ช่องสามจะว่าไง หรือต้องรอฎีกา โดยอ้างว่าคดียังไม่สิ้นสุด ? ยังแกล้งหรี่ตายอมให้คนที่ศาลว่าโกง มานั่งลอยหน้าอ่านข่าวคนอื่นโกง
โอ..... เสียหายร้อยกว่าล้านจำคุกเป็นสิบปี เทียบกับจำนำข้าวเสียหายห้าแสนล้าน ถ้าอย่างนี้อดีตนายกฯในใจผมมิต้องร่อนเร่หนีโทษจำคุกตั้ง50,000ปีเชียวหรือครับ
http://www.isranews.org/isranews-news/item/45146-sorayut_45146.html#.VtPirqxL0hp.facebook ช่อง 3 โยนให้บริษัทไร่ส้ม ตัดสินใจเปลี่ยนพิธีกร 'เรื่องเล่าฯ'- องค์กรต้านโกงถามหาจริยธรรม ฝ่ายรายการ ช่อง 3 เผยศาลตัดสินจำคุก 'สรยุทธ' ไม่กระทบผังรายการสถานี ระบุเป็นเรื่องส่วนบุคคล ให้ 'เรื่องเล่าเช้านี้' ออกอากาศตามปกติ เปลี่ยนผู้ดำเนินรายการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ บ.ไร่ส้ม ด้าน 'มานะ นิมิตรมงคล' เผยหากเป็น ขรก.ถูกชี้มูลความผิด จะมีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ ให้ต้นสังกัดใช้ดุลยพินิจ ภาพประกอบ:เว็บไซต์ fanthai.com
ศาลชั้นต้นจำคุกสรยุทธ 13 ปี 4 เดือน คดีไร่ส้ม-ไม่รออาญา กรุงเทพฯ 29 ก.พ.-ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 13 ปี 4 เดือน นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวชื่อดัง คดีจ่ายเช็คกว่า 700,000 บาท จูงใจพนักงาน อสมท ปิดบังการโฆษณาเกินเวลาของบริษัทไร่ส้ม ล่าสุด อยู่ระหว่างยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท คดีนี้อัยการยื่นฟ้องนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน), บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดย นางสาวอังคนา วัฒนมงคลศิลป์ และนางสาวสุกัญญา แซ่ลิ่ม ในฐานะ กรรมการผู้จัดการบริษัทไร่ส้ม, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง และกรรมการผู้จัดการบริษัทไร่ส้มฯ และนางสาวมณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่บริษัทไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 1-4 ผิดตามพระราชบัญญัติว่า ด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 สืบเนื่องจากวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548-28 เมษายน 2549 นางพิชชาภา จำเลยที่ 1 พนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ อสมท ได้จัดทำคิวโฆษณารวมในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จากบริษัทไร่ส้มฯ จำนวน 17 ครั้ง ทำให้ อสมท เสียหายกว่า 138 ล้านบาท และยังได้เรียก รับเอาเงินกว่า 700,000 บาท เพื่อตอบแทนที่ไม่รายงานการโฆษณา ศาลชั้นต้นพิเคราะห์สัญญาร่วมดำเนินรายการแล้วเห็นว่า ถ้ามีการโฆษณาเกินเวลา บริษัทไร่ส้มฯ จะต้องชำระเงิน และบริษัทไร่ส้มฯ ไม่มีสิทธิโฆษณาเกินเวลา ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลปกครองได้วินิจฉัยแล้วว่า บริษัทไร่ส้มฯ ไม่มีสิทธิขอคืนค่าส่วนลดโฆษณา และต้องชำระค่าโฆษณาส่วนเกินเวลาด้วย และหลังเกิดเหตุ อสมท ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งมีผลสอบตรงกันว่ามีการโฆษณาเกินเวลา และบริษัทไร่ส้มฯ จ่ายเช็ค 6 ครั้ง ให้นางพิชชาภา จำเลยที่ 1 กว่า 700,000 บาท เห็นว่าเป็นการจูงใจให้ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลา ทำให้หน่วยงานของรัฐได้รับความเสียหาย นางพิชชาภา มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงาน ของรัฐ ส่วนบริษัทไร่ส้มฯ, นายสรยุทธ และนางสาวมณฑา จำเลยที่ 2-4 