วันนี้(17ก. พ.59)เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะแถลงผลการตรวจสอบรถยนต์โบราณ ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนท์ ขม99 ของของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งในวันดังกล่าว พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะแถลงรายละเอียดที่มาที่ไปของรถยนต์คันดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งผู้ใดสนใจในประเด็นดังกล่าว ก็สามารถเดินทางมารับฟังได้ทั้งหมด เพราะเราไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สื่อข่าว ใครอยากฟังหรือใครเห็นต่างก็เดินทางมารับฟังการแถลงข่าวได้ เพื่อไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้ง การสอบสวนของดีเอสไอ ในยุคนี้เป็นของประชาชนอยู่แล้ว พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า “สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งสมเด็จ พระสังฆราชองค์ใหม่ หากต้องการข้อมูลตรงนี้ก็สามารถประสานมา เราก็จะส่งข้อมูลตรงนี้ไปให้ ทั้งนี้ เราทำเฉพาะเรื่องคดีที่เป็นเรื่องของกฎหมายและหน้าที่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแต่งตั้งเรื่องสมณะศักดิ์ของสงฆ์แต่อย่างใด” เมื่อถามว่า หากมีประชาชนเดินทางมาจำนวนมากจะรองรับไหวหรือ ไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า " ไม่ต้องมากันเยอะ เพียงแต่ขอให้ส่งตัวแทนมาก็พอ อย่างไรก็ตาม หากทุกฝ่ายอยากมาก็มา ส่วนผู้ใดสนใจและเห็นว่ามีเรื่องราวที่จะมาซักถามอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็จะเปิดให้ถาม ทุกขั้นตอนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ตนไม่ได้อยู่ร่วมแถลงข่าวด้วย เนื่องจากติดภารกิจที่ จังหวัดเชียงใหม่" ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าวก่อนหน้านี้พบว่า อาจเข้าข่ายความผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร จึงจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ เพราะเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ผลสอบ DSI รถหรูของ "สมเด็จช่วง" เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผิดกฎหมาย
ดีเอสไอพร้อมแจงประเด็น พระธัมมชโย-รถเบนซ์สมเด็จช่วง พรุ่งนี้ สำนักข่าวไทย 17 ก.พ.-หลังวานนี้ มีประเด็นร้อนเกี่ยวกับแวดวงพระพุทธศาสนา หลังรัฐมนตรียุติธรรมออกมาเปิดเผย ผลตรวจรถเบนซ์ของสมเด็จช่วงผิดกฎหมาย และมีการประชุมความชี้มูลความผิดกลุ่มบุคคลที่รับเช็คจากอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่ง 1 ในนั้นมีวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโยรวมอยู่ด้วย ล่าสุดมีคำยืนยันจากดีเอสไอว่าพร้อมชี้แจงในหลากหลายประเด็นพรุ่งนี้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าคดียักยอกทรัพย์ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น โดยวันนี้มีการประชุมร่วมระหว่างคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ กับพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในสำนวนคดีรับของโจร ซึ่งเป็นการเกี่ยวเนื่องของคดี เฉพาะในส่วนปรากฏหลักฐานการเซ็นเช็คบริจาคของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่นให้กับวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และเครือข่ายพระสงฆ์วัดพระธรรมกายสาขาต่างๆ วงเงิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งในสัปดาห์หน้า ดีเอสไอจะทยอยจะแจ้งข้อหาฟอกเงินและรับของโจรกับผู้เกี่ยวข้องทุกกลุ่ม ที่ได้รับเช็คแบบไม่มีมูลหนี้ต่อกันจากนายศุภชัย ขณะที่ประเด็นเรื่องรถเบนซ์ผิดกฎหมาย ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ดีเอสไอจะมีการแถลงเรื่องดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ พร้อมเปิดให้ทุกฝ่ายเข้าฟังและซักถาม เพื่อให้เกิดความโปร่งใส นอกจากนี้ในส่วนของผลทางคดี หากรัฐมนตรีหรือผู้มีหน้าที่ส่งเรื่องแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ต้องการข้อมูล กระทรวงยุติธรรมโดยดีเอสไอก็พร้อมส่งข้อมูลให้.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/405531
