http://www.dailynews.co.th/article/380397 สรุปภาพรวมทุกคดีของสหกรณ์ฯที่ อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอรวม 7 คดี เริ่มตั้งแต่คดีคดีพิเศษที่ 146/2556 ( 21 มิ.ย. 2556) ดีเอสไอสรุปสำนวนส่งฟ้องนายศุภชัย และพวกรวม 4 คน ข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯมูลค่าความเสียหาย 13,334,158,975 บาทประกอบด้วย นายศุภชัย, น.ส.ศรันยา มานหมัด, นายลภัส โสมคำ และ นายกฤษฎา มีบุญมาก ในคดีนี้อัยการมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมประเด็นผู้รับเช็คจำนวน 878ฉบับ และมีการส่งสรุปผลเพิ่มเติมไปเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2558 คดีพิเศษที่ 63/2557 (22 ส.ค. 2557) สมาชิกสหกรณ์ฯกว่า 2,000 คน ร้องสอบสวน ความผิดคดีฉ้อโกงสหกรณ์ฯ มูลค่า 6,866,606,587 บาท กับ นายศุภชัย และพวก ดีเอสไอสรุปความเห็นส่งฟ้อง นายศุภชัย กับพวกที่เป็นอดีตกรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน รวม 12 คน ประกอบด้วย นายศุภชัย, นายลภัส, น.ส.ศรันยา, นายกฤษฎา, นายมณฑล กันล้อม, นางทองพิณกันล้อม, นายณัฐวัฒน์ ปิยะพัฒเมธี, นายอารีย์ แย้มบุญยิ่ง, นางจันทร์ฉาย ขันธะรัตน์, นางวันเพ็ญยอดดี ,นายธนากร นำบัณฑิต และ น.ส.วาริศา เอกชัยจินดาวัฒน์ จากพฤติการณ์ตกแต่งบัญชีสหกรณ์เป็นเท็จ (ปี 2551-2555)ว่ามีผลประกอบการดี ทำให้มีผู้หลงเชื่อนำเงินมาฝาก คดีพิเศษที่ 64/2557 (22 ส.ค. 2557) กรณี นายศุภชัย ยักยอกทรัพย์สหกรณ์มูลค่าความเสียหาย 27,642,000 บาท ดีเอสไอสรุปสำนวน ส่งฟ้อง และอัยการได้สั่งฟ้อง นายศุภชัย ข้อหายักยอกทรัพย์ผู้อื่นและจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดยทุจริตในฐานะเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 8 มี.ค. นี้ คดีสืบสวนที่ 110/2558 กรณีสมาชิกสหกรณ์กล่าวหาให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ จากกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนเป็นเหตุให้นายศุภชัยยักยอกเงินของสหกรณ์ ได้ส่งต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนความผิดเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว สำหรับที่เหลืออีก 3 คดี เป็นคดีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน กรณีนาย ศุภชัย นำเงินที่ยักยอกฉ้อโกงไปซื้อทรัพย์สิน รวมถึงถ่ายโอนให้บุคคลอื่น ประกอบด้วย คดีพิเศษที่ 68/2558 ( 24 เม.ย. 2558) มีการสั่งจ่ายเช็คไปที่ นายสถาพร วัฒนาศิรินุกูล (อดีตพระวัดพระธรรมกาย) จาก นั้น นายสถาพร นำเงินไปซื้อทรัพย์สินเป็นที่ดิน สิ่งปลูกสร้างและสังหาริมทรัพย์ (รถยนต์, ปืน) ในชื่อตัวเองและบริษัทเอสดับบลิวโฮลดิ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัดมูลค่าความเสียหายประมาณ 250 ล้านบาท คดีพิเศษที่ 70/2558 (30 เม.ย. 2558) กรณีพบว่า นายศุภชัย นำเงินจำนวนหนึ่งซึ่งน่าจะได้มาจากการยักยอกสหกรณ์ไปซื้อที่ดินเมื่อในปี 2552 ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลายแปลง ทั้งในชื่อตัวเองกระทั่งเริ่มถูกฟ้องร้องในปี 2556 นายศุภชัย นำที่ดิน 8 แปลง ไปขายให้กับ น.ส. อลิสา อัศวโภคิน ทายาทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และอีก 1 แปลงขายให้กับ นางวรรณา จิรกิตติ มูลค่าความเสียหายประมาณ 300 ล้านบาท และคดีพิเศษที่ 99/2558 (5 ส.ค. 2558) กรณีนายศุภชัยนำเงินจำนวน 321.4 ล้านบาท สั่งจ่ายเป็นเช็ค 10 ฉบับ ไปซื้อหุ้นบริษัทเอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำกัด
อย่ามาทำตัวน่าสมเพชครับ แค่เอาผลงานท่านมาเทียบกับคดี ก็แปลว่าไม่ให้เกียรติแล้ว ไปอ่านเอาในอดีตสิ ปัจจุบันท่านมีเรื่องเหล่านี้หรือ ถึงจะ งอก ข้อความมาใหม่ ว่าประวัติไม่ดี จะบอกว่าสื่อโกหกซินะ
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/685368 พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด ร่วมกับอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ดำเนินคดีฟอกเงินกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์ฯ กับผู้ที่มีชื่อรับเช็ค 878 ฉบับ โดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ดีเอสไอแยกการสอบสวนออกเป็น 7 กลุ่ม ตามความสัมพันธ์ของธุรกรรมการเงิน ประกอบด้วย 1. นิติบุคคลที่มีมูลหนี้ต่อกัน 2. วัดพระธรรมกาย 3. สหกรณ์อื่นๆ 4. ผู้ต้องหาและผู้ที่เข้าข่าย 5. บุคคลธรรมดา 6. นายหน้าค้าที่ดิน และ 7. นิติบุคคลที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน กลุ่มจะถูกดำเนินคดีข้อหารับของโจรและฟอกเงิน คือ กลุ่มที่รับเช็คโดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โดยเฉพาะในส่วนของวัดพระธรรมกาย พบว่า มีการรับบริจาคโดยไม่มีมูลหนี้รวมกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งการบริจาคให้วัดเข้าบัญชีพระเทพญาณมหามุนี (ธัมมชโย) และเข้าบัญชีพระรูปอื่นในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย
ก็กล่าวมาสิคับ ว่าในอดีตหลวงพ่อ มีคดีอะไร ที่ถูกพิพากษาแล้วว่าผิด ไม่ต้องกลัวผมแคป ไปให้ทางนั้นหรอกครับ แต่ Ala พยายามจะบอกว่าท่านมีประวัติไม่ดี เลยอยากจะรู้
คดี 146/2556 http://thaipublica.org/2015/10/credit-unions-klongchan_73/ พ.ต.ท. ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบเส้นทางการเงิน ในคดีพิเศษที่ 146/2556 ข้อหายักยอกทรัพย์จากสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ซึ่งนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ และพวกรวม 4 คน เซ็นเช็คสหกรณ์สั่งจ่ายแก่บุคคลต่างๆ จำนวน 878 ฉบับ รวมมูลค่า 12,160 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มี 22 ฉบับที่สั่งจ่ายแก่วัดพระธรรมกาย พระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง และพระลูกวัดของธรรมกาย ระหว่างปี 2552–2553 รวมมูลค่ากว่า 1,260 ล้านบาท พ.ต.ท. ปกรณ์ เปิดเผยว่า คดีนี้เคยสรุปสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องไปตั้งแต่ปี 2557 แต่อัยการได้สั่งสอบเพิ่มเติมใน 8 ประเด็น โดยเฉพาะเส้นทางเช็คทั้ง 878 ฉบับ ซึ่งดีเอสไอจะสรุปสำนวนเพิ่มเติมส่งให้อัยการภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยส่วนหนึ่งของสำนวนสรุปข้อกล่าวหาระบุว่า เช็คที่สั่งจ่ายไปบุคคลต่างๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้มีมูลหนี้ต่อกันจริง ส่วนเช็คที่สั่งจ่ายไปกลุ่มวัดพระธรรมกาย ซึ่งนายศุภชัยแจ้งว่าเป็นการบริจาคเงินเพื่อศาสนา ก็ถือเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต ดังนั้น วัดพระธรรมกายรวมถึงส่วนที่เกี่ยวข้องก็อาจเข้าข่ายรับของโจร ซึ่งส่วนนี้เป็นความเห็นประกอบสำนวนของพนักงานสอบสวน ไม่ใช่การแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด จึงขึ้นอยู่กับอัยการว่าจะมีดุลยพินิจให้สั่งฟ้องเพิ่มเติมในประเด็นใดหรือไม่ ซึ่งถ้ามีความเห็นให้ฟ้องเพิ่มเติมในข้อหารับของโจร ก็จะส่งสำนวนกลับมาให้ทางดีเอสไอสอบสวนเพิ่มเติม