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน พิพากษาจำคุกนางพิชชาภา เป็นเวลา 30 ปี ปรับบริษัทไร่ส้มฯ จำเลยที่ 2 เป็นเงิน 120,000 บาท ส่วนนายสรยุทธ และนางสาวมณฑา จำคุกคนละ 20 ปี แต่การนำสืบเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกนางพิชชาภา 20 ปี ปรับบริษัทไร่ส้มฯ 80,000 บาท และจำคุก นายสรยุทธ และนางสาวมณฑา 13 ปี 4 เดือน โดยไม่มีเหตุรอการลงโทษ สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 ศาลปกครองสูงสุดได้กลับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ยกฟ้องคดีที่บริษัทไร่ส้ม ที่ขอให้สั่ง อสมท จ่ายเงินคืนค่าส่วนลดโฆษณาในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ร้อยละ 30 หรือประมาณ 138 ล้านบาท เนื่องจากในสัญญาร่วมงานไม่ได้กำหนดว่าเป็นหน้าที่ของ อสมท ต้องเป็นผู้ชำระ ส่วนที่ อสมท ขอให้ศาลฯ สั่งบริษัท ไร่ส้มฯ ชำระค่าส่วนลดทางการค้ากว่า 55 ล้านบาทนั้น ศาลเห็นว่าบริษัทดังกล่าวไม่จำเป็นต้องจ่าย เพราะ อสมท ฟ้องเรียกเก็บเงินนี้จากเจ้าหน้าที่ที่ให้ค่าส่วนลดโดยไม่ชอบแก่บริษัทไร่ส้มฯ แล้ว อย่างไรก็ตาม ภายหลังศาลมีคำพิพากษานายสรยุทธ กับพวกอยู่ระหว่างดำเนินการยื่นคำร้องเพื่อขอศาลปล่อยตัวระหว่างสู้คดีใน ชั้นศาลอุทธรณ์ โดยยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/413728
29 ก.พ.| ข่าว 16.00 น. ศาลอนุญาตให้นายสรยุทธ และพวกได้รับการประกันตัวชั่วคราว ในวงเงิน คนละ 2 ล้านบาท 29 ก.พ.| ข่าว 19.00 น. สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ระงับการออกอากาศรายการ เจาะข่าวเด่น ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ดำเนินรายการ
ตามความเป็นจริง เงินที่โกง ถ้าไม่ถูกยึด ถูกจับได้ ลูกหลานที่รับมรดกก็พลอยได้รับประโยชน์จากเงินโกง ดังนั้นถ้าโดนจับได้ แล้วคนโกงตายก่อนได้รับโทษหมด ลูกหลานที่เป็นผู้สืบสันดาน น่าจะรับมรดกโทษต่อไปจนครบ
ถ้ามีหลักฐานว่าเป็นเงินที่ถ่ายโอนไปจากการโกง ผมว่าสมควรตามไปยึดได้ หรือน่าจะมีกฎหมายให้ยึดมาก่อน แล้วให้เจ้าของทรัพย์หาหลักฐานมา ว่ามีส่วนไหนที่ตัวเองหามาได้เอง ก็เอาส่วนนั้นคืนไป ไม่ใช่ให้เราต้องหาหลักฐานแล้วค่อยๆตามยึด ทำแบบนี้ครอบครัวคนโกงมันจะได้ช่วยกันห้ามปรามกันเอง ในอดีตเพราะมัวแต่โลกสวยกับพวกโกงบ้านโกงเมือง ตระกูลพวกนี้ถึงได้มีความสุขบนความทุกข์ของคนไทยทั้งประเทศ
มีเสียงจากข้างใน น่าจะใกล้ชิดนะ ที่ว่ากองทุนต่างๆ เบิกจ่ายคนเดียว ไม่มีปิด บ/ช ไม่มีสรุปยอดปิดยอด คงมีเศษและอาจมีคนหลงบริจาคติด บ/ช เพิ่มอีก น่ามีการตรวจสอบนะ แค่เศษๆ ก้อหลายล้านนะ โฆษณาแฝงนี้น่ารับเนื้อๆนะ
อัพเดทข่าวหน่อย มีการยึกยักเมื่อเช้าโผล่หน้ามาอีก (อย่ามวยล้มต้มคนดูนะเฟร้ย จริยธรรมสำคัญกว่าเงินตราหรือ ? อย่าแค่เห็นว่าหน้าหมาขายข่าวได้ คิดนอกกรอบคือน่าจะปั้นหน้าใหม่มาแทน อิอิ) กสทช.ถกปมสรยุทธจี้ยุติหน้าที่ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาผังรายการและเนื้อหารายการ เปิดเผยว่า วันที่ 1 มีนาคม 59 คณะอนุกรรมการฯ จะประชุมเพื่อพิจารณาคดีที่นายสรยุทธ ผู้ดำเนินรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ถูกศาลตัดสินในคดี บริษัท ไร่ส้ม ไม่ได้จ่ายเงินค่าโฆษณาให้แก่ อสมท ส่งผลให้เกิดความเสียหายกว่า 138 ล้านบาท แม้กฎหมายของ กสทช.ไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าต้องเอาผิดกับผู้ดำเนินการ ที่โดนคดีอาญา แต่ กสทช. มีกฎที่ใช้บังคับกับผู้ประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ ที่รับใบอนุญาตกับ กสทช. ตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ปี 2551 และ ประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์ และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ ปี 2555 มาตรา 14 ที่มีเนื้อหากำหนดให้ผู้ถือใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ต้องดูแลเนื้อหา และผู้ผลิตรายการของทางสถานีด้วย พล.ท.พีระพงษ์ ระบุว่า ผลเป็นทางการต้องรอการประชุมของคณะอนุกรรมการฯ แต่หากความเห็นส่วนตัวมองว่าผู้ที่เป็นสื่อสารมวลชนและมีบทบาทมีชื่อเสียงในสังคม หากโดนศาลตัดสินเช่นนี้แล้วก็ไม่เหมาะสมอีก หากจะต้องมานั่งดำเนินรายการ http://www.komchadluek.net/detail/20160301/223354.html
ความเห็นส่วนตัว ผมว่ากสทช.ไม่น่าเข้าไปยุ่ง ให้หน่วยงานสื่อฯดูแลกันเอง เพราะช่วงที่สื่อฯโดนเล่นงานเห็นมีสมาคมฯ หน่วยงานฯ กรรมการฯ อะไรต่างๆนานาออกมาปกป้องสื่อฯกันเกลื่อนไปหมด งานนี้เห็นชัดๆกันแล้วว่าคนสื่อฯโกงเอง และถูกตัดสินจำคุกแล้วด้วย พวกที่เคยปกป้องสื่อฯจะมองเรื่องนี้อย่างไร ความจริงยังมีเรื่องค้างคาอยู่คือรายชื่อสื่อฯที่รับผลประโยชน์จากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เห็นยังแบ๊ะๆกันอยู่ มันน่าจะเน่ากันเกือบหมดทั้งวงการสื่อฯแหละครับ รวมถึงนักการเมือง ตำรวจ และมส.ด้วย ถึงได้ค้ำจุนกันมาได้มานานแสนนาน
ศาลให้ประกันตัว สรยุทธ วงเงิน2 ล้าน รายงานตัวทุก 30 วัน-ห้ามออกนอกประเทศ หลังถูกพิพากษาจำคุก 13 ปี 4 เดือน จากคดี บ.ไร่ส้ม ยักยอกเงิน อสมท อย่างนี้ก้ออดไปดู โอลิมปิก สินะ
เอาเข้าจริงถึงแม้ว่าคดีถึงที่สุดแล้วผิดจริง ช่องสามจะตามไปจัดต่อในคุกก็ยังได้ถ้ากรมราชทัณฑ์อนุญาตและเจ้าตัวยังคงจะจัดรายการต่อ มันอยู่ที่สรยุทธกับช่องสามครับว่าจะมีสำนึกมั้ย แต่เท่าที่ดูแล้วน่าจะไม่มี
คู่สร้างคู่สมกันจริงๆ "สรยุทธ" จัดรายการตามปกติพร้อมระบุเคารพในคำพิพากษาของศาลคดีบ.ไร่ส้ม ยันขอต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ทีมข่าว TNN24 ลงพื้นที่ติดตามกรณีท่าทีบิ๊กช่อง 3 เตรียมพลิกกลยุทธ์หลังศาลสั่งจำคุก "สรยุทธ" ช่วงเช้า
มันจะอ่านไหมนะ จม เปิดผนึกบับนี้ ... Time Chuastapanasiri ThaiPBS เทศบาลนครสงขลา ถึงนักเรียนวารสารศาสตร์ “กรรมกรข่าว: จริยธรรมและสำนึกวิชาชีพ” ใครบางคนเชื่อว่า “แมลงวันไม่ตอมแมลงวัน” แต่ผมไม่เชื่อ ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาจริยธรรมที่ควรพูดถึงอย่างจริงจัง หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก “นายสรยุทธ สุทัศนจินดา” กรณียักยอกเงินค่าโฆษณาส่วนเกิน 138 ล้านบาท พร้อมกับพวกอีก 3 คน และมีคำสั่ง "จำคุก" 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ล่าสุด คุณสรยุทธใช้เงินประกันตัวเองออกไป 2 ล้านบาท และช่อง 3 ออกโรงปัดแล้วว่า ให้บริษัทต้นสังกัด "ไร่ส้ม" เป็นผู้พิจารณาเอาเองว่า จะแบนคุณสรยุทธจากรายการข่าวที่ตัวเองทำอยู่หรือไม่? ผมควรพูดถึง "ความเข้าใจผิด" ที่จะเกิดขึ้นต่อไปยัง "น้องๆนักเรียนนิเทศศาสตร์-วารสารศาสตร์" ในฐานะที่ผมเองก็เป็นศิษย์เก่านิเทศศาสตร์เอกวารสารศาสตร์ อีกทั้งยังสอนวิชานี้ในมหาวิทยาลัยพอสมควร ขอพูดถึงคุณสรยุทธ์ ในแบบที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่ในฐานะเป็นบุคคลสาธารณะที่มีอาชีพสื่อสารมวลชน ซึ่งหน้าที่ จริยธรรม สำนึก เกียรติ ศักดิ์ศรีของเขา ส่งผลโดยตรงต่อสิทธิของประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ
(ต่อ) มีเรื่องที่น้องๆ ควรทำความเข้าใจดังนี้ครับ >>>(1) "จริยธรรมคือความน่าเชื่อถือ" ปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณสรยุทธ์นั้น มีภาพลักษณ์ "ที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ" สำหรับคนที่ชื่นชอบติดตามรับชมรายการคุยข่าวเล่าข่าวมาก - ลูกเล็กเด็กแดงดูกันหมดมากมาย, สินทรัพย์ที่แท้จริงของคนข่าว คือ "ความน่าเชื่อถือ" ดังนั้น "เมื่อคุณสรยุทธ์มีปัญหาด้านจริยธรรม" (ในกรณีนี้ คือ การทุจริตเม็ดเงินโฆษณาสมัยรายการคุยคุ้ยข่าว ที่ร่วมกันทำกับช่อง 9 อ.ส.ม.ท. มานานหลายปีก่อน) นี่จึงเท่ากับ "ตัวคุณสรยุทธ์ไม่มีความน่าเชื่อถือ" เพราะเข้าลักษณะ ทุจริตคอร์รัปชั่น หรือโกงเงิน หรือยักยอกทรัพย์ กรณีศาลชั้นต้นพิจารณาความผิดทางอาญา จึงหมายความว่า คุณสุรยทธ์ มีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา ในข่าวยังบอกด้วยว่า ยอมรับและให้ความร่วมมือการพิจารณาคดีกับศาลอย่างดี จึงยอมลดโทษให้ด้วย จากที่จริงต้องจำคุก 20 ปี คนข่าวต้องมี “จริยธรรมและความรับผิดรับชอบ” เท่านั้น ที่จะยืนอยู่บนเส้นทางนี้ได้ตลอดวิชาชีพ ดังนั้นวันนี้ คุณสรยุทธ์ จึงไม่มีความน่าเชื่อถือสำหรับคนรายงาน/อ่านข่าวหน้าทีวีอีกต่อไป >>>(2) "สปิริต-จิตสำนึกทางวิชาชีพ" สรยุทธ์ "ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีปัญหาของตนเอง" อย่างแท้จริง, หลายปีก่อน เขาแสดงความจำนงชัดเจนด้วยการเขียนจดหมายลาออกจากการเป็นสมาชิกสังกัดองค์กรวิชาชีพสื่อ เนื่องด้วย(เหตุผลที่ไม่ระบุในจดหมาย)แต่เป็นที่รับรู้กันว่า "ไม่พอใจคำตักเตือน" ของ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่ออกมาเรียกร้องให้เขาแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการออจากหน้าจอทีวี ในระหว่างที่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ และนั่นมันก็ 3 ปีมาแล้ว! แตกต่างกันมากกับกรณี ของ พิธีกรเล่าข่าว "กนก รัตน์วงศ์สกุล" ที่มีปัญหาจริยธรรมหลายปีก่อนเรื่องภาพ-คลิปอนาจารที่มีการเผยแพร่หลุดไปในโลกโซเซียล, โดยไม่รอช้า หรือสังคมตั้งคำถาม คุณกนก ตัดสินใจยุติบทบาทหน้าจอ ทั้งที่เนชั่นและช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ยาวนานกว่า 1 เดือน เพื่อให้มีการสอบสวนทางวินัยและเพื่อให้ได้ผลสอบสวนอย่างเร็วที่สุด จึงกว่าจะกลับมาออกอากาศบนหน้าจอได้ แต่สำหรับคุณสรยุทธ์ ไม่ว่าสมาคมนักข่าวจะออกจดหมายประณาม (ตักเตือนแรงๆ) จัดเวทีเสวนาวิชาการพูดคุย หรือทำอย่างไร คุณสรยุทธ์ ก็ไม่เคยเสดงสปิริตรับผิดชอบทางจริยธรรมใดๆ จนกลายเป็นที่โจษจันและล้อเลียนในวงนักข่าว-เพื่อนพี่น้องในสมาคมข่าวกันว่า “ถ้าเวทีเสวนามีเนื้อหาที่พูดเรื่องจริยธรรมละก็ “เฮียยุทธ์” ไม่เคยโผล่หน้า” >>>(3) “เรื่องเล่าเช้านี้ – รายการที่ไม่ใช่ข่าว เพราะใส่ความคิดเห็น” มีน้องๆ นักเรียนนิเทศศาสตร์เข้าใจว่า “รายการเรื่องเล่าเช้านี้ คือรายการข่าว” และอยากจะประสบความสำเร็จ ผิดนะครับ, รายการนี้ไม่ใช่รายการข่าว รายการนี้คือรายการแสดงความคิดเห็น ว่าที่จริงไม่ควรนับว่าเป็นรายการข่าวในสัดส่วนที่ช่อง 3 เสนอเป็นสัดส่วนผังรายการข่าวสำหรับ กสทช. พิจารณาด้วยซ้ำไป รายการที่เติมแต่งความคิดเห็น มุมมองสวนตัว อารมณ์ ท่าที และขัดแย้งกับการนับเสนอเฉพาะข้อเท็จจริงนั้น ไม่ใช่รายการข่าว , นักเรียนนิเทศศาสตร์ โดยเฉพาะน้องๆ นักข่าว กลับเชื่อว่ามันคือรายการข่าว – นั่นเป็นเพราะเขาเห็นความสำเร็จที่กองอยู่บนเรตติ้ง เม็ดเงินโฆษณา กำไรวันละกว่าครึ่งล้านจากรายการนี้ที่ทำได้ในแต่ละวัน และค่าตัวผู้คุยข่าวเล่าข่าวคราวหลายแสนบาท ทำให้คิดว่า นั่นคือภาพของรายการข่าวที่ประสบความสำเร็จนะครับ เป็นมายาคติและความเข้าใจผิดอย่างมาก ในวงการ การศึกษา ด้านวารสารศาสตร์ในมหาวิทยาลัยที่ผมพยายามแก้ไขความเข้าใจของนักศึกษารุ่นน้อง ที่คิดว่า คุณสรยุทธ์ คือ “สื่อมืออาชีพต้นแบบ” ผมว่าไม่ใช่ “เขาไม่ใช่มืออาชีพ เพราะถ้ามืออาชีพจริงจะไม่ทำอย่างนี้” “คนข่าวมืออาชีพ จะวางตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทำงานข่าวเว้นระยะกับแหล่งทุนสนับสนุน ไม่เอนเอียงอคติ ชี้นำความคิดเห็นของผู้ดูผู้ชม หรือ ปกปิดกลบเกลื่อนข่าวลือ ข่าวเสียหาย หรือข่าวที่ตัวเองมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องได้ประโยชน์” สรยุทธ์ “ไม่ใช่มืออาชีพ” คนข่าวอีกต่อไป หากไม่แสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรม >>>(4) “การแสดงสำนึกทางวิชาชีพ กับ ความรับผิดชอบ ทางจริยธรรม” เมื่อปี 2555 พลันที่มีการ “ชี้มูลความผิด” มีมูลจริง โดย ป.ป.ช. ว่าคดีนี้ มีน้ำหนักลักฐานมากพอที่จะสรุปเอาผิดเอาความได้ , เวลานั้น คุณสรยุทธ์ “มีโอกาสที่จะแสดงสำนึกทางวิชาชีพ” ด้วยการถอนตัวเองออกจากหน้าจอ แต่เขากลับไม่ยี่หระ ไม่ทำ ไม่สนใจ และยังคงทำหน้าที่เสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องแบบนี้ สำนึกมันสอนกันได้ แต่มีสำนึกจริยธรรมกับวิชาชีพที่ตนเองใช้ทำมาหากินมานานนั้น “คนดีๆ” ควรจะทำ ขนาดนักข่าวต่างประเทศ นักการเมืองญี่ปุ่น เวลาที่มีเรื่องชู้สาว เมามาย ทะเลาะวิวาทหรือขับรถชนคน เมาแล้วขับ ทั้งๆ ที่เรื่องราวเหล่านั้น "เป็นเรื่องส่วนตัวนอกเวลางาน" เขายังมาขอขมาลาโทษและแบนตัวเองออกจากหน้าที่ จากงานที่เขาทำ นี่คุณสรยุทธ์ “ทำผิดจริงในตอนที่ดำเนินธุรกิจรายการข่าวที่ตนเองมีส่วนดูแล ทุจริต มิจฉา ตามสำนวนฟ้องและยอมเอาเงินที่ทุจริตคืนไปแล้ว” ถือว่าเกี่ยวข้องและมีผลประโยชน์ทับซ้อนใน “หน้าที่การงานของตนเอง” อย่างมาก ไฉนจึงยังนิ่งเงียบเฉยอยู่เป็นทองไม่รู้ร้อนได้อย่างไร ผมคิดไม่ออกจริงๆ ว่า “เพื่อนร่วมวิชาชีพ รายการกับคุณสรยุทธ์นั้น จริยธรรมวิชาชีพมีมากในระดับไหน?” และจะไปสอนวิชาจริยธรรมสื่อสารมวลชนโดยดูหน้าและแววตาของเด็กนักเรียนที่นึกสงสัยประเด็นนี้ ไม่รู้ว่าจะตอบข้อสงสัยของเขาอย่างไร? ในกรณีที่ท่าน ถูกมหาวิทยาลัย เชิญไปสอนบรรยายวิชาจริยธรรม หรือ มีเด็กๆ นักเรียนสื่อสารมวลชนไปดูงานข่าว ไปฝึกงานที่ช่อง 3 จะสอนน้องๆ วารสารอย่างไรกันครับ? ตอนนี้ “ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วว่าผิดจริง” และเจ้าตัวให้ความร่วมมือในการสอบสวนดีมาก, ที่น่าแปลกคือ หากคุณสรยุทธ์ จะอุทธรณ์คดีความ มันก็น่าแปลกที่สำนวนพิพากษาจะพูดมาได้อย่างไร “ว่าจำเลยให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลเพื่อการพิจารณาดีมาก” คุณสรยุทธ์ และ ทนาย ยังอยากจะไปสู้ “ในศาลอุทธรณ์ที่สอง” แล้ว “ค้านกับความร่วมมือที่ตนเองให้ในศาลแรก” ละหรือ?? งงจริงๆ!! เพราะฉะนั้น เมื่อปี 2556 มาแล้วไม่ได้แสดงสปิริตวิชาชีพ มาคราวนี้ คุณสรยุทธ์มีทางเดียว คือ ต้องแสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมแต่เพียงอย่างเดียว?
