วสิษฐ เดชกุญชร : การบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย Redbuffalo010, 25 Feb 2015

  1. Redbuffalo010

    Redbuffalo010 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    3 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    6,457
    ชื่นชมและชื่นชอบในความสื่อสัตย์และซื่อตรงของท่าน วสิษฐ เดชกุญชร
    วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 22:00:29 น.
    14241695241424169566.jpg

    ผมมีความยินดีที่ได้ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำกับดูแลเรื่องวัดและพระที่บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า และที่ร่ำรวยผิดปกติ และยินดีด้วยที่ทราบว่าในขณะเดียวกันสภาปฏิรูปแห่งชาติก็ได้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาขึ้น โดยมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน และคณะกรรมการได้ประชุมกันเป็นนัดแรกไปเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านไปนี้

    ปัญหาเกี่ยวกับวัดและพระในศาสนาพุทธเป็นปัญหาที่ถูกทอดทิ้งและหมักหมมเรื้อรังไม่มีผู้ใดเอาใจใส่ที่จะแก้อย่างแท้จริงมานาน ถ้าจะเปรียบกับโรคภัยไข้เจ็บ อาการของคนไข้ก็ทรุดหนักมานานแล้ว แต่ก็เช่นเดียวกับโรคภัยไข้เจ็บ หมอไม่มีสิทธิที่จะบอกว่าหมดหวังและต้องหยุดรักษา หากแต่จะต้องพยายามบำบัดจนกว่าจะถึงที่สุด เพราะคนไข้ในที่นี้คือคนไทยทั้งชาติ

    ตัวอย่างหนึ่งของโรคร้ายที่เกาะกินพระพุทธศาสนามานานจนกำเริบ และทำให้คนไข้มีอาการทรุดหนักลง คือพฤติการณ์ของวัดพระธรรมกาย วัดนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2513 นับตั้งแต่นั้นมาพระวัดพระธรรมกายได้เผยแผ่คำสอนที่ผิดแผกแตกต่างไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ในขณะเดียวกัน วัดพระธรรมกายก็ใช้คำสอนที่ผิดแผกนั้นเองไปทำให้คนเป็นจำนวนมากหลงเชื่อและบริจาคเงินให้วัดเป็นมูลค่ามหาศาล จนสามารถก่อสร้างถาวรวัตถุอย่างใหญ่โตมโหฬาร และขยายกิจกรรมนอกศาสนาออกไปอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง

    เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายคือพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ สุทธิผล) นั้นเป็นตัวการผู้เผยแผ่คำสอนนอกศาสนา เช่น สอนว่านิพพานเป็นอัตตา สอนว่าธรรมกายคือตัวตนของพระพุทธเจ้ามากมายหลายพระองค์รวมกันอยู่ใน "อายตนนิพพาน" ซึ่งเป็นเสมือนดินแดนที่ผู้ทำสมาธิตามแบบของวัดพระธรรมกาย สามารถจะเข้าไปเฝ้าและถวายข้าวแด่พระพุทธเจ้าได้

    พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ สุทธิผล) ผู้นี้เคยต้องคดียักยอกทรัพย์และเงินบริจาคของวัดพระธรรมกายเป็นมูลค่ากว่า 959 ล้านบาท แต่พนักงานอัยการถอนฟ้องด้วยเหตุผลว่าได้นำที่ดินและเงินคืนให้แก่วัดพระธรรมกายแล้ว และแม้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก จะได้ทรงมีพระลิขิตว่าพระเทพญาณมหามุนีต้องอาบัติปาราชิก และพ้นจากสมณเพศแล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามหาเถรสมาคมได้ดำเนินการสนองพระลิขิตนั้นอย่างใด นายไชยบูลย์กลับได้เป็นพระภิกษุในสมณศักดิ์เดิมอีก

