สสส.เตรียมชี้แจงศอตช. เรื่องการใช้งบผิดวัตถุประสงค์ บ่าย 3 โมงวันนี้ ขณะที่ผลตรวจสอบคตร. พบการให้เงินอุดหนุนกว่า 3 พันล้านบาทกับ 32 มูลนิธิที่มีกรรมการหรือกรรมผู้ทรงคุณวุฒิของสสส.เป็นกรรมการมูลนิธิ อาจเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. ได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.ให้ส่งผู้แทนเข้าชี้แจงพร้อมตอบข้อซักถาม กรณีการอนุมัติเงินอุดหนุนหรือใช้จ่ายงบประมาณในโครงการต่างๆ ที่ถูกตั้งข้อสังเกต ว่า ผิดวัตถุประสงค์ ในเวลาบ่าย 3 โมง วันนี้ แหล่งข่าวจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐหรือคตร. เปิดเผยเนชั่นทีวี ว่า คตร.ได้สรุปรายชื่อโครงการที่ถูกกล่าวหามีการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งสสส.และกรณีกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสสส.ไปจัดตั้งมูลนิธิเพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากสสส. ซึ่งอาจเข้าข่ายผลประโยชน์ทัยซ้อน เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พิจารณาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยผลการตรวจสอบพบว่าตั้งแต่ปี 2553 -2555 มีโครงการโครงการที่มีการใช้เงินไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ สสส.อย่างชัดเจน 17 โครงการงบประมาณรวมกว่า 109 ล้านบาท ดังนี้ ในปี 2553-2555 มีโครงการที่ใช้เงินไม่ตรงวัตถุประสงค์สสส. 3 โครงการ มีโครงการที่สำคัญคือ ผู้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมใช้งบประมาณกว่า 12 ล้านบาท ปี 2556 มี โครงการที่ใช้เงินไม่ตรงวัตถุประสงค์ สสส. 6 โครงการ มีโครงการสำคัญ คือ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาแรงงาน งบประมาณกว่า 17 ล้านบาท และ โครงการส่งเสริมการขับเคลื่อนระบบจิตอาสาโดยชุมชนท้องถิ่นงบประมาณ 2 ล้าน 4 แสนบาท ********************************************************** สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยข้อมูล พบ สสส.ใช้เงินที่ได้รับการอุดหนุนผิดวัตถุประสงค์ 17 โครงการ เป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท โดย 17 โครงการที่ สตง.ออกมาเปิดเผยว่า สสส.ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ อาทิ โครงการสวดมนต์ข้ามปี 33 ล้านบาท, โครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาแรงงาน 17.7 ล้านบาทโครงการเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา 16.3 ล้านบาทโครงการขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชนแบบบูรณาการระดับจังหวัด 17.9 ล้านบาท โดย นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเสนอให้ยกเลิกการนำภาษีบาป จากเหล้า บุหรี่ มาอุดหนุนให้ สสส. แล้วมาตั้งเป็นงบประมาณปกติเหมือนหน่วยงานทั่วไปของรัฐ เวลาจะของบประมาณ จะได้มีโครงการชัดเจน มีระบบตรวจสอบที่รัดกุม เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ซึ่งประเด็นเรื่องการใช้จ่ายเงินของ สสส.ก็ถูกศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช.หยิบขึ้นมาตรวจสอบเช่นกัน โดยวันนี้ได้เชิญ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รักษาการผู้จัดการ สสส. เข้าไปชี้แจงที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะรายละเอียดของแต่ละโครงการ เพื่อพิจารณาว่ามีปัญหาการทุจริตใน สสส.หรือไม่
