หน้านี้ ขึ้น เตือน บน fb บ่อย ๆ war room ของ ธรรมกาย เข้าไป ยึด เรีียบร้อย ไม่รู้ว่า ต้องจ่ายให้ fb เพื่อ ขึ้นเตือน บ่อย ๆ หรือเปล่า
13 พ.ค. l ข่าว 16.00 น.ดีเอสไอเรียกทนายความวัดพระธรรมกายชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีชื่อถือครองหุ้นบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแทนอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เพราะดีเอสไอเชื่อว่าเป็นเส้นทางการโอนย้ายเงิน
ธรรมกายยัน'ธัมมชโย'อาการวิกฤต 'แพทย์'ชี้'เดินทาง'เสี่ยงถึงชีวิตได้ ใช่เลยครับ เพราะถ้า"แพด" ห้ามแบบนี้ จะเดินทางพาคนไป"เฝ้าพระพุทธเจ้า" ก็คงทำไม่ได้ ปล. ทางวัด อย่าลืมบอกคนที่มาทำบุญด้วยนะครับ
ที่วัดเค้ามียานแอมโบแรนส์ ถ้าอาการหนักก็บินไปหาหมอได้ไม่ต้องฝ่ารถติดให้เมื่อยตุ้ม หรือไปรักษากะแพรดจักรวารอันเก่งกาจก็ได้ สตีปจ๊อบก็ยังไปมาแล้ว สำนักงานใหญ่ของแอปเปิ๊ลก็มียานแบบนี้เหมือนกัน
ถ้าอาการเป็นแบบนี้ ทีมงานเตรียมสถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพได้เลย คาดว่างานประชุมเพลิงศพคงสเกลเดียวกับงานของแม่ชีจันทร์
DSI ตั้งข้อหาหลวงพ่อธัมมชโยว่า "ท่านกระทำความผิดฐานฟอกเงิน" ตามมาตรา 5 พรบ.ฟอกเงินฯ ผู้กระทำความผิดฐานฟอกเงินต้องกระทำในองค์ประกอบความผิด ดังนี้ 1) ต้องโอน หรือรับโอนเงินมาเพื่อปกปิดแหล่งที่มาของเงิน ♡♡หลวงพ่อรับเงินทำบุญมาเป็นเช็คของสหกรณ์ฯซึ่งเป็นแหล่งที่มาของเงินโดยชัดแจ้ง แล้วท่านจะปกผิดแหล่งที่มาของเงินได้ยังไงครับ dsi ? หรือ 2) ต้องกระทำเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิดให้ไม่ต้องรับโทษ ♡♡หลวงพ่อรับเงินทำบุญมาเพื่อสร้างศาสนสถาน และมีพยานหลักฐานว่าเอาเงินไปเพื่อการนั้นจริงๆเช่นนี้ แล้วจะรับเงินมาเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิดให้ไม่ต้องรับโทษได้ยังไงครับ dsi ? 3) ต้องรับเงินมาโดยรู้ว่าเป็นเงินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐาน ♡♡ถ้าหลวงพ่อรู้หรือสมรู้กับการกระทำความผิด จะรับเงินทำบุญมาเป็นเช็คของสหกรณ์ให้ dsi ตามเส้นทางการเงินได้โดยง่ายทำไมครับ dsi ? แต่หลวงพ่อรับเงินทำบุญมาโดยเปิดเผย ซึ่ง dsi ก็สามารถตรวจสอบได้โดยง่ายว่า ฝ่ายการเงินของวัดนำเช็คที่ทำบุญเข้าบัญชีธนาคาร และเบิกไปใช้จ่ายในการก่อสร้างศาสนสถาน มิได้นำไปเพื่อการฟอกเงินแต่อย่างใดเลยครับ dsi 4) จะผิดข้อหารับของโจร ต่อเมื่อผู้กระทำความผิดมีเจตนาในการกระทำ กล่าวคือต้องรู้ว่าเงินที่รับไว้เป็นเงินที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ หรือฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ♡♡ตามพฤติการณ์ก็ปรากฎชัดเจนว่า หลวงพ่อไม่รู้ ถ้าท่านรู้จะรับเงินทำบุญเป็นเช็คให้ถูกตรวจสอบได้โดยง่ายทำไมครับ dsi ? น่าสงสัยDSI ล่ะงานนี้!!!
