รายงานพิเศษ รัฐบาลเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม รับเขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย รายงานพิเศษ เดินหน้าสร้างมอเตอร์เวย์พัทยา-มาบตาพุต รับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
พึ่งจะรู้นะว่า ปี 2552 ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล นึกว่าตอนนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แล้วมีอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ซะอีก มติชิน นี่มันเลียจนขนหน้าแข้งหายไปแล้วมั้ง ************************************************* 19 ก.ค. 2559 หลังรถไฟฟ้า 10 สาย ระยะทาง 309 กม. เงินลงทุนรวม 739,457 ล้านบาทไล่ตอกหมุดก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2552 จาก "รัฐบาลเพื่อไทย" ต่อเนื่องมาถึง"รัฐบาลคสช." ************************************************** http://www.thaigov.go.th/index.php/...3-นายกรัฐมนตรีคนที่-27-นายอภิสิทธิ์-เวชชาชีวะ ปล. แบบนี้เค้าเรียกว่า "เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น" นะครับ
พรรคนี้เขาชอบขโมยผลงานคนอื่นครับ ผลงานไม่มีขโมยและใส่ความ ง่ายกว่า ลองหลับตานั่งนึกนอนนึก ตั้งแต่พรรคนี้เล่นการเมืองมา มีผลงานอะไรดีๆบ้าง มีแต่ผลงานที่สร้างปัญหาระยะยาวทั้งนั้น
กระทรวงคมนาคมเล็งนำร่องโครงการพัฒนาท่าเรือครุยส์ เกาะสมุย ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม และออกแบบ คาดศึกษาข้อมูลแล้วเสร็จ ก.ย.นี้ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้า การศึกษาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ ว่า จากการพิจารณาพื้นที่ในการพัฒนาท่าเรือครุยส์ ใน 2 พื้นที่ คือ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.กระบี่ ในเบื้องต้นจากผลการศึกษาได้ยกเลิกการพัฒนาท่าเรือครุยส์ ที่ จ.กระบี่ หลังจากที่ กรมเจ้าท่า ได้พิจารณาแล้วว่า ไม่เหมาะสมในการดำเนินการทั้งนี้จะทำการนำร่องก่อนที่ อ.เกาะสมุย เนื่องจากมีความเหมาะสม และสามารถเชื่อมต่อจากอ่าวไทย ไปยังกัมพูชา และเวียดนามได้ ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม และออกแบบ เบื้องต้นจากบริษัทที่ปรึกษาโครงการ โดยมีกำหนดแล้วเสร็จใน ก.ย.นี้ พร้อมกันนี้ ได้เร่งรัดให้กรมเจ้าท่า รีบดำเนินการออกหลักเกณฑ์รายละเอียด คาดว่าจะสามารถประกาศเชิญชวนเอกชนมาลงทุนได้ใน มี.ค. 2560 ขณะที่ การพัฒนาท่าเรือเฟอร์รี่ เชื่อมโยงอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก ได้เตรียมประกาศให้เอกชนลงรายละเอียดในเว็บไซต์ให้ภายใน 2-3 เดือนนี้ และหากพิจารณารายละเอียดที่เอกชนนำเสนอแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสม ก็จะดำเนินการต่อไป ซึ่งเบื้องต้นมีเอกชน 2 ราย ที่เข้ามานำเสนอรายละเอียดในการดำเนินการ กระทรวงคมนาคมเสนอคณะรัฐมนตรีลดบทบาท ขสมก.ให้เดินรถเพียงอย่างเดียว โดยให้กรมการขนส่งทางบกกำกับดูแล ทั้ง ขสมก.และรถร่วมบริการ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ออมสิน ชีวะพฤกษ์ บอกว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ กระทรวงฯจะเสนอให้ที่ประชุมยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเดิม ที่กำหนดให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือขสมก. ทำหน้าที่กำกับดูแลการเดินรถโดยสารสาธารณะในกรุงเทพฯ และดำเนินธุรกิจรถโดยสาร เพื่อลดบทบาทขสมก.ให้ทำหน้าที่ดำเนินธุรกิจรถโดยสารเพียงอย่างเดียว และให้กรมการขนส่งทางบกกำกับดูแลทั้ง ขสมก.และรถร่วมบริการ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว กรุงเทพฯ 19 ก.ค. – วันนี้จะพาไปทำความรู้จักกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 100,000 ล้านบาท เพื่ออนาคตประเทศไทย ที่รัฐบาลกำลังจะจัดตั้งขึ้นในเร็วๆ นี้ ว่าน่าสนใจลงทุนอย่างไรบ้าง กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย วงเงิน 100,000 ล้านบาท เป็นการระดมทุนจากนักลงทุน เพื่อก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อลดภาระงบประมาณ โดยมีการการันตีผลตอบแทนโดยรัฐบาลที่ร้อยละ 2-3 ต่อปี มีลักษณะเป็นกองทุนรวมปิด คล้ายกับกองทุนวายุภักษ์ ขายเปลี่ยนมือได้ หลังจากเข้าตลาดหุ้น 3 โครงการแรกที่จะนำเข้าสู่กองทุนฯ คือ มอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-บ้านฉาง มอเตอร์เวย์ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ และทางพิเศษสายพระราม 3 ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก โดยคาดว่ากองทุนแรกจะเริ่มเสนอขายหน่วยลงทุนให้ประชาชนซื้อได้ปลายปีนี้ ผู้บริหาร บล.เอเชีย เวลท์ วิเคราะห์ว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกองทุนรวมนี้ เพราะปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากต่ำมาก การลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานฯ ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยจะได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล และอาจได้รับส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย คล้ายคลึงกับการลงทุนในหุ้น. – สำนักข่าวไทย อาเซียน เป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลก โดยท่าอากาศยานในอาเซียนที่มีผู้โดยสารเดินทางมาเยือนติดอันดับมากที่สุด 20 อันดับแรกของโลกคือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของไทย ท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์ และท่าอากาศยานซูการ์โน ฮัตตา ของอินโดนีเซีย โดย1-2 ปีที่ผ่านมา ทุกสนามบินในอาเซียนมีผุ้โดยสารหนาแน่นเกินศักยภาพในการรองรับกว่าเท่าตัว ทำให้แต่ละสนามบินต่างก็เร่งลงทุน เพื่อเดิมพันตำแหน่งศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค ประเทศไทย มีแผนพัฒนาสนามบิน 6 แห่ง ในช่วง 5ปีข้างหน้า เช่นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย หาดใหญ่ และภูเก็ต ด้วยงบลงทุน 140,000 ล้านบาท โดยจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ถึง 165 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบัน 83.5 ล้านคนต่อปี ซึ่งปี 2558 มีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 106 ล้านคน สิงคโปร์อาคารผู้โดยสารหลังใหม่แห่งที่ 4 ในชื่อ "Jewel" เป็นอาคารสูงเหนือผิวดิน 5 ชั้น และใต้ดินอีก 5 ชั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จ ในปี 2561 รองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 17.7 ล้านคน เป็นปีละ 24 ล้านคน ด้วยเม็ดเงินลงทุนประมาณ 8 หมื่นล้านบาท เวียดนาม อยู่ระหว่างใช้งบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เร่งยกระดับพัฒนาสนามบินทั่วประเทศ 22 แห่ง รวมถึงสนามบินนานาชาติ 10 แห่ง โดยตั้งเป้าแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2561 ขณะที่การท่าอากาศยานเวียดนาม ประกาศเลื่อน ก่อสร้างสนามบิน "ลองแถ่ง" (Long Thanh) ว่าที่สนามบินใหญ่ที่สุดของประเทศ ในจังหวัดโด่งนาย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของนครโฮจิมินห์มูลค่า 5 แสนล้านบาท รองรับผุ้โดยสาร 100 ล้านคน ต้องเลื่อนการก่อสร้างไปในปี 2564 เนื่องจากความซับซ้อนในการเตรียมงานก่อสร้าง มาเลเซีย เพิ่งเปิดบริการ "Kuala Lumpur International Airport 2" สนามบินแห่งที่ 2 เมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว รองรับผู้โดยสาร 45 ล้านคนต่อปี ใกล้เคียงกับสนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับเมียนมา กำลังจะมีว่าที่สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ "หันตาวดี" (Hanthawaddy) อยู่ห่างกรุงย่างกุ้งออกไปราว 80 กิโลเมตร รองรับการท่องเที่ยวและเดินทางเพื่อธุรกิจ คาดเปิดใช้ได้ในเดือนธันวาคมปี 2562 รองรับผู้โดยสารได้ 12 ล้านคนต่อปี เสริมศักยภาพสนามบินย่างกุ้งซึ่งปัจจุบันรองรับได้ราว 3.7 ล้านคนต่อปีเท่านั้น ฟิลิปปินส์ กำลังดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ของสนามบินคลาร์ก อินเตอร์เนชั่นแนล ภายใต้งบประมาณ 1 พันล้านบาท และกำลังทบทวนแผนสร้างอาคารผู้โดยสารของสายการบินโลว์คอสต์หลังใหม่เพิ่ม นอกจากนี้ยังเตรียมพิจารณาพัฒนาสนามบินแห่งใหม่ที่จุดซังเลย์ (Sangley Point) บริเวณอ่าวคาวิตและลากูนา เพื่อทดแทนสนามบินนานาชาตินินอย อาคิโน ที่แออัด
ความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทั่ว กทม. และปริมณฑล รายงานพิเศษ : รถไฟฟ้า 4 เส้นทางเตรียมเปิดให้บริการในปี 62-63 (2) รายงานพิเศษ : รถไฟฟ้า 4 เส้นทางเตรียมเปิดให้บริการในปี 62-63 (2) จากปัญหาการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และการจัดหาเอกชนเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยเฉพาะในส่วนต่อขยาย ที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถดําเนินการร่วมกันให้เป็นผลสําเร็จ ตามที่ครม.มีมติ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2559 ที่ให้พิจารณาคัดเลือกเอกชน และการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน เพื่อให้มีการเดินรถแบบต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation) จนทำให้เปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลําโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ – ท่าพระมีความล่าช้า ส่งผลให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวก ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายมีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 42/2559 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อาศัยอำนาจตามาตรา 44 แห่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ดังนี้ ให้คณะกรรมการคัดเลือกโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลําโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ยุติการดําเนินการใด ๆ และให้ดําเนินการโครงการ โดยให้คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกําหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าโดยสาร รวมถึงหลักเกณฑ์อื่นเพื่อประโยชน์ในการเชื่อมต่อ โดยคํานึงถึงความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บริการของประชาชน และให้รับฟังความเห็น ของกระทรวงคมนาคม สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริตตาม โดยให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ โดยคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ต้องเสนอหลักเกณฑ์พร้อมทั้งความเห็นของหน่วยงานดังกล่าวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหลักเกณฑ์ดังกล่าว จากนั้นคณะกรรมการคัดเลือกและคณะกรรมการกํากับดูแลประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาการดําเนินการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ในส่วนของงานระบบรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล และโครงการส่วนต่อขยาย โดยให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์ เมื่อคณะกรรมการดําเนินการจนได้ข้อยุติแล้ว ให้เจรจาร่วมกันกับผู้รับสัมปทาน เดินรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลให้ดําเนินการโครงการส่วนต่อขยาย และดําเนินการให้มีการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลกับผู้รับสัมปทานดังกล่าว เพื่อให้สามารถเดินรถแบบต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation) โดยให้ดําเนินการเจรจาและแก้ไข สัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน การดำเนินการทั้งหมดนี้ ต้องคํานึงถึงประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน หากดำเนินการไม่แล้วเสร็จตามกำหนด นายกรัฐมนตรีอาจพิจารณาขยายเวลา และหากไม่อาจขยายเวลา ก็ให้มีคณะกรรมการพิจารณาการดําเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ขึ้นคณะหนึ่ง มีข้าราชการ เช่นระดับปลัดกระทรวง เป็นกรรมการ ที่ปฎิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายตามคําสั่งนี้ ตามอํานาจหน้าที่โดยสุจริต และไม่เกินสมควรแก่เหตุ ย่อมได้รับความคุ้มครองและไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ได้รับความเสียหายที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สำหรับบริษัทเอกชนที่เดินรถสายสีน้ำเงิน เฉลิมรัชมงคล บางซื่อ-หัวลำโพง ในปัจจุบันคือบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด มหาชน หรือบีอีเอ็ม กลุ่มช.การช่าง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการให้บริการของรถประจำทางใน กทม. ล่าสุด กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยกเลิกมติ ครม.เดิมที่ให้ ขสมก.เป็นเจ้าของสัมปทาน และบริหารการเดินรถ และ โอนมาอยู่ในความดูแลของกรมการขนส่งทางบก ในสัปดาห์หน้า การเสนอยกเลิกมติ ครม.ปี 2556 ครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการปรับโครงสร้างกิจการของ ขสมก.ที่เป็นทั้งเจ้าของสัมปทาน และบริหารการเดินรถ รวมทั้ง ยังถือเป็นการเปิดเสรีรถสาธารณะทั้งระบบด้วย เพราะหลังจากนี้ไปผู้ประกอบการเอกชนที่สนใจต้องการให้การบริการเดินรถเมล์ จะต้องไปยื่นเรื่องขออนุมัติเส้นทางต่อคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง และ กรมการขนส่งทางบก ที่สำคัญการเปิดเสรีเดินรถเมล์ครั้งนี้ ยังส่งผลให้เกิดความคล่องตัวในการจัดระบบเส้นทางเดินรถใหม่ และ ยังสอดรับ กับเส้นทางรถไฟฟ้าด้วย เบื้องต้น จะนำรถเมล์ที่จัดซื้อใหม่ซึ่งใช้ก๊าซเอ็นจีวี 2,000 คัน มาวิ่งให้บริการ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ใน 4-5 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรถเมล์ที่ให้บริการในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 6,541 คัน แยกเป็นรถของขสมก.2,774 คัน วิ่งให้บริการใน 114 เส้นทาง ส่วนรถร่วมบริการเอกชน มีทั้งหมด 3,767 คัน วิ่งบริการใน 95 เส้นทาง ซึ่งขั้นตอนหลังจากที่ ครม.เห็นชอบแล้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม บอกว่าขั้นตอนต่อไปต้องเสนอให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช.พิจารณาใช้มาตรา 44 เพื่อแก้กฎหมาย และ กำหนดวันสิ้นสุดสัมปทานเดิมให้หมดอายุ ภายในปี 2561 เพื่อความสะดวกในการดำเนินการ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า การก่อสร้างทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร จะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยทางพิเศษสายนี้จะช่วยลดปัญหาการจราจรหนาแน่นในเส้นทางกาญจนาภิเษกด้านตะวันตกของกรุงเทพมหานคร มาสู่ย่านใจกลางเมือง เพื่อทดสอบความเรียบร้อยและประเมินผลที่มีต่อการจราจร ได้สั่งให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. เปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการฟรีระหว่างวันที่ 15-17 สิงหาคมนี้ ก่อนที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการหลังวันที่ 20 สิงหาคมนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม บอกด้วยว่า ได้สั่งให้เพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่านระบบอัตโนมัติ หรือ อีซี่พาส ที่ตามปกติจะมีด่านละ 2 ช่อง เพื่ออำนวยความสะดวก และลดการจราจรที่ติดขัดหน้าด่าน ส่วนอีซี่พาสและเอ็มพาสของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือ มอเตอร์เวย์ จะพยายามเร่งรัดให้สามารถเชื่อมต่อได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ หาก 2 ระบบนี้สามารถเชื่อมต่อกันได้คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการมากขึ้น กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี โอนย้ายการกำกับดูแลรถเอกชนร่วมบริการ ขสมก.ไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมการขนส่งทางบก นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 26 กรกฎาคมนี้ กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้กรมการขนส่งทางบก เป็นผู้กำกับดูแลรถเอกชนร่วมบริการขสมก.ซึ่งจะทำให้ต้องมีการปรับลดระยะการเดินรถในบางเส้นทาง โดยหากครม.เห็นชอบจะทยอยโอนย้าย บริษัทหมดสัญญาสัมปทานกับขสมก.ก่อน โดยคาดว่าจะโอนย้ายได้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2561 นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนปฏิรูปเส้นทางการเดินรถ เพื่อเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้ ส่วนผลกระทบในการปรับลดระยะการเดินรถในบางเส้นทาง อาจจะเสนอให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 เข้ามาเร่งรัดให้การเดินรถสามารถเชื่อมเส้นทางกันได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นายวีระพงษ์ วงแหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ขสมก.ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการโอนย้าย การกำกับดูแลรถเอกชนร่วมบริการฯ ต่อนายกรัฐมนตรี เนื่องจากไม่มั่นใจว่า กรมการขนส่งทางบก จะกำกับดูแลได้ทั่วถึง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการผู้โดยสาร และสหภาพฯเตรียมนัดรวมตัวแสดงพลังคัดค้านมติดังกล่าวที่ศูนย์ดำรงธรรมในสัปดาห์นี้ด้วย นางสาวศศิสุภา สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานยุทธศาสตร์ บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ภายในปีนี้ ทอท.เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเดินหน้าก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ระยะทาง 4,000 เมตร ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงินประมาณ 21,000 ล้านบาท ล่าสุดอยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ EHIA (อี-เอช-ไอ-เอ) คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2562 และจะขออนุมัติก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 วงเงินประมาณ 27,000 ล้านบาท รองรับผู้โดยสารเพิ่ม 30 ล้านคน รวมเป็น 90 ล้านคนต่อปี ส่วนความคืบหน้าโครงการสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ในเดือนสิงหาคมนี้จะเริ่มงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 พร้อมลานจอดอากาศยานประชิดอาคาร และอุโมงค์ส่วนต่อเชื่อมอาคารผู้โดยสาร สำหรับแผนพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 3 อยู่ระหว่างเตรียมแผนรองรับการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เนื่องจากจะต้องปิดพื้นที่ภายในอาคารบางส่วน แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ แผนการพัฒนาท่าอากาศยาน 6 แห่งที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท.รวมวงเงินกว่า 1 แสน 9 หมื่น 4 พันล้านบาท บอร์ดทอท.อนุมัติแล้ว 1 แสน 6 หมื่น 2 พันล้านบาท คาดว่าอีกประมาณ 3 หมื่น 2 พันล้านบาทจะเข้าสู่กระบวนการขออนุมติได้ภายในปีนี้
