จากเฟซบุ๊คของ Von Richthofen ครอบครัวของผมไม่ว่าจะเป็นตัวผมเอง ภริยา และลูกๆทุกคน ต่างก็ประกอบวิชาชีพที่มีสภาวิชาชีพของตัวเองควบคุมทั้งนั้น ดังนั้นทุกคนจะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่ออกจากสภาวิชาชีพนั้นๆของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ผมจะเข้าใจถึงบทบาทของสภาวิชาชีพ การให้คุณให้โทษของสภาวิชาชีพที่มีต่อผู้ประกอบอาชีพนั้นๆเป็นอย่างดี เคยมีการพูดกระทบคนทำสื่ออย่างสุดแสบว่า "ถ้าวันไหนไม่มีข่าว คนพวกนี้ก็ขับรถชนยายตัวเองเอามาเป็นข่าวได้" ด้วยความที่งานสายนี้ใครๆก็ทำได้ไม่ใช่ผูกมัดเฉพาะคนที่จบ วารสารหรือนิเทศศาสตร์ ที่ต้องเรียน ethics หรือจรรยาบรรณสื่อในมหาวิทยาลัยมาแล้วทุกคน ดังนั้นวิชาชีพนี้จะทำอะไรก็ตามสบาย สภาสื่อไม่มีบทลงโทษแต่อย่างไร ซึ่งต่างกับสภาวิชาชีพอื่นๆที่ถอนใบอนุญาตเมื่อไรก็หมดอนาคตในอาชีพทันที วันนี้ผมอ่านข่าวที่ทูตสหภาพยุโรปเข้าพบตัวแทน 4 องค์กรวิชาชีพสื่อไทยเรื่องจรรยาบรรณโดยตรงของสื่อที่ละเมิดศักดิ์ศรี และลดทอนความเป็นมนุษย์ด้วยการลงภาพต่างๆในข่าวฆ่ากันที่เกาะเต่า เรื่องที่ทูตอียู พูดถึงที่สื่อไทยนำเสนอทั้งภาพ ข่าวที่ละเมิดผู้ตายเรื่องนี้ไม่มีสื่อไหนของไทยออกข่าวใหญ่เลยนอกจากสำนักข่าวอิสรา เรื่องนี้ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่าสื่อไทยชอบเอาภาพและเรื่องแบบนี้มาขายกิน ภาพศพโดนข่มขืนฆ่านอนอุจจาดคือภาพเด็ดที่ต้องลงหน้าหนึ่ง ภาพศพอุบัติเหตุเละคาถนนก็ไม่ต่างกัน สื่อชอบกันมากจนกลายเป็นเรื่องปกติที่ยัดเข้าหัวคนไทยทุกวันจนมองเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ในยุโรปหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ระดับยักษ์ใหญ่จนถึงแท็ปลอยด์ข่าวชาวบ้านเขาก็ไม่เล่นภาพแบบนี้กัน เขามีแค่หัวข้อข่าวและเนื้อข่าวเท่านั้น ไม่ใช่ เด็กหญิงเอ นามสมมุติ อยู่บ้านเลขที่... ตำบล อำเภอ จังหวัด แล้วลงรูปเด็กโดนข่มขืนคาดหน้าบางๆเหมือนบ้านเรา แบบนี้คนแถวบ้านแม้กระทั่งอำเภอเดียวกันกับเจ้าทุกข์จะไม่มีใครไม่รู้ว่าเด็กคนนี้โดนข่มขืน เด็กก็อยู่ในสังคมเดิมหรือไปเรียนหนังสือต่อกันไม่ได้เลยทีเดียว เรื่องนี้สื่อต่างประเทศถือว่าเป็นเรื่องซีเรียสมากเพราะไม่ใช่เพียงแต่เจ้าทุกข์จะฟ้องหนังสือพิมพ์เท่านั้น รัฐบาลก็เล่นงานสื่อด้วยถึงกับต้องปิดสำนักพิมพ์เอาง่ายๆ ตอนซึนามิเข้าญี่ปุ่น ผมอยู่ที่นั่น ข่าวจากต่างประเทศทุกสำนักข่าวต้องเอาภาพจาก NHK อย่างเดียวเท่านั้น เพราะเขาเซ็นเซอร์ภาพอุจจาดของคนของเขาเองที่จะแพร่ไปทั่วโลก ข่าวในญี่ปุ่นและข่าวที่ออกไปภายนอกมีแต่เรื่องที่คนญี่ปุ่นสู้กับภัยธรรมชาติและความสวยงามของการร่วมมือกันสู้กับความลำบากตามศูนย์บรรเทาทุกข์ต่างๆ ซึ่งต่างกับเราตอนซึนามิเข้า นสพ.บ้านเราเล่นภาพศพขึ้นอืดได้ทุกวันจนมีคนพูดกันว่าเดี๋ยวนี้อ่านหนังสือพิมพ์พร้อมกินอาหารเช้าไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ศพที่ญี่ปุ่นไม่ใช่ว่าจะน้อยนะครับ มากไม่ต่างกันกับบ้านเรา แต่เขาไม่ให้สื่อหลุดภาพออกไปเท่านั้น คือพูดง่ายๆว่าเขาคุมสื่อกันอยู่แม้กระทั่งสื่อต่างประเทศด้วยไม่ให้ถือกล้องมาเดินถ่ายตามใจชอบ จะออกข่าวอะไรก็ต้องมารับภาพและเนื้อข่าวที่ศูนย์ข่าว NHK เท่านั้น แต่พอเป็นเมืองไทยถ้าทำแบบนี้ก็คงโดนสื่อไทยเองนั่นแหละโวยวายว่ารัฐคุมสื่อขาดอิสระภาพไปเสียอีก สำหรับความคิดของผมเองแล้วอิสระภาพที่จะลงภาพศพโดนฆ่าข่มขืน หรือศพขึ้นอืด หรือศพโดนรถทับเละคาถนน ผมไม่นับว่าเป็นอิสรภาพสื่อเลยสักนิด ผมถึงพูดอยู่เสมอว่าสภาสื่อทั้งสองสภาเป็นสภาวิชาชีพที่ล้มเหลว ตั้งขึ้นมาเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายความคุมสื่อที่เคยมีมาแต่ก่อนแล้วเท่านั้น แม้กระทั่ง ethics หรือจรรยาบรรณของวิชาชีพของพวกเดียวกันเองสภาสื่อยังคุมกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ------------------------------------------------------------------------------------------ รายการคืนความสุขให้คนในชาติ การแถลงข่าวรายสัปดาห์ของนายกฯ ประยุทธ์ แกก็หยิบยกประเด็นเรื่องการละเมิดสิทธิเหยื่อ ผู้เคราะห์ร้าย ในข่าว มาพูดด้วยนี่ คนก็มองว่า การลงภาพศพ ผู้บาดเจ็บ เป็นการซ้ำเติมผู้เสียหายและญาติผู้เสียหายด้วย
สงสัยต้องถามหาความหมายของคำว่า คุกคามสื่อ แล้วแหละ อย่างไหนคือคุกคาม มดกัดขานักข่าวเรียกว่าคุกคามสื่อ ได้มั้ย
จริงๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นแหละครับที่ผิด ในต่างประเทศ ตำรวจจะกันไม่ให้ถ่ายภาพคนตาย แต่ตำรวจไทยแหม่งปล่อยให้ถ่ายกันตามอำเภอใจ แถมบางที ชาวบ้านถ่ายกันซะเองอีก แหม่มที่ตายไม่ใช่คนแรก ที่โดนถ่ายประจาน ภาพคุณเอกยุทธ อัญชัญบุตร ที่โดนฆ่าตายเปลือย ก็โดนถ่ายมาประจานว่อนในเนท แถมไอ้คนที่ยืนข้างๆ ศพ ก็ไอ้คะรวยวิทย์ ซะอีก ไม่มีการปกปิดร่างกายของคนตายเลยสักนิด ผมว่าบางภาพ สื่อจะปกปิดให้คนตายด้วยซ้ำ แต่โซเชี่ยลนี่แหละ ไปหาภาพมาจากไหน ถ้าไม่ใช่เป็นชาวบ้านไปแอบถ่ายมาลง
รัฐบาลด่าสื่อก็ว่าคุกคามสื่อ ประชาชนด่าสื่อก็ว่าคุกคามสื่อ ตกลงสื่อเป็นเทพเจ้า อยู่เหนือมนุษย์ทั้งปวงสินะ
สื่อไทยนี่เสรีภาพล้นเหลือที่สุดในโลกแล้วครับ ไม่วิจารณ์กันเอง ช่วยกันปิดเรื่องเสียๆของพวกเดียวกัน ขนาดคนที่บอกว่าตัวเองไม่ใช่สื่อยังทำตัวยิ่งกว่าสื่อ หากินกับเรื่องคนทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน
อาชีพนี้ ง่ายๆ ใครก็ทำได้ หากล้องมาชุดนึง ไมค์ตัวนึง เดินเอาไปจิ้มปากชาวบ้านไปทั่ว ถ้าจะให้ขลังหน่อยก็เอาข้อมูลมาถาม "ท่านคะ(ครับ) เรื่องนี้ทางโน้นว่ามาอย่างนี้ ท่านคิดว่ายังไง คะ(ครับ) พอได้คำตอบก็ เดินเอาไมค์ ไปจิ้มปากอีกฝ่ายหนึ่ง "ท่านคะ(ครับ) เรื่องที่ท่านพูด ฝ่ายโน้นตอบมาว่าอย่างนี้(ใส่ไข่เพิ่มเข้าไปอีกนิด) ท่านคิดว่ายังไง คะ(ครับ) บลาๆๆๆๆๆ" แล้วก็เอาไปเขียน ใส่สีใส่ไข่เข้าไป พอมีปัญหาขึ้นมา ก็ เอาเสรีภาพของสื่อมาอ้าง บอกตรงๆ ทุเรศ
กู้ภัยก็ตัวดีครับ ชอบถ่ายรูปมาลงเฟสบุ๊ค ผู้ตายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตก็แย่พอแล้ว พวกนี้ยังจะเอามาขึ้นเฟสบุ๊คแบบไม่ให้เกียรติเค้าอีก ผมว่าถ้ามีกฎหมายคุ้มครองการเผยแพร่ภาพ ก็น่าจะดีนะครับ คนทั่วไปทำอย่างน้อย ก็ต้องปรับครั้งละหมื่นสองหมื่นบาท ส่วนถ้าเป็นสื่อก็น่าปรับหลักแสนถึงหลักล้านบาท หรือจำคุก 1 เดือน พักการทำหน้าที่หนึ่งปี ถึงจะได้หลาบจำกันมั่ง
เรื่องศพอังกฤษนี่งงๆอยู่นะคะ ตอนเป็นข่าวใหม่ๆ อ่านจากเฟซไหนหว่าบอกว่าสื่อไทยไม่ลงภาพศพชัดๆเหมือนสื่อนอกที่เห็นหน้าเละชัดเจน ไม่ได้ตามไปดูหรอกค่ะ ไม่ชอบภาพเละๆ อ่านแค่วิเคราะห์ข่าว ไม่ได้ตามละเอียดมาก
ไม่เคยเห็นสื่อไทยขอโทษใครด้วยความสำนึกผิดจริง ถ้าไม่ใช่โดนสังคมกดดัน เจ้าทุกข์ฟ้อง ศาลสั่ง ไม่เคยขอโทษใคร ถ้าจะขอโทษ ก็ลงแค่กรอบเล็กๆ เท่ากะเป๋งมด แถวๆ หน้างานสังคม คนไม่ค่อยอ่าน