สุวพันธ์ นี่น่าจะผูกคอตายไปได้แล้วนะครับ อยู่ไปก็สร้างปัญหาความขัดแย้งให้ประชาชน เพราะไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย อยู่ไปเปลืองภาษีครับ ละอายใจตัวเองบ้าง
ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอเหมือนกล้าๆกลัวๆ ที่จะเข้าไปยุ่งกับธรรมกาย แต่ตอนนี้ลุยเต็มที่ อาจเพราะหลักฐานต่างๆที่ชัดเจนมาก คิดว่าอาจใช้วิธีเดียวกับการเล่นงานระบอบทักษิณ คือรอให้สุกงอมก่อน
นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวคิดเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช โดยให้ฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านมหาเถรสมาคมมาดีเบตกัน เพื่อให้ประชาชนตัดสิน ล่าสุดทั้ง 2 ฝ่ายตอบรับเข้าร่วมดีเบตแล้ว ข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายหาข้อยุติร่วมกันก่อนดำเนินการใด ๆ เพราะถ้ายังมีความขัดแย้งกันอยู่ ก็จะไม่นำชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ซึ่ง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สนับสนุนแนวคิดนี้ แต่ส่วนใดที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายก็ต้องว่ากันตามขั้นตอน พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม กับ พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเรื่องมหาเถรสมาคม ซึ่งทั้ง 2 รูปยืนยันตรงกันว่า พร้อมที่จะเข้าร่วมดีเบตครั้งนี้ทันทีที่มีการประสานงานเข้ามา เพื่ออธิบายเหตุผลให้สาธารณชนได้รับรู้ และยินดีรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่าย แต่ขณะเดียวกันพระพุทธะอิสระ ก็ได้ไปยื่นหนังสือให้สภานิติบัญญัติฯ และสภาขับเคลื่อนฯ แก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ เพื่อกระจายอำนาจให้คณะสงฆ์ และลดขั้นตอนความยุ่งยากซับซ้อนในการลงโทษพระสงฆ์ที่ทำผิดพระธรรมวินัย ส่วนทางตำรวจก็เตรียมออกหมายเรียกกลุ่มพระสงฆ์ และฆราวาส ที่ไปเคลื่อนไหวชุมนุมที่พุทธมณฑล มาให้ถ้อยคำ เพื่อดูว่าการชุมนุมมีการฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในสัปดาห์นี้ ฝ่ายความมั่นคง กำชับให้ตำรวจ จับตาความเคลื่อนไหวเครือข่ายพระสงฆ์ ที่จะออกมาชุมนุม หลังมีการดำเนินครอบครองรถหรู ของสมเด็จช่วง กับ ดคีพระธมมยโย หลังจากออกมาส่งสัญญาณแสดงพลังเมื่อ 15 กพ.ที่ผ่านมา เผยส่วนหนึ่งที่ร่วมชุมนุมมาจากวัดพระธรรมกาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มเครือข่ายคณะสงฆ์ และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ รวมตัวกันที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา จนเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่าง ทหารและคณะสงฆ์ และได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ชาญเวช เสสะเวช ผบช.ภ.7 ว่า ส่วนหนึ่งที่มาร่วมชุมนุมมาจากวัดพระธรรมกาย สำหรับเรื่องข้อเรียกร้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้รับหนังสือไปแล้ว ขอเวลาให้รัฐบาลพิจารณาก่อน หากผลการพิจารณาข้อเรียกร้องไม่ถูกใจกลุ่มพระสงฆ์ ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ตำรวจเป็นเพียงผู้บังคับใช้กฎหมาย เป็นผู้ปฏิบัติเท่านั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ย้ำว่า การชุมนุมไม่ว่ากรณีใด ต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. ชุมนุมในที่สาธารณะ ดังนั้น หากบุคคล หรือ กลุ่มใด