คดี 27/2559 http://www.krobkruakao.com/ข่าวเศรษฐกิจ/9956/ก-อุตฯ-ไม่กังวลเอ็นจีโอฟ้องศาลปกครอง.html ต่อมามีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษให้ดำเนินคดีกับผู้ที่รับเช็คสหกรณ์ฯ โดยไม่มีมูลหนี้และได้รับเป็นคดีพิเศษ ที่ 27/2559 โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานคดีมาระยะหนึ่ง จนเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2559 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ร่วมประชุมกับพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาพยานหลักฐาน ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าทางคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอจะแจ้งข้อหาต่อนายศุภชัย ศรีศุภอักษร, พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และ น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร จึงได้มีมติร่วมกันให้ออกหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนี และ น.ส.ศศิธร ในฐานะผู้ต้องหา พร้อมกำหนดวันให้มารับทราบข้อกล่าวหาและให้ถ้อยคำที่สำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 8 เม.ย. 2559 เวลา 09.00 น
ชัดเจนนะครับ หนูปีเต้อ แคปไปให้ฝั่งโน้นอ่านบ้างก็ดีนะครับ ที่นี่ถกกันด้วยหลักฐาน มีแหล่งอ้างอิง ไม่ใช่เอามาจากโพยอย่างเดียว
นั่งอ่านข้อมูลเกี่ยวโยงธรรมกาย ตัวละครเยอะจริงๆ บ.อดีตพระธรรมกายโผล่รับเงินค่าที่ดิน‘ศุภชัย’ 40 ล.-อดีตนายแบงก์คนสั่งโอน http://www.isranews.org/investigative/investigate-news-person/item/46518-iiimdtumkaydddii.html 1.64 หมื่นล้าน! ขุมธุรกิจ "อดีตพระธรรมกาย" ขนเงินลงทุน7บริษัท http://www.isranews.org/investigative/invest-slide/item/36882-inves01_36882.html ล่าสุด นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระสงฆ์องค์สำคัญแห่งวัดพระธรรมกาย ออกมาให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ ว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ชื่อเดิมหลวงพ่อธมมชโย ปัจจุบันคือพระเทพญาณมหามุนี) มีการนำเงินส่วนตัวมาตั้งบริษัทไว้หลายแห่ง บางแห่งใช้ชื่อลูกศิษย์เพื่อทำธุรกิจต่างๆ "ผมเข้าไปเตือนเขาว่าให้หยุดเถอะไม่ดี แต่เขากลับตอบมาว่าอย่ามายุ่ง นี่คือเรื่องส่วนตัว เท่านั้นผมก็พอ เพราะไม่ใช่พุทธแล้ว นี่คือธุรกิจของธัมมชโย เพื่อต่อยอดให้เขาได้ความยิ่งใหญ่” นพ.มโน ระบุ ล่าสุด ทางวัดพระธรรมกาย ยังไม่ได้ออกมายืนยันหรือปฏิเสธข้อมูลของ "นพ.มโน" ( อันนี้ ข่าว มีนาคม 58 )
สงสัย ปีเต้อ รอโพยอยู่ ยังไม่มาตอบ หรือจะวนลูปมาเรื่องป่วยเป็นโรคเบาหวาน เบาหวานนี่เป็นโรคร้ายแรงนะ เดินทางไปไหนไม่ได้ ทีเป็นโรคหืดหอบ ยังไม่ต้องเกณฑ์ทหารเลย เป็นโรคเบาหวาน ก็ต้องห้ามขึ้นศาลซิ นั่นล่ะฮะ ท่านผู้ชม ตรรกะบิดเบี้ยวซะขนาดนี้ ทำมะกายสอนลูกศิษย์แบบนี้ ผมสงสารหลานผมจริงๆ ที่ถูกบังคับให้เข้าค่ายอบรม v-star
http://www.isranews.org/investigative/investigate-news-person/item/46552-moneysupachaid.html ............................................................................................. แถมด้วยสารพัดลิ้งค์ของสนข.อิศรา ที่รวบรวม ข่าวเกี่ยวพันของคดีนี้ไว้ครับ อ่านประกอบ : ดีเอสไอขยายผลสอบปมฟอกเงินขายที่ดิน‘ศุภชัย’-คนรับโดนด้วย บ.อดีตพระธรรมกายโผล่รับเงินค่าที่ดิน‘ศุภชัย’ 40 ล.-อดีตนายแบงก์คนสั่งโอน ขมวดปมพิรุธค่านายหน้าขายที่‘ศุภชัย’ 60 ล.ก่อน‘กุนซือ’ปธ.ผู้ตรวจฯ ไขก๊อก พูดอย่างลูกผู้ชาย! ‘กุนซือ’ปธ.ผู้ตรวจฯเคลียร์ปมค่านายหน้าที่ดิน‘ศุภชัย’ กุนซือ ปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดินไขก๊อก-เซ่นค่านายหน้าขายที่ดิน ‘ศุภชัย’ เบื้องหลัง‘ศุภชัย’โชว์สัญญาขายที่ดินกลางวงประชุมฯ-อ้างดีลคนซื้อได้ เจาะงบดุล บ.'กุนซือปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน' ไม่พบค่านายหน้าขายที่ ศุภชัย 15 ล. 'อดีตนายแบงก์'เอี่ยว! เปิดหนังสือลับ'ณฐพร'แจงหยิบค่านายหน้าขายที่ศุภชัย 60 ล. ปูด! 'บิ๊กดีเอสไอ'ได้รับส่วนแบ่งขายที่ดิน'ศุภชัย'-ตั้ง กก.สอบปีกว่าไม่คืบหน้า เปิดบันทึก กก.คุ้มครองสิทธิฯเทียบคำชี้แจง‘สีหนาท’ไฉนปล่อย‘ศุภชัย’ขายที่เอง เชื่อทำธุรกิจปกติ!'ศรีราชา'ไม่ปลด'กุนซือ'พันคดีรับเช็คขายที่ดิน‘ศุภชัย’ 60 ล. กุนซือ ปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดินได้เช็ค 60 ล.อ้างค่านายหน้าขายที่ดิน‘ศุภชัย’ กางระเบียบปปง.!จับพิรุธ กุนซือปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน รับค่านายหน้าขายที่ดิน‘ศุภชัย’ 60 ล.? โชว์ชัดๆ สัญญา ‘ศุภชัย’ขายที่ดินได้เงิน477ล. ไฉนคืนส.คลองจั่นแค่100 ล.? เปิดตัวบ.ซื้อที่ศุภชัย 477ล. ที่แท้คนตระกูล 'อัษฎาธร' บิ๊กธุรกิจน้ำตาลไทย ระดมกู้บริษัทในเครือ!เจาะแหล่งเงินคนตระกูล'อัษฎาธร' รับซื้อที่ ‘ศุภชัย’ 477ล. ดีเอสไอไม่เคยแจ้งข้อมูล! ปปง.ปัดเอี่ยวปมคืนเงินขายที่249 ล.ให้ศุภชัย ปปง.-ดีเอสไอ ขายที่'ศุภชัย' 477ล. ตีเช็คให้ตัวเอง249 ล. คืนสหกรณ์แค่100 ล. ....................................................................... ปล. แต่ละลิ้งค์ข่าวยังมีลิ้งค์ข่าวเพิ่มเติมในแต่ละเรื่อง หากท่านใดสนใจตามอ่านได้ครับ
