อ๊ะฮ่า...แฮ่มมม... ***** ***** ***** ที่มา :ไทยรัฐ : 6 มีนาคม 2560 ***** ***** ***** แก้เก้อ รายวัน...
ลัทธิไพร่แดง แก๊ง นปช. ขี้ข้านายใหญ่หนีคุก ตอนวงแตกเป็นยังไง ชาวธรรมกลาย หัวๆแถวที่เสพติดบุญจากการลงทุน ก็น่าจะได้รับการดูแล ติดตามดูสภาพจิตใจ ตลอดไปจนถึง ทรัพย์สิน ที่ดิน บัญชีเงินฝาก ปัจจัยบริจาคตามที่ต่างๆ ว่า…ไอ้ที่รับๆกันไปลงทุนนั่น รับจากสายไหน ฟอกได้สะอาดดีแล้วหรือไม่? ส่วนคนไหน ที่มีปัญหาทำใจไม่ได้,ออกอาการ ตีอกชกตัว หรือพูดอะไรมั่วๆ ทำให้คนอื่นๆเสียหาย จนท.ก็น่าจะเชิญตัว ให้ได้รับการปรับทัศนคติต่อไป... ถ้าเป็นโล้นห่มเหลือง ก็ขอให้เปลี่ยนสีผ้าไปซ๊ะ... ***** ***** *****
. ....โบกบินไปแล้วหรือ ..ไชยบูลย์ อาดูร สิ้นสูญเสียดายใจปอง โอ้ ..ไชยบูลย์ เสียงทอง เจ้าลืมหอห้องกรงทองสิ้นแล้วหรือนี่ ...เจ้าทรนง หลง เริงลมบน ดิ้นรน อำลาหาทางเสรี ปีกเจ้ายังอ่อนเพียงนี้ เพียงพอหรือที่ หลบหนี ดีเอสไอ ...โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล เจ้าอาจแหลกราน เมื่อมีภัย เสียงหวานๆ จีวรสวยๆ ช่วยอะไรไม่ได้ เจ้าไม่ปลอดภัยเสมือนใน ก ร ง ...โบกบินไปแล้วหนอ ..ไชยบูลย์ อาดูร อาลัยหัวใจพะวง โอ้ ..ไชยบูลย์ บินหลง เพราะทรนง แล้วคงรู้ตัว ..รู้ตัว รู้ตัว ..เมื่อ ชั่ว ช้ำ เอยฯ ..................................................... ...
เราควรใช้เงินอย่างมีเกียรติ ไม่อุดหนุนผู้ที่เคยสนับสนุนลัทธิกาฝากพุทธศาสนา เยลลี่ที่ชื่อยี่ห้อแปลว่า ราชินี ชายี่ห้อหนึ่งที่โลโก้เป็นรูปอวัยวะทำท่า Like และนมถั่วเหลืองที่รสธรรมดาเป็นกล่องสีฟ้าๆ ผมไม่ซื้อกิน ลองพิมพ์ชื่อยี่ห้อ แล้วต่อท้ายว่า DMC ในคำค้นภาพจากกูเกิลละกัน
โว๊วววววววววววววววววววววววววววว ดราม่ากันใหญ่เลยวุ๊ย มาม่า ปลากระป๋องไม่ต้องแระ ข้าวเปล่ากะน้ำปลานี่แหระ
เมื่อคืนดูข่าวรอบดึกเห็นธรรมกายอ้างว่า สาเหตุของการขุดค่ายคูประตูเมืองเพื่อป้องกันการบุกรุกของกลุ่มคนไม่ทราบฝ่าย อ้างว่า มีการบุกรุกไปที่อาคารทรงกลมช่วงใกล้เช้า ถ้าจริง แสดงว่า จนท.มีความพยายามเข้าไปจริง แต่ไม่สำเร็จ ? สมมุติว่า มีประกาศตามอีกฉบับจะเป็นไงนะ ยุบเลิกวัดธรรมกาย
เอ้าเรื่องขุดคู ดราม่าใหม่เป็นเพราะกลัวน้ำท่วมเหมือนปี 54 ถ้าจนปัญญาจะอธิบาย แถกเรื่องอื่นเถอะครับ นี่มันเข้าหน้าแล้งแล้วนะ
มันแก๊งเดียวกันไม่ใช่เหรอครับ แต่ช่วยกันทำเลวเพื่อฮุบประเทศ คนหนึ่งต้องการเป็นใหญ่ทางโลก อีกคนต้องการเป็นใหญ่ทางธรรม ทางโลกเป็นสัมภเวสีไปแล้ว ส่วนอีกคนกำลังจะตามไป