รัฐบาลจัดระเบียบรถตู้โดยสาร สั่งให้กรมการขนส่งทางบกย้ายวินรถตู้ที่อยู่ในความดูแลทั้ง 4,205 คัน ไปที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ สายใต้ใหม่ และ เอกมัย เบื้องต้น นำร่องทดลองให้บริการปลายกันยายนนี้ ทั้งนี้ จากการสำรวจพื้นที่ของสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่ง ของกรมการขนส่งทางบก พบว่ามีพื้นที่เพียงพอให้บริการกับประชาชน และ ในวันที่ 21-28 กันยายนนี้ จะเริ่มนำร่องทดลองให้บริการไปก่อนเพื่อนำอุปสรรคปัญหาต่างๆ ที่พบมาแก้ไขก่อนเริ่มดำเนินการย้ายสถานที่ให้บริการอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ไม่ใช่วันที่ 1 สิงหาคม ตามที่เป็นข่าว ทั้งนี้ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่ง ยอมรับว่าการจัดระเบียบครั้งนี้นอกจากต้องการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด และ การจอดรถไม่เป็นระเบียบโดยรอบบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมทั้งแก้ปัญหากลุ่มผู้มีอิทธิพลแล้ว ที่สำคัญยังต้องดำเนินการตามนโยบาย และ ข้อบังคับของกรมการขนส่งทางบก ที่กำหนดให้รถสาธารณะของ บขส.ทุกประเภท ต้องส่ง-รับผู้โดยสาร บริเวณสถานีขนส่งเท่านั้น เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม การย้ายวินรถตู้โดยสาร ที่บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปยังสถานีขนส่งทั้ง 3 แห่งครั้งนี้ อาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้บริการของประชาชน ดังนั้น เบื้องต้นกรมการขนส่งทางบก จึงจัดแผนรองรับโดยประสานความร่วมมือกับ ขสมก.เพื่อจัดรถชัทเตอร์บัสให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสาร จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังสถานีขนส่ง 3 แห่ง รองผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สั่งย้ายรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 4,205 คัน ไปหมอชิต เอกมัย และสายใต้ใหม่ วันที่ 25 ตุลาคมนี้ หลังจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้รถร่วมบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) หรือรถตู้ ที่ให้บริการอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและพื้นที่รอบนอกทั้งหมด จำนวน 4,205 คัน ย้ายไปให้บริการไปที่สถานี บขส. คือ สถานีขนส่งจตุจักร (หมอชิต) สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ วันนี้ พ.อ.สุวิทย์ เกตุศรี รองผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ในฐานะประธานคณะทำงานเพื่อพิจารณาปัญหาจากการดำเนินการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะ กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงคมนาคม กรมขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมาและจะประชุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ พ.อ.สุวิทย์ กล่าวว่า ตามระเบียบแล้ว รถร่วม บขส. หมวด 2 หรือ รถตู้ที่วิ่งบริการกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดจะต้องไปประจำที่สถานี บขส. แต่เพื่อหาแนวทางป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการและประชาชนที่ใช้บริการ จึงเห็นว่า จะเริ่มทดลองย้ายรถตู้ทั้งหมดระหว่างวันที่ 21 – 28 กันยายน โดยระหว่างนั้นจะประสานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) จัดรถบัสบริการรับ - ส่งประชาชนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและพื้นที่รอบนอกไปยังสถานีขนส่ง 3 แห่ง โดยไม่คิดค่าบริการ จากนั้นจะย้ายรถตู้ทั้งหมดพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 25 ตุลาคม 2559 ไม่ใช่ 1 สิงหาคม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อนและสายสีแดงเข้ม ระยะทาง 25.9 กิโลเมตร เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาจราจรและขจัดจุดตัดถนนกับทางรถไฟ จำนวน 20 จุด โดยใช้งบลงทุนกว่า 44,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวหมุนเวียนเข้ามาในประเทศไทยกว่า 100 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึงปีละ 10% ทำให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วของท่าอากาศยานในประเทศไทย เต็มไปด้วยความแออัด รัฐบาลจึงต้องทุ่มเม็ดเงินกว่า 1,900,000 ล้านบาท เร่งพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันรับได้เพียง 81.5 ล้านคน เป้าหมายแรก คือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะเริ่มตอกเสาเข็มก่อสร้างเฟส 2 ได้ในเดือนหน้า โดยจะเพิ่มลานจอดเครื่องประชิดอาคาร,ก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มอีกปีละ 45 ล้านคนต่อปี เช่นเดียวกับท่าอากาศยานดอนเมืองที่จะถูกพัฒนาอีกครั้งโดยเน้นอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า นอกจากนี้เตรียมปรับปรุงอาคารด้านทิศใต้เป็นอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ พร้อมเพิ่มพื้นที่ลานจอดรถ รองรับผู้ใช้บริการได้อีก 10 ล้านคนต่อปี ส่วนท่าอากาศยานในต่างจังหวัดอีก 4 แห่งจะมีการขยายลานจอดเครื่องบินเพิ่ม ทั้งนี้การพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยาน เป็นอีกความหวังที่จะช่วยผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบินในภูมิภาค
เกาะติดสถานการณ์ ตรวจสอบความเคลื่อนไหว สดจาก.... สถานีบางซ่อน รายงานโดยคุณภาพิมล วิสาโรจน์ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี รายงานพิเศษ รัฐบาลลุย 2 เมกะโปรเจค "รถไฟฟ้าความเร็วสูง-มอเตอร์เวย์" บุกอีสาน การรถไฟแห่งประเทศไทย และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนา และเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายพัฒนาการขนส่งสินค้า เชื่อมต่อทางบก ทางรถไฟและทางเรือ โดยการรถไฟฯ ได้สั่งซื้อตู้ขนส่งสินค้ารุ่นใหม่ 308 ตู้ ซึ่งส่งมอบมาแล้ว150 คัน กำลังประกอบและทดสอบการใช้งาน ก่อนนำมาให้บริการขนส่งสินค้าปลายปีนี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบภายในเดือนหน้า จะทำให้สามารถเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางรถไฟ เป็นปีละ 2 ล้านตัน จากปัจจุบันปีละ 5 แสน ถึง 1 ล้านตัน ซึ่งจะช่วยลดการใช้รถบรรทุกรับ-ส่งสินค้าระหว่างท่าเรือแหลมฉบัง กับสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่องลาดกระบัง ด้าน เรือเอกสุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ยังปรับการจราจรภายในท่าเรือแหลมฉบัง โดยขยายช่องการจราจรจาก 4 ช่องทาง เป็น 14 ช่องทาง ปรับสัญญาณไฟจราจร และก่อสร้างจุดกลับรถ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่รถบรรทุกที่เข้ามารับ-ส่งสินค้าภายในท่าเรือรวมทั้งยังได้ปรับพื้นที่หน้าท่าเรือ ให้สามารถรองรับเรือขนส่งสินค้า จากขนาด 80,000 ตัน เป็น 100,000 ตันด้วย เปิดให้บริการมาได้เพียง 3 ปีเท่านั้น แต่วันนี้ สนามบินนานาชาติ "ดอนเมือง" ที่เริ่มกลับมาเปิดให้บริการคู่ขนานไปกับสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 ก็เริ่มตกอยู่ในสภาพ "แออัด" ทั้งในแง่ของจำนวนผู้โดยสาร และจำนวนเที่ยวบิน เมื่อย้อนกลับไปในห้วงเวลานั้นจะพบว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้เจรจากับสายการบินต้นทุนต่ำ หรือโลว์คอสต์แอร์ไลน์รายใหญ่ "ไทย แอร์เอเชีย" ให้ย้ายฐานปฏิบัติการบินจากสุวรรณภูมิ มาปักธงที่ดอนเมืองแทน นอกจากนี้ ยังใจป้ำอัดส่วนลดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อจูงใจบรรดาโลว์คอสต์แอร์ไลน์ บัดเจตแอร์ไลน์ ทั้งไทยและเทศ ให้มาใช้บริการด้วย ท่าอากาศยานภูเก็ต เตรียมเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ภายในเดือนกันยายนนี้ รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นางมนฤดี เกตุพันธุ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศแห่งใหม่ ของสนามบินนานาชาติภูเก็ต กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบระบบการทำงานต่างๆ ภายในอาคารผู้โดยสาร ซึ่งอาคารหลังนี้สามารถรองรับผู้มาใช้บริการได้ถึง 12.5 ล้านคน และเมื่อการก่อสร้างเฟส 3 ซึ่งจะเริ่มทันทีหลังเปิดใช้อาคารแห่งใหม่แล้วเสร็จ จะทำให้ท่าอากาศยานภูเก็ตรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 18 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารที่ไปใช้บริการท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในช่วง 6 เดือนแรก มีมากกว่า 7,675,000 ราย เพิ่มขึ้นถึง 19.35% เฉพาะเดือนกรกฎาคมเดือนเดียว มียอดผู้โดยสารมากถึง 1,270,912 คน หรือ เฉลี่ย 40,997 คนต่อวัน โดยกว่าร้อยละ 80 เป็นนักท่องเที่ยวจีน รองลงมาคือ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ รัสเซีย และมาเลเซีย ขณะที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยระหว่างการประชุม 2016 ATRC Dialogue ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้นำหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมในอาเซียน ที่จังหวัดภูเก็ต ว่า เตรียมหารือค่ายมือถือ แยกซิมนักท่องเที่ยว โดยจะขอให้เปิดระบบแสดงตำแหน่งที่อยู่นักท่องเที่ยวทุกราย เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ว่านักท่องเที่ยวอยู่ที่ไหน โดยให้เหตุผลด้านความมั่นคง คาดจะเริ่มใช้มาตรการนี้ ภายใน 6 เดือนหลังจากนี้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีการใช้งานอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศในอาเซียนอย่างมาเลเซียก็มีการใช้มาตรการนี้แล้วเช่นกัน
คณะกรรมการ รฟม.มีมติจ้าง BEM เดินรถไฟฟ้าสถานีบางซื่อ-เตาปูน 1 สถานี ชั่วคราว ระหว่างรอการเจรจาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ รฟม. มีมติจ้างบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BEM ด้วยวิธีพิเศษ โดยทำสัญญาชั่วคราว จ้างเดินรถไฟฟ้าและติดตั้งระบบ รวมทั้งระบบอาณัติสัญญาณ 1 สถานี ช่วงสถานีเตาปูน-บางซื่อ ระหว่างที่การเจรจาสัญญาเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งจะทำให้เดินรถ 1 สถานีดังกล่าวได้ก่อน เพราะถ้ารอการเจรจาจะล่าช้าออกไปอีก 2-3 เดือน โดยจะเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป ทั้งนี้ คาดว่า BEM จะเริ่มเข้าทำงานในพื้นที่ได้ภายในเดือนหน้า และจะเสร็จในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมปีหน้า ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 6-7 เดือน จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 12-15 เดือน ในการติดตั้งระบบและเดินรถ 1 สถานี ส่วนการเจรจาโดยตรงกับ BEM เพื่อเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ตามมาตรา 44 นั้น คณะกรรมการ รฟม.มีมติเห็นชอบกรอบการแบ่งปันผลประโยชน์ ให้เท่ากับสัญญาการเดินรถสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางซื่อ หากการเจรจากับ BEM เรียบร้อย ก็จะยกเลิกสัญญาชั่วคราวในการเดินรถ 1 สถานี และนำมารวมกับสัญญาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายต่อไป ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบพร้อมมีมาตรการเร่งด่วนระยะสั้น ผลักดันให้ไทยมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าใช้งาน โดยก่อนสิ้นปีนี้ คนไทยจะได้นั่งรถโดยสารไฟฟ้านำร่อง 200 คัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้ส่งเสริมรถยนต์นั่งไฟฟ้า รถยนต์นั่งไฟฟ้าขนาดเล็ก และรถโดยสารไฟฟ้า พร้อมมีมาตรการเร่งด่วนระยะสั้น เพื่อผลักดันให้เดือนพฤศจิกายนนี้ ไทยนำรถโดยสารไฟฟ้ามาใช้งานได้ โดยเร่งรัดองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจัดซื้อ 200 คัน และจัดทำมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง พร้อมมีข้อสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI กระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขส่งเสริมการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าในประเทศ และยกเว้นอากรนำเข้ารถยนต์นั่งไฟฟ้าสำเร็จรูป นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก ทบทวนประกาศกำลังไฟฟ้าที่จะขับเคลื่อน โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่ขณะนี้มีผู้ประกอบการ 1 รายสนใจลงทุน แต่ยังติดขัดเรื่องกำลังวัตต์ของรถยนต์ หากแก้ไขได้ คาดว่าต้นปีหน้าบริษัทดังกล่าวจะเข้ามาลงทุนในไทย แผนส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าที่คณะรัฐมนตรีหรือ ครม.เห็นชอบ ประกอบไปด้วย มาตรการส่งเสริมการลงทุนและผลิตรถไฟฟ้า เช่น การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ผลิต และชิ้นส่วนที่ไม่มีการผลิตในประเทศ และสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอื่นๆ โดยบริษัทที่สนใจจะต้องยื่นแผนลงทุนเป็นแพ็กเกจรวมทั้งการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าและการผลิตชิ้นส่วน เพื่อให้ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว ส่วนแผนต่อมาคือ มาตรเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน ประกอบด้วย การเร่งกระบวนการจัดซื้อรถไฟฟ้าขององค์กรขนส่งมวลชน หรือ ขสมก. 200 คันให้แล้วเสร็จ เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรฐานรถโดยสารไฟฟ้า ความปลอดภัยสถานีชาร์จไฟฟ้า และกำหนดมาตรการภาษียานยนต์และชิ้นส่วนไฟฟ้า นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ครม.ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนทั้งรายเล็กและรายใหญ่ไม่ให้ได้รับผลกระทบ รวมถึงโปรดักต์แชมเปี้ยนของไทยในอุตสาหกรรมรถยนต์ คือ รถปิกอัพและอีโคคาร์ คาดว่า จากแผนงานดังกล่าวจะเห็นการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศภายใน 2 ปี ปัญหาจราจรใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร นับเป็นปัญหาที่หลายหน่วยเร่งแก้ไข และอีกหนึ่งความสำเร็จของการทดลอง สาทร โมเดล ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ พบตัวชี้วัดสะท้อนความเร็วรถเฉลี่ยดีขึ้น ติดตามได้จากรายงาน นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดพิธีก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายที่ 3 ของประเทศไทย หรือ สายอีสานสายแรก เส้นทางบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา วงเงินก่อสร้าง 7 หมื่นกว่าล้าน คาดแล้วเสร็จภายใน 3 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเริ่มก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ หมายเลข 6 สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทางทั้งสิ้น 196 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นที่บริเวณแยกต่างระดับบางปะอิน สามารถมาได้จากทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 หรือเส้นกาญจนาภิเษก หรือทางหลวงหมายเลข 1 เส้นพหลโยธินโดยตรงได้ มอเตอร์เวย์ หมายเลข 6 นี้เป็นเส้นที่มีการปิดทางเข้า-ออกแบบสมบูรณ์ เพราะมีรั้วกั้นตลอดเส้นทาง และด่านเก็บค่าผ่านทาง 9 ด่าน คือ ด่านบางปะอิน ด่านวังน้อย ด่านหินกอง ด่านสระบุรี ด่านแก่งคอย ด่านม่วงเหล็ก ด่านปากช่อง ด่านสี่คิ้ว และสิ้นสุดที่ด่านนครราชสีมา ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา มีช่องทางการจราจร 6 ช่องจราจรตั้งแต่บางปะอิน-อำเภอปากช่อง เลยปากช่องไปเป็น 4 ช่องจราจร โครงการยังมีพื้นที่บริการทางหลวง 8 แห่ง เป็นที่พักริมทาง 5 แห่ง สถานีบริการทางหลวง 2 แห่ง และศูนย์บริการทางหลวง 1 แห่ง ใช้วงเงินก่อสร้าง 77,970 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 ปี เปิดให้ใช้บริการได้ปี 2563 การเดินทางจะรวดเร็วไปนครราชสีมาปกติ 3 ชั่วโมงครึ่ง หรือช่วงเสาร์-อาทิตย์ 5-6 ชั่วโมง ก็จะลดระยะเวลาเหลือประมาณ 2 ชั่วโมงเศษเท่านั้น
ประธานกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือรฟม. พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ พร้อมด้วยผู้ว่าฯ รฟม. พีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างสถานีสนามไชยของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ โดยประธานบอร์ด รฟม. บอกว่า สถานีสนามไชย ขณะนี้การก่อสร้างเร็วกว่าแผนร้อยละ 5 และคาดว่างานก่อสร้างจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปลายปี 2559 ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายอยู่ระหว่างจัดหาเอกชนเข้ามาสัมปทานเดินรถ คาดว่าจะได้ผู้เดินรถภายในปลายปีนี้เช่นเดียวกัน สำหรับแนวทางของ รฟม.จะดำเนินการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเป็นช่วง ๆ เมื่อมีการก่อสร้างแล้วเสร็จ เช่น จากหัวลำโพงมาสถานีสนามไชยจะทยอยเปิดให้บริการก่อน เช่นเดียวกับช่วงบางซื่อไปท่าพระ ทั้งนี้สถานีสนามไชยมีการตกแต่งอย่างสวยงาม ภายในสถานีมีลักษณะคล้ายท้องพระโรงสมัยรัตนโกสินทร์ เพื่อให้เกิดคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติ เชื่อว่าจะเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าสีน้ำเงินมากขึ้น ส่วนการคิดอัตราค่าโดยสารจากการประชุมวานนี้(2 ส.ค.) มีข้อสรุปเบื้องต้นออกมา2แนวทาง ซึ่งต้องร่วมกับผู้เกี่ยวข้องในการพิจารณาค่าโดยสารอย่างรอบคอบต่อไป รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย นอกจากจะเป็นทางเลือกในการเดินทางของคนกรุงแล้ว ยังความพิเศษของสถานี 4 แห่ง ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ความคืบหน้าล่าสุดเป็นอย่างไร ติดตามจากรายงาน รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เส้นทางหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 26.8 กิโลเมตร การก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% จะเป็นรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เส้นทางหัวลำโพง-บางซื่อในปัจจุบัน โดยรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินมีความพิเศษกว่าสายอื่น เพราะเป็นรถไฟฟ้าสายแรกของไทย ที่ขุดเจาะอุโมงค์ทางวิ่งลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา จะก่อสร้างเสร็จสิ้นปี 2561 และจะเร่งเปิดวิ่งช่วงหัวลำโพง-ท่าพระก่อน ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 ก่อนเปิดตลอดเส้นทางในปี 2562 เมื่อส่วนต่อขยายสร้างเสร็จทั้งระบบ โครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จะมีเส้นทางจากสถานีบางซื่อ-ไปหัวลำโพง-ท่าพระ ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ โดยมีเส้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีบางหว้า และเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-เตาปูนในอนาคต 4 สถานีสำคัญของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ถูกออกแบบให้โดดเด่นกว่าสถานีอื่นๆ สถานีสนามไชยแห่งนี้ ออกแบบให้คล้ายท้องพระโรง ส่วนพื้นและผนังจำลองมาจากกำแพงเมือง จะเปิดให้เข้าชมได้ปลายปีนี้ หวังกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใช้รถไฟฟ้าเดินทางมากขึ้น ส่วนอีก 3 สถานี ได้ออกแบบให้มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน โดยสถานีวัดมังกร ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน, สถานีวังบูรพา ตกแต่งด้วยศิลปะแบบชิโนโปรตุกิส และสถานีอิสรภาพ ใช้หงส์เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคล กระทรวงคมนาคม ประกาศภายในปี 2565 รถไฟฟ้า 10 สายแรก จะเปิดให้บริการครบทุกเส้นทาง พร้อมจัดทำแผนแม่บทลงทุนโครงข่ายรถไฟฟ้าระยะที่ 2 จำนวน 10 สาย ในงานสัมมนา รถไฟฟ้ามาหา... นคร พลิกโฉมเมืองเร่งเครื่องลงทุน ที่หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ จัดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่องโครงการรถไฟฟ้า 10 สาย ไม่ใช่แค่ขายฝัน โดยระบุว่า ในปี 2560 รถไฟฟ้าทั้ง 10 เส้นทาง จะเข้าสู่กระบวนประมูลได้ทั้งหมด และแต่ละเส้นทางจะทยอยแล้วเสร็จ ตั้งแต่ปีนี้ต่อเนื่องไปทุกปีจนถึง ปี 2565 พร้อมกันนี้ กระทรวงคมนาคมกำลังวางยุทธศาสตร์รถไฟฟ้าระยะที่ 2 อีก 10 เส้นทาง รูปแบบเป็นโครงข่ายแมงมุม คาดว่า มีความชัดเจนในปี 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวด้วยว่า ภาครัฐมีแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่ม ตามแนวรถไฟฟ้าให้เหมือนกับต่างประเทศ ให้เอกชนเข้ามาร่วมบริหารจัดการพื้นที่ ส่วนในวงเสวนา ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรหรือ สนข. กล่าวว่า เมื่อเกิดรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง ในปี 2565 จะช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จากปัจจุบันมีสัดส่วน ร้อยละ70 เป็นร้อยละ 40 ทั้งนี้ สนข. จะเร่งแผนปฏิรูปเส้นทางรถโดยสารให้สอดคล้องกับสถานีรถไฟฟ้า ส่วนการวางผังเมืองกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีข้อกำหนดสิทธิในการพัฒนารอบสถานีรถไฟฟ้า ในระยะ 500 เมตร นั้น ทางสำนักผังเมือง กำลังทบทวนถึงความเหมาะสมทั้งระยะห่าง การกำหนดวงแหวนรอบสถานีใหม่ รวมถึงการจัดการระบบสาธารณูปโภค ปัจจุบันมีหลายทำเลแนวรถไฟได้รับความนิยม และทำให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น เช่น อ่อนนุช เตาปูน อโศก รัชดา เพิ่มขึ้นร้อยละ 5-9 จากค่าเฉลี่ยทั่วกรุงเทพ เพิ่มขึ้นแค่ร้อยละ 3 รถไฟฟ้า 10 เส้นทาง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครไม่ได้แคร์อะไรความสะดวกในการเดินทางเท่านั้นแต่ยังช่วยให้เกิดการพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีข้อเสนอแนะที่น่าสนใจว่าควรพัฒนาและวางแผนไปพร้อมๆ กันทั้งภาคอสังหาฯ และรถไฟฟ้า ขณะที่ นักวิชาการให้ความเห็นว่า หากมองตัวอย่างของประเทศที่มีรถไฟฟ้าญี่ปุ่น ที่มีการพัฒนารถไฟฟ้าไปพร้อมๆ กับ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ประเทศไทยก็มีแนวโน้มจะทำเพียงแต่ต้องทำให้ภาครัฐและเอกชนให้ร่วมมือกันและพูดคุยให้เข้าใจตรงกัน เพื่อไม่ให้เกิดคำถามในสังคม ก็สามารถพัฒนาไปได้เร็วขึ้น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ได้จัดระบบขนส่งเสริม มาไว้คอยบริการรับ-ส่งประชาชน โดยสามารถเลือกใช้บริการได้สองเส้นทาง ทางแรกผู้ใช้บริการสามารถเดินทางไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ เอ็มอาร์ที บางซ่ือ ได้ ด้วยการขึ้นรถโดยสารปรับอากาศ โดยรถจะจอดรอรับ-ส่ง ที่สถานีรถไฟฟ้าเตาปูน ระหว่างทางออกที่ 1 และ 4 ก่อนหน้านี้ ทีมข่าวได้ไปร่วมทดลองใช้บริการระบบขนส่งเสริมนี้ ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เส้นทางการเดินรถจะเริ่มจากสถานีเตาปูน ผ่านแยกประชาชื่น แยกสะพานสูง เข้าสู่เอ็มอาร์ทีบางซื่อ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 นาที ส่วนใครที่จะขึ้นจากเอ็มอาร์ทีบางซื่อ ไปสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน รถโดยสาร จะจอดรอที่บริเวณทางออกที่ 2 ของสถานีบางซื่อ และวิ่งไปทางแยกเทอดดำริ ผ่านแยกสะพานแดง แยกประชาชื่น เข้าสู่สถานีรถไฟฟ้าเตาปูน ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 15 นาที ที่มากกว่าขาที่เดินทางมาจากเตาปูน เพราะว่า รถจะต้องใช้ทางเดียว หรือ วันเวย์ ทำให้ต้องวิ่งอ้อมอีก 5 กิโลเมตร สำหรับรถโดยสารปรับอากาศ ที่จะนำมารับ-ส่ง มีทั้งหมด 15 คัน แต่จะแบ่งการบริการออกเป็น 5 ชุด ชุดละ 3 คัน โดยความถี่ที่รถจะออก ในช่วงเวลาปกติ 8 นาที ต่อชุด ทุกวัน ส่วนช่วงเวลาเร่งด่วน ก็คือจันทร์ ถึงศุกร์ เวลา 6 นาฬิกา 50 นาที ถึง 9 นาฬิกา 30 นาที และในช่วง 16 นาฬิกา 30 นาที ถึง 20 นาฬิกา จะออกทุก 6 นาทีต่อชุด ระบบขนส่งเสริมอีกเส้นทางที่นำมาให้บริการ ก็คือ รถไฟปรับอากาศ ให้เดินออกจากสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน ทางออก 5 ไปขึ้นรถไฟที่ สถานีรถไฟบางซ่อน เพ่ือเดินทางไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ ส่วนใครที่ออกมาจากเอ็มอาร์ทีบางซื่อ แล้วต้องการจะใช้บริการรถไฟปรับอากาศ ไปสถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน ให้ออกบริเวณทางออกที่ 2 เส้นทางนี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที โดยรถไฟปรับอากาศ จัดให้บริการ 1 ขบวน 3 ตู้โดยสาร ความถี่ในการให้บริการ 15 นาที ต่อขบวน และจะให้บริการทุกวันจันทร์ ถึงศุกร์ เฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 5 หมื่นคนต่อชั่วโมง หรือมากกว่า 4 แสนคนต่อวัน คาดว่าปีแรกจะมีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 2 แสนคน และจะเพิ่มเป็น 4 แสนคน ในปี 2562 รถไฟฟ้าสายสีม่วงนอกจากจะเข้ามาเป็นทางเลือกในการเดินทางของประชาชนเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในย่านชานเมืองสะดวกขึ้น
สมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดรถไฟฟ้าสายสีม่วงวันนี้ กรุงเทพฯ 6 ส.ค.- สถานีคลองบางไผ่ สถานีต้นที่ไปยังสถานีเตาปูน เปิดเดินรถเที่ยวปฐมฤกษ์เรียบร้อยแล้ว ประชาชนหลายร้อยคนต่างตื่นเต้นที่ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าเที่ยวแรกที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเปิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินกลับโดยรถยนต์พระที่นั่ง ออกจากศูนย์ซ่อมบำรุงฯ สถานีคลองบางไผ่ เรียบร้อยแล้ว ในเวลาประมาณ 15.20 น. หลังจากทรงกดปุ่มด้วยระบบคอมพิวเตอร์เปิดการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง และเจ้าหน้าที่ก็เปิดให้ประชาชนเข้าใช้บริการรถเที่ยวแรกทันที สำหรับประชาชน 600 ท่านแรกที่มาซื้อตั๋วโดยสารที่สถานีนี้ก็ได้รับเหรียญกษาปณ์ 70 ปีครองราชย์ เป็นที่ระลึก ต่างรู้สึกดีใจและปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก จนถึงขณะนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งเริ่มจากสถานีต้นทางคลองบางไผ่ ได้เดินรถไปราว 5 ขบวนแล้ว และตัวเลขประชาชนมาใช้บริการขณะนี้อยู่ที่ประมาณเกือบ 1,000 คน เฉพาะสถานีคลองบางไผ่ ใช้เวลาเดินรถแต่ละสถานีประมาณ 3-5 นาที และจากต้นทางถึงปลายทางสถานีเตาปูน ใช้เวลารวมประมาณ 40 นาที รวมระยะทาง 23 กิโลเมตร สำหรับวันนี้ ตารางการให้บริการทั้ง 16 สถานี จนถึงเวลา 23.00 น. แต่สำหรับวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.) จะเข้าสู่ปกติ เริ่มเดินรถตั้งแต่เวลา05.30-24.00 น. -สำนักข่าวไทย กรมเจ้าท่า จัดทำประชาพิจารณ์โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารารอบใหม่ เดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ พร้อมให้ความรู้กับชาวบ้านในพื้นที่ สนับสนุนการก่อสร้าง คาดได้ข้อสรุปกลางปีหน้า(60) นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยการว่ากระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา อำเภอระงู จังหวัดสตูล ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีเอชไอเอ และทำความเข้าใจชาวบ้านในพื้นที่ถึงความสำคัญในการก่อสร้างท่าเรือ ที่จะเป็นแลนด์บริดจ์ เชื่อมจากท่าเรือปากบาราไปท่าเรือสงขลา 2 ช่วยลดระยะทางการขนส่งสินค้า และลดต้นทุนการขนส่งจากทะเลอันดามันผ่านอ่าวไทยไปยังทะเลแปซิฟิก โดยเดือนสิงหาคม - กันยายนนี้ กรมเจ้าท่าได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่อีกครั้ง นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า จะพูดคุยกับชาวบ้านเฉพาะกลุ่ม เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับท่าเรือ รวมทั้งชี้แจงรายละเอียดแบบก่อสร้าง โดยชาวบ้านมีความเข้าใจมากขึ้นและเสนอให้ปรับรูปแบบก่อสร้างท่าเรือ คาดว่าเฉพาะส่วนท่าเรือ จะได้ข้อสรุปไม่เกินกลางปีหน้า(60) ส่วนการลงทุนยังเป็นแบบเดิม คือเป็นท่าลึก 14 เมตร แบ่งการก่อสร้างเป็น 3 เฟส เฟสแรก เป็นท่าเทียบเรือคอนเทนเนอร์ มูลค่าลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี สำหรับการก่อสร้างท่าเรือครุยซ์แห่งแรกที่เกาะสมุย ได้เร่งจัดทำ อีเอชไอเอ ให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2560 และเริ่มจัดหาผู้รับเหมา ดำเนินการก่อสร้างได้ก่อนสิ้นปีหน้า(60) ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี รวมทั้งมีแผนสร้างท่าเทียบเรือสำราญที่เกาะภูเก็ตด้วย วันนี้(6 ส.ค.59)เป็นวันแรกที่รถไฟฟ้าสายสีม่วง 'ฉลองรัชธรรม' เส้นทางบางใหญ่-เตาปูน เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ โดยระยะแรกประชาชนจะต้องใช้บริการระบบขนส่งเสริม (Feeder System) เชื่อม 1 สถานีระหว่างสถานีบางซื่อ-เตาปูนไปก่อน เนื่องจากการเชื่อมรอยต่อบริเวณดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ เปิดให้ประชาชนใช้งานอย่างเป็นทางการ สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงสาย “ฉลองรัชธรรม” เส้นทาง บางใหญ่-เตาปูน ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ใช้งบประมาณก่อสร้าง 60,019 ล้านบาท เชื่อมการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ กับนนทบุรี หวังแก้ไขปัญหาจราจร โดยให้ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) (BEM) ม เป็นผู้สัมปทานเดินรถ วงเงินลงทุน 13,243 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี แต่ปัญหาใหญ่ของการใช้งานรถไฟฟ้าสายนี้ ก็คือช่วงรอยต่อ 1 สถานี ระยะทาง 1 กิโลเมตร ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีเตาปูนกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีบางซื่อที่เดิม ส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ ต้องสร้างมาเชื่อมกับสถานีเตาปูน แต่กลับสร้างเสร็จไม่ทัน ทำให้รถไฟฟ้าขาดช่วง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช. ที่ 42/2559 เร่งรัดขั้นตอนทั้งหมด ทำให้บอร์ด รฟม. ตกลงทำสัญญาชั่วคราวด้วยวิธีพิเศษ จ้าง 'บีอีเอ็ม' วางระบบและเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงรอยต่อ คาดว่าจะย่นเวลาให้แล้วเสร็จเร็วขึ้นภายในต้นปี 60 ทั้งนี้ ระหว่างรอการเชื่อมต่อ รฟม.ได้แก้ปัญหาด้วยการเปิดใช้ระบบขนส่งเสริม(Feeder System) ระหว่าง 2 สถานี โดยให้บริการ 2 ช่องทาง ได้แก่ รถเมล์ ขสมก. และรถไฟชานเมือง รถเมล์ ขสมก. มีให้บริการ 15 คัน บริเวณทางออก 1 และ 4 สถานีรถไฟฟ้าเตาปูน ตั้งแต่เวลา 06.00-24.00น. ใช้เส้นทางเดินรถจากสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน ผ่านแยกประชาชื่น แยกสะพานสูง เข้าสู่สถานีรถไฟฟ้าบางซื่อ ใช้เวลา 7 นาที และกลับเส้นทางเดิมใช้เวลา 3 นาที และรถไฟชานเมืองปรับอากาศ (ดีเซลราง) ใช้ตู้โดยสาร 3 ตู้ต่อ 1 ขบวน รองรับผู้โดยสาร 250 คนต่อเที่ยว ให้บริการทุกวันจันทร์-เสาร์ 06.30-09.30 น. และ 16.30-20.30น. บริเวณทางเชื่อมต่อทางออก 2 ที่สถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน รถไฟฟ้าสายสีม่วง “ฉลองรัชธรรม” ใช้โครงสร้างยกระดับตลอดสาย มีระยะทาง 23 กิโลเมตร 16 สถานี มีความถี่เดินรถ 6 นาที รวม 21 ขบวน 63 ตู้ , 1 ขบวนมี 3 ตู้ จุ 320 คนต่อตู้ ค่าโดยสารเริ่มต้น 14 บาท สถานีต่อไปคิด 2 บาทต่อกิโลเมตร สูงสุดไม่เกิน 42 บาท จะช่วยลดเวลาการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปบางใหญ่ ที่เดิมใช้เวลากว่า 2- 3 ชั่วโมง เหลือเพียงแค่ 40 นาที หลังเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงอย่างเป็นทางการ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา วันนี้ เป็นวันแรกของการทำงาน ปรากฏว่าตั้งแต่เช้ามีผู้มาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมไปถึงบริการระบบเชื่อมต่อระหว่างสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน
ทั้งหมดทั้งปวง เยอะแยะโครงการเนี่ย น่าจะสมควรดีใจ แต่ผมบอกตรงๆ น่าเสียดายผมว่ารถไฟทางคู่มันช้าเกินไป แล้วดูว่าจะยังช้าไปอีกนาน ทางคู่ควรจะเสร็จก่อนโครงการอื่นๆ ไม่งั้นรฟท.เจ๊งแน่ ผมเห็นว่ารฟท.เนี่ยแหละถ้าพัฒนาให้ดีควรจะเป็นประโยขน์กว่า อยากได้ด่วนๆแบบนี้เลยครับ
ในอนาคตที่คาดว่าคนส่วนใหญ่จะหันมาใช้บริการสายการบินมากขึ้น ดังนั้น ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จึงวางแผนยุทธศาสตร์ ที่จะพัฒนาสนามบิน 6 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยมีแนวทางสำคัญ คือสร้างเอกลักษณ์ของแต่ละสนามบินให้มีความโดดเด่น สวยงาม ติดตามจากรายงาน ปี 2560 เป็นปีแห่งการก่อสร้างรถไฟฟ้า และภายในปี 2565 รถไฟฟ้าตามแผนแม่บททั้ง 10 สาย น่าจะเสร็จสิ้นและเปิดให้บริการได้ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนโฉมกรุงเทพทั้งเมือง กระทรวงคมนาคม สั่ง รฟม.เร่งแก้ข้อบกพร่องการเดินรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม หรือสายสีม่วง หลังพบปัญหาระบบประตู และระยะเวลาการเดินรถยังล่าช้ากว่ากำหนด ด้านอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แนะเร่งเชื่อมต่อ สถานีเตาปูน-บางซื่อ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แนะให้เร่งแก้ปัญหารจุดเชื่อมต่อ ระหว่างสถานีบางซื่อ ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน "เฉลิมรัชมงคล" กับสถานีเตาปูน ของรถไฟฟ้าสายสีม่วง "ฉลองรัชธรรม" จะช่วยผลักดันผู้โดยสารสายสีม่วง ตามเป้าหมาย หลังทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสีน้ำเงินและสายสีม่วง รวมทั้งใช้รถเมล์เชื่อมต่อระหว่างสถานีบางซื่อกับสถานีเตาปูน พบว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ยังมีผู้โดยสารไม่มาก และพบข้อบกพร่องอยู่บ้าง อาทิ รถไฟฟ้าจอดไม่ตรงช่องทางเดินเข้าออกรถไฟฟ้า , ประตูรถไฟฟ้าเปิดแต่ประตูกั้นชานชาลาไม่เปิด ทำให้ผู้โดยสารเข้าออกรถไฟฟ้าไม่ได้ และรถจอดแช่ที่บางสถานีโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เสียเวลา ขณะที่การเชื่อมต่อรถเมล์ จากสถานีบางซื่อไปสถานีเตาปูน ยังพบปัญหา เช่น ป้ายแนะนำจุดเชื่อมต่อที่สถานี และป้ายจุดรอรถเมล์ไม่เพียงพอ , ไม่มีตารางการปล่อยรถชัดเจน และระยะเวลาเชื่อมต่อระบบโดยไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าสั้นเกินไป รฟม. ต้องเร่งแก้ปัญหาการเชื่อมต่อทั้งสองสถานีโดยเร็ว นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พอใจภาพรวมการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง แม้มีประชาชนใช้บริการ แม้อยู่หลักหมื่นคนต่อวัน เพราะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ส่วนปัญหาจากการใช้งาน เช่น ประตูรถไฟฟ้ายังปิดเปิดไม่ตรงสกรีนดอร์ของสถานี จะปรับปรุงแก้ไขต่อไป ยืนยันจะเร่งแก้ปัญหาการเชื่อมต่อระหว่างสถานีเตาปูนกับสถานีบางซื่อ ให้แล้วเสร็จในปีหน้า(60) กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอต่อคณะรัฐมนตรี พิจารณารถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง คือ นครปฐม-หัวหิน , ลพบุรี-ปากน้ำโพ และหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงินรวมกว่า 55,000 ล้านบาท ในเดือนสิงหาคมนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยแผนพัฒนารถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง จะทำควบคู่กับการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหารายได้ให้การรถไฟฯ นอกเหนือจากรายได้ค่าโดยสาร โดยจะจัดรูปที่ดินใหม่และเปิดให้เอกชน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมและห้างค้าปลีกที่สนใจเข้ามาลงทุน เบื้องต้นจะให้สิทธิผู้เช่ารายเดิมก่อน จากนี้บริษัทที่ปรึกษาจะรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมด ไปจัดทำแผนโครงการภายใน 3 เดือน ก่อนเสนอคณะกรรมการพีพีพี พิจารณา แผนแม่บทพัฒนารถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. และอยู่ระหว่างก่อสร้าง คือ เส้นทางจิระ-ขอนแก่น ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร และเส้นทางรอเข้า ครม. ได้แก่ มาบกะเบา-จิระ นครปฐม-หัวหิน หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ลพบุรี-ปากน้ำโพ ด้านนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม คาดว่า 3 เส้นทาง คือ นครปฐม-หัวหิน , ลพบุรี-ปากน้ำโพ และหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ วงเงินรวมกว่า 55,000 ล้านบาท จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี พิจารณาได้ในเดือนนี้(ส.ค.)