กรมสอบสวนดคีพิเศษ ออกหมายเรียก "พระธัมมยโช" รอบที่ 3 เข้ารับทราบข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ในวันที่ 16 พ.ค. เวลา 09.00 น ขณะที่โลกออนไลน์แชร์ พระธัมมยโช เดินพบปะญาติโยมตามปกติ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ บอกว่า ที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อกำหนดวัดออกหมายเรียกให้ พระธัมมชโย เข้ารับทราบข้อ หา ได้ยึดแนวคำวินิจฉัยของศาลเป็นหลัก ซึ่งศาลเชื่อว่ามีอาการอาพาธ แพทย์สั่งให้งดภารกิจ 15 วัน เมื่อครบกำหนดตามใบรับรองแพทย์ก็จะเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาทันที โดยเป็นการกำหนดวันนัดร่วมกับพนักงานอัยการ ที่ประชุมจึงมีมติกำหนดนัดให้พระธัมมชโยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งในวันที่ 16 พ.ค. เวลา 09.00 น. โดยวันนี้ ดีเอสไอจะส่งหมายเรียกครั้งที่ 3 ไปยัง พระธัมมชโย มีรายงานว่า หลักฐานสำคัญที่ ดีเอสไอ ได้ประกอบขออำนาจศาลออกหมายจับ ถึงแม้ว่าศาลจะยกเลิกไปแล้วก็ตาม ดีเอสไอ เชื่อว่าพระธัมมชโย สามารถที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกได้ เพราะมีการบันทึกคลิปวิดีโอพระธัมมชโย เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ระหว่างเดินลงจากรถและเดินพบกับลูกศิษย์ที่มารอ ที่แสดงให้เห็นว่า ไม่ได้อาพาธหนัก ตามที่สื่อประชาสัมพันธ์ของวัดธรรมกายนำภาพออกมาเผยแพ่ร เพราะเห็นว่าเดินทักทาย พูดคุยกับลูกศิษย์ ซึ่งเป็นอีกพยานหลักฐานที่ดีเอสไอเชื่อว่าพระธัมมชโย ไม่ได้ป่วยรุนแรง เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าพบพนักงานสอบสวนให้ลงบันทึกประจำวัน กรณีวัดพระธรรมกายไม่ยอมรับหมายเรียกพระธัมมชโย ครั้งที่ 3 โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้ไปบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.คลองหลวง โดยมีใจความว่าเมื่อ เวลา 09.00 น. ได้นำหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 3 มาส่งให้กับ พระเทพญาณมหามุณี ตามหนังสือสำนักคดีการเงินและธนาคาร แต่ไม่มีบุคคลใดยอมรับหมายเรียก จึงต้องมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.คลองหลวง ผู้สื่อข่าวได้ไปที่สำนักสื่อสารองค์กรของวัดพระธรรมกาย ได้สอบถาม พระสนิทศ์ วุฑฒิวโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร กล่าวยืนยันว่าพระธัมมชโย อาพาธจริง และที่มีข่าวว่าในวันนี้ทางทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำหมายเรียกมาส่งให้นั้น ทางวัดพระธรรมกายยังไม่เห็นหมายเรียกแต่อย่างใด
มาตรา ๑๓๔ เมื่อผู้ต้องหาถูกเรียก หรือส่งตัวมา หรือเข้าหาพนักงานสอบสวนเอง หรือปรากฏว่า ผู้ใดซึ่งมาอยู่ต่อหน้าพนักงานสอบสวนเป็นผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนต้องให้โอกาสผู้ต้องหาที่จะแก้ข้อหาและที่จะแสดงข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์แก่ตนได้...........ฯลฯ........" และมาตรา ๑๓๔/๔ ในการถามคำให้การผู้ต้องหา ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบก่อนว่า (๑) ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะให้การหรือไม่ก็ได้ ถ้าผู้ต้องหาให้การ ถ้อยคำที่ผู้ต้องหาให้การนั้น อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ (๒) ผู้ต้องหามีสิทธิให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำตนได้ สอบเสร็จ เขาให้ประกันออกไปชิตัง เม อื๊ดๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น ไม่จริงและไม่ใช่ อย่างที่ทนายพูดว่า...... "DSI ไม่เคยเข้ามาสอบสวน หรือสอบปากคำ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แต่จะแจ้งข้อกล่าวหาเลย เป็นเรื่องที่ผิดปกติกว่าคดีอื่นๆ?" การเฉไป-ไฉมา ออกลีลาหน่วงประวิง "ซื้อเวลา" รอการเมืองเปลี่ยน ก็ดี การเอา "ขาใคร-ตีนใคร" อืดยังกะเอดส์ มาบอกว่าเป็นของนักจัดสรรสวรรค์-นรก ก็ดี แบบนี้ตะหากที่ "ผิดปกติกว่าคดีอื่นๆ"! เกมนี้ มันมี "เดิมพัน".......... คือธรรมกายพันมหาเถรสมาคม และทั้งธรรมกาย-มหาเถรฯ "พันระบอบทักษิณ" ก็ลองซักตั้งซิ ลงท้าย...ฝ่ายไหนจะเหลือแต่ซาก ระหว่าง "ระบบกฎหมาย กับ ระบอบทักษิณ"? http://www.thaipost.net/?q=ระบบกฎหมาย-ระบอบทักษิณ
ตอนเรียกมาสอบสวนก็เบี้ยวนัด... DSI เขาก็เข้าไปสอบสวนที่วัดมาแล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆก็ตั้งข้อกล่าวหาทันทีครับ DSI บุกสอบ 'ธัมมชโย' ถึงวัด ปัดเอี่ยวเงินบริจาคสหกรณ์ยูเนี่ยน http://www.thairath.co.th/content/503064
นี่แหละผลบุญของการซื้อสวรรค์ ศุภชัย ซื้อบุญไว้ ไม่ทันไร ก็สมความตั้งใจแล้ว ได้อยู่บ้านหลังใหญ่ ไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ มี รปภ.ตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (28เม.ย.59) นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกต่อพ.ต.ท.วิเชียร เหมือนสุวรรณ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ว่ามีการใช้เอกสารแอบอ้างทำให้พระธัมมชโยเสียหาย นายสัมพันธ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ปีที่ผ่านมา พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล สำนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำเอกสารสำเนาเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาการเคหะแห่งชาติ ลงวันที่ 15 ต.ค. 2552 สั่งจ่ายพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาท มาแสดงต่อหน้าพระธัมมชโย เพื่อสอบถามว่า พระธัมมชโย เคยเห็นเช็คหรือได้รับเช็คฉบับดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งพระธัมมชโย ยืนยันกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษว่า ไม่เคยเห็นและไม่เคยได้รับเช็คฉบับดังกล่าว พร้อมทั้งปฏิเสธลายเซ็นที่ปรากฏด้านหลังเช็คว่า ไม่ใช่ลายเซ็นของตัวเอง นายสัมพันธ์ ระบุว่า ตัวเองได้รับมอบอำนาจจากพระธัมมชโย ซึ่งหากมีผู้ใดนำเช็คฉบับดังกล่าวไปใช้เป็นหลักฐาน หรืออ้างอิงทำให้พระธัมมชโย ได้รับความเสียหาย จะขอสงวนสิทธิ์ที่จะร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อไป http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=98406&t=news ............................................................... ดิ้นสุดฤทธิ์น่าดู
28 เม.ย.l ข่าว 12.00 น. ดีเอสไอ นำหมายเรียกให้พระธัมมชโย มารับทราบข้อหาเป็นรอบที่ 3 ไปติดที่วัดพระธรรมกาย หลังจากทางวัดไม่รับหมายเรียกโดยให้เหตุผลว่าไม่มีการประสานงานล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ เปิดเผยว่า การส่งหมายเรียกครั้งที่ 3 ถึง พระธัมมชโย ถือว่าเป็นผลสมบูรณ์ทางกฎหมายแล้ว ไม่ว่าวัดพระธรรมกายจะรับหมายหรือไม่รับหมาย ทั้งนี้ทางดีเอสไอได้ส่งหมายเรียกดังกล่าวไปถึง 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.ส่งถึงเจ้าคณะตำบลคลอง 4 ในฐานะผู้ปกครองทางสงฆ์ของ พระธัมมชโย ซึ่งได้รับหมายเรียกแล้ว 2.ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึง พระธัมมชโย โดยตรง และ 3.ติดประกาศหมายเรียกที่หน้าวัดพระธรรมกาย โดยมีตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นพยาน และได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.คลองหลวงแล้ว หลังจากนี้ดีเอสไอจะรอการติดต่อจาก พระธัมมชโย นอกจากนี้ยังเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มกับผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆด้วย ปรากฏว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เดินทางกลับ วัดได้มีการนำป้ายแจ้งข่าวสารกิจกรรมเชิญชวนทำบุญของวัดมาปิดทับหมายเรียกทันที http://www.naewna.com/politic/213589 ................................................................................. เล่นแง่ หาช่องโหว่ทางกฎหมายสารพัดวิธี
ดีเอสไอนำหมายเรียก พระธัมมชโย มาให้ปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหา ครั้งที่ 3 ไปติดที่วัดพระธรรมกายแล้วโดยกำหนดให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 16 พฤษภาคม หากไม่มาอีกจะขออนุมัติ ต่อศาลออกหมายจับ เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วยตำรวจ สภ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี นำหมายเรียก พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ครั้งที่ 3 ไปติดที่วัดพระธรรมกาย เพื่อให้พระธัมมชโย มาพบพนักงานสอบสวน ในคดีสมคบกันฟอกเงินร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร กรณีมีชื่อเป็นผู้รับเช็คบริจาค จากอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ โดย พันตำรวจโทปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ กล่าวว่า พนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียก พระธัมมชโย ให้มาพบอีกครั้ง ในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ หากยังไม่มาพบตามวันเวลาที่กำหนดจะรวบรวมหลักฐานไปขออนุมัติต่อศาลอาญา ออกหมายจับอีกครั้ง ส่วนกรณีที่ พระธัมมชโย อ้างว่ามีป่วยหนัก และมีการนำภาพมาเผยแพร่ทางเฟซบุ๊กนั้น พันตำรวจโทปกรณ์ บอกว่า ในภาพเห็นเพียงท่อนขา แต่ไม่เห็นใบหน้าอีกทั้งจากการตรวจสอบคลิปของพนักงานสอบสวน พบว่าเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ ผ่านมา พระธัมมชโยยังออกไปประกอบศาสนกิจตามปกติ ไม่มีอาการป่วยใดๆ ดังนั้นหากต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ ก็ควรให้แพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐ เป็นผู้ออกใบรับรองให้ ไม่ใช่แพทย์จากคลินิกเอกชนของวัดพระธรรมกาย ขณะที่ พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ออกมาชี้แจงถึงคลิปวิดีโอดังกล่าวว่าเป็นคลิปที่ถ่ายไว้ในวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมาก่อนที่พระธัมมชโย จะเกิดอาพาธเฉียบพลันโดยวันดังกล่าวได้ออกไปปฎิบัติศาสนกิจ นานถึง 3 ชั่วโมง ทำให้อาการอาพาธที่เป็นอยู่เดิมหนักขึ้นในช่วงเย็นของวันนั้น และก็ไม่สามารถออกมาปฎิบัติศาสนกิจได้อีกเลย
เล่นแง่เล่นมุมสารพัด พอจนมุมก็โวยว่าถูกDSIรังแก น่าจะออกมาดูโลกภายนอกบ้างว่าคนทั่วไปเขาคิดกับลัทธิและเจ้าลัทธิอย่างไร
เกิดการพลีชีพเพื่อสวรรค์ ธัมมชโย ถีบหัวเรือส่ง สาวกผู้ซื่อสัตย์ คนที่ 2 คนที่ 2 ! " น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ " ชื่อที่ ธัมมชโย .. ไม่รู้จัก ! เมื่อทางทีมทนายของ พระธัมมชโย "พลิกเกม" เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ อ้างว่า เช็คสหกรณ์คลองจั่นเช็คหมายเลข 0104455 สาขาการเคหะแห่งชาติ จำนวนเงิน 100 ล้านบาท สั่งจ่ายโดย.. นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ให้แก่.. พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2552 ถูกบุคคลที่ไม่รู้จัก ทำการปลอมแปลงเอกสาร และ โจรกรรมเอาเงินไป แหล่งข่าวระบุว่า ด้านหลังเช็คใบดังกล่าวนั้น ลงนามขึ้นเงินโดย น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ แต่มิได้ระบุว่า มีฐานะอะไรในวัดพระธรรมกาย ซึ่งได้รับความไว้วางใจจาก พระธัมมชโย ถึงขนาดว่าให้เซ็นชื่อบนหลังเช็คเอาเงินเข้าบัญชี แต่ น.ศ.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ก็มีชื่อติดอยู่ระดับแนวหน้าในกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย มาโดยตลอด พลันที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ชื่อของ "น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์" ก็ติดชาร์ต ขึ้นแท่นเป็น "นัมเบอร์วัน" ของคดีฟอกเงิน ซึ่งเกี่ยวพันกับ พระธัมมชโย ในฐานะ"จำเลย" นัมเบอร์วัน อีกด้วย โดยวันนี้ น.ส.ศศิธร มีถึง 3 ฐานะด้วยกัน ได้แก่ ฐานะที่ 1. น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ติดร่างแห ในคดี"สมคม-ร่วมกันฟอกเงิน" กับ พระธัมมชโย และ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร หลักฐานการเซ็นเช็คยืนยันชัดเจน ฐานะที่ 2. น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ตกเป็นจำเลย ในคดีอาญา ข้อหาปลอมแปลงเอกสารและโจรกรรมเงินของ พระธัมมชโย ไปเป็นจำนวน 100 ล้านบาท ฐานะที่ 3. น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ตกเป็นแพะ ในคดีอาญา เพราะว่าเมื่อ พระธัมมชโย อ้างว่าถูกปลอมแปลงเอกสาร และ โจรกรรมเงินไป นั่นหมายถึงว่าน.