พยายามจะตัดมาสั้นๆ... http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%BB40/%BB40-20-9999-update.pdf มาตรา ๕ ผู้ใด (๑) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดเพื่อซุก ซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการ กระทําความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ (๒) กระทําด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออําพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา แหล่งที่ตั้ง การจําหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด (๓) ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด ผู้นั้นกระทําความผิดฐานฟอกเงิน
มาตรา ๗ ในความผิดฐานฟอกเงิน ผู้ใดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ต้อง ระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น (๑) สนับสนุนการกระทําความผิดหรือช่วยเหลือผู้กระทําความผิดก่อนหรือขณะ กระทําความผิด (๒) จัดหาหรือให้เงินหรือทรัพย์สิน ยานพาหนะ สถานที่ หรือวัตถุใด ๆ หรือกระทํา การใด ๆ เพื่อช่วยให้ผู้กระทําความผิดหลบหนีหรือเพื่อมิให้ผู้กระทําความผิดถูกลงโทษ หรือเพื่อให้ ได้รับประโยชน์ในการกระทําความผิด ผู้ใดจัดหาหรือให้เงินหรือทรัพย์สิน ที่พํานัก หรือที่ซ่อนเร้น เพื่อช่วยบิดา มารดา บุตร สามีหรือภริยาของตนให้พ้นจากการถูกจับกุม ศาลจะไม่ลงโทษผู้นั้นหรือลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่ กฎหมายกําหนดไว้สําหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได มาตรา ๘ ผู้ใดพยายามกระทําความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษตามที่กําหนดไว้ สําหรับความผิดนั้นเช่นเดียวกับผู้กระทําความผิดสําเร็จ มาตรา ๙ ผู้ใดสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทําความผิดฐาน ฟอกเงิน ต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กําหนดไว้สําหรับความผิดนั้น ถ้าได้มีการกระทําความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันตามวรรคหนึ่ง ผู้สมคบกันนั้นต้องระวางโทษตามที่กําหนดไว้สําหรับความผิดนั้น ในกรณีที่ความผิดได้กระทําถึงขั้นลงมือกระทําความผิด แต่เนื่องจากการเข้าขัดขวาง ของผู้สมคบทําให้การกระทํานั้นกระทําไปไม่ตลอดหรือกระทําไปตลอดแล้วแต่การกระทํานั้นไม่ บรรลุผล ผู้สมคบที่กระทําการขัดขวางนั้น คงรับโทษตามที่กําหนดไว้ในวรรคหนึ่งเท่านั้น ถ้าผู้กระทําความผิดตามวรรคหนึ่งกลับใจให้ความจริงแห่งการสมคบต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ก่อนที่จะมีการกระทําความผิดตามที่ได้สมคบกัน ศาลจะไม่ลงโทษผู้นั้นหรือลงโทษผู้นั้นน้อย กว่าที่กฎหมายกําหนดไว้เพียงใดก็ได้
http://www.kodmhai.com/m2/m2-2/m2-357.html มาตรา 357 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระ ทำความผิดถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีด เอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกหรือ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรับของโจรต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้ง จำทั้งปรับ ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น ได้กระทำเพื่อค้ากำไร หรือได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตาม มาตรา 335 (10) ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงสองหมื่นบาท ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น ได้กระทำต่อทรัพย์ อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตามมาตรา 335ทวิ การชิงทรัพย์ตาม มาตรา 339ทวิ หรือการปล้นทรัพย์ตาม มาตรา 340ทวิ ผู้กระทำ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่น บาทถึงสามหมื่นบาท
http://www.komchadluek.net/detail/20160330/224994.html สำหรับเช็คที่ตรวจสอบพบนายศุภชัย อ้างว่าบริจาคให้วัดพระธรรมกาย มี 15 ฉบับ มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท โดยพนักงานสอบสวนดีเอสไอชุดเดิมสรุปไว้ว่า พระธัมมชโยยอมรับว่ารับเช็ค 13 ฉบับ จากการตรวจสอบพบเช็คบางฉบับมีการสลักหลังและโอนเงินหลักร้อยล้านบาทกลับไปยังบัญชีบุคคลอื่นแทน ทั้งนี้ รายชื่อ กลุ่มพระที่มีชื่อเป็นผู้รับโอนเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เช่นทิ พระวิรัช 100 ล้านบาท พระมนตรี 100 ล้านบาท พระครูปลัดวิจารณ์ฯ 119 ล้านบาท
ผมก็สงสัย DSI สมีอ้างใกล้ตาย จะแอบเนียนไปสอบปากคำที่วัดเหรอ? หรือ สมีอ้างใกล้ตาย แล้วไม่ให้ปากคำ ทำตัวเหนือกฏหมาย DSI จะจับจริงมั๊ย?
อธิบดีดีเอสไอยังไม่รับข้อเสนอ วัดธรรมกายขอให้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา “ธัมมชโย” ที่วัด ยันประชุมร่วมอัยการพิจารณาคำร้องจันทร์นี้ เพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจน ยังระบุไม่ได้ว่าจะเข้าแจ้งข้อหาที่วัดหรือไม่ พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีวัดพระธรรมกายส่งหนังสือขอเปลี่ยนสถานที่รับทราบข้อกล่าวหาของพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยอ้างถึงอาการอาพาธไม่สามารถเดินทางออกนอกวัดเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 16 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. ได้ว่า ดีเอสไอยังไม่สามารถเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหากับพระธัมมชโยที่วัดพระธรรมกายตามที่วัดเรียกร้องได้ เนื่องจากต้องมีการประชุมร่วมกันของคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งรวมถึงอัยการเพื่อพิจารณาคำร้องว่ามีเหตุอันสมควรหรือไม่ โดยจะสามารถระบุแนวทางที่ชัดเจนได้หลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนในวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค.) ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอออกหมายเรียกให้พระธัมมชโยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีดังกล่าวครั้งแรกกำหนดเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 8 เมษายน แต่มีการขอเลื่อนออกไปก่อน จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้รับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 25 เมษายน แต่ก็มีการทำหนังสือขอเลื่อนอีก โดยอ้างว่าพระธัมมชโยติดศาสนกิจ แต่ดีเอสไอพิจารณาแล้วไม่มีเหตุอันควร อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงกำหนดนัดทนายความได้แจ้งอาการอาพาธทำให้ไม่สามารถเข้ารับทราบข้อกล่าวหาได้ แต่พนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนได้ ดังนั้นจึงเสนอศาลออกหมายจับ แต่ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายเรียกอีกครั้ง ดีเอสไอจึงออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 3 กำหนดให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 16 พฤษภาคม นี้ เวลา 09.00 น. ที่ดีเอสไอ แต่ก็มีการขอให้เข้าแจ้งข้อกล่าวหาที่วัด โดยอ้างอาการอาพาธ
ศิษย์ตถาคต บวชเพื่อละกิเลส มิใช่บวชเพื่อก่อกิเลส เป็นผู้กล้าทั้งทางโลกและทางธรรม ต้องไม่หลีกหนีปัญหา ยิ่งเป็นต้นธาตุต้นธรรมด้วยแล้ว ท่านไม่ควรสร้างปัญหา ความแตกแยกให้เกิดในสังคม ปลุกระดมศิษย์มาเป็นเกราะกำบัง คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ยิ่งถ้าท่านมั่นใจว่า เกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมีมาทั้งชีวิต เพื่อขนสรรพสัตว์ไปให้พ้นทุกข์ พ้นกิเลส แล้วท่านจะมาสร้าง มาปลุกระดมกิเลส ให้เกิดขึ้นในตัวสาวกทำไม อย่างท่านต้นธาตุต้นธรรม คงไม่ต้องขนสรรพสัตว์หรอกครับ เอาแค่ยอมรับกฏหมายอย่างท่านพันท้ายนรสิงห์ ที่ยอมรักษากฏมณเฑียรบาลให้คงไว้ ยังไม่อาจเปรียบได้เลย ศิษย์สาวกเอง ก็ช่างโง่เขลาเหลือเกิน
เหรอพ่อมนุษย์บรรทัดเดียว ยังไงหลวงพ่อก็ไม่ผิด มีแต่คนระยำทำชั่วที่คอยหนี ถ้าไม่ผิดก็คืนเงินเขาไปให้หมดก่อนแสดงความบริสุทธิ เพราะมีคนเดือดร้อน อย่าสร้างกรรม นี่โกงมาพันกว่าล้าน ไปเรี่ยไรมาคืนแค่หกร้อยล้าน ที่เหลือหายไปไหน สอนคนทำบุญ แต่แมร่งสร้างกรรมทำคนอื่นเดือดร้อน
ใครกันแน่ที่อ่านบรรทัดเดียว พี่ๆ น้องๆ ในบอร์ดนี้ก็เม้นข้อกฎหมาย เหตุผล ที่ระบุว่าต้นทาส ผิด เพราะรับของโจรและฟอกเงิน แต่ปีเตอร์น้อยก็มีแต่บอกว่า ท่านป่วย ท่านไม่ผิด คืนเงินแล้วจะมาฟ้องทำไมอีก หนูปีเตอร์ถ้าขี้เกียจอ่านข้อกฎหมาย แนะนำอ่านแค่เม้นที่ 267และ268 เฉพาะที่ขีดเส้นใต้ รวมแล้วไม่น่าเกิน 10 บรรทัด ขอขรรมแปบ ......
war room ธรรมกาย มักจะอ้างว่า ศุภชัย ได้บริจาคให้กับ องค์กรการกุศล อื่น ๆ ด้วย เช่น สภากาชาดไทย ทำไม ถึงไม่โดนดำเนินคดี? ใครพอมีหลักฐานบ้างว่า บริจาค ให้เท่าไร สั่งจ่ายในนามใคร และ เป็นเช็คของ ศุภชัยเอง หรือ สหกรณ์?
เหอๆๆ…"มู้" ยาวเกิ๊น... ----------------------------- ---------------------------- อันนี้ นี่ก็น่าคิด... ----------------------------
รอ ลุ้น-รับชม... -------------------------- http://www.alittlebuddha.com -----------------------------
อันสิ่งที่ปีเตอร์แถมานั้น นับว่า น่าชื่นชมในการแถยิ่งนัก เปรียบเสมือนกับ สนับสนุนต้นทาด ที่ข่มขืนเด็กสาวต่ำกว่า 15 ปี โดยอ้างว่า เพื่อสอนเพศศึกษา ก็เด็กมันเดินเข้ามาให้สอนเองอ่ะ เด็กยืนยันด้วยตัวเองว่า อายุเกิน 15 แล้ว จริงๆนะ ต้นทาดเลยสอนไปซะสิบยกเลย ต้นทาดไม่มีเจตนาเสพสังวาสหาความสำราญอย่างใดไม่ เพื่อสอนเพศศึกษาเป็นวิทยาทาน เข้าใจไหม เป็นวิทยาทาน เป็นความเมตตาของต้นทาดด้วยซ้ำ สรุป ต้นทาดไม่ผิด ดีเอสไอ กลั่นแกล้ง ต้นทาดป่วยไม่สบายยังจะให้เดินทางไปให้วางยาที่สถานี ดีเอสไอเสียอีก สรุปคือ ท่านสอนเพศศึกษาให้เด็ก และเด็กก็ยืนยันเองว่า อายุ 15 แล้ว อย่างนี้ ท่านจะผิดได้ยังไง เอาเป็นว่าอย่างนี้นะ 1. ปกปิดแหล่งที่มาของเงิน อย่ามามั่วว่า การออกเช็คเป็นชื่อสหกรณ์คือไม่ปกปิด การออกเช็คเป็นชื่อสหกรณ์ก็คือปกปิดแล้ว เพราะ ที่มาของเงินจริงๆ มันไม่ใช่เงินของสหกรณ์ แต่มันเป็นของคนถือหุ้น มันคือการยักยอกเงินจากผู้ถือหุ้น การออกเช็คก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะออกเช็คชำระเงินที่ไม่ใช่หนี้ ไม่มีใบแจ้งหนี้ ไม่มีใบเสร็จรับเงิน มันคือ อาชญากรรม คุณ Hiddenman ยกมายิ่งชัดเจนมากขึ้น (๒) กระทําด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออําพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา แหล่งที่ตั้ง การจําหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด คำสำคัญมันคือ "ลักษณะที่แท้จริงการได้มา" คำนี้ที่มัดตัววัดธรรมกาย เพราะ การรับเช็คที่เป็นเงินยักยอกมาอย่างชัดเจนโดยใช้เช็คของสหกรณ์ มันคือการอำพรางอย่างชัดเจนเพื่อให้ เงินที่ออกจากสหกรณ์มันถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นมันก็กระจายออกไปให้บุคคลที่เกี่ยวข้องในวัดธรรมกาย ทั้งพระและฆราวาส ในสายธรรมกาย ทั้งวัดและพระกะโยมในวงสาคณาญาติของธรรมกาย กลายเป็นเงินที่ไม่มีใครรู้ว่า ลักษณะแท้จริงของการได้มามันเป็นอย่างไรไปหมด 2. ต้องกระทำเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิดให้ไม่ต้องรับโทษ นี่ก็มั่ว เพราะกฎหมายใช้คำว่าหรือ ดังนั้นจะช่วยหรือไม่ช่วยมันเป็นส่วนปลีกย่อย จะช่วยหรือไม่ช่วยก็ได้ 3) ต้องรับเงินมาโดยรู้ว่าเป็นเงินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐาน 4) จะผิดข้อหารับของโจร ต่อเมื่อผู้กระทำความผิดมีเจตนาในการกระทำ กล่าวคือต้องรู้ว่าเงินที่รับไว้เป็นเงินที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ หรือฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง 3 4 นี่จะชัดเจนมาก เพราะใช้คำว่าหลวงพ่อไม่รู้ ซึ่งในความเป็นจริง รู้หรือไม่รู้ ใครจะพิสูจน์ได้ มันไม่ได้พิสูจน์แค่คำว่า ไม่รู้ มันมีองค์ประกอบการนำสืบอย่างอื่นอีก เอาแค่คำว่าไม่รู้ มาอ้างว่า ไม่ผิด มันเป็นไปไม่ได้ ก็อย่างที่บอก คนขโมยเงิน ยักยอกเงิน ตามสามัญสำนึกและสันดาน คนย่อมรู้ดีและรู้ชั่ว การขโมยและยักยอกเงิน ที่ทำก็เพื่อบำบัดความต้องการ ทางกายภาพเท่านั้น ไม่มีใคร ที่จะขโมยหรือยักยอกเพื่อเอามาทำบุญทั้งหมด ดังนั้นจะมาบอกว่า มีเช็คของสหกรณ์ ยักยอกคนมาทำบุญ เซ็นเช็คผิดกฎหมาย เพื่อทำบุญอย่างเดียวเป็นพันล้าน มันเป็นไปไม่ได้ ธรรมกายพยายามสร้างเรื่องว่า "โกงเงินมาทำบุญ" เหมือนสร้างภาพทักษิณ "บกพร่องโดยสุจริต" ซึ่ง การสร้างเรื่องราวแบบนี้ มันทำให้ตรรกะ เหตุผล มันกลายเป็นเรื่องพิลึกพิลั่นไป แล้วก็จะมีม้า อย่างปีเตอร์ มาแถแบบใช้กฎหมายงูๆปลาๆแก้ตัว จริงๆแล้ว ถ้ามองให้เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังแล้ว ตามนิทานที่เราเคยเล่ามา เราจะเห็นเครือข่ายธุรกิจของสายต้นทาด พัวพันเป็นใยแมงมุม และตัวละครก็เป็นหน้าเดิมๆ ธัมมีโดนกฎหมายฟอกเงินนั้น ถูกต้องแล้ว เพราะมันเป็นขบวนการฟอกเงินที่ชัดเจน ไอ้ที่บอกว่าให้การกุศลให้อะไร ที่เป็น ส่วนนอกเหนือจากวัดธรรมกาย เพื่อสร้างภาพให้วัดเป็นผู้ถูกกระทำ จริงๆแล้ว ไม่มีใครเอาข้อมูลจริงๆ มาโชว์ มีแต่คำอ้างนั่นอ้างนี่ แล้วความจริงที่วัดไม่เคยพูดคือ ที่เขาเล่นแต่ธรรมกายนั้น เพราะไอ้การออกเช็คแบบผิดกฎหมายนี่ ทั้งหมดมันเขียนสั่งจ่ายมาที่วัดนี้ทั้งนั้น ถ้ามองกันตาม"ความเป็นไปได้ของรูปคดี" มันคือ "การหมุนเงินกันในกลุ่มธุรกิจ" ที่สุดท้ายแล้วหาเงินมาคืนไม่ทัน สถาบันการเงินก็เลยต้องเจ๊งก่อนเพื่อน เวลานี้ ก็บอกว่า คืนเงินแล้วทั้งหมด แต่ไม่มีหลักฐานว่า ได้รับคืนทั้งหมดจริงมั้ย เพราะเวลานี้ อยู่ๆก็มีการอ้างว่า เช็คบางใบ เป็นเช็คปลอม คือ ปลอมสลักหลังเช็คนั่นแหละ ถึงเวลานี้ ต้องมาเปิดเผยความจริงกัน แต่ธัมมี่ดันปอดแหก ไม่กล้าเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหากับตำรวจ ถนัดแต่สร้างดราม่าว่า โดนแกล้ง ตัวเองไม่ผิด เช็คสลักหลังโอนต่อไปเพียบ ก็วัดตัวเองทั้งนั้น ทั้งพระทั้งโยม เกี่ยวข้องกันไปหมด แต่ตัวเองบริสุทธิ แทนที่จะสู้ด้วยความจริง แค่รับทราบข้อหา ยังสร้างดราม่า โดนวางยา หมอสั่งงดเดินทาง ทุเรศจริงๆ
ป๋าเปลว...แกเป็นห่วง และให้คำแนะนำไว้ได้น่าสนครับ... ```````````````````````````````` รอดในที่นี้ ไม่ใช่ "รอดคดี" แต่หมายถึง "ชีวิต" น่ะ! เพราะฟังทั้งหมอ-ทั้งพระที่ตั้งโต๊ะแถลงข่าว-แถลงอาการวานซืน ถ้าหนักหนาจริงตามนั้น ควรรีบหามเข้าโรงพยาบาล "สละอวัยวะ" เพื่อรักษา "ชีวิต" ด่วนเลย ไม่อย่างนั้น นอกจากศีล ๒๒๗ ที่น่าจะวิบัติแล้ว "ทั้งขา-ทั้งชีวิต" มีสิทธิ์น่าจะ "วิบัติ" ตามไปด้วย! ฉะนั้น วันนี้ (๑๖ พ.ค.๕๙) ก็ชัดแหละว่า....... ธัมมชโยจะไม่ไปให้ปากคำและรับทราบข้อหาตามหมายเรียกดีเอสไอ! ส่วนดีเอสไอจะไปสอบปากคำที่วัดพระธรรมกายตามข้อเสนอตัวแทนคณะสงฆ์ธรรมกายตอนบ่าย ๒ โมงหรือไม่ หรือจะร้องศาล.........? "ขอหมายจับ" ต่อจากนี้เลย เพราะพิจารณาแล้ว เห็นว่า ธัมมชโยส่อเจตนาบ่ายเบี่ยง หน่วงประวิงเวลา ที่จะมาพบเจ้าพนักงาน หรือจะเรียก "เวชระเบียน"? คือประวัติการเจ็บป่วยธัมมชโยและการตรวจรักษาของแพทย์ต่อเนื่องเรื่อยมาถึงปัจจุบัน รวมถึงการวิเคราะห์มาดู เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จ-ข้อจริงในโรค ในอาการ และการตรวจรักษา ว่าโรคจริง เป็นจริง อาการจริง หนักหนาสาหัสจริง ตามที่ยกอ้างเป็นเหตุไปพบดีเอสไอไม่ได้หรือเปล่า ในที่นี้ น่าจะเป็น "ผศ.นพ.ธนาคม เปรมประภา" ที่ออกใบรับรองแพทย์ตรวจโรคให้ธัมมชโย และวานซืน ท่านเป็นผู้ร่วมแถลงอาการกับคณะสงฆ์วัดพระธรรมกาย ฟังแล้ว-ดูแล้ว "รอดยาก" อย่างที่ว่านั่นแหละ สำหรับ ผศ.นพ.ธนาคม เปรมประภา นั้น ท่านเป็นศัลยแพทย์หลอดเลือด สังกัด รพ.สงขลานครินทร์ ธัมมชโยป่วยจริง-ไม่จริง อย่าใช้ความรู้สึกตัวเอง "ด่วนสรุป" ขั้นแรก ต้องให้เกียรติแพทย์ผู้ตรวจรักษา ท่านว่าอย่างไร ก็ต้องฟังท่าน เวชระเบียน นี่สำคัญนัก........ เป็น "ลายแทงชีวิต" ของแต่ละคน เมื่อไปโรงพยาบาล-สถานพยาบาล-คลินิก หมอที่ตรวจรักษาแต่ละคนต้อง "ลงบันทึก" ไว้หมด เป็นอะไร โรคอะไร อาการยังไง วินิจฉัยว่ายังไง ตรวจรักษาอะไรไป ให้ยาอะไร วันไหน-เวลาไหน-ปีไหน หมอต้องบันทึก ในแต่ละครั้งที่ตรวจรักษา! ทุกคนเคยไปหาหมอแน่ เห็นมั้ย...