พูดจริงๆนะ เรื่องรถไฟรางคู่ บางที รฟท ก็ห่วยแตก ขนาด สายประจวบ-ชุมพร ผ่าน ครมแล้ว ตั้งแต่ เมษายน จนถึงตอนนี้ ยังประกวดราคาไม่ได้
กระทรวงคมนาคม เร่งรัดเชื่อมต่อระบบจัดเก็บค่าผ่านทางผ่านบัตรทั้งเอ็มพาส และอีซี่พาส ให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้เร่งรัดปรับปรุงระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ ทั้งระบบเอ็มพาส ซึ่งใช้ในด่านมอเตอร์เวย์ และ ระบบอีซี่พาส ซึ่งใช้กับระบบทางพิเศษ หรือทางด่วนให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ ภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งผู้ที่ถือบัตรอีซี่พาส หรือเอ็มพาส อยู่แล้ว สามารถใช้ชำระค่าผ่านทางพิเศษได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนบัตร ซึ่งมั่นใจว่า จะทำให้ประชาชนหันมาใช้วิธีชำระค่าผ่านทาง ผ่านระบบอัตโนมัติมากขึ้นเป็น 50 % จากปัจจุบันที่มีผู้ใช้บริการประมาณ 30 % ของผู้ใช้ทางพิเศษ หรือกว่า 1 ล้าน 2 แสนคัน นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับปรุงระบบจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษ เป็นระบบ Multilane Free Flow ด้วยการนำไม้กั้นออก ให้รถสามารถวิ่งผ่านด่านเก็บเงินได้รวดเร็วขึ้น โดยจะตัดยอดเงินค่าผ่านทาง ด้วยระบบการตัดสัญญาณอัตโนมัติ ซึ่งน่าจะเปิดใช้ได้ภายในปี 2561 การรถไฟฯ ชี้แจง กรณีสังคมออนไลน์ มีการแชร์ภาพความแตกต่างระหว่างรถไฟไทยกับรถไฟมาเลเซีย พร้อมระบุ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งพัฒนายกระดับระบบราง หลังจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Drag Diesel Thailand ได้โพสต์ภาพ บริเวณสถานีรถไฟบาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย ที่มีรถไฟของประเทศไทยจอดเทียบคู่กับรถไฟของมาเลเซีย แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ทั้งความทันสมัย รูปลักษณ์ และ ดีไซน์ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ จำนวนมาก ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ความแตกต่างของรถไฟทั้งสองประเทศ เพราะรถไฟมาเลเซียได้รับการพัฒนาให้ใช้ระบบรถไฟฟ้าแล้ว ขณะที่รถไฟไทย ยังคงใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งขณะนี้ รฟท.กำลังเร่งพัฒนาและยกระดับระบบราง เริ่มจากการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ ในการใช้ระบบรถไฟฟ้าวิ่งจากสถานีหาดใหญ่ไปยังปาดังเบซาร์ ทั้งนี้ สมัยก่อนมาเลเซียเข้ามาดูงานรถไฟที่ประเทศไทย แต่ด้วยการตื่นตัวของรัฐบาลเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง จึงพัฒนาเรื่องนี้เต็มที่ นางมุสลิซาม มูซา ผู้จัดการสถาบันวิชาการระบบรางแห่งชาติมาเลเซีย ระบุว่า มาเลเซียตั้งเป้าเป็นผู้นำระบบรางในภูมิภาคอาเซียนในอีก 2 ปี และโรงงานประกอบรถไฟฟ้าซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ เป็นความร่วมมือของมาเลเซียกับจีน จีดีพี.ที่โตกว่าที่คาด หลัก ๆ มาจากการลงทุนภาครัฐ และเมื่อเราเข้าไปดูตัวเลขการลงทุนที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พบว่า มีโครงการและเม็ดเงินอีกกว่า 1 ล้านล้านบาท ที่รัฐจะลงทุนเพิ่ม โดยในครึ่งปีหลัง จะมีเม็ดเงินภาครัฐใหลเข้าระบบเศรษฐกิจ กว่า 8.23 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบลงทุน 2.5 แสนล้าน เฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีจำนวน 6.3 หมื่นล้านบาท รัฐบาลตั้งเป้าปีนี้ ให้เป็นปีแห่งการลงทุน โดยเร่งประมูลงานก่อสร้างโครงการภาครัฐจำนวนมาก เพื่อสร้างความมั่นใจให้ภาคเอกชน และลงทุนตาม โดยข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข.พบว่า โครงสร้างพื้นฐานระหว่างปี 2559-2560 มีจำนวนมากถึง 20 โครงการ วงเงินรวม 965,416 ล้านบาท หรือ เฉียดล้านล้านบาท เช่น โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 3 สาย วงเงิน 148,500 ล้านบาท ,รถไฟทางคู่ วงเงิน 26,000 ล้านบาท ,สุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 15,660 ล้านบาท ,ท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ ท่าเรือแหลมฉบัง วงเงิน 1,864 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยเสร็จตั้งแต่ปีนี้ถึง ปี 62 นอกจากนี้ ยังโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการประกวดราคา อีก 7 โครงการ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร เช่น สายสีชมพู แคราย-มีนบุรี วงเงิน 56,691 ล้านบาท ,สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) วงเงิน 54,644 ล้านบาท ,สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) วงเงิน 109,540 ล้านบาท ที่จะเริ่มลงมือก่อสร้างในปี 60 นี้ และยังมีโครงการที่เตรียมเสนอ ครม.อีก 5 โครงการ ทั้งโครงการรถไฟชานเมือง ,รถไฟทางคู่ ,รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-หัวหิน วงเงิน 94,673 ล้านบาท ,รถไฟไทย-จีน และ ไทย-ญี่ปุ่น ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต การก่อสร้างรถไฟทางคู่ หนึ่งในโครงการลงทุนของภาครัฐ ที่นอกจากจะพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศแล้ว ยังเป็นการกระจายเม็ดเงินให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจด้วย ทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ระยะทางรวม 16.5 กิโลเมตร เป็นอีกเส้นทางที่จะช่วยบรรเทาปัญหาจราจร เนื่องจากเส้นทางนี้มีจุดเชื่อมต่อกับถนนสายหลัก และทางพิเศษ 8 แห่ง ตั้งแต่ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนราชพฤกษ์, ทางยกระดับบรมราชชนนี, ถนนจรัญสนิทวงศ์ และถนนกำแพงเพชร 2 หน้าสถานีขนส่งหมอชิต และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังทางพิเศษเส้นทางดินแดง พระรามเก้า และ ภาคตะวันออกได้ด้วย เป็นทางเลือกในการเดินทาง จากฝั่งตะวันตก ไปยังฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ที่ปกติแล้วต้องเสียเวลาเดินทางมากกว่า 1 ชั่วโมง ในช่วงเวลาเร่งด่วน ผู้ใช้บริการทางด่วนศรีรัช คิดค่าผ่านทางตามประเภทของรถ ตั้งแต่ 50 บาท 80 บาท และ 115 บาท หลังจากเปิดให้บริการจริงในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะมีรถเข้ามาใช้บริการกว่า 100,000 คันต่อวัน ซึ่งเป็นทางเลือกในการเดินทางและช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในเส้นทางอื่นๆ ได้ด้วย ขณะที่กระทรวงคมนาคม เน้นย้ำให้มีการวางแผนการอำนวยความสะดวกการจราจรควบคู่ไปด้วย หลังจากนี้ การทางพิเศษฯ ยังมีโครงการเปิดทางพิเศษใหม่ เส้นทางพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอก ที่จะเริ่มก่อสร้างได้ไม่เกินกลางปีหน้ารวมทั้งมีการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองอีก 3 สาย หากโครงข่ายทั้งหมดแล้วเสร็จ ทางพิเศษก็จะเป็นความหวังการเดินทางของประชาชน ลดระยะเวลาเดินทาง และอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวด้วย
ทางเลือกผู้ใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วงรับสภาพ "สุดวิสัย" รฟท.แจงเหตุภาพความต่างรถไฟไทย-มาเลเซีย หลังมีการแชร์ว่อนเน็ต ยืนยันเป็นรถไฟคนละระบบกัน การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงมีความล่าช้ามาก ผู้ว่าการรถไฟฯเตรียมเรียกผู้รับเหมามาหารือ วางแผนงานให้เร็วขึ้น และเร่งดำเนินการในสัญญาที่ 3 ด้วยคาดแล้วเสร็จปี 62 พร้อมเปิดให้ใช้งานในปีถัดไป วันนี้ (17 ส.ค.) นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง (รังสิต-บางซื่อ) ที่เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2552 โดยการก่อสร้างสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ 20 ส่วนสัญญาที่ 3 หรือ การวางระบบอาณัติสัญญาณและการเดินรถ ยังไม่เริ่มดำเนินการ ทั้งนี้คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2562 ล่าช้ากว่าแผนเดิมที่ต้องก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2559 โดย ร.ฟ.ท.จะเชิญผู้รับเหมาทั้ง 2 สัญญา มาร่วมหารือการทำงานร่วมกัน เพื่อปรับแผนให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น อย่างไรก็ตามเส้นทางรถไฟชานเมืองสายสีแดง มีระยะทางรวม 26.3 กิโลเมตร วิ่งตามแนวเขตทางรถไฟสายเหนือ มีทั้งหมด 10 สถานี จากสถานีกลางบางซื่อ ถึง สถานีรังสิต จังหวัดปทุมธานี คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในช่วงต้นปี 2563 สำหรับ สถานีกลางบางซื่อ ที่ตะเป็นศูนย์กลางการเดินทางในอนาคต มีความคืบหน้าในการก่อสร้างร้อยละ 38 แต่ยังล่าช้ากว่าแผน เพราะติดอุปสรรคด้านการรื้อย้ายท่อส่งน้ำมันภายในพื้นที่ โดยสถานีนี้ จะก่อสร้างเป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้นใต้ดินเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถ รองรับได้ 1,700คัน มีทางเชื่อมไปชั้นจำหน่ายตั๋วและเชื่อมไปยังรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ ตั๋วร่วมแมงมุมใช้ ม.ค.60 รฟม.เจรจาผู้เดินรถไฟฟ้า 4 สายติดตั้งระบบตั๋วร่วม รถไฟฟ้าสายสีม่วงบางใหญ่-เตาปูน เปิดใช้งาน 2 สัปดาห์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดทุนวันละ 3 ล้านบาท ขณะที่การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆในภาพรวมยังคงล่าช้า
รองนายกฯ สมคิด กระตุ้นคมนาคม หาแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินจากการเวนคืน เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ รัฐบาลยังเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เตรียมเสนอนายกฯพิจารณา 31 ส.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 12.00 น.ของวันนี้ ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว โดยนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีเปิด โดยทางด่วนสายนี้มีระยะทางรวม 16.7 กิโลเมตร เชื่อมต่อฝั่งตะวันตกของกรุงเทพ ซึ่งจากการเร่งรัดโครงการก็สามารถเปิดให้บริการได้เร็วกว่ากำหนด 4 เดือน ค่าบริการเริ่มต้นที่ 50 บาท และจะปรับขึ้น 15 บาท ในทุก ๆ 5 ปี ตามสัญญา ขณะเดียวกันที่กระทรวงคมนาคม รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ได้เร่งรัดให้กระทรวงคมนาคม สรุปแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการขับเคลื่อนระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก "Eastern Economic Corridor" เตรียมเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติโครงการภายในเดือนตุลาคม โดยมีโครงการสำคัญ คือโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง, การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา, การพัฒนาท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ (ท่าเรือจุกเสม็ด) และการพัฒนาท่าเรือเฟอรี่ เชื่อมต่อระยอง-ปราณบุรี เพื่อผลักดันให้โครงการเกิดขึ้นได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ กระทรวงคมนาคม และ รฟม. เร่งแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีม่วง หลังพบว่าไม่ได้รับความสนใจจากผู้โดยสารเท่าที่ควร โดยให้ไปหาสาเหตุและแผนการแก้ไขปัญหา ทั้งเรื่องค่าโดยสารและการเชื่อมต่อการเดินทาง เพื่อดึงให้ประชาชนมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด รัฐบาลเร่งหาข้อสรุปแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ตามแนวรถไฟความเร็วสูงและมอเตอร์เวย์ คาดภายในวันนี้จะมีความชัดเจน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นประธานการประชุมตามความคืบหน้าแนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวโครงข่ายรถไฟ โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีของโครงการรถไฟความเร็วสูงจำนวน 4 เส้นทาง เริ่มจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดนครราชสีมา, เส้นทางที่2ไปหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, เส้นทางที่ 3 ไปจังหวัด ระยอง เส้นทางที่ 4 ไปจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงผลศึกษารายได้และผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานี ก่อนสรุปรายละเอียดเสนอนายกรัฐมนตรี เมื่ออนุมัติแล้วหลังจากนั้นก็จะนำมาจัดทำเป็นร่าง TOR เปิดประมูลต่อไป นอกจากนี้จะมีการติดตามผลการดำเนินงานของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ (สนข.) หลังจากการประชุมครั้งที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ไปศึกษาการพัฒนาจุดพักรถมอเตอร์เวย์ โดยให้ใช้โมเดลของประเทศญี่ปุ่นมาดำเนินการ เน้นความทันสมัย เพื่อดึงดูดให้ใช้บริการ กระทรวงคมนาคมเร่งเสนอแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง รวมถึงแผนการพัฒนาระเบียงภาคตะวันออกให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบในสัปดาห์หน้า
ภัทราพร ตั๊นงาม-ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส เริ่มแล้ว..วันแรก! กทม.ทดลองเดินเรือ“คลองผดุงกรุงเกษม”เชื่อมต่อการเดินทางหัวลำโพง-เทเวศร์ 5กม.เพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง- แก้ไขปัญหาการจราจร-ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ - เริ่มจากท่าเรือหัวลำโพง ถึงท่าเรือเทเวศร์ - ใช้เรือของสำนักการระบายน้ำ จำนวน 4 ลำ ใส่หลังคาคลุมกันแดด-ฝน จัดที่นั่งจำนวน 12 ที่นั่ง และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย - วันธรรมดา ให้บริการ 2 ช่วงเวลา คือ 06.00 – 09.00 น. และ 16.00-20.00 น. ระยะห่างลำละ 20 นาที - วันเสาร์-อาทิตย์ 08.00 – 20.00 น. ระยะห่างลำละ 30 นาที - จอด 9 ท่าเรือ ประกอบด้วย 1.ท่าเรือหัวลำโพง 2.ท่าเรือนพวงศ์ 3.ท่าเรือยศเส 4.ท่าเรือกระทรวงพลังงาน 5.ท่าเรือแยกหลานหลวง 6.ท่าเรือนครสวรรค์ 7.ท่าเรือราชดำเนินนอก 8.ท่าเรือประชาธิปไตย 9.ท่าเรือเทเวศน์ - กำลังสร้างเพิ่ม ที่ท่าเรือตลาดเทเวศร์ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้กลางเดือนกันยายน 2559 - ระยะต่อไปจะจัดหาเรือโดยสารเพิ่มเติม อีก 6 ลำ คาดว่าจะสามารถบริหารจัดการเริ่มเดินเรือได้ประมาณเดือน มี.ค.2560 --------------- ภาพประกอบ.. : เรือในคลองผดุง สมัยให้นั่งเที่ยวช่วงมีตลาดน้ำทำเนียบ .. ส่วนภาพให้บริการจริง จะมีหลังคาที่เรือค่ะ
สภาพน้ำในคลอง อาจจะต้องทำรั้วตาข่ายกั้นให้สูงจนทิ้งขยะไม่ถึง ออกแบบให้ดูสวยงามแบบธรรมชาติ โดยเฉพาะจุดที่ผ่านย่านการค้า มิเช่นนั้นต้องปรับภูมิทัศน์ ย้ายร้านค้าไปส่วนอื่น ใช้เรือแบบของสิงคโปร์ สวยดีค่ะ รวมจำกัดความเร็วเรือ เพื่อไม่ให้เกิดคลื่นและอันตราย
จริงๆแล้วเชื่อว่าได้หลายอย่างครับ แก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย การจราจร การท่องเที่ยว เพียงแต่ต้องควบคุมกฎ ระเบียบให้ได้ อย่าปล่อยให้เละเทะอย่างที่ผ่านมา