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ย่อมจะตกเป็นแพะ ในคดีดังกล่าว จะกล่าวว่า "ถูกพระธัมมชโยซัดทอด" ก็คงว่าได้ อย่างไรก็ตาม กรณี น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ นี้คงไม่เป็นการแปลกใจอันใดนัก เพราะ สาวกธรรมกายนั้น ส่วนใหญ่ก็ยินยอมพร้อมใจ "ถวายชีวิต" เพื่อ หลวงพ่อธัมมชโย อย่างถวายหัวอยู่แล้ว หากจะต้องติดคุกติดตะรางแทนพ่อ คือเพื่อให้ พระธัมมชโย หลุดข้อหาต่าง ๆ ไป เหมือน นายศุภชัย ศรีศุภอักษร กำลังรับกรรมแทนพ่ออยู่ในเวลานี้ ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ "ยินดี" สำหรับสาวก-สาวิกา ในสายธรรมกาย เพราะมีการขึ้นป้ายปลุกระดมว่า "ยอมตาย..เพื่อพ่อ" น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ จึงเป็น "คีย์แมน" คนสำคัญ เป็นกุญแจไขเงื่อนงำทั้งปวง ในคดีสหกรณ์คลองจั่น รองมาจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ซึ่งเข้าไปนอนในคุกเป็นเวลานานมาแล้ว และยังมีอีกหลายสิบคดีตามมา ก็ไม่รู้ว่าทั้งสอง "โชคร้าย" หรือ "โชคดี" ที่มีพ่อทางธรรมที่ชื่อ..ธัมมชโย หากย้อนข่าวกลับไปในหน้าแรก ๆ ของคดีสหกรณ์คลองจั่น ที่เกี่ยวพันกับ ธัมมชโย ซึ่งทางธัมมชโย ได้ปฏิเสธว่า "ไม่เคยรู้จัก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร เป็นการส่วนตัวมาก่อน" ทั้ง ๆ ที่นายศุภชัย ได้รับการเสนอชื่อจาก พระธัมมชโย ให้เป็น "เหรัญญิก" ดูแลเงินของวัดพระธรรมกาย นานหลายปี (เซ็นชื่อคู่กับเจ้าอาวาส) เป็นทั้งผู้ก่อตั้งสหกรณ์มงคลเศรษฐี ให้แก่วัดพระธรรมกาย ได้รับเกียรติให้เป็นประธานอภิมหากฐิน 100 ปี คุณยายจันทน์ ซึ่งว่ากันว่ากัลยาณมิตรทุกคนต่างใฝ่ฝันจะได้เป็น แต่ นายศุภชัย ก็เข้าวิน เพราะถวายหนักนับพันล้าน ดังกล่าว นี่ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อในโลกใบนี้แล้ว วันนี้ มีเรื่องเหลือเชื่อเหนือกว่านั้น เมื่อ พระธัมมชโย อ้างว่า "ถูกปลอมแปลงเอกสาร" โดย น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ๆ ก็จึงกลายเป็น "คนที่ธัมมชโย ไม่รู้จัก" เป็นคนที่ 2 ใครจะเชื่อหรือไม่อย่างไร แต่เรื่องก็เป็นไปแล้ว พระต้นธาตุต้นธรรมจะติดคุกติดตะรางได้อย่างไร มันก็ฉิบหายกันหมดซี คำถาม จึงมีว่า ... ใคร ? จะเป็นคนที่ ธัมมชโย ไม่รู้จัก เป็นรายต่อไป !!!
งงกับตรรกะของเหล่าสาวกจริงๆ แหกปากร้องว่าไม่ผิด ท่านเป็นคนดี แต่ไม่ยอมไปสู้คดีความในศาล คุ้นๆ ว่าเหมือนกับพวกไหน............. สาวกหลวงพ่อนะจ๊ะ ฮือร้องผู้ว่าฯ ลำปาง โวย DSI ไม่เป็นธรรม ลำปาง - เครือข่ายลูกศิษย์ธรรมกายลำปาง รวมตัวร้องศูนย์ดำรงธรรม-ผู้ว่าฯ ลำปาง โวย DSI ไม่เป็นธรรม ดำเนินคดี “ธัมมชโย” ซ้ำซ้อน ขัดหลักกฎหมาย อ้างศิษย์วัด-ชาวพุทธระดมทุนเยียวยาสหกรณ์เครดิตยูเนียนฯ แล้วจะเอาอะไรอีก บ่ายวันนี้ (4 พ.ค.) นายสกล เดชประมวลพล ประธานชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง นำสมาชิกกลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อธัมมชโยใน จ.ลำปาง กว่า 40 คน ถือป้ายกระดาษข้อความต่างๆ เช่น เรียกร้องความเป็นธรรมให้หลวงพ่อ, เรารักหลวงพ่อ ฯลฯ เข้ายื่นหนังสือร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง ผ่านไปยังผู้ว่าราชการ จ.ลำปาง เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่พระธัมมชโย กรณี DSI ออกหมายเรียกให้ไปพบ ในหนังสือร้องเรียนดังกล่าวระบุว่า ชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนาจังหวัดลำปางเห็นว่าการกระทำของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมต่อพระมหาเถระที่ตั้งใจทำความดี จึงร้องเรียนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่หลวงพ่อธัมมชโยด้วย ชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง เรียกร้องไม่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษออกหมายเรียกหลวงพ่อธัมมชโย ในคดีพิเศษที่ 27/2559 เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษมาสอบสวนหลวงพ่อธัมมชโยในฐานะพยานในคดีแล้ว และ DSI ขอรับทราบว่าหลวงพ่อธัมมชโยไม่ผิด ทำไมจึงยังเรียกท่านมากล่าวหาอีก นอกจากนี้ยังมีการสอบสวนอยู่ในคดีที่ 146/2556 และ 63/2557 อยู่แล้ว ทำไมมีการดำเนินคดีซ้ำซ้อนขึ้นอีก เป็นการขัดต่อหลักฐานกฎหมายที่ว่ากรรมเดียวจะดำเนินคดีซ้ำซ้อนไม่ได้ เช่นนี้แล้วถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความเป็นธรรมหรือไม่ ขณะเดียวกัน ชาวพุทธและลูกศิษย์วัดพระธรรมกายได้ตั้งกองทุนเยียวยาช่วยเหลือสหกรณ์เครดิตยูเนียนฯ เป็นเงินจำนวน 680.78 ล้านบาท และสหกรณ์เครดิตยูเนียนได้ถอนฟ้องพระเทพญาณมุนี และวัดพระธรรมกาย พร้อมทำหนังสือแสดงเจตจำนงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่ง อาญา ต่อพระเทพญาณมหามุนี และวัดพระธรรมกาย ซึ่งได้ทำหนังสือขอบคุณมายังคณะลูกศิษย์ถือว่าจบคดีแล้วยังจะมาฟ้องเอาผิด เพื่ออะไร ทั้งนี้ หลังยื่นหนังสือเสร็จ เครือข่ายชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนาจังหวัดลำปางได้แยกย้ายกันเดินทางกลับทันที
เสื้อแดง กับ ลัทธิจานบิน ใช้ model เดียวกันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ศาสดาพูด ปลุกระดม การทำให้ศาสดาดูไบกับทำกาย ดูสูงส่งเหมือนเทวดามาโปรดสัตว์ การใช้มวลชนเป็นเกราะ การดึงสถาบันที่ตัดสินคดีให้มาเป็นคู่ขัดแย้งเพื่อลดความน่าเชื่อถือ การใช้สื่อประชาสัมพันธ์โปรโมทศาสดา การซุกหุ้นซุกเงิน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ การหาเงินในอากาศ การไม่ยอมรับอำนาจศาล โอ๊ยเยอะแยะตาแป๊ะ ลอกกันมาทั้งนั้น ยังกะฝาแฝด อ้อ ที่สำคัญที่สุด ทั้งไอ้ดูไบ กับ ทัมเก๊ ต่างก็เชิดชูเงิน เป็นสรณะ เหมือนกัน
สิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างคือ ตั้งชื่อองค์กร เครือข่ายของตัวเองว่าปกป้องสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่น่าเลื่อมใสตามหลักการ แต่ความจริงปกป้องอีกอย่างหนึ่งที่เป็นแหล่งของผลประโยชน์
ถ้ามาสู้กันที่ศาลโดยใช้หลักฐาน เอกสาร พยาน มาสู้กันในศาล ก็จะไม่มีใครตาย แต่ไอ้นี่ยอมตาย เพราะ ทำมะกายไม่อยากมาขึ้นศาล
เกี่ยวกับ "ธรรมกลาย" ผมว่าที่นี่ เขาว่าไว้ได้ชวนติดตามดีครัช... ------------------------------ --------------------------------- http://www.alittlebuddha.com ----------------------------- มีเรื่องให้ได้ รับฟัง รับชม และ/หรือ รอดูติดตามผลอยู่หลายเรื่องทีเดียวเชียว... เชิญเพื่อนๆ ตามไปทัศนา หาอ่านกันได้ครับ...
กฏหมายไม่เป็นกฏหมายบังคับใช้ไม่ได้ คิดแต่จะสร้างกฏหมู่ให้อยู่เหนือกฏหมายเสมอ ความเป็นประเทศชาติที่ปกครองโดยกฏหมาย มันแทบล้มละลายไร้ลักษณ์ ผิดถูกก็สู้กันในศาล มันมีช่องทางต่อสู้ แต่นี่ไม่สู้ จะให้ชนะทันที
อาการขนาดนี้ แพทย์คนไหนในโลกก็รักษาไม่ได้ ต้องหาหมอต่างดาวเท่านั้น ตอนนี้กะลังปรับจูนเครื่องยนต์ คงได้เอาจานบินออกมาใช้งานซะที
ต้นทาสต้นทำ ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐ วางยาพิษ เมื่อ 17 ปีที่แล้ว พอมาถึงวันนี้ก็เลยไม่ยอมไปพบ DSI เพราะว่ากลัวโดนยาพิษอีก อ่านรายละเอียดเพิ่มติมจากลิ้งค์นะครับ วางยาพิษธัมมชโย ! ข้ออ้าง (เหตุผล) สุดท้ายของธรรมกาย ไม่ไป..DSI ! อา..ก็น่าจะเป็น “เหตุผลสุดท้าย” แล้ว สำหรับท่านธัมมชโย ที่จะใช้เป็นอาญาสิทธิ์คุ้มครองป้องกันตัว ไม่ยอมไปดีเอสไอตามหมายเรียก ซึ่งเหตุผลข้อนี้มีความคลุมเครือเป็นอย่างยิ่ง เพราะอ้างว่า "ถูกวางยาพิษ" ตั้ง 17 ปีผ่านมาแล้ว ถามว่า ทำไมถึงเพิ่งมาเปิดเผยในวันนี้ ทำไมไม่เปิดเผยเสียแต่ทีแรก ทำไมต้องเปิดทีละนิดละหน่อย เช่นแรกๆ นั้นก็บอกว่า “ติดงาน ไปไม่ได้” ต่อมาก็บอกว่า "ป่วยจริง มีภาพเท้าภาพขาให้ดูด้วย" วันนี้อาการหนักถึงขั้นว่า “ไปไม่ได้ ไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะเคยถูกวางยาพิษเจียนตายมาแล้ว” ฟังดูมันประหลาดว่า ชาววัดพระธรรมกายเขา “เล่นเกม” กันหลายระดับ ปัญญาชนได้ฟังก็งงเหมือนกัน ว่ามันเป็นเหตุผลอะไร ? ปัญหาต่อไปจึงอยู่ที่ดีเอสไอ ว่าจะตัดสินใจทำอะไร ในเมื่อพระธัมมชโยไม่ยอมไปพบโดยเด็ดขาด ลูกศิษย์ก็หนุนเต็มที่ ถึงขนาดประกาศ “ยอมตาย” เพื่อหลวงพ่อ ดีเอสไออาจจะขอฟังคำวินิจฉัยจากศาลอาญาก่อน ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที เพราะถ้าไม่ทำก็จะถูกฟ้องร้องว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน มันส์พ่ะย่ะค่ะ ! สมุนบอกว่า การยินยอมทำตามเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เอาท่านไปตรวจอย่างไรไม่ทราบ เอาอะไรสอดเข้าไปในคอท่าน ใส่อะไรไปก็ไม่ทราบ กลับวัดมา ท่านก็อาเจียนเป็นเลือดเต็มอ่างล้างหน้า พูดไม่มีเสียงถึงเจ็ดเดือน โรคต่างๆก็กำเริบ แข้งขาก็บวม น้ำตาลเบาหวาน มาหมด จากหลวงพ่อที่แข็งแรง ก็กลายเป็นพระผู้เฒ่าที่โดนแดดโดนลมไม่ได้ หนาวสะท้าน อากาศแบบไหนก็ต้องห่มผ้า ห่อตัวตลอด ”
มีนิทานจะเล่าให้ฟังกันเล่นๆ ช่วงนี้ เขาสร้างเรื่องวางยาพิษมั่ง ทำลายพระพุทธศาสนามั่ง โอย เราจะขอสร้างเรื่องมั่ง ขอสาธุชนทั้งหลาย อย่าเพิ่งเชื่อเรา ให้เข้าไปทดลองดูก่อนแล้วจะรู้ แนะ ประชาสัมพันธ์ได้อีก ..................................................................................................................................................... หลังจากหลวงพ่อสร้างนิยาย ผู้ค้นพบวิชชาที่สูญหายไปสองพันกว่าปีหลังจากพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว วิชชาที่ว่าเป็นวิชชาที่จะทำให้คนได้สัมผัส นิพพานแบบรวดเร็วทันใจ แค่มี ... เงิน... เท่านั้น วิชชาอัดสวรรค์ อัดนิพพาน นี้ ขึ้นอยู่กับศรัทธา ต้องปั่นให้ได้ระดับ คลั่งบุญให้ได้ เอาชาดกมากล่อม ทำบุญต้องทุ่มเต็มที่นะจ๊ะ ควายมันแยกไม่ออกระหว่าง ศรัทธาแบบมีสติ กับ คลั่งบุญ ทุ่มเต็มที่ปิดบัญชีหนี้ที่ยืมคนอื่นมา เปิดบัญชีสวรรค์เต็มที่ ยืมคนอื่นมายังไม่ต้องรีบคืน สร้างสวรรค์ ดุสติบุรี วงบุญไพศาลมหานิพพานจักรพรรดิแก้วมังกรขนุนมังคุดมะม่วง เอาสวรรค์ไว้ก่อน อานิสงส์มาก มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถ ลูกเมียไม่ต้องสนใจ ทำบุญเอาไว้ เห็นกันชัดๆในชาตินี้ ถ้าไม่ทันชาตินี้ รอชาติหน้า รับรอง ไม่อดตายแน่ๆ มีทั้งทรัพย์สินมากมาย บริวาร คฤหาสน์ เรือยอร์ช เอ๊ะ หรือจะไม่เอามนุษย์สมบัติ ก็เอา เทวสมบัติก็ได้ เกิดเป็น เทวบุตรจาตุมเทพบดีศรีสังวาส มีนางฟ้าคอยปรนนิบัติพัดวี เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ให้ อยากเสพกามขนาดไหน เทวบุตร ได้หมด เพราะสร้างบุญใหญ่ไว้แบบทุ่มเต็มที่นี่ เอ้าเดินเข้ามา สร้างสวรรค์ไว้ก่อน ทุ่มเต็มที่ หมดตัวชาตินี้ ชาติหน้าและชาติต่อๆไป