“สำหรับขั้นตอนหลังจากที่ได้มีการถอดสมณศักดิ์ ของพระธัมมชโย ออกไปแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของทางพระ ซึ่ง พศ. ได้ทำเรื่องชี้แจงหารือไปยัง มส. ก็เปรียบเหมือนส่งเรื่องให้ศาลพระ ในการพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะมีขั้นตอนการอุทธรณ์ และอะไรอีกหลายอย่าง แต่ถ้าตัวไม่ออกมาก็จะทำอะไรได้ ปัญหาอยู่ที่ตัวคนเท่านั้นเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/743904 ............................................. จับสึกหรือยุบเลิกวัดหนอ
ตลกดีนะ พวกปากบอกศรัทธา อย่ากลั่นแกล้ง แต่ยังเล่นเน็ตกันสนุกสนาน แล้วทำเหมือนปูที่ควรจะหาหลักฐานมาเพิ่มกลับมัวแต่ฟลัดข้อแก้ตัวได้ทุกวัน ทั้งที่พวกธัมมี่ขอร้องบอกมาช่วยกันที่วัดหน่อย ด๊อกโส -ไม่ไป มือด้วน - ไม่ไป ปีเตอร์ - ไม่ไป นปช. - ไม่ไป แนวร่วมปชต. - ไม่เห็นแม้เงา ม.44 นะเออ ไม่สนหน่อยเหรอ ร่าน - เงียบ เข้าใจละ ที่โกหกเรื่องทางเข้า-ออก นี้ใช้อ้างไม่ต้องไปซินะ แต่จริงๆยืนช่วยข้างนอกก็ได้นี้หน่า
พระสนิทว่าบิดเบือนพอแรงแล้ว แต่พระองค์นี้เลวร้ายกว่าสนิทวงศ์หลายเท่า บอกว่ามาสวดมนต์ แล้วป้ายที่ชูอยู่ข้างจะตอบว่าอย่างไร เป็นพระแต่มุสาโกหกบิดเบือนพูดเท็จรายวัน ยังสมควรที่จะใช้คำว่าพระนำหน้าอยู่หรือ บวชเรียนจนเป็นถึงพระปลัดแต่พฤติกรรมยิ่งกว่าเณร นี่หรือพระที่คนจังหวัดชัยนาทบอกว่าเป็นพระดี ส่วนตัวผมไม่เคารพนับถือว่าคนพวกนี้เป็นพระเพราะแค่ศีล5ยังปฏิบัติไม่ได้เลย หลอกคนชัยนาทจนเชื่อทั้งจังหวัดสร้างภาพว่าเป็นพระดี สุดท้ายก็เป็นได้แค่อลัชชี อายแทนคนชัยนาทที่หลงกราบไหว้ ให้ความเคารพนับถือพระแบบนี้มานาน
ตามข่าว เมื่อกี้นี้ 8มีค. 11.20 จากปาก พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ พูดให้สัมภาษณ์เอง ว่าได้รับตัวไอ้แสบสัน ไปดำเนินคดี และได้นำตัวไปฝากขังแล้ว ขณะนี้ (12.15น.) พระอาจารย์แสบสัน กำลังลุ้นว่าศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ ถ้าไม่ได้ประกันตัว ก็จะต้องถูกจับสึก
จิตนิ่ง... เอ่อ…นอกจากงาน ป้องกันน้ำท่วม ผมว่า ยังมีบางส่วน ที่มีอาการเกี่ยวกับจิตในช่วงนี้ด้วยน่ะครับ บางที พวกเธออาจต้องการยา... ***** ***** ***** ***** ***** *****
กรณีพระเสกสรรค์ก็คือ รอว่าศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ แต่ข่าวนี้ Thai PBS News 8 มี.ค. l 14.00 น. รายงานสดจาก กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 โฆษก DSI ยอมรับมีการจัดเตรียมสถานที่เพื่อควบคุมและสอบปากคำพระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือ พระธัมมชโย และยืนยันภายในสัปดาห์นี้จะมีการตัดสินใจบางอย่างที่เด็ดขาด .......................................................... แสดงว่า เช็คสถานที่แน่นอนแล้วว่า อยู่จุดไหนและเตรียมบุกจับ ? เห็นบางข่าวลงว่า จะจบใน 5 วัน ด้วย
Sirisak Borisutsawat หลวงปู่พุทธะอิสระฮาได้อีกกับวาทะที่ว่า... "มึงลงจากสวรรค์มาปราบมาร...แต่กูนี่ล่ะขึ้นจากนรกมาปราบมึง...!!!"
DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (8 มีนาคม 2560) พระปลัดเสกสรรค์ อัตตทโม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ตามหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ต่อมาพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาและยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลจังหวัดธัญบุรีได้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่า 1. ต้องไม่อยู่ในพื้นที่ควบคุมตามคำสั่งหัวหน้า คสช. 2. ต้องไม่ให้สัมภาษณ์หรือกระทำการใดๆ ที่ฝ่าฝืนข้อห้ามตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นจะเพิกถอนสัญญาประกัน และจะไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวอีกต่อไป ..................................................... ก็น่าจะให้ประกัน เพราะข้อหาไม่มากมายอะไร แต่ต้องดูว่า จะฝ่าฝืนเงื่อนไขประกันหรือเปล่า
เหมือนกันไปหมด...ทั้งบ่าว ทั้งนาย พูดง่าย แต่(ยอม)ตาย(จริง)ยาก... ล่าสุด ออกมา"ขู่" ว่า…"อย่าให้หมดความอดทน"... http://www.matichon.co.th/news/489496 ***** ***** ***** ม่ายรู้ "บีบน้ำตา" ต่อหน้าสื่อ พอลับหลัง ก็แสยะยิ้ม เย้ยพวกนักข่าวขี้ข้าหน้าโง่ เหมือนสมัยยัยปูเน่านั้น ด้วยหรือเปล่า?... ผมวา ไม่ต่างกัน..."คนพูดโกหก ไม่ทำชั่วอื่น ไม่มี" หรือเพื่อนๆว่าไง?
ฟาส ซีโฟร์ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ จะยังไง ก็คุกซิค่ะ...!!@!! 13.50 น. ดีเอสไอนำชุดปฏิบัติการพิเศษเข้ามาประชิดพื้นที่ #ธรรมกาย บริเวณสะพานข้ามคลอง3 เชื่อมประตู4 เกิดการปะทะเล็กน้อย ตร.โดนผลักตกสะพานบาดเจ็บ จำนวนหลายนาย
ดาริน กานต์ DSI จ่อเรียก 'อลิสา อัศวโภคิณ' เจ้าของที่ดิน60ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารบุญรักษา.... ข้อหาสนับสนุนให้มีกิจกรรมในพื้นที่ควบคุม ตามมาตรา44.... #NationTV
ดาริน กานต์ มหาเถรสมาคมจะประชุม เสนอสึก "ธัมมชโย"..... พรุ่งนี้... (10 มี.ค.)...!! ประตูไหน เปิดรับบ้าง ขึ้นไปถวายข้าว ก้อไปแล้ว ขอเข้าประตูแดน 4 ทำไมจะเข้าไม่ได้
ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ กับแนวทางการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินวัดและพระภิกษุ และ ร่าง พ.ร.บ.สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ ที่กำลังมาแรงและเป็นเรื่องร้อนในหมู่พระสงฆ์อยู่ในขณะนี้ เปิด 2 ร่าง กม.ประเด็นร้อนในหมู่สงฆ์ประเด็นแรก ในเรื่องการจัดการทรัพย์สินของวัด นั้น ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินวัดและพระภิกษุ ได้กำหนดให้แต่ละวัด มี "คณะกรรมการจัดการทรัพย์สินของวัด" และคณะกรรมการจัดการทรัพย์สินฯ ต้องจัดทำงบบัญชีทรัพย์สินของวัดตามหลักการบัญชีตามมาตรฐานสากล โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน, งบรายได้ค่าใช้จ่ายและงบกระแสเงินสดทั้งรายเดือนและรายปี ผ่านการตรวจสอบบัญชีจากผู้ที่ได้รับใบอนุญาตรับรอง ทั้งนี้ทรัพย์สินของวัดให้หมายความรวมถึง ทรัพย์สินของมูลนิธิหรือองค์การที่จัดตั้งขึ้นโดยวัดหรือเกี่ยวเนื่องกับวัดด้วย นอกจากนี้ "คณะกรรมการจัดการทรัพย์สินของวัด" จะต้องส่งงบบัญชีให้ "สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ " และสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณชนในท้องที่ซึ่งวัดนั้นตั้งอยู่ ประเด็นที่สอง การจัดการทรัพย์สินของพระภิกษุ ร่าง กม.