นายชูวิทย์บอกซื้อที่ดิน "สวนชูวิทย์" มาในราคา 500 ล้านในปี 2545 ตอนนี้เป็น 5,000 ล้านบาท นี่ถ้ามีการเก็บภาษีตามสากล คงเป็นภาษีมหาศาล ประชาชนส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์ด้วย ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ไม่ใช่สร้างรถไฟฟ้าแล้ว เจ้าที่ดินได้ประโยชน์สถานเดียว! ใน AREA แถลงฉบับที่ 3 (http://bit.ly/2hJLNaB) "Confirm" ว่า "สวนชูวิทย์" มีมูลค่า 5,000 ล้านหรือตารางวาละ 2 ล้านบาท (เผลอๆ อาจสูงกว่านี้ เพราะมีบางรายเสนอขายถึง 2.3 ล้านบาทต่อตารางวา แต่ต้องตรวจสอบตำแหน่งที่ดินให้ชัดเจนก่อน) ส่วนใน AREA แถลงฉบับที่ 4 (http://bit.ly/2hLHdbT) ยังชี้ว่าที่ดินแปลงดังกล่าวสามารถนำไปสร้างห้องชุดขายได้ในราคาตารางเมตรละ 300,000 บาท นายชูวิทย์จะได้กำไรเพิ่มอีก 2,114 ล้านบาทโดยประมาณ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ชี้ให้เห็นว่า การเกิดขึ้นของรถไฟฟ้า BTS (http://bit.ly/1P29GlD) เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 ส่งผลให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยราคาที่ดินของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในราคาประเมินตามราคาตลาด เป็นเงินตารางวาละ 270,000 บาท แต่ในปัจจุบัน ณ ปี 2560 เป็นเงินตารางวาละ 2,100,000 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึงปีละ 12% ในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา หากมีการจับเก็บภาษีจากกำไรที่พึงได้ เช่น ตอนซื้อราคา 270,000 บาท ณ อัตราเงินเฟ้อ 3% ต่อปี ก็เท่ากับเป็นเงินเพิ่มขึ้นเป็น 459,657 บาทต่อตารางวา หากขายได้ 2,100,000 บาท ก็เท่ากับกำไรสุทธิ 1,640,343 บาทต่อตารางวา หากให้เสียภาษี 20% ซึ่งผู้ได้กำไรก็น่าจะยินดีเสียภาษี ก็จะได้ภาษี 328,069 บาทต่อตารางวา นายชูวิทย์มีที่ดิน 6 ไร่ ก็เท่ากับต้องเสียภาษี 787,364,675 บาท ลองคิดดูว่าถ้าเจ้าของที่ดินที่ได้อานิสงส์จากรถไฟฟ้าผ่าน เสียภาษี ณ อัตรานี้ ก็เท่ากับว่า เราสามารถสร้างรถไฟฟ้า BTS ได้โดยไม่ต้องควักเงินของประชาชนทั้งประเทศ แต่อาศัยภาษีของประชาชนจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่านั่นเอง โดยนัยนี้ 1. การเบียดบังประชาชนทั่วประเทศก็จะไม่เกิดขึ้น การพัฒนาเชิงพาณิชย์ใด ๆ ควรที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะเป็นผู้จ่าย ไม่ใช่นำเงินของประชาชนทั้งประเทศมาจ่ายเพื่อคนกรุง 2. ถ้าเจ้าของทรัพย์รายใดไม่มีเงินสดจ่ายภาษี ก็อาจขายตามราคาตลาดมาจ่ายภาษี แล้วนำ "เงินก้อนโต" ที่เหลือจากการเสียภาษีไป "เสพสุข" อยู่อาศัยในพื้นที่อื่นที่ไม่พลุกพล่าน หรืออาจซื้อห้องชุดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ได้ 3. ความเหลื่อมล้ำของประชาชนก็จะน้อยลง เพราะประชาชนคนเล็กคนน้อยจะได้ประโยชน์จากภาษีอากรในส่วนของคนรวย ๆ เหล่านี้มาพัฒนาประเทศชาติ แทนที่จะนำไปให้ข้าราชารประจำ "เสพสุข" ขึ้นเงินเดือนและโบนัสให้กับและกันเอง 4. ความผาสุกของประเทศชาติก็จะเกิดขึ้นจากการลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน ความเหลื่อมล้ำมีแต่จะสร้างวิบัติต่อชาติ แต่คนรวยบางคนก็อาจไม่ยี่หระ เพราะมีสัญชาติประเทศตะวันตก หรือมี "กรีนการ์ด" มีบัญชีเงินฝากอยู่นอกประเทศอยู่แล้ว พร้อมที่จะย้ายหนี ยามชาติมีภัย เป็นต้น ประเทศไทยจึงควรมีระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เก็บทุกปีจากมูลค่าทรัพย์สิน เช่น ที่ดินของนายชูวิทย์ 5,000 ล้านบาท ก็ควรเก็บภาษีปีละ 2% หรือ 100 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้เจ้าของที่ดินพัฒนาที่ดินโดยไม่เก็บไว้ให้ลูกหลานโดยไม่เสียภาษี การที่เรามีที่ดินแปลงงาม แต่แทบไม่เคยเสียภาษีหรือเสียน้อยมาก เท่ากับเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง ดูอย่างในกรณีอาคารชุดพักอาศัย เจ้าของห้องชุดใด ไม่จ่ายค่าส่วนกลาง ยังต้องถูกบังคับให้จ่าย หาไม่จะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้บุคคลอื่นได้ แต่เจ้าของที่ดินแปลงงามทั่วกรุง กลับปล่อยที่ดินรกร้างไว้ รอเวลาที่ราคาที่ดินงอกเงิยแล้วยกให้ลูกหลานโดยไม่เสียภาษีเลย แบบนี้น่าอายกว่าพวก "มอเตอร์ไซค์รับจ้าง" เสียอีก เพราะพวกนี้ต้องจ่ายภาษีรถทุกปี ๆ ละประมาณ 1% ของมูลค่ารถซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหาเลี้ยงชีพของตน ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1746.htm
รัฐบาลเขาออกภาษีที่ดินมาแล้วนี่ บังคับใช้ปี 2560 ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เขียนยกย่องเขาบ้างล่ะ ส่วนที่ดินนายชูวิทย์ไม่เสียภาษี จะไปแขวะเขาทำไม ก็มันไม่มีกฏหมาย ที่ดินเขามีรถไฟฟ้าผ่านราคาพุ่ง มันก็ถือว่าเป็นความโชคดีของเขา พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาร่วมสิบปี ไม่เคยคิดที่จะเอากฏหมายนี้เข้าสภาเลย พรรคประชาธิปัตย์ยังมีข่าวจะทำบ้าง ตอนนี้รัฐบาลนายกตู่ผู้ไม่เป็นประชาธิปไตยยัง ผ่านกฏหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาแล้ว บังคับใช้ปี 2560 ด๊อกโสมมรออะไรครับ. ปรบมือสิคร๊าบบบบ ผมว่าตอนนี้รัฐออกกฏหมายมาแระ ด๊อกโสมมไปเฝ้าดูพวกหญิงอ้อ ไอ้โอ๊ค เอม อิงค์ เจ๊แดง ยิ่งลักษณ์ ว่าจ่ายภาษีที่ดินบ้างหรือป่าวดีกว่า เห็นมีที่ดินเยอะ มันจะเสียภาษีบ้างหรือป่าว
555555 น่าสมเพชจริงๆ แอบอ้างคนอื่นเพียงเพราะตัวเองอยากได้เศษเงิน 20 บาทต่อไป จนต้องทิ้งเพื่อนที่หมดประโยชน์ ทำต่อไปเรื่อยๆครับ ไม่ต้องแคร์ แค่ผมรู้ว่ามือดีหนีความจริง ผมก็แอบยิ้มอยู่ในใจ
กากโสภณมองคนอื่นด้วยความริษยาตราบใดที่เขาไม่ได้กระทำผิดกฏหมาย ก็ไม่น่าไปเสือกคิดแทนเขา ถ้าชูวิทย์ทำผิดกฏหมายค่อยออกมากระทืบ ทีเมื่อก่อนกูรูที่ดินแบบมึงที่รู้ทุกเรื่องทำไมไม่ซื้อไว้ทำกำไรล่ะไอ้ควาย ตอนนี้คงนึกเสียดายสิท่าสุดท้ายก็เป็นได้แค่นักวิชาการกากๆ อวดรู้อวดรวยจะลงผู้ว่าก็ไม่มีใครเลือกควายมาบริหาร จะค้าที่ดินก็วิสัยทัศน์คับแคบคิดแต่เรื่องผลกำไรตนเองเป็นที่ตั้ง