จะออกมาชุมนุมจะต้องปฎิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย มีรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยว่า ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของเครือข่ายพระสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท ที่จะออกมาเคลื่อนไหวในคดีสำคัญ 2 คดี คือ การครอบครองรถหรูผิดกฎหมายของ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตกเป็นผู้ต้องหาฐานความผิดฟอกเงิน หรือรับของ โจร ฐานรับเช็คเงินสดจากศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ และในข้อเสนอ 5 ข้อ ที่เครือข่ายสงฆ์ยื่นให้กับรัฐบาลนั้นมี 3 ข้อที่เกี่ยวโยงกับ 2 คดี คือ ห้ามหน่วยงานภาครัฐเข้ามาก้าวก่ายเรื่องทางสงฆ์ และขอให้รัฐบาลยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติอันดีงามที่กระทำสืบกันมา คือการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์ ทางรัฐบาลจะต้องปรึกษาและได้รับความเห็นชอบจาก มส.ก่อน ซึ่งการเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณไปยังรัฐบาล พระเมธีธรรมาจารย์-พระพุทธอิสระพร้อมดีเบตเรื่องแต่งตั้งพระสังฆราช กรุงเทพฯ 17 ก.พ.-พระเมธีธรรมาจารย์ และพระพุทธะอิสระ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทย พร้อมดีเบตเวทีที่รัฐบาลจะเปิดให้พูดคุยเรื่องความขัดแย้งการแต่งตั้งสมเด็จ พระสังฆราช ซึ่งจะให้ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงเหตุผลและข้อมูลประกอบ .-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/405852
ดีเอสไอเตรียมสอบ "สมเด็จช่วง" รับของโจรหรือไม่ กรมสอบสวนคดีพิเศษสั่งรับเรื่องรถหรูสมเด็จช่วงเป็นคดีพิเศษ เพื่อพิสูจน์ความผิดและหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี หลังพบความผิดปกติใน 4 ประเด็น คือ การนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ / การประกอบชิ้นส่วนขึ้นเป็นรถสมบูรณ์ / การชำระภาษีสรรพสามิต และ การจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งพบว่ารถจดประกอบผิดกฎหมาย ส่วนสมเด็จช่วงมีเจตนารับของโจรหรือไม่รอการสืบสวนต่อไป อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง แถลงผลตรวจสอบเกี่ยวกับรถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 0099 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถจดประกอบที่อยู่ในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งเป็นประธานมหาเถรสมาคมว่า เป็นรถที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจากการสืบสวนของดีเอสไอ ในประเด็นเกี่ยวกับการจดประกอบรถดังกล่าว มี 4 ขั้นตอนด้วยกัน คือ 1.การนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ 2.การประกอบชิ้นส่วนขึ้นเป็นรถสมบูรณ์ 3.การชำระภาษีสรรพสามิต และ 4.การจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก 1.ขั้นตอนการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ พบว่าเครื่องยนต์ / ตัวถังรถยนต์ มีเอกสารการซื้อและนำเข้าถูกต้อง แต่อุปกรณ์ส่วนควบอื่น ๆ เช่น ฝากระโปรงหน้า-หน้า ไฟหน้า-หลัง ไฟเลี้ยว เบาะ ประตู กันชนหน้า-ท้าย ไม่พบหลักฐานการนำเข้าแต่พบหลักฐานว่าซื้อจากห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง แต่จากการตรวจสอบพบว่าสถานที่ประกอบการไม่มีจริง และ ห้างหุ้นส่วน ดังกล่าวก็ไม่มีในสาระบบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีไม่มีในสาระบบของกรมสรรพากร จึงเป็นการทำเอกสารปลอม เพื่อให้เข้าใจว่าอุปกรณ์ ส่วนควบมีที่มาจากการซื้อภายในประเทศ ซึ่งอาจเป็นความผิดฐานพยายามหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากร หรือการหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงบทกฎหมายและข้อจำกัดใด ๆ อันเกี่ยวแก่การนำของเข้า ส่วนผู้ครอบครองอาจเป็นความผิดฐานเลี่ยงอากร ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสาร เป็นความผิดฐานที่จะดำเนินการควบคู่กันไป รวมทั้งความผิดอื่นที่อาจพบในภายหลังด้วย 2.ขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนรถ 1 ใน 2 บริษัทที่รับประกอบรถไม่มีใบอนุญาตประกอบอุตสาหกรรม แต่มีการใช้ชื่ออู่อื่นที่จัดทะเบียนถูกต้อง ในการประกอบรถยนต์ ดังนั้นการประกอบรถยนต์คันนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนั้นยังอาจเป็นความผิดฐาน ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือ เสียภาษีไม่ครบถ้วน อีกฐานหนึ่งด้วย 3.ขั้นตอนการชำระภาษีสรรพสามิต พบหลักฐานว่ามีการปลอมลายมือบุคคล แสดงตนเพื่อขอชำระภาษีประกอบรถยนต์, ปลอมลายมือ ในหนังสือมอบอำนาจ และยื่นเอกสารขอจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จว่ามีการประกอบรถยนต์ ทำให้เจ้าหน้าที่หลงเชื่อและรับชำระภาษี ตามที่มีการยื่นขอ อันเป็นความเท็จและเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527และประมวลกฎหมายอาญา ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน และฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม 4.ขั้นตอนการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก พบหลักฐานว่ามีการปลอมและใช้เอกสารปลอม ทั้ง แบบคำขอโอนและรับโอนของกรมการขนส่งทางบก (โอนลอย) / มีการปลอมลายมือชื่อบุคคลในหนังสือมอบอำนาจ / ปลอมและใช้ ใบเสร็จรับเงิน / ใบกำกับภาษี ค่าแรงประกอบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หลงเชื่อ อันเป็นความเท็จทั้งสิ้น รถยนต์ดังกล่าวจึงไม่สามารถจดทะเบียนเป็นรถยนต์ได้ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และ ระเบียบกรมการขนส่งทางบก ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนและภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ.2531 ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า มีการกระทำความผิดในทุกขั้นตอน กรมสอบสวนคดีพิเศษเห็นว่าเป็นการกระทำผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อน กระทำผิดเป็นขบวนการ และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องและอยู่ในข่ายที่จะต้องถูกดำเนินคดีอาญาหลายคน จำเป็นต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีคำสั่งให้รับเรื่องดังกล่าวไว้สอบสวนเป็นคดี พิเศษ เพื่อพิสูจน์ความผิดและหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป เจ้าคุณประสารโต้ดีเอสไอ "ไม่ยึดหลักการ-มุ่งทำลาย" ด้าน พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) หรือ "เจ้าคุณประสาร" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร กล่าวว่าเรื่องนี้ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายที่ต้องเคารพอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าสมเด็จช่วงมีความบริสุทธิ์ และไม่รู้เห็นแน่นอนว่ารถหรูคันดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ เป็นเพียงแต่ลูกศิษย์ที่จัดหามาถวายเท่านั้น พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า คงไม่เคลื่อนไหวกับเรื่องนี้ เพราะมั่นใจว่าดีเอสไอคงไม่ใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือรัฐบาลมากลั่นแกล้ง หรือทำให้พระสงฆ์ต้องมัวหมอง และสมเด็จช่วงก็บริสุทธ์ ดังนั้น คสพ.