ทีดีอาร์ไอ แนะรัฐบาลเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงไม่เกิน 15 บาทตลอดสาย เพื่อจูงใจคนใช้บริการเพิ่ม พร้อมเร่งพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อลดความเสี่ยงขาดทุน นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า หากรัฐบาลสามารถลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงให้เหลืองเพียง 10-15 บาทตลอดสาย จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้บริการมากขึ้น แต่ต้องลดราคาในระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมากนัก ทั้งนี้ประเมินว่า นอกจากนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้ว รถไฟฟ้าเส้นทางอื่น ๆ ตามแนวชานเมือง อาทิ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี,สายสีชมพูช่วง แคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงว่า โครงการจะขาดทุน เนื่องจากผู้โดยสารน้อย จึงเห็นว่า รัฐบาลควรกระตุ้นให้เกิดพื้นที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจตามแนวเส้นทางรถไฟ้ฟ้าเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุด อาทิ เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า ศูนย์ราชการ รวมถึงสถาบันการศึกษา หรือโรงพยาบาล และอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทางให้สะดวก รวดเร็วขึ้น ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ รฟม.เร่งหาแนวที่จะทำให้ประชาชนมาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงมากขึ้น ซึ่งหากปัญหาเกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร ที่สถานีบางซื่อ ก็ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ได้เปิดเผย ผลการหารือเรื่องการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยง ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ในเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง กรุงเทพฯ-หัวหิน การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือน้ำลึกอู่ตะเภา ให้เป็นเชิงพาณิชย์,การพัฒนาท่าเรือจุดเสม็ด และการพัฒนาท่าเรือเฟอรี่ โดยจะนำเสนอสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในเดือนตุลาคมนี้ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เปิดทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร โดยทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร หรือ "ทางพิเศษเชื่อมสุข กรุงเทพ-กรุงธน" นายกรัฐมนตรี บอกเป็นหนึ่งแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาการจราจร ขณะเดียวกันรัฐบาลจะเดินหน้าโครงการสร้างเมืองใหม่ในภูมิภาคไปสู่ 18 กลุ่มจังหวัด ให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกัน นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมอาเซียนต่อไป นายกรัฐมนตรี ยังใช้บริการด่านเก็บค่าผ่านทางเป็นปฐมฤกษ์ และเริ่มเปิดใช้เส้นทางอย่างเป็นทางการ และจัดเก็บค่าผ่านทางตั้งแต่เที่ยงวันนี้เป็นต้นไป สำหรับทางพิเศษดังกล่าว เป็นการเชื่อมโยงระหว่างกรุงเทพและฝั่งธนบุรี เพื่อระบายการจราจรจากทางพิเศษศรีรัช บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต 2 ข้ามไปฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร 6 ช่องจราจร ระยะทาง 16.7 กิโลเมตร เริ่มต้นที่ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระราม 7 สิ้นสุดโครงการบริเวณย่านบางซื่อใกล้สถานีขนส่งหมอชิต 2 ซึ่งเชื่อมต่อเข้ากับทางพิเศษศรีรัชเดิม และถนนกำแพงเพชร 2 โดยมีด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ 10 ด่านเป็นระบบเปิดแบบเหมาจ่าย รถยนต์ 4 ล้อ 50 บาท รถ 6-10 ล้อ 80 บาท และรถมากว่า 10 ล้อ 115 บาท คาดว่ามีปริมาณผู้ใช้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 45,000 เที่ยวต่อวัน มติบอร์ด รฟม.จัดโปรโมชั่นลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงลง 50% คิดสถานีละ1บาท ตลอดเส้นทางเหลือเพียง 29 บาทต่อเที่ยว เริ่มใช้ 1 กันยายน จนกว่าระบบเชื่อมต่อเตาปูน-บางซื่อแล้วเสร็จ ช่วงบ่ายวันนี้ คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ประชุมนัดพิเศษ และเชิญ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (บีอีเอ็ม) หารือแก้ปัญหาผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) น้อย พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานกรรมการ รฟม.กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบจัดโปรโมชั่น ลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ลงเหลือสถานีละ 1 บาท จากเดิมสถานีละ 2 บาท เมื่อบวกกับค่าแรกเข้า 14 บาท ทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง กรณีนั่งตลอดสายเหลือ 29 บาท จากเดิม 42 บาท ทั้งนี้ ราคาใหม่จะได้รับสิทธิเฉพาะผู้ถือบัตร MRT Plus เท่านั้น ไม่รวมถึงการเดินทางโดยใช้เหรียญ ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 กันยายนนี้ จนกว่าการเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน กับ สถานีรถไฟฟ้าบางซื่อ จะเดินรถได้ในต้นปี 2560 ทั้งนี้ การปรับลดราคาอยู่ภายใต้อำนาจของ รฟม. และคาดว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 30% จากปัจจุบันวันละ 20,000 คน ไปดูที่มาที่ไปของการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ทำไมถึงไม่ตอบโจทย์ความสะดวกในการเดินทาง ติดตามรายงานจาก .-สำนักข่าวไทย
ทอท.ลงนามจ้าง3บริษัทเอกชน พัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส2 งบลงทุนกว่า6หมื่นล้านบาท วันนี้ (25ส.ค.59) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาจ้างก่อสร้าง โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปีงบประมาณ 2554-2560 ระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย ร่วมกับ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กิจการค้าร่วม เอส จี แอนด์ อินเตอร์ลิ้งค์ และกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา SCS Consortium นายสมคิด ได้กล่าวเน้นย้ำให้ทอท. เร่งพัฒนาสนามบินอื่นๆ เช่น สนามบินดอนเมือง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการบินในประเทศ รวมทั้งพัฒนาสนามบินเชียงใหม่ สนามบินเชียงราย สนามบินหาดใหญ่ และพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์ เพื่อดันไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค ทั้งนี้ การลงทุนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาท่าอากาศยานของรัฐบาลชุดนี้ และยังเตรียมที่จะลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ตามมา เพื่อจะได้ส่งไม้ต่อให้กับรัฐบาลชุดต่อไป พร้อมเรียกร้องให้เอกชนลงทุนตาม เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล โดยเชื่อมั่นว่า หากมีการร่วมมือกันของรัฐและเอกชน จะทำให้ประเทศไทยเทคออฟได้ โดยไม่ต้องหวังพึ่งพา แต่การส่งออกอย่างเดียวเหมือนในอดีต สำหรับการพัฒนาดังกล่าวประกอบด้วย งานก่อสร้างส่วนขยายอาคารอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และงานจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการในวงเงินประมาณ 62,503 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคนต่อปี เป็น 60 จากปัจจุบัน 45 ล้านคนต่อปี โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในวันที่ 15 ก.ย. 2559 และจะแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในเดือนพ.ย.2562 กระทรวงคมนาคม เร่งรัดให้บอร์ดการรถไฟฯ ชุดใหม่ พัฒนาและใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดรายได้ เพื่อแก้ปัญหาภาระหนี้สินสะสม นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มอบนโยบายคณะกรรมการ หรือ บอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทยชุดใหม่ ให้เร่งรัดการพัฒนาที่ดินของการรถไฟฯ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามศักยภาพ มีรายได้มาจ่ายภาระหนี้สินที่มีอยู่ประมาณ 110,000 ล้านบาท โดยให้พัฒนาที่ดินนำร่องในแปลงต่างๆ ในกรุงเทพฯ ก่อน อาทิ สถานีบางซื่อ สถานีแม่น้ำ สถานีก.ม.11 รวมถึงพื้นที่มักกะสัน จากนั้นจะพัฒนาที่ดินในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่การรถไฟฯ เชื่อว่าจะช่วยลดภาระหนี้สินและทำให้การรถไฟฯ เดินหน้าต่อไปได้ ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง ความร่วมมือไทย-จีน และไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯ -เชียงใหม่ และกาญจนบุรี-อรัญประเทศ จะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงความร่วมมือรถไฟระหว่างไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ ตามนโยบายนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ต้องการให้มีการเชื่อมต่อที่สถานีปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา โดยจะประชุมร่วมระหว่างไทย-มาเลเซีย ในเร็วๆ นี้ ขณะที่ รถไฟทางคู่ ได้ลงนามในสัญญาแล้ว 2 โครงการ ได้เร่งรัดให้ลงนามในอีก 5 เส้นทางในปีนี้ ได้แก่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร , มาบกะเบา-จิระ , ลพบุรี-ปากน้ำโพ ,นครปฐม-หัวหิน และหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมมีแผนให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในส่วนต่อขยายโครงการแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ และแผนจัดซื้อรถอีก 7 ขบวน ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา ให้บอร์ดแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ พิจารณาต่อไป ตอกเสาเข็มสุวรรณภูมิเฟส 2 ตั้งเป้ารองรับผู้โดยสาร 60 ล้านคนในปี 62 คณะกรรมการมาตรา 35 และมาตรา 43 เร่งรัด รฟม. เจรจาบีอีเอ็ม(BEM) เชื่อมต่อสถานีเตาปูนและบางซื่อ คาดเดินรถต่อเนื่องทั้ง 2 สาย มีนาคม 2560 คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 และคณะกรรมการกำกับตามมาตรา 43 แห่ง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ปี 2556 ได้พิจารณาปัญหาการเชื่อมต่อสถานีเตาปูน ของรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-เตาปูน กับสถานีบางซื่อ ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ รฟม. ไปเจรจากับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ บีอีเอ็ม(ฺBEM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ทั้งเรื่องการเงินค่าโดยสารการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างรัฐกับเอกชน การบริหารจัดการสายสีน้ำเงินเดิม โดยเฉพาะกรณีการหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 รวมทั้งการศึกษาทางเทคนิคด้านการเดินรถ โดยการเดินรถระหว่างสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายกับสายสีม่วง ต้องสอดคล้องกันเพื่อเชื่อมการเดินทางได้ตลอดสาย คาดจะได้ข้อสรุปสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ กรรมการทั้งสองชุด จะเจรจากับบีอีเอ็ม วันที่ 16 กันยายนนี้ และต้องได้ข้อสรุปกลางเดือนตุลาคม ก่อนส่งผลสรุปให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ก่อนเสนอ ครม. ขณะเดียวกันจะส่งผลสรุปให้สำนักอัยการสูงสุด ตรวจร่างก่อนลงนามสัญญา คาดจะลงนามได้ปลายปีนี้ เพื่อเร่งวางระบบและเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย ได้ในมีนาคมปีหน้า(60) ส่วนกรณี บอร์ด รฟม.ปรับลดค่าโดยสารสายสีม่วง เหลือ 14-29 บาท และลดค่าจอดรถเหลือ 500 บาทต่อเดือน และรายวัน 5 บาทต่อ 2 ชั่วโมง นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มองว่าเป็นอัตราที่น้อยเกินไป แนะปรับใหม่เป็น 14-21 บาท ส่วนค่าจอดรถ ควรให้จอดฟรีทั้งสองกรณี กรุงเทพมหานคร เตรียมเปิดให้บริการเส้นทางเดินเรือบนคลองผดุงกรุงเกษม ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ แม้เป็นเส้นทางเดินเรือระยะทางเพียง 5 กิโลเมตร แต่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ได้อย่างน่าสนใจ
การเปิดทดลองวิ่งรถไฟโดยสารรุ่นใหม่เที่ยวปฐมฤกษ์ในวันนี้ มีนายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานพร้อมทดลองนั่งโดยสารไปกับคณะผู้บริหารและสื่อมวลชนในเส้นทางกรุงเทพ-นครปฐม โดยการเดินทางดังกล่าวเป็นไปด้วยความสะดวกสบายทันสมัยมากยิ่งขึ้น ติดตามจากคุณกนกวรรณ มณีแสงสาคร รถไฟรุ่นใหม่ปฐมฤกษ์ เริ่มให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ต.ค.นี้ กรุงเทพฯ 29 ส.ค.-รถไฟนับเป็นพาหนะในเส้นทางคมนาคมที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ และวันนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เนื่องจากมีการเดินรถไฟรุ่นใหม่ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ในเส้นทางปฐมฤกษ์ กรุงเทพฯ-นครปฐม.-สำนักข่าวไทย ข่าว 7 สี - การเดินเรือคลองผดุงกรุงเกษม ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางของประชาชน จากท่าเรือเทเวศร์ มายังท่าเรือหัวลำโพง ได้ถึง 3 เท่า ติดตามจากรายงานของคุณพรเทพ สิงหกุล กรุงเทพมหานคร เตรียมปัดฝุ่น 9 ท่าเรือเก่าตลอดคลองผดุงกรุงเกษม นำกลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง พร้อมสร้างท่าเรือตลาดเทวราชกุญชร เพิ่มเติมอีก 1 แห่ง รองรับการเปิดให้บริการเรือโดยสารคลองผดุงกรุงเกษม ระยะทาง 5 กิโลเมตร ดีเดย์ทดลองวิ่งฟรี 4 กันยายนนี้ เริ่มออกสตาร์ทจากท่าเรือเทวราชกุญชร สิ้นสุดท่าเรือหัวลำโพง ซึ่งเป็นอีกทางเลือกช่วยเลี่ยงรถติดในชั่วโมงเร่งด่วน รวดเร็วกว่าเดินทางโดยรถถึง 3 เท่า ไม่ใช่แค่ระยะเวลาเดินทางที่สั้นกระชับเท่านั้น ทุกท่าจอดยังเชื่อมต่อกับป้ายรถประจำทางให้ประชาชนขึ้นลงสะดวก ต่อรถต่อเรือเชื่อมเข้าระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟ และรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีหัวลำโพง แม้จะยังไม่เปิดวิ่ง แต่ก็ผู้ใช้บริการมารอนั่งใช้บริการแต่ต้องผิดหวัง เพราะยังไม่เปิดทดลองวิ่ง ย้ำกันอีกครั้ง 4 กันยายนนี้เรือโดยสารคลองผดุงกรุงเกษม จะเปิดให้ทดลองขึ้นฟรี โดยมีเรือต้นแบบให้โดยสารกัน 4 ลำ บรรทุกได้ 40 คน วิ่งทุก 15-20 นาที ตั้งแต่ 06.00-20.00 น. ทุกวัน ทีมข่าวสังคมรายงาน การรถไฟแห่งประเทศไทย พลิกโฉมบริการรถไฟ ให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น เตรียมนำขบวนรถไฟรุ่นใหม่มาให้บริการประชาชนในเดือนตุลาคมนี้ ติดตามจากรายงาน กว่า 20 ปีแล้ว ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยไม่ได้จัดซื้อขบวนรถโดยสารใหม่ ขบวนรถไฟที่มีอยู่จึงมีสภาพทรุดโทรมไปตามระยะเวลาการใช้งาน และเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ การรถไฟฯ จึงทุ่มงบประมาณ 4,668 ล้านบาท สั่งซื้อขบวนรถไฟรุ่นใหม่จากจีน 9 ขบวน รวม 115 ตู้ ซึ่งนำเข้ามาแล้ว 5 ขบวน รถไฟขบวนใหม่นี้ เป็นรถปรับอากาศทั้งขบวน ใช้เทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร มีตู้โดยสารสำหรับผู้พิการ ซึ่งมีลิฟต์สำหรับยกรถวีลแชร์ ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำเป็นระบบปิด มาตรฐานเดียวกับบนเครื่องบิน ภายในตู้โดยสารชั้น 1 มีจอ LED แบบทัชสกรีน สำหรับชมภาพยนตร์ และสั่งอาหารได้โดยตรงถึงตู้เสบียง ที่พร้อมเปิดบริการตลอดเส้นทาง ส่วนที่นั่งทั่วไปยังมีช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จแบตเตอรีได้ด้วย แม้จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้บนขบวนรถ แต่กลับประหยัดพลังงานลงกว่าเดิม 13 % เพราะใช้ระบบ Power Car แทนเครื่องยนต์ระบบเดิม โดยจีนรับประกันดูแลขบวนรถไฟให้ 2 ปี และจะถ่ายทอดการซ่อมบำรุงให้กับเจ้าหน้าที่ไทย หลังจากขบวนรถผ่านการทดสอบนานกว่า 1 เดือน จนครบ 1,000 กิโลเมตร การรถไฟฯ ก็ได้เปิดเดินรถเป็นปฐมฤกษ์ในวันนี้ จากกรุงเทพฯ ไปยังนครปฐม ด้วยความเร็ว 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมที่วิ่งอยู่ที่ 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะเริ่มนำมาเปิดให้บริการประชาชน เส้นทางแรก กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ในเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นจะทยอยเปิดจนครบ 4 เส้นทางภายในปีนี้ โดยคิดค่าโดยสารเท่าเดิม นับเป็นการพลิกโฉมบริการรถไฟไทย ให้เห็นความทันสมัย หวังเรียกคืนความเชื่อมั่นในระบบขนส่งทางรางของไทย ทีมข่าวเศรษฐกิจ รายงาน
คุณบัญชา ชุมชัยเวทย์ เดินทางไปที่เมืองตูลุส ประเทศฝรั่งเศส พาไปดูโรงงานประกอบเครื่องบินแอร์บัส รุ่น A350-XWB ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดขบวนรถจักรใหม่ ขณะที่กระทรวงคมนาคมเตรียมแผนฟื้นฟูการรถไฟ 6 แผน โดยจะมีการเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าในปี 2560 คุณบัญชา ชุมชัยเวทย์ สัมภาษณ์พิเศษผู้บริการการบินไทย ถึงยุทธศาสตร์การฟื้นฟูการบินไทย รวมถึงทำอย่างไรให้ไทยหลุดพ้นจากธงแดง นายกรัฐมนตรี ติดตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก และ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ริมสถานีรถไฟความเร็วสูง ในขณะที่เอกชนเสนอยืดอายุ สัมปทานรถไฟฟ้าเร็วสูงเป็น 50 ปี เมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)และการจัดการอสังหาริมทรัพย์พื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูง หลังการประชุม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นำแผน EEC เข้าไปอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560-2564) และให้แต่งตั้งคณะกรรมการมาดูแลให้โครงการนี้นำไปสู่การปฏิบัติ ส่วนแผนการจัดการอสังหาริมทรัพย์พื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา // กรุงเทพฯ-หัวหิน // กรุงเทพฯ-พิษณุโลก // และกรุงเทพฯ-ระยอง นั้น กำหนดให้คำนึงถึงผลตอบแทนทางการเงินให้คุ้มค่าที่สุด ขณะที่นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในในเส้นกรุงเทพฯ-ระยอง มีศักยภาพ และช่วยพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกได้มาก โดยจะลงทุนในรูปแบบรัฐร่วมกับเอกชน (พีพีพี) วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ระยะลงทุน 5 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ด้วย ทั้งนี้ สนข.เห็นว่า การให้เอกชนลงทุนควรขยายเวลาสัมปทานจาก 30 ปี เป็น 50 ปี เพราะภาคเอกชนมองว่า 30 ปี อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน นอกจากนี้ กำลังพิจารณาเพิ่มทางเลือกปลายทางของรถไฟความเร็วสูง จากเดิมที่สถานีระยอง จะเพิ่มเป็นที่สถานีสนามบินอู่ตะเภาด้วย เพื่อให้การเดินทางจากสนามบินสะดวก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รถไฟสายสีม่วงเปิด มีปัญหาใหญ่โตทุกวัน แค่ระยะเชื่อมต่อ 1 กิโลเมตร โดยยืนยัน จะปลดล็อคให้ได้ บางซื่อ-เตาปูน ซึ่งหลายคนบอกใช้ มาตรา 44 ยึด แล้วใครจะกล้าเข้ามาทำ ใครจะมากล้าลงทุน เพราะทุกอย่างเกี่ยสกับเรื่องสัญญาและต่างประเทศ