(ต่อ) >>>(5) องค์กรวิชาชีพ กำกับไม่ได้ ก็ยุบตัวเองไปเสียเถิด ครั้งก่อนสรยุทธ์พ่นจดหมายลาออกจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ (ผมไม่แน่ใจว่าสรยุทธ์ยังคงเป็นสมาชิกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์หรือไม่) ทว่าเรื่องตลกของนักข่าวคนนี้ คือ “เขาไม่จ่ายค่าสมาชิกบำรุงสมาคมนักข่าว ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมสมาชิกไม่กี่ร้อยบาทต่อปี มาเป็นเวลา 3 ปี ก่อนที่จะมายื่นจดหมายลาออก” เพียงเพราะว่า “ไม่พอใจที่โดนวิจารณ์ ประณาม เรียกร้องตำหนิทางจริยธรรม” ทว่า “ช่อง 3 และ บีอีซีเทโร” และบอร์ดกรรมการบริหาร เป็นสมาชิกของ “สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย” ในระดับสมาชิกองค์กร ฉะนั้นแล้ว “ช่อง 3 ก็มีอำนาจที่จะลงดาบลงโทษสรยุทธ์ได้อย่างเต็มที่” อันเนื่องมาจากกฎหมายการประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ และ กฎหมายองค์กรกำกับดูแลกิจการวิทยุโทรทัศน์ กำหนดว่า “ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่กำกับ หรือ ส่งเสริมให้มีการกำกับดูแลกันเองทางวิชาชีพ” เพราะฉะนั้น “ถ้าสภาวิชาชีพข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย” ไม่ออกโรง ไม่มีมาตรการทางจริยธรรมสำหรับบอร์ดบริหารช่อง 3 ก็จะเท่ากับว่า “เป็นเสือกระดาษ” และ กสทช. ก็มีอำนาจในทางปกครองที่จะลงเข้าไปกำกับดูแลเชิงกฎหมายและทางปกครองได้ ว่าที่จริง “ช่อง 3 ปัดสวะให้พ้นตัวไปแล้ว” ด้วยการออกโรงมาพูดว่า “เรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของบริษัทไร่ส้ม เป็นเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวของคุณสรยุทธ์ และจะขอไม่เข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น” แค่นี้ก็จะเห็นว่า ช่อง 3 คงจะเดินเกมแก้ต่างขอห่างๆ เงียบๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเข้าไว้ เอาใจไปคิดว่าสักพักคนไทยก็ลืมง่ายและก็จะหันกลับมาดูสรยุทธ์เช่นเดิม เพราะคนไทยนั้นลืมง่ายและไม่ค่อยมีพลังผู้บริโภคเข้มแข็งจริงๆ (เหมือนตอนละครถูกแบบ เรื่อง เหนือเมฆ) ผมเสนอให้ “กรรมการสภาวิชาชีพข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย” เขียนจดหมายออกโรง แถลงการณ์ ประณาม และเรียกร้องให้ต้นสังกัด และ ผู้รับใบอนุญาตวิทยุโทรทัศน์ ของช่อง 3 มีมาตรการและแสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมด้วยการเอาสรยุทธ์ออกจากทุกรายการของสถานี และ ทุกกระบวนการขั้นตอนของงานข่าวงานบรรณาธิการจนกว่า เรื่องราวจะจบลง หรือไม่งั้นก็ขอให้แบนไปตลอดชีวิต องค์กรวิชาชีพ ถ้าเอาเรื่องนี้มาบังคับ กำกับดูแลเชิงวิชาชีพไม่ได้ (อย่าลืมว่า คุณสรยุทธ์ ตอนนี้ ลอยตัว ไม่ได้เป็นสมาชิกองค์กรกำกับดูแลวิชาชีพใดๆ ในประเทศไทยเลย) และหากช่อง 3 ไม่ยี่หระอินังขังขอบเรื่องนี้ ก็ยุบๆ ไปเถอะครับองค์กรวิชาชีพทั้งหลาย >>>(6) “สรยุทธ์ ตำนานตัวแบบจริยธรรม” เวลาไปบรรยายเรื่องจริยธรรมวิชาชีพ นอกจากที่จะเอาตัวอย่างสำนักข่าวเมืองไทยต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งวิทยุโทรทัศน์ ทั้งองค์กรคนอื่น และ องค์กรไทยพีบีเอส ของผมเอง ไปบอกเล่า ไปแฉ ไปถอดบทเรียนแก่นักเรียนนิเทศศาสตร์อย่างบ่อยถี่จนกระทั่งคนสื่อไม่ชอบหน้าแล้ว ก็ยังมีคุณสรยุทธ์นี่เอง ที่เป็น “ต้นแบบกรณีศึกษาเรื่องปัญหาจริยธรรม” ที่ผมมักเอาไปสอน ไปถกเถียงชวนพูดคุยกับนักศึกษาในคาบเรียนที่ผมบรรยาย เด็กนักเรียนเคยพูดกันว่า “โตขึ้นเขาอยากจะเป็นแบบสรยุทธ์” ผมถามเขาว่า “ทำไมหรือ” “เขาเก่ง