ไม่ได้หนักใจกับเรื่องดังกล่าว พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า เรื่องนี้มิใช่หมายความว่า คณะสงฆ์จะแยกตัวเป็นอิสระ แต่อย่าทำลายล้างทางการเมือง ดีเอสไอเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็เปลี่ยนอธิบดี คนเคยเป็นมิตร กลายเป็นศัตรู ไม่ใช่ยึดหลักการ เป็นเครื่องมือทำลายล้างการเมือง ดีเอสไอควรรู้อะไรควร-ไม่ควร อะไรคือข้อกฎหมาย ส่วนการยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อต่อรัฐบาล ในข้อ 3 พูดถึงเรื่องการเร่งรัดแต่งตั้งสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราช พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า รอฟังจากรัฐบาล ที่จะหารือนายกรัฐมนตรีเมื่อกลับมาจากต่างประเทศ ที่ผ่านมาพวกเราไปให้น้ำหนักกับพระ 1 รูป คน 1 คนที่สร้างเรื่อง หาเรื่องทุกวัน เรื่องนี้จะลุกลามไม่มีที่สิ้นสุด พระส่วนใหญ่ไม่สบายใจมาก จะก่อตัวไปในวันข้างหน้า ลุกลามจนรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เจ้าคุณประสาร กล่าวว่า การวิจารณ์เรื่องไม่ควรเสนอสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราชไม่ได้ยินจากฝ่ายใคร นอกจากพระ 1 รูป-คน 1 คน เรื่องนี้เป็นเรื่องข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมาย แต่ไปตีความว่าท่านไม่สมควร ใช่หรือไม่ เป็นหลักการหรือไม่ หรือเป็นเรื่องตัวบุคคล ส่วนกรณีดีเอสไอระบุเรื่อง "หลวงพี่แป๊ะ" เป็นผู้จัดหารถโบราณหรูให้สมเด็จช่วง เจ้าคุณประสาร กล่าวว่า ไม่ทราบว่าหมายถึงใคร และเรื่องอะไร ไม่เข้าใจในความหมายจริงๆ
แกะสำนวนคดีพิเศษรถหรูของ "สมเด็จช่วง" เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ : "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ให้ความเห็นกรณี DSI แถลง สมเด็จช่วงฯ ครอบครองรถหรูผิด กม. สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ : พระเมธีธรรมาจารย์ ให้ความเห็นกรณี DSI แถลง สมเด็จช่วงฯ ครอบครองรถหรูผิด กม. (รายงาน) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชี้แจงรถหรูสมเด็จช่วงฯ ผิดกฎหมาย
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ส่งข้อความให้หาทางออกกรณีความขัดแย้งของคณะสงฆ์ให้เกิดความเข้าใจทั้งสองฝ่าย เพื่อให้สถานการณ์ผ่อนคลาย ติดตามได้จากคุณศิริวรรณ รักสัตย์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐทีวี รายงานสดจากวัดสามพระยา นายกฯระบุหากยังมีปัญหาก็เสนอชื่อ แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ไม่ได้ วันนี้ (18ก.พ.59) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเดินทางกลับจากการประชุมสุดยอดอา เซียน-สหรัฐอเมริกา ถึงการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ว่า ได้มอบหมายให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปหาทางออกโดยใช้การพูดคุย ซึ่งทุกอย่างจะต้องตัดสินด้วยกฎหมาย พร้อมขอให้คนไทยทบทวนว่า จะแก้ปัญหาร่วมกันอย่างไร เพราะหากยังมีปัญหาก็ไม่สามารถเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ได้ เครือข่ายองค์กรชาวพุทธฯแจ้งจับพระพุทธอิสระฐานแจ้งความเท็จอ้างกล่าวหาบิดเบือนม็อบพระสงฆ์ที่พุทธมณฑลล็อคคอทหาร วันที่(18ก.พ.59)ที่สถานีตำรวจภูธรพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เครือข่ายองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย ประมาณ 20 คน นำโดยนาย อัยย์ เพชรทอง ประธานเครือข่าย เดินทางเข้าพบ พันตำรวจเอก วรพล ยิ่งเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพุทธมณฑล เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ฐานแจ้งความเท็จ นาย อัยย์ บอกว่า พระพุทธะอิสระ ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจก่อนหน้านี้ โดยกล่าวหาว่าพระสงฆ์ ที่มาร่วมชุมนุมที่พุทธมณฑล ทำการล็อคคอทหาร ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้พระสงฆ์ได้รับความเสียหาย ทั้งที่ความจริงวันนั้นพระสงฆ์มาที่พุทธมณฑล เพื่อร่วมปฎิบัติธรรม อย่างไรก็ตามหลังรับเรื่อง พ.ต.อ. วรพล ได้สอบปากคำเบื้องต้นและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ดินทรรัตน์ บุญฉลวย เรื่องขั้นตอนการจดทะเบียนรถจดประกอบ