ไม่มีอดแล้วนะจ๊ะ เงินยืมเขามาไม่ต้องรีบใช้ เพราะใช้ไปก็ไม่ทำให้ได้สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ไม่มีใครอัดนิพพานให้ได้นอกจากเจ้าลัทธิ วิชชาเก่าแก่ที่สูญหายไปนับพันปี เพื่อรอผู้มีบุญมาเปิดเผยและเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้ลิ้มรสสวรรค์แบบรวดเร็วทันใจ เอ้า เราเอาข้าวไปถวายพระองค์ได้แล้วนะ ไปถวายที่ดินแดนนิพพานเลย ท่านจะชอบทาน เป๋าฮื้อกับหูฉลาม และ พระกระโดดกำแพง หรือเปล่า มาถามตรงกับอาตมาเดี๋ยวอาตมาจะใบ้ให้ อาหารที่ดี ที่ประนีต ที่มีราคาแพงๆ ยิ่งได้บุญมากล้น เพราะถวายพระองค์กับมือเลย เอ้า มาบริจาคกัน จะได้สวรรค์นิพพานเร็วๆ เคยเห็นอิทธิฤทธิ ตะวันแก้วหรือยังล่ะ นี่แหละ บุญทั้งนั้นลูกเอ๊ยหลานเอ๊ย มีเท่าไหร่บริจาคมา ตะวันแก้วนี่สำหรับผู้มีบุญเท่านั้น จากวิชชาที่มีผู้มีบุญค้นพบ จนถึงต้นทาดต้นทำ มาเผยแพร่และปราบมาร เรียกศรัทธา และความคลั่งบุญ จนยอมจ่ายไม่อั้น หลวงพ่อมีคนมาทำบุญมากมาย มีเงินเข้ามากมายจนไม่รู้จะทำอย่างไร ด้วยความที่เป็นต้นทาสต้นทำ ทำให้ท่านมีปัญญาดั่งดวงแก้วใส ก็คิดได้ว่า เงินก็ควรต่อเงิน ก็เลยตั้งบริษัท ไปลงทุนข้างนอก ทำธุรกิจัญไร เพื่อให้ได้ดอกผลเพิ่มขึ้น แต่ด้วยต้นทาสต้นทำ ท่านเป็นพระ ก็ออกหน้าไม่ได้ ต้องให้ลูกศิษย์คนสนิท ไปจัดการ ไอ้ที่บวช ก็สึกไปซะ ไปดูแลกิจการให้หลวงพ่อ ไอ้ที่เป็นฆราวาสก็ให้ไปตั้งบริษัทนั่นนี่ นี่ถึงขั้นมีการตั้งบริษัทขายอาวุธเลย เอ้า ปราบมารนี่ มันต้องใช้อาวุธทั้งนั้น ขายอาวุธนี่ต่อไปไม่ต้องไปขอใคร ธุรกิจ ธนาคาร หลวงพ่อก็อยากตั้ง ติดอยู่ที่ว่า ธนาคาร มันมีเงื่อนไขเยอะ มันตั้งยาก สุดท้ายก็มาลงที่ สหกรณ์ ออมทรัพย์นี่ไง ไม่ต้องผ่าน ธปท. ไม่ต้องผ่านกระทรวงการคลัง สบายๆ ให้ลูกศิษย์ มาทำเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการบริหาร ปล่อยกู้ให้คนต้องการซื้อสวรรค์ ซื้อนิพพานมากู้ไปทำบุญ คิดดอกสูงกว่าชาวบ้าน ใครก็เอา เพราะเขาเอาไปทำบุญ ยังไงก็ต้องจ่าย ถ้าไม่จ่ายเดี๋ยวจะกลายเป็นบาป มันก็มีการตกแต่งบัญชี เป็นธรรมดา เพื่อให้มีผลประกอบการดี จนได้รางวัลสหกรณ์ดีเด่ ล่อแมงเม่าเอาเงินเข้ามาฝาก เท่านี้ แหละก็สวยงาม แล้ว เงินสหกรณ์ เอาไปให้บริษัทในเครือ ต้นทาสต้นทำกู้ได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งหลายตัวแน่ะ ทีนี้ ปัญหามันก็มาจาก เวลาต้นทาสต้องการใช้เงินด่วน ก็บอก คุณลูกศิษย์ที่เป็น ผู้จัดการใหญ่ ไปถอนออกมาให้ จะเอาเท่าไหร่ ทำได้หมด ก็คนของตัวเอง เงินก็เงินตัวเองลงทุน ลูกศิษย์คนไหนจะกล้าค้านล่ะ แล้วเวลาสั่ง ก็ใช้ปากเปล่า ไม่มีลายลักษณ์อักษร พยานหลักฐานเอาที่ไหนมาล่ะ เมื่อเอาไปมากๆเข้า แล้วไม่คืน ก็เป็นไงล่ะ เจ๊งไง ต้นทาด มีปัญญาที่ไหนล่ะ ไอ้วิชชา 2000ปีก็โม้เค้าทั้งนั้น จะไปเสกเงินที่ไหนกลับมาล่ะ สุดท้ายตกแต่งบัญชีไม่ไหว ก็ต้องกลายเป็น เจ๊ง พร้อมกับน้ำตาของแมงเม่าหลายพันตัว ที่เอาเงินออมทั้งชีวิตมาทำบุญหมดหน้าตักหมดตัว แบบไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่ามีคนช่วยพาไปเปิดวงบุญพิเศษดุสิตบุรีให้เรียบร้อยแล้วโดยไม่ได้ขอความเห็น ยิ่งกว่านั้น อยู่ๆ ผู้บริหารชุดใหม่ของสหกรณ์ ก็ไปเซ็นยินยอมประนอมความไม่ฟ้องร้องหลวงพ่อ แล้วรอรับเงินคืนในชาติไหนก็ไม่รู้ เกิดขึ้น แมงเม่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากไปอยู่ดุสิตบุรี ก็กระอักเลือด เพราะทำอย่างนี้เท่ากับว่าโดนต้นทาดถีบหลังให้เข้าไปดุสิตบุรีเฉยเลย โดยไม่ต้องคิดว่าจะได้เงินคืนกันในชาตินี้แล้ว จากนั้น ต้นทาดก็จะโดนซิวไปด้วย เพราะเช็คมันเขียนเข้าแต่ที่วัดนี้ ต้นทาดที่กลัวคุกมากกว่านรก ก็ต้องหาวิธีแถไถและโยนขี้ - ท่านต้นทาด นั่งยัน นอนยัน ตะแคงยัน ไม่รู้จักไอ้ลูกศิษย์คนนี้ - จะไปรู้ได้ยังไง คนมาทำบุญกันเยอะแยะ ใครจะไปรู้ว่ามีคนเอาเงินที่ขโมยมาทำบุญ มีคนบ้าไปเทียบกับหลวงตา ตอนทำผ้าป่าช่วยชาติ บอกว่า ของหลวงตาก็เหมือนกัน ถ้ามีเรื่องแบบนี้ แต่คนถูกโกงเสือกตายไปแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน เปรียบเทียบได้โคตรปัญญาอ่อนเลย นี่คือสายของต้นทาด