ควายในที่นี้ไม่ได้หมาย สัตว์บกสี่ขามีกีบ แต่หมายถึงใครก็ได้ที่ชอบให้เค้าสนตะพายเอาไว้ใช้งาน การที่จะหลอกใช้ควายพวกนี้ ง่ายนิดเดียวครับ ทำเป็นภาพนิ่งมีตัวอักษรบรรยายประกอบสองสามประโยค เน้นความเท็จ หมกเม็ดความจริง ฉายซ้ำเรื่อยๆ ควายมันก็เชื่ออย่างสนิทใจแล้วครับ ตัวอย่างวิธีทำภาพหลอกควาย ง่ายมั้ยครับ เน้นอยู่สองคำ ไม่ผิด กับ ผิด อย่าไปอธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมถึง ไม่ผิด กับ ผิด เพราะเยิ่นเย้อมากไปควายตามไม่ทัน ตัวอย่างถัดมา สร้างความสะเทือนใจเข้าไว้ เอารูปแปะๆ ไม่มีปัญญาเขียนกาพย์ กลอน ก็พยายามเขียนข้อความให้คล้องจอง แล้วแปะตบท้ายคำกลอนเก๋ๆ แนะนำควรจะเป็นคำกลอนของพวกต้าน ๑๑๒ ถึงจะขลัง
บางครั้งก็ต้องหาโอกาสเน้นเรื่องสี"แดง"เข้าไว้ ไม่ต้องกลัวชาวบ้านด่านะครับว่า "งานศพบ้านพ่องมึงหรือถึงได้ใส่เสื้อแดงไปร่วมงาน" บางครั้ง เพื่อใส่ความว่ารัฐบาลเป็นเผด็จการจึงต้องอ้าง"ทหาร" ไว้ก่อน มีหรือไม่มีไม่ต้องใส่ใจ หากเกิดมีใครสงสัยก็ไม่รู้จะไปถามใคร และต้องอ้างแหล่งข่าวว่ามาจาก บีบีซี
ผมว่าจำนำข้าวไม่ผิด แต่มันผิดตรงที่บริหารจัดการไม่ดี แล้วเกิดความเสียหายเกินกว่าที่จะยอมรับได้ แถมไม่มีปัญญาจะรับผิดชอบด้วย.
16 ที่สุดของจำนำข้าว ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟชบุคถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า ได้ก่อให้เกิด 16 ที่สุดของจำนำข้าว 1. ใช้เงินซื้อข้าวมากที่สุด ตลอดระยะเวลาสองปีเศษ ของการดำเนินโครงการจำนำข้าว เท่ากับห้าฤดูการผลิตคือนาปี2554/2555 นาปรัง2555 นาปี2555/2556 นาปรัง 2556 และนาปี2556/2557 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องใช้เงินซื้อข้าวเปลือกสูงถึง 870,000 ล้านบาท มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ สิ่งที่น่าสนใจคือเงินมหาศาลถึงเกือบเก้าแสนล้านบาท ถ้าถึงมือพี่น้องชาวนาทั้งหมดจริง ชีวิตพี่น้องชาวนาต้องดีกว่านี้ แต่กลายเป็นว่าชาวนาส่วนใหญ่ยังลำบาก อย่างไรก็ตามถือว่า เป็นการใช้เงินซื้อข้าวมากที่สุดในประวัติการณ์ 2. ขาดสภาพคล่องเร็วที่สุด โครงการนี้ตั้งงบประมาณเงินกู้ไว้ 500,000 ล้านบาท ไม่รวมงบประมาณค่าบริหารจัดการและดอกเบี้ยรายปี หวังว่าจะบริหารโครงการให้ได้สี่ปี ด้วยการซื้อมาขายไป แต่เพราะทุจริต และขายข้าวไม่ได้ ไม่ทันถึง 2ปีก็ขาดสภาพคล่อง แทบจะปิดบัญชีวงเงินกู้ปลายเดือนธันวาคม 2556ไม่ได้ ที่สำคัญไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าข้าวชาวนาได้ ในรอบนาปี2556/2557ตั้งแต่1 ตุลาคม 2556เป็นต้นมา เพราะขาดสภาพคล่อง จึงถือว่าเป็นโครงการที่ขาดสภาพคล่องเร็วที่สุด 3. โกงมากที่สุด เป็นวิธีโกงตั้งแต่ลงทะเบียนชาวนา โกงต้นน้ำ โกงกลางน้ำและโกงปลายน้ำ ถือได้ว่า เป็นการทุจริตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย กระจายไปทุกกลุ่ม จากชาวนา เจ้าของโรงสี เซอร์เวย์ เจ้าหน้าที่คลังอคส.หรืออตก. เจ้าของคลัง ข้าราชการจังหวัด ข้าราชการระดับสูง และที่สำคัญคือขาใหญ่วงการข้าวและนักการเมือง 4.ทำลายส่งออกมากที่สุด ปกติแล้วข้าวไทยถือว่าดีที่สุดในโลก สถิติการส่งออกของข้าวไทยถือว่ามากที่สุด เป็นแชมป์โลกมาตลอด แต่เพราะจำนำข้าวทำให้การส่งออกตกจากอันดับหนึ่ง มาสู่อันดับสามรองจากอินเดียและเวียตนาม ถ้าคิดเป็นปริมาณก่อนดำเนินการจำนำข้าว ไทยเราส่งออกสูงถึง10.6 ล้านตัน หลังจากปีถัดมาที่ทำจำนำข้าว ตัวเลขส่งออกตกลงเหลือ6.9ล้านตัน ถ้าคิดเป็นเงินบาทลดลงจาก192,000 ล้านบาท เหลือ145,000 ล้านบาท ลดทั้งเม็ดเงินและปริมาณข้าว จึงถือว่าเป็นการทำลายตลาดและโอกาสการส่งออกข้าวไทยมากที่สุด 5.ชาวนาตายมากที่สุด ในอดีตแทบจะไม่เคยพบชาวนาฆ่าตัวตายเพราะนโยบาย เพราะจำนำข้าวที่ปล่อยให้ทุจริต ตั้งราคาไว้สูง ข้าวเสื่อมสภาพ ขายข้าวไม่ได้ เมื่อขาดสภาพคล่อง พี่น้องชาวนาต้องลำบาก เงินขาดมือ ถูกทวงหนี้สิน เครียด สุดท้ายฆ่าตัวตายรวมถึง16รายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 6.ใช้โกดังเก็บมากที่สุด เนื่องจากจำนำทุกเม็ด ข้าวขายไม่ได้ ที่เหลือจึงต้องเก็บไว้ พบว่ารัฐต้องใช้โกดังเก็บข้าวสารสูงถึง 1,800 โกดัง และไซโลระบบปรับอากาศอีก 137ไซโล มากที่สุดในการใช้โกดังเก็บข้าว(18ล้านตัน)ตั้งแต่มีประเทศไทยมา 7. ค่าใช้จ่ายจัดเก็บข้าวมากที่สุด ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้าวที่เป็นกระสอบ จะมีค่าขนลง ค่าตรวจคุณภาพ ค่าเก็บ ค่ารมยา ค่าประกันภัยน้ำท่วม คิดว่าเฉลี่ยตกประมาณ 100 บาทต่อตันข้าวสารต่อเดือน กรณีเก็บด้วยไซโลค่าใช้จ่ายตก1,092 บาทต่อตันต่อปี เฉลี่ยตันละ90บาทต่อเดือน คิดง่ายๆ ก็ตก100บาทต่อตันต่อเดือน ข้าว18ล้านตัน ตกค่าจัดเก็บประมาณเดือนละ 1,800ล้านบาท ปีหนึ่งนับหมื่นล้านบาท ถือว่ามากที่สุดที่เคยจ่าย 8. ใช้รัฐมนตรีดูแลมากที่สุด นอกจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกและประธานกขช. ในช่วงแรกมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายภูมิ สาระผล มาเปลี่ยนเป็นนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายยรรยง พวงราช รวมทั้งนายวราเทพ รัตนากร และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถือว่าเป็นนโยบายที่ใช้รัฐมนตรีดูแลมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่การป้องกันทุจริตกลับไม่ได้รับการแก้ไข 9.ชาวนาต่างชาติได้ประโยชน์มากที่สุด ถือว่าเป็นครั้งแรกที่นโยบายจำนำข้าวไทยกางร่มให้ชาวนาต่างชาติ เพราะข้าวไทยตั้งราคาสูง ทางจิตวิทยาข้าวต่างชาติก็ราคาสูงตามแต่ห่างจากราคาข้าวไทยสูงถึง150เหรียญ ทำให้ข้าวไทยขายไม่ได้เพราะราคาสูง ข้าวต่างชาติกลับขายดีโดยเฉพาะอินเดีย เวียตนาม แม้แต่กัมพูชา พม่าและลาว จึงถือว่านโยบายจำนำข้าวทำให้ชาวนาต่างชาติได้ประโยชน์มากที่สุด 10. มีข้าวต่างชาติส่งมาไทยมากที่สุด อดีตที่ผ่านมาไทยเราไม่จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ แต่เพราะรับจำนำสูงกว่าตลาดถึง50% จึงเกิดแรงจูงใจที่ข้าวต่างชาติถูกนำเข้ามาสวมสิทธิ์ในประเทศไทย ที่เห็นทั้งจากพม่า ลาว เขมร และเวียตนามผ่านมาทางเขมร จะเห็นว่าตัวเลขรายงานการส่งออกข้าวของเขมร พบว่าส่งออกข้าวมาประเทศไทยสูงเป็นอันดับสี่ของการส่งออก รวมทั้งมีการรายงานของสื่อต่างประเทศว่าข้าวเวียตนาม ข้าวพม่าและลาวที่มีการลักลอบส่งเข้ามาสวมสิทธิ์เข้าโครงการรับจำนำในประเทศไทย ถือว่าโครงการจำนำข้าวกลายเป็นแหล่งรวมข้าวของต่างชาติมากที่สุดที่เคยมี 11. หายนะต่อชาติมากที่สุด นับเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงของโครงการรับจำนำข้าว ที่มีตัวเลขความเสียหายไม่ต่ำกว่า500,000 ล้านบาท ยังไม่นับรวมค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กู้มาลงทุน 500,000 ล้านบาท และเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปี ค่าเสียโอกาสจากการส่งออกและเงินตราต่างประเทศที่ควรได้รับ ความเชื่อถือต่อภาพลักษณ์ข้าวไทยและการพัฒนาสายพันธ์ที่เกษตกรไม่สนใจ จึงถือว่าเป็นหายนะต่อชาติมากที่สุดที่เกิดจากการจำนำ 12. วิธีโกงซับซ้อนที่สุด นอกจากโกงมากทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ วิธีการโกงยังสลับซับซ้อน ใช้ตัวละครมาตบตาจำนวนมาก เช่นนายปาล์ม นายโจ หรือแม้แต่ใช้ตัวละครจากต่างประเทศเช่น GSSG รวมทั้งการโกงข้าวถุงก็ใช้บางบริษัทมาตบตาเพื่อให้เกิดความซับซ้อน หรือแม้แต่มีการนำนั่งร้านมาซุกในกองข้าว จึงถือว่าเป็นวิธีซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยพบ 13.ข้าวหายมากที่สุด ปกติแล้วข้าวสารที่เก็บไว้ในโกดังกลาง จะมีการล็อคกุญแจ 3 ดอก โดยเซอร์เวเยอร์ หัวหน้าคลังและตัวแทนจังหวัด ดังนั้นข้าวสารจึงควรที่จะครบ พบว่ารายงานของประธานอนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าว ได้รายงานการตรวจสอบและปิดบัญชีพบว่า ผลการปิดบัญชีเดือนมกราคม 2556 มีรายงานข้าวหาย 2.5 ล้านตัน เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม 2556 ตัวเลขรายงานข้าวหายสูงขึ้นถึง 2.98 ล้านตัน แทนที่รัฐบาลจะต้องรีบแก้ไขดำเนินการ กลับตั้งพล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมาตรวจ แต่แล้วก็ไม่ได้รายงานให้ประชาชนทราบและเรื่องก็เงียบไปนาน ในความจริงแล้วกรรมการที่มีอำนาจและได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากประธานกขช.ก็คือประธานอนุกรรมการปิดบัญชี ต้องถือว่าข้อมูลของอนุปิดบัญชีต้องเป็นข้อมูลทางการที่น่าเชื่อถือที่สุด แต่รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์กลับไม่พอใจผลดังกล่าว ดังนั้นจึงถือว่าผลการตรวจแสดงให้เห็นว่า มีตัวเลขข้าวหายมากที่สุด 14. ข้าวเน่าและเสื่อมสภาพมากที่สุด ได้รับการพิสูจน์รายวันที่คณะผู้ตรวจร่วมกับทหารตรวจโกดังและไซโลทั่วประเทศ แทบจะพบเห็นข้าวเน่า เหลือง ป่นเป็นแป้ง ข้าวจับเป็นก้อน กระจายไปทุกภาคของประเทศ จนคนในวงการข้าวบางท่านประเมินว่าข้าวดีกับข้าวต่ำมาตรฐานอาจสูงถึงสัดส่วน 