กระทรวงคมนาคม ระบุเกาหลีสนใจลงทุนระบบรางในไทย โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง ยืนยันภายใน 10 ปีไทยจะเป็นศูนย์กลางอาเซียน เพราะสามารถเชื่อมโยงได้ทุกช่องทางคมนาคม นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยผลการหารือระหว่างคณะทำงานกระทรวงคมนาคมไทยและสาธารณรัฐเกาหลี ในระดับเจ้าหน้าที่ ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเกาหลีแสดงความสนใจลงทุนโครงการระบบรางโดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ-ระยอง ไทยจึงแจ้งให้เกาหลี ทราบว่าโครงการนี้ กำหนดรูปแบบการลงทุนเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน หรือ PPP ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด และต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐก่อน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปีหน้า ก่อนหาผู้ลงทุนในโครงการ ซึ่งนอกจากเกาหลีแล้วยังมีฝรั่งเศสที่สนใจเช่นกัน พร้อมกันนี้ได้ชี้แจงว่า ไทยยังมีโครงการระบบรางอีกประเภทคือ รถรางที่ใช้ล้อ หรือ Tram ในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา ที่เกาหลีสามารถเสนอตัวเป็นผู้ร่วมลงทุนได้ ภายในเดือนตุลาคมนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีกำหนดการเดินทางไปร่วมหารือในระดับรัฐมนตรีกับเกาหลีอีกครั้ง หากการหารือได้ข้อสรุปคาดว่าจะมีการลงนามความร่วมมือเรื่องระบบราง ซึ่งไทยตั้งเป้าภายใน 10 ปีจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเชื่อมประเทศในภูมิภาค ทั้งทางบก ทางราง ทางอากาศ และทางน้ำ เพื่อเป็นศูนย์กลางอาเซียน นายสมศักดิ์ สิทธิวรการ นายอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พาทีมข่าวช่อง 7 สี ลงเรือสำรวจจุดก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลก เชื่อม ไทย-มาเลเซีย ที่อำเภอตากใบ หลังจากรัฐบาลอนุมัติให้ดำเนินการแล้ว โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท แต่จะเป็นการสนับสนุนงบประมาณร่วมกันระหว่างสองประเทศ ซึ่งจากจุดที่จะสร้างสะพานนี้ ไปถึงเทศบาลตากใบ มีระยะทาง 11 กิโลเมตร ขณะที่ทางการมาเลเซีย ตกลงที่จะสร้างถนน จากจุดที่จะสร้างสะพานไปยังเมืองโกตาบารู เมืองเอกและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐกลันตัน เป็นระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 15 นาที ที่ผ่านมา ปัญหาการเดินทางระหว่าง ไทย-มาเลเซีย บริเวณแม่น้ำโกลก ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ไม่มีความสะดวก เนื่องจากต้องใช้เรือเฟอรี่และแพขนานยนต์ในการขนส่งคนและสินค้า ซึ่งเดินทางได้ล่าช้าและมีข้อจำกัด ดังนั้น การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลก ที่อำเภอตากใบ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคใต้ และส่งผลให้การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของประเทศไทยรุดหน้ายิ่งขึ้น และจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ประเทศไทยอย่างมหาศาล โดยคาดว่า จะมีการร่วมทำพิธีวางศิลาฤกษ์ ระหว่าง ไทย-มาเลเซีย ในช่วยปลายปีนี้ เปิดเดินเรือคลองผดุง ทางเลือกเลี่ยงรถติด-ท่องเที่ยวทางน้ำ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบรอง หรือรถไฟฟ้าสายสีทอง ระยะแรก ระยะทาง 1.7 กิโลเมตร โดยมอบให้กรุงเทพมหานคร ดำเนินการศึกษารูปแบบของโครงการ ว่าจะเป็นรถไฟฟ้ารูปแบบใด และจะลงทุนเอง หรือจะร่วมมือกับเอกชน โดยไม่ได้จำกัดว่าต้องสร้างเป็นรถใต้ดิน ก่อนที่จะนำผลการศึกษา เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง เนื่องจากยังมีมติคณะรัฐมนตรีเดิม ที่ห้ามการก่อสร้างโครงการที่บดบังทัศนียภาพในเขตเกาะรัตนโกสินทร์ ทั้งนี้เส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีทองจะมี 3 สถานี เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีกรุงธนบุรี สถานีเจริญนคร และสถานีคลองสานที่จะเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนโครงการระยะที่ 2 ระยะทาง 0.9 กม จะเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สถานีประชาธิปก ซึ่งเส้นทางของรถไฟฟ้าจะผ่านโครงการขนาดใหญ่ที่เรียกว่า ไอคอนสยาม ที่จะมีโรงแรมขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งที่พักอาศัยระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่กว่า 146 ยูนิต ปัจจุบันประเทศในอาเซียน เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ไม่เฉพาะภาครัฐแต่ละประเทศเป็นผู้ลงทุนเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเปิดโอกาสให้ประเทศอื่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วย เพื่อให้พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งพลังงานไฟฟ้า และการคมนาคม รายงาน ระบุว่า อาเซียนต้องการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเฉลี่ยปีละ 3.9 ล้านล้านบาท หรืออีก 10 ปีข้างหน้า คือ 39 ล้านล้านบาท โดยแต่ละประเทศมีจุดแข็ง จุดอ่อนที่แตกต่างกัน รายงานเรื่อง ASEAN Investment ระบุว่า ปัจจุบันอาเซียนมีความต้องการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเฉลี่ยปีละ 3.9 ล้านล้านบาท ไปจนถึงปี 2568 โดยแบ่งเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย - พลังงานไฟฟ้า ทั้งการผลิต การกระจายไฟฟ้า 1.3 ล้านล้านบาท - การคมนาคม ทั้งถนน ราง ท่าเรือ ท่าอากาศยาน 1.9 ล้านล้านบาท - โทรคมนาคม 3 แสนล้านบาท - ระบบประปาและสุขาภิบาล 2.8 แสนล้านบาท โดยรายงานนี้ ระบุว่า บริษัทจากญี่ปุ่นและจีนเข้ามามีบทบาททั้งในด้านการพลังงานไฟฟ้า การคมนาคม และโทรคมนาคม ในขณะที่บริษัทจากเกาหลีใต้เน้นการเข้ามาลงทุนพลังงานไฟฟ้า การคมนาคม ประปา และสุขาภิบาล ในขณะที่ธนาคารโลก ได้ยกให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพโลจิสติกส์ดีที่สุดในอาเซียน เพราะมีจุดเด่นที่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดีมาก มีการส่งมอบสินค้าที่รวดเร็วตรงต่อเวลา ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เนื่องจากสิงคโปร์เป็นตัวกลาง มากกว่าเป็นสินค้าจากแหล่งผลิตหรือแหล่งบริโภคสินค้า จึงจำเป็นต้องมีการออกแบบให้สินค้าหมุนเวียนได้รวดเร็ว แม่นยำ และตรงต่อเวลา สำหรับอันดับสอง คือ มาเลเซีย และอันดับ 3 คือ ไทย ด้วยจุดเด่นที่เป็นประเทศแหล่งผลิตสินค้าที่สำคัญของโลก เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยางพารา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพัฒนาพิธีการศุลกากร ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน คุณภาพของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ รวมทั้งการติดตามสืบค้นสินค้าระหว่างการผลิตและขนส่ง ส่วนฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย มีความได้เปรียบจากการขนส่งทางน้ำที่สามารถขนส่งวัตถุดิบ และสินค้าได้ตลอดทั่วประเทศ รวมทั้งสามารถเชื่อมต่อการขนส่งระหว่างประเทศทางน้ำได้สะดวก แต่ด้วยข้อจำกัดทางภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะ ทำให้การขนส่งสินค้าทางถนนหรือทางรางทำได้ไม่สะดวก ส่งผลให้ต้นทุนโลจิสติกส์สูง ในขณะที่เวียดนามมีสภาพถนนหนทางยังไม่ได้มาตรฐานสากล จำเป็นต้องมีการพัฒนาถนนให้ดี สินค้าส่วนใหญ่ที่ทำการขนส่งทางน้ำจะเป็นสินค้าเกษตรหรือเทกองที่มีมูลค่า เพิ่มต่ำ และระบบกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการจัดการโลจิสติกส์ยังล้าสมัย สำหรับกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงส่งผลให้การขนส่งทางถนน เป็นไปด้วยความลำบาก เส้นทางคดเคี้ยวและอันตราย นอกจากนี้สปป.ลาวไม่มีทางติดต่อทางทะเลต้องอาศัยประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่กัมพูชามีการวางผังเมืองจากประเทศฝรั่งเศสในอดีต แต่ได้หยุดการพัฒนาสาธารณูปโภคจากสงคราม รวมถึงระบบราชการที่ไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งและกระจายสินค้าสูง และใช้เวลาการขนส่งนาน
รัฐบาลชุดปัจจุบันให้ความสำคัญการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่ค้างมานานในปี 2558 และปี 2559 เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศต่อ GDP ที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน โดยเน้นเพิ่มการใช้การขนส่งระบบราง ผ่านแผนยุทธศาสตร์การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนส่งของประเทศในช่วง 8 ปีข้างหน้า ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทั้งญี่ปุ่น และจีน ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ภาพรวมประเทศมีต้นทุนการขนส่ง ประมาณ 14% ของ GDP แบ่งเป็นค่าขนส่งสินค้า7%, การเก็บรักษาสินค้าคงคลัง 6%, การบริหารจัดการ 1% (เปรียบเทียบกับมาเลเซียและสิงคโปร์อยู่ที่ต่ำกว่า 10%) โดยโครงสร้างต้นทุนค่าขนส่งสินค้าของไทย ต่อ GDP - ทางถนน 4.6% - ทางน้ำ 1.5% - ทางอากาศ 0.4% - ทางราง 0.02% สถิติแสดงให้เห็นชัดว่า ไทยยังคงพึ่งพิงการขนส่งทางถนนเป็นหลัก ในสัดส่วนถึงกว่าร้อยละ 80 ของปริมาณการขนส่งสินค้าภายในประเทศ เนื่องจากมีเครือข่ายการขนส่งทางถนนที่ครอบคลุม และไทยยังมี จุดอ่อน ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของระบบขนส่งทางรางและทางน้ำ ซึ่งมีต้นทุนที่ถูกกว่าถนนหลายเท่าตัว ทั้งนี้ความคืบหน้ารถไฟความเร็วสูง 4เส้นทาง มีดังนี้ - กรุงเทพฯ-นครราชสีมา : จีนเสนอแบบก่อสร้างช่วง ปากช่อง-ปากอโศก 3.5 กิโลเมตร ให้ไทยถอดราคาก่อสร้างและจะเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติก่อนคัดเลือกผู้รับเหมาภายในปีนี้ - กรุงเทพฯ-ระยอง : การรถไฟแห่งประเทศไทย ศึกษาโครงการเรียบร้อย และรอเสนอเพื่อขออนุมัติตามขั้นตอน - กรุงเทพฯ-พิษณุโลก เชียงใหม่ : ญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบโครงการรวมทั้งศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ 2 ข้างทาง จะแล้วเสร็จในปี 2560 - กรุงเทพฯ-หัวหิน : การรถไฟแห่งประเทศไทย ศึกษาโครงการเรียบร้อย และรอเสนอเพื่อขออนุมัติตามขั้นตอน สำหรับการพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางน้ำ มีโครงการพัฒนาท่าเรือลำน้ำและการพัฒนาท่าเรือชายฝั่ง เช่น แหลมฉบังรองรับเรือจากท่าเรือสงขลา และเดินหน้าที่จะสร้างประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางมารีน่า รองรับเรือครูซและเรือยอร์ช ซึ่งในช่วงปลายปีนี้จะมีการเปิดตัวและเปิดมหกรรมเรือยอร์ช กทม.ผุด 2 สะพานข้ามเจ้าพระยา "เกียกกาย-ราชวงศ์" แก้ปัญหารถติด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังร่วมลงนามความร่วมมือทางวิชาการด้านการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาระบบราง ว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดการพัฒนาระบบขนส่งทางราง ภายใต้งบประมาณกว่า 2 ล้านล้านบาท โดยในปีนี้จะเสนอโครงการรถไฟทางคู่จำนวน 6 เส้นทาง ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และหลังจากนั้นจะมีการเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูง อีก 4 เส้นทาง จึงต้องมีการยกระดับมาตรฐานชิ้นส่วน ระบบราง รวมถึงระบบอาณัติสัญญาณที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในการศึกษาวิจัยและพัฒนา เพื่อให้สามารถนำวัสดุภายในประเทศมาใช้ ทดแทนการนำเข้า ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณ นอกจากนี้ จะต้องเร่งพัฒนาบุคลากร รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างยั่งยืน โดยประเมินว่า ในปี 2560-2564 ไทยจะมีความต้องการบุคลากรด้านระบบรางอีกกว่า 30,000 คน ซึ่งขณะนี้กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างการจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง เพื่อจัดหาบุคลากรมากำกับดูแล ทั้งการบริหารจัดการ และการยกระดับมาตรฐานต่างๆ ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ ของท่าอากาศยานภูเก็ต จะเริ่มทดลองเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการกับเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ก่อนที่จะเปิดให้บริการจริงในช่วงกลางเดือนนี้ โดยมีแผนที่จะเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิด การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เตรียมปัดฝุ่นโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 ช่วงถนนลาดปลาเค้า เชื่อมมอเตอร์เวย์ โดยก่อสร้างบนตอม่อร้าง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดหนัก โดยเรื่องนี้นายณรงค์ เขียดเดช ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ.เปิดเผยกับครอบครัวข่าว 3 ว่า กทพ.เตรียมผลักดันโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 ตอน N2 และ N3 จากถนนงามวงศ์วาน ไป เชื่อมกับถนนมอเตอร์เวย์ วงแหวนกาญจนาภิเษกตะวันออก และมอเตอร์เวย์สาย 7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี โดยระยะแรก จะเดินหน้าก่อสร้าง ช่วง N2 ก่อน โดยเริ่มที่บริเวณถนนลาดปลาเค้า ถึง จุดเชื่อมต่อวงแหวนกาญจนาภิเษก ตะวันออก รูปแบบการก่อสร้างเป็นทางด่วนยกระดับ ไปตามแนวถนนนวมินทร์ โดยใช้โครงสร้างฐานรากตอม่อเดิม ที่ กทพ.ก่อสร้างไว้ และถูกปล่อยร้างมาตั้งแต่ปี 2537 ซึ่งใช้เงินก่อสร้างไปกว่า 800 ล้านบาท และถ้ารวมดอกเบี้ยถึงขณะนี้ ก็กว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว จากนั้นจะทำช่วง N3 เชื่อมกับมอเตอร์เวย์สาย 7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี ซึ่งจากการหารือกับกรมทางหลวง เห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องเร่งดำเนินการ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรบนถนนเกษตร-นวมินทร์ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้การจราจรติดขัดตลอดทั้งวัน โดยการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 ช่วง N2 และ N3 มีระยะทางประมาณ 12 กม. ค่าก่อสร้าประมาณ 1.7-1.8 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปีครึ่ง หากได้รับอนุมัติจะเริ่มออกแบบได้ทันที ขณะที่ผู้ใช้รถเส้นทางเกษตร-นวมินทร์ เห็นด้วยกับการก่อสร้างทางด่วน เนื่องจากปัจจุบัน ถนนเกษตร-นวมินทร์ มีปัญหาการจราจรติดขัดสะสมตลอดทั้งวัน ยิ่งช่วงนี้มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าบนถนนพหลโยธิน ทำให้รถเลี่ยงมาใช้เส้นทางนี้จำนวนมาก
28 ปีมาแล้วที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ทำหน้าที่เป็นประตูสู่อันดามัน ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ปีละกว่า 6 ล้าน 5 แสนคน จำนวนนักท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว ก่อให้เกิดความแออัด การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เป็นแนวทางเพิ่มศักยภาพการให้บริการ ด้านการบินของไทย โครงสร้างอาคารเป็นรูปเกลียวคลื่น ตกแต่งภายในด้วยศิลปะแบบชิโนโปรตุกีส มีการนำภาพสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในพื้นที่ ตกแต่งตามประตู จัดวางพรมให้เป็นลวดลายคล้ายฝูงปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ ด้านศักยภาพการบิน ได้เพิ่มหลุมจอดอีก 10 หลุมจอด รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีกเท่าตัวเป็นปีละ 13 ล้านคน ภายใต้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเข้มข้น เช่นเดียวกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 นี้ จะให้บริการสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ส่วนอาคารหลังเดิมใช้สำหรับเที่ยวบินในประเทศเท่านั้น อนาคตจะเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารให้ได้ปีละ 15 ล้านคน โดยปลายปีนี้จะมีการเสนอแผนแม่บท ด้านการบริหารจัดการตารางการบินและการให้บริการผู้โดยสารเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารให้ได้อีกเป็นปีละ 18 ล้านคน หวังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการบินและส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เตรียมเสนอแผนการก่อสร้างสะพานคู่ขนานพระราม 9 แห่งใหม่ เพื่อลดปัญหาการจราจรและปรับปรุงสะพานพระราม 9 ยะลา 24 ก.ย.-เมื่อพูดถึง “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” ทุกคนจะนึกถึงอ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งการเดินทางมาที่นี่ใช้เวลาค่อนข้างมาก หรือความยากลำบาก แต่เบตงเป็นเมืองที่หลายคนใฝ่ฝันจะไปท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม โดยภายใน 3 ปีจากนี้ไป เบตงจะมีสนามบินเกิดมาตรฐานบนเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ พร้อมรับนักท่องเที่ยว ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย กระทรวงการคลังเตรียมยื่นไฟลิ่ง กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ ไทยแลนด์ฟิวเจอร์สฟันด์ ต่อ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เฟสแรก มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายได้ปลายปีนี้ หรืออย่างช้าก็ต้นปีหน้า แอร์พอร์ตเรลลิงค์ปรับโฉมภายในขบวนรถเอ็กเพรสไลน์ เพื่อเพิ่มที่นั่งรองรับผู้ที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี ที่ผ่านมาผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าเแอร์พอร์ตเรลลิงค์ จะเห็นรูปแบบภายในขบวนรถ 2 แบบ คือ เอ็กซ์เพลสไลน์ ที่มีจำนวนที่นั่งน้อย เน้นการขนกระเป๋า และ ขบวนแบบ ซิตี้ไลน์ ที่มีที่นั่งแนวยาว มีเสา มีราวจับ ซึ่งรองรับจำนวนผู้โดยสารได้มากกว่า ดังนั้นด้วยจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ10 ต่อปี จึงมีการนำเอ็กซ์เพลสไลน์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ 4 ขบวน มาปรับปรุงให้มีที่นั่งเหมือนซิตี้ไลน์ทั้งหมด โดยใช้งบปรับปรุง 22 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเปลี่ยนวัสดุปูพื้น ย้ายที่ติดตั้งอุปกรร์ดับเพลิง เพิ่มพื้นที่ยึดสำหรับวีลแชร์ของผู้พิการ ทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่การรองรับผู้โดยสารได้จากก 340 คน/ขบวน เป็น 740 คน/ขบวน หรือเพิ่มขึ้นจาก 61,500 คน/วัน เป็น 72,000คน/วัน พร้อมกันนี้จะมีการปรับระยะห่างของการปล่อยรถจาก ปัจจุบัน 12 นาทีต่อขบวนให้เป็น 10 นาที ในปลายปีนี้ และจะปรับเหลือแค่ 8 นาทีในปีหน้า นอกจากนี้ในส่วนของตู้สัมภาระ 1 ตู้ของขบวนรถเอ็กซ์เพลส ที่ยังไม่ได้ปรับปรุง เพราะติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ไว้ มีแนวคิดที่จะปรับตู้ดังกล่าวเพื่อทำเป็นโบกี้เลดี้ เพื่อรองรับผู้โดยสารผู้หญิงและเด็กโดยเฉพาะ ในส่วนของการจัดซ่อมบำรุงใหญ่ หรือ โอเวอร์ฮอล์นั้น จะเริ่มในเดือนพฤษภาคมปี 2560 โดยช่วงระยะเวลาวิ่งของรถในตอนนั้นอยู่ที่ประมาณ 2.1-2.2 ล้านกิโลเมตร ซึ่งไม่เกินตามช่วงระยะเวลากำหนดที่ 2.4 ล้านกิโลเมตรตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยมีวงเงินซ่อมบำรุงกว่า 262 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการจัดซื้อรถ 7 ขบวน นั้นอยู่ระหว่างการปรับร่างจัดซื้อจัดจ้าง หรือ TOR ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการประมูลต่อไป โดยเชื่อว่า ในระหว่างรอรถใหม่ 2-3 ปีนี้ รถที่ปรับปรุงสามารถรองรับผู้โดยสารได้ เพราะสามารถจุผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 90,000 คนต่อวัน