ฉบับนี้ กำหนดว่า ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างที่อยู่ใน"สมณเพศ" ให้ถือเป็นทรัพย์สินของวัดที่พระภิกษุนั้นสังกัดอยู่และเมื่อพระภิกษุรูปนั้นพ้นจากความเป็นพระภิกษุหรือมรณภาพ ให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นทรัพย์สินของวัดที่พระภิกษุนั้นสังกัดอยู่ รวมทั้งพระภิกษุต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินที่พระรูปนั้นได้รับให้คณะกรรมการจัดการทรัพย์สินของวัดที่ตนสังกัดอยู่ทราบทุกปี (ปัจจุบันทรัพย์สินที่พระภิกษุรูปใดได้รับในขณะบวชเป็นพระอยู่ พระรูปนั้นสามารถนำทรัพย์สินที่ได้รับไปจำหน่าย จ่ายโอน หรือทำพินัยกรรมยกให้บุคคลใดก็ได้) ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดในบางวัดดำเนินการโดยเจ้าอาวาสรูปเดียว ไม่เปิดเผย ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ เป็นช่องทางให้มีการนำทรัพย์สินของวัดไปใช้ในทางมิชอบ ส่วนพระภิกษุ ก็มีจำนวนไม่น้อย ที่นำเงิน ทรัพย์สินที่มีผู้ทำบุญ บริจาคให้ นำไปใช้ส่วนตัว ส่วนร่างกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง คือ ร่าง พ.ร.บ.สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ โดยร่าง กม.ฉบับนี้ กำหนดให้มีสภาพุทธบริษัทแห่งชาติ จำนวนไม่เกิน 36คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี โดยสมาชิกสภาฯ มีทั้งพระภิกษุผู้ทรงคุณวุฒิจากธรรมยุตินิกายและมหานิกาย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพระธรรมวินัย,อาจารย์ผู้สอนวิชาพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ "สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ" จะเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตีความพระธรรมวินัยเพื่อให้เป็นไปตามหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ไม่ให้มีผู้นำคำสอนของพระพุทธเจ้าไปบิดเบือน เพราะปัจจุบันมีการบิดเบือนตีความพระธรรมวินัยการทำบุญทำทานผิดจากคำสอนของพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยนไปเพื่อมุ่งแต่ลาภสักการะ อาจจะเป็นการหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อนำเงินมาบริจาคเป็นธุรกิจหารายได้จำนวนมหาศาล สร้างความเสียหายให้กับหลักการของพระพุทธศาสนา นอกจากนี้"สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ" ยังมีหน้าที่รวบรวมและเผยแพร่พระธรรมวินัยที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน โดยสรุป "สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ" จะทำหน้าที่เหมือน "คณะกรรมการกฤษฎีกา" ซึ่งเมื่อมีคำวินิจฉัยหรือให้ความเห็นหรือให้คำแนะนำเรื่องใดไปแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นๆ ต้องนำไปปฏิบัติ และคำวินิจฉัยสามารถนำไปอ้างอิงเป็นทางการได้ และหากร่าง พ.ร.บ.สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมาย ในทางปฏิบัติ "สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ" ก็จะมีการตั้ง "คณะวินัยธร"ขึ้นมาทำหน้าที่ตัดสินข้อร้องเรียนที่เกี่ยวกับพระสงฆ์ ซึ่งในการวินิจฉัย "คณะวินัยธร" ก็จะยึดเอาตามการตีความ หรือคำวินิจฉัย หรือความเห็น ที่ "สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ" ได้เคยให้ไว้ แต่ถ้าเรื่องร้องเรียนนั้นเป็นเรื่องใหม่ "คณะวินัยธร" ก็จะถามความเห็นไปที่ "สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ" ซึ่งเมื่อ "สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ " มีคำนิจฉัยหรือให้ความเห็นว่าอย่างไร "คณะวินัยธร" ก็จะตัดสินไปตามนั้น หาก"คณะวินัยธร" ตัดสินว่าพระรูปใดต้องพ้นจากความเป็นสงฆ์ พระรูปนั้น ยังสามารถอุทธรณ์ต่อ"คณะวินัยธร" ได้อีกครั้ง แต่ถ้า" คณะวินัยธร" ยังตัดสินให้พ้นจากความเป็นสงฆ์เหมือนเดิม คำตัดสินของ"คณะวินัยธร" เป็นที่สุด ดังนั้น"คณะวินัยธร" จึงเปรียบเสมือน"ศาลสงฆ์" ซึ่งหากฝ่าฝืน ไม่ยอมสึก ก็จะมีความผิดฐานแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ซึ่งมีโทษทางอาญา สำหรับร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินวัดและพระภิกษุ แน่นอนว่า วัดและพระที่มีผลประโยชน์มาก มีทรัพย์สินสะสมมาก ย่อมไม่พอใจ ส่วนร่าง พ.ร.บ.สภาพุทธบริษัท ที่มีการตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาตีความพระธรรมวินัยนั้น ก็อาจถูกตั้งคำถามว่าเป็นใครกัน ที่จะมาผูกขาดตีความพระธรรมวินัยคำสอนพระพุทธเจ้า ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องจับตาต่อไปว่า เมื่อร่าง กม.ทั้งสองฉบับนี้ ได้มีการเสนอต่อนายกฯ และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว จะได้รับการผลักดันต่อเพื่อออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไปหรือไม่ วันนี้เราจะย้อนกลับไปดูเหตุที่พระธัมมชโยไม่อาบัติปาราชิกตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณ สังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ เนื่องจากยังมีหลายมุมมองของนักวิชาการด้านศาสนาที่เห็นว่าพระธัมมชโย อาบัติปาราชิกไปแล้วตั้งแต่ปี 2542 ตามพระลิขิต ทั้ง 5 ฉบับของสมเด็จพระสังฆราช เสมือนพระบัญชาที่วินิจฉัยให้ต้อง อาบัติปาราชิก ติดตามจากรายงาน นายกรัฐมนตรีออกมาย้ำอีกครั้งว่า กรณีปัญหาของวัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องหารือร่วมกันเพื่อยุติความขัดแย้งให้ได้ โดยที่กฎหมายยังต้องคงอยู่ รวมทั้งอย่ามาใช้วิธีข่มขู่รัฐบาลในทุก ๆ เรื่อง เราต้องไม่ยอมให้คนที่พูดแบบนี้ได้มีที่ยืนอีก รายงานพิเศษ : เปิดร่างกม."จัดการทรัพย์สินพระ-วัด ยุติปมขัดแย้งพระพุทธศาสนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดีเอสไอ ตำรวจ และทหาร เจรจาลับๆ กับฝ่ายวัดพระธรรมกาย ยินยอมให้ตรวจค้นทั้งอาคารบุญรักษา และอาคาร 100 ปี จะเริ่มตรวจค้นพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) ตั้งแต่เวลา 08.00 น. และหากวัดพระธรรมกายผิดเงื่อนไข ก็อาจส่งผลให้การขีดเส้นตรวจค้นให้เร็วขึ้น แต่ไม่ชัดเจนว่าร่อาจจะพรุ่งนี้เลย หรืออาจจะภายในสัปดาห์นี้ http://news.thaipbs.or.th/content/260751 ......................................................