วันที่ 15 กรกฎาคม 2558 หน่วยงานนี้ได้ยุบรวมกับ องค์การสวนยาง และ สถาบันวิจัยยาง เป็น การยางแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ตาม พระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ************************************************************************ ถึงยุบรวม แต่ละหน่วยงาน ก็ยังแยกกันทำงาน ทางหน่วยเหนือของสกย.(สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง)ให้นโยบาย ว่าให้แต่ละสาขาคิดโครงการ หาแหล่งรายได้ เพื่อมาใช้จ่าย ผมบอกภรรเมีย(พนักงานของสกย.)ว่า ทำไมไม่คิดเรื่องอาชีพเสริมให้ชาวสวนยาง โดยยึดหลักเกษตรอินทรีย์ กินเองก็ดีทั้งประหยัดและปลอดภัย เหลือขายได้ก็ยิ่งดี เพราะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค แหล่งรายได้ของสำนักงานคือหาสารชีวภาพ เช่นปุ๋ยอินทรีย์ จุลินทรีย์ที่ป้องกันโรคแมลง ฮอร์โมน ฯลฯจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ มาจำหน่ายให้เกษตรกร หรือสนง.ไปหาความรู้มาแล้วผลิตขายเอง โครงการนี้ถ้าสำเร็จในท้องที่ ก็สามารถกระจายออกไปได้อีก สกย.มีลูกค้าอยู่ทั่วประเทศ ภรรเมียผมไปบอกกับพนักงานที่รับผิดชอบ........ เขาบอกว่า เกษตรอินทรีย์มันยุ่งยาก ถ้าทำแบบนั้น ขายปุ๋ย(เคมี) ขายยา(ฆ่าโรค-แมลง)ง่ายกว่าเยอะ
5555 องค์กรแบบไทยๆครับ วันหนึ่ง หลายๆปีมาแล้ว มีเพื่อนเก่าโทรฯมาจากต่างจังหวัดว่าจะเข้ามากรุงเทพฯ คิดถึงและอยากเจอ ไปรับมันที่ดอนเมือง มันบอกว่าเพิ่งได้งบซื้ออุปกรณ์สำนักงานและจ้างบุคคลากรประจำสำนักงานอบต.มาหมาดๆ เรื่องบุคคลากร เมียมันบอกให้จ้างหลานเมียมาทำงานซึ่งมันก็จัดการตามคำสั่งเมียเรียบร้อยไปแล้ว คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะพร้อมอุปกรณ์มัลติมีเดียก็จัดซื้อจัดหาเสร็จสมบูรณ์ ที่ยังขาดอยู่คือหนังโป๊ ก่อนจะกินข้าวกินเหล้ากัน มันให้ผมพาไปหาซื้อที่พันทิพย์ก่อน
ผมคุยกับม้งทับเบิก เขาก้อคิดแบบนี้แหละครับ ทั้งปุ๋ยและยา อัดเต็มๆ เพราะราคามันดี แต่เขาบอกนะว่า ใช้ยาหนักช่วงหน้าร้อน หน้าหนาวแมลงน้อยแทบไม่ต้องใช้ ผมถามว่า ทำไมไม่ใช้ปุ๋ยหมัก เขาว่าเสียเวลา และเขาไม่กินเอง ขายอย่างเดียว
เห็นว่าหัวหน้าหน่วยงาน กำลังทำเรื่องตั้งงบ จัดอบรมและทัศนศึกษาให้แก่ชาวสวนยาง จากภาคใต้ จะจัดพาไปภาคเหนือ ในจังหวัดบ้านเกิดของหัวหน้าหน่วยงาน (อยากไปเยี่ยมบ้าน แต่ไม่อยากเสียตังค์) ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่ตัวเอง เฮ้อ.......เวร