ผมเห็นด้วยกับท่านวสิษฐ ตรงสรุปครับ วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 16:16:25 น. ผมได้เคยเขียนไว้แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มิได้เป็นแต่เพียงนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยแต่เพียงตำแหน่งเดียว แต่ยังเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วย และหัวหน้า คสช.ก็คือหัวหน้าคณะนายทหารและตำรวจที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจการบริหารประเทศจากรัฐบาลชุดที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เพราะฉะนั้นเวลา พล.อ.ประยุทธ์พูดหรือปราศรัย ผู้ฟังจึงไม่ควรลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดในตำแหน่งใด นายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้า คสช. การปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ในรายการ "คืนความสุขให้แก่คนในชาติ" ซึ่งถ่ายทอดทางวิทยุโทรทัศน์เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 9 มกราคมที่ผ่านไปนี้ ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดทั้งในสองตำแหน่ง เพราะความตอนหนึ่งมีว่า "สิ่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลทำอยู่ในขณะนี้นั้น ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้ง หรือสร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นมาอีก เรา พยายามที่จะให้หน่วยงานปกติ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส เพื่อพลิกฟื้นความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนกลับมา วันนี้ประเทศไทยไม่ได้มีเฉพาะคู่ขัดแย้ง ผู้เห็นต่าง แต่ยังมีคนไทยอีกหลายล้านคนที่ต้องการความสงบสุข ต้องการให้มีการพัฒนาประเทศไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ดังนั้น การทำงานของรัฐบาล และ คสช. จึงมุ่งเน้นที่จะลดความขัดแย้ง และเดินหน้าประเทศไปพร้อมๆ กันด้วย กฎหมายไม่ใช่ความยุติธรรม แต่เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการอำนวยความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย ซึ่งคงต้องเริ่มจากการนำตนเองจากการที่ถูกกล่าวหาไม่ว่าจะเป็นผิดหรือถูก เข้ามาต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมด้วยหลักฐาน ข้อเท็จจริง ไม่ใช่ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการ และทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมและกฎหมายที่มีอยู่ ใครที่เข้ามาก็ย่อมได้รับความเป็นธรรมอย่างชัดเจน ถูกผิดก็ว่าไปตามหลักสากล ตามข้อกฎหมาย อยากให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้ก่อน ส่วนผลจะออกมาอย่างไรนั้น ก็ยังสามารถต่อสู้ในวิถีทางตามปกติได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องปลุกระดมมวลชน ซึ่งไม่รู้ข้อเท็จจริงมากนัก เพราะไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดร่วมด้วย ต้องมาเสียเวลา เสียเลือดเนื้อ ต้องกระทำผิดกฎหมายไปด้วย ด้วยการอาศัยความเชื่อมั่นและศรัทธาแต่เพียงอย่างเดียว การชี้ผิดชี้ถูกโดย คสช. หรือใช้อำนาจพิเศษนั้น อาจจะดูง่าย หรือเร็วทันใจ แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบในภายภาคหน้าด้วยว่าเราจะอยู่กันอย่างไร แต่ถ้าหากไม่มีเครื่องมือพิเศษหรือไม่มี คสช. แล้ว ก็อาจจะทำให้เราอยู่ร่วมกันยากในอนาคต" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า "ผมไม่อยากให้มองเรื่องความขัดแย้ง หรือเรื่องผิด - ถูก แต่เพียงอย่างเดียว ให้มองไกลๆ มองยาวๆ เราจะต้องก้าวให้พ้นจากกับดักต่างๆ ซึ่งมีอยู่มากมายในระบอบประชาธิปไตยด้วย และในส่วนของความขัดแย้งข้อกฎหมายต่างๆ มีมากมาย" สําหรับผม คำปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้เป็นเหมือนนโยบายของ คสช.ซึ่งย่อมผูกพันรัฐบาลด้วย เพราะผู้พูดเป็นทั้งหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี ถ้าพิจารณาเช่นนี้ก็แปลว่า คสช.และรัฐบาลยังไม่กล้ากระทำโดยหักหาญ แต่เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ยังไม่ถูกจับ (รวมทั้ง (พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องคำพิพากษาจำคุกแล้ว) เข้ามามอบตัว และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งสิ้นนี้ พล.อ.ประยุทธ์เชื่อว่าจะเป็นการ "ลดความขัดแย้ง" และ "ก้าวข้ามกับดัก" ของประชาธิปไตย และ "ทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้" ถ้าหากผมเข้าใจถูกต้อง ก็หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์หวังว่า (พ.ต.ท.)ทักษิณและพวกซึ่งหนีโทษและข้อหาในคดีอาญา จะมีศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม และยอมมอบตัวเพื่อสู้คดีตามสิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมาย ผมเห็นใจและรู้สึกชื่นชมที่ พล.อ.ประยุทธ์เลือกใช้วิธีที่ชอบทั้งด้วยกฎหมายและเมตตาธรรม แต่ผมไม่เชื่อว่า (พ.ต.ท.)ทักษิณและพวกจะแยแสกับข้อเสนอของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่า (พ.ต.ท.) ทักษิณและพวกไม่เคยหยุด แต่ยังคงเดินหน้าบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์และรัฐบาลอยู่อย่างไม่ละลด ข้อเสนอของ พล.อ.ประยุทธ์จึงจะเป็นแต่การตบมือข้างเดียวที่กลับจะยืดเวลาให้ (พ.ต.ท.)ทักษิณและพวกสามารถทำความเสียหายให้แก่เมืองไทยต่อไปอีกเท่านั้น ผมเห็นว่าในขณะเดียวกับที่ยื่นข้อเสนอนี้ให้ (พ.ต.ท.)ทักษิณและพวก คสช.และหรือรัฐบาลควรจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการอื่นๆ อันสมควรกับ (พ.ต.ท.) ทักษิณและพวกโดยไม่ชักช้า เช่น ถอดยศ เรียกเครื่องราชอิสริยาภรณ์คืน และขอให้รัฐบาลต่างประเทศส่งตัวผู้ร้ายเหล่านั้นข้ามแดนมาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ถ้ามิฉะนั้น คสช.ก็อาจจะถูกหาว่ามีเจตนาแอบแฝงที่จะมิให้ผู้กระทำผิดกฎหมายได้รับโทษตามกบิลเมือง
ตรงนี้แหละ ถ้ามิฉะนั้น คสช.ก็อาจจะถูกหาว่ามีเจตนาแอบแฝงที่จะมิให้ผู้กระทำผิดกฎหมายได้รับโทษตามกบิลเมือง
ระบบอุปถัมภ์ของประเทศเรา มันฝังรากลึกมากๆ จนทำให้ระบบอื่นๆ ที่สำคัญต่อชีวิตคนไทย ต่อความเจริญของประเทศไทย พลอยรวนเรไปด้วย โดยเฉพาะ"ความยุติธรรม" ระบบอุปถัมภ์ก็เหมือนดาบสองคม ใช้ได้ทั้งการสร้างสรรค์และการทำลาย แต่เรามักใช้ให้เป็นไปในทางทำลาย ซะมากกว่า ประเทศเราเลยเหมือน "ติดกับดัก" ตัวเอง ผมว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่มักไม่มีใครนึกถึง เพราะความคุ้นชินมาตั้งแต่เด็กๆ
เรื่องถอดยศทักษิณนี่ เห็นทวงถามกันมาตั้งแต่อภิสิทธิ์เป็นนายกละ จนหลุดจากนายกไปแล้วก็ยังตามทวงกันไม่เลิก ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นยิ่งลักษณ์เป็นนายกแท้ ๆ กลับไปทวงกับอดีตนายก พอมาถึงยุค คสช ก็ลืมอภิสิทธิ์ไปเลย มาทวง คสช แทน เหมือนได้ของเล่นใหม่ยังงั้นแหละ การถอดยศนี่มันมีระเบียบมีขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่ใช่ใครเป็นนายกแล้วจะสั่งถอดยศใครก็ได้ กรณีถอดยศทักษิณมันน่าจะจบไปแล้วเพราะต้นสังกัดมันไม่ยอมเสนอให้ถอดยศ ตอนอดุลย์เป็น ผบ สตช สมัยยิ่งลักษณ์เป็นนายก ไม่เห็นมีใครไปทวงถามเลย มันล่วงเลยมาจนป่านนี้แล้วคนเป็นนายกจะไปทำอะไรได้ ขืนทำอะไรไปตามแรงยุ มันก็เป็นการใช้อำนาจนอกระบบ ก็ไปเข้าทางทั้งทักษิณ ทั้งต่างประเทศ อีกว่า ไปใช้อำนาจกลั่นแกล้งกัน เรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนก็เหมือนกัน ขอไปแล้วมันไม่ส่งให้ อ้างโน่นอ้างนี่ ว่ากฎหมายประเทศมันไม่มีบ้าง กฎหมายไม่เหมือนกันบ้าง แบบนี้มันก็จบ คือมันไม่ยอมส่งให้ แล้วจะให้คนเป็นนายกไปทำอะไร ยกทหารตำรวจไปบุกจับหรือ เรื่องที่รัฐบาล คสช ทำอยู่ทุกวันนี้กลับไม่ดูว่าเขาทำอะไรบ้าง ไปย้อนเอาเรื่องที่ฝังใจตนเองมาเป็นที่ตั้ง ก็ลองคิดดูว่า ถ้าประชาชนทั้งประเทศคิดแบบนี้ มันจะไปรอดไหม จำนำข้าว ปปช เขากำลังดำเนินการอยู่ ก็มีเสียงบอกไม่เห็นทำอะไร เหมือนพรรคเพื่อไทยพูดเลย ว่าไม่มีหลักฐานทุจริตก็จะมาเอาผิดยิ่งลักษณ์ละ เขาจับทุจริตกองบัญชาการสอบสวนกลาง เทคโนลาดกระบัง วัดสระเกศ ถามว่าถ้าไม่ใช่ยุค คสช จะมีปัญญาทำไหม ยังไม่รวมเรื่องตัดไม้ทำลายป่า บุกรุกที่สาธารณะ บุกรุกป่า บ่อนอิทธิพล การค้ามนุษย์ และอีกจิปาถะ เป็นการทำตามกฎหมาย ไม่ลุแก่อำนาจ และที่สำคัญก็คือ ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำได้แบบนี้เลย ทักษิณไม่ใช่ประเทศไทย จะมียศหรือถูกถอดยศ ก็คงเปลี่ยนนิสัยไม่ได้ จะมียศหรือถูกถอดยศมันก็คงทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าไม่ได้ ประเทศไทยตอนนี้ก็มีปัญหามากมายทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และศีลธรรม ถ้าท่านวสิษฐเป็นนายกขณะนี้ ท่านจะเลือกตามล่าทักษิณ หรือเลือกทำความเจริญให้ประเทศและประชาชนละครับ
นัดเดียวกลางกระบาลครัชชชทั้งผัวและเมีย ถ้ากลับไปดูตัวตนของนักโทษหนีคดีหนีคุกทั้งผัวและเมีย จะรู้ว่าต้องเป็นผู้ชนะ ได้กลับบ้านแบบเท่ห์ๆ ได้กลับคืนทุกสิ่ง ทุกคนต้องยอมศิโรราบ ความยุติธรรมสำหรับมันคือคนอื่นผิด กรูไม่ผิด ถ้ากรูผิด ก็ต้องไม่ผิด เพราะฉะนั้นอย่าคิดเรื่องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ความยุติธรรมไม่มีตัวตนไม่มีผล เพราะฉะนั้นไม่มีหยุดครัชชชชช ไม่มีปรองดอง ปรองดองคือล้มล้างความผิดทัั้งหมด หลังเลือกตั้งไม่ว่าใครชนะก็วุ่นวายเหมือนเดิม ประชาธิปัตย์มาก็ม๊อบเสื้อแดง เพื่อไทยมาก็ม๊อบล้างผิด ม๊อบเยอะๆลากกันหลายรอบ เดี๋ยวก็ยอมเอง ผมเชื่อว่านักโทษหนีคดีหนีคุกไม่ยอมถอย มีแต่ถ่อย
"ผมเห็นใจและรู้สึกชื่นชมที่ พล.อ.ประยุทธ์เลือกใช้วิธีที่ชอบทั้งด้วยกฎหมายและเมตตาธรรม... แต่ผมไม่เชื่อว่า (พ.ต.ท.)ทักษิณและพวกจะแยแสกับข้อเสนอของ พล.อ.ประยุทธ์" วสิษฐ เดชกุญชร แต่ผมเชื่อว่า เมตตาธรรม ที่ ลุงตู่ ยื่นให้จะช่วยประเทศชาติสุขสงบร่มเย็นต่อไปได้อีกนาน และ กรรม จะตามสนอง แม้วและพวก ให้ล่มจมหมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว (โลกสวยไปนิดนึง แต่ผมก็เชื่ออย่างนั้น)
