ยึดรถ-บ้าน “ป้อนข้าว-น้ำตาล” 2 พริตตี้สาวโกงหุ้น “ชูวงษ์” MGR Online - ตำรวจสอบสวนกลางสนธิกำลัง ปปง. บุกค้นบ้าน “ป้อนข้าว” ในหมู่บ้านบางกอกบูเลออวาร์ด ย่านพระราม 9 - ศรีนครินทร์ ยึดบ้านพร้อมเอกสารไปตรวจสอบ อีกชุดบุกค้นบ้าน “น้ำตาล” ในหมู่บ้านวิสต้าปาร์ค ย่านราชพฤกษ์ ยึดบ้านพร้อมรถยาริส ไปตรวจสอบ ฐานเกี่ยวข้องคดีโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ ขณะกำลังอีก 2 ชุด บุกค้นบ้านเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ย่านคลองกุ่ม และ นวมินทร์ วันนี้ (30 ก.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 05.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืช พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รอง ผบช.ก. ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่คอมมานโดกองปราบปราม, ตำรวจกองปราบปราม, กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. รวมกว่า 200 นาย เปิดปฏิบัติการปูพรมตรวจค้น 4 จุด ในคดีสำคัญตามความผิด พ.ร.บ. ฟอกเงิน จุดแรก พล.ต.ต.ชวลิต พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.ปิยรัช สุภารัตน์ รอง ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท. วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผกก.1 บก.ป. นำกำลังคอมมานโด, ตำรวจกองปราบปราม, กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. รวมกว่า 100 นาย นำหมายค้นของศาลอาญา รัชดาภิเษก เลขที่ 1470/2559 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 16 - 16/3 ซอยนวมินทร์ 74 แยก 9 - 6 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม ซึ่งเป็นบ้านของ นางสาวอโนทัย ฉัตรวรางค์กูล ผู้ต้องหาตามความผิด พ.ร.บ. ฟอกเงิน หลังสืบทราบเป็นบ้านเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000075617
เสันทางการโกงหุ้น เชื่อมโยงเครือข่ายบรรยิน อายัดทรัพย์ สองโปรกเกอร์ สามสิบเอ็ดล้าน http://www.dailynews.co.th/crime/512488 โกงหุ้น 'เสี่ยชูวงษ์' โยงเครือข่าย 'บรรยิน' ปปง.เผยเส้นทางการเงินจากการโกงหุ้น "เสี่ยชูวงษ์" เชื่อมโยงเครือข่าย "บรรยิน" สั่งอายัดทรัพย์โบรกเกอร์สาว-อดีตพริตตี้คนสนิทเสี่ย รวม 31 ล้าน วันที่ 30 ก.ค. 59 - พล.ต.อ ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล เลขาธิการ ปปง. แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบทรัพย์สินในคดีพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ตามที่กองบังคับการกองปราบปราม ได้ประสานให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดทรัพย์ที่ได้จากการปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอมของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ซึ่งเป็นคดีตามมูลฐานความผิดกฎหมายฟอกเงิน นำไปสู่การนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายที่เป็นเครือข่ายของพ.ต.ท.บรรยิน โดยเส้นทางการเงินพบความเชื่อมโยงกับพ.ต.ท.บรรยิน ทั้งหมด เช่น การโอนหุ้นให้กับน.ส.ศรีธรา พรมมา แม่ของน.ส.อรุชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว เพื่อนำเงินไปซื้อรถและบ้านพัก และการนำเงินไปซื้อบ้านและรถยนต์ของน.ส.กัญฐณาศิวา ธนพล พริตตี้สนามกอล์ฟ หญิงสาวคนสนิทของเสี่ยชูวงษ์ ซึ่งการซื้อบ้านทั้ง 2 หลังมีพ.ต.ท.บรรยิน เข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อด้วย คณะกรรมการธุรกรรมปปง.จึงมีมติอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเครือข่ายของพ.ต.ท.บรรยินจำนวน 3 รายการ ประกอบด้วยที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจำนวน 3 แปลง ซึ่งเป็นบ้านพักของโบรกเกอร์สาว และอดีตพริตตี้ รวมมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ปปง.มีคำสั่งอายัดทรัพย์ในเครือข่ายของพ.ต.ท.บรรยินไปแล้วมีรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ 1คันมูลค่า 6 ล้านบาท และหุ้นบริษัท win มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท รวม 2 รายการมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท รวมมูลค่าการอายัดทรัพย์สินในคดีดังกล่าว ทั้งสิ้น 31 ล้านบาท http://www.komchadluek.net/news/regional/235924
ผมเคยว่าไว้ ทำมัยอดีตสวญ สืบสวนสอบสวน ถึงเชื่อมโยงรูปคดี ตลกตกแตกอย่างนี้ อาชญากรรม > ข่าวอาชญากรรม : 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา “บรรยิน”ถามยึดบ้าน-ที่ดินป้อนข้าวใบสั่งจากใคร "บรรยิน" อยากให้ ปปง.ตรวจเอกสารหลังค้นบ้าน "อุรชา" เกรง จนท.ทำงานโดยมิชอบ มีใบสั่งการเมือง จากกรณีเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราบ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง. ) และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เข้าตรวจค้นบ้านของ น.ส.อุรชา หรือ ป้อนข้าว วชิรกุลฑล อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.562/2558 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2558 และ เข้าตรวจค้นบ้านของ น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล ศิวาธนพล อายุ 26 ปี พริตตี้ แคดดี้สาว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.563/2558 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร กรณีรับโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๋ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับทางคดีและรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ยี่ห้อยาริส สีขาวหมายเลขทะเบียน ญณ8222 กทม. เพื่อไปทำการตรวจสอบ พร้อมทั้งยึดบ้านเมือวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2559 พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจค้นของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เนื่องจากว่า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. ได้ทำการเข้าค้นไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่สามารถยึดบ้านและที่ดินได้ จึงได้ทำการประสานกับทางเจ้าหน้า ปปง. ซึ่งมีอำนาจให้การยึดทรัพย์สินร่วมเข้าตรวจค้นด้วย ตนจึงตั้งคำถามว่า การเข้าค้นครั้งนี้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ มีใบสั่งจากใคร หรือเป็นการเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่ ตนอยากให้ทาง ปปง. ตรวจสอบเอกสารที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ นำไปให้ว่ามีมูลฐานความผิดตรงตามเงื่อนไขของทาง ปปง. หรือไม่ อย่างไรก็ตาม อีกทั้งการนำเสนอข่าวของสื่อบางสำนัก ที่นำเสนอในเชิงว่า ตนมีความเชื่อมโยงกับยาเสพติด ไม่ว่าจะเจตนา หรือไม่ก็ตามนั้น ทำให้ตนได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมาก ตนยังคงจะฟ้องสื่อ และขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เพียงแต่ต้องรอคำตัดสินของอัยการอย่างชัดเจน ในเรื่องคดีความของตนเสียก่อน จากนั้นก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป http://www.komchadluek.net/news/crime/236003