เล่าข่าวเก่ง พุดคุยกันเองสนุกสนาน” กระทั่งสายพีอาร์งานข่าวราชการ ยังพูดว่า “ลูกเล็กเด็กแดงรู้จักสรยุทธ์หมด” จนกระทั่งพูดว่า “เดี๋ยวนี้บรรดางานวางแผนโฆษณาสื่อ ไม่มีอะไรมาก ลูกค้าว่า ขอให้ไปออกรายการเรื่องเล่าเช้านี้ช่วงที่คุณสรยุทธ์พูดในรายการ จ่ายเท่าไร เอเจนซี่ก็ต้องไปจัดหามาให้ได้ – เพราะมีคำพูดว่า “แค่สรยุทธ์พูด คนดูก็เชื่อ” จริงเท็จเป็นเรื่องที่ไปพิสูจน์ / บางคนก็อาจจะไม่ชอบ แต่ที่แน่ๆ “มีเด็กมากมายที่อยากจะเป็นเหมือนเขา รวยเหมือนเขาเพียงเพราะแค่ทราบว่ากำไรจากการอ่านข่าวเล่าข่าวนั้นรวยง่ายเร็วดี” เรื่องนี้ “ไม่รู้มหาวิทยาลัยต้นสังกัด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ” จะรู้สึกนึกคิดอย่างไรที่มี “ศิษย์เก่าดีเด่นที่มีคดีทุจริตติดตัว” ทว่า “ต้นแบบจริยธรรมที่อยู่ในวิชาเรียนจริยธรรมของผม” นั้น สรยุทธ์ มีแง่มุมที่สอนนักศึกษาได้ดีมากๆ และต้องขอบคุณเขามายัง ณ ที่นี้ด้วย “ที่ขยันสร้างกรณีศึกษา” ให้นักศึกษาไทยได้เรียนรู้เรื่อง “จริยธรรมวชาชีพ” สิ่งเดียวที่ดูจะยังเป็นปัญหาสำหรับผม คือ พอสอนเสร็จแล้วเขาก็บอกว่า “อาจารย์คอยดู เรตติ้ง เม็ดเงินโฆษณา ผลประโยชน์ กำไร จะกลายเป็นเครื่องมือวัดระดับจริยธรรมของคนข่าว และบางคน มันก็เห็นง่ายมาก ว่าเขาเลือกอะไร?” หลายคนยอมรับอย่างติดตลกทว่าน่ากลัวว่า “เงินซื้อนักข่าวไม่ได้ ถ้าไม่มากพอ!” >>> (7) “พลังประชาชน ทำอะไรสรยุทธ์ได้บ้าง?” การที่คุณสรยุทธ์ยังนั่งอ่านข่าวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ทั้งๆ ที่ตนเองทุจริตเงินโฆษณาในรายการข่าวที่ตนเองบริหารจัดการเมือหลายปีก่อน” ก็ส่งผลอย่างมหันต์ “ต่อจริยธรรมชองเนื้อหาข่าวที่ส่งมาให้ประชาชน” เราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่า “ข่าวที่เขาเล่า อ่าน นำเสนอนั้น ยืนอยู่บนหลักการไม่ขัดผลประโยชน์ทับซ้อน” เขาจะนำเสนอมันอย่างไม่เอนเอียง เป็นกลาง ปราศจากอคติ , เอาง่ายๆ ว่า “เขาจะอ่านข่าวตัวเองทุจริตอย่างไร?” ประชาชนจะได้ข้อมูลข่าวสารตรงไปตรงมาละหรือ หรือไม่ก็ เขาจะซื่อสัตย์ซื่อตรงกับตนเองละหรือ เขาเป็นคนดีหรือ เป็นคนจริง แน่วแน่หรือ ไม่มีคดีทุจริตเลยหรือ หรือเขาจะเชื่อใจไว้วางใจได้อย่างไรเวลาทำข่าวนักการเมืองโกงทุจริต ทั้งๆ ที่ศาลชั้นต้นก็พิจารณาแล้วว่า เขาโกงเงินโฆษณาในรายการที่ตัวเองจัดทำ สรยุทธ์ได้ในสิ่งที่ทำให้เขามีวันนี้ได้ “คือศรัทธา และความไว้วางใจ” ทว่าเขาก้ทำลายมันเอง ด้วยผลข้อเท็จจริงของศาลที่พิพากษาเขาผิดและต้องจำคุกแบบไม่ต้องลงอาญา (โทษตั้ง 13 ปี 4 เดือน) สำหรับเขาเอง ควรจะรู้ตัวตนแล้วว่า “เขาหมดทางหากินบนความน่าเชื่อถือไว้วางใจทางสังคมไปแล้ว” บริษัท ห้างร้าน เอกชน จะพูดว่าอย่างไร “ไปลงสินค้าและบริการในรายการโทรทัศน์ที่มีพิธีกรโกงเงินโฆษณาสิ” นี่จะกลายเป็นตราบาปประทับติดตัวทางวิชาชีพไปตลอดจนเวลาที่เหลืออยู่ น้องๆ จำนักข่าวสาวต่างฮังการี ปีที่แล้ว ที่ “ใช้เท้าดักขาผู้อพยพล้มลงต่อหน้ากล้อง ขณะที่เธอรายงานข่าว เพียงเพื่อต้องการภาพข่าวและให้ผู้อพยพลี้ภัยคนนั้นถูกตำรวจจับ” ได้ไหมครับ – ใช่ครับ เธอละอาย อับอาย และเสียใจต่อเสี้ยววินาทีที่เธอทำไป และ องค์กรต้นสังกัด “ไล่เธอออกเพื่อพยุงเกียรติวิชาชีพข่าวและต้นทุนทางจริยธรรมขององค์กร” อย่างน้อยๆ เธอคนนี้ ยังรับผิดชอบต่อ “เกียรติและศักดิ์ศรีของวิชาชีพงานตนเอง” ฉะนั้นแล้ว สรยุทธ์ยิ่งต้องแสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมของตนเอง >>>8 เราควรทำอย่างไร กับนักข่าวที่มีปัญหาจริยธรรม ผมคิดว่า