ยังมีข้าราชการขี้ฉ้อชอบขัดรองเท้าให้นักธุรกิจอีกเยอะ ไม่นึกอายเครื่องแบบที่สวมใส่บ้างเลยคงคิดสินะว่าไม่มีใครรู้ คนอื่นโง่หมดจับไม่ได้ไล่ไม่ทันสินะช่างน่าขำ
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์กับ ทีมพิกัดข่าว 26 ว่า เตรียมเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ให้ใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งให้กรมสรรพากร เรียกเก็บภาษี นาย พานทองแท้ และ นางสาว พินทองทา บุตรชายและบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร กรณีเมื่อปี 2549 ทั้งสองคนได้ซื้อหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น ในราคาต่ำกว่าราคาในตลาดหลักทรัพย์ แม้เมื่อเร็วๆนี้ อธิบดีกรมสรรพากรจะได้ชี้แจงว่า ไม่อาจจะเรียกเก็บภาษีได้เพราะไม่ใช่เงินของคนทั้งสอง แต่เป็นเงินของอดีตนายกทักษิณที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา ยึดทรัพย์ไปแล้ว 4.6 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 2553 โดยที่มาไปของเรื่องนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อเดือนมกราคมปี 2549 บริษัทแอมเพิลริช ของนายทักษิณ ชินวัตรที่ตั้งอยู่บนเกาะปลอดภาษีบริติช เวอร์จิน ขายหุ้นบริษัทชินคอร์ป จำนวน 329. 2 ล้านหุ้น ให้กับนายพานทองแท้ และ น.ส. พินทองทา ในราคา 1 บาท ในขณะที่ราคาหุ้นชินคอร์ปในตลาดหลักทรัพย์ขณะนั้น ราคา 49.25 บาท ทำให้เกิดคำถามว่า ทั้งสองคนต้องเสียภาษีเงินได้จากส่วนต่างระหว่างราคาที่รับโอนมากับราคาจริงในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน อดีตภรรยานายทักษิณได้ขอหารือไปยังกรมสรรพากร ซึ่งนางเบญจา หลุยเจริญ ในขณะนั้นมีตำแหน่งข้าราชการซี 10 ของกรมสรรพากร ให้ความเห็นว่า ไม่ต้องเสียภาษี ต่อมาในเดือนกันยายนปี 2549 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ยึดอำนาจรัฐและได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ขึ้นตรวจสอบทรัพย์สินของอดีตนายทักษิณ ในเดือนมีนาคมปี 2551 คตส. ได้ชี้มูลความผิดนางเบญจากับข้าราชการสรรพากรอีกสูงอีก 3 คน ฐานละเว้นหน้าที่จัดเก็บภาษี และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน อดีตภรรยานายทักษิณ ฐานสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ละเว้นการจัดเก็บภาษี แต่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องคดี ต่อมาในเดือนธันวาคม 2558 สำนักงานคณะกรรมป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ฟ้องคดีเอาผิดกับ นางเบญจา กับพวก 4 คน และเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลอาญาชั้นต้นได้มีคำพิพากษาจำคุก 3 ปี นางเบญจา หลุยเจริญ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นทั้งอดีตอธิบดีกรมสรรพากรและรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังในสมัยรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ และข้าราชการสรรพากรอีก 3 คน คือ น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ. สำนักกฎหมาย, นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ในการจัดเก็บภาษี และพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส. ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน อดีตภรรยานายทักษิณ ฐานสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ละเว้นการจัดเก็บภาษี นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวอีกว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ยังสุ่มตัวอย่างนักการเมือง 60 คนจากทุกพรรคว่าเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ และพบว่า บางคนเสียภาษีไม่ถูกต้องครบถ้วนจึงได้แจ้งให้กรมสรรพรกรเก็บเพิ่ม นอกจากนี้ก็ยังกำลังตรวจการเสียภาษีของ บริษัทคิงส์พาวเวอร์ผู้ประกอบการผูกขาดขายสินค้าปลอดภาษี บริษัทที่สัญญากับรัฐ และคนร่ำรวยที่มีชื่อปรากฎเป็นข่าวในสังคม รวมทั้งเศรษฐีที่นำเข้ารถหรู
อุทธรณ์ยืนจำคุก "เบญจา" คดีภาษีหุ้นชิน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกนางเบญจา อดีต รมช.คลัง 3 ปี ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบคดีภาษีหุ้นชินฯ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุก 3 ปี เบญจา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ช่วย "พานทองแท้-พินทองทา" เลี่ยงภาษีหุ้นชินฯ