50%ถ้าหากมีการตรวจอย่างละเอียด 15. ปกปิดมากที่สุด ไม่เคยมีนโยบายใดที่รัฐบาลปกปิดข้อมูลทุกอย่างมากเท่าครั้งนี้ ปกปิดตัวเลขข้าวในโกดัง การระบายข้าว ราคาที่ระบาย ปกปิดแม้แต่รายงานตัวเลขการส่งออกข้าว ปกติกรมการค้าต่างประเทศจะรายงานตัวเลขส่งออกข้าว แต่สุดท้ายถูกปกปิดหมด 16. ตอบคำถามไม่ได้มากที่สุด ปกติแล้วรัฐบาลจะต้องตอบคำถามฝ่ายค้านและฝ่ายตรวจสอบในประเด็นต่างๆในสภาหรือนอกสภา นโยบายนี้เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามใดๆของฝ่ายตรวจสอบได้เลย ทั้งการอภิปรายหรือกระทู้ แม้แต่การชี้แจงปปช.ก็ไม่สามารถชี้แจงได้ มีแต่วาทกรรม กล่าวหาว่าเร่งรีบ รวบรัด ไม่ได้ความเป็นธรรม http://www.isranews.org/isranews-article/item/31405-rice16_31405.html
เท่าที่ผ่านตา การจำนำข้าวในยุคก่อน รับจำนำเพียง 10% ของผลผลิต ไม่ใช่ข้าวทุกเม็ด เหมือนนโยบายยิ่งลักษณ์ และราคาจำนำ เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง เพื่อเป็นแรงจูงใจให้หันมาไถ่ถอน ไม่ใช่จำนำ ที่ความหมายที่แท้จริงคือ การขายขาดในราคาโคตรสูงกว่าราคาตลาด เหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่แน่ใจข้อเท็จจริงนะครับ
ใครต้นคิด... ทำไมต้องคิด"จำนำข้าว" ทวี มีเงิน ขณะ ที่ถกเถียงเรื่อง "จำนำข้าว" หน้าดำคร่ำเคร่ง แต่จะมีใครซักคนรู้ที่มาที่ไปว่าใครเป็นคนต้นคิดและทำไมต้องคิดขึ้นมา เพื่อให้รู้ที่มาที่ไปและเจตนารมณ์จริงๆ บังเอิญได้อ่านเอกสารของกรรมาธิการเศรษฐกิจวุฒิสภาโดย "นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ" อดีตรองกรรมการผู้จัดการธ.ก.ส.ให้ข้อมูลว่า การ รับจำนำข้าวเริ่มขึ้นเมื่อปี 2513-2514 "อาจารย์จำเนียร สาระภาค" ผู้จัดการธ.ก.ส.สมัยนั้นเห็นว่ามีข้าวออกมาใหม่ๆ ราคาจะตก ต้องรออีก 3-4 เดือนราคาจึงจะปรับตัวสูงขึ้น คนที่ได้ประโยชน์คือพ่อค้าคนกลาง ชาวนาจึงขายข้าวได้ราคาต่ำ กระทั่งในปี 2513 จึงมีนโยบายให้ชาวนาเอาข้าวมาจำนำกับธ.ก.ส. ซึ่งรับจำนำได้ไม่มากนัก แต่เพื่อให้เกษตรกรมีเงินมาแก้ไขหนี้นอกระบบก่อน ในปี 2517 "พลเรือเอกสนธิ บุณยะชัย" เป็นประธานกรรมการนโยบายข้าว ตอนนั้นราคาข้าวต่อเกวียนราคาไม่ถึง 2,000 บาท พ่อค้าคนกลางอ้างว่าราคาตลาดโลกตกต่ำ ธ.ก.ส.จึงเริ่มจำนำข้าวเพื่อดึงปริมาณข้าว (Supply) ออกจากตลาดทำให้ความต้องการ (Demand) เพิ่มขึ้น โดยมีเงื่อนไข เช่นการเก็บรักษาพืชผลจะต้องไม่สิ้นเปลืองมาก เก็บรักษาแล้วราคาต้องเพิ่ม และพืชผลต้องไม่เสียหายง่าย ต่อมาสมัย "พลเอกเปรม ติณสูลานนท์" เป็นนายกฯมอบหมายให้ธ.ก.ส.รับผิดชอบการรับจำนำข้าว โดยราคาจำนำต้องไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาตลาดและต้องมีการไถ่ถอนคืนไป ซึ่งได้ผลดีโดยตลอดทุกรัฐบาล จึงใช้มาตรการนี้เป็นมาตรการเสริมในช่วงที่ราคาพืชผลตกต่ำ ต่อมา กขช. (คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ) ใช้เงินกองทุนให้ธ.ก.ส.