อยู่ดีๆก็อยากฟังเพลงนี้ขึ้นมาเลย ช่วงนี้เมียเด็กออกพิษเยอะ อย่างน้อยๆก็สองศพละ เอ็มวีนี้ พริตตี้ เยอะดี veerachai hua hin เนื้อเพลง : มีเมียเด็ก ศิลปิน : พรศักดิ์ ส่องแสง มีเมียเด็ก ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย ไม่ต้องนึกอาย เป็นลูกผู้ชายต้องกล้า อย่าไปตะแบง ในเมื่อเรี่ยวแรงโรยรา ร่ายกายไม่ไหว ก็ต้องอาศัยโด๊บยา มีคู่นอนอ่อนกว่า ต้องหายา บำรุง. มีเมียเด็ก ขาวๆเล็กๆบางๆ ต้องคอยระวัง เพราะชายต่างหวัง ใจมุ่ง ได้เมียคราวหลาน แต่ตัวผมนั้นคราวลุง ต้องคอยห่วงใย เหมือนพวกป่าไม้หวงซุง ไม่คอยชำเลืองเดี๋ยวเรื่องยุ่ง เพราะหนุ่มต่างมุ่งหมายปอง.ผมได้เมียเด็กตามสเป็คต้องการ แต่น่ารำคาญ เพราะมีพวกมารคอยจ้อง หนุ่มๆอิจฉา มันจ้องจะมาลิ้มลอง อย่ามัวแต่เมานั่งกินเหล้ายาดอง ถ้าเผลอเรอไม่สอดส่อง เดี๋ยวพวกแมวมองคว้าไป มีเมียเด็ก ต้องหมั่นตรวจเช็คใครโทรมา อย่าเอาหูไปนา และอย่าเอาตา ไปไร่ ได้เมียยังสาว โบราณกล่าวอย่าไว้ใจ ควายไม่ล้อมคอก โบราณบอกจะเสียใจ ถ้าถูกขโมยลักไป จะเอาควายไหนไถนา ผมได้เมียเด็กตามสเป็คต้องการ แต่น่ารำคาญ เพราะมีพวกมารคอยจ้อง หนุ่มๆอิจฉา มันจ้องจะมาลิ้มลอง อย่ามัวแต่เมานั่งกินเหล้ายาดอง ถ้าเผลอเรอไม่สอดส่อง เดี๋ยวพวกแมวมองคว้าไป มีเมียเด็ก ต้องหมั่นตรวจเช็คใครโทรมา อย่าเอาหูไปนา และอย่าเอาตา ไปไร่ ได้เมียยังสาว โบราณกล่าวอย่าไว้ใจ ควายไม่ล้อมคอก โบราณบอกจะเสียใจ ถ้าถูกขโมยลักไป จะเอาควายไหนไถนา
กองปราบฯ ร่วม ปปง. บุกค้นบ้าน น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาวคนสนิทเสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง และบ้าน น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล โบรกเกอร์คนสนิท พ.ต.ท.บ อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/677498 คนนี้ที่อ้างว่าลูกในท้องคือลูกคุณชูวงษ์ วันนี้นางเป็นแม่เด็นน่าจะขวบกว่าได้แล้วมั่ง
ป้อนข้าวแจ้งความโดยค้นบ้านเงินและของหายเป็นแสน (เสียงสูง)555 ป้อนข้าว เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจกองปราบปราม หลังค้นบ้านพักแล้วเงินสด-ต่างหูเพชร มูลค่านับแสนบาทหายไป วันที่ 31 กรกฎาคม 2559 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ. ธงชัย วิไลพรหม ผกก.สน.ประเวศ ว่า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือ ป้อนข้าว อายุ 26 ปี ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม หลังบุกค้นบ้านพักที่หมู่บ้านบางกอกบลูเลอวาร์ด เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2559 แล้วทรัพย์สินสูญหายเป็นเงินสดประมาณ 10,000 บาท และต่างหูเพชร มูลค่า 100,000 บาท พล.ต.ท. ศานิตย์ กล่าวต่อว่า ตนทราบมาว่า วันที่กองปราบปรามเข้าตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.ป้อนข้าว นั้น มีพยานด้วย 1 คน และขณะตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการบันทึกวิดีโอ พร้อมถ่ายภาพและสอบปากคำพยานไว้ด้วย อย่างไรก็ตามตนพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ด้าน พ.ต.อ. ธงชัย ระบุว่า น.ส.อุรชา ได้มาแจ้งความเรียกร้องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของทางเจ้า หน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและได้เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ ปากคำแล้ว 4-5 ปาก พร้อมทั้งจะนำเรื่องส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตใน ภาครัฐ (ป.ป.ท.) ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อตรวจสอบต่อไป http://hilight.kapook.com/view/140193 เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร เ
น้องน้ำตาล"พริตตี้สาว"โร่พบ ตร.กองปราบให้ปากคำในฐานะพยานคดี ฆ่าเสี่ยชูวงษ์ MGR Online - "พริตตี้สาว"กัญฐณา ศิวาธนพล หรือน้องน้ำตาล พบตำรวจกองปราบ เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยานคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์ วันนี้ ( 8 ส.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.30 น. กัญฐณา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.563/2558 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร ในคดีโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจหมื่นล้าน พร้อมด้วย นายเสกสรร เสนาชู ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รอง สว.กก.1 บก.ป.เพื่อให้ปากคำในฐานะพยานคดีฆ่านายชูวงษ์ ซึ่งทาง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว นายเสกสรรค์ กล่าวว่า ทาง น.ส.กัญฐณา การเข้าพบพนักงานสอบสวนครั้งนี้เป็นไปตามหมายเรียกเพื่อสอบปากคำในฐานะพยานคดีฆ่า นายชูวงษ์ ส่วนประเด็นที่จะมีการสอบสวนนั้นตนเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีที่ น.ส.กัญฐณา เข้าไปมีส่วนรับรู้ หรือเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ หรือไม่ อย่างไร รวมทั้งประเด็นที่พนักงานสอบสวนอาจยังมีข้อสงสัยอยู่ แต่ยังคงเป็นการให้การในฐานะพยานในคดี ทั้งนี้สำหรับสำนวนคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ นั้น พ้นจากอำนาจของพนักงานสอบสวนไปแล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ทางพนักงานอัยการก็ยังไม่มีคำสั่ง หรือส่งเอกสารใดๆ มาถึง น.ส.กัญฐณา อย่างไรก็ตาม ทาง น.ส.กัญฐณา ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ในการได้รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์ นายเสกสรร กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความเป็นอยู่ของ น.ส.กัญฐณา ก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ยังคงรับงานและอาศัยอยู่ที่บ้านพักใน กทม.ขณะที่บุตรชายที่อายุเกือบ 1 ขวบแล้วนั้นตนไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะไม่เคยพบและไม่ได้สอบถามเรื่องส่วนตัวของลูกความ ส่วนเรื่องคดีฆ่านายชูวงษ์ ตนยังมั่นใจว่า น.ส.กัญฐณา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คงต้องทราบประเด็นที่พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ น.ส.กัญฐณา เสียก่อน ถึงจะมีแนวทางการดำเนินการต่อไป รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการออกหมายเรียก น.ส.กัญฐณา เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกับตำรวจ กก.1 บก.ป.นำกำลัง 30 นาย พร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 333/94 ภายในหมู่บ้านวิสต้าปาร์คสาทร-ปิ่นเกล้า ถนนราชพฤกษ์ ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ของ น.ส.กัญฐณา โดยยึดเอกสารจำนวนหนึ่งภายในบ้านพักหลังดังกล่าวไว้ตรวจสอบ ซึ่งการสอบปากคำในครั้งนี้มีการนำเอกสารทั้งหมดมาให้ น.ส.กัญฐณา ได้ชี้แจงข้อมูลและที่มาที่ไปของทรัพย์สินต่างๆ ด้วย ต่อมาเวลา 15.00 น.ภายหลังพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเสร็จสิ้น โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง น.ส.กัญฐณา ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน โดยมอบหมายให้ นายเสกสรรค์ เป็นคนให้สัมภาษณ์ โดยทนายความ น.ส.กัญฐณา กล่าวว่า ประเด็นที่ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ น.ส.กัญฐณา นั้น เป็นการยืนยันหลักฐานเอกสารต่างๆ ได้แก่ ใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ตรวจยึดมาจากบ้านพักของ น.ส.กัญฐณา ก่อนหน้านี้ เพื่อให้มีการยืนยันว่าเป็นของ น.ส.กัญฐณา ส่วนประเด็นที่พนักงานสอบสวนได้ซักถามจาก น.ส.กัญฐณา เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการได้รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์เท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีประเด็นที่เกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์แต่อย่างใด ส่วนรายละเอียดคดีการโอนหุ้น ที่พนักงานสอบสวนพยายามซักถามเพิ่มเติมนั้น เป็นทั้งการสอบทั่วๆ ไป และเป็นการยืนยันในเรื่องของเอกสาร ซึ่งทาง น.ส.กัญฐณา ก็ไม่ได้ให้การใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากได้ให้การและชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว และในส่วนของคดีโอนหุ้นนั้นก็อยู่ในชั้นอัยการแล้ว ทางตนจึงไม่อยากพูดอะไรมาก เกรงจะกระทบกับรูปคดี ผู้สื่อข่าวถามว่าจากหมายเรียกพบว่าเป็นการเรียก น.ส.กัญฐณา ให้ปากคำในคดีที่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ซึ่งหากเป็นการซักถามเพียงคดีหุ้นนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าตำรวจมองว่าการโอนหุ้นอาจเป็นมูลเหตุจูงใจที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตของนายชูวงษ์ นายเสกสรรค์ กล่าวว่า น่าจะเป็นแนวคิดของพนักงานสอบสวนที่คิดเช่นนั้น คาดว่าพนักงานสอบสวนพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์ก่อนและขณะกระทำความผิด ว่า น.ส.กัญฐณา อาจจะมีส่วนเชื่อมโยง อย่างไรก็ตามยืนยันว่า น.ส.กัญฐณา ไม่ได้เชื่อมโยง หรือรู้เห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์แต่อย่างใด และก็ไม่พบพยานหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่า น.ส.กัญฐณาเชื่อมโยงด้วย เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ของ น.ส.กัญฐณา กับนายชูวงษ์ และความสัมพันธ์ของ น.ส.กัญฐณา กับ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นอย่างไรนั้น นายเสกสรรค์ กล่าวว่า ยังยืนยันความสัมพันธ์ตามคำให้การเดิม ที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่ขอชี้แจงเพิ่มเติม เนื่องจากให้การไปหมดแล้ว รวมทั้งเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000078887 มาแล้ว คราวนี้เปิดหน้า ให้เห็นหน้ากันเต็มๆ
อัยการสั่งไม่ฟ้อง บรรยิน-2 พริตตี้สาว คดีโอนหุ้นชูวงษ์ 300 ล้าน 1,560อ่าน 443 โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผย อัยการสั่งไม่ฟ้อง บรรยิน ตั้งภากรณ์ และ 2 พริตตี้สาว คดีโอนหุ้นชูวงษ์ 300 ล้าน ยืนยัน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย วันที่ 29 สิงหาคม 2559 เรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยคดีการโอนหุ้นของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ว่า เบื้องต้นทราบว่าอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน คือ - พ.ต.ท. บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ - น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล อดีตพริตตี้คนสนิทนายชูวงษ์ - น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์ - น.ส.ศรีธรา พรหมา มารดาของ น.ส.อุรชา ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม, ร่วมกันลักทรัพย์ และรับของโจร ซึ่งเป็นหุ้นบริษัทของนายชูวงษ์ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งได้เรียกสำนวนคดีมาตรวจสอบและมอบหมายให้รองอัยการสูงสุดตรวจสอบสำนวนความถูกต้อง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ หากทางรองอัยการสูงสุด เห็นตามอธิบดีอาญากรุงเทพใต้ จะส่งสำนวนต่อไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตาม ป. วิอาญา หากมีความเห็นแย้ง จะต้องส่งสำนวนกลับมาที่อัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาด แต่หากรองอัยการสูงสุดเห็นแย้ง คือ มีความเห็นสั่งฟ้อง จะสามารถนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องได้ทันที โดยไม่ต้องส่งสำนวนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ขั้นตอนดังกล่าวใช้เวลาไม่นานและถือเป็นขั้นตอนปกติ พร้อมยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย http://hilight.kapook.com/view/141501 ใช่ไหมครับ
วันนี้อย่าลืมฟังพี่สาวคุณชูวงษ์ เปิดใจ ตามนี้นะครับ รายการอัมรินทรHD34 เวลา18.3 TNN ช่อง16 รายการขยายข่าวเวลา19.00 รายการถามตรงกับจอมขวัญ ช่อง32 ไทยรัฐ เวลา 20.00
ไม่เข้าใจระบบอัยการเท่าไหร่ครับ ข่าวว่าอัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่... ให้รองอสส.พิจารณาหากเห็นแย้งส่งผบ.ตร. แล้วยังต้องส่ง อสส.เพื่อชี้ขาดอีก ดูยุ่งยากไปหรือเปล่า เพราะผู้ตัดสินคดีคือศาล ?
ถามตรงๆกับจอมขวัญ : อัยการสั่งไม่ฟ้อง "บรรยิน" | 30-08-59 | ThairathTV รายการต่างคนต่างคิด ตอน อัยการสั่งไม่ฟ้อง "บรรยิน" ปมโอนหุ้น กระทบคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์? 30/08/59 ขยายข่าว : คดีเสี่ยชูวงษ์ เมื่ออัยการไม่สั่งฟ้อง ผมนำบทสัมภาษณ์คุณวันเพ็ญ ใน3รายการ เนื้อหาคล้ายกัน ชอบคนดำเนินรายการคนไหนก็คลิกเข้าไปรับชมได้ครับ
ก็พอเข้าใจได้ครับ แต่ สงสัยว่าทำไมถึงดูยุ่งยากมากมายเมื่อเทียบกับตำรวจ มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาแต่เสียงไม่เอกฉันท์ต้องส่งชี้ขาด และการชี้ขาดก็หลายขั้นตอนเสียเวลาไปอีกเท่าไหร่ ทั้งๆที่เป็นแค่ขั้นตอนกลั่นกรองก่อนส่งฟ้อง เพราะสุดท้ายศาลเป็นผู้ชี้ขาด ถ้าเป็นแบบนี้ผมอยากเห็นอัยการแถลงคดีแบบเดียวกับศาลนะครับ ว่าเหตุผลของการสั่งไม่ฟ้องแต่ละคดีเป็นอย่างไร เพื่อที่ปชช.จะได้รับรู้วิจารณญาณในการสั่งคดี
ญาติชูวงษ์ยื่นผบ.ตร.พิจารณาสำนวนคดีโอนหุ้นของบรรยินใหม่อีกครั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2559 นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ และนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง พี่สาวและภรรยา ของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถูกฆาตกรรมอำพราง พร้อมนายเอนก คำชุ่ม ทนายความ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ผ่าน พ.ต.อ.ภาณุพงศ์ ช่อเพื่อน นายตำรวจเวรอำนวยการประจำกองรักษาการณ์ เพื่อให้พิจารณาสำนวนคดีการโอนหุ้น ของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภาภรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ นายสุทธิ กิตติศุภพร อธิบดีอัยการ อาญากรุงเทพใต้ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีโอนหุ้น เนื่องจากตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด ทนายความของผู้ต้องหาถึงเร่งรัดให้อัยการอธิบดีอัยการใต้ ส่งสำนวนไม่ฟ้องมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งญาติค่อนข้างมั่นใจว่า คดีนี้น่าจะมีการสั่งฟ้อง เพราะในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และขอต่อสู้ในชั้นศาล อีกทั้งคดีโอนหุ้นทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(กลต.) เห็นว่าการโอนหุ้นมีความผิดปกติจริง และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์ของผู้ต้องหาบางส่วนไปแล้ว และคดีนี้คณะกรรมการอัยการ จำนวน 3 คน มีความเห็นสั่งฟ้อง แต่อธิบดีอัยการกรุงเทพใต้ กลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง จึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง เกรงว่าครอบครัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และอาจมีขบวนการแทรกแซงหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการวิ่งเต้นให้ล้มคดีโดยใช้เงินกว่า 20 ล้านบาทนั้น ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่ก่อนหน้านี้ทางญาติและทนายได้เข้าไปพูดคุยกับอธิบดีอัยการกรุงเทพใต้ก่อนความเห็นจะออก โดยอธิบดีอัยการบอกว่า สำนวนมีจำนวนกว่า 3 พันหน้ายังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ จนกระทั่งมีความเห็นของอัยการออกมา นางวันเพ็ญ กล่าวว่า หาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นพ้องกับอธิบดีอัยการใต้ ทางญาติก็จะดำเนินการฟ้องเองตามขั้นตอนที่สามารถทำได้ แต่ยอมรับว่ามีความกังวลว่าหากคดีโอนหุ้นไม่มีการสั่งฟ้อง อาจจะส่งผลต่อคดีฆาตกรรมได้ ส่วนการเดินทางมาวันนี้ยืนยันว่าไม่ต้องการกดดันกระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาเชื่อมั่นในการทำงานของพนักงานสอบสวนอยู่แล้ว ด้าน ภรรยาของ นายชูวงษ์ กล่าวว่า ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และจะเดินหน้าทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อเรียกร้องศักดิ์ศรีให้สามี และครอบครัว ขณะที่ นายเอนก คำชุ่ม ทนายความ กล่าวว่า ในส่วนของคดีฆาตกรรม พนักงานสอบสวนอยู่ในระหว่างผัดส่งสำนวนคดีไปยังพนักงานอัยการ แต่เชื่อว่าพยานหลักฐานทั้งหมดเพียงพอที่พนักงานสอบสวนจะสั่งฟ้องคดี เพราะพยานหลักฐานสามารถยืนยันการกระทำความผิดได้ ส่วนของญาติก็ไม่มีพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนเพิ่ม http://breakingnews.nationtv.tv/home/read.php?newsid=793336
ศาลแพ่งชี้โอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” มีพิรุธ สั่งอายัดพร้อมเงินในบัญชีพริตตี้สาว “แก๊งบรรยิน” MGR Online - ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว คดีภรรยา และบุตรชาย เสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ขอให้อายัดหุ้น เงินในบัญชีของ กัญฐณา ศิวาธนากุล “พริตตี้สาว” จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ชี้ การโอนหุ้นมีพิรุธหลายอย่าง วานนี้ (28 ต.ค.) ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 ศาลนัดฟังคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ในคดีหมายเลขดำ พ.1280/2559 ระหว่าง น.ส.ศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยา นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง และ นายกันต์ แซ่ตั๊ง อายุ 23 ปี บุตรชายของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง โจทก์ที่ 1 - 2 ในฐานะผู้จัดการมรดก นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่เสียชีวิต กับ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนากุล หรือศิวาธนพล จำเลยที่ 1 กับพวก รวม 5 คน คดีสืบเนื่องจาก นางศิริรัตน์ และ นายกันต์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊งได้ยื่นฟัอง น.ส.กัญฐณา ศิวาธนากุล , พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ , บริษัทหลักทรัพย์และพนักงานบริษัทอีก 2 คน เป็นจำเลยที่ 1-5 ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เรื่องขอเรียกคืนทรัพย์สินที่เป็นหุ้นของนายชูวงษ์ จำนวน 9.5 ล้านหุ้น มูลค่า 228 ล้านบาท ซึ่งถูกโอนโดยมิชอบ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี คืนกับโจทก์ทั้งสอง ที่เป็นภรรยาและบุตรชายของนายชูวงษ์ในฐานะผู้จัดการมรดกโดยได้มีการยื่นฟ้องคดีเมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งต่อมาโจทก์ทั้งสองก็ได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลด้วยเพื่อขอให้อายัดทรัพย์สิน 4 รายการ ประกอบด้วย หุ้นที่เหลือจำนวน 5.7 ล้านหุ้น , เงินในบัญชี , หุ้น WN ที่น.ส.กัญฐณา นำเงินจากการขายหุ้นของนายชูวงษ์ไปซื้อมา และบ้านพร้อมที่ดิน ย่านนนทบุรี ที่มาจากเงินหุ้นดังกล่าว โดยในวันนี้ได้มีการนัดฟังคำสั่ง ทนายโจทก์ทั้งสองมาศาล เช่นเดียวกับทนายจำเลยที่ 4 ส่วนจำเลยที่ 1 - 3 และจำเลยที่ 5 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า หลังจากที่ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ที่ 2 และ ครอบครัว ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายชูวงษ์ พบว่า ก่อน นายชูวงษ์ จะถึงแก่กรรม มีการโอนหุ้นในพอร์ตบัญชีที่เปิดไว้กับจำเลยที่ 3 และออกให้กับจำเลยที่ 1 โดยมีข้อพิรุธหลายอย่าง หลังจากที่จำเลยที่ 1 รับโอนมาแล้ว มีการโอนขายหุ้นหลักทรัพย์ EA อีกหลายครั้ง หลังทรัพย์บางส่วนมีการขายไปแล้วเป็นจำนวน 3,741,000 หุ้น คงเหลือหลักทรัพย์ EA ในบัญชีของจำเลยที่ 1 ณ วันที่ 31 ส.ค. 2558 จำนวน 5,759,000 หุ้น และ จำเลยที่ 1 ยังนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นจำนวนดังกล่าวไปซื้อหุ้นหลักทรัพย์ WN จำนวน 10,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท เป็นเงิน 10,000,000 บาท คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งอายึดและอายัดทรัพย์สินทั้ง 4 รายการดังกล่าว ซึ่งอยู่ในพอร์ตหลักทรัพย์บัญชีของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ ยังได้ความว่า จำเลยที่ 1 ได้นำเงินบางส่วนที่ได้จากการขายหลักทรัพย์ไปซื้อที่ดินพร้อมบ้าน ที่ ต.ขุนกลอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ในราคา 10,000,000 บาท ด้วย กรณีฟ้องโจทก์มีมูลและมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวมาใช้ก่อนคำพิพากษา จึงมีคำสั่งให้อายัดหุ้นหลักทรัพย์ EA จำนวน 5,759,000 หุ้น ที่อยู่ในบัญชีหลักทรัพย์ของจำเลยที่ 1, หุ้นหลักทรัพย์ WN จำนวน 10,000,000 หุ้น ซึ่งอยู่ในพอร์ตบัญชีหลักทรัพย์ของจำนวนที่ 1 พร้อมทั้งอายัดเงินในบัญชีหลักทรัพย์ เลขที่ 909-0-45386-2 ของจำเลยที่ 1 จำนวน 55,980,275.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 และ อายัดบัญชีกระแสรายวันธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า 2 บัญชี เลขที่ 909-0-45386-2 ของจำเลยที่ 1 โดยมีหนังสือถึงธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า 2. ห้ามจำเลยที่ 1 ทำพินัยกรรมจำหน่าย จ่ายโอนหรือ สร้างภาระผูกพันใด ๆ ในที่ดินโฉนด ที่ ต.ขุนกลอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างด้วย ด้านนายเอนก คำชุ่ม ทนายความของครอบครัวชูวงษ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้อายัดหุ้นของนายชูวงษ์ ที่อยู่ในบัญชี ของ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนากุล รวมทั้งเงินในบัญชีของ น.ส.กัญฐณา กับห้ามโอนย้ายบ้านและที่ดิน ย่านนนทบุรี ของน.ส.กัญฐณา ที่นำเงินจากการขายหุ้นไปซื้อมา โดยคำสั่งของศาลดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.นี้เป็นต้นไป จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ตามกฎหมายฝ่ายจำเลย ยังใช้สิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งได้ อย่างไรก็ตามคดีที่ฟ้องนี้เป็นส่วนคดีแพ่งที่เราใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเรียกคืนทรัพย์สินที่มีการโอนไปโดยมิชอบ ส่วนคดีปลอมเอกสารสิทธิ์การโอนหุ้นที่เป็นคดีอาญา ยังต้องรอ ผบ.ตร.สรุปความเห็นส่งให้อัยการสูงสุด หลังจากที่อัยการกรุงเทพใต้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีโอนหุ้นในชั้นแรก