พอนั่งปุ๊บ หมอจะซักนั่น-ซักนี่ เอาหูวิเศษจิ้ม ตรงนั้น-ตรงนี้ ซักไป-ตรวจไป เราก็ตอบไป หมอก็เขียนตัวยึกยือบันทึกไป! นี่แหละ "ลายแทงชีวิต" ละ หมอเป็นคนบันทึก แต่โรคเป็นของเรา ฉะนั้น ลายแทงชีวิตหรือเวชระเบียนนี้ เป็นสมบัติของ "คนไข้แต่ละคน"! ถ้าจะไปรักษาในอีกโรงพยาบาลหนึ่ง เรียกเอาลายแทงชีวิตนี้ได้ เพื่อไม่ต้องเสียเวลาไปนับหนึ่งเมื่อไปรักษาในอีกที่ ย่นเวลาตรวจพิเคราะห์ของหมอ และยืดชีวิตของเราได้เร็วขึ้น! นั่นพูดถึงประโยชน์ที่ได้จากเวชระเบียน "ทางการรักษา" ทีนี้ มาพูดถึงประโยชน์ที่ได้จากเวชระเบียน "ทางคดี" บ้าง ในกรณีนี้ ยังไม่ควรสรุปด้าน "จริง-ไม่จริง" ตามใบรับรองแพทย์ ผมมองว่า ทางที่ดีเอสไอเขาอาจทำ คือ ขอเวชระเบียน คือประวัติการรักษาธัมมชโย หรือ "ลายแทงชีวิต" นั่นจากสถานพยาบาลมาตรวจดูก่อน ตรวจแล้ว สามารถบอกได้ทันที "จริง-ไม่จริง"! ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจ นอกจากใบชันสูตรศพหรือบาดแผลที่ตำรวจส่งมาให้ ซึ่งหมอต้องตรวจพิสูจน์และออกใบรับรองการตรวจพิสูจน์แล้ว อย่างอื่นทั้งหมด...... ไม่มีกฎหมายบังคับว่า ตรวจรักษาใคร หรือใครขอใบรับรองแพทย์แล้วแพทย์จะต้องออกให้ ออก-ไม่ออก อยู่ที่ดุลยพินิจแพทย์เอง จะเป็นแพทย์โรงพยาบาล คลินิก สถานพยาบาล มีสิทธิ์ออกใบรับรองแพทย์ได้ทั้งนั้น แต่มีประเด็นสำคัญ ที่แพทย์ผู้ออกใบรับรองต้องตระหนัก คือ "การออกใบรับรองแพทย์เป็นเท็จ" มีความผิดทั้งทางอาญาและแพ่ง รวมทั้งผิดทางจริยธรรม อาจถูกแพทยสภาลงโทษอีกทางหนึ่งด้วย! อีกอย่างที่ควรทราบ.... แพทย์จะออกใบรับรองแพทย์ "ย้อนหลัง" ไม่ได้ ตรวจวันไหน อาการเป็นแบบไหน วันไหน ก็ต้องวันนั้น ต้องเขียนระบุวัน/เวลากำกับให้ชัด วินิจฉัยแล้ว สมมุติป่วยต้องนอนรักษาจริงๆ จะอยู่กี่วัน ระบุให้ชัด เช่นป่วยขนาดนี้ นอนแค่ ๓ วันก็พอ แต่ออกใบรับรองให้ ๗ วัน อย่างนี้ หมอต้องรับผิดชอบ! สมมุติคนป่วยมีใบรับรองให้พักรักษา ๗ วัน แต่นอนแค่วัน-สองวัน ก็ออกไปชิงตัง เม แล้วกลับมาทำ "อาการยังหนัก" พักรักษาตัวต่อ ตำรวจมาจับก็อ้าง........... ผมกำลังป่วย มีใบรับรองแพทย์ นี่ไง...ยังอยู่ระหว่างการพักรักษาตัว ๗ วัน ยังไม่ครบเลย จะออกไปชิตัง เม ได้ไง? เนี่ย... ต้องระวัง แพทย์คนไหนออกใบรับรอง "เกินจริง-เกินอาการ" จะเข้าตำรา "เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง" อาจได้ไปคุกแทน ได้ไปคุยกับสตีฟ จ๊อบส์! ใบรับรองแพทย์ตรวจโรค มีแบบฟอร์มเฉพาะ จะระบุชื่อแพทย์ผู้ตรวจ เลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม สถานที่ตรวจ ตรวจบุคคลชื่ออะไร วันที่ตรวจ ตรวจแล้ววินิจฉัยโรคว่าเป็นอะไร มีความเห็นว่าอย่างไร จะต้องพักรักษาประมาณเท่าใด? ตามที่แถลง ธัมมชโยไม่เคยไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล หากแต่ตรวจรักษาโดยแพทย์จากสถานพยาบาลในวัดโดยเฉพาะ แต่นั่นก็ต้องมีเวชระเบียน เรียกมาดูได้! ทีนี้ ฟังจากที่ ผศ.นพ.ธนาคมและพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ตัวแทนคณะสงฆ์ธรรมกายแถลงเมื่อวันเสาร์ ท่านบอกว่า..... "เนื่องจากพระเทพญาณมหามุนี ได้มีอาการป่วย เป็นผลสืบเนื่องจากที่ต้องฝืนลงประกอบพิธีในวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นเวลานาน จึงทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่ทรุดหนักลง ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ขาซ้ายได้บวมมากขึ้น และปวดมาก แพทย์ผู้ดูแล จึงได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวินิจฉัยมาทำการตรวจด้วยอัลตราซาวด์ และเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือด และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา มาทำการตรวจวินิจฉัยและรักษา ปรากฏผลการตรวจ ดังนี้............" สรุปว่า มีแพทย์ ๒ ท่านที่ร่วมแถลงรับรองการป่วยธัมมชโย คือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสี ไม่ทราบนามใด แต่ด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือด คือ ผศ.