รับจำนำโดยรัฐบาลรับผิดชอบจ่ายดอกเบี้ยให้ธ.ก.ส.และ เพิ่มราคาจำนำจากร้อยละ 80 เป็นร้อยละ 90 เป็นร้อยละ 100 ของราคาตลาดโดยใช้โรงสีของเอกชนเก็บเพราะ ยุ้งฉางชาวนาไม่พอ ให้อ.ต.ก.กับธ.ก.ส.ออกใบประทวนไปกู้เงินจากธ.ก.ส. กระทั่งปี 2547-2548 รัฐบาล(ไทยรักไทย)ปรับราคาสูงขึ้นมาก เช่นข้าวหอมมะลิ 7,000-10,000 บาทต่อเกวียน ข้าวนาปี 5,300-6,600 บาท/เกวียน เมื่อ "พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์" เป็นนายกฯ เห็นว่าใช้งบประมาณมากค่าบริหารจัดการก็สูงจึงปรับราคารับจำนำลงทำให้ข้าวใน สต๊อก 9 ล้านตันเหลือเพียง 2 ล้านตัน ในปี2551-2552 ราคาเพิ่มขึ้น คงมีสต๊อกเพิ่มเป็น 4 ล้านตัน สำหรับการจำนำข้าวในปี 2554-2555 ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์รับจำนำสูงกว่าราคาตลาดมากและเป็นการรับจำนำทุกเมล็ดไม่ จำกัดจำนวน ถือว่าพลิกโฉมการรับจำนำครั้งใหญ่ นี่คือที่มาที่ไปเริ่มต้นช่วยชาวนาลงท้ายด้วยการหาเสียง...อันนี้ผมว่าเอง http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU1qUTNNek0yTWc9PQ==
กฏหมาย ไม่รับ คำพิพากษาศาล ไม่รับ องค์กรอิสระ ไม่รับ รัฐธรรมนูญ ไม่รับ กปปส 5ล้าน ไม่รับ คสช. ยอมรับ แพ้เป็นนี่ “ตั้งแต่มีการชุมนุมของ กปปส. ทำให้เศรษฐกิจของประเทศทรุดตัวลงเรื่อยๆ และเมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจ ก็ยังทำให้ภาพรวมของประเทศเสียหายลง อย่างไรก็ตามเมื่อขณะนี้จะมีรัฐบาลชุดใหม่แล้วก็ต้องให้โอกาสเขาทำงานไปหากเราไปขัดขวางก็จะกลายเป็นว่าไม่ให้ความร่วมมือกับประเทศ อะไรที่จะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องได้ก็ควรให้การสนับสนุน อะไรที่จะเป็นประโยชน์ของประเทศก็ควรให้ความร่วมมือกับเขา ให้โอกาสเขาได้ทำงานอย่างเต็มที่” .... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1pkSZb2
มาหลอกควายกันต่อครับ ภาพที่จะโพสต์นี่ต้องสัมพันธ์กับหัวข้อนะครับ"ฟ้องด้วยภาพ...ปีท่องเที่ยววิถีไทย รอคนมาเที่ยว....เลิกเถอะกฎอัยการศึกน่ะ" เห็นมั้ยคนโหรงเหรงเลย เพราะเรากำลังหลอกควาย ภาพชัดเจนแบบของไทยรัฐเนี่ยไม่เอานะ คนมันเยอะไปไม่สัมพันธ์กับพาดหัว
หากเสรีภาพอยู่ในมือคนเลี้ยงแกะ ความฉิบหายในสังคมก็จะมาเยือน แต่เนื่องจากอคติบังตา จึงเต็มใจเชื่อแบบไม่มีข้อแม้
สมัย บิดาแห่งประชาทิบตัยของกระผม ทำก็ไม่ผิด นะฮะ พวกสลิ่มอำมาตย์นี่ชั่วร้ายจริงๆ เหยียดเพศ ประชาทิบตัยตัวแม่ของผมได้
หลอกควายด้วยจดหมายสนเท่ห์ ทำลายความน่าเชื่อถือ แค่นี้ขี้คร้านควายมันจะนำไปแชร์แล้วก็เฮฮาสนุกสนาน ตัวอย่าง จดหมายสนเท่ห์ฉบับนี้เป็นฉบับที่สอง อย่าลงชื่อจริงนะครับ เดี๋ยวเค้าจะรู้ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามส่งมา เสร็จแล้ว แล้วก็เอาไปแปะไว้ในพันทิป แบบนี้ครับ http://pantip.com/topic/33114515
สติปัญญาขั้นพื้นฐานของสัตว์สี่เท้ามีกีบชอบเคี้ยวเอื้อง จะไม่มองข้อเท็จจริงอยู่แล้น ขอแค่มีหญ้ากินไปวันๆก็พอ พูดแล้วน้ำตาจิไหล.....