ฟ้องแล้วจร้า MGR Online - ภรรยา “เสี่ยชูวงษ์” โร่ฟ้องเอาผิด “พ.ต.ท.บรรยิน” ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และคดีปลอมเอกสารโอนหุ้น ศาลจังหวัดพระโขนง และศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดไต่สวนมูลฟ้องปีหน้า มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. นางศิริรัตน์ แซ่ตั้ง ภรรยาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแบบมีเงื่อนงำ นายกันต์ แซ่ตั๊ง บุตรชาย นางกุลนิดา แซ่ตั๊ง และ น.ส.กานติมา แซ่ตั๊ง ผู้เยาว์ โดยนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ในฐานะมารดา และผู้แทนโดยชอบธรรมได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และ ส.ส.นครสวรรค์ เป็นคดีอาญาแล้ว รวมทั้งสิ้น 3 คดี ดังนี้ 1.ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดพระโขนง ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อปกปิดการกระทำความผิดอื่นของตน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนกับพวกได้กระทำความผิดอื่น หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ที่ อ.4915/2559 และนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 10 เม.ย. 2560 เวลา 09.00 น. 2.ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาวบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง นางศรีธรา พรหมา มารดา น.ส.อรชา วชิรกุลฑล เป็นจำเลยที่ 1-3 ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ลักทรัพย์ และรับของโจร ทั้งนี้ ศาลรับคำฟ้องไว้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.3352/2559 และนัดไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 30 ม.ค. 2559 เวลา 09.00 น. 3.นางศิริรัตน์ แซ่ตั้ง นายกันต์ แซ่ตั๊ง นางกุลนิดา แซ่ตั๊ง และ น.ส.กานติมา แซ่ตั๊ง ผู้เยาว์ โดยนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ในฐานะมารดาและผู้แทนโดยชอบธรรม ยังเป็นโจทก์ที่ 1-4 ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ จำเลยที่ 1 น.ส.สุทธาสินี ศิลปพรหมมาศ จำเลยที่ 2 น.ส.เกติอุมา เอกันต์ จำเลยที่ 3 (จำเลยที่ 2, 3 เป็นพนักงานของ OSK) และจำเลยที่ 4 น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาว ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ลักทรัพย์ และรับของโจร ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 3354/2559 และนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 20 ก.พ. 2560 เวลา 09.00 น. อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2559 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีคำสั่งครองชั่วคราว ในคดีหมายเลขดำ พ.1280/2559 ที่ น.ส.ศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง และนายกันต์ แซ่ตั๊ง อายุ 23 ปี บุตรชายโจทก์ที่ 1-2 ในฐานะผู้จัดการมรดก นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เสียชีวิต ฟ้องแพ่ง น.ส.กัญฐณา ศิวาธนากุล หรือศิวาธนพล พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์และพนักงานบริษัทอีก 2 คน เป็นจำเลยที่ 1-5 เรื่องขอเรียกคืนทรัพย์สินที่เป็นหุ้นของนายชูวงษ์ จำนวน 9.5 ล้านหุ้น มูลค่า 228 ล้านบาท ซึ่งถูกโอนโดยมิชอบ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี คืนกับโจทก์ทั้งสอง ที่เป็นภรรยาและบุตรชายของนายชูวงษ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกโดยได้มีการยื่นฟ้องคดีเมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งต่อมาโจทก์ทั้งสองก็ได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลด้วยเพื่อขอให้อายัดทรัพย์สิน 4 รายการ ประกอบด้วย หุ้นที่เหลือจำนวน 5.7 ล้านหุ้น เงินในบัญชี หุ้น WN ที่ น.ส.กัญฐณานำเงินจากการขายหุ้นของนายชูวงษ์ ไปซื้อมา และบ้านพร้อมที่ดินย่านนนทบุรี ที่มาจากเงินหุ้นดังกล่าว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า หลังจากที่นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ที่ 2 และครอบครัวได้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายชูวงษ์ พบว่า ก่อนนายชูวงษ์ จะถึงแก่กรรมมีการโอนหุ้นในพอร์ตบัญชีที่เปิดไว้กับจำเลยที่ 3 และออกให้แก่จำเลยที่ 1 โดยมีข้อพิรุธหลายอย่าง หลังจากที่จำเลยที่ 1 รับโอนมาแล้วมีการโอนขายหุ้นหลักทรัพย์ EA อีกหลายครั้ง หลังทรัพย์บางส่วนมีการขายไปแล้วเป็นจำนวน 3,741,000 หุ้น คงเหลือหลักทรัพย์ EA ในบัญชีของจำเลยที่ 1 ณ วันที่ 31 ส.ค. 2558 จำนวน 5,759,000 หุ้น และจำเลยที่ 1 ยังนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นจำนวนดังกล่าวไปซื้อหุ้นหลักทรัพย์ WN จำนวน 10,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท เป็นเงิน 10,000,000 บาท คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินทั้ง 4 รายการดังกล่าว ซึ่งอยู่ในพอร์ตหลักทรัพย์บัญชีของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ ยังได้ความว่า จำเลยที่ 1 ได้นำเงินบางส่วนที่ได้จากการขายหลักทรัพย์ไปซื้อที่ดินพร้อมบ้าน ที่ ต.ขุนกลอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ในราคา 10,000,000 บาท ด้วย กรณีฟ้องโจทก์มีมูลและมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวมาใช้ก่อนคำพิพากษา จึงมีคำสั่งให้อายัดหุ้นหลักทรัพย์ EA จำนวน 5,759,000 หุ้น ที่อยู่ในบัญชีหลักทรัพย์ของจำเลยที่ 1 หุ้นหลักทรัพย์ WN จำนวน 10,000,000 หุ้น ซึ่งอยู่ในพอร์ตบัญชีหลักทรัพย์ของจำนวนที่ 1 พร้อมทั้งอายัดเงินในบัญชีหลักทรัพย์ เลขที่ 909-0-45386-2 ของจำเลยที่ 1 จำนวน 55,980,275.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 และอายัดบัญชีกระแสรายวันธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า 2 บัญชี เลขที่ 909-0-45386-2 ของจำเลยที่ 1 โดยมีหนังสือถึงธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า 2.ห้ามจำเลยที่ 1 ทำพินัยกรรมจำหน่าย จ่ายโอนหรือสร้างภาระผูกพันใดๆ ในที่ดินโฉนด ที่ ต.ขุนกลอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างด้วย ด้านนายเอนก คำชุ่ม ทนายความของครอบครัวชูวงษ์ กล่าวว่า คำสั่งของศาลดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.นี้เป็นต้นไป จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ตามกฎหมายฝ่ายจำเลยยังใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้ อย่างไรก็ตาม คดีที่ฟ้องนี้เป็นส่วนคดีแพ่งที่เราใช้สิทธิตามกฎหมายเรียกคืนทรัพย์สินที่มีการโอนไปโดยมิชอบ ส่วนคดีปลอมเอกสารสิทธิการโอนหุ้นที่เป็นคดีอาญายังต้องรอ ผบ.ตร.สรุปความเห็นส่งให้อัยการสูงสุด หลังจากที่อัยการกรุงเทพใต้ มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีโอนหุ้นในชั้นแรก
เคราะห์ดีที่ครอบครัวคุณชูวงษ์ มีกำลังทรัพย์นะครับ ดูคลิปพี่สาวคุณชูวงษ์แล้วยังสงสัย ว่า จำเลยขอให้การในชั้นศาลแล้วทำไมอัยการถึงสั่งไม่ฟ้อง ?