นพ.ธนาคม ในแถลงบอก "เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวินิจฉัยมาทำการตรวจด้วยอัลตราซาวด์" และเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือดและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยา มาทำการตรวจวินิจฉัยและรักษา" เครื่องอัลตราซาวด์นี่........ การใช้นั้น "แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ" ท่านคงทำหน้าที่ด้านวินิจฉัย คงไม่ไปลงมือปฏิบัติการขั้นเจ้าหน้าที่หรอก ความหมายผมคือ แค่ที่สถานพยาบาลวัด มีเครื่องอัลตราซาวด์ เจ้าหน้าที่ เครื่องไม้-เครื่องมือ พร้อมเพรียงเพื่อธัมมชโยคนเดียวนี่ละหรือ? แถมยังด้านเลือด มีอุปกรณ์ เครื่องไม้-เครื่องมือ "ครบวงจร" ที่สถานพยาบาลวัด ขนาดนั้นเชียวหรือ? เครื่องไม่แพงเกินฐานะคนขายค้อนดุ้นละเป็นแสน-เป็นล้านหรอก แต่คนใช้-คนอ่านผลจากเครื่อง ก่อนถึงมือแพทย์นี่ซี จะจ้างมาประจำเพื่อธัมมชโยคนเดียว ไม่เกินความเป็นจริงไปหน่อยหรือ? ถ้าป่วยขนาดที่แถลง เช่น........ หลอดเลือดดำใหญ่ส่วนลึกในช่องท้องข้างซ้ายอุดตัน อันเกิดจากการถูกทับด้วยเส้นเลือดแดงใหญ่ ทำให้เลือดไม่สามารถไหลจากขาซ้ายกลับสู่หัวใจได้ ก็ดี เพราะความดันช่องเนื้อเยื่อบริเวณรอบขาสูงขึ้น มีความเสี่ยงสูงจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณขาขาดเลือดเฉียบพลันและสูญเสียขาได้ ก็ดี มีความเสี่ยงลิ่มเลือดจากหลอดเลือดดำส่วนลึกที่อุดตันเคลื่อนหลุดไปตามกระแสเลือดและไปอุดตันที่หลอดเลือดใหญ่ในปอด จะทำให้เสียชีวิตได้ทันที ก็ดี ฟังดู หนักหนาขนาดนี้ โอกาสไปอยู่สวรรค์มีสูง คำถามจากชาวบ้านทั่วไป คือ "ครึ่งตาย-ครึ่งอยู่" ถึงเพียงนี้ ทำไมแพทย์ผู้รักษา จึงไม่ส่งตัวไปโรงพยาบาลที่เครื่องไม้-เครื่องมือพร้อมกว่านี้ หือ....? ```````````````````````````````` อกาลิโก "คนพูดโกหก...ไม่ทำชั่วอื่น...ไม่มี" ...
วันที่ DSI ส่งคนปะปนเข้าไปแอบถ่ายคลิป ยังเห็นเดินปร๋อ ไม่ส่ออาการเลย วันนี้ทำไมฟังดูเหมือนอาการร่อแร่ปางตายซะแล้ว แล้วก็ทำท่าจะยอมตายคาวัดไม่ยอมมาเข้าโรงพยาบาล แบบนี้วิญญูชนฟังดูก็ต้องมองว่าป่วยการเมืองกันทั้งนั้นแหละครับ รูปถ่ายก็ไม่เคยเห็นขากับหน้าพร้อมกันซักที เป็นพระทำไมทำตัวลึกลับซับซ้อนเหลือเกิน เข้าถึงยากกว่าดาราซุปเปอร์สตาร์อีก
16 พ.ค.| ข่าว 09.00 น. DIS เตรียมประชุมสรุปแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโย ด้านวัดพระธรรมกายจัดเตรียมสถานที่รอให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งข้อกล่าวหา 16 พ.ค.| ข่าว 12.00 น. กลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย เข้ายื่นคำร้อง ป.ป.ช.ขอให้ดำเนินคดีกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมประชุมสรุปแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโย
----------------------------- ----------------------------- เอ… "เวชระเบียน" *~!@$*&!… คนทำมะกาย จะกล่าวยังงี้อ๊ะป่าวหว่า... คงต้องใช้เวลาในการรวบรวม และค้นหา อีกระยะหนึ่งน่ะครัช... ส่วนใหญ่ รักษากันไปตามเหตุการณ์ น่ะครับ... ท่าน ถึงขั้นเยี่ยมสวรรค์ ดูนรก เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้แล้ว จะต้องไปเขียนทำไม เวชระบง ระเบียนอะไรนั่น...
