เอาแบบคนโง่ๆอย่างผมดีกว่าครับ เมื่อผมหลับในรถ แล้วรถเกิดหักหลบอะไรหวาดเสียว ผมคงตื่น และยิ่งปีนฟุตบาทด้วยแล้วมีแรงกระแทก ผมคงยกไม้ยกมือปิดป้อง หรือหาอะไรเกาะยึด ง่ายสุดก็เบาะนั่ง ยันบานประตู (ในกรณีผมไม่ได้คาดเข็มขัด) แต่ถ้าคาดเข็มขัดผมก็คงจับกำสายเข็มขัดแน่น แล้วผมจะตายได้ไง และกระดูกซี่โครงผมจะหักอย่างไง ยกเว้นผมนอนนิ่งๆ กระเด้น กระดอนไปตามแรงเหวี่ยง โดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรือเจ็บปวดอะไร
ภรรยา-พี่สาว “เสี่ยจืด-ชูวงษ์” เดินทางไปแพทยสภาฯยื่นหนังสือ ให้พิจารณาการตรวจศพเพิ่มเติม เพราะข้อมูลบางอย่างขาดหาย อาจส่งผลต่อรูปคดี มั่นใจไม่ตายจากอุบัติเหตุ เตรียมยื่นเรื่องไปที่บริษัทของรถยนต์คันเกิดเหตุช่วยตรวจสอบ ยกคดี 2 แม่-ลูกศรีธนะขัณฑ์เป็นตัวอย่าง ขณะที่ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาวที่ตั้งครรภ์ ยังไร้วี่แววติดต่อไม่ได้ ผบ.ตร.สั่งตามตัวด่วน คาดอาทิตย์หน้าสามารถออกหมายจับได้ 2-3 คน ส่วนพอร์ตหุ้นที่เปิดในชื่อผู้ตายอ้างว่าเตรียมตั้งพรรคการเมืองนั้น พ.ต.ท.บรรยินให้การขัดกับโบรกเกอร์ที่ดูแลอย่างชัดเจน http://www.thairath.co.th/content/518165
ที่น่าสงสัยคือเมื่อปี 2536 บรรยินเคยประสบอุบัติเหตุลักษณะเดียวกันกับอดีตภรรยา และอดีตภรรยาตาย บรรยินรอด
ดูตอนบรรยินแถลงข่าว ออกแนวปากกล้าโอหังไม่มีความสลดที่ทำให้เพื่อนตายเลย บอกว่าจะฟ้องกลับหมดทุกคน เลยยิ่งทำให้แน่ใจไปอีกว่าเป็นการตายที่มีเงื่อนงำ ตอนนี้พริตตี้ก็เตรียมตัวหายสาบสูญ เป็นพยานสำคัญ รู้ตัวป่าวนี่.....
การตั้งพรรคการเมืองตัดออกไปได้เลย คนสนิทถามคำถามนี้เมือต้นปีนี้เองว่า เห็นเรียน วปอ และคบหานักการเมือง สนใจจะเล่นการเมืองหรือ คุณชูวงษ์เคยตอบว่า "จะไปเล่นให้เสียเงินทำไม อยู่ตรงนี้(งานรับเหมา) ก็หาเงินได้เยอะอยู่แล้ว" ผมงี้หัวเราะท้องแข็งเลย เมือได้ยินใครบางคน บอกว่าสนใจตั้งพรรคชื่อ " ชูชาติไทยพัฒนา " 5555 ขอให้มัน ชูๆๆ วงษ์ๆๆ ฟังให้มันไปโยงคนตายหน่อย โธ่ ตลกคาเฟ่ บางคนคิดว่าชีวิตจริง มันสามารถสร้างเรื่องให้เหมือน รูปคดี แรงจูงใจ ในใช้วิชา อาชญาวิทายา ได้ พื้นๆไปไหมพี่...ขำ
เขาถึงว่ากันไงครับ อุ่มขึ้นรถตู้ เผานั่งยาง จมน้ำตาย อุบัติเหตุชนรถใหญ่ งานอย่างนี้ตำรวจไทยสืบสวนนาน คดียาวเป็นปี
ผมว่างานนี้ไม่น่ารอดคอยดูกันไป เพราะส่วนใหญ่คนที่ทำไม่ดีถึงจุดจุดหนึ่งมักหน้ามืดจนลืมคิดหน้าคิดหลังอุดไม่สนิท ดีไม่ดีจะลากเรื่องเก่าๆออกมาด้วย แต่ต้องรีบทำก่อนนักการเมืองมามีอำนาจ เพราะถึงตอนนั้นเงินจะเปลี่ยนทุกอย่างได้
นิสัยบางอาชีพมันก็ชอบทำอะไรลวกๆ กร่างๆ ประเภทว่าเชื่อหัวไอ้เรืองเถอะ สิ่งที่พวกนี้กลัวคือคนเอาจริง แรกๆก็จะออกมาข่มขู่ ทำให้คนอี่นเกรงอำนาจ บางตัวก็ใช้อำนาจมืด แต่เจอมัดด้วยกฎหมายตายทุกตัว เดียวก็ขอเจรจา มันต้องรีบทำในชั้นสอบสวนนี้ละ หลุดนี้ไป ...ต