ที่เป็นพวกเพี้ยนในเรื่องเหตุผลแล้ว ทำไมตอนหลวงตารับบริจาคผ้าป่าช่วยชาตินั้น ถึงไม่เคยมีปัญหานี้ ไม่ใช่ว่ามี แต่ไม่มีใครโวย แบบที่ต้นทาดพยายามแถ แต่คือ ไม่มี ใครที่ขโมยเงิน เพื่อมาทำบุญ นี่คือคำตอบ คำตอบมันอยู่ตรงนี้ ต้นทาดสอนเรื่องคลั่งบุญ เรื่องบริจาคจนหมดตัว เลยตรรกะเพี้ยน เพราะคิดว่าคนอื่นจะทำเหมือนตัวเอง เพราะอะไร คนที่ขโมยเงินคนอื่น ทุกคนเลย เขาทำเพราะความต้องการทางร่างกายเท่านั้น เช่น เอามากิน เอามาซื้อบ้าน ซื้อรถ รักษาตัว แก้ปัญหาธุรกิจ เลี้ยงลูกเมีย ลงทุน ใครจะขโมยเงินมาทำบุญ เพราะจิตสำนึกของมนุษย์ทุกคน เขารู้ว่า การขโมยของมันเป็นบาป เอาของบาปไปทำบุญ ยังไงก็ไม่มีทางได้บุญหรอก อย่าบอกว่าแยกกัน จริงอยู่มันแยกกัน แต่มันจะหักล้างกันไปหมด คนถูกโกง ก็ไม่มีใครที่คิดว่าเขาโกงเพื่อเอาไปทำบุญ เพราะมันเป็นเรื่องที่ไร้ตรรกะสวนกับสภาพความคิดของมนุษย์ทั่วไป การเอาเงินบาปมาทำบุญแล้ว ไปบอกใครๆว่า ขโมยมาทำบุญ นี่มันยิ่งกว่าคนปัญญาอ่อนไปแล้ว ดังนั้น คนถูกโกง ก็เลยมาโวยกับวัดหรือหลวงตา หลวงปู่ ไม่ได้ เพราะมันไม่มี แต่สหกรณ์ออมทรัพย์ของต้นทาด มันออกเป็นเช็คของสหกรณ์ เขียนชัดเจนว่าผู้รับเป็นใคร แล้วมันไปเป็นพันล้าน ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่หลายครั้ง และ เช็คหลายใบด้วยซ้ำ มีที่ไหนกล้าทำแบบนี้ล่ะ ดังนั้น คำถามว่า ทำไม หลวงตา หรือ วัดไหนๆ ที่คนบริจาคเยอะแยะ ถึงไม่มีเรื่องจัญไรแบบนี้ แน่นอน ไม่มีหรอก เพราะคนทั่วไป เขาบริจาคนั้นเขารู้ว่าต้องใช้เงินที่บริสุทธิเท่านั้น ถามว่าทำไม ต้นทาดนี่ถึงมีเรื่องจัญไรแบบนี้ ก็ต้นทาดดันไปเป็นเจ้าของสถาบันการเงินที่ระดมทุนจากแมงเม่าไง ถ้าเป็นคุณๆท่านๆ ลงทุนเอง ท่านจะกล้าเอาเงินไปถวายให้วัดมากมายขนาดนั้นหรือเปล่าล่ะ นี่ล่อเกลี้ยงเลยนะ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง คุณๆจะเอากระดูกไปแขวนคอ จนติดคุกขนาดนั้นหรือเปล่า คุณกล้าทำเพราะ มันเป็นคำสั่งของนายจ้างคุณเท่านั้นแหละ เพราะคุณไม่ใช่คนลงทุนเอง เงินของต้นทาดเค้า เค้าอยากเอาก็ต้องประเคนให้เค้าแล้วคิดว่า ต้นทาดจะเอาเงินส่งกลับมาให้ สหกรณ์ทันเวลา ใช่ไหมล่ะ เล่านิทานมาตั้งนาน ก็เพื่อจะบอกว่า คนชั่วโกงเงินคนอื่น ไม่ใช่เพื่อมาทำบุญ มันมีจุดประสงค์ทางกายภาย ดังนั้น ที่ศุภชัย มันเอาเงินออกจากสหกรณ์นั้น มันมีวัตถุประสงค์ ไม่ใช่เพื่อการทำบุญหรอก และถ้ามันไม่ได้ผลประโยชน์จากเงินก้อนนี้ แสดงว่า มันทำตามคำสั่งของคนอื่นที่เป็นนายจ้างมันนั่นแหละ
กลุ่มชาวพุทธรักอลัชชี เอ้ย สันติ เรียกร้องให้ดีเอสไออย่าเอาผิดเจ้าสำนัก http://www.dailynews.co.th/politics/396867
ดีเอสไอ ออกหมายเรียกทนายของวัดธรรมกาย ให้เข้ามาเป็นพยานคดีฟอกเงิน หลังพบว่าถือหุ้นแทนอดีตประธานสหกรณ์คลองจั่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้ออกหมายเรียกให้ทนายความของวัดธรรมกาย สัมพันธ์ เสริมชีพ มาให้ปากคำฐานะพยานคดีฟอกเงิน กรณีนำเงิน 840 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินในกรรมสิทธิของบริษัท เอ็ม-โฮม เอสพีวี และก่อนตกลงซื้อขายให้กับอดีตประธานสหกรณ์คลองจั่น ศุภชัย ศรีศุภอักษร ในเวลาต่อมา โดยนายศุภชัย ไม่ได้โอนกรรมสิทธิที่ดินและหุ้นบริษัทให้กับสหกรณ์ แต่กลับทำเอกสารให้นายสัมพันธ์ และพวก ถือหุ้น บริษัท เอ็ม-โฮมฯ แทน อ้างว่าเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร หลังจากนั้น ได้ทำเอกสารขอให้นายสัมพันธ์ กับพวก โอนกรรมสิทธิที่ดินคืนให้กับนายศุภชัย โดยอ้างว่าได้ตกลงซื้อ กรรมสิทธิ์ที่ดินจากสหกรณ์แล้ว แต่ดีเอสไอพบว่า เป็นการดำเนินการโดยนายศุภชัย เพียงลำพัง และไม่ได้รับมติคณะกรรมการบริหารสหกรณ์ฯ
ก็น่าสงสารนะครับ อุตส่าห์ลงขันกันเกือบ700ล้านคิดว่าจะจบคดีได้ กลายเป็นว่าเงินก็จ่ายให้สหกรณ์คลองจั่นไปแล้วแต่เจ้าลัทธิยังไม่หลุดจากวิบากกรรม ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มฯฟังดูตลกดี รวมพลังกันมาห้ามเจ้าหน้าที่ไม่ให้ทำหน้าที่ตามกฏหมาย
ตามข่าวบอกโกงไปพันกว่าล้าน จ่ายคืนแค่หกร้อยเจ็ดร้อยล้าน แถมเงินที่จ่ายไปรีดสาวกมาจ่ายอีก นี่ตลกร้ายเลย