มีสิ่งที่เราทำกันได้ดังนี้ครับ คือ ประชาชน คือ ไม่ดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ข่าวเด่นเย็นนี้ และทุกๆ รายการที่สรยุทธ์จัดรายการ รณรงค์กันเถอะครับ แบน ไม่ซื้อ ไม่ใช้สินค้าและบริการที่สนับสนุนต่อรายการที่สรยุทธ์จัด รณรงค์กันเถอะครับ ให้สถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 ไม่ปัดความรับผิดชอบ (คือในทางกฎหมายคุณต้องรับผิดชอบนะครับ) มีกลไก บังคับใช้เชิงจริยธรรม อย่าลอยตัวเหนือปัญหา รณรงค์กันเถอะครับ คนวิชาชีพสื่อด้วยกันเอง ต้องช่วยกันประราม ตรวจสอบ เอาผิด อย่าเป็นแมลงวันไม่ตอมแมลงวันแบบที่ผ่านมา เพื่อพยุงศักดิ์ศรีคนวิชาชีพข่าวเอาไว้ อย่างที่ผมบอก “สรยุทธ์เลยจุดแสดงสปิริตทางวิชาชีพมานานแล้ว” จุดเดียวจากนี้ที่เขายืนอยู่ คือ “จุดจบของความน่าเชื่อถือในวงการ” “เด็กๆ รุ่นใหม่ควรเรียนรู้ว่า จริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชน คือ เข็มทิศนำทางการทำงานของเราไม่ให้ไขว้เขวไปกับผลประโยชน์ อวิชชา และความมิจฉา” มิเช่นจุดจบก็คงจะเป็นเช่นสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา กรรมกรเล่าข่าว ที่กลายเป็นตำนานด้านจริยธรรมที่ไม่ควรเลียนแบบและน่าชื่นชมแต่อย่างใด คนโกงไม่ควรมีที่ยืนฉันใด นักข่าวที่โกงเสียเอง ยิ่งไม่ควรมีที่ยืนฉันนั้น เวลาที่คุณรายงานข่าวนักการเมืองโกง ข้าราชการทุจริตคอร์รัปชั่น คุณจะยังคงมองหน้าตัวเองในกระจกได้อย่างไร? ยอมรับผิด รับโทษ สังคมจะให้อภัยได้ครับ
รุ่งศักดิ์ สุวรรณภาณุ ทีแบบนี้ไม่ออกมาปกป้อง "จรรยาบรรณวิชาชีพ" กันบ้างเลยรึ..? รึว่า..สันดานเดียวกัน จรรยาบรรณจริยธรรมไม่มี พวกเดียวกัน ต้องเคียงข้างผลประโยชน์ ร่วมกัน ทำเป็นเงียบ ไม่รู้จะด่าอย่างไร....คนพวกนี้ ใจสกปรก.ช่วยพวกเดียวกัน ฺฮึ้มมมม!! จริงๆด้วย ต้องออกๆๆๆๆ รัวๆๆ
หวาน อุษณี เผื่อบางคนที่ยังไม่เข้าใจว่าพี่ยุทธคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยให้ อสมท แล้วทำไมยังโดนตัดสินจำคุก “พี่ยุทธ ถูกตัดสินจำคุกเพราะติดสินบนพนักงาน อสมท นะจ๊ะ“
@PSaechai ... คนดีกับคนเลว ต่างกันมาก คนเลวมีหลักฐานถึงติดคุก ก็ยังไม่คิดว่าตนผิด และที่สำคัญคนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง.. ไม่คิดเลยนะว่า เขาสองคนเคยนั่งคู่คุยข่าวเป็นคู่ขวัญกันมาก่อน
Warut Worajin ผู้ประกอบการเริ่มถอดโฆษณาในรายการออก เพราะมองว่าขัดต่อหลักการของบริษัทในการเลือกพื้นที่สื่อลงโฆษณาที่ต้องพิจารณาใช้สื่อที่โปร่งใส สะใจครับ !!!! @ถึงไม่ใช้ญาติแต่ชาติเดียวกัน รักกันนะ ภัทราพร ตั๊นงาม ขึ้นกับเจ้าของสินค้า..! แถลงการณ์.. สมาคมมีเดียเอเยนซี่ฯ ต่อ กรณี "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ดังนี้ .. งานนี้ต้องยืนหยัดกันถึงที่สุด กระทบถึงช่องแน่นอล!!!
การบ้าน การเมือง “บิ๊กตู่” “ส่งสัญญาณห้ามขรก.ออกรายการ “สรยุทธ” อย่าเปิดช่อง3 แช่ แนะต้องเป็นตัวอย่างเคารพกม. https://t.co/dgZwgl07Fc ข่องฯจะผ่าไปไหวมั้ย ยิ่งอุ้มยิ่งวุ่น ยิ่งสู้ยิ่งจบไว หลักฐานแน่นพิจารณายืนยิ่งตอกย้ำหมดค่าเข้าไปอีก
ดาริน กานต์ @Kob_springnews ม.กรุงเทพประชุมเข้มพิจารณาว่าถอด-ไม่ถอด สรยุทธ ออกจากศิษย์เก่าดีเด่น ยันยึดหลักการทำหน้าที่สื่อที่ดี ไมละๆๆ มันกระพือไปตามแรงตกกระทบ บางคนขนาดเป็นท่านผู้นำฯยังเป็นไม่เป็นที่ยอมรับของรุ่นน้อง ต้องรื้อบอร์ดเก็บ เมื่อศักดิ์ศรีเสื่อม เกียรติก้อหาย อ้าววววๆๆๆๆ
ถ้าหมอแอบถ่ายรูปลูกค้า หมอคงโดนสอบวินัย ถ้าพ่อค้าน้ำเต้าหู้แอบถ่ายรูปลูกค้าสวยๆ มันก็ขายน้ำเต้าหู้ต่อไป # ตรรกะระบำพิราบ