หลังเที่ยงคืนนี้เป็นต้นไป ผู้ใช้บริการทางพิเศษและมอเตอร์เวย์ สามารถใช้บัตร Easy Pass หรือบัตร M-Pass เพียงใบเดียวในการชำระค่าผ่านทาง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ลงนามความร่วมมือเชื่อมต่อระบบบัตร M-Pass และบัตร Easy-Pass ภายใต้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติร่วมกัน ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและกรมทางหลวง พร้อมเปิดเผยว่าหลังเที่ยงคืนนี้เป็นต้นไป(31 ต.ค.59) ผู้ที่ถือบัตร M-Pass และ Easy-Pass สามารถใช้บัตรใบเดียวชำระค่าผ่านทางได้ ทั้งทางพิเศษในกรุงเทพมหานคร 7 เส้นทาง และใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี และกรุงเทพ-บางปะอิน ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางได้ ส่วนความคืบหน้าการใช้ E-Ticket หรือตั๋วร่วม เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP ในการจัดตั้งคณะกรรมการคัดเลือกบริษัทเอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดให้บริการจากต้นปีหน้า เป็นไม่เกินกลางปีหน้า โดยจะเริ่มให้บริการสำหรับผู้ใช้รถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟฟ้าบีทีเอส ก่อนจะพัฒนาระบบไปสู่ระบบรถเมล์และท่าเรือต่อไป สำหรับแผนอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางของประชาชน ที่ต้องการไปกราบถวายสักการะเบื้องหน้าพระโกศ พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังไม่จำเป็นต้องปรับแผน เนื่องจากมีรถโดยสารของทหารและกลุ่มจิตอาสาเข้ามาช่วยรับ-ส่งผู้โดยสารเพิ่ม และจำนวนประชาชนก็ไม่หนาแน่นมากนัก ครม.เห็นชอบโครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง ระยะทาง 403 กิโลเมตร รวมมูลค่าการลงทุนประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท โดย 3 เส้นทางอยู่ในช่วง นครปฐม-หัวหิน, หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และลพบุรี-ปากน้ำโพ รวมมูลค่าการลงทุนประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท -เส้นทาง นครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร มี 27 สถานี วงเงินประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท ดำเนินการประกวดราคาแล้วเสร็จในมีนาคม 2560 และก่อสร้างแล้วเสร็จในมีนาคม 2563 -เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 90 กิโลเมตร มี 13 สถานี วงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท เริ่มดำเนินการก่อสร้างในพฤษภาคม 2560 และเปิดบริการได้ในต้นปี 2563 -เส้นทาง ลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร วงเงิน 24,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี ปีงบประมาณ 2559-2564 ทั้งนี้โครงการดังกล่าว จำเป็นต้องเวนคืนที่ดินประมาณ 371 ไร่ เพื่อก่อสร้างแนวเส้นทางใหม่เพื่อเลี่ยงเมืองลพบุรีไปทางทิศตะวันตก เนื่องจากแนวเส้นทางเดิมมีผลกระทบต่อโบราณสถานที่สำคัญคือ พระปรางค์สามยอด นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดการสัมมนาเพื่อประเมินความสนใจของภาคเอกชน โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 8 เส้นทางนครปฐม - ชะอำ โดยมีเอกชนภาคอสังหาริมทรัพย์และนักลงทุนเข้ารับฟัง และเสนอความเห็นเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการ โดยเส้นทางดังกล่าว เริ่มต้นจากจุดเชื่อมต่อโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ในอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ผ่านจังหวัดราชบุรี สมุทรสงคราม และสิ้นสุดที่อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เป็นถนน 4 ช่องจราจร ระยะทาง 109 กิโลเมตร มีมูลค่าการลงทุน 63,998 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน คาดว่าจะเสนอโครงการต่อคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP (PPP : Public Private Partnership) ได้ในต้นปีหน้า และทำสัญญาก่อสร้างได้ในปี 2561 โดยกำหนดเปิดให้บริการในปี 2565 ทั้งนี้ ประเมินว่าจะมีรถยนต์ใช้เส้นทางนี้วันละกว่า 43,000 คันในปีแรก และจะเพิ่มขึ้น 3.5 % ต่อปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงเพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 8 เส้นทางนครชัยศรี-นราธิวาส เมื่อเส้นทางดังกล่าวก่อสร้างเสร็จ จะสามารถเชื่อมต่อไปถึงเมืองปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของภาคใต้ และอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้า คสช. เผย พอใจภาพรวมหลังย้ายรถตู้เข้า 3 สถานี ลั่น กำจัดอิทธิพลรถตู้หมดสิ้นเดือนนี้!!
เคาะสร้างรถไฟฟ้าสายสีทองเฟสแรก 3 สถานี เส้นทางกรุงธนบุรี-ประชาธิปก ช่วงแรกมีระยะทาง 1.8 กิโลเมตร ใช้งบ 2,500 ล้านบาท นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ระบุ ได้ข้อสรุปโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง เส้นทางกรุงธนบุรี-ประชาธิปก ในเฟสแรก โดย กทม. จะเป็นผู้ออกแบบ และรอผลประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ปลายเดือนนี้(พ.ย.) ก่อนเสนอ ครม.พิจารณา เบื้องต้น ช่วงแรกมีระยะทาง 1.8 กิโลเมตร ใช้งบ 2,500 ล้านบาท มี 3 สถานี ได้แก่ สถานีกรุงธนบุรี เจริญนคร และคลองสาน เพื่อเชื่อมการเดินทางจากสถานีกรุงธนบุรีกับรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางบอน ส่วนระยะที่ 2 อีก 7 สถานี จะเชื่อมต่อสถานีประชาธิปกกับสถานีสะพานพุทธ ของรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ คาดเริ่มก่อสร้างต้นปีหน้า(60) ให้บริการกลางปี 2561 เร่งลงทุนรถไฟฟ้า 5 สาย สมคิดสั่งต้องได้ผู้รับเหมาสายสีเหลือง-ชมพูกลาง ธ.ค.นี้ รองนายกรัฐมนตรี สั่งเร่งหาผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูให้ได้ภายในกลางเดือนหน้า ขณะที่ในช่วงต้นปีหน้าโครงการรถไฟฟ้าที่เหลือ 6 สาย ต้องพร้อมลงทุน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยด้วยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. นายสมคิด กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2559 รฟม.สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้สูงที่สุดที่ร้อยละ 99.98 จึงอยากให้รฟม.เร่งรัดการลงทุนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งในปีหน้านี้ก็จะเริ่มเห็นการลงทุนที่ชัดเจนมากขึ้น โดยตนได้ขอให้รฟม.เร่งคัดเลือกผู้รับเหมาเอกชนที่จะมาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโพง ให้ได้ภายในกลางเดือนธ.ค.นี้ หลังจากที่เปิดให้เอกชนที่สนใจยื่นเสนอราคาในช่วงต้นเดือนนี้ นายสมคิด ยังขอให้ รฟม.เร่งรัดให้ผลักดันลงทุนรถไฟฟ้าสายอื่นๆ รวมถึงโครงการระบบรถรางไฟฟ้าในจังหวัดที่มีความพร้อม นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า ในส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูมีวงเงิน 53,519 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีวงเงิน 51,931 ล้านบาท โดยมีบริษัทเอกชนสนใจยื่นซองข้อเสนอการลงทุน 2 ราย ได้แก่ กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ และบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพหรือบีอีเอ็ม นายพีระยุทธ กล่าวอีกว่า รฟม.จะเร่งรัดเสนอโครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล 5 สาย โดยคาดว่าจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติได้ในไตรมาส 1-2 ของปี 2560 คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงสมุทรปราการ-บางปู โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงคูคต-ลำลูกกา โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ รฟม.รับสภาพจ้างเอกชนวิ่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงขาดทุนนาน 4 ปี นายพีระยุทธ เผยถึงการว่าจ้างเอกชนเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-เตาปูน โดยยอมรับว่า ขณะนี้ตัวเลขยังขาดทุนอยู่ เพราะมีจำนวนผู้โดยสารยังไม่ได้ตามเป้า ซึ่งในปี 2560 ได้เตรียมงบประมาณไว้ 2,000 ล้านบาท ในการว่าจ้างบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (บีอีเอ็ม) คู่สัญญา เป็นค่าจ้างในการเดินรถไฟฟ้า 1,800 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพื่อจ่ายชำระหนี้ค่าอุปกรณ์ติดตั้ง 200 ล้านบาท ทั้งนี้ รฟม.คาดว่าหลังปี 2563 ไปแล้ว การเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะไม่ขาดทุน เนื่องจากเมื่อมีการเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ จะทำให้มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพิ่มขึ้น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. กำลังเร่งพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งระบบราง โดยมีทั้งโครงการที่อยู่ในช่วงก่อสร้าง และอยู่ระหว่างกระบวนการประมูล ติดตามได้จากรายงาน วันนี้เวลาประมาณ 16.30 น. การรถไฟแห่งประเทศไทย จะเปิดให้บริการเดินรถ ขบวนรถไฟรุ่นใหม่เที่ยวแรกปฐมฤกษ์ ในเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ และกรุงเทพ-อุบลราชธานี ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ ก็ได้มีการตรวจความพร้อมระบบรถไฟก่อนเปิดให้บริการแก่ประชาชน รายละเอียดติดตามจากรายงานคุณกีรติ ภู่ระหงษ์
รายงานพิเศษ : ผู้โดยสารพอใจรถไฟใหม่หลังใช้บริการเที่ยวปฐมฤกษ์ สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ : เริ่มเปิดใช้เรือเฟอร์รี่ข้ามฟากพัทยา-หัวหิน 1 ม.ค.60 รฟม.เตรียมเปิดซองข้อเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สีเหลืองวันนี้ คาดได้ผู้ชนะไม่เกินกลางเดือนธันวาคมนี้ รองผู้ว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ธีระพันธ์ เตชะศิรินุกูล บอกว่า วันนี้ รฟม.จะเปิดซองข้อเสนอการร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง รวมมูลค่าโครงการหนึ่งแสนล้านบาทในวันนี้ และคาดว่าจะประกาศผู้ชนะได้ไม่เกินกลางเดือนธันวาคมนี้ โดยล่าสุดมีเอกชน 2 กลุ่มเข้ายื่นเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุนทั้ง 2 โครงการ คือ รถไฟฟ้าสายสีชมพู และ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ได้แก่ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ(BEM) และ กลุ่ม BSR Join Venture สำหรับโครงการรถไฟฟ้าเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว กำหนดให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นเวลา 33 ปี 3 เดือน ความคืบหน้าของการก่อสร้างระบบคมนาคมทางราง ที่จังหวัดขอนแก่น ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ว่าด้วยการพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง หรือการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ระหว่างสถานีชุมทางจิระ จังหวัดนครราชสีมา มาถึงสถานีรถไฟขอนแก่น มีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะตัวสถานีรถไฟขอนแก่น ที่ต้องสร้างอาคารโดยสารหลังใหม่ และรางรถไฟจะยกระดับคร่อมบนรางเดิม ซึ่งอยู่ระหว่างลงเสาตอม่อได้แล้วหลายกิโลเมตร
เบสท์ริน เตรียมยื่นร้องตรวจสอบปมรถเมล์ NGV ถูกกรมศุลฯ กักไว้ที่ท่าเรือ http://www.thairath.co.th/content/803472 ผมว่าเราคงต้องรถเมล์ไปอีกพักใหญ่แน่ครับ ดูแล้วคงไม่น่ารอดครับ บริษัท R & A Commercial Vehicles Sdn Bhd ที่ Bestlin อ้างเป็นคนประกอบรถ ตามที่ผมค้นมาเป็นบริษัทขนาดเล็ก มีพนักงานไม่เกิน 200 คน ซึ่งม่น่าจะประกอบรถตามคำสั่งซื้อได้เร็วขนาดนี้ เพราะเพิ่งเซ็งสัญญาไปไม่ถึง 3 เดือน แล้วต้องประกอบรถบัส 100 คันภายใน 3 เดือน นี่ต้องระดับอินเตอร์แบรนด์แล้วหล่ะ บริษัทน้อยๆอย่างนี้ไม่มีทางทำได้ชัวร์ และบริษัทดั่งกล่าว ไม่น่าจะเคยประกอบรถทั้งคันด้วย ธุรกิจน่าจะเป็นการดัดแปลง ปรับปรุง ซ่อม มากกว่าแล้วในเว็บไซต์ของบริษัท Sunlong ก็ไม่ได้เอ่ยถึงโรงงานที่อื่นเลย มีแต่ระบุที่ตั้งโรงงานที่เซียงไห้ที่เดียวเท่านั้น
รัฐผ่าทางตันทุ่ม 690 ล้าน แก้ปัญหาเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน-บางซื่อ เปิดใช้แน่กลางปีหน้า "BEM เครือ ช.การช่าง" ส้มหล่นได้งานบริหาร คมนาคมยืดเจรจา 30 วันให้เหมาเดินรถสายสีน้ำเงินทั้งโครงข่าย แลกสัมปทาน 30 ปี แนวโน้มแฮปปี้ เสนอผลตอบแทน 2.8 หมื่นล้าน ไม่ชาร์จค่าแรกเข้าโครงการส่วนต่อที่ 2 "ตั๋วแมงมุม" ความหวังเชื่อมการเดินทางคนกรุง นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เปิดเผยความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้ NGV 489 คัน วงเงิน 3,389 ล้านบาท จากบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป ว่า ขณะนี้รถเมล์ NGV 99 คัน ถูกขนส่งถึงประเทศไทยแล้ว โดยก่อนหน้านี้ส่งมาแล้ว 1 คัน รวมเป็น 100 คัน ซึ่งหลังจากติดตั้งระบบ GPS แล้วเสร็จ บริษัทเบสท์รินจะนำรถเมล์ NGV มาให้ ขสมก. ทดลองวิ่งทดสอบประสิทธิภาพ ก่อนนำรถไปจดทะเบียนและส่งมอบให้ ขสมก.อย่างเป็นทางการ ประมาณวันที่ 13-15 ธันวาคม โดยหลังจากนั้น จะนำรถเมล์ NGV ไปโชว์ที่ทำเนียบรัฐบาลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมและทดลองนั่ง ก่อนเปิดให้บริการประชาชน ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ปี 2560 โดยจะยังไม่มีการปรับค่าโดยสาร สำหรับแผนการเดินรถเมล์ NGV 489 คัน เบื้องต้นกำหนดไว้ 4 เขตการเดินรถ ขสมก. กว่า 20 สาย คือ ย่านบางเขน, ย่านมีนบุรี และย่านสมุทรปราการ รวมทั้งอู่แสมดำ ทั้งนี้ รถเมล์ NGV ล็อต 2 จำนวน 145 คัน จะส่งมอบในวันที่ 20 ธันวาคม, และส่งมอบล็อตที่ 3 อีก 145 คัน วันที่ 26 ธันวาคม และล็อตสุดท้าย 100 คัน จะส่งมอบได้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ สำหรับการจัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 33 ซึ่งจัดขึ้นที่อิมแพคเมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจเข้าชมรถภายในงาน โดยบรรดาค่ายรถยนต์ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่กันแทบทุกค่าย พร้อมอัดรายการส่งเสริมการขาย หวังกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าตลอดระยะเวลาการจัดงาน จะมียอดจองรถยนต์กว่า 50,000 คัน รถจักรยานยนต์กว่า 3,000 คัน มีเม็ดเงินสะพัดในงานกว่า 50,000 ล้านบาท กระทรวงคมนาคม เตรียมวางแผนการบริหารการจราจร พื้นที่กรุงเทพฯ ปีหน้า เพื่อรองรับการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 2 สาย นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข.เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้หารือถึงแนวทางการวางแผนบริหารจัดการ การจราจรพื้นที่กรุงเทพมหานครในปีหน้า เพื่อเตรียมรองรับกับการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก จะเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเบื้องต้น มีแนวคิดที่จะเสนอให้ ขสมก.นำรถเมล์เอ็นจีวีรุ่นใหม่ มารับ-ส่งผู้โดยสาร เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล รวมถึงออกแบบเส้นทางเลี่ยง ซึ่งจะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และน่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในต้นปีหน้า สำหรับการปิดการจราจร บริเวณสะพานข้ามแยกรัชโยธินนั้น ยอมรับว่า ส่งผลกระทบต่อการจราจรเป็นบริเวณกว้าง แต่ก็ยังสามารถบริหารจัดการได้ และคาดว่าในวันที่ 6 ธันวาคมนี้จะสามารถดำเนินการรื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธินได้ตามแผน ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ บอกว่า ในปี 2560 รัฐบาลมีแผนเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐ หรือ PPP มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท โดยการลงทุนส่วนใหญ่ 7 แสนล้านบาทเป็นระบบคมนาคมขนส่ง ทั้งนี้ในปีแรกอาจมีการเบิกจ่ายอยู่ในระดับต่ำ เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นโครงการ และจะเบิกจ่ายสูงขึ้นในอีก 2 -3 ปี ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้เอกชนว่ารัฐมีความพร้อมในการลงทุน
กรมศุลกากร ระบุ การอายัด"รถเมล์ NGV" จำวน 99 คันไว้ เพื่อตรวจสอบการแหล่งผลิตที่แท้จริง โดยตั้งข้อสังเกตุรถเมล์ NGV ล็อตนี้ อาจไม่ได้ประกอบจากมาเลเซียจริง หลังพบหลักฐานการขนส่งทางเรือ ต้นทางมาจากประเทศจีน นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องอายัดรถเมล์ NGV จำนวน 99 คัน ยี่ห้อ Sunlong ของเบสท์ริน กรุ๊ป ที่ชนะการประมูลในโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน วงเงิน 3.3 พันล้านบาท และนำเข้าโดยบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า เอาไว้ เพราะพบหลักฐานการขนส่งทางเรือ ต้นทางมาจากประเทศจีน ไปยังมาเลเซีย และส่งต่อมายังประเทศไทย แต่บริษัทผู้ชนะการประมูล สำแดงเอกสารว่า เป็นสินค้าที่มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งอยู่ในกรอบข้อตกลงของอาเซียน เรื่องการยกเว้นอากรนำเข้า โดยจะได้รับการยกเว้นภาษี จากปกติ ต้องจ่ายในอัตรา 40% หรือ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อคัน โดยขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบเอกสาร และเตรียมเดินทางไปดูโรงงานผลิตในมาเลเซีย คาดว่าใช้เวลาไม่นาน ซึ่งหากพบว่าสำแดงเท็จแหล่งผลิตเป็นเท็จ มีโทษปรับ 2 เท่า หรือ ประมาณ คันละ 2.4 ล้านบาท ส่วนกรณีบริษัทผู้ชนะการประมูล มั่นใจว่ารถยนต์ถูกต้องตามกฎหมาย และต้องการนำสินค้าไปส่งมอบให้ ขสมก.ตามกำหนด สามารถวางแบงก์การันตี ที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่าค่าปรับ ขณะที่นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. เปิดเผยว่า ตามแผน ต้องนำรถออกจากท่าเรือภายในวันพรุ่งนี้ (7 ธ.ค.) เพื่อไปติดตั้งระบบจีพีเอส รวมทั้งดำเนินการส่งมอบรถล็อตแรก ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ แต่หากพ้นกำหนดการดังกล่าว ต้องหารือกับบริษัทถึงแนวทางแก้ปัญหาต่อไป ความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะทำให้เกิดเป็นโครงข่ายรถไฟฟ้าที่จะทำให้การเดินทางของคน กทม.และปริมณฑล สะดวกและรวดเร็วขึ้น โครงการแรกที่มีการถามถึงกันมาก คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ล่าสุดการก่อสร้างคืบหน้า 86.72% และมีกำหนดเปิดใช้ภายในปี 2662 โดยโครงการนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก เมื่อโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีน้ำเงิน เสร็จสมบูรณ์ ทั้งโครงการจะเป็นเส้นทางวงกลม หรือ วงแหวน และโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเชื่อม หรือแยกออกไปจากโครงการสายสีน้ำเงิน ซึ่งรวมถึงสายสีม่วง บางใหญ่-เตาปูน ด้วย โครงการที่ 2 คือ สายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ล่าสุดคืบหน้า 99.83% และเตรียมเปิดให้บริการต้นปีหน้า และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่ผ่านแยกรัชโยธิน และเป็นที่มาของการต้องทุบสะพาน และสร้างทางลอด หรือ อุโมงค์ทดแทน ล่าสุดคืบหน้า 17.10% ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้ เมื่อเสร็จสมบูรณ์จะทำให้คนจากจังหวัดปทุมธานี และใกล้สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าเดินทางไปยังจังหวัดสมุทรปราการได้สะดวกและรวดเร็ว กรมศุลกากร ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปมาเลเซียวันนี้ เพื่อตรวจสอบเอกสารรับรองแหล่งผลิตรถเมล์เอ็นจีวี คาดไม่เกิน 3 วันรู้ผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ออมสิน ชีวะพฤกษ์ บอกว่า ได้หารือกับอธิบดีกรมศุลกากรทางโทรศัพท์ถึงปัญหาบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ไม่สามารถนำรถโดยสาร NGV 100 คันแรกออกจากท่าเรือแหลมฉบังได้ เนื่องจาก ศุลกากรไม่แน่ใจว่าเอกสารรับรองถิ่นกำเนิด ซึ่งออกให้โดยกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศของประเทศมาเลเซียเป็นของจริงหรือไม่ ซึ่งบริษัทฯ ใช้หนังสือดังกล่าวรับรองเพื่อขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีศุลกากร 0% แก่สินค้าที่นำเข้าระหว่างกันของ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟตา อย่างไรก็ตาม ในวันนี้กรมศุลกากรจะส่งเจ้าหน้าที่ไปประเทศมาเลเซีย เพื่อตรวจสอบเอกสารดังกล่าว คาดว่าคงใช้เวลาไม่เกิน 3 วันน่าจะทราบผล ส่วนจะทันกำหนดเปิดตัวต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรีในวันที่ 21 ธันวาคมหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ หากเบสท์ริน กรุ๊ป ไม่สามารถส่งมอบรถโดยสารให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.ได้ทันวันที่ 29 ธันวาคมนี้ จะต้องถูกปรับตามสัญญา และ ขสมก. มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาได้ ด้านนายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า หากบริษัทยังไม่สามารถนำรถเมล์ 100 คันแรกออกจากท่าเรือแหลมฉบังได้ ก็จะทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง และ สภาวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย- อาเซียน เพื่อขอให้เข้ามาช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้บริษัทได้จอดรถทิ้งไว้ในท่าเรือแหลมฉบัง 3 วัน ทำให้ต้องจ่ายค่าที่จอดรถวันละ 3 แสนบาท รวมแล้ว 9 แสนบาท ที่สำคัญคือ รถเมล์ล็อต 2 อีก 145 คันกำลังจะขนส่งมาถึงท่าเรือแหลมฉบังในวันนี้ ซึ่งท่าเรือแหลมฉบังแจ้งว่าไม่มีที่จอดสำหรับล็อตใหม่ เพราะที่จอดรถเต็มแล้ว รฟม. ประกาศเอกชนผู้ผ่านการประเมินสูงสุดสัมปทานลงทุน รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง รฟม. ประกาศเอกชนผู้ผ่านการประเมินสูงสุดสัมปทานลงทุนด้านโครงสร้างงานโยธา งานระบบและขบวนรถไฟฟ้า (รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง) และให้บริการเดินรถบำรุงรักษา โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ตามที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กำลังดำเนินการคัดเลือกผู้รับสัมปทานการลงทุนออกแบบและก่อสร้างงานโยธาการจัดหาระบบรถไฟฟ้า การให้บริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษา โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว สำโรง นั้น คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. เอกชนร่วมลงทุนฯ พ.ศ.2556 ได้ประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 1 (ด้านคุณสมบัติและเทคนิค) และเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 (ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน) เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีผลสรุปว่า กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) (ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS Group) บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)) เป็นเอกชนผู้ผ่านการประเมินสูงสุด หลังจากนี้คณะกรรมการฯ จะพิจารณากำหนดประเด็นเจรจาต่อรองและเริ่มการเจรจาต่อรองกับกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ให้ได้ข้อสรุปก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติประมาณเดือนมีนาคม เมษายน 2560 การนี้ รฟม. เร่งรัดประเมินข้อเสนอเอกชนร่วมลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และสายสีเหลืองฯ เป็นไปตามนโยบายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายไว้ ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ประมาณ 1 เดือน โดยคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาสัมปทานได้ภายในเดือนเมษายน 2560 สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และสายสีเหลืองฯ นั้น เป็นโครงการในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน โดย รฟม. ลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและเอกชนผู้รับสัมปทานลงทุนด้านโครงสร้างงานโยธา งานระบบและขบวนรถไฟฟ้า (รถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง) และให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา รวมถึงเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสาร (PPP Net Cost) มีระยะเวลาสัมปทานทั้งสิ้น 33 ปี 3 เดือน โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1: งานออกแบบและก่อสร้างงานโยธา พร้อมติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้า เป็นระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน และระยะที่ 2: งานให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา เป็นระยะเวลา 30 ปี ทั้งนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ มีมูลค่าลงทุนรวม 53,519.50 ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ มีมูลค่าลงทุนรวม 51,931.15 ล้านบาท
เบสท์ริน กรุ๊ป ผู้ชนะประมูลในโครงการจัดหารถเมล์ NGV ให้ ขสมก. ตั้งโต๊ะชี้แจง หลังถูกกรมศุลกากรอายัดรถเมล์ NGV 99 คัน ต้องสงสัยสำแดงแหล่งกำเนิดรถผิด เข้าข่ายเลี่ยงภาษี อ้างจ้างบริษัทในมาเลเซียจัดหารถ แต่ไม่รู้ซื้อรถจากประเทศใดและรูปแบบใด โดยนายคณิสส์ร ศรีวชิระประภา ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เบื้องต้นไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของรถเมล์ NGV จำนวน 99 คัน ที่ถูกกรมศุลกากรอายัดไว้ได้ เนื่องจากบริษัทได้ว่าจ้างให้บริษัทในมาเลเซียเป็นผู้จัดหารถให้ และเอกสารทั้งหมดออกโดยรัฐบาลของมาเลเซีย ซึ่งเบสท์ริน กรุ๊ป เป็นเพียงผู้นำส่งเอกสารเท่านั้น ส่วนบริษัทในมาเลเซียจะจัดซื้อรถจากประเทศใดรูปแบบใด ไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ แต่เรื่องนี้บริษัทจะดำเนินการให้เกิดความชัดเจนโดยเร็วที่สุด เพราะหากไม่สามารถส่งรถให้แก่ ขสมก.ทั้งหมด 489 คัน ภายในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ บริษัทจะต้องถูกปรับวันละ 10,000 บาท/วัน/คัน ขณะเดียวกัน จะทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง ให้หารือกับกรมศุลกากรเพื่อให้นำรถเมล์ออกมาใช้ได้ก่อน โดยบริษัทยินดีให้ใช้เงิน 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินค่าประมูลรถที่กระทรวงการคลังต้องจ่ายเป็นหลักประกัน และหากตรวจสอบภายหลังพบว่า ผิดจริงก็สามารถหักเงินภาษีได้ทันที ขสมก.เปิดสัญญา เบสท์ริน กรุ๊ป ต้องส่งมอบรถให้ ขสมก.ภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2559 หากไม่ทัน จะถูกปรับวันละ 17,000 บาท/วัน/คัน นายสุระชัย เอี่ยมวชิรกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. บอกว่า ขสมก.อยู่ในฐานะผู้ซื้อ ที่มีสัญญาซื้อขายกับเอกชน ซึ่งเอกชนมีหน้าที่จะต้องส่งมอบรถเมล์ NGV จำนวน 489 คันให้กับ ขสมก.ตามสัญญาภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2559 นี้ หากไม่สามารถส่งมอบได้ตามสัญญา จะต้องถูกปรับวันละ 17,000 บาท/วัน/คัน จนกว่าจะมีการรับมอบเสร็จจนครบ ส่วนจะถึงขั้นยกเลิกสัญญาหรือไม่นั้น จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งหากยกเลิกสัญญา ขสมก.ก็จะยึดหลักค้ำประกันมูลค่า 10% หรือประมาณ 330 ล้านบาท ส่วนแนวทางรองรับกรณีที่ไม่สามารถนำรถใหม่ 489 คันมาให้บริการประชาชนได้นั้น ทาง ขสมก.จะนำรถที่เตรียมปลดระวาง 2,700 คัน มาให้บริการแทน ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ยอมรับว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนถึงต้นทางของรถ เพื่อพิจารณาว่าใครต้องรับผิดชอบ ระหว่างเอกชนผู้นำเข้า, กรมศุลกากร, ขสมก. หรือ กระทรวงคมนาคม นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กล่าวถึง กรณีรถเมล์ NGV ที่ ขสมก. จัดซื้อ 100 คันแรก มีปัญหาถูกศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังกักไว้ โดยยืนยันว่า ยังสามารถให้บริการประชาชนด้วยรถเมล์ที่มีอยู่ 2,700 คันได้ ถ้าบริษัทเบสทริน กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้นำเข้า ไม่สามารถส่งมอบรถเมล์ NGV ใหม่ 489 คัน ให้ ขสมก. ได้ทันในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ บริษัทเบสทริน กรุ๊ป จะต้องจ่ายค่าปรับให้ ขสมก. วันละ 17,000 บาท ต่อคัน พร้อมยึดเงินประกัน 330 ล้านบาท และอาจจะพิจารณายกเลิกสัญญา หากส่งมอบรถเมล์ใหม่ไม่ครบ รถไม่ผ่านการตรวจสอบ และผิดเงื่อนไข โดยบริษัทเบสทริน กรุ๊ป เตรียมแถลงข่าวชี้แจงในวันนี้ โดยจะขอตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ ขสมก. ดำเนินการให้รัดกุมมากกว่านี้ ในการจัดซื้อรถเมล์ใหม่และต้องกำหนดแนวทางการจัดหารถเมล์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงกระบวนการจัดซื้อรถเมล์จะต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง เพราะทุกฝ่ายต้องการให้ประชาชนได้ใช้รถเมล์ใหม่ ไม่ได้ต้องการเงินค่าปรับ และนายกรัฐมนตรีก็ได้เน้นย้ำว่าต้องการให้รถเมล์ใหม่เข้ามาให้บริการประชาชนโดยเร็ว ช่วงนี้พาคุณผู้ชมไปติดตามสถานการณ์การให้บริการรถโดยสารสาธารณะอีก 1 ประเภท นั้นก็คือแท๊กซี่ ปัจจุบันมีการเข้มงวดในเรื่องการให้แท็กซี่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ รวมถึงมีการให้บริการของแท็กซี่แบบใหม่ผ่านแอพพลิเคชั่น จะมีการดูแลคุณภาพ มาตรฐานการให้บริการอย่างไร ติดตามจากคุณ ภาพิมล วิสาโรจน์ ปัจจุบันในกรุงเทพมหานครมีแท็กซี่ที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกอยู่ที่ 1แสน2หมื่นคัน เป็นจำนวนแท็กซี่ที่วิ่งให้บริการจริงประมาณ6-8หมื่นคัน ซึ่งในเรื่องการควบคุมดูแลให้เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับ ขณะนี้กรมการขนส่งทางบกได้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เช่น ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารมีจำนวนลดลง โดยในปี2558-2559 พบแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารจำนวน2หมื่นราย ซึ่งจะมีบทลงโทษเป็นขั้นบันได หนักสุดเป็นการเพิกถอน พักใช้ใบอนุญาต ขณะที่การปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารส่วนหนึ่งจะมีการพิจารณาโดยประเมินจากคุณภาพการให้บริการด้วย โดยกำลังอยู่ในช่วงการพิจารณาเพิ่มเติมจากกระทรวงคมนาคมหลังจากเคยมีการปรับอัตราค่าบริการครั้งล่าสุดไปแล้ว นอกเหนือจากแท็กซี่ที่วิ่งให้บริการทั่วไป ยังมีบริการแท็กซี่รูปแบบใหม่ที่เป็นการเรียกผ่านแอพพลิเคชั่น โดยกรมการขนส่งทางบกระบุว่าตามกฎหมาย ผู้ให้บริการจำเป็นต้องมาจดทะเบียนรถเป็นรถสาธารณะหรือรถ กับกรมการขนส่งทางบกก่อนให้ถูกต้องรวมถึงต้องมีใบขับขี่ที่ตรงตามประเภทของรถ ทางด้านแกร็บผู้ให้บริการเรียกรถโดยสารผ่านแอพพลิเคชั่น เข้าสู่ปีที่4สำหรับการทำธุรกิจในประเทศไทย การเติบโตช่วง3ปีที่ผ่านมา มีการเรียกผ่านแอพพลิเคชั่นโต17เท่า ปริมาณคนขับโต6เท่า มีพื้นที่ให้บริการในเขต กทม.และหัวเมืองหลักๆ เช่น พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น ล่าสุดได้เปิดตัว แกร็บฮิต รูปแบบใหม่สำหรับการให้บริการเป็นบริการทางเดียวกันไปด้วยกัน มีอัตราค่าบริการที่50บาท ตายตัว โดยชูในเรื่องราคาที่ประหยัดและเพิ่มทางเลือกให้กับผู้โดยสารในการใช้บริการรถสาธารณะโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน โดยแกร็บมีความมั่นใจในเรื่องมาตรฐานการให้บริการ เนื่องจากได้ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบ และประเมินผล ได้รับรองมาตรฐาน ไอเอสโอ 9001 2015 เป็นที่สิ่งยืนยันถึงการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ การเข้ามาให้บริการของแท็กซี่ในลักษณะการเรียกผ่านแอพพลิเคชั่นถือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชนผู้ใช้บริการที่ต้องการความสะดวก สบาย ประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม แต่ควรมีการเลือกใช้บริการจากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ ถูกต้องตามกฎระเบียบข้อบังคับตามกฎหมาย ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้บริการ สุทธินันท์ ประถมพันธ์ ถ่ายภาพ ภาพิมล วิสาโรจน์ เนชั่น ทีวี รายงาน
รายงานพิเศษ : ชำแหละรถเมล์เอ็นจีวีเลี่ยงภาษี-รัฐสูญ 2.3 พันล้านบาท ย้อนรอยการนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีของบริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด ไม่ใช่ปัญหาการจ่ายภาษีครั้งแรก เพราะเคยถูกกรมศุลกากรและกรมสรรพากร ฟ้องร้อง เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ศาลภาษีอากรกลาง ได้มีคำพิพากษา คดีที่กรมศุลกากร และกรