ท่านชายน้ำช่างเป็นคนมีเมตตาสูง .. สงสารแม้แต่คนไม่รู้จัก แต่คนจะเป็นแม่คน กลับไม่สงสารอนาคตของลูกตัวเอง ที่จะลืมตาออกมาดูโลก
จากเม้นนี้ ผมไม่ค่อยเข้าใจเนื่อหา ประเด็นการโยงเรื่องในสิ่งที่แกให้สัมภาษณ์เลย เลยอยากจะไหว้วานเพื่อนๆ ที่นิยมชมชอบการใช้โวหารในการผูกประเด็นแบบนักการเมือง หรือการจับประเด็นแบบจับแพะชนแกะของพวกเล่นการเมือง ช่วยแนะนำผมหน่อยว่ามันมีประโยชน์กับรูปคดีแกอย่างไง แล้วแกโย้งผลสรุปการตรวจค้นบ้านลูกสาวแก เข้าหากับผู้ต้องหาอีกคน แกพูดโย้งทำไม แล้วกองปราบเป็นคู่ขัดแย้งแกอย่างไง ในเมือเขาทำคดีการโกงหุ้นแก ผมงงจริงๆครับ ปล. การโย้งเข้าเรื่องการตั้งพรรคการเมืองที่แกพยายามสร้างประเด็นนิ คงจะทำให้มันเป็นคดีการเมือง เพื่อจุดประสงค์ต่อการ...ใช่ไหม (แก้ไขเม้นเพิ่มเติม)
เรียนคุณปาล์มาลี ความจริงผมพูดถึงพ่อบรรยินน่ะครับ แต่กว่าจะโพสท์ก็มีรุปคุณพริตตี้มาคั่นเสียก่อน ผมมีทฤษฎีอยู่ว่าพวกที่ต้องแต่งตัว สร้างภาพให้ดูน่าเชื่อถือตอนต้องไปพบจนท. ส่วนใหญ่ทำผิดจริงทั้งนั้น ในประเทศไทยมันจะมีสักกี่คนเชียว ที่ต้องใส่สูทอยู่ตลอดเวลา
อ๋อครับ...ท่านชายน้ำ.. เดียวเรานั่งดูความตกต่ำของชีวิตมัน กันดีกว่าครับ เบื้องต้นใครก็คงไม่กล้าไปไหนมาไหนกับมัน2คนแล้วครับ ต่อให้จะคูณมี คูณไม่มี พวกกันก็เถอะ
ฝันร้ายกำลังมา....ฝันร้ายกำลังมา... ผบก.กองปราบฯ ตั้งทีมคลี่คลายคดีการเสียชีวิตเสี่ยชูวงษ์ ไม่หวั่น “บรรยิน” ร้องทุกข์ http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000097779
1 ก.ย. 2558 14:29 น. ยังไม่สรุป'ชูวงษ์'อุบัติเหตุ-ถูกฆ่า คาดพรุ่งนี้รู้เชิญใครให้ปากคำเพิ่ม 1 ก.ย. 58 จากกรณีนายชูวงษ์ หรือเสี่ยจืด แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และประธานกลุ่มวิทยาตลาดทุนกิจการเพื่อสังคม (วตท.) รุ่นที่ 20 เสียชีวิตขณะที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ ขับรถยนต์เล็กซัส สีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ไปส่งบ้านพัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ต่อมาญาตินายชูวงษ์ ได้เข้าร้องเรียนกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เพื่อขอรื้อคดีขึ้นมาสอบสวนใหม่ เนื่องจากยังติดใจการเสียชีวิตในหลายประเด็นนั้น รวมทั้งร้องเรียนกับทางกองบังคับการปราบปรามให้ช่วยจรวจสอบ หลังจากพบการโอนหุ้นของเสี่ยจืด มูลค่ารวมเกือบ 300 ล้านบาท ให้ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาว และ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาวคนสนิทก่อนเสียชีวิต นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการทำธุรกรรมโอนหุ้นนั้น ไม่ใช่เบอร์ของนายชูวงษ์ แต่เป็นเบอร์ที่จดในนามบริษัทของคนใกล้ชิด พ.ต.ท.บรรยิน กระทั่งศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย ประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน , น.ส.ศรีธรา พรหมา , น.ส.อุรชา และ น.ส.กัญฐณา โดยผู้ต้องหาทั้งหมดได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนพร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา นั้น ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 1 กันยายน ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.กล่าวว่า ในเรื่องของคดีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ จนถึงขณะนี้พนักงานสอบสวนยังคงอยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ยังไม่ได้สรุปสำนวนการสอบสวน ส่วนคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ นั้น ก็เริ่มมีการตรวจสอบไปบ้างแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะทำงานและมีการแบ่งงานและมอบหมายหน้าที่ ก็อย่างที่เรียนไว้ว่ามีสำนวนการสอบสวนจาก สน.อุดมสุข ที่เราได้รับมา รวมทั้งเอกสารสำนวนการชันสูตร พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบในภาคพื้นดิน เรื่องของตารางเวลานับตั้งแต่นายชูวงษ์ เดินทางออกจากสนามกอล์ฟ ไปยังจุดที่มีการเสียชีวิต อยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ ส่วนสาเหตุหลักที่ บก.ป.ต้องดำเนินการนั้นเป็นเพราะทางฝ่ายญาติของนายชูวงษ์ ติดใจสาเหตุแล้วก็เห็นว่า บก.ป.ทำเรื่องการโอนหุ้นที่ผิดปกติของนายชูวงษ์ อยู่แล้ว จึงอยากให้เป็นเรื่องที่ได้ทำร่วมกันทีเดียว โดยคดีการโอนหุ้นยืนยันว่าพยานหลักฐานต่างๆ ที่ บก.ป.มีอยู่ในขณะนี้มีความแน่นหนา นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบได้อีกหลายจุด ซึ่งมากเพียงพอจะเอาผิดผู้ต้องหาได้ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการออกหมายเรียกหรือพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมในคดีการโอนหุ้น พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวว่า ทางคณะทำงานได้มีการพิจารณากันอยู่ว่าจะมีการเชิญใครมาให้ปากคำอีก คาดว่าภายในวันที่ 2 กันยายนนี้ คงจะทราบว่าเราจะต้องเชิญใครมาอีก หรือออกหมายเรียกใคร เมื่อถามว่ามีบุคคลใดบ้างเป็นพยานฝ่าย พ.ต.ท.บรรยิน หรือเป็นฝ่ายญาติของนายชูวงษ์ พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวว่า มีทั้งสองฝ่าย ก็คงจะต้องสอบพยานที่เกี่ยวข้องในทุกประเด็นที่เรามีข้อสงสัย ส่วนการพิจารณาออกหมายจับเพิ่มเติมนั้นขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับผู้ใด ผบก.ป.กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นข้อสงสัยที่จะต้องสอบปากคำจากพยานเพิ่มเติมก็จะพิจารณาทั้งในเรื่องของการโอนหุ้นบางตัวที่จะต้องตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบมากขึ้น และในส่วนของสาเหตุการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ด้วย ต่อข้อถามเกี่ยวกับกรณีปากกาที่นายชูวงษ์ ใช้ในการเซ็นเอกสารโอนหุ้นนั้น พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวว่า ตนไม่เห็นว่าประเด็นนี้เป็นสาระสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่ทางกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้แจ้งผลการตรวจสอบกลับมายังพนักงานสอบสวน บก.ป.แล้ว มีการยืนยันด้วยความเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นที่ยอมรับ หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น จุดนี้ก็ต้องมีคำตอบว่าคืออะไร ส่วนปากกาจะใช้แบบไหน ซื้อจากไหน อันนี้เป็นเรื่องที่จะต้องมีการชี้แจง เมื่อถามถึงกรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เกี่ยวกับการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบจุดที่เกิดอุบัติเหตุ นั้น พล.ต.ต.อัคราเดช ระบุว่า ทางพนักงานสอบสวนได้แบ่งงานกันแล้ว ก็จะต้องมีการตรวจสอบกล้องทุกตัวที่มีอยู่และใช้การได้ เราก็คงจะแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อตอบทุกข้อสงสัยให้ได้ ส่วนมิติของการเสียชีวิตด้วยสาเหตุจากอะไร มีใครทำให้เสียชีวิต หรือเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ทุกอย่างต้องมีความชัดเจน “ผมยืนยันว่าทำคดีนี้ด้วยความเป็นธรรม และไม่ได้ตั้งธงไว้ก่อน เราไม่ได้ขัดแย้งกับใคร เป็นตำรวจ เป็นนักกฎหมาย เขากล่าวกันไว้ว่า นักกฎหมายอย่างไปกลัวสิ่งอื่น กลัวสิ่งเดียวคือกฎหมาย ถ้าใครไม่ไว้ใจเราก็ยินดี จะไปร้องเรียนที่ไหนก็แล้วแต่ จะไปศาลโลก หรือไปที่ไหนก็แล้วแต่เลย ผมยืนยันได้ว่าทาง บก.ป.ดำเนินการด้วยความเที่ยงตรง” พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวและว่า ขณะนี้เรายังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการเสียชีวิตว่าเป็นการฆาตกรรม หรือเกิดจากอุบัติเหตุ โดยบอกได้เพียงว่าเป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติ และยังคงต้องตรวจสอบต่อไป ถ้าหากเป็นการฆาตกรรมจะเป็นลักษณะไหน เป็นการฆาตกรรมอำพรางหรือไม่ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นบนรถ ตรงนี้จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ เมื่อถามถึงกรณีการจำลองเหตุการณ์ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ผบก.ป.กล่าวว่า คงจะต้องมีการพิจารณาร่วมกันกับคณะทำงานอีกครั้ง หากว่าต้องจำลองเหตุการณ์ก็ต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อม ตรงนี้จึงอยู่ในช่วงระหว่างการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งบริษัทรถ นักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการขับขี่ อาจรวมไปถึงการใช้หุ่นจำลองด้วย - See more at: http://m.naewna.com/view/breakingnews/176766#sthash.SXwbJcEu.dpuf
ท่านอาวุโส ถ้าดูจากสภาพศพ บวกกับสิ่งที่ติดตามศพภายนอกเสื้อผ้าและภาพในร่มผ้า ไม่เกินคาดเดาตามความเห็นที่ผบก.ป.ให้ไว้ เพียงแต่ตอนต้นไม่มีแรงจูงใจ (motive) ตอนนี้แรงจูงใจของการฆาตกรรมมีละ ต่อไปนี้สืบสวนสอนสวนต่อไป
อัพข่าวหน่อยครับ พริตตี้ 'ชูวงษ์' คลอดลูกแล้ว คดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ “เสี่ยจืด” นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศ ที่มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ เป็นผู้ต้องหาขับรถประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ต่อมาญาติได้เข้าร้องเรียน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ให้ตรวจสอบการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ มูลค่าเกือบ 300 ล้านบาท ให้กับ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาวท้องแก่ และ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว ที่ส่อไปในทางทุจริต มีการออกหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย ทั้งหมดเข้ามอบตัวแล้ว ส่วนคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ตำรวจกองปราบปรามอยู่ระหว่างการคลี่คลายคดี ความคืบหน้าในส่วนของผู้ต้องหาการโอนหุ้นล่าสุด พริตตี้สาวท้องแก่ได้คลอดลูกออกมาแล้ว โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ย. นายเสกสรร เสนาชู ทนายความของ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาวท้องแก่ ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายชูวงษ์ เปิดเผยว่า น.ส. กัญฐณาได้คลอดลูกชายออกมาแล้ว ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา โดยเด็กทารกร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี ขณะนี้ น.ส.กัญฐณา พริตตี้แม่ลูกอ่อน ได้ออกจากโรงพยาบาลไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว ส่วนของคดีการโอนหุ้น ก่อนหน้านี้ น.ส.กัญฐณาได้ไปรายงานตัวตามกำหนดนัดแล้ว โดยมีความมั่นใจว่า มีหลักฐานเกี่ยวกับการโอนหุ้นอย่างถูกต้อง เพราะบริษัท AEC ได้ออกมาชี้แจงถึงขั้นตอนการโอนหุ้นว่าถูกต้องและเป็นลายเซ็นของนายชูวงษ์จริง ด้าน น.ส.วันเพ็ญ ธนธรรมศิริ พี่สาวนายชูวงษ์ หรือเสี่ยจืด เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ทราบข่าวการคลอดลูกชายของ น.ส.กัญฐณาแล้ว รู้สึกเฉยๆ ไม่ใส่ใจด้วย เพราะไม่มีความเกี่ยวพันกัน และมีความเชื่อมั่นมาตลอดว่าเด็กไม่ใช่ลูกของนายชูวงษ์ ส่วนคดีการโอนหุ้น ตำรวจกองปราบปรามมีหลักฐานหนาแน่นจึงออกหมายจับ น.ส.กัญฐณา ส่วนความคืบหน้าคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. กล่าวว่า คดีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ ไปยังบุคคลที่ 3 การสอบสวนมีความคืบหน้าไปกว่า 90% แล้ว โดยวันที่ 14 ก.ย. จะเรียกประชุมคณะทำงานเพื่อสอบถามความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีทั้งหมด โดยยังไม่มีการพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม และยังไม่ได้พิจารณาสรุปสำนวนคดีนี้ พล.ต.ต.อัคราเดชกล่าวอีกว่า กรณีการตรวจสอบการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือเป็นการฆาตกรรม ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน มีการดำเนินการส่วนต่างๆไปหลายส่วนแล้ว ทั้งเรื่องการทดสอบเกี่ยวกับกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นใหม่ทั้งหมด การไล่กล้องวงจรปิดในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง มีการลงพื้นที่และแบ่งงานกันทำหลายฝ่าย รวมทั้งมีการประสานตรวจสอบผลการชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวช และข้อมูลพิเศษที่ต้องประสานขอความร่วมมือจากภาคเอกชน อย่างไรก็ดี วันที่ 14 ก.ย. หลังจากประชุมคดีการโอนหุ้นเสร็จ จะเรียกประชุมคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ต่อเพื่อติดตามความคืบหน้าเพราะยังมีข้อสงสัยที่ต้องพิสูจน์หลายประเด็น ก่อนจะกำหนดแนวทางการดำเนินการต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปสนามกอล์ฟ เลควูค คันทรีคลับ สอบพนักงานเสิร์ฟ แคดดี้ และพนักงานที่คอยดูแลเรื่องการออกรอบ เพื่อดูเรื่องเวลาตั้งแต่นายชูวงษ์มาถึงทำอะไรบ้าง และออกจากสนามกอล์ฟไปเวลาเมื่อไหร่ รวมถึงตรวจสอบระยะทางว่าใช้เส้นไหน จนถึงที่เกิดเหตุ โดยขั้นตอนต่อไปกำลังประสานเรื่องการนำรถยนต์คันเกิดเหตุของ พ.ต.ท.บรรยินมาตรวจสอบใหม่อีกครั้งด้วย http://www.thairath.co.th/content/524435
อ่านฆ่าเวลากันครับ หลักฐานชัดคดี “เสี่ยชูวงษ์” ตายปริศนา ภาพชันสูตรศพพบรอยเขียวช้ำรอบคอ กองปราบปรามเดินหน้าคลี่ปริศนาฆาตกรรมคดี “เสี่ยชูวงษ์” ตะลึงภาพศพฟ้องมีรอยเขียวช้ำคล้ายถูกรัดคอ แต่ตำรวจท้องที่ “ดั้น” ให้เป็นอุบัติเหตุ เผย “ดาบสอง” ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานละเอียดยิบชนิด เตรียมจำลองเหตุการณ์จริงโดยผู้ชำนาญการ เก็บทุกเม็ด “รัด” ฆาตกรตัวจริงชนิดดิ้นไม่หลุด ปริศนาฆาตกรรมกรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ “นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” เสี่ยหมื่นล้านนักธุรกิจวงการก่อสร้างและนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ กำลังถูกคลี่ปมใกล้ถึงจุดไคลแมกซ์เข้าไปทุกขณะ หลังตำรวจกองปราบปราม “กัดติด” อย่างไม่ยอมปล่อย โดยดาบแรกได้ดำเนินคดีต่อ 4 ผู้ต้องหาหลัก คือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, น.ส.ศรีธรา พรหมา น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุณฑล และน.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล ศิวาธนพล อดีตแคดดี้ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมและรับของโจร ทั้งหมดอยู่ระหว่างประกันตัวต่อศาลเพื่อต่อสู้คดี ส่วน “ดาบสอง” อันเป็นคดีฆาตกรรมแม้จะพบพิรุธอย่างมากมาย แต่ในการรวบรวมพยานหลักฐานเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูง ทั้งนี้เนื่องจากหลักฐานสำคัญ คือ ศพของนายชูวงษ์ได้ถูกญาติทำพิธีฌาปนกิจไปก่อนหน้าแล้ว จึงเหลือแต่เพียงเอกสารชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพยานแวดล้อมต่างๆ ที่พนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข ได้สอบปากคำไว้แต่ล้วนมีทิศทางไปยังคดีอุบัติเหตุ จึงต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่พยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับผู้ตาย เช่น เพื่อนฝูงในก๊วนกอล์ฟ คนขับรถ ญาติผู้เสียชีวิตรวมไปถึงกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คน แน่นอนว่าในส่วนหลังจนถึงขณะนี้ทุกคนต่างปิดปากเงียบไม่ยอมแพร่งพรายใดๆ เว้นแต่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ จะเป็นผู้ออกมาแก้ต่างในทุกๆ ประเด็นที่สังคมเกิดความสงสัยระหว่างการสรุปพยาน-หลักฐานของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อจะนำไปมัดตัวกลุ่มฆาตกรในคดีฆาตกรรมตามที่ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.ยืนยันว่าการตายของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊งเป็นการเสียชีวิต “ผิดธรรมชาติ” พร้อมข้อสงสัยว่าหากเป็นการฆาตกรรมจะเป็นลักษณะไหน เป็นการฆาตกรรมอำพรางหรือไม่ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นบนรถ... ทั้งหมดเป็นข้อสมมติฐานซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่จะไขความกระจ่างนี้ได้ก็คือ ทีมงานสอบสวนของกองปราบปราม ที่กำลังทุ่มเทอย่างสุดความสามารถนั่นเอง ทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการ ขอย้อนรอยไปยังวันที่ 26 มิ.ย. 2558 อันเป็นวันสุดท้ายของเสี่ยหมื่นล้าน “ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” ก่อนพบจุดจบอย่างไม่คาดฝัน จากคำให้การของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ระบุว่า ในวันดังกล่าวได้นัดเพื่อนกลุ่มวิทยาตลาดทุนกิจการเพื่อสังคม หรือ วตท.รุ่น 20 ซึ่งมีคนตายเป็นประธานกลุ่มฯ ไปออกรอบกันที่สนามกอล์ฟเลควูด บางนา ที่ตามปกติอดีต รมช.พาณิชย์ จะให้นายบุญเติม งามปัญญา คนขับรถประจำตัวทำหน้าที่ แต่ในวันนั้น พ.ต.ท.บรรยิน ขับรถเลกซัส ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ไปรับเสี่ยชูวงษ์ที่บ้านพักด้วยตัวเองและให้นายบุญเติมนำถุงกอล์ฟมาส่งให้ภายหลัง ประเด็นนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำโชเฟอร์รายนี้ไว้แล้วแต่ไม่พบพิรุธอะไร โดยยืนยันว่าเพิ่งจะเดินทางมาสนามกอล์ฟเลควูดเป็นครั้งแรกและเพิ่งทำงานกับ พ.ต.ท.บรรยิน เพียง 2 เดือน ลำดับเหตุการณ์ต่อมา คือ ช่วงตีกอล์ฟเสร็จมีการสังสรรค์กันเล็กน้อย โดยนายชูวงษ์ดื่มไวน์ไปประมาณ 1 แก้ว จากนั้นจึงชวนกันเดินทางกลับ ในจุดนี้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่า พ.ต.ท.บรรยิน กับผู้ตายขับรถออกมาในเวลา 20.10 น. ก่อนวิ่งไปตามถนนบางนา ขาเข้า ลัดเลาะเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ด้วยความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อ ชม. ช่วงผ่านซอยเฉลิมพระเกียรติฯ 48-50 มีรถยนต์ปาดหน้า พ.ต.ท.บรรยินให้การว่า เกิดความตกใจจึงหักหลบรถจึงวิ่งปีนฟุตปาธชนรั้วก่อนพุ่งใส่ต้นไม้อย่างแรง ทำให้ พ.ต.ท.บรรยินหมดสติไปชั่วครู่ ในช่วงชุลมุนนั้นสักครู่หนึ่งมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยกับชาวบ้านใกล้เคียงเข้ามาช่วยเหลือนำร่างรวยรินของเสี่ยชูวงษ์ส่งโรงพยาบาลสิรินธร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังเกิดร้ายแรง ครอบครัวเสี่ยหมื่นล้านยังไม่มีประเด็นอะไรติดใจ เหตุผลทั่วไปน่าจะมาจากยังไม่มีเวลาตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินต่างๆ เนื่องจากต้องจัดเตรียมงานศพ อีกทั้งยังได้รับพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ หลังพิธีผ่านไปแล้วจึงพบว่ามีเอกสารเกี่ยวกับการโอนหุ้นมูลค่าหลายร้อยล้านบาทของผู้ตายให้แก่ น.ส.อุรชา วชิรกุณฑล และ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล จึงมีการสอบถามไปยังบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวจนทราบความจริงและเป็นจุดเริ่มต้นของพิรุธต่างๆ รวมไปถึงการออกมาเรียกร้องให้รื้อฟื้นคดีขึ้น สำหรับเงื่อนปมต่างๆ อันเป็นพยานแวดล้อมจนทำให้สังคมไทยเกิดความสนใจในคดีนี้เป็นอย่างมากก็คือ มีชื่อของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หากเขาเป็นเพียงนักการเมืองธรรมดาไม่มีอดีตอันสลับซับซ้อนก็คงไม่ถูกจับจ้องหรือกดดันขนาดนี้ สำหรับประวัติคร่าวๆ ของ พ.ต.ท.บรรยินนั้นเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 39 จะด้วยความบังเอิญอันเหลือเชื่อหรือไรก็ตาม กลายเป็น นรต.รุ่นเดียวกับ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รอง ผบก.น.4 หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีเดียวกันนี้ซึ่งต่อมาญาติเสี่ยชูวงษ์ได้ร้องต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวน และจากการสืบค้นของทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการยังพบว่า ชื่อเดิมของ พ.ต.อ.ทวีรัชต์ คือ “ชโลธร” ซึ่งสามารถค้นพบในหนังสือรายนาม นรต.ทั่วไป แต่การเปลี่ยนชื่อจะด้วยเหตุผลใดก็ตามจะทำให้ตัวตนหายไปจากการบันทึกทันที ตำแหน่งสุดท้ายของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ คือ สวป.สภ.อ.กำแพงเพชร ก่อนลาออกจากราชการเมื่อปี 2543 เข้าสู่ถนนสายการเมืองพรรคไทยรักไทย ในกลุ่มวังน้ำยมของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จากนั้นลาออกมาเข้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย นำโดยนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภรรยานายสมศักดิ์ เทพสุทิน รุ่นเดียวกับนางพรทิวา นาคาศัย เมื่อชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2553 พ.ต.ท.บรรยิน จึงเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พ.ต.ท.บรรยิน ยังเคยผ่านเหตุร้ายแรงเฉียดคุกเฉียดตะรางมาแล้วถึง 2 ครั้ง ในครั้งแรกเกิดอุบัติเหตุระหว่างขับรถกลับบ้านพักกับภรรยาแล้วรถเสียหลักไปชนต้นสะเดาข้างถนนเป็นเหตุให้ภรรยาเสียชีวิต เหตุเกิดตอน 5 ทุ่มวันที่ 23 มีนาคม 2534 ท้องที่ สภ.อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ครั้งต่อมาเข้าไปพัวพันกับคดีมือปืนสไนเปอร์ลอบยิงนายอำนาจ ศิริชัย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ขณะนั่งชมฟุตบอลโลกบริเวณสนามกีฬา หน้าศาลากลาง จ.นครสวรรค์ เมื่อปี 2553 เป็นคดีอุกอาจสะเทือนขวัญจนต้องส่งตำรวจกองปราบปรามลงไปคลี่คลาย และหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ พ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี ผกก.2 ป.มีการถือหมายเข้าค้นบ้านพัก พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ในฐานะผู้ต้องสงสัย ปัจจุบันแม้วันเวลาผ่านไปนานถึง 5 ปี แต่เส้นทางยังบีบให้มาเจอกันอีกครั้งด้วยคดีปริศนาฆาตกรรม เมื่อทราบถึงความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ แล้วปมพิรุธต่างๆ ของคดีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการโอนหุ้นจำนวนหลายร้อยล้านบาทแก่ผู้อื่นอย่างง่ายดาย อีกทั้งการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่แย้งต่อความรู้สึก รวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆ ยังมีผลการชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวชวิทยาฯ ที่ระบุว่า พบบาดแผลช้ำบวมบริเวณศีรษะด้านซ้ายและด้านขวา คางถลอก 2 ข้าง ไหล่ซ้าย หน้าแข้งสองข้างและบ่าช้ำม่วง ศีรษะพบรอยช้ำด้านหลังซ้าย กะโหลกศีรษะสภาพปกติ สมองบวมมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นในด้านซ้าย กระดูกสันหลังหัก กระดูกซี่โครงด้านหน้าทั้งซ้ายและขวาหักหลายซี่ ปอดช้ำ มีเลือดคั่งที่หัวใจ มีเลือดคั่งในตับ ม้ามและไต แพทย์ระบุสาเหตุของการเสียชีวิตว่า เลือดออกในเยื่อหุ้มสมองชั้นใน สมองบวม จากการกระแทกของแข็ง ไม่ได้ระบุว่าเสียชีวิตเพราะเหตุใด ผลชันสูตรดังกล่าวแม้จะมีเหตุผลสนับสนุนจากคำให้การของ พ.ต.ท.บรรยิน เช่น ผู้ตายไม่คาดเข็มขัดนิรภัย แต่ที่สังคมเคลือบแคลงใจก็คือ สภาพความเสียหายของรถเลกซัส ที่มีเพียงรอยบุบเล็กน้อยด้านซ้ายอันเป็นจุดที่นายชูวงษ์นั่งอยู่ข้างคนขับนั้น ไม่น่าจะทำให้เกิดแรงกระแทกมากมายมหาศาลได้ขนาดนั้น อีกประการคือ แม้ผู้ตายไม่ขาดเข็มขัดและถุงลมนิรภัยเกิดขัดข้องไม่ทำงาน บาดแผลฉกรรจ์ต่างๆ ควรเกิดด้านหน้า ไม่ใช่ด้านหลังตามรายงานชันสูตรของแพทย์ และที่ พ.ต.ท.บรรยิน ไม่สามารถไขข้อข้องใจได้เลยก็คือ ห้วงเวลาเดินทางจากสนามกอล์ฟเลควูดมายังซอยเฉลิมพระเกียรติ 48-50 อันเป็นจุดเกิดเหตุ ทำไมใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมงก่อนโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุกับภรรยานายชูวงษ์ เพราะระยะทาง 20 กม.โดยประมาณนั้น หากเป็นจริงตามที่ให้การไว้ เฉลี่ยความเร็วรถคงไม่เกิน 20 กม./ชม. ความขัดแย้งดังกล่าวจึงมีคำถามว่า ห้วงเวลาดังกล่าว พ.ต.ท.บรรยิน กับผู้ตายอยู่ในรถกันตามลำพังหรือไม่ มีใครแอบโดยสารมาอีกหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้นระหว่างเส้นทางขากลับ ทุกพิรุธที่พบในคดีเสี่ยชูวงษ์ จึงนับเป็นสิ่งท้าทายความสามารถตำรวจไทยเป็นอย่างยิ่ง ต่อจากนี้คือขั้นตอนสำคัญนั่นคือ การจำลองเหตุการณ์จริง ใช้รถจริง มีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปิดบัญชีความเคลือบแคลงสงสัยทั้งหมด แต่สิงหนึ่งที่เพิ่มน้ำหนักให้เป็นการฆาตกรรมอำพรางมากขึ้นนั่นก็คือ ภาพถ่ายสภาพศพเสี่ยชูวงษ์ โดยเฉพาะรอยช้ำรอบคอคล้ายถูกรัดอย่างแรง อาจนำพาให้ฆาตกรตัวจริงต้องจนมุม รวมไปทั้งความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในตอนแรก เมื่อให้น้ำหนักว่าเป็นอุบัติเหตุธรรมดา พยานหลักฐานต่างๆ เลยถูกกลืนหายไปจนแทบหมดสิ้น เมื่อเจ้าของคดีขาข้างหนึ่งซุกเข้าไปในตะรางด้วย ประเด็นนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่มีตำรวจน้อยใหญ่แห่งนครบาลพากันออกมายืนกระต่ายขาเดียวให้เป็นคดีอุบัติเหตุธรรมดาในวันแรกๆ http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000104978
อ่านฆ่าเวลากันครับ ฉบับ2 ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -วันนี้ แม้คดีโกงหุ้นของ “เสี่ยจืด” หรือ “นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” เจ้าของรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสตนดาร์ด เพอร์ฟอร์แม้นซ์ จำกัด จะมีความคืบหน้าไปมาก เมื่อศาลได้ออกหมายจับ 4 ผู้ต้องหาข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ได้แก่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล และน.ส.ศรีธนา พรหมา มารดา แต่สำหรับ “การเสียชีวิต” ซึ่งทางญาติของนายชูวงษ์ติดใจเป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่าเป็น “ฆาตกรรมอำพราง” มากกว่า “อุบัติเหตุ” ยังคงย่ำอยู่กับที่ สำนวนการชันสูตรศพ ซึ่งความจริงควรจะถูกส่งมาให้กองปราบปราม จนกระทั่งถึงวันที่ 14 กันยายน 2558 ก็ยังคงอยู่ในมือของ “สน.อุดมสุข” ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งแม้กระทั่งกองปราบปรามที่รับช่วงทำคดีต่อก็ยังแปลกใจ “ณ ตอนที่คุณชูวงษ์เสียชีวิต พี่ไม่ได้สงสัย เพราะพฤติกรรมของน้องชายไม่ได้มีศัตรูเลย...หลังเสร็จงานเราก็นัดทนายมาดูเพื่อเคลียร์ปัญหา ก็มาไล่ดูทรัพย์สินกัน ก็มาเจอเอกสารการโอนหุ้น และพบความผิดปกติในการโอนหุ้นให้กับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่ญาติ ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยไปถึงสาเหตุการเสียชีวิต...วันนี้ พี่ไม่ได้ต้องการเงินที่หายไปคืน หากแต่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้องชาย และถ้าหากน้องชายเสียชีวิตเพราะฆาตกรรม พี่จะสู้ถึงที่สุด” นั่นคือความรู้สึกของ “วันเพ็ญ ธนธรรมศิริ” ผู้เป็นพี่สาวที่บอกเล่าถึงความคืบหน้าในคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์แบบมีเงื่อนงำ หลังจากที่เธอพร้อมด้วย “นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง” ภรรยา และ “นายกันต์ แซ่ตั๊ง” ลูกชายของนายชูวงษ์ได้นำเอกสารและหลักฐานเพิ่มเติมไปมอบให้ พล.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปรามเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ให้มีความชัดเจนขึ้นเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ญาติไม่เชื่อว่าเป็นการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ ระหว่างเดินทางกลับจากตีกอล์ฟกับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ซึ่งเป็นเป็นคนขับและเป็นเพื่อนของผู้ตายก็เพราะพบหลักฐานว่า นายชูวงษ์ได้โอนหุ้นมูลค่าราว 300 ล้านบาท ให้กับผู้หญิง 2 คนคือ กัญฐณาและศรีธราก่อนจะประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตเพียงไม่กี่วัน กล่าวคือ หุ้นมูลค่าราว 40 ล้านบาทถูกโอนให้กับแม่ของโบรกเกอร์บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด(มหาชน) เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2558 และถัดมาหุ้นมูลค่า 228 ล้านบาทถูกโอนให้กับพริตตี้สาวเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ขณะที่นายชูวงษ์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2556 จะมีความสนิทเสน่หาแนบแน่นหรือมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวเพียงใด ก็ไม่น่าที่จะต้องโอนหุ้นมูลค่ามากมายมหาศาลขนาดนั้นให้ ดังนั้น พวกเขาจึงปักใจเชื่อว่า การเสียชีวิตของนายชูวงษ์มีความสัมพันธ์อย่างเป็นเหตุเป็นผลกับคดีการโอนหุ้น นั่นคือประเด็นที่ญาติของนายชูวงษ์ตั้งข้อสงสัย และเป็นข้อสงสัยที่มิได้เกินเลยไปจากความจริงแต่ประการใด เพราะภรรยา ลูกชายและญาติรับรู้ข้อมูลอยู่แก่ใจว่า “ใคร” มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ “ใคร” “ผู้หญิงคนนั้นเคยมาที่บริษัทของเรา มาขับรถรับคนๆ นั้นออกไปด้วยกัน ตอนไปต่างประเทศในช่วงเรียนหลักสูตรของตลาดหลักทรัพย์ คุณชูวงษ์ไปกับภรรยา ผู้หญิงคนนี้ก็ไปพร้อมคนๆ นั้น”พี่สาวนายชูวงษ์ให้ข้อมูล และในที่สุดการโอนหุ้นดังกล่าวก็เป็นที่ชี้ชัดแล้วว่า มีความผิดปกติ และศาลก็ได้ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 คนตามสำนวนของพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่ศาลจะให้ประกันตัวในเวลาต่อมา เมื่อญาติของนายชูวงษ์พบความผิดปกติในการโอนหุ้นดังกล่าว อันเนื่องมาจากพบหลักฐานชิ้นสำคัญซึ่งวางไว้ในห้องทำงานของนายชูวงษ์ จึงนำมาซึ่งการตรวจสอบข้อมูลการตายของนายชูวงษ์ไปพร้อมๆ กัน เพราะฉุกใจคิดว่า เรื่องนี้น่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาที่เกิดขึ้นโดยเหตุสุดวิสัยเสียแล้ว และพบว่า มีข้อพิรุธมากมาย โดยเฉพาะ “สภาพศพขณะเสียชีวิตของนายชูวงษ์” “เมื่อเวลาประมาณ 18.40 น.วันที่ 26 มิ.ย. วันเกิดเหตุ นางศิริรัตน์ ภรรยาของนายชูวงษ์โทรศัพท์ติดต่อไปหานายชูวงษ์ที่บ้านพักทราบว่า นายชูวงษ์กำลังอาบน้ำ เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก ต่อมาเวลา 22.00 น. นางศิริรัตน์ได้รับโทรศัพท์จากภรรยาพ.ต.ท.บรรยิน ว่าพ.ต.ท.บรรยินและนายชูวงษ์เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ นางศิริรัตน์จึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 2 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เมื่อไปถึงพบว่า พ.ต.ท.บรรยินยังคงนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ ในสภาพคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งพ.ต.ท.บรรยินให้การกับพนักงานสอบสวน ว่าหลังเกิดอุบัติเหตุ พ.ต.ท.บรรยินสลบไป เมื่อรู้สึกตัวจึงโทรศัพท์บอกภรรยา “ยอมรับว่าครอบครัวของนายชูวงษ์ยังติดใจ ความจริงแล้วหากเกิดอุบัติเหตุเมื่อ พ.ต.ท.บรรยินโทรศัพท์ไปบอกภรรยาแล้ว น่าจะต้องลงมาจากรถเพื่อดูเพื่อนร่วมทางว่าเป็นอย่างไร หรือน่าจะเรียกตำรวจทันที แต่กว่านางศิริรัตน์จะเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุก็เป็นเวลากว่า 20 นาที กลับพบ พ.ต.ท.บรรยินยังนั่งคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่จุดเดิม หลังจากนั้นได้เรียกมูลนิธิและรถร.พ. พร้อมโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ก่อนจะช่วยปั๊มหัวใจนายชูวงษ์ 1 ครั้ง กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่ร.พ.สิรินธร” “คือถ้าถามผม มันเป็นเรื่องยากที่การเลี้ยวกะทันหันในระยะทาง 45 เมตรก่อนจะชนต้นไม้ ไม่ใช่ทางเรียบๆ น้ำหนักรถ 2,450 กิโลกรัม ไม่มีทางที่รถน้ำหนักขนาดนี้จะต้องมีแรงเฉื่อย กว่าจะถึงต้นไม้มันต้องผ่านลวดหนาม เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะวิ่งไปกระแทกต้นไม้ทันทีมันไม่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่ทางญาติสงสัย เพราะไม่เชื่อว่าการชนลักษณะนี้จะทำให้ถึงแก่ความตาย แล้วต้นไม้ที่ชนก็คือต้นยูคาลิปตัสซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน ชนขนาดมีคนตายต้นยูคาลิปตัสมีแค่รอยเปลือกลอกออกไปเท่านั้น และเมื่อดูรูปที่เรามี ผมก็ไม่เชื่อว่าคุณชูวงษ์เสียชีวิตเพราะรถชนต้นไม้ เนื่องจากสภาพศพยังมีความขัดแย้งกัน อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่า พนักงานสอบสวนของกองปราบปรามได้ข้อมูลหลักฐานที่สำคัญแล้ว” นายอเนก คำชุ่ม ทนายความฝ่ายญาติของนายชูวงษ์ให้ข้อมูล ขณะที่เมื่อตรวจดูคำให้สัมภาษณ์ของนายกันต์ แซ่ตั๊ง ก็พบว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะลูกชายของนายชูวงษ์ระบุว่า “หลังจากทราบข่าวในวันเกิดเหตุก็รีบเดินทางใช้เวลา 20 นาที แต่ไม่นึกว่ารถชนแค่นั้นถึงกับจะทำให้บิดาเสียชีวิต” นั่นแสดงว่า นายกันต์ไม่เชื่อว่า การชนจะรุนแรง และรุนแรงถึงขนาดที่ ทำให้พ่อเสียชีวิตได้ เช่นเดียวกับวันเพ็ญที่บอกว่า “ตอนที่รู้ว่าคุณชูวงษ์ประสบอุบัติเหตุ จุ๋ม(นางศิริรัตน์ภรรยาของนายชูวงษ์) ได้โทรศัพท์กลับไปที่เครื่องนายชูวงษ์ เพราะคิดว่า ไม่รุนแรง ปรากฏว่า มีชายนิรนามรับและบอกไม่ได้ว่า ประสบเหตุอยู่ตรงไหน ซึ่งถ้าเป็นกู้ภัยก็ต้องรู้ แสดงว่าไม่ใช่กู้ภัย คำถามคือชายนิรนามคนนั้นคือใคร” หนักไปกว่านั้นคือ ใบชันสูตรศพของนายชูวงษ์ของ “สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ” ที่ญาติมีอยู่ในมือมี 2 ใบ และทั้งสองใบมีข้อความไม่ตรงกันใน 2 จุด โดยข้อความที่หายไปคือ “บาดแผนช้ำ บวมศีรษะด้นหลังข้างขวา พื้นที่ 5x4 ซม” และมีข้อความเพิ่มจาก “บาดแผลช้ำ ม่วงหน้าบ่า” เป็น “บาดแผลช้ำม่วงหน้าบ่าซ้าย” ไม่มีใครรู้ว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และได้มีใครบางคนไปดำเนินไปแก้ไขเพื่อให้สอดรับกับสภาพศพของนายชูวงษ์หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนจะต้องพิสูจน์ต่อไป และที่น่าแปลกใจก็คือ คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.กล่าวยอมรับว่า กรณีของสำนวนชันสูตรก็ไม่ทราบว่า ทาง สน.อุดมสุข ติดขัดปัญหาอุปสรรคใดจึงยังไม่ส่งสำนวนดังกล่าวมาให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.แต่ก็มีการทวงถามไปแล้ว “สน.อุดมสุข บ.ชน.ประกาศหลายรอบว่า คดีนี้เป็นอุบัติเหตุ จำได้ไหม พี่เคยไปร้องเรียนว่า ทำไมต้องไปเอาเพื่อนร่วมรุ่นมาทำคดี พี่ก็ไปร้อง ผบ.ตร.นี่คือขั้นตอนที่พี่ไม่สบายใจ แล้วหลักฐานทั้งหมดเรามีมากกว่าอุดมสุขอีก อุดมสุขพยายามเรียกพี่ไปให้ปากคำ แต่ให้ไปเท่าไหร่มีคนรู้ทุกครั้ง พี่เลยหยุดไปให้ปากคำ โดยเฉพาะเรื่องรถ กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจรถเมื่อไหร่ เขาแจ้งไปปุ๊ปเขาออกเลย แต่ก็มีคนมาดักเจอทุกครั้ง”พี่สาวนายชูวงษ์ให้ข้อมูล นี่กระมังทำให้สังคมย้อนนึกไปถึงเมื่อครั้งที่ญาตินายชูวงษ์ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.สมยศเพื่อขอให้เปลี่ยนตัว พ.ต.อ.ทวีรัชต์ ศรีธวัชพงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 หัวหน้าคณะทำงานคลี่คลายคดีการการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เนื่องจากทางครอบครัวเกิดความไม่สบายใจหลังทราบข้อมูลว่าทาง พ.ต.อ.ทวีรัชต์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 39 รุ่นเดียวกันกับ พ.ต.ท.บรรยิน และยิ่งตอกย้ำหนักเข้าไปอีกเมื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวให้สัมภาษณ์หลังมีคำสั่งให้โอนคดีของนายชูวงษ์จากกองบัญชาการตำรวจนครบาลมาไว้ที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามว่า “ผมได้ยินว่า มีความพยายามของบุคคลบางคน ที่ใช้อำนาจบารมี ทั้งด้านส่วนตัวและเงินเข้ามาแทรกแซง เพื่อให้คดีนี้ถูกบิดเบือน ผมยืนยันว่า ผมระแคะระคายและรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่ผ่านมา” คำถามคือ บุคคลบางคนที่ใช้อำนาจบารมีทั้งด้านส่วนตัวและเงินเข้ามาแทรกแซงเพื่อให้คดีนี้ถูกบิดเบือนตามที่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงคือใคร และทำไปเพื่ออะไร นี่เป็นโจทย์สำคัญที่ตั้งเอาไว้ก่อนในชั้นนี้ แต่ปัญหาใหญ่ของคดีนี้อยู่ตรงที่… หนึ่ง-“ศพ” ของนายชูวงษ์ ถูกฌาปนกิจหรือเผาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ไม่สามารถผ่าพิสูจน์ใหม่ได้ (เชิญอ่านต่อได้ที่ http://manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9580000105942
“บรรยิน” แจ้งความ “พี่สาวเสี่ยชูวงษ์” หมิ่นประมาท พ่วง ผบก.ป.ค้นบ้านลูกสาวไร้หมายค้น วันนี้ (25 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ และ ส.ส.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่เสียชีวิตปริศนาภายในรถยนต์ยี่ห้อเลกซัสขณะเดินทางไปกับ พ.ต.ท.บรรยิน เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วรพงษ์ ภคเวส พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อ น.ส.วันเพ็ญ ธนธรรมศิริ อายุ 54 ปี พี่สาวของนายชูวงษ์ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยนำเอกสารข้อความที่มีการโพสต์ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ และเอกสารที่เกี่ยวข้องมอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า น.ส.วันเพ็ญกล่าวหาตนผ่านทางไลน์ซึ่งมีข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทเพราะมีการกล่าวหาว่าตนไปร้องเรียน น.ส.วันเพ็ญ ว่าได้ไปแจ้งกรมสรรพากรให้ไปตรวจสอบบริษัทเขา ทางผู้สื่อข่าวก็คงเห็นแล้วว่าตนไม่เคยไปเลย เป็นการใส่ร้ายซึ่งเรื่องของกรมสรรพากร นั้นตนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติของหน่วยงานรัฐที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นปกติอยู่แล้วไม่เกี่ยวกับที่ตนจะไปแจ้งเลย พ.ต.ท.บรรยินกล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่ตนมาในครั้งนี้คือกรณีที่ตนได้ทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนเพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับการที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับตนเรื่องการโอนหุ้น เนื่องจากตนได้ทำหนังสือสอบถามไปนานแล้วก็ยังไม่มีการตอบกลับมา คราวนี้จึงทำหนังสือทวงถามมาเป็นครั้งที่ 2 เพราะว่าตนยังไม่ได้แก้ข้อกล่าวหาในรายละเอียด พ.ต.ท.บรรยินกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ก็มีกรณีในขณะที่ตนเดินทางมามอบตัวสู้คดีแล้ว เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.ได้สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านพักของบุตรสาวตนที่ย่านรามอินทราเกี่ยวกับเรื่องการตั้งพรรคการเมืองโดยไม่มีหมายค้นนั้น ขณะนี้ตนได้ตรวจสอบคำสั่งของทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งทาง คสช.มีการแถลงแล้วว่าได้ใช้มาตรา 44 รวม 27 ครั้ง ตนตรวจสอบแล้วไม่มีเรื่องที่สั่งให้ไปค้นที่บ้านบุตรสาวตน คงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาดำเนินคดีฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนจะต้องแจ้งความร้องทุกข์หรือไม่นั้นภายในสัปดาห์คงจะมีความชัดเจน http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000108326 ผมจำได้ว่า กองปราบเขาก็ชี้แจงแล้วว่าเขาเข้าตรวจเพื่อจับคุมจำเลย ที่ 4 ที่แหล่งข่าวว่าหลบอาศัยอยู่ในบ้าน และมีการออกหมายจับแล้ว และจำเลยก็ยังไม่มอบตัว ไม่ได้เกี่ยวกับการตั้งพรรคอะไรเลย
หุ่นมาแล้วววว.... กองปราบฯ เริ่มจำลองอุบัติเหตุไขปริศนาการตาย “เสี่ยชูวงษ์” ASTV ผู้จัดการ - กองปราบปรามจำลองเหตุการณ์เหมือนจริงไขปริศนาการตายของ “เสี่ยชูวงษ์" วันนี้ (28 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ทหารจาก ม.1 รอ. ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ร่วมทำแผนจำลองเสมือนจริงเพื่อคลายปริศนาเหตุการณ์อุบัติเหตุรถยนต์และประเด็นการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง หรือเสี่ยชูวงษ์ บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 โดยใช้รถยนต์เลกซัสของตำรวจสันติบาล ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่นำหุ่นจำลองขนาดเท่าตัวเสี่ยชูวงษ์นั่งมาในรถจำลองฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าซ้าย และใช้เครื่องตรวจจับความเร็วจับระยะเวลาความเร็วของรถขณะวิ่งมาตามถนนเฉลิมพระเกียรติจนถึงที่เกิดเหตุตามคำให้การ เพื่อนำข้อมูลไปประกอบสำนวนคดีประเด็นการเสียชีวิตของเสี่ยชูวงษ์ cr: http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000109170
อัพข่าวนิด.. ASTV ผู้จัดการ - ภรรยา และพี่สาว นายชูวงษ์ ยื่นเอกสารการโอนหุ้นและรายละเอียดทางการเงินเพิ่มเติมให้พนักงานสอบสวน ก่อนส่งอัยการวันที่ 5 พ.ย. วันนี้ (26 ต.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง อายุ 51 ปี น.ส.วันเพ็ญ ธนธรรมศิริ อายุ 54 ปี ภรรยาและพี่สาวของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจหมื่นล้านที่เสียชีวิตปริศนา พร้อมด้วย นายเอนก คำชุ่ม ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม หลังอัยการขอเอกสารประกอบคดีเพิ่ม นายเอนก กล่าวว่า เอกสารที่นำมายื่นเป็นเอกสารในส่วนของคดีการโอนหุ้น ซึ่งเอกสารดังกล่าวจะนำมาใช้ยืนยันว่ารายละเอียดทางการเงินของนายชูวงษ์เป็นอย่างไร รวมทั้งเอกสารยืนยันในส่วนความเคลื่อนไหวของนายชูวงษ์ในช่วงกรอบระยะเวลาก่อนเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ทางครอบครัวได้ยื่นเอกสารบางส่วนให้กับพนักงานสอบสวนไปแล้ว แต่ภายหลังทางอัยการได้มีการขอเอกสารเพิ่มเติม จึงนำมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนทั้งนี้เอกสารดังกล่าวจะสามารถยืนยันเพื่อให้สำนวนเกิดความสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ จะรีบนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่ได้มาทำการตรวจสอบ ก่อนนำไปประกอบกับสำนวนเพื่อส่งให้กับทางอัยการภายในวันที่ 5 พ.ย. ที่จะถึงนี้ http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000119552
น้าครับ....มาตามข่าวกันนิดนะครับ... ASTV ผู้จัดการ - พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. เผยการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของนายชูวงษ์ยังไม่แล้วเสร็จ คาดว่าจะทราบผลเร็วๆนี้ พร้อมกับแจ้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอมเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.บรรยิน วันนี้ (4 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตปริศนาของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี หรือเสี่ยจืดนักธุรกิจหมื่นล้านว่า ในส่วนของผลตรวจการจำลองเหตุการณ์ยังไม่เรียบร้อยและยังไม่เสร็จสิ้นขณะนี้อยู่ระหว่างประสานเร่งรัด ซึ่งคาดว่าเร็วๆ นี้ จะทราบผล เมื่อได้ผลการจำลองเหตุการณ์แล้วก็จะมาประชุมร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนเพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินการต่อไป ส่วนที่ก่อนหน้านี้ที่ทางพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ จะนำพยานมาให้สอบปากคำเพิ่มเติมนั้นในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากจะประสานมา ตนก็พร้อมที่จะดำเนินการให้เพื่อความเป็นธรรม พล.ต.ต.อัคราเดช กล่าวต่อว่าสำหรับคดีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ ไปยังบุคคลที่ 3 นั้น ทางอัยการได้ให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานและส่งข้อมูลเพิ่มเติมในบางประเด็นซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ รวมทั้งได้มีการแจ้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอมเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.บรรยิน เพื่อเป็นการแจ้งข้อหาให้ครบถ้วน อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้ ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป.เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนโดยรับผิดชอบคดีแทน พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี ที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผบก.ปคบ.พร้อมกับเน้นย้ำให้ชุดทำงานเน้นความถูกต้องและเป็นธรรม ตนไม่ได้เร่งรัดหรือไปกำหนดระเวลาในการดำเนินการแต่ต้องสามารถตอบสังคมได้ในทุกประเด็น http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000122998
Bangaor Channel ขอบันทึกไว้เป็นข้อมูลนะครับจะครึ่งปีละ รายการแฟ้มสืบสวนเรียบเรียงเรื่องราวได้ค่อนข้างดี
อัพข้อมูลหน่อยครับ ชัดแล้วครับว่าการโอนหุ้นที่อ้างกันว่าโอนเพื่อความมั่นคงทางครอบครัว ให้ลูกในท้องของ2สาวนั้น เป็นเรื่องเหลวไหล แล้วเรื่องกิ๊กแก๊ก อะไรนั้น ดูจะเป็นเรื่องแต่ง ที่ไร้สาระ เพียงเพื่อหวังจะครอบง่ำหุ้นของผู้ตาย เวรกรรมกำลังทำหน้าที่มันแล้วครับ... ปรับ 1.1 ล้าน บล.เออีซี โอนหุ้น “ชูวงษ์” มิชอบ “อุรชา” โบรกเกอร์สาวโดนแบน 10 ปี สำนักงาน ก.ล.ต.ลงโทษผู้บริหาร บล.เออีซี เหตุแนะนำการลงทุน และโอนหุ้นของ “ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” อย่างมีนัยสำคัญ “อุรชา วชิรกุลฑล” เพิกถอนในการให้ความเห็นชอบ 10 ปี ขณะ “ธาดา จันทร์ประสิทธิ์ และพิสิทธิ์ ปทุมบาล” สองผู้บริหารหลัก สั่งพักการให้ความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเวลา 6 เดือน มีผล 29 ธ.ค.58 เป็นต้นไป พร้อมเปรียบเทียบปรับ 1,101,000 บาท http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000140526
ฟังว่า โบรคเกอร์ ผู้ดูแลบัญชี ของ คุณชูวงษ์ฯ ให้การกับตำรวจแล้วว่า "โอน โดยไม่ได้รับคำสั่งจากเจ้าของบัญชี" ฟังแล้วน่ากลัวอยู่ กับ การซื้อ-ขาย หุ้น จะทำให้ขาดความเชื่อมั่น ในการลงทุน หรือ เปล่า? ตะนิ่นตาญี วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๒๐.๒๑ นาฬิกา
โอ้ โบรคเคอร์ โอนหุ้นลูกค้า โดยมิชอบ โบรคเคอร์ โอนหุ้นลูกค้า เช้า บ/ช แม่ตัวเอง - ที่ปกปิดความสัมพันธู์ กับตน โบรคเคอร์ โอนหุ้นลูกค้า โดยดำเนินการทางโทรศัพท์ - ที่ตัวเองเพิ่งเข้าไปเพิ่มในระบบโดยพลการ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา แถมลูกค้าที่ตนไปโอนหุ้นโดยมิชอบ ดันมาเสียชีวิต แล้วเสียอีก นี่มัน พลอต นิยายนักสือชั้นดี ชัดชัด ถ้า หาความสัมพันธุ์ ของทีมโบรคเคอร์ กับบันเยิน ได้ ก็จะพบแรงจูงใจ ชัดๆ. . . น่าสงสารเสี่ยจืด คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คราวนี้ถึง กับชีวิต ทีเดียว
ขอบคุณคุณ B\bankyly ลองไปดูผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นของบริษัทดูครับ ทุกขั้นตอนมันถึงเป็นอย่างที่เห็น (ง่าย)
"..นายประพล มิลินทจินดา เคยดำรงเป็นเลขานุการ รมว.พาณิชย์ นางพรทิวา นาคาศัย สังกัดพรรคภูมิใจไทย (กลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ขณะที่ นายบรรยิน ตั้งภากรณ์ ตัวละครสำคัญในคดี นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย .." http://www.isranews.org/investigative/investigate-news-person/item/40469-report01_40469.html
http://crime.tnews.co.th/contents/177917/ ญาติยัน มั่นใจ "เสี่ยชูวงษ์" ไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุ เตรียมส่งหลักฐานให้กองปราบเร็วๆ นี้ ด้าน "แพทยสภา" เผยผลตวจการชันสูตรห์ศพ ระบุพบผู้ตายกระดูกคอข้อ 6-7 หัก เหตุถูกกระแทกจากของแข็งไม่มีคม วันนี้ (1 ก.พ.) ที่แพทยสภา เมื่อเวลา 13.00 น. นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่เสียชีวิตขณะเดินทางด้วยรถยนต์ พร้อมด้วยนายเอนก คำชุ่ม ทนายความ เดินทางเข้าพบ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีขอให้แพทยสภาตรวจสอบผลรายงานการชันสูตรของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า หลังจากญาตินายชูวงษ์ ได้ทำเรื่องร้องมายังแพทยสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบผลรายงานการชันสูตรของสถาบันนิติเวช ทางแพทยสภาได้ส่งรายงานดังกล่าวไปยังราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์มาร่วมพิจารณาด้วย โดยเป็นการตรวจสอบจากรายงานผลการชันสูตรที่ผ่านมาเท่านั้น ร่วมกับภาพถ่ายผู้เสียชีวิตเพียง 2 ภาพ คือ ภาพด้านหน้าส่วนบนและส่วนล่าง แต่ไม่มีภาพด้านข้างหรือด้านหลัง นายกแพทยสภา กล่าวต่อว่า จากผลรายงานการชันสูตรฯ ที่ทางญาติผู้เสียชีวิตมีข้อสงสัยมีประมาณ 7 ข้อ อาทิ หนังตาบนสองข้างมีเลือดออกเยื่อบุตาจนบวมนั้น เกิดขึ้นเพราะอะไร ซึ่งพบว่าเกิดจากแรงกระแทกของของแข็ง ไม่มีคม ส่วนบาดแผลที่คาง เกิดจากรอยครูดของแข็ง และบริเวณลำคอนั้นพบว่ามีกระดูกหักท่อนที่ 6 และท่อนที่ 7 ซึ่งพบว่ามาจากแรงกระแทกเช่นกัน ทั้งนี้ ส่วนแรงกระแทกบริเวณคอจนทำให้กระดูกหักท่อนที่ 6 และ7 นั้น เป็นแรงกระแทกจากของแข็งที่ไม่มีคม ส่วนจะเป็นลักษณะใดไม่สามารถระบุได้ ตรงนี้จะต้องไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยปกติหากถูกแรงกระแทกบริเวณคอจะส่งผลให้กระดูกข้อที่ 6 และ 7 หักหรือไม่ ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุโดยปกติมักพบว่ากระดูกคอข้อที่ 2 และ 3 จะหักมากกว่า แต่หากจะกระทบไปถึงกระดูกคอข้อที่ 6 และ 7 จะเป็นลักษณะร่วมด้วยกันทั้งหมด ซึ่งอาจเกิดจากแรงเหวี่ยง หรือเกิดจากการกระแทกที่มาจากไหล่ร่วมก็เป็นได้ แต่ทั้งหมดไม่สามารถฟันธงว่าเป็นเพราะอะไร ต้องให้ญาตินำรายงานดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนของแพทยสภาขณะนี้ถือว่าจบแล้ว ยกเว้นญาติต้องการร้องเรียนต่อในเรื่องการถ่ายภาพผู้เสียชีวิตเพื่อเก็บเป็นหลักฐานของนิติเวช ซึ่งมีจำนวนน้อยเกินไป ก็สามารถร้องมายังแพทยสภา เพื่อนำเข้าสู่คณะกรรมการจริยธรรมเพื่อพิจารณาว่าทางพยาธิแพทย์ที่ทำการเก็บหลักฐานภาพถ่ายได้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ น.ส.วันเพ็ญ กล่าวว่า จากการรวบรวมความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทำให้ครอบครัวค่อนข้างมั่นใจว่า การเสียชีวิตของนายชูวงษ์ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ทั้งหมด แต่จะนำข้อมูลที่ได้ส่งต่อไปกองปราบใน 2-3 วันนี้ เบื้องต้นยืนยันว่าจากการตรวจสอบภายในรถยนต์คันที่นายชูวงษ์นั่งไปประสบอุบัติเหตุนั้นไม่พบวัตถุของแข็งใดๆ บนรถ และยืนยันว่ารถรุ่นดังกล่าวมีความปลอดภัยสูง ด้าน นายเอนก กล่าวว่า จากผลการชันสูตรที่สามารถเปิดเผยได้ คือ กรณีหนังตาบน 2 ข้างช้ำ เลือดออกในเยื่อบุตา ความเห็นคือน่าจะมาจากแรงกระแทกจากของแข็ง ไม่มีคม บาดแผลที่คางก็เกิดจากการครูดจากวัตถุของแข็ง ส่วนบริเวณกระดูกคอซี่ที่ 6,7 หักก็เกิดจากแรงกระแทกจากวัตถุของแข็ง โดยสรุปส่วนใหญ่แล้วที่เกิดจากแรงกระแรกจากภายนอกด้วยของแข็ง ไม่มีคม ที่จริงแล้วเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกันมาตลอดเพียงแต่ตามใบมรณบัตรระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่ามาจากเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นใน สมองบวมจากการกระทบกระแทก คำว่ากระทบกระแทกก็หมายถึงจากวัตถุของแข็งไม่มีคม ถือว่าเป็นข้อมูลที่ดีที่สุด แต่ต้องเอาไปประกอบกับข้อมูลที่ได้จากการจำลองสถานการณ์การขับรถที่เลี้ยวขึ้นบริเวณทางเท้าแล้วไปชนกับต้นไม้ในระยะ 42-45 เมตร ในระดับลูกระนาดนั้นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กระดูกซี่คอซี่ที่ 6,7 หักหรือไม่ และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตหรือไม่ " ไม่มีใครทราบว่าระหว่างเกิดเหตุใช้ความเร็วเท่าไหร่ เพราะคนขับก็บอกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบ้าง ความเร็วอื่นๆ บ้าง แต่จากการจำลองสถานการณ์ก็มีการทดลองใช้ความเร็วในหลายระดับ ทั้ง 30,50,80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตรงนี้ผู้เชี่ยวชาญจะตอบได้ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ " นายอเนก กล่าว
เนื่องในโอกาสครบรอบการจากไปของพี่จืด ปธพ.2 ขออนุญาตย้อนระลึกความทรงจำ พี่จืด ปธพ.2 และขออนุญาตเรียนเชิญพี่ๆ ในวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2559 จะเป็นวันครบ 1 ปี การเสียชีวิตของคุณชูวงษ์ แซ่ตั๊ง โดยจะทำบุญครบรอบ 1 ปี ที่ วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร (บริเวณหอฉัน) เวลา 10.00 น จึงขอเรียนเชิญทุกท่านทำบุญร่วมกันค่ะ การเรียนเชิญของมิตรสหายของเสื่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง พรุ่งนี้ครบรอบ1ปีการจากไป ขอระลึกด้วยความคิดถึง
คุณ Hillton มีญาณวิเศษอะไรหรือเปล่าครับ หยิบกระทู้ขึ้นมารำลึกเสี่ยชูวงษ์เสียชีวิตครบหนึ่งปีวันอาทิตย์ วันอังคารจับผู้ต้องหาได้
นาทีตร.บุกจับ"บรรยิน"คารีสอร์ต โดยมี"น้องป้อนข้าว"โบรกเกอร์สาวคนสนิทอยู่ด้วยตลอด วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 12:42 น. จำนวนคนอ่านล่าสุด 218187 คน เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 28 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบควบคุมตัวพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ มาสอบปากคำที่กองปราบ และเตรียมแถลงข่าวการจับกุมอย่างเป็นทางการ โดยก่อนหน้านี้เมื่อเช้าเช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1บก.ป. นำกำลังตำรวจพร้อมหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง จ 401/59 ลงวันที่ 27 มิ.ย. จับกุมพ.ต.ท.บรรยินได้ที่รีสอร์ททาวน์ สแคว สวีทที่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ขณะอยู่กับน.ส.อุรชา หรือน้องป้อนข้าว วชิรกุลฑล สาวโบรกเกอร์คนสนิท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากชุดคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ กระทั่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าควรพิจารณาออกหมายจับพ.ต.ท.บรรยิน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1467092651
ขอเอาภาพเก่ามาเทียบยางอายของคนหน่อย.....คุณแม่สบายดีไหมคร๊าบ ลูกสาวคุณแม่..อ้างเป็นเมียน้อยนายชูวงค์ก่อนนี้ วันนี้ลูกคุณแม่อยู่กับผู้ชายอีกอันแล้ว คุณแม่อายไหม หรือว่าเคยชินเสียแล้ว
อันนี้คือการแถลงข่าววันครบรอบวันเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ครอบครัว “เสี่ยชูวงษ์” รับคาใจ 6 สาเหตุการตาย วอน ตร.เร่งรัดคดี หลังครบ 1 ปี ไม่คืบหน้า โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 26 มิถุนายน 2559 15:51 น. (แก้ไขล่าสุด 27 มิถุนายน 2559 07:05 น.) MGR Online - ครอบครัวและทนาย “เสี่ยชูวงษ์” แถลงตามคดีหลังผ่าน 1 ปีไม่คืบ แจง 6 สาเหตุคาใจ วอนตำรวจเร่งรัดคดี ด้านพี่สาวผู้ตายเผยมีผู้ใหญ่เข้าขอเจรจาแต่ได้ปัดไป รับเคยถูกข่มขู่-มีคนสะกดรอยตาม ขณะที่กองปราบฯ ระบุภายใน 1 เดือนสรุปสำนวนส่งอัยการได้ และในคดีโอนหุ้นคาดใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน วันนี้ (26 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่วัดเทพศิรินทราวาสวรวิหาร ถนนกรุงเกษม แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. นายเอนก คำชุ่ม ทนายความคดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง พร้อมด้วยนางวันเพ็ญ ธรธรรมสิริ พี่สาวนายชูวงษ์ และนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ ร่วมกันแถลงทวงถามความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2558 จนกระทั่งวันนี้ครบรอบ 1 ปี แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมชี้แจงความคืบหน้าในการติดตามหาสาเหตุที่แท้จริงในการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ 6 ข้อ ดังนี้ 1. นายชูวงษ์ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2558 ครบ 1 ปี แต่วันนี้ทั้งคดีการโอนหุ้น และคดีที่พบนายชูวงษ์เสียชีวิตในรถยนต์คันที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นคนขับ ยังอยู่ระหว่างการหาหลักฐาน หากทำให้สังคมและสื่อมวลชนเกิดความสงสัยว่าเหตุใดจึงใช้เวลานานมาก ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุณาเป็นผู้ชี้แจง 2. สำหรับรายละเอียดของคดีที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ที่ผ่านมาตลอด 1 ปี กรณีคดีการโอนหุ้นที่มีมูลค่ารวมเกือบ 300 ล้านบาทนั้น ทางครอบครัวคุณชูวงษ์ได้แจ้งความต่อกองปราบปรามตั้งแต่กลางเดือน ก.ค. 2558 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 4 คน ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ปลอมเอกสารและใช้เอกสารสิทธิปลอม และศาลอาญากรุงเทพได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวรวม 4 คน คือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์, น.ส.ศรีธรา พรหมา, น.ส.อุรุชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล และ น.ส.กัณฐณา ศิวาธนพล เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 58 3. ต่อมามีการส่งสำนวนคดีนี้ให้พนักงานอัยการ สำนักคดีอาญากรุงเทพใต้ แต่พนักงานอัยการยังไม่ส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เมื่อครบกำหนดฝากขัง ศาลจึงปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนพ้นอำนาจศาลไปเมื่อปลายปี 58 โดยพนักงานอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามสอบสวนเพิ่มเติมในหลายเรื่อง หลายประเด็น ซึ่งพนักงานสอบสวนก็สอบสวนเพิ่มเติมตามที่พนักงานอัยการสั่งจนครบทุกประเด็นแล้ว แต่จนบัดนี้พนักงานอัยการก็ยังไม่ได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางศาลแต่อย่างใด 4. สำหรับที่มาของการเสียชีวิตของนายชูวงษ์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น ครอบครัวขอย้ำว่า เนื่องจากญาติและเพื่อน ตลอดจนสังคมยังไม่ได้คำตอบถึงสาเหตุที่แท้จริงที่น่าสงสัยอย่างมากในทุกๆ ประเด็น เพราะคดีที่พบว่านายชูวงษ์เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์คันที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นคนขับนั้น เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของ สน.อุดมสุข แต่การรวบรวมพยานหลักฐานไม่คืบหน้า และมุ่งเน้นไปในเรื่องนายชูวงษ์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งขัดแย้งกับบาดแผล และการตรวจของแพทย์ ซึ่งระบุว่า การเสียชีวิตเกิดจากศีรษะด้านหลังถูกกระแทกด้วยของแข็งไม่มีคมอย่างรุนแรง ทางครอบครัวจึงไปร้องเรียนต่อ ผบ.ตร.ในครั้งนั้น คือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งได้สั่งให้โอนคดีไปให้กองปราบปรามดำเนินคดีแทน รวมกับคดีโอนหุ้นที่กองปราบปราม 5. สำหรับการสอบสวนสืบหาหลักฐานที่ดำเนินการไปแล้วตลอด 1 ปี ครอบครัวและเพื่อนๆ มั่นใจว่ามีความชัดเจนอย่างมาก เช่น เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 58 กองปราบปรามได้จำลองเหตุการณ์เหมือนจริงเพื่อหาสาเหตุการตายปริศนาของนายชูวงษ์ โดยนำหุ่นขนาดเท่าตัวจริงมานั่งในรถ จำลองฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าซ้าย เพื่อวัดแรงกระแทก และใช้รถยนต์เลกซัสของตำรวจสันติบาล ตรวจจับความเร็ว จับระยะเวลาความเร็ว เพื่อตรวจสอบว่าแรงกระแทกระดับไหน ความเร็วระดับไหน จะทำให้ถึงแก่ความตายหรือบาดเจ็บ และกองปราบปรามยังได้รวบรวมหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องรถยนต์ไปครบทุกกรณีแล้ว ครอบครัวจึงเฝ้ารอความคืบหน้าของคดี 6. ทางครอบครัวจึงขอวิงวอนให้พนักงานสอบสวน กองปราบปราม และพนักงานอัยการสำนักคดีอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีทั้ง 2 โปรดเร่งรัดคดีให้คืบหน้าโดยเร็ว เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดนำตัวมาพิสูจน์ความผิด เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อครอบครัวของนายชูวงษ์ และดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตให้ไปสู่สุคติ ด้านนายเอนกกล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงวันนี้ครบรอบ 1 ปี แต่ว่าครอบครัวพบว่ามีความทุกข์ที่เกิดขึ้นทุกวันตลอดเวลา 1 ปี เป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์สิ่งที่เกิดขึ้นกับชื่อเสียงของนายชูวงษ์ ครอบครัวนายชูวงษ์ แม้ในช่วงแรกๆ ข่าวจะออกมาอย่างต่อเนื่องในการติดตามคดีหาข้อเท็จจริง ครอบครัวนายชูวงษ์ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก จากการโอนหุ้นทั้งหมดประมาณเกือบ 300 ล้าน และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผลกระทบต่อจิตใจของครอบครัวนายชูวงษ์ ต่อมาก็ได้รับการพิสูจน์จากพนักงานสอบสวนเป็นลำดับ ทางครอบครัวก็พยายามพิสูจน์หาพยานหลักฐานทั้งหมดมาพิสูจน์ถึงการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ซึ่งทางครอบครัวได้พยายามทำทุกอย่างเรื่องกระบวนการยุติธรรม ทางครอบครัวของนายชูวงษ์ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ฯลฯ ที่ได้ดูแลเอาใจใส่คดีนี้มาตลอด พยานหลักฐานที่ได้ทุกคนเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายชูวงษ์ มีอะไรที่แอบแฝงอยู่ เรารอเวลาแต่การรอเวลาก็มีขีดจำกัดอย่างน้อยก็ 1 ปีแล้วที่ครอบครัวได้รอเวลา แต่ก็ยังคาดหวังว่ากระบวนการก็ต้องดำเนินต่อไป เชื่อว่าไม่นานจะเข้าสู่กระบวนการทางศาล ยืนยันว่า ทุกอย่างที่ทำต้องการทวงความเป็นธรรมให้กับนายชูวงษ์ กับครอบครัวนายชูวงษ์ นายเอนกกล่าวอีกว่า ขณะนี้ครอบครัวรอการพิสูจน์เรื่องของเอกสาร ความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนขั้นตอนของพนักงานสอบสวนนั้น ทางพนักงานสอบสวนไม่ลดละความพยายามในการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเอกสาร ซึ่งพนักงานสอบสวนได้หาเส้นทางการเสียชีวิต เริ่มต้นจากสนามกอล์ฟเลควูด เลี้ยวมาทางบางโฉลง ถึงบางนา วิ่งต่อถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนประเวศ แล้วมุ่งหน้าไปถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 จนกระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนมีการรวบรวมหลักฐานจากกล้องวงจรปิด สถานที่ต่างๆ และได้พยานหลักฐานเอกสารที่สำคัญ ตนเชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนทุกขั้นตอน ซึ่งในวันนี้เป็น 1 ปี ครบรอบการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ทางครอบครัวคิดว่าการดำเนินคดีต่างๆ นั้นมีความล่าช้า แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน ถ้าการดำเนินคดีล่าช้าแล้วทำให้ได้พยานหลักฐานที่สำคัญจนสามารถจับกุมตัวคนกระทำผิดได้ ทางครอบครัวก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ในขณะนี้ทางครอบครัวรอพนักงานสอบสวนสรุปสำนวน เพื่อปรากฏข้อเท็จจริงในเร็ววัน ซึ่งนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 58 ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้มีคำสั่งฟ้องและส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ ปรากฏว่า อัยการสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นเส้นทางการเงิน และรูปภาพวงจรปิด ตนเชื่อว่าเร็วๆ นี้จะสามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสี่ต่อศาลได้ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000063752
จริงๆคุณชายน้ำ ผมได้อ่านบทความนี้แล้วเห็นว่ามีมูลมาก 1 ปี คดี “เสี่ยชูวงษ์” อัยการยังไม่ฟ้อง กองปราบฯรุก “จ่อจับ” คดีฆาตกรรม !? โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 24 มิถุนายน 2559 15:33 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มิถุนายน 2559 17:29 น.) นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ข้องใจ “อัยการ” สุดเฉื่อย ครบ 1 ปี คดีโกงหุ้น - ฆาตกรรม “เสี่ยชูวงษ์” ยังไม่สั่งฟ้อง กลัวคดีพลิกเงินอายัด 200 ล้านเสร็จ “บรรยิน” ขณะที่กองปราบฯมีทีเด็ดเจอเซฟเฮาส์ปลิดชีพ คาดนำเหยื่อมาแวะก่อนจัดฉากอุบัติเหตุ หากไม่มีเหตุการณ์ร้ายถึงขั้นเอาชีวิตกัน ทุกชีวิตในครอบครัว “ธนธรรมศิริ” และครอบครัว “แซ่ตั๊ง” ก็คงมีความสุข กิจการสร้างอาคารสูงบริษัท แสตนดาร์ด เพอร์ฟอร์แม้นซ์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 71 กทม. อยู่ในอันดับแถวหน้าของวงการก่อสร้างภายใต้การกำกับดูแลของ 2 พี่น้อง คือ นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ กับ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง สายวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 2558 ในระหว่างการประชุมผู้บริหารพนักงานได้แจ้งกับ นายชูวงษ์ ว่า พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภาภรณ์ ซึ่งถือเป็นแขกประจำเดินทางมาพบ โดยได้แจ้งธุระคร่าว ๆ ว่า มีนัดตีกอล์ฟสำคัญ ทำให้การหารือในที่ประชุมชะงักลงชั่วคราว แม้ นายชูวงษ์ จะมีสีหน้าประหลาดใจ เนื่องจากวันนัดหมายจริง คือ วันเสาร์ที่ 27 หรืออีกวันถัดไป แต่ด้วยความเป็นคนขี้เกรงใจคน จึงขอตัวลุกออกไปต้อนรับ พร้อมกับได้รับการอธิบายจาก พ.ต.ท.บรรยิน ว่า ก๊วนกอล์ฟกิตติมศักดิ์ ประกอบด้วย นายชัช ชลวร อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายประพันธ์ คูณมี นักกฎหมาย - นักเคลื่อนไหว และ นายประยุทธ มหากิจศิริ อดีตนักการเมืองและเจ้าพ่อเนสกาแฟ เกิดเปลี่ยนใจกะทันหันเลื่อนมาเป็นวันนี้ การพูดคุยแกมขอร้องของ พ.ต.ท.บรรยิน ทำให้ นายชูวงษ์ ตัดสินใจออกจากห้องประชุม เพื่อไปร่วมตีกอล์ฟ ซึ่งแม้จะไม่มีสัญญาณร้ายอะไร แต่ในฐานะพี่สาวที่รู้นิสัยน้องชายอย่างดี ว่า เป็นคนรอบคอบ นางวันเพ็ญ มองตามหลังน้องชายไปก่อนสลัดความคิดและเป็นผู้ดำเนินการประชุมต่อ 4 ทุ่มเศษของวันเดียวกัน มีโทรศัพท์จาก พ.ต.ท.บรรยิน ติดต่อไปยัง นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ พร้อมกับแจ้งเหตุร้าย ว่า เกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางกลับ ทำให้ นายชูวงษ์ บาดเจ็บอาการสาหัส และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล “ข่าวช็อก” กลางดึกสร้างความตกใจ - เสียใจกับครอบครัว “ธนธรรมศิริ” และครอบครัว “แซ่ตั๊ง” อย่างบอกไม่ถูก ทุกคนรีบแต่งตัวเดินทางจากบ้านพัก ไปยังโรงพยาบาลสิรินธร เพื่อสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน ได้อธิบายว่า หลังเสร็จจากการตีกอล์ฟได้รับนายชูวงษ์ ขึ้นรถ เพื่อไปส่งบ้าน ระหว่างทางสังเกตว่า คนตายไม่ได้ใส่เข็มขัดนิรภัย และช่วงที่ขับถึงถนนเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างซอย 48 - 50 เขตประเวศ กทม. มีรถปาดหน้า ทำให้หักหลบกะทันหัน รถกระแทกกับฟุตปาทก่อนพุ่งชนกับต้นไม้ ตนหมดสติไป พอฟื้นขึ้นก็พบกู้ภัยกำลังช่วยปั๊มหัวใจนายชูวงษ์ และมาเสียชีวิตดังกล่าว แม้จะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ แต่ดูเหมือนว่าความเศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียอย่างปัจจุบันทันด่วนมีมากกว่า ทุกคนจึงรีบจัดการกับศพนายชูวงษ์ โดยรอการชันสูตรจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งได้ผ่าพิสูจน์ในคืนนั้น และสามารถรับศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเทพศิรินทร์ ในวันต่อมา โดยพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 วัน เริ่มวันที่ 28 มิ.ย. 2558 ซึ่งในระหว่างดำเนินพิธีทางศาสนานั้น มีแขกเหรื่อที่รู้จักมักคุ้นกับครอบครัวนายชูวงษ์ และ นางวันเพ็ญ เข้ามาร่วมอย่างมากมาย รวมทั้ง พ.ต.ท.บรรยิน ที่เดินทางมาร่วมฟังสวดทุกคืน ตลอด 7 วัน ของการบำเพ็ญกุศลให้กับคนตาย ญาติ กับคนสนิทเริ่มตั้งข้อสังเกต ว่า อุบัติเหตุครั้งนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ เพราะดูจากร่องรอยรถยนต์เลกซัส ทะเบียน ภฉ 1889 กทม. ที่ สน.อุดมสุข ยึดไว้ตรวจสอบมีรอยบุบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่น่าจะรุนแรงทำให้ นายชูวงษ์ ที่โดยสารมาในนั้นต้องบาดเจ็บสาหัสจนถึงเสียชีวิตได้ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภาภรณ์ กระทั่งพิธีพระราชทานเพลิงศพผ่านพ้นไป เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2558 ครอบครัว นายชูวงษ์ ยังคงจมอยู่กับความเศร้า กระทั่งภรรยา - บุตร ได้รับเป็นผู้จัดการมรดกเรียบร้อยวันที่ 8 ก.ค. ปีเดียวกัน ทนายความพร้อมกับ นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยา และ นายกันต์ แซ่ตั๊ง บุตรชาย จึงไขกุญแจเข้าตรวจสอบในห้องทำงานนายชูวงษ์ เพื่อดูความเรียบร้อย แต่ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ยกเว้นตะกร้าใส่ซองเอกสารหน้าห้อง พบหนังสือรายงานการซื้อ - ขายหุ้น AESC มาวางไว้ และเมื่อเปิดออกก็เจอรายการแจ้งขายหุ้นจำนวนมาก จึงเป็นปฐมบทของคดีฆาตกรรมอำพราง “เสี่ยหมื่นล้าน” ที่สังคมไทยให้ความสนใจมากที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา หลังจากนั้น เอกสารการขายหุ้นเริ่มทยอยส่งมายังออฟฟิศของนายชูวงษ์ อีกหลายฉบับ พร้อมกับการเข้าแจ้งความในฐานะผู้เสียหาย เริ่มจาก สน.อุดมสุข ซึ่งพนักงานสอบสวนด่วนสรุปไปแล้วว่าเป็นคดีอุบัติเหตุ มีการคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ พ.ต.ท.บรรยิน ไปอย่างรวดเร็ว จนไม่อาจหาร่องรอย หรือหลักฐานอะไรได้อีก นอกจากนั้น หลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่ถูกทำลายไป นั่นคือ ศพ นายชูวงษ์ ซึ่งถูกเผาตามพิธีทางศาสนาไปแล้ว เหลือเพียงภาพถ่ายศพในทุกแง่มุม กับผลพิสูจน์ตามหลักนิติเวชที่ระบุว่า มีรอยกระแทกจากของแข็งไม่มีคม จนกระดูกคอข้อที่ 6 - 7 หัก อีกทั้งบริเวณลำคอมีรอยคล้ายถูกรัด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตมาจากเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นใน สมองบวมจากการกระแทกจากวัตถุของแข็งไม่มีคม พยานเอกสารเหล่านี้จึงถูกรวบรวมไว้เพื่อผนวกกับหลักฐานอื่น ๆ ที่จะพิสูจน์ความเชื่อมโยงเป็นคดีฆาตกรรม ธงของคดี “เสี่ยชูวงษ์” จึงแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ การโกงหุ้น กับฆาตกรรม เฉพาะในส่วนของคดีแรกนั้น ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนอย่างจริงจัง และโอนคดีจากความรับผิดชอบของตำรวจนครบาล มายัง กองปราบปราม แล้วปรากฏชื่อผู้อยู่ในข่ายต้องสงสัยทั้งหมด 4 คน คือ 1. น.ส.กัญฑณา หรือ น้องน้ำตาล ศิวาธนพล อายุ 26 ปี สาวพริตตี้ 2. น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล อายุ 26 ปี โบรกเกอร์สาว บ.หลักทรัพย์ เออีซีเอส จำกัด (มหาชน) 3. น.ส.ศรีธรา พรหมา อายุ 52 ปี มารดา น.ส.อุรชา และคนที่ 4 เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา...พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ นักการเมืองคนดังแห่ง จ.นครสวรรค์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ สามารถรวบรวมหลักฐานการฉ้อโกงหุ้นได้ทั้งหมด คือ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2558 กลุ่มผู้ต้องสงสัยร่วมกันทำผิดโอนหุ้น AECS ให้กับน.ส.ศรีธรา พรหมา จำนวน 4 ตัว ผ่าน น.ส.อุรชา ที่เป็นโบรกเกอร์ และขายไปแล้วเป็นมูลค่า 40 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 22 มิ.ย. หรือถัดมาอีกเพียง 2 สัปดาห์ ผู้ต้องสงสัยชุดเดิมยังร่วมกันปลอมแปลงเอกสารขายหุ้น บริษัท OSK หรือหุ้น EA จำนวน 9.5 ล้านหุ้นโดยทยอยขายครั้งละ 3.7 ล้านหุ้น เป็นเงิน 84 ล้านบาท สามารถเบิกไปได้ 24 ล้านส่วนที่เหลืออีก 56 ล้าน ถูกเจ้าหน้าที่อายัดไว้ก่อน รวมทรัพย์สินจากหุ้นของนายชูวงษ์ ที่ยังไม่ได้ขายและที่ขายเป็นเงินสดไปแล้วทั้งสิ้น 200 ล้านบาท ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่กองปราบปราบได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมหรือรับของโจรแก่บุคคลทั้ง 4 โดย 3 สาวถูกจับกุม ส่วน พ.ต.ท.บรรยิน ติดต่อขอมอบตัวก่อนได้ประกันไปทั้งหมด น.ส.กัญฑณา หรือน้องน้ำตาล ศิวาธนพล วันอาทิตย์ที่ 26 มิ.ย. 2559 คือ วันครบรอบ 1 ปี ของคดีฆาตกรรมสุดลือลั่นของสังคมไทย แม้หลายคนจะลืมไปแล้ว แต่ญาติสนิท - มิตรสหาย ของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นอกจากไม่ลืมแล้ว ยังเฝ้ารอความยุติธรรมอย่างใจจดใจจ่อ เพราะจนถึงบัดนี้พนักงานอัยการสั่งไม่สั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาแม้แต่คนเดียว จนเกิดความวิตกกันว่า หรือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตนักการเมือง ที่เคยขึ้นชั้นเป็นเสนาบดี อาจจะใช้อิทธิฤทธิ์เส้นสาย “คอนเนกชัน” ฝ่าด่านให้ตัวพ้นผิด และถ้าเป็นตามที่วิตก เงินสดกับหุ้นมูลค่า 200 ล้านบาท จะตกอยู่กับฝ่ายผู้ต้องหาทันที ซึ่งมากพอสำหรับเดิมพันในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ความหวังสูงสุด คือ คดีฆาตกรรมอำพราง แม้จนบัดนี้ตำรวจกองปราบปรามยังมิได้ออกหมายจับ แต่พยานหลักฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างพริตตี้สาว กับโบรกเกอร์พราวเสน่ห์ ก็ล้วนแต่เป็นคนใก้ลชิดของพ.ต.ท.บรรยิน ทั้งสิ้น ทั้งจากภาพถ่าย การติดต่อทางโทรศัพท์ หลักฐานการเดินทางไปต่างประเทศ หรือแม้แต่เด็กในครรภ์ที่ยกมาเป็นประเด็นให้สังคมเคลือบแคลงนั้น ผลการสืบสวน - สอบสวนโดยความร่วมมือระหว่างผู้เสียหายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่างมั่นใจว่า สามารถนำพยานมาหักล้างได้ รวมทั้งข้อพิรุธในการไม่ยอมตรวจ DNA ซึ่งในรายละเอียดต่าง ๆ รวมทั้งจังหวะของวันเวลาเกิดเหตุ สามารถสรุปได้ว่ากลุ่มคนร้ายวางแผนมาเป็นเวลานาน ทั้งการทำตัวสนิทสนมกับนายชูวงษ์ จนรู้การเคลื่อนไหวต่าง ๆ รวมทั้งหุ้นที่คนตายถืออยู่ ปฏิบัติการโกงหุ้นเริ่มครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. และ 22 มิ.ย. 2558 และกำหนดวันปลิดชีพในวันที่ 26 มิ.ย. เพราะถ้าช้าไปกว่านั้น ทางตลาดหลักทรัพย์จะมีหนังสือซื้อ - ขายหุ้นส่งมาให้ในทุก ๆ ต้นเดือนใหม่ เมื่อแผนถูกกำหนดมาแบบนี้ นายชูวงษ์ จึงมีลมหายใจได้ไม่เกินเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 หาไม่ความระยำที่แก๊ง พ.ต.ท.บรรยิน ได้ทำขึ้นจะแดงโร่ต้องติดคุกติดตะราง และนี่คือ บทพิสูจน์ตามทฤษฎีโจรที่ว่า “คนตายพูดไม่ได้ หรือ สู้กับผีดีกว่าสู้กับคน” สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ยังรอการเชื่อมต่ออีกพอสมควร ทั้งแรงจูงใจ และแผนประทุษกรรมที่สามารถนำไปปะติดปะต่อให้เกิดชัดเจนยิ่งขึ้น...ย้อนกลับมาในรายละเอียดต่าง ๆ ทำไม พ.ต.ท.บรรยิน ต้องไปรับนายชูวงษ์ ด้วยตัวเอง ในวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 2558 ทั้งที่นัดตีกอล์ฟกับก๊วนใหญ่ในวันเสาร์ คือ วันถัดมา คำตอบคือเพื่อเปิดช่องว่างให้มีโอกาสถึงตัวคนตายแบบ “ตัวต่อตัว” โดยตัดทั้งคนขับรถของ พ.ต.ท.บรรยิน และ นายชูวงษ์ ออกไป นอกจากนั้น ระหว่างเส้นทางขากลับ ตามที่อ้างว่าจะไปส่งผู้ตายโดยขับรถด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. แต่ต่อมาผู้ชำนาญการพิสูจน์ได้ว่าห้วงเวลาที่เหมาะสมระหว่างสนามกอล์ฟเลควูด กับที่เกิดเหตุน่าจะมีความเร็วเพียง 30 กม./ชม. เท่านั้นทำให้ขัดแย้งกับความรุนแรงทางอุบัติเหตุที่ พ.ต.ท.บรรยิน ให้การมาทั้งหมด ในความคืบหน้าของคดีนี้ล่าสุดจากการไล่กล้องวงจรปิดทุกตัว พบพิรุธสำคัญว่ามีช่วงหนึ่งรถเลกซัสมรณะได้หลุดจากเส้นทางไปอย่างลึกลับนานประมาณครึ่งชั่วโมง จึงโผล่ขึ้นบนถนนสายหลัก จุดนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้กระจายลงหาข่าวชนิดปูพรมทุกซอกซอย จนพบเซฟเฮาส์แห่งหนึ่งคาดว่าจะเป็นจุดที่มีการแวะกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนเกิดอุบัติเหตุ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000063223
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ทั้ง 2 ไปไหนมาไหนด้วยกันเผยแพร่เมื่อ 4 ส.ค. 2015 พนักงานสอบสวน คดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ได้พบข้อมูลใหม่ ความเชื่อมโยงในส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว กับพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตส.ส.นครสวรรค์ คือระหว่างที่นายชูวงษ์ เรียนหลักสูตรวิทยาตลาดทุน กิจการเพื่อสังคม หรือ วตท รุ่นที่ 20 ได้มีการเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศ พบว่าในวันเดินทางนั้น นายชูวงษ์ ได้เดินทางไปต่างประเทศพร้อม นางศิริรัตน์ แซ่ตั๋ง และลูกสาว ขณะที่พ.ต.ท.บรรยิน พบว่ามีการเดินทางไปต่างประเทศกับน.ส.อุรชา
Daranee Su พี่สาว และ ภรรยา เสี่ยชูวงษ์ เตรียมคัดค้านการประกันตัวบรรยิน - เผยมั่นใจมาตั้งแต่ต้นว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ....