ครับ มีคดีความที ก็เงินทั้งนั้นครับ เอาแค่ค่าทนาย และค่าตอบแทนทนาย คิดจากมูลค่าคดีก็หลายแล้ว ยังไม่รวมการเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย และเวลาในการทำมาหากิน ความยากง่าย การดึงเวลาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆแล้ว นอกจากเงินต้องถึงแล้ว เส้นสายต้องถึงด้วยครับ ส่วนประเด็นไม่ส่งฟ้อง ไม่ออกความเห็นครับ แต่ผมเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง ทำไม่สุจริต คิดเลวคิดชั่ว ความต่ำทราม ทุกขเวทนาไม่เกิดกับตัว ก็ต้องตกถึงลูกหลาน
ปัญหาของโจทย์ประการหนึ่งคือจำเลยร่วมเป็นพนักงานบริษัทโบรกเกอร์ซื้อขายหุ้น ตัวบริษัทฯเองต้องปกป้องพนักงานเต็มที่เพราะหากพบความไม่ชอบมาพากลในการโอนหุ้นโดยพนักงานของบริษัทฯเข้าไปเกี่ยวข้อง ลูกค้ารายอื่นๆหนีหมดแน่
พี่ชายน้ำ กลตสรุปผลตรวจสอบแล้วครับว่า บริษัทโบรกเกอร์มีความผิด และได้มีบทลงโทษตามนี้เลยครับ วันที่ 23 ธันวาคม สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกแถุลงข่าว สืบเนื่องจากกรณีการโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ซึ่งเป็นลูกค้า ก.ล.ต. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาลงโทษผู้แนะนำการลงทุน 3 ราย ได้แก่ นางสาวอุรชา วชิรกุลฑล ขณะกระทำผิดสังกัด บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) (บล. เออีซี) โดยเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุน เป็นเวลา 10 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2558 นายนัฐพล เฉลิมพจน์ สังกัด บล. เออีซี โดยพักการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุน เป็นเวลา 6 เดือน และนางสาวพัชรีย์ ธัชธำรงชัย ขณะกระทำผิดสังกัด บล.เออีซี โดยพักการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุน เป็นเวลา 1 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2558 นอกจากนี้ จากการขยายผลการตรวจสอบเพิ่มเติมพบระบบงานสำคัญที่บกพร่องของ บล.เออีซี หลายระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Know-Your-Customer / Customer Due Diligence: KYC/CDD) โดยคณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบ บล. เออีซี เป็นเงิน 1,101,000 บาท รวมทั้ง ก.ล.ต. ได้ดำเนินการลงโทษผู้บริหารบริษัทรายนายธาดา จันทร์ประสิทธิ์ และรายนายพิสิทธิ์ ปทุมบาล โดยพักการให้ความเห็นชอบการเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนของผู้บริหาร รายละ 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2558 เนื่องจากละเลยการตรวจสอบดูแลระบบงานดังกล่าว กรณีการโอนหุ้นที่ปรากฏเป็นข่าว ก.ล.ต. พบว่า ผู้แนะนำการลงทุนรายนางสาวอุรชาจัดการโอนหุ้นในบัญชีของลูกค้ารายหนึ่งเข้าบัญชีของมารดาตนเองโดยได้รับประโยชน์จากการรับโอนหุ้นดังกล่าวผ่านการเตรียมการไว้อย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การเปิดบัญชีของมารดาโดยไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ให้บริษัททราบ จัดการเกี่ยวกับการโอนหุ้นโดยไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงและไม่ได้เป็นผู้แนะนำการลงทุนที่ดูแลบัญชีลูกค้าดังกล่าว จัดการให้ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทยืนยันการโอนหุ้นกับบุคคลที่น่าเชื่อว่าไม่ใช่ลูกค้าเจ้าของบัญชี และดำเนินการเพื่อให้เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์เข้าไปในระบบข้อมูลของลูกค้า ซึ่งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าลูกค้าได้แจ้งกับผู้แนะนำการลงทุนที่ดูแลบัญชีเพื่อขอเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวในระบบของบริษัท เพื่อให้การโอนหุ้นสำเร็จ การกระทำของนางสาวอุรชาเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือให้บริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต กระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุน ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น ยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุนโดยการเบิกถอนโอนย้ายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุน และไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณและมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพที่กำหนดโดยสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย*1 ก.ล.ต. จึงสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์รายนางสาวอุรชาและกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน เป็นเวลา 10 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2558 นอกจากนี้ พบว่า ผู้แนะนำการลงทุนอีก 2 ราย คือ นายนัฐพล มีพฤติกรรมรับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้าจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชีโดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจ และมีการดำเนินการเพื่อให้เข้าใจว่าได้มีการสนทนาและรับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์กับเจ้าของบัญชี และนางสาวพัชรีย์ ที่รับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของลูกค้าจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชี โดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจ การกระทำของนายนัฐพลเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือให้บริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์แก่ผู้ลงทุนตามคำสั่งของผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของบัญชีหรือตามคำสั่งของผู้มอบอำนาจ และสร้างหลักฐานเพื่ออำพรางว่าผู้สั่งซื้อขายเป็นเจ้าของบัญชีทั้งที่เป็นบุคคลอื่น โดยมีเจตนาปกปิดซ่อนเร้นข้อมูลการรับคำสั่งซื้อขายจากลูกค้าต่อบริษัทหลักทรัพย์และหน่วยงานกำกับดูแล*2 และสำหรับนางสาวพัชรีย์ เป็นการไม่ได้ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์แก่ผู้ลงทุนตามคำสั่งของผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของบัญชีหรือตามคำสั่งของผู้รับมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ลงทุน*3 ก.ล.ต. จึงสั่งพักการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำลงทุนด้านตลาดทุนรายนายนัฐพล เป็นเวลา 6 เดือน และรายนางสาวพัชรีย์ เป็นเวลา 1 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2558 เพิ่มเติมดูได้ที่กล่อง #233และ234ครับ ส่วนว่าโปรกเกอร์นี้ต้องง้อลูกค้าไหม ดูรายละเอียดที่กล่อง #245 ได้ครับ
ขอบคุณครับคุณhillton(ปาล์มมาลี)ที่ให้ความกระจ่าง กลต.ก็สั่งลงโทษบริษัทโบรกเกอร์ไปแล้ว ยิ่งทำให้คำสั่งไม่ฟ้องของอัยการดูมีเงื่อนงำ
ครับคุณพี่ชายน้ำ ช่วยกันดู คำว่า"ไม่ก้าวล่วงคำตัดสิน" ดูจะเป็นข้ออ้างในการปล่อยคนชั่ว คนสมรู้ร่วมคิด คนช่วยเหลือ ให้ลอยนวล แต่ผมเชื่อเวรกรรมมีจริง สิ่งเลวๆที่ทำกับคนอื่นทั้งกายวาจา ไม่ตกกลับมาถึงตัวเองก็ตกถึงลูกหลานให้ได้ชดใช้ผลกรรมนั้นแทนแน่นอนชาตินี้
ข่าวปนคน คนปนข่าว : หมดราคาตำนานห้าวเป้ง “ลูกเหลิม” จ๋อยรับประทาน ศิโรราบรัฐบาลทหาร-ฆาตกรรมสยอง “น้องแอ๋ม” สะท้อน “มาเฟีย-แก๊งค้ายา” ยังระบาด ตอกหน้าผลงานน่าภาคภูมิ คสช.- ใกล้ครบ 2 ปี การตาย “เสี่ยชูวงษ์” คดีไม่คืบ-คนร้ายยังลอยนวล โดย นกหวีด 1 มิถุนายน 2560 05:02 น. (แก้ไขล่าสุด 1 มิถุนายน 2560 07:48 น.) ข่าวปนคน คนปนข่าว เป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์ในเรื่อง“ตั้งสติ - คิดก่อนโพสต์” ก็พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง “วัน อยู่บำรุง” ลูกชายคนกลาง - สุดเลิฟของท่านดอกเตอร์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่จู่ๆ“ของขึ้น”ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ด่า “รัฐบาล คสช.” ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ทั้ง“โจรปล้นอำนาจ”ทั้ง“ผู้นำกากๆ”พร้อมทิ้งท้ายตะเพิด “บิ๊กทั้งหลายไปตายซะ” จัดหนักจัดเต็มตามสไตล์ “ลูกเหลิม” เจ้าของวลีในตำนาน “มึงรู้ไหม..กูลูกใคร”.. ไม่ทันข้ามคืน ก็ต้องโร่หอบพวงมาลัยไปขอขมา“นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงทำเนียบรัฐบาล แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นคน “พูดจริงทำจริง กล้าทำก็กล้ารับ” เสียเหลี่ยมลูกคนโตฝั่งธนฯโหม๊ดด .. แต่ก่อนจะโผล่ไปทำเนียบฯ ก็ “รู้งาน” ดอดเข้าไปขอพบ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อส่งสัญญาณให้สังคมรับรู้ว่า แม้วันที่ “พ่อเหลิม” ไร้อำนาจ ก็ยังมีแบ็กดีระดับ “แม่ทัพแดง” นะจ๊ะ .. เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จะโพสต์ - แชร์ - โชว์ อะไรก็ต้องมีสติ อาการอยู่ไม่สุขของ “หนุ่มวัน” นอกจากเสียฟอร์มแล้ว ยังเสียแรงที่ใช้สโลแกน “ใจถึง พึ่งได้” ทำให้นึกย้อนไปถึงเมื่อไม่นานมานี้ เกิด “ดรามาในโซเชียล” หลังมีข่าวว่า “กาโม่” อาชวิน อยู่บำรุง ลูกชายสุดเลิฟของ “พ่อวัน” ไปมีเรื่องไฝว้กับเด็กใน “แก๊งวันพอยท์” ทำเอาคนเป็นพ่อเดือดปุดๆ โพสต์เฟซเตือนไปถึงแก๊งมีชื่อที่ว่า ชักจะใหญ่โตกันเกินไปแล้ว พร้อมฝากคำถามกร่างๆ ตามสไตล์ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน “โตทันวันเหลิมกันมั๊ย”ร้อนถึง ไผ่ ลิกค์ อดีต ส.ส. เพื่อไทย เจ้าของฉายา “ไผ่ วันพอยท์” ที่เป็นหัวหน้าแก๊ง ต้องรีบมาเคลียร์ใจถึงบ้านริมคลอง ย่านบางบอน ก่อนโชว์ภาพจูบปากกันดูดดื่ม สงบศึกระหว่างกัน โดยไม่มีการพูดถึง “เด็กน้อยต้นเรื่อง” แต่อย่างใด .. หลังฉากเล่ากันว่า วันที่เคลียร์ใจกัน “ไผ่ วันพอยท์” ก็พา “เด็กคู่กรณี” ไปด้วย แล้วก็ถูกสั่งสอนจนน่วมไปไม่น้อย .. นี่อาจเป็นสไตล์ “คนจริง” ที่เก่งกับเด็ก - ผู้หญิง จากวีรกรรมเก่าๆ แต่กับ “ชายชาติทหาร” พี่ขอบาย . นาทีนี้ต้องยกนิ้วให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทีมสืบสวนสอบสวน ที่สามารถคลี่คลายคดีฆ่าหั่นศพหญิงสาวที่ จ.ขอนแก่น ได้ค่อนข้างรวดเร็ว .. ถึงแม้จะไม่เร็วพอ จนคนร้ายยังหลบหนีการจับกุมไปได้ก็ตาม แต่ก็ชี้ให้เห็นว่า แม้คดีจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพียงใด หากเจ้าหน้าที่เอาจริง ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง .. สิ่งที่สะท้อนได้จากคดีฆาตกรรมสยองขวัญนี้ มีทั้งเรื่องที่คนร้ายบางส่วนพัวพันกับ “แก๊งค้ายา” ขบวนการค้ายาเสพติด รวมทั้งข่าวที่ว่า มี “ใบสั่งตาย” ให้จัดการปิดปาก น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย หรือ “น้องแอ๋ม” ที่รู้เห็นและเปิดโปงขบวนการค้ายาในพื้นที่ จ.ขอนแก่น แสดงให้เห็นว่า “แก๊งค้ายา - ผู้มีอิทธิพล” ยังคงระบาดอยู่ในแทบทุกพื้นที่ของประเทศไทย อย่างในส่วนกลาง กทม. เอง ก็มีคดีดังๆ ที่เกี่ยวพันกับขบวนการผิดกฎหมายเรื่องนี้อยู่ตลอด .. ทั้งที่เป็นอีกหนึ่งผลงานอันน่าภาคภูมิใจของรัฐบาล คสช. .. ที่น่าหวั่นใจอีกประการ ด้วยสถานะของ “น้องแอ๋ม” ที่ว่ากันว่า เป็น “สายตำรวจ” ยังต้องประสบกับชะตากรรมเช่นนี้ แล้วใครจะหาญกล้ามาเป็น “พลเมืองดี” เปิดโปงขบวนการทุจริตผิดกฎหมาย หากได้ติดตามการคลี่คลายคดี “น้องแอ๋ม” ก็จะพบว่ามีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนไม่น้อย แรกเริ่มเดิมทีตำรวจให้น้ำหนักไปที่ “ปมชู้สาว” อาจจะ “สับขาหลอก” เหมือน “ตำรวจดังที่นครบาล” ก็เป็นได้ ต่างกันที่ “คดีน้องแอ๋ม” สามารถระบุ และจับคนร้ายได้บางส่วน ทำท่าจะปิดคดีได้ในไม่ช้า .. ต่างจากแท็กติก “สับขาหลอก” คดีวางระเบิดก่อวินาศกรรมหลายจุดใน กทม. ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีทีท่าจะได้เค้าคนร้าย .. ยิ่งน่าสนใจว่าตลอดทั้งเมื่อวานนี้ ก็ยังไร้ความคืบหน้า - ความเคลื่อนไหวใดๆ ในคดีระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า กระทั่ง 2 จุดก่อนหน้านี้ ที่ “กองสลากเก่า - โรงละครแห่งชาติ” ก็เงียบกริบเช่นกัน จะมีเพียงความเคลื่อนไหวที่ย่ำอยู่กับที่ของ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ที่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับ “ไปป์บอมบ์” ที่พบหลังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ศูนย์วัฒนธรรม วันก่อนว่าเป็นระเบิดเก่า ที่ถูกนำมาทิ้งหลายสัปดาห์ .. ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานข่าวว่า “ไปป์บอมบ์” ที่พบล่าสุดมีลักษณะเดียวกับที่นำมาก่อเหตุย่านมีนบุรี เมื่อเดือน มี.