    การที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) ดำเนินการเกี่ยวกับวัดและพระที่บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าและร่ำรวยผิดปกติ และการที่สภาปฏิรูปแห่งชาติหยิบยกเอาเรื่องการปกป้องพระพุทธศาสนาขึ้นมาพิจารณานี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องและน่ายินดี แต่มาตรการทางบริหารโดยรัฐมนตรีก็ดี มาตรการด้านการปฏิรูปโดยสภาปฏิรูปแห่งชาติก็ดี ย่อมจะต้องล่าช้าและกินเวลา ในขณะเดียวกันวัดและพระที่มีพฤติการณ์นอกศาสนา โดยเฉพาะวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีกำลังซื้อมหาศาล ก็ย่อมจะทำความเสียหายให้แก่พระพุทธศาสนาต่อไปได้โดยไม่หยุดยั้ง

    จึงสมควรที่นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจพิเศษในฐานะที่เป็นหัวหน้าคณะส่งเสริมความสงบแห่งชาติ หรืออำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2557 ระงับยับยั้งการกระทำใดๆ ของพระวัดพระธรรมกายเอาไว้ก่อน จนกว่ารัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและคณะกรรมาธิการของสภาปฏิรูปแห่งชาติจะได้วางมาตรการที่รัดกุมและชัดเจนเกี่ยวกับวัดและพระเรียบร้อยแล้ว
     
    อู๋ คาลบี้, bookmarks, กีรเต้ และอีก 4 คน ถูกใจ
  2. Redbuffalo010

    Redbuffalo010 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    3 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    6,457
    วสิษฐ เดชกุญชร : การบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา (2)
    วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 16:15:04 น.
    14247692811424769322.jpg

    เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านไปนี้ มหาเถรสมาคมได้มีมติเกี่ยวกับสถานะของนายไชยบูลย์ สุทธิผล หรืออดีตพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่านายไชยบูลย์ไม่ต้องอาบัติปาราชิกและไม่ขาดจากความเป็นพระภิกษุ เนื่องจากได้มีการคืนทรัพย์สินที่ยักยอกไปให้แก่วัดแล้ว และมติดังกล่าวไม่ขัดต่อพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ที่ประทานไว้เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2542

    พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธัมมจารี) กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะโฆษกมหาเถรสมาคมชี้แจงว่าทางสงฆ์ดูที่เจตนาเป็นหลัก หลังจากที่มีพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชแล้วนายไชยบูลย์ได้ "ทยอยคืนทรัพย์สินแก่วัดทันที" จึงถือว่าไม่มีเจตนาฉ้อโกง
    พระพรหมเมธีกล่าวด้วยว่าเรื่องนี้ผ่านมากว่า 17 ปีแล้ว และประเทศกำลังอยู่ในช่วงสร้างความปรองดอง อีกทั้งเป็นยุคที่ล่อแหลมต่อสื่อ ประเทศไทยถูกจับตามองจากต่างชาติเพราะเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงไม่อยากให้นำเรื่องเก่ามาพูดถึง

    มติของมหาเถรสมาคมดังกล่าวทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงและกว้างขวาง โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่านายไชยบูลย์ไม่มีเจตนาจะฉ้อโกง และมติของมหาเถรสมาคมไม่ขัดต่อพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช เพราะพระลิขิตฉบับลงวันที่ 26 เมษายน 2542 นั้นมีข้อความระบุชัดว่า "การไม่ยอมคืนสมบัติให้วัดในชั้นต้นอาจมิใช่มีเจตนาถือเอาเป็นของตน แต่เมื่อถึงอย่างไรก็ยังไม่มอบคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัดก็แสดงชัดแจ้งว่าต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระปลอมเป็นพระด้วยการนำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง ทำความเศร้าหมองให้เกิดแก่สงฆ์ในพระพุทธศาสนา"

    พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชดังกล่าวได้เข้าสู่การพิจารณาของมหาเถรสมาคมสองครั้ง และมหาเถรสมาคมมีมติครั้งที่ 191/2542 และครั้งที่ 193/2542 ว่าให้ดำเนินการรับโอนที่ดินเป็นของวัดพระธรรมกาย ส่วนกรณีอื่นๆ (หมายถึงกรณีต้องปฏิบัติในการเป็นปาราชิก) ให้กรมการศาสนาร่วมกับเจ้าคณะภาค 1 ติดตามเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป และในมติที่ 193/2542 ก็มีมติชัดเจนว่ามหาเถรสมาคมมีมติรับทราบพระดำริที่สมเด็จพระสังฆราชประทานมาทั้งหมด และ "มหาเถรสมาคมมีมติสนองพระดำริมาโดยตลอด ให้ชอบด้วยกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม" และส่งเรื่องให้ฝ่ายสังฆการดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคมต่อไป

    แต่ปรากฏว่ามติที่ให้ดำเนินการตามพระลิขิตในกรณีที่ธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิก ซึ่งต้อง "พ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระปลอมเป็นพระ" นั้น ยังไม่ได้มีการปฏิบัติจนกระทั่งบัดนี้
    เป็นที่เห็นได้ชัดว่ามหาเถรสมาคมในปัจจุบันจงใจที่จะฝ่าฝืนพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช และที่จะช่วยนายไชยบูลย์ให้พ้นผิดและคงอยู่ในสมณเพศต่อไปอีก

    พฤติการณ์ของมหาเถรสมาคมแสดงว่ามหาเถรสมาคมจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ซึ่งระบุไว้ในมาตรา 15 ตรี (4) ให้มหาเถรสมาคม "รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา"

    ผมขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รีบดำเนินการแก้ไข ด้วยการใช้อำนาจยุบมหาเถรสมาคมหรือเปลี่ยนตัวกรรมการมหาเถรสมาคมทั้งหมด และตั้งพระสงฆ์ที่ไม่ใช่อลัชชี (นอกจารีต) และไม่อยู่ใต้อิทธิพลของวัดพระธรรมกายขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

    ก่อนที่การบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาจะลุกลามกว้างขวางออกไปมากกว่านี้

     
    bookmarks, กีรเต้, kengdragon และอีก 1 คน ถูกใจ.
  3. thai4u

    thai4u อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    27 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    818
    ถ้าหากยุค คสช โดยท่านลุงตู่ ยังไม่สามารถจัดการถอดผ้าเหลืองสมี ธัมมี่ ได้
    และเข้าจัดการกับอำนาจเงินของอลัชชีที่โปรยให้กับมหาเถรสมาคม ก็ถือว่าล้มเหลวในการปฏิรูปประเทศชาติอย่างสิ้นเชิง
    เพราะสถาบันหลัก คือสถาบันศาสนาได้ถูกย่ำยีจากโจรผ้าเหลืองไปแล้ว

    ที่ท่านพูดว่าเรื่องของพระให้พระจัดการ
    ท่านพูดแบบนี้ไม่ได้เพราะพระหลายรูปได้ถูกครอบงำด้วยอามิสสินจ้างอำนาจเงินของธัมมี่ไปหมดแล้ว
    ขอรบกวนให้ท่านไปอ่านพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อนด้วย อย่าได้หลงเชื่อมติที่ไม่เป็นทางการ
    ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ที่ได้แต่งตั้งจากรบ.ยิ่งลักให้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชเลย
     
  4. ถึงจะบิ่นแต่ยังคม

    ถึงจะบิ่นแต่ยังคม อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    22 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    842
    อีกหน่อยจะมีประโยคนี้เกิดขึ้น
    พระพุทธ พระธรรมไม่ใช่พระธรรมกาย พระสงฆ์บางรูป
     
  5. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
    อย่าให้เกิดขึ้นเลย
     
  6. แดงประจำเดือน

    แดงประจำเดือน อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    23 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    898
    ตำรวจนอกคอก แล้วยังทำตัวเป็นพวกนอกศาสนา
     
  7. ถึงจะบิ่นแต่ยังคม

    ถึงจะบิ่นแต่ยังคม อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    22 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    842


    มันสัมพันธ์กันยังไงเจ๊ หรือว่าไอ้คนที่คิดว่าตัวเองอยู่ในศาสนาแล้วทำตัวนอกคอกดังเช่น เมธี นั้นดีแล้วสิ
     
    thai4u และ กีรเต้ ถูกใจ.

Share This Page