คดีโอนหุ้นมีผู้ต้องหาแล้ว 4 คน คดีฆาตกรรมมีผู้ต้องหา 1 คน ในเมื่อบรรยิณยังไม่รับสารภาพก็ต้องหาผู้ต้องหาเพิ่มเติมคือผู้ที่คาดว่าน่าจะลงมือ ซึ่งจะเป็นหลักฐานที่ทำร้ายคนร้ายดิ้นไม่หลุด ผมเข้าใจถูกไหมครับ และหากทั้งสองคดีหากมีหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงกันได้ ผู้ต้องหาทั้งหมดก็ควรจะได้รับโทษสูงสุด
ครับผมเห็นด้วย ข้อหาที่นายบรรยินได้รับคือ ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งดูจากเหตุการณ์แล้วน่าจะครบองค์ประกอบ และพนักงานสืบสวนสอบสวนคงสืบตามจับผู้ร่วมมือฆ่าในขบวนการต่อไป แต่ผมคาดเดาว่าคงมีผู้ร่วมมือมากกว่า 1 คน หากคุณAnduril อ่านที่กล่อง #189 จะคิดได้ว่ามันเป็นขบวนการที่คงร่วมมือกันมากกว่า1คนแน่นอน ส่วนสาวๆผู้อยู่ในการการยักยอกหุ้นซึ่งเป็นมูลเหตุแห่งการฆ่าตกรรมก็ จะพ่วงคดีนี้ไปด้วยหรือไม่ ก็อยู่ที่กรรมของแต่ละคนละครับ
เพิ่งมีโอกาสอ่านรายละเอียดย้อนหลังเองครับ จากการดันกระทู้ขึ้นมา ไม่แน่ใจตกหล่นรายละเอียดหรือเปล่า เพราะเห็นกองปราบรวบตัวบรรยิณรายเดียว แต่เท่าที่ตามอ่านเชื่อได้ว่าต้องมีมากกว่านี้ครับ ยิ่งอ่านคำให้สัมภาษณ์ สมยศ อดีตผบ.ตร.เรื่องการโอนคดีแล้วคิดว่า อาจมีระดับใหญ่กว่านี้เกี่ยวข้อง และตอนนี้กำลังจับตาอัยการเรื่องการสั่งฟ้องด้วยครับ
รู้หรือไม่???....เมีย "บรรยิน" เคยตายแบบเดียวกับ "ชูวงษ์" เปี้ยบ!!!...หรือว่ามันจะเป็น.... 2016-06-29 10:39:33 จากกรณีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เจ้าของรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ เสียชีวิตขณะเดินทางด้วยรถยนต์เลกซัส สีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ที่มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นคนขับ โดยระบุว่าเกิดจากอุบัติเหตุรถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. เมื่อคืนวันที่ 26 มิ.ย.2558 ที่ผ่านมาจนนำมาสู่การจับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ในที่สุด 28 มิ.ย.59 เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต เช่น เสียชีวิตอย่างไร เพราะอะไร คอหักแล้วเลือดออกภายในเท่าไหร่ หลังเกิดรถชนแล้วคอหักหรือไม่ ทำไมถุงลมนิรภัยถึงไม่ทำงาน ไม่เพียงเท่านั้น สำนวนคดีดังกล่าวนั้น ยังเชื่อมโยงไปถึงการรื้อคดี การเสียชีวิตของภรรยาพ.ต.ท.บรรยินก็มีลักษณะคล้ายกับการเสียชีวิต สำหรับการตรวจสอบคดีการเสียชีวิตของภรรยาเก่าของพ.ต.ท. บรรยินนั้น สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งข้อมูลเรื่องนี้ในเบื้องต้น จึงมอบหมายชุดสืบสวนไปตรวจสอบความชัดเจน โดยประสานไปยังตำรวจท้องที่ภ.นครสวรรค์ ว่ามีรายงานคดีเรื่องนี้จริงหรือไม่ โดยเน้นตรวจสอบคดีอุบัติเหตุรถชนช่วงปี 2536 ซึ่งข้อมูลในเบื้องต้นระบุว่า ขณะที่พ.ต.ท.บรรยินยังรับราชการตำรวจเป็นรองสารวัตรจราจรยศร.ต.ท. ในท้องที่เมืองนครสวรรค์ เคยขับรถบนเส้นทางสายอุทัยธานีมุ่งหน้าเข้าเมืองนครสวรรค์ ระหว่างใกล้เข้าเขตนครสวรรค์นั้น รถเสียหลักพุ่งชนต้นสะเดาข้างทาง เป็นเหตุให้หญิงสาวที่นั่งมาด้วยเสียชีวิตในอุบัติเหตุดังกล่าว รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการตรวจสอบบันทึกประจำวันของสภ.พยุหะคีรี จ.นคร สวรรค์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2534 ช่วงเวลา 23.00 น. พ.ต.ท.บรรยินและภรรยากลับจากรับประทานอาหารที่ร้านครัวชัยนาท อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยภรรยาเก่าเป็นคนขับ เกิดเหตุรถสิบล้อแซงสวนขึ้นมา โดยสมัยนั้นถนนยังเป็นเลนสวน ทำให้รถของพ.ต.ท.บรรยินหักหลบกะทันหัน จนเสียหลักตกข้างทางไปชนกับต้นสะเดาขนาดใหญ่ข้างทาง เป็นเหตุให้ภรรยาพ.ต.ท.บรรยินบาดเจ็บสาหัส นำส่งโรงพยาบาลพยุหะคีรี ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา และทางคดีความอาญาก็สิ้นสุดคดี โดยอัยการสั่งไม่ฟ้อง ทั้งนี้บันทึกประจำวันไม่ได้ระบุว่าพ.ต.ท.บรรยิน บาดเจ็บหรือไม่อย่างไร http://headshot.tnews.co.th/contents/193908/
ในความเห็นผม ยอดเงินไม่มากครับ หลัก300 ล้านเอง ระดับเงินขนาดนี้ คงคนแถวๆนี้เท่านั้น สถานะภาพด้านการเงินของคนแถวๆนี้ก็ไม่ค่อยดีครับ มีแต่เม็ดเงินสร้างภาพ ยิ่งช่วงคบหาคุณชูวงษ์นั้น ตามเป็นหมาตามตูดเลย บริการยิ่งกว่าคนรับใช้และคนขับรถ ผิดวิสัยคนเคยมีฐานะ รองรมต
NationPhoto added 3 new photos. 1 hr · เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ต้องหาฆ่า นายชูวงษ์ แช่ตั๊ง นักธุรกิจหมื่นล้าน หลังถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมได้ภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ที่เขาใหญ่ ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระโขนง ภาพ คณาธิศ ศรีหิรัญเดช (Khanathit Srihirundaj) #คณาธิศศรีหิรัญเดช #KhanathitSrihirundaj #NationPhoto
ฝากขังแล้วครับ ตร.กองปราบปราม คุมตัว ‘บรรยิน’ ฝากขังศาลพระโขนงแล้ว ทางครอบครัว ‘เสี่ยชูวงษ์’ ยื่นคัดค้านประกันตัว วันนี้ 29 มิ.ย. ตำรวจกองปราบปราม คุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อดีตนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระโขนง โดยก่อนที่ พ.ต.ท.บรรยิน จะออกจากกองปราบปราม พร้อมเปิดใจกับสื่อมวลชนโดยระบุถึงสาเหตุที่ตำรวจไปจับกุมตนเองที่รีสอร์ท ที่เขาใหญ่ และมี น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล อยู่ด้วยนั้น ยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีความสัมพันธ์กับ น.ส.อุรชา เพราะวันนั้นไปตีกอล์ฟกันหลายคน รวมทั้ง น.ส.อุรชา ด้วย พร้อมกับท้าทางครอบครัว นายชูวงษ์ ให้ไปสาบานว่า นายชูวงษ์ ไม่เคยมีคนอื่นจริงหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่พี่สาวของนายชูวงษ์ ออกมาระบุว่า นายชูวงษ์ ตายเพราะปมหุ้น 300 ล้านนั้น ตนเองก็ได้นำชื่อของพี่สาวของนายชูวงษ์ มาร่วมลงทุนธุรกิจมูลค่า 1 ล้านด้วย เงินแค่ 300 ล้าน จะเป็นสาเหตุได้อย่างไร พร้อมกันนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้ผ่านมาแล้ว 1 ปี แต่เพิ่งจะมาออกหมายจับตัวเอง หลังจากที่ครอบครัว นายชูวงษ์ ทำบุญครบรอบการเสียชีวิต 1 ปี เชื่อว่าน่าจะมีขบวนการดิสเครดิต ขณะที่ศาลจังหวัดพระโขนง น.ส.วันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวของ นายชูวงษ์ พร้อมด้วย นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาของ นายชูวงษ์ และนายเอนก คำชุ่ม ทนายความ เดินทางมาเพื่อยื่นคัดค้านการประกันตัว พ.ต.ท.บรรยิน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ในคดีการเสียชีวิตของ นายชูวงษ์ โดย น.ส.วันเพ็ญ เปิดเผยว่า ส่วนตัวยังเชื่อว่า พ.ต.ท.บรรยิน ไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจากลักษณะการเสียชีวิตและสภาพศพ นายชูวงษ์ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ทั้งนี้ มั่นใจในพยานหลักฐานที่มอบให้ตำรวจจะสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้ ส่วนคดีปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้นอยู่ระหว่างรอให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ที่มา… INNhttp://news.mthai.com/hot-news/general-news/503747.html
ข้อสรุปคำร้องฝากขัง สรุปว่า ผู้ต้องหาเป็นเพื่อนสนิทสนมกับผู้ตาย และลงทุนทำธุรกิจที่ดินด้วยกัน โดยผู้ตายมีฐานะทางการเงินดี มีหุ้นในบริษัทจำนวนมาก จึงได้สมคบคิดกับ น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล เจ้าหน้าที่การตลาดบริษัทหลักทรัพย์ที่ผู้ตายมีหุ้นอยู่ และพวก แล้วปลอมเอกสารใบโอนหุ้นของผู้ตาย โดยผู้ต้องหาอ้างตัวเองกับพนักงานฝ่ายจัดการหลักทรัพย์ว่าเป็นนายชูวงษ์ ยืนยันการโอนหุ้น กระทั่งหลงเชื่อในกลอุบายแล้ว วันที่ 8 มิ.ย. 2558 จึงมีการโอนหุ้น 3 ตัวไปให้ น.ส.อุรชา มูลค่า 35,050,000 บาท หลังจากนั้นมีการโอนหุ้นใน น.ส.ศรีธรา พรหมา มารดาของ น.ส.อุรชา ต่อมาวันที่ 22 มิ.ย.ยังมีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์อีก 1 ตัวให้แก่ น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล ศิวาธนาพล จำนวน 9,500,000 หุ้น มูลค่า 228 ล้านบาท หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา, น.ส.อุรชา, น.ส.ศรีธรา และ น.ส.กัญฐณา ฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจรซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องคดีดังกล่าว ขณะนี้สำนวนอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ โดยผู้ต้องหารู้ดีว่าช่วงสิ้นเดือน มิ.ย. 2558 บริษัทหลักทรัพย์จะต้องรายงานการโอนหุ้นให้นายชูวงษ์ทราบตามระเบียบ ผู้ต้องหาจึงวางแผนเอานายชูวงษ์ไปฆ่าเพื่อไม่ให้ล่วงรู้การกระทำของตนและเพื่อเอาหุ้นไป ซึ่งวันเกิดเหตุ ผู้ต้องหาออกอุบายขับรถไปหานายชูวงษ์ที่บริษัท และรับไปสนามกอล์ฟย่านบางนา หลังจากตีกอล์ฟและกินอาหาร ผู้ต้องหาวางแผนจะออกจากสถานที่เป็นคนสุดท้าย ซึ่งรับนายชูวงษ์นั่งโดยสารออกจากสนามกอล์ฟไปด้วยแล้วหยุดรถ พบกับพรรคพวกที่นัดหมายไว้ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใคร แล้วก่อเหตุฆาตกรรมตามแผนที่วางไว้โดยทำร้ายที่หน้าและศีรษะจนมีบาดแผลหลายแห่ง กระดูกคอหัก และบาดเจ็บที่ศีรษะด้านซ้ายอย่างรุนแรง ทำให้นายชูวงษ์ถึงแก่ความตาย ก่อนจะนำศพของนายชูวงษ์ไปนั่งที่เบาะด้านหน้าซ้ายในรถคันเกิดเหตุโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย แล้วผู้ต้องหาขับรถตันเกิดเหตุไปตามเส้นทางที่วางไว้ที่ถนนบางนา-ตราด แล้วเข้ามาทางถนนกาญจนาภิเษก เลี้ยวเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 มุ่งหน้ามาทาง สวนหลวง ร.9 ทิศทางมุ่งหน้าไปยังบ้านพักนายชูวงษ์เพื่อไม่ให้เป็นพิรุธ เมื่อถึงที่เกิดเหตุผู้ต้องหาได้ขับรถโดยเจตนาพุ่งเข้าชนต้นยูคาลิปตัส ห่างจากขอบทาง 43 เมตร สร้างสถานการณ์ว่าเป็นอุบัติเหตุรถชนต้นไม้ เพื่ออำพรางคดีว่านายชูวงษ์เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เหตุเกิดที่ริมถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ระหว่างซอย 48 กับซอย 50 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาได้ที่ลานจอดรถหน้าอาคารทาวน์สแควร์ โรงแรมทอสคาน่า สวีท วัลเลย์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลา 09.40 น. แล้วแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อจะเอาผลประโยชน์ที่ตนได้กระทำผิดอื่น และเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนให้พ้นคดีอาญาในชั้นจับกุมและสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธโดยตลอด ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000064892