ค. 57 และที่บริเวณทางเชื่อมระหว่างบีทีเอส สยามพารากอน เมื่อ ก.พ. 58 ซึ่งก็มีการจับกุมคนร้ายที่เป็น “ฮาร์ดคอร์การเมือง” ได้บ้างแล้ว แต่ก็ไม่มีการขยายผล ที่ทำให้การเฝ้าระวังเหตุร้ายมีประสิทธิภาพเลย .. ยังดีที่คนร้ายที่ก่อ เหตุระเบิดวินาศกรรมหลายครั้ง ยังมุ่งแค่สร้างสถานการณ์ นี่ถ้ามีการยกระดับการก่อเหตุหมายเอาชีวิต คงจะดูไม่จืด ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความไม่ยุติธรรม .. จะครบ 2 ปีการตายอย่างมีเงื่อนงำของ“เสี่ยจืด” ชูวงษ์ แซ่ตั้ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน เข้าให้แล้ว แต่คดีความทั้งแพ่ง - อาญา ก็ยังไม่คืบหน้า .. ในส่วน “คดีโกงหุ้น” ที่ทางญาติผู้ตายเชื่อว่าเป็นมูลเหตุทำให้ถูกฆาตกรรม ทางตำรวจโดย ผบ.ตร. ได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องไปนานแล้ว แต่ไปติดอยู่ที่ “สุทธิ กิตติศุภพร” อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ที่เห็นแย้ง จนเรื่องต้องส่งไปให้ “อัยการสูงสุด” เป็นผู้ชี้ขาด แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีคำสั่งออกมา .. ในส่วนคดีฆาตกรรมที่มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ กับพวก ตกเป็น “ผู้ต้องหา” ถูกจับพร้อม อุรชา วชิรกุลฑล อดีตโบรกเกอร์แม่ลูกอ่อน ตั้งแต่ มิ.ย. ปีก่อน ก่อนที่ทาง “กองปราบฯ” จะสั่งฟ้องไป ส่งเรื่องต่อไปที่ “อัยการพระโขนง” ต่อมาผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรม ก็ต้องวนกลับมาสอบสวน - สอบพยานเพิ่มเติม คาดว่า “กองปราบฯ” น่าจะส่งให้อัยการได้อีกที ก่อนวันที่ 26 มิ.ย. 60 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของ “เสี่ยจืด”.. ความล่าช้าที่ว่าบีบให้ทาง “ญาติเสี่ยชูวงษ์” ต้องยื่นฟ้องเอง ซึ่งศาลก็ได้นัดไต่สวนมูลฟ้องมาแล้ว .. นี่ขนาดเป็นคดีของ“ผู้ดีมีตังค์”ที่อาจจะมีฐานะพอในการยื่นฟ้อง - ต่อสู้คดีในชั้นศาลเอง แล้วถ้าเกิดกับ“ตาสี ตาสา”ป่านนี้ คดีอาจถูกเป่าลอยไปกับลมนานแล้ว .. จะเห็นได้ว่า แค่ใช้ “เทคนิคทางกฎหมาย” ก็สามารถยื้อเวลาได้เป็นปีเลยทีเดียว แล้วถ้าปล่อยเวลายืดเยื้อออกไปอีก อาจก็จะเข้าช่อง “หมดอายุความ” โดยที่ “ผู้ร้าย” ยังลอยนวล ใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ช.ชฎา http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9600000055626 เดือนหน้าจะ 2 ปีคดีเสี่ยชูวงษ์ถูกฆ่าแล้วครับ
สยอง! ฆ่าเณรฝังใต้ฐานพระ ฆาตกรลงทุนบวชพระเฝ้า | ชูวิทย์ตีแสกหน้า | 2 มิ.ย. 60 thairath ลองฟังความเห็นคดีของเสี่ยชูวงษ์ ของเสี่ยชูวิทย์ ในรายการชูวิทย์ตีแสกหน้า เวลา 17.45 ในกรณีการใช้เทคนิควิธีดึงคดี
ศาลรับฟ้องคดีฆาตกรรมอำพราง’เสี่ยชูวงษ์’ มี’พ.ต.ท.บรรยิน’ตกเป็นจำเลย นัดสอบคำให้การ12ก.พ.ปีหน้า https://www.matichon.co.th/news/765517
อสส.มีคำสั่งชี้ขาดให้สั่งฟ้อง “บรรยิน” ปลอมเเปลงเอกสารโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ 200 ล้าน MGR Online - อสส.มีคำสั่งชี้ขาดให้สั่งฟ้อง “บรรยิน” กับพรรคพวกปลอมเเปลงเอกสารเรื่องการโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” 200 ล้าน ส่วนคดีฆาตกรรม ศาลจังหวัดพระโขนงได้ประทับรับฟ้องไปแล้ว นัดสอบคำให้การจำเลย 12 ก.พ.นี้ กรณีเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพระโขนงได้ประทับรับฟ้องคดีที่นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ เป็นจำเลยฐานร่วมกับพวกฆาตกรรมนายชูวงษ์ จากกรณีรถยนต์ที่นายชูวงษ์นั่งรถยนต์มากับ พ.ต.ท.บรรยิน แล้วชนต้นไม้ ปรากฏว่านายชูวงษ์เสียชีวิต และนัดพร้อมคู่ความเพื่อสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 09.00 น. โดยสำนวนคดีฆ่านายชูวงษ์นั้นยังมีในส่วนที่พนักงานคดีที่พนักงานสอบสวนรวบรวมสำนวนพร้อมความเห็นกล่าวหา พ.ต.ท.บรรยิน ฆ่านายชูวงษ์โดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดการกระทำความผิดอื่น ที่อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 (อัยการศาลจังหวัดพระโขนง) ขณะนี้ระหว่างการพิจารณาของอัยการศาลจังหวัดพระโขนงเนื่องจากมีการสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมในบางประเด็นที่อยู่ระหว่างรอผลจากพนักงานสอบสวน เเละต้องรอสำนวนเรื่องการโอนหุ้นที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของอัยการสูงสุดอยู่ เนื่องจากการสั่งสำนวนคดีฆ่าโดยไตร่ตรองได้นั้นในสำนวนบางส่วนมีเหตุความเชื่อมโยงกับสำนวนคดีเรื่องการโอนหุ้นที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของอัยการสูงสุดอยู่ อัยการศาลจังหวัดพระโขนงต้องรอคำสั่งอัยการสูงสุดเพื่อนำไปประกอบการสั่งคดีฆ่าด้วย วันนี้ (8 ม.ค.) แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดได้เปิดเผยความคืบหน้าในสำนวนที่มีการกล่าวหา พ.ต.ท.บรรยิน กับพรรคพวก มีการปลอมแปลงเอกสารเรื่องการโอนหุ้นประมาณ 200 ล้านบาท ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก แต่ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติได้ส่งความเห็นแย้งยืนยันให้ฟ้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมานั้น ในขณะนี้มีรายงานว่าในข้อหาเรื่องการปลอมแปลงเอกสารที่ใช้ในการโอนหุ้น นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ได้มีความเห็นให้สั่งฟ้องคดีนี้แล้ว โดยหลังจากที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องคดีโอนหุ้นแล้ว ทางอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 ก็จะนำความเห็นของอัยการสูงสุดที่ได้สั่งฟ้องคดีโอนหุ้นไปพิจารณาประกอบในสำนวนคดีฆ่าโดยไตร่ตรอง หลังจากที่เคยมีการสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบสวนเพิ่มด้วย จึงคาดว่าอีกไม่นานจะสามารถพิจารณาสั่งคดีฆ่าได้ในเร็วๆ นี้ ส่วนรายละเอียดเรื่องของบุคคลที่จะมีการสั่งฟ้องผู้ต้องหารายใดบ้างนั้นในเร็วๆ นี้จะมีการแถลงความคืบหน้าที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีโอนหุ้น รวมทั้งความเห็นการสั่งคดีสำนวนฆ่าโดยไตร่ตรองต่อไป https://mgronline.com/crime/detail/9610000002086