ถ้าความยุติธรรมตั้นนํ้าบิดเบียว คดไป คดมา ความยุติธรรมปลายนํ้าไม่ต้องสืบ ตำรวจเป็นเสมือนตั้นนํ้า รู้ เห็นหลักฐานเเล้วทำเป็นสำนวนส่งศาล (ปลายนํ้า) เเล้วถ้าตำรวจทำหลักฐานบิดเบียวหละ อะไรจะเกิดขึ้น ในอดีตก็เคยมี เช่น ครอบครัวศรีธนะขัณฑ์ เเต่กรณีนั้นโชคดีที่มีการตรวจพิสูจน์ศพอย่างละเอียด เพราะเป็นคดีระดับประเทศ เเต่เท่าที่ดูตำรวจท่านนั้น ไม่ธรรมดา การเสียชีวิตของอดีตภรรยา ดูเหมือนว่าจะเป็นการฉายหนั้งเรื่องเดิม เเต่เปลียนคนเเสดงเเทน เเละผมอยากให้ เพื่อน - คนสนิท ทำใจล่วงหน้าไว้ว่า ศาลตัดสินด้วยหลักฐาน อาจจะไม่ถูกใจท่านทั้งหลาย ก็อย่าได้ว่ากล่าวศาลเลยครับ
ก็นั่นแหละครับ แต่ว่าเรื่องนี้ก็ถือว่าใหญ่พอสมควร คงจะบิดอะไรไม่ง่ายนัก และอย่างน้อยก็อย่าให้เสียทรัพย์ไปอีก
โดยเฉพาะเงิน ที่มีจำนวนมาก ผมคิดว่าถ้า แม่ ลูก นั้นเเสดงความบริสุทธิ์ใจควรโอนเงินคืนเเก่ ภรรยา เเละลูกผู้เสียชีวิต เเต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คงไม่ทันเเล้ว
ถูกครับว่าไปตามสำนวนคดีส่งฟ้องและว่าไปตามหลักฐานพยาน ผมก็ไม่เคยเห็นสำนวนคดีหรือหลักฐานอะไรของตำรวจ ว่าจะอ่อนหรือแก่อย่างไง แต่ถ้าคุณดูการเดินสู้คดีของฝั่งภรรยาและญาติคุณชูวงษ์ คุณคงพอจะดูออกบางว่าเขาเหล่านั้นกำลังทำอะไร ผมและเพื่อนๆคุณชูวงษ์ไม่ได้หวังอะไรครับ คนตายแล้วไม่ฟื้น ไม่ต้องทำใจอะไรมากไปกว่านี้
ครับผมในฐานะคนไทยคนนึ่งที่ติดตามข่าว ขอเป็นกำลังใจให้ลูก เมีย ญาติ เเละมิตรสหายของผู้ตาย ได้รับความยุติธรรมตามหลักกฎหมาย เพื่อไม่ให้คนเลว ชั่ว โกง อยู่ในสังคมดีๆอีกต่อไป
ยิ่งอ่านผมยิ่งสงสัยบรรยิน เหมือนพยายามปิดแต่ไม่มิด เดี๋ยวตรงนั้นโผล่ ตรงนี้โผล่ ยิ่งลากไปเรื่องตั้ง พรรคการเมือง ยิ่งกลายเป็นการใส่ใคร้ผู้เสียชีวิต บรรยินพยายามบิดเบือนให้เห็นว่าเงินที่หายไปเป็นเงินสำหรับการตั้งพรรคการเมือง เรื่องชันสูตรศพ กลายเป็นสำนวนอ่อนด้อย จนญาติต้องร้องเรียน พริตตี้อยู่ดี ๆ ก็หายไปติดต่อไม่ได้ ทุกอย่างส่อไปทาง มีเงื่อนงำ จน ผบตร เอ่ยปากว่าผู้อยู่เบื้องหลังมีอิทธิพลมาก ผมว่านาทีนี้บรรยินคงกลายเป็นจำเลยสังคมเรียบร้อย และมีแนวโน้มสูงที่จะหลบหนี เพราะปมทุกอย่างนับวันยิ่งกระชับเข้าไปทุกที
ครับท่านอาวุโส ในชั้นสอบสวนมีอะไรจะทำก็รีบๆทำ หลุดจากนี้คือนรก ...ไม่ใช่ทางที่เคยเดินสำหรับมันแล้วละครับ .. มันทางชำนาญของทางนี้เขา
ความจริงที่ปิดไม่มิด ผมว่าเงินนี้เเหละจะเป็นหลักฐานสำคัญกับคดีนี้เป็นอย่างมาก เเม่-ลูก นั้นจะมีสภาพเช่นไร เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่เเล้วว่า ผู้เสียชีวิตจะโอนเงิน ที่เป็นจำนวนมากมายมหาศาล ได้
ผมจะเฝ้าดูอย่างไม่กระพริบตาเลยนะครับ (wait and see) เหมือนผมดูช่อง fox crime และผมจะดูผลกรรมของเเต่ละคนว่า การอยากได้เงินของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตนเองนั้นจุดจบมันจะเป็นเช่นไร มันจะสอนคนในสังคมได้เป็นอย่างดี
บางทีคนรวยก็ลำบากเหมือนกันน่ะ เพราะมีเงินจึงมีผู้คิดไม่ดีเข้าหาตีสนิท ถ้ามาแบบเนียนๆก็ยากจะรู้ทัน ยิ่งมาเป็นขบวนยิ่งดูยาก หลอกเงินจะมีปัญหาตาม พวก ช สุดขั้วก็เลยเอาชีวิตไปด้วย
คุณชูวงษ์เขาระวังเรื่องคนเข้าหาอยู่แล้ว กลัวคนจะหลอกเอาเงินเขา แต่ก็ไม่รู้มาเสียท่างานนี้ได้ไง ถึงว่าครับ คนเราพลาดได้ แต่งานนี้พลาดแล้วตาย...