มองว่าพล.อ.ไพบูลย์ตีโจทย์แตก ไม่ผิดทั้งคู่ ฝั่งนึงใช้งบอาจจะไม่มีการควบคุมดูแลที่ดีพอ แต่เจตนาดีทำให้งบมโหฬาร จะให้กลับมาใช้การดูแลแบบตรวจความคุ้มค่าทุกโครงการ คนรุ่นเก่าน่าจะไม่เข้าใจ อีกฝั่งตรวจสอบก็ทำตามหน้าที่ไม่ทำก็ถือว่าละเว้น ผู้ว่า สตง.ท่านนี้มองแบบนักบ/ช. ทำไม่ได้ตามเป้าต้องลดได้ อีกฝั่งมองแบบนักปฏิบัติที่ต้องเลี้ยงคน
เงินที่ สสส.ใช้จ่ายอยู่ตอนนี้ เป็นเงินที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐ รวมถึงเงินจากการเก็บภาษีบาป พวกเหล้า-บุหรี่ เป็นเงินที่อยู่นอกระบบงบประมาณปกติ ซึ่งสำนักงานตรวจสอบเงินแผ่นดิน ตรวจพบปัญหา 2 ส่วน ส่วนแรก คือ สสส.นำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ กับ ส่วนที่ 2 คือ อนุมัติเงินให้กับให้กับองค์กร หรือ มูลนิธิของพรรคพวกตัวเอง เพื่อไปทำกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่ปี 2553-2558 พบมี 17 โครงการ ที่ได้รับเงินอุดหนุนไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งสิ้น 109 ล้านบาท เช่น โครงการสวดมนต์ข้ามปี จำนวน 33 ล้านบาท ผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาแรงงาน จำนวน 17 ล้านบาท ผู้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา จำนวน 16 ล้านบาท ขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชนแบบบูรณาการระดับจังหวัด จำนวน 17 ล้านบาท และ ผู้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม 12 ล้านบาท ความผิดปกติส่วนที่ 2 คือ ตรวจสอบพบว่า กรรมการ หรือ ผู้ทรงคุณวุฒิที่กลั่นกรองโครงการ มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับมูลนิธิ หรือ องค์กรที่ได้รับเงินอุดหนุน จำนวน 139 โครงการ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท โดย สตง.จะเข้าไปตรวจสอบการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งหมดตั้งแต่ปี 2553-2557 รวม 17,937 ล้านบาท แบ่งเป็น ปี 2553 = 3,110 ล้านบาท ปี 2554 = 3,391 ล้านบาท ปี 2555 = 3,561 ล้านบาท ปี 2556 = 3,881ล้านบาท ปี 2557 = 4,064 ล้านบาท ซึ่ง สตง.เสนอให้ทบทวนการนำเงินจากภาษีบาป มาให้ สสส. โดยเสนอปรับเปลี่ยนเป็น การตั้งงบประมาณปกติ เพื่อให้การใช้จ่ายเงิน มีระบบการตรวจสอบที่ชัดเจน และเกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนทาง สสส.พยายามชี้แจงว่าองค์กร หรือ มูลนิธิใด จะมาขอทุนจาก สสส.จะต้องมีคณะกรรมการกลั่นกรอง ตรวจสอบทั้งการทำบัญชี และ ประเมินผลโครงการ ซึ่งแต่ละโครงการที่ สสส.อนุมัติเงินให้อยู่ในขอบข่ายด้านสุขภาพตามที่องค์การอนามัยโลกอธิบายว่าครอบคลุมสุขภาวะที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ และ สังคม จากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้จะอุดช่องโหวเรื่องนี้อย่างไร แนวทางที่ชัดเจนที่สุดขณะนี้ คือ การแก้ไขกฎหมาย สสส.กำหนดกรอบการใช้จ่ายเงินให้ชัดเจน รัดกุม มากขึ้น - เรื่องแรก คือ กำหนดให้ชัดว่า การเสริมสร้างสุขภาพ ครอบคลุมเรื่องอะไรบ้าง - เรื่องที่ 2 คือ ต้องเปลี่ยนการอุดหนุนเงินให้ สสส.โดยตรง มาเป็นการจัดทำระบบงบประมาณปกติ ที่ต้องผ่านรัฐสภา - เรื่องที่ 3 คือ ต้องป้องกันกรรมการกลั่นกรองของ สสส.ขอรับเงินอุดหนุนเข้ามูลนิธิ หรือ องค์กรของตัวเอง และในระหว่างรอการแก้กฎหมาย ถ้า สสส.จะอนุมัติเงินทำโครงการใด ให้กระทรวงสาธารณสุข ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาอีกชั้น
เคยอ่านเจออันนี้ เปิดชัด สสส.ให้ทุนวิจัยการเมือง เน้นศึกษาขัดแย้ง “เหลือง-แดง” ไม่อิงสุขภาพตามอ้าง http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000113972