กรุงเทพฯ 18 ม.ค. –วันสุดท้ายของงานท่องเที่ยววิถีไทย ที่สวนลุมพินี ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุ ได้รับผลตอบรับเกินคาด เงินสะพัดภายในงานกว่า 100 ล้านบาท บรรยากาศงานท่องเที่ยววิถีไทย ที่สวนลุมพินี ซึ่งจัดมาตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม และจัดเป็นวันสุดท้ายในวันนี้ ยังมีประชาชนและนักท่องเที่ยว มาเที่ยวชมงานจำนวนมาก ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวว่า ได้รับผลการตอบรับจากผู้เข้าชมงานจำนวนมาก ถึงวันละเกือบ 1 แสนคน ทำให้มีเงินสะพัดภายในงานกว่า 100 ล้านบาท หลังจากนี้ จะเดินหน้าจัดกิจกรรม อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดคาราวาน รถบัสพาเที่ยว “12 เมืองต้องห้ามพลาด” เพื่อเที่ยวชมสัมผัสวิถีชีวิตผู้คนใน 12 เมือง นอกจากนี้ ยังเร่งให้ผู้ประกอบการยกระดับคุณภาพ และควบคุมราคาสินค้าของขวัญของฝาก เพื่อให้การท่องเที่ยวมีมาตรฐานในระดับสากล ด้านสวนดุสิตโพล สำรวจความเห็นประชาชนต่อการจัดงานท่องเที่ยววิถีไทย พบว่า ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการใช้รอยยิ้มไทยกระตุ้นการท่องเที่ยว และจัดงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นที่กังวล คือ เรื่องความปลอดภัย สถานการณ์ความไม่สงบของบ้านเมือง และการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว. -สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/2015/01/18/งานท่องเที่ยววิถีไทยสำ/ ********************************************** ก็ไม่รู้ซินะ
ยังดีบางคน รู้ทั้งรู้ว่า ผรม ไม่ทำงานต่อแล้ว เจ้าของงานต้องยกเลิกสัญญา และดำเนินการฟ้องร้อง แต่นี่ ขยายสัญญา แถมลดค่าปรับจากการทำงานช้ากว่าวันส่งมอบงาน กรูล่ะงง คนของรัฐ
เท่าที่เห็น สื่อที่นำเสนออกมานั้น มาจากระดับแกนนำ ที่คอยบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ส่งข่าวให้ระดับล่าง เห็นว่า แกนนำยังมีตัวตนอยู่ ยังดำเนินกิจกรรมอยู่ ให้นำข้อมูลไปเผยแพร่ ต่อๆกันไป อยากให้ คสช และ ไอซีที จัดการกับพวกนี้อย่างจริงจัง เรียกมาปรับทัศนคติ อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เอาจริงกับขบวนการ บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร จัดการที่ต้นตอ ดีกว่าปล่อยให้พี่น้องเสื้อแดงเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ แล้วจะสายเกินกว่าจะกลับตัวกลับใจ ไม่ทำตอนนี้ ในช่วงเวลาแบบนี้ แล้วจะทำตอนไหน...
การหลอกควาย สิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวังก็คือการ"ผิดคิว" บางครั้งจะหลอกด่าเอามันส์ แต่ดันด่าพวกเดียวกันเอง ตัวอย่าง จะด่า"ทหาร" แต่ดันเอา"สมุน"ขาห้าวของไอ้แม้วมาประจานซะงั้น