อันนี้ไม่ทราบครับว่าทำไม แต่คงเดาได้ว่าคนขับรถอาจจะเลิกงานกลับบ้านไปแล้วมั่ง และเวลานั้น เท่าที่ฟังผู้ต้องสงสัยเล่าว่า มี 3 คนเหลืออยู่อาจจะเป็นได้ว่าพูดคุยฆ่าเวลากัน ... ผมว่า ถ้ารู้ว่าเสี่ยงอย่างนี้ คุณชูวงษ์คงเรียกแท็กซีกลับบ้านเองไปแล้วครับ
Nation TV - เว็บไซต์สถานีข่าวอันดับ 1 ของเมืองไทย "กรณีที่มีรายงานข่าว ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ซึ่งเป็นชุดคลี่คลายคดีการโอนหุ้นอย่างมีพิรุธของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน โดยเจ้าหน้าที่มีความเป็นห่วงความปลอดภัยของ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาวคนสนิทของนายชูวงษ์ ที่ได้รับโอนหุ้นมูลค่ากว่า 228 ล้านบาท เนื่องจากขาดการติดต่อของน.ส.กัญฐณา นานกว่า 1 สัปดาห์ โดยทาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำสั่งการให้เร่งติดตามตัวมาโดยเร็วเพื่อความปลอดภัย เพราะเกรงว่าอาจมีการทำลายวัตถุพยาน พยานบุคคล และพยานหลักฐาน จึงมีความเป็นห่วง น.ส.กัญฐณา เป็นอย่างมาก หวั่นจะได้รับอันตรายจากผู้อยู่เบื้องหลัง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พยายามติดต่อ น.ส.กัญฐณา ทางโทรศัพท์มือถือที่ให้ไว้ และส่งชุดติดตามไปที่บ้าน รวมถึงเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่พบ จึงต้องประสานผ่านทางทนายความของ น.ส.กัญฐณา ให้มาพบตำรวจเพื่อสอบถามประเด็นเพิ่มเติม SHARE 0 Shared. [119 View.]ข่าวที่เกี่ยวข้องทนายเผยพริตตี้สาว "ท้อง 7 เดือน" อ้างรับโอนหุ้นถูกต้อง (Nation TV , 23 กค. 58)"ทนายครอบครัวชูวงษ์" มอบใบโอนหุ้น (Nation TV , 7 สค. 58)ซักทนาย "พริตตี้" ปมพิรุธ "หุ้นชูวงษ์" โอนหรือจำนำ (Nation TV , 6 สค. 58)ทนายครอบครัว "ชูวงษ์" ยื่นเอกสารการโอนหุ้นเพิ่ม หลังพบพิรุธ (Nation TV , 6 สค. 58) ข่าวอาชญากรรม ล่าสุดด.ต. ขอโทษ แชร์เพจหนี้สินตำรวจ (121 views , 14 ส.ค. 2558 17:48 น.)จับ 11 เซียนไฮโล รุ่น ปู่ - ย่า (143 views , 14 ส.ค. 2558 17:48 น.)จับสองพี่น้อง ตระเวนลักทรัพย์ทั่วอีสาน (110 views , 14 ส.ค. 2558 17:46 น.)ทนายเผยพริตตี้ รับหุ้น "ชูวงษ์" รู้สึกไม่ปลอดภัย (589 views , 14 ส.ค. 2558 17:45 น.)ร้องตร.เร่งคดีสะพานถล่มทับคนตาย 5 ศพ"ไม่คืบ" (1,815 views , 14 ส.ค. 2558 16:01 น.)HomeFacebookTwitterSMSApplicat" อ่านต่อที่: http://www.nationtv.tv/main/mobile/content/crime/378467707/
ผมจำได้ว่าก่อนหน้าก่อนหน้านี้ พริตตี้และทนายเดินทางไปพบตำรวจเพื่อให้ยกเลิกอายัดหุ้นที่เหลือ เมื่อไม่สำเร็จหลังจากนั้นข่าวคราวก็เงียบหายไป นั่นเป็นการปรากฏตัวครั้งสุดท้าย แปลกตรงที่ คนเดือดร้อนเพราะต้องการใช้เงินแต่ยังไม่ได้ทำไมอยู่ดี ๆ หายหน้าไปเฉย ๆ แม้แต่ทนายความก็ไม่ทราบเรื่อง
ล่าสุดทนายบอกว่าพริตตี้สาวหลบไปเมืองกาญ จะมาให้ปากคำวันที่ 17 นี้ http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/660924