กรมศุลกากรเตรียมประเมินราคารถหรู เก็บภาษีย้อนหลัง3บริษัทนำเข้า พร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม วันนี้ (18ก.พ.59) นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) แถลงผลการตรวจสอบรถยนต์โบราณ ยี่ห้อ เบนซ์ หมายเลขทะเบียน ขม 0099 ผิดกฏหมายและมีการเลี่ยงภาษี ว่า เบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลจากทางดีเอสไอแล้วว่า รถเบนซ์ ทะะเบียน ขม 0099 นำเข้ามาผิดกฎหมาย ซึ่งจากนี้ไปต้องรอข้อมูลหลักฐานจากดีเอสไอ อย่างเป็นทางการ และตั้งคณะกรรมการเรียกเก็บอากร ตามมาตรา 6 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราภาษีศุลกากร เพื่อตรวจสอบเอกสารทั้งหมดว่ารถยนต์ที่นำเข้ามาและจดประกอบชิ้นส่วนดังกล่าวจะต้องเสียภาษีอย่างไร รวมทั้งประเมินราคารถยนต์ เบื้องต้นน่าจะจัดเก็บแยกตามพิกัดนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ ที่มีอัตราภาษีตั้งแต่ 30-50%ตามประเภทของชิ้นส่วน พร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม ทั้งนี้ หากเป็นไปตามข้อมูลของดีเอสไอที่มีการแยกชิ้นส่วนเข้ามาทั้งคันและนำมาประกอบในไทยจะถือเป็นการนำเข้ารถยนต์ทั้งคัน และต้องประเมินภาษีใหม่ในอัตรานำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปที่ 200-300% โดยกรมฯจะเรียกเก็บจาก 3 บริษัทที่นำเข้าชิ้นส่วนพร้อมกับเบี้ยปรับ. อย่างไรก็ตามกรมศุลกากรมีหน้าที่เพียงติดตามเงินภาษีกลับคืนมา ซึ่งเป็นคดีทางแพ่งแต่ไม่มีอำนาจในการยึดรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งหากกรมยังมีหลักฐานเอกสารครบถ้วนก็คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ ด้านรายงานข่าวจาก กรมสรรพสามิต ระบุว่า กรมก็จะเข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงตามข้อมูลของดีเอสไอด้วย หากพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพสามิตเข้าไปเกี่ยวข้องและร่วมมือกับการกระทำความผิด เพื่อช่วยเหลือให้มีการหลีกเลี่ยงภาษีรถยนต์ดังกล่าว ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายด้วย DSI ชี้เบนซ์สมเด็จช่วงจดประกอบผิดกฎหมาย-รับเป็นคดีพิเศษ กรุงเทพฯ 18 ก.พ.-ดีเอสไอสรุปผลตรวจสอบรถเบนซ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชแล้ว จดประกอบผิดกฎหมายทุกขั้นตอน รับเป็นคดีพิเศษ เตรียมส่งหนังสือแจ้งให้ส่งมอบรถผิดกฎหมายคืน.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/406512
พศ.เผยเตรียมให้ข้อมูลคณะสงฆ์-ทุกฝ่ายกรณีเสนอสถานปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ต่อรัฐบาลกรณี ส่วนคดีรถเบนซ์โบราณในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ต้องรอผลพิสูจน์จากดีเอสไอ รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) บอกว่า กรณีนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธณะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล พศ.เตรียมเดินสายหารือกับคณะสงฆ์ทุกฝ่ายในประเด็นการเสนอสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ซึ่ง มส.เสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ รวมถึงการปฏิรูปพระพุทธศาสนาและได้ให้ พศ.ดูแลในเรื่องนี้นั้น ขณะนี้ พศ.กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งการรับฟังความคิดเห็นว่าคณะสงฆ์มีความคิดเห็นอย่างไร และความรู้สึกกลุ่มต่างๆกรณีปัญหาในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช แต่คงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะต้องรอรายงานให้แก่นายสุวพันธ์รับทราบก่อน ส่วนประเด็นรถเบนซ์โบราณของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ที่ดีเอสไอตรวจสอบนั้น พศ.เข้าไปดูแลในเรื่องของข้อมูล แต่ในส่วนการดำเนินการด้านกฎหมาย ทางวัดปากน้ำมีฝ่ายกฎหมายดูแลอยู่ แต่เรื่องนี้จะเกี่ยวกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่หรือไม่ขึ้นอยู่กับมุมมอง เพราะขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของดีเอสไอกำลังพิสูจน์ข้อเท็จจริง รอง ผอ.พศ.บอกด้วยว่า ส่วนประเด็นมหาเถรสมาคม(มส.) ได้แต่งตั้งคณะทำงานที่มีกรรมการ มส. 3 รูป คือ พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พระพรหมบัณฑิต วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และพระพรหมโมลี วัดปากน้ำภาษีเจริญ เข้ามาพูดคุยกับรัฐบาลกรณีปัญหาการเสนอสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 เป็นกรณีพิเศษนั้น มส.ได้แต่งตั้งคณะทำงานมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่ใช่มาดูเฉพาะเรื่องการเสนอสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ แต่รวมถึงประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคณะสงฆ์ การปฏิรูปคณะสงฆ์ด้วย ส่วนการเสนอสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ขณะนี้เรื่องยังอยู่ที่นายสุวพันธ์ซึ่งจะเร็วหรือช้าตนไม่สามารถตอบได้เพราะเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับรัฐบาล “สุวพันธุ์” ระบุสื่อพาดหัวคลาดเคลื่อน แจงถกหลายฝ่ายปมตั้งสังฆราช ยืนยันรัฐบาลมีเจตนาดี-ไม่คิดแทรกแซงก้าวก่ายศาสนา ชี้เรื่องใดบอกได้จะเผยให้สังคมทราบ แต่บางเรื่องต้องคุยเป็นการภายใน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเรื่องการพูดคุยกับฝ่ายต่างๆในการแต่งตั้งสมเด็จ พระสังฆราชองค์ที่ 20 ว่า ตนได้ขอให้มหาเถรสมาคม จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะสงฆ์ องค์กรชาวพุทธ และภาคประชาชนไปแล้ว และเมื่อวันมาฆบูชาที่ผ่านมาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. ตนได้เดินทางไปพูดคุยเป็นการภายในด้วย แต่มีหลายเรื่องที่ปรากฎเป็นข่าวออกมาแล้วไม่เป็นข้อเท็จจริง ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ที่ตนพูด จึงคิดว่าคนที่พูดคุยกับตนอาจไม่เข้าใจ ส่วนการไปพาดหัวข่าวว่าประชาชน 1 ล้านคนไม่ยอมรับการตั้งพระสังฆราช ทั้งที่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น และที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ไม่มีเจตนาร้ายต่อคณะสงฆ์หรือต่อพระพุทธศาสนา แต่อยากให้ทุกอย่างเดินไปได้ด้วยความราบรื่น นายสุวพันธุ์ เปิดเผยอีกว่า มีนัดหมายจะคุยกับทางมหาเถรสมาคม แต่คิดว่าบางเรื่องเป็นเรื่องภายในที่จะคุยกับคณะสงฆ์ และเมื่อถึงเวลามีข้อมูลที่สมควรจะมาแจ้งให้สังคมรับทราบ อะไรที่เล่าได้จะเล่า อะไรที่ไม่คิดว่าควรจะเล่าหรือไม่จำเป็นก็ไม่เล่า อยากทำให้ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพระพุทธศาสนานั้นยั่งยืนต่อไป ซึ่งข่าวบางอย่างไม่ตรงกับเจตนารมณ์และความตั้งใจของรัฐบาล จึงรู้สึกเสียใจที่ออกมาอย่างนั้น
สำนักงานพระพุทธศาสนา รวบรวมผลสรุปความขัดแย้งกรณีตั้งสมเด็จพระสังฆราช ระบุ ฝ่ายคัดค้านสมเด็จช่วง มีน้อย หากปล่อยให้เคลื่อนไหวอาจทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น ในขณะที่คดีรถหรูซึ่งดีเอสไอกำลังตรวจสอบนั้น สมเด็จช่วงเป็นผู้ซื้อมือสุดท้ายจึงถือว่าไม่มีความผิดทางกฎหมาย หลังจากที่เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. รวบรวมข้อมูลทั้งฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายคัดค้าน กรณีเสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นสมเด็จพระสังฆราช เพื่อศึกษาก่อนเสนอนามขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ซึ่งขณะนี้ทาง พศ.ได้สรุปข้อมูล ใน 5 ประเด็นหลักๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนี้ 1.ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับการเสนอนามพระนามสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายสนับสนุน ได้แก่ กรรมการมหาเถรสมาคม ทุกรูป คณะสงฆ์โดยรวมทั้งประเทศ ทั้งฝ่ายมหานิกาย และธรรมยุต เครือข่ายองค์กรชาวพุทธเกือบทั้งหมด และมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง โดยมีฝ่ายคัดค้านคือ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธ ศาสนาสภาปฏิรูปแห่ชาติ หรือ สปช. และเครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นกลุ่มลูกศิษย์ของพระพุทธะอิสระ 2.ความเห็น และท่าทีของสังคมต่อกิจกรรมของคณะสงฆ์ และวัดพระธรรมกาย ในส่วนของคณะสงฆ์ ชาวพุทธที่อ้างตนว่าเป็นชาวพุทธเชิงวิชาการ และลูกศิษย์สันติอโศก รวมถึงลูกศิษย์ของพระพุทธะอิสระ ได้โจมตีกิจกรรมของคณะสงฆ์ทั่วประเทศ ที่ร่วมกับวัดพระธรรมกาย ทำให้มีประชาชนบางส่วนปฏิเสธการทำบุญกับวัดพระธรรมกาย แต่อีกส่วนก็เข้ามาทำบุญกับวัดพระธรรมกาย 3.สถานะปัจจุบันของคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อ 1 และข้อ 2 เช่น คดีรถโบราณของสมเด็จช่วง ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แยกเป็น 2 ประเด็นคือ คดีแพ่ง ข้อหาหลีกเลี่ยงการเสียภาษี และคดีอาญา ข้อหาสำแดงเอกสารเท็จต่อทางราชการ ความผิดจะตกอยู่กับผู้นำเข้ารถ และผู้สำแดงเอกสารต่อทางราชการ ส่วนสมเด็จช่วงเป็นผู้ซื้อในมือสุดท้าย ตามกฎหมายไม่มีความผิด 4.พศ.ได้จัดทำความคิดเห็นพิจารณาต่อข้อเสนอ 5 ข้อที่เครือข่ายคณะสงฆ์ และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล 5.สรุปปัญหาปัจจุบัน หากปล่อยกลุ่มบุคลโจมตีคณะสงฆ์อย่างรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จะทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น ส่วนข้อเสนอในการแก้ไขในระยะสั้น ต้องหาทางระงับการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่โจมตีคณะสงฆ์ เร่งรัดเรื่องรถโบราณให้เกิดความกระจ่าง พร้อมมอบนโยบายให้รัฐระมัดระวังในการปฏิบัติกับพระสงฆ์ และประกาศให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ในขณะที่นายสุวพันธุ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ประเด็นความห่วงใยการชุมนุมของพระสงฆ์กรณีความขัดแย้งเรื่องแต่ง ตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ว่า ตนขอไม่พูดเรื่องนี้ไปอีกระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนและจะมีการนัดหมายกับ สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลเพื่ออธิบายทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องดัง กล่าวด้วย ส่วนการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเด็นดังกล่าวตนได้หารือในภาพกว้าง เท่านั้น ทีมกฎหมายวัดปากน้ำฯถอนตัวทำคดีรถหรู นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร คณะทำงานฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กล่าวว่า ได้ถอนตัวจากการเป็นฝ่ายกฎหมายของวัดปากน้ำฯ แล้ว เนื่องจากภายใน 2 - 3 วันนี้ ไวยาวัจกรจากวัดต่างๆ ทั่วประเทศจะจดทะเบียนสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย และได้เชิญตนให้รับตำแหน่งนายกสมาคม หลังจากนี้ผู้ที่ต้องการสอบถามความคืบหน้าคดี ให้ประสานไปยังวัดปากน้ำฯ โดยตรง หรือประสานไปยังคณะทำงานฝ่ายกฎหมายชุดใหม่ ที่มี นายสมศักดิ์ โตรักษา เป็นฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำฯ แทน ทั้งนี้ หนึ่งในทีมนักกฎหมายชุดเดิม เปิดเผยว่า ที่ทีมทนายความต้องถอนตัว เพราะมีพระราชาคณะจากวัดอื่นแนะนำทีมทนายความชุดใหม่ที่มีชื่อเสียงอันดับ ต้นๆของประเทศ ให้มาช่วยทำคดีรถโบราณ หลังจากมีพระผู้ใหญ่บางรูปในวัดปากน้ำฯ ไม่พอใจการทำงานของทีมทนายความ ที่ทำให้ดีเอสไอ สามารถดำเนินคดีถึงตัวพระที่เป็นผู้ดำเนินการเรื่องรถหรู
