ยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่านปุ๊บ ก็รีบส่งรัฐมนตรีร่วมกับเอกชนเข้าไปเปิดตลาดทันทีเลย ******************************************************** วันนี้ (17 ม.ค.2559) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าชาติมหาอำนาจทั้งรวมทั้งสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ได้ประกาศยุติการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่านแล้ว ********************************************************** ทันเวลาจริงๆ ยกเลิกคว่ำบาตรได้ 1 สัปดาห์ก็ส่ง รมต. ต่างประเทศเข้าไป ********************************************************* หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ ส่งรองนายกฯ กับภาคเอกชนเข้าไปเปิดตลาดซ้ำอีก เยี่ยมจริงๆ
วันที่ 2 ของการเดินสายโรดโชว์ตะวันออกกลาง วันนี้ คณะของรองนายกฯ สมคิด ได้หารือกับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจของอิหร่าน เพื่อเจรจาเพิ่มมูลค่าการค้า หลังนานาชาติยกเลิกคว่ำบาตร เบื้องต้นอิหร่านพร้อมสั่งซื้อข้าวจากไทย 3 แสนตัน และยางพารา 2 หมื่นตันจากไทย โดยนายสมคิด ได้ชี้แจงภาวะเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าปีนี้จะขยายตัวได้ 3.5 % และการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งกับประเทศในอาเซียน รวมถึงเชื่อมต่อไปยังจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าการค้าสูง โดยอิหร่านมองไทยเป็นประตูสู่อาเซียน ขณะที่อิหร่านเองก็เป็นประตูการค้าของกลุ่มประเทศ CIS ที่มีประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน ที่ไทยสามารถกระจายสินค้าเข้าไปยังประเทศเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน ทำให้เชื่อว่าจะทำให้การค้าการลงทุนของไทยและอิหร่าน เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าตัว หรือ มีมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เบื้องต้นการหารือได้บรรลุข้อตกลง 6 ด้าน อาทิ การจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมด้านเศรษฐกิจ เพื่อเจรจาการค้า ขณะที่ในส่วนของภาคเอกชนได้ลงนามในบันทึกตกลงที่จะซื้อขายข้าว จำนวน 3 แสนตัน และยางพารา จำนวน 2 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่า 144.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ อิหร่านยังสนใจที่จะเข้ามาลงทุนใน 10 คลัสเตอร์เป้าหมายอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ และจับคู่ธุรกิจการค้าระหว่างเอสเอ็มอีของไทยและอิหร่านมากขึ้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนวัตถุดิบเหมืองแร่และทองคำ พร้อมทั้งการผลิตเครื่องประดับทั้ง 2 ฝ่าย และความร่วมมือด้านสินค้าฮาลาล และสนใจและขอความร่วมมือให้ไทยช่วยพัฒนาภาคการท่องเที่ยวของอิหร่าน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างกัน เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว จาก 88,244 คนในปัจจุบัน
พออังกฤษแยกตัวจากอียูปั๊บ ลุงตู่รีบทาบทามทันทีเลยนะครับ 16 ก.ค. – ไทยและสหราชอาณาจักร กระชับความสัมพันธ์ และขยายความร่วมมือด้านการทหารระหว่างกัน ภาพที่เห็นอยู่นี้เป็นภาพในงานนิทรรศการ Farnborough international airshow 2016 มีการนำอากาศยานที่ทันสมัยของทุกภูมิภาคของโลก จากหลายบริษัทการบินชั้นนำ อย่าง BAE Systems ,Bell และAirbus Group มาจัดแสดง พร้อมนำเสนอความก้าวหน้าทางด้านการบิน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมได้เข้าร่วมเยี่ยมชม ในโอกาสที่เดินทางไปกระชับความสัมพันธ์ และขยายความร่วมมือกับสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 10 – 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยได้พบหารือกับนายฟิลิป ดันน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระกรวงกลาโหม สหราชอาณาจักร ที่ต่างย้ำถึงความสัมพันธ์แนบแน่นที่มีกันมายาวนาน และ สหราชอาณาจักร ยังพร้อมให้การสนับสนุน รวมถึงขยายความร่วมมือทางทหารกับไทยทุกด้าน ขณะที่รองนายกรัฐมนตรี ก็ให้ความเชื่อมั่นว่า ไทยจะดำเนินตามโร้ดแมพเพื่อนำประเทศไปสู่ประชาธิปไตยสมบูรณ์และยั่งยืน การพบกันครั้งนี้นอกจากย้ำความสัมพันธ์ระหว่างกันแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ไทยเสริมสร้างความพร้อมของกองทัพไทยในอนาคตข้างหน้าด้วย. –สำนักข่าวไทย กรุงเทพฯ 17 ก.