ฟังแล้ว ข้อสังเกตุคือ ถ้าคุณทำใครท้องต้องการรับผิดชอบ คุณจะโอนหุ้นไปหรือ จะลำบากทำไม โอนเงินซิครับ ผมว่ามันเป็นการโกงโดยใช้พริตตี้เป็นปลายทาง ส่วนที่โอนให้อีกคนนั้นเป็นค่าดำเนินการ
ผมชอบนางที่สองเวลาเธอตอบเรื่องความสัมพันธ์กันนะครับ นักข่าวถามว่า:ให้หุ้นเพราะอะไร มีค่าตอบแทน เธอตอบว่า : ไม่มีคะ ให้เลยคะ ไม่ใช่สินน้ำใจ ให้เพราะ...ให้เพราะแบบมีความสัมพันธุ์กัน เป็นคนคบกัน นักข่าวถาม :เป็นแฟนกัน เธอตอบ:ค่ะ ใช่คะ นักข่าวถาม : เป็นแฟนกันนานยัง เธอตอบ: ไม่ขอตอบค่ะ ระหว่างที่เธอให้ข่าว มารดานั้งอยู่ข้างๆ...แม่นางนั่งอยู่ข้างๆ โอ้มารดาฟังลูกให้ข่าวไหมลูกมีความสัมพันธู์กับคนมีภรรยาแล้ว
ตาย ทำไมกะxxx ถึงได้เยอะจังฟระ ถ้าได้เยอะขนาดนั้น คุณ ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ควรจะนำผู้หญิงคนนั้นออกงานสังคม พบปะเพื่อนฝูงสิครับ
พริตตี้ท้อง น่าตรวจ DNA. ได้นะ เกิดไม่ตรงนี้ เงิบนะ แต่ติดใจตรงโอนหุ้น น่าเป็นให้เงินมากกว่า 300ล้านนี้ สุดตะลึงเลยละ
มีการยืนยันจากตำรวจว่าเอกสารการฝากหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ มีการใช้หมึกพิเศษในการลบและเปลึ่ยนคำว่าจำนำหุ้นเป็นโอนหุ้น โดยใช้ปากกาคนละด้ามแก้คำ ต้นเรื่องมาก็ไม่ถูกแล้วเรี่องอื่น น้ำหนักก็เริ่มอ่อนแล้วครับ ประเด้นท้อง ผมว่านำสืบไม่น่าจะยากครับ ใครทำท้อง อยู่ด้วยกันไหม(อยู่ด้วยกันแต่ไม่จดทะเบียน) คบหาในฐานะอะไร พยานแวดล้อม ท้องเจ็ดเดือนแล้ว สถานการณ์ในอดีดแก้หรือเปลี่ยนแปลงไม่ได้ครับ มันน่าจะเป็นเพียงการแต่งเรื่องสนันสนุน ความเป็นไปได้ที่โอนเงินยอดสองร้อยล้านให้ลูกเท่านั้นครับ คนคิดพล็อตเรี่อง คิดได้เร็ว ดังนั้นจะต้องรู้ว่าหญิงสาวท้องอยู่ หรืออาจจะเป็นพ่อตัวจริงของเด็กคนนั้นก็ได้ แต่ดูรูปการแล้ว การกลับคำให้การในชั้นสอบสวน ดูน่าจะเป็นเรื่องคาดเดาได้ เพราะจะดันทุรังกันไปอย่างนี้ เมื่อเลยชั้นหน้าที่ของตำรวจแล้ว แค่โทษคบชู้กับสามีคนอื่นถูกเรียกค่าเสียหายก็น่าจะเกิน สองร้อยล้านแน่แท้เลย
ผมเสริมประเด็นนี้หน่อยครับ นี้คือเทปการแถลงข่าว เป็นหลักฐานชัดเจน การปกปิดใบหน้าไม่ได้มีน้ำหนักที่จะแก้ตัวว่าไม่ใช่ตัวเธอจริงที่ให้ข่าว เพราะหลังจากให้ข่าว ตำรวจได้ขอสอบปากคำ บันทึกการให้ปากคำเป็นเอกสารทางราชการ เธอต้องลายมือชื่อรับทราบ เอาแค่คดีแรกการคบชู้กับชายอื่นที่มีภรรยาแล้ว ภรรยาของชายนั้น นี้คือความเห็นต่อคดีชู้สาว ผมนำมาจกเฟสบุคทนายวันชัยบางตอน " หญิงก็ผิดที่ไปยุ่งกับคนที่เขามีภรรยาอยู่แล้ว ผิดทั้งกฎหมาย ผิดทั้งศีลธรรม ถ้าจะพูดกันแบบไม่เกรงใจหญิงก็ร้ายชายก็ชั่วพอ ๆ กัน ที่ว่าผิดกฎหมายก็คือว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516 (1) กำหนดไว้ว่า “สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้” แสดงว่ากรณีนี้เรียกได้ว่าทั้งมีชู้เพราะนอกใจภรรยาตัวเองไปร่วมประเวณีกับหญิงอื่นแถมยังไปเป็นชู้อีกเพราะหญิงคนนั้นเขามีสามีอยู่แล้ว เท่ากับว่าไปเป็นชู้กับเมียคนอื่นเขานั่นแหละ...อย่างนี้ภรรยาก็อ้างเหตุนี้มาฟ้องหย่าได้ เท่านั้นยังไม่พอกฎหมายยังกำหนดไว้อีกว่า “สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้ และภริยาจะเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาวก็ได้”หมายความว่าฟ้องหย่าแล้วภรรยายังฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงชู้ได้อีก ส่วนสามีของผู้หญิงคนนั้นก็สามารถฟ้องร้องเรียกค่าทดแทนจากเราที่ไปเป็นชู้กับเมียเขาได้อีกเหมือนกัน เรื่องอะไรจะเอาผัวฉัน เมียฉันไปใช้ฟรี ๆ ...นั่นคือส่วนที่ผิดกฎหมาย ส่วนที่ผิดศีลธรรมก็ผิดศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฉา คือการประพฤติผิดในกาม ผิดลูกผิดเมียเขา...และโดยหลักผู้ชายน่าจะผิดอย่างแรงเพราะสัญชาตญาณของผู้ชายนั้นไม่ควรจะไปยุ่งกับหญิงที่เขามีผัวแล้ว ยิ่งรู้ว่าเขามีผัวแล้วยิ่งเท่ากับหมิ่นศักดิ์ชายด้วยกัน เหยียบย่ำชายด้วยกัน ถ้าผัวเขารู้เขาอาจฆ่าคุณก็ได้เพราะมันหยามน้ำใจกันเกินไป แถมตายไปยังต้องปีนต้นงิ้วถูกหอกแหลมแทงชดใช้กรรมอีกด้วย... https://th-th.facebook.com/permalink.php?story_fbid=424780164231644&id=212422832134046
เห็นลาย แบบไร้อาภรณ์ ถ้ามีรัยก่อนท้อง อย่างไรก้อไม่ใช่ 300ล้านแน่นอน ยิ่งคนรักครอบครัว ให้เงินสด 10ล้านเลยเอ้า? ยังจัดว่าลงทุนสูง
ผมเกรงว่าจะกลายเป็นเรื่อง ยักยอกทรัพย์ผัว โดยแต่งเรื่องประกาศต่อสาธารณชนว่าเป็นชู้กันเพื่อให้แนบเนียน แบบนี้ คงจะโดนคดีเพิ่มน่ะสิครับ การให้สัมภาษณ์ของบรรยิน และพริตตี้กลายเป็นหลักฐานมัดตัวเองไปแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้ ผู้เสียชีวิตและครอบครัวต้องเสียชื่อ
ก่อนหน้าคดีนี้คนทั่วไปไม่มีใครรู้จักหรอกครับ เขาไม่ฟุ่งเฟ้อทำตัวไฮโซ คดีมีสองคดี(เรียกคดีก่อนนะครับ) 1การตายกับ 2การยักยอกหุ้นหรือเงิน คดีแรกพิสูจน์และสู้กันไป คดีสอง(ตามข้อมูลที่ทราบโดยทั่วไป) ผมว่าสองสาวบวกหนึ่งนาง ที่คิดว่าจะได้ขึ้นสวรรค์ คงต้องมองต่ำกว่าพิกัดเดิมเยอะ งานนี้จับผู้บงการไม่ได้ ก็ใช้หนี้สามสิบล้านกันในคุกแน่ ออกมายังคงถูกอายัดตัวต่อให้ไปใช้หนี้ที่เป็นชู้กับสามีคนอื่นอีก ถ้าผมเป็นภรรยาถูกกฎหมายผมเรียกสัก 300ล้านเวอร์ไปไหมครับ
คุณกบแดงไม่ต้องลงทุนสักสลึง ยังได้เห็นเกือบหมด เหลือแค่ชิ้นสองชิ้น คนตายผมเชื่อว่าเงินหายสองร้อยล้าน อย่าว่าจะได้จับได้ขยี้เลย หน้าตาชื่อไร ของสาวๆ แก่ยังไม่รู้จักเลยมั่ง
ครับท่านอาวุโส ในคดีหมิ่นประมาณ โดยทั่วไป การลงโฆษณาขอโทษ สามวันเจ็ดวันก็ถือว่าผู้กระทำความผิดน่าจะอับอาย(ขายขี้หน้า)พอสมควรแก่เหตุ ในทางกลับกัน ทางครอบครัวคุณชูวงษ์ ถูกหมิ่นทำให้อับอาย เสียชื่อเสียงตลอด สองเดือนตามหน้าหนังสือพิมษ์ น่าคิดมูลค่าความเสียหายเล่นๆดูว่าน่าจะเท่าไรและ มันจะได้จากกี่คนนะ เดียวนับดู
ผมขอบันทึกข่าวสารช่วงต้นๆไว้เพื่อประกอบการอ้างอิงครับ ภรรยา พี่สาวและทนาย แจงพิรุธการเสียชีวิต “เสี่ยชูวงษ์” พบความผิดปกติของเอกสารในใบโอนหุ้นเขียนชื่อนามสกุลจริง และมีการแก้ไขวันที่ อีกทั้งในวันเกิดเหตุ “บรรยิน” นั่งอยู่เบาะข้างผู้เสียชีวิต โดยไม่ยอมให้การช่วยเหลือ จากกรณีที่นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เสียชีวิตขณะที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์และอดีต รมช.พาณิชย์ ขับรถยนต์เลกซัส สีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ไปส่งนายชูวงษ์กลับบ้านเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งญาติได้เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เพื่อให้สอบสวนรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่เนื่องจากยังติดใจการเสียชีวิตในหลายประเด็น วันนี้ (20 ก.ค.) ที่ สน.อุดมสุข นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง อายุ 51 ปี ภรรยานายชูวงษ์ น.ส.วันเพ็ญ ธนธรรมศิริ อายุ 54 ปี พี่สาวของนายชูวงษ์ นายกันต์ แซ่ตั๊ง อายุ 22 ปี บุตรชายชูวงษ์ พร้อมนายเอนก คำชุ่ม ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.อุดมสุข เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม พ.ต.ท.นพพรกล่าวว่า ภรรยาและพี่สาวของผู้ตายมาให้ปากคำเพิ่มเติมในส่วนของรายละเอียดที่ให้สัมภาษณ์ต่อทางสื่อมวลชนที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุญาติผู้ตายอยู่ที่ใด ทำอะไรอยู่ และรายละเอียดอื่นๆ ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ นอกจากนี้ ทางตำรวจได้แบ่งชุดพนักงานสอบสวน ไปสอบปากคำผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับรถที่ทางคู่กรณีอ้างว่าทางบริษัทของภรรยาซื้อรถคันนี้มาเป็นรถมือสอง และการชนลักษณะดังกล่าว ทำไมถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน อีกทั้งในส่วนของตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลที่สนามกอล์ฟที่ผู้ตายและคู่กรณีเดินทางไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องเรียกคนขับรถของครอบครัวผู้ตายที่มีคำกล่าวพาดพิงถึงในวันเกิดเหตุผู้ตายได้โทรศัพท์ไปสั่งให้นำเอาถุงกอล์ฟมาให้ยังสนามกอล์ฟว่าได้พบผู้ตายหรือไม่ และพบผู้ใดบ้าง ก่อนจะมีการประชุมชุดทำงานที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ในช่วงสายของวันนี้อีกครั้ง นายเอนกกล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.40 น.วันที่ 26 มิ.ย. วันเกิดเหตุ นางศิริรัตน์ ภรรยาของนายชูวงษ์ได้โทรศัพท์ติดต่อไปหานายชูวงษ์ที่บ้านพัก ทราบว่านายชูวงษ์กำลังอาบน้ำเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก ต่อมาเวลา 22.00 น. นางศิริรัตน์ได้รับโทรศัพท์จากภรรยา พ.ต.ท.บรรยิน ว่า พ.ต.ท.บรรยินและนายชูวงษ์เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ นางศิริรัตน์จึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เมื่อไปถึงพบว่า พ.ต.ท.บรรยินยังคงนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ พร้อมคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยินให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าหลังเกิดอุบัติเหตุ พ.ต.ท.บรรยินได้สลบไป เมื่อรู้สึกตัวจึงโทรศัพท์บอกภรรยา โดยยอมรับว่าครอบครัวของนายชูวงษ์ยังติดใจ เพราะหากคิดตามสัญชาตญาณของคนทั่วไป หากเกิดอุบัติเหตุเมื่อ พ.ต.ท.บรรยินโทรศัพท์ไปบอกภรรยาแล้วน่าจะต้องลงจากรถไปอีกฝั่งเพื่อตรวจสอบว่าเพื่อนที่นั่งมาด้วยเป็นอย่างไรบ้าง หรือน่าจะเรียกตำรวจทันที แต่กว่านางศิริรัตน์จะไปถึงที่เกิดเหตุเป็นเวลากว่า 20 นาที กลับพบว่า พ.ต.ท.บรรยินยังนั่งคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่จุดเดิม โดยหลังจากนั้นได้เรียกมูลนิธิและรถโรงพยาบาล พร้อมโทร.แจ้งตำรวจ ก่อนจะมีการช่วยปั๊มหัวใจนายชูวงษ์ 1 ครั้ง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยยอมรับทางครอบครัวก็ยังคงติดใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากเป็นคนสนิทกันจึงพยายามไม่คิดอะไร ทั้งนี้ พ.ต.ท.บรรยินก็ยังเดินทางมาร่วมงานศพของนายชูวงษ์ทุกคืน นอกจากนี้ พ.ต.ท.บรรยินยังให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถมาด้วยความเร็ว ก่อนที่จะมีรถตัดหน้า พ.ต.ท.บรรยินจึงตัดสินใจหักหลบจนรถปีนขึ้นฟุตปาธและชนกับต้นไม้ ตนจึงมาเพื่อตรวจสอบร่องรอยการเฉี่ยวชนของบริเวณกระทะล้อและใต้ท้องรถว่ามีร่องรอยการปีนขึ้นฟุตปาธรวมทั้งการหักหลบอย่างกะทันหันจริงหรือไม่ ซึ่งจะต้องสอบถามไปยังศูนย์โตโยต้าถึงสมรรถภาพความเร็วของรถคันดังกล่าวอย่างละเอียดต่อไป นายเอนกกล่าวต่อว่า ในส่วนของการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ไปยังบุคคลอื่น ที่ทางครอบครัวพบพิรุธ จนกระทั่งเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามนั้น เบื้องต้นพบว่ามีการโอนจำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ได้เซ็นโอนหุ้นไปให้ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล จำนวน 9.5 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ราคาหุ้นละ 24 บาท รวมมูลค่ากว่า 228 ล้านบาท แต่มีผลวันที่ 22 มิถุนายน ก่อนจะพบว่าหุ้นดังกล่าวถูกขายออกไปในขณะที่หุ้นมีราคาที่ถูกลง เบื้องต้นทราบว่าขายไปได้ประมาณ 30 ล้านบาท ก่อนที่ตำรวจจะดำเนินการอายัดในส่วนที่เหลือไว้ทัน ครั้งที่ 2 พบเอกสารใบคำขอถอน/โอนหลักทรัพย์ ระบุชื่อผู้โอนหุ้นว่า “นายชูวงษ์ แซ่ตั๋ง” ซึ่งนามสกุลจริงของนายชูวงษ์ คือ “แซ่ตั๊ง” ทำให้พบความผิดปกติของเอกสาร รวมถึงวันที่ที่โอน มีร่องรอยคล้ายมีการแก้ไขวันที่ โดยครั้งนี้เป็นการโอนหุ้นให้ น.ส.ศรีธรา พรหมา จำนวน 3 ตัว แบ่งเป็น BBC จำนวน 50,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 195 บาท, CPN จำนวน 400,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 46 บาท และ PTTEP จำนวน 60,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 115 บาท รวมมูลค่ากว่า 40 ล้าบาท โดยการโอนหุ้นทั้ง 3 ตัวดังกล่าวนั้นปรากฏชื่อว่า “อุรชา” เป็นเจ้าหน้าที่การตลาด จากการตรวจสอบพบว่าอุรชาและน.ส.ศรีธรา เป็นแม่-ลูกกัน อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามได้รับการยืนยันจากพนักงานในบริษัทและเลขานุการว่าลายเซ็นที่ถูกเซ็นลงในใบโอนหุ้นไม่ใช่ลายเซ็นของนายชูวงษ์ อยู่ระหว่างให้ตำรวจกองปราบปรามตรวจสอบ ที่มา :http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000082028 คำสัมภาษณ์ ลูกชายนายชูวงษ์ cr:เปิดใจ-เปิดปมสงสัยคดี "ชูวงษ์" | 17-07-58 | ไทยรัฐนิวส์โชว์ | ThairathTV thairath youtube คำสัมภาษณ์ ภรรยาและพี่สาวนายชูวงษ์ cr:เจาะข่าวเด่น ร้องเสี่ยหมื่นล้านเสียชีวิต ปมอุบัติเหตุปริศนา (16 ก.ค. 58) เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร youtube
ถ้าฟังก็จะมีเรื่องน่าสงสัยเยอะ แต่ช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีข้อมูลอะไร หรือข้อมูลที่สำคัญจากผู้อยู่ในเหตุการณ์ และมีแต่ข้อมูลของญาติที่เข้าถึงพื้นที่ ที่ผมว่าน่าเชื่อถือมากที่สุด มันมีข้อมูลชวนสงสัยตั้งแต่เริ่ม 1 รถคันนี้เป็นรถเก่า ผู้ขับไม่เคยใช้มาพบปะผู้ตายเลยตั้งแต่คบหามา 2 ปีตามอ้าง นี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่นำมาใช้ ปรกติจะมาด้วยรถเบนซ์ใหม่เสมอ 2 นัดหรือไม่ได้นัด กลุ่มกอล์ฟที่นัดตีด้วย จะมีคนหนึ่งซึ่งถ้ามาคนตายจะกลับด้วยเสมอ วันนั้นไม่ได้มา?(หรือไม่ได้ถูกนัดหรือไม่ว่างมา) 3 มีการนำไวท์มาดื่ม ถ้าไวท์เทดื่มด้วยแก้วไวท์ขนาดกลางปรกติ จะเทได้ประมาณ 8-10 แก้ว มีข้อมูลว่าคุณชูวงษ์ดื่ม 2 แก้ว ที่เหลือใครดื่มดื่มอย่างไง สำหรับคนทานเหล้า ไวท์นี้จะค่อยๆเมา ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งเมามากขึ้น มี ARAI u in ไวท 4 หลังจากทานอะไรเสร็จ อ้างว่ากุญแจหาย หากุญแจร่วมชั่วโมง ข้อสงสัยมีการรอ ARAI out Lite หรือเป่า 5 ใช้เส้นทางอ้อมขับกลับไปส่ง อันนี้ก็น่าสงสัย ถ้าพิจารณาจากการเสียเวลาในการหากุญแจรถร่วมชั่วโมงก่อนออกจากสนามกอล์ฟ เป็นใครก็น่าจะหาเส้นทางที่สั้นที่สุดที่่่่จะกลับบ้าน เพื่อจะชดเชยเวลาที่เสียไป แต่นี่ขับอ้อม หรือว่าขับรถ (ถ่วงเวลารอ ARAI out lite) 6 อ้างว่าหักหลบรถ ที่ขับสวนมากินเลน (แปลว่าอยู่เลนกลาง) หักซ้ายไปเลนข้างฟุตบาท ไม่มีรอยถูกรถชนด้านข้างซ้ายของรถ แปลว่าไม่มีรถวิ่งอยู่เลนข้างฟุตบาททางซ้ายของรถขณะนั้น ) แล้วทำไมไม่หักรถกลับขวาเข้าเลนข้างฟุตบาทแล้ววิ่งรถไปปรกติ แต่ปล่อยรถวิ่งไถลเข้าไปในพงหญ้า จนชนต้นไม้ 7 แปลกที่หลังชนต้นไม้อ้างว่าสลบไป จนมีคนมาเรียกแล้วให้คนช่วยเอาหัวคนตายออกจากคอนโซ แล้วโทรเมียให้โทรหาเมียผู้ตาย เมือเมียผู้ตายมาถึง หลังจากนั้น ยี่สิบนาที(เวลาเดินทางของภรรยาคนตาย) ผู้สงสัยยังนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับสภาพเดิมพร้อมเข็มขัดยังใส่อยู่ หากคาดเดาเวลาน่าจะร่วมชัวโมงในท่านี้ 8 มีการเคลื่อนย้ายรถกลับไปบ้านผู้สงสัยหลังเหตุการณ์ ก่อนที่ทางตำรวจจะขอให้นำกลับมาที่สน.อีกครั้งเพื่อการตรวจสอบ อันนี้คือแค่ข้อน่าสงสัยต่อช่วงประสพอุบัติเหตุ ผมขอชี้แจงก่อนว่าเป็นเพียงการคาดเดา อย่าเชื่อ เพราะผมสมมุติเรียนแบบหนังสืบสวนสอบสวนโดยใช้ข้อมูลจากหน้าหนังสือพิมษ์เท่านั้น อาจจะใช้ทฤษฎีสมคบคิดในการวิเคราะห์เสียส่วนใหญ่ สิ่งที่กล่าวไว้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือชี้นำกับรูปคดีแต่อย่างไร ผู้ต้องสงสัยเคยให้ความชัดเจนสิ่งเหล่านี้ และผมได้นำเสนอไปแล้วในเม้นด้านบน