ตามลิงค์พี่ไป เจอเคส มะเร็งต่อมน้ำเหลืองกับ ดาวดึงส์เฟส 3 ถึงกับอึ้งไปเลย นี่มึงเล่นกันขนาดนี้แล้วเหรอ
DSI โดนยื่นเรื่องกับ ปปช. แล้ว กลายเป็น DSI ทำทุจริตไปแล้ว แล้วเขียนก็กำกวมคลุมเครือ อัยการสั่งไม่ฟ้อง ไม่ฟ้องอะไร ตอนไหนอ่ะเนี่ย http://pantip.com/topic/35162689
เห็นความคล้ายกัน ระหว่าง คุณทักษิณ และ หลวงพ่อธัััมมชโย คือ ปัญหาที่ตัวก่อขึ้นเอง แท้ ๆ แต่ ไปดึงคนอื่น ให้เข้าสู่วังวน ความขัดแย้ง จนวุ่นวาย กันทั้งประเทศ
วันนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่า พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จะเข้าแจ้งข้อหา พระเทพญาณมหามุนี หรือพระไชยบูลย์ ธัมมชโย ที่วัดพระธรรมกาย ตามที่ทางวัดและทนายแจ้งมาหรือไม่ โดยทางดีเอสไอนัดหารืออีกครั้งในวันพรุ่งนี้ พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วยพนักงานอัยการ และที่ปรึกษาคดีพิเศษ ได้ประชุมหารือเกี่ยวกับการแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร กับพระธัมมชโย หลังจากออกหมายเรียกให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่เดินทางมา ล่าสุดในวันนี้ นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความของวัดพระธรรมกาย ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมพาแพทย์ 2 คนซึ่งอ้างว่าเป็นผู้รักษาอาการอาพาธของพระธัมมชโยมาด้วย เพื่อนำเอกสารทางการแพทย์มายื่นกับเจ้าหน้าที่ โดยนายสัมพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้พระธัมมชโยอาพาธอยู่ ตนจึงมายื่นเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการวินิจฉัยของแพทย์ โดยยืนยันว่าอยากให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาที่วัด และทางดีเอสไอสามารถหาแพทย์ที่คิดว่ามีความเป็นกลางไปตรวจวินิจฉัยอาการของพระธัมมชโยได้เลย ส่วนผลการยื่นหนังสือกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะเป็นอย่างไร ต้องรอการสรุปจากพนักงานสอบสวน เพราะที่ผ่านมาถือว่ายังไม่ได้การแจ้งข้อหล่าวหา ทั้งนี้ตามกฎหมายสามารถแจ้งข้อกล่าวหาที่ไหนก็ได้ ต่อมาพันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่าในวันนี้มีการประชุมและรับเอกสารเพิ่มเติมจากทนายความของวัดพระธรรมกาย พบว่ายังมีเอกสารบางส่วนที่ไม่ถูกต้อง คือเอกสารทางเวชระเบียนของพระธัมมชโย และเอกสารการมอบอำนาจที่พระธัมมชโยต้องลงนามมอบอำนาจให้กับทนายในการเดินเรื่องครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องรอเอกสารเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ก่อน จากนั้นก็จะประชุมพิจารณาหลักฐานทั้งหมด ในเวลา 10.00 น. หลังจากนั้นจะสามารถตัดสินใจได้ว่าควรดำเนินการต่อไปอย่างไร
ขอนอกเรื่องแบบไม่มีสาระนิดนึงครับ เมื่อวานนึกถึงเพลงหลวงพ่อคูณของคาราบาว นึกถึงท่อนแยกที่ว่า "หลวงพ่อคูณ ช่วยคุ้ม ช่วยคุ้ม" แล้วอยู่ดีๆก็ไปนึกเปลี่ยนเนื้อเพลงเป็น "ชิตังเม โป้งคุก โป้งคุก" แล้วไอ้เพลงแปลงเนื้อนี่ก็ติดอยู่ในหัวทั้งวันจนถึงเดี๋ยวนี้
กปปส. ลุมพินี 10.36 น.ดีเอสไอไปขอหมายจับ "พระธัมมชโย" ที่ศาลอาญาแล้ว เพื่อชาติ เพื่อพ่อหลวง ที่แรกบอกติดเชื้อรุนแรง นี่มาแพ้ยารุนแรงอีกแล้ว !! แนะนำให้ฉีดมอร์ฟีนผสมเหล้าขาวเร้ย...รับรอง !! ทนายเผย'ธัมมชโย'แพ้ยารุนแรงแพทย์ให้พัก 3 เดือน จ่อยื่น DSI เลื่อนแจ้งข้อหา