ค.-ไทยและสหราชอาณาจักร ลงนามร่วมจัดตั้งสภาผู้นำนักธุรกิจไทย – สหราชอาณาจักร เพิ่มความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน มุ่งเน้นให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นในภาคการผลิตและบริการ การลงนามแถลงการณ์ร่วม ว่าด้วยความมือจัดตั้งสภาผู้นำนักธุรกิจไทย และสหราชอาณาจักรมีขึ้น ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยมีผู้แทนรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ ตลอดจนภาคธุรกิจไทย และผู้แทนภาคธุรกิจสหราชอาณาจักร ร่วมด้วยสภาผู้นำนักธุรกิจไทย และสหราชอาณาจักร จัดตั้งขึ้นเพื่อให้การสนับสนุนบริษัทสัญชาติไทย และสหราชอาณาจักร มีหน้าที่หลักในการช่วยเหลือ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจ โดยปัจจุบันมีบริษัทขนาดใหญ่หลายบริษัท แสดงความจำนงเข้าร่วม เช่น บริษัทปตท. จำกัด มหาชน รวมถึงบริษัทชั้นนำแห่งสหราชอาณาจักร เช่น บริษัทโรลส์-รอยซ์ นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาส ก่อให้เกิดการขยายความร่วมมือของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ส่งเสริมให้เกิดจ้างงานของประชากรทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดและฐานการผลิต รวมถึงการบริการขนาดใหญ่ สภาผู้นำนักธุรกิจไทย และสหราชอาณาจักร จะจัดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันปีละ 2 ครั้ง เพื่อความร่วมมือที่ยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าเจรจาการค้าเสรีกับอังกฤษ แม้ยังไม่พ้นวิกฤตเบร็กซิต โดยมั่นใจการทำการค้ากับอังกฤษ จะช่วยต่อยอดธุรกิจสตาร์ทอัพของไทย นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าได้ตกลงร่วมกับทางสหราชอาณาจักรที่จะทำข้อตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอไทย-อังกฤษ หลังจากที่ได้เดินทางไปอังกฤษ และหารือเกี่ยวกับผลของเบร็กซิตที่จะเกิดขึ้น โดยการเปิดเจรจาในครั้งนี้ เพราะเป็นโอกาสที่ไทยจะแสดงความสัมพันธ์ที่ดี และเป็นจุดเริ่มที่จะเดินหน้าขยายการค้าร่วมกัน ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ใหม่ในการผลักดันการส่งออก ที่ไทยจะเน้นเจรจาการค้าแบบทวิภาคีมากขึ้น โดยได้เตรียม ที่จะจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-อังกฤษขึ้นมา ให้ภาคเอกชนรายใหญ่ของทั้งสองประเทศเป็นแกนกลางในการผลักดัน โดยโรลส์รอยซ์จะเป็นตัวแทนของเอกชน ส่วนของไทยเป็น บริษัท ปตท. ซึ่งจะช่วยกันขับเคลื่อนความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้เพิ่มขึ้น เบื้องต้นอาจจะเชิญชวนทางโรลส์รอยซ์ให้ขยายฐานการผลิตจากปัจจุบันอยู่ที่สิงคโปร์ เข้ามาอยู่ในประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลไทย มีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินขั้นสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตามนโยบายที่จะยกระดับไปสู่การเป็นประเทศไทยแลนด์ 4.0 และการเข้าไปเจรจาการค้ากับอังกฤษในช่วงนี้ จะเป็นอีกช่องทางให้กลุ่มธุรกิจผู้ประกอบการหน้าใหม่หรือ สตาร์ทอัพ และกลุ่มธุรกิจที่มีความคิดสร้างสรรค์สามารถเข้าไปขยายช่องทางการตลาดด้วย โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกไปยังอังกฤษ มีมูลค่า 3,823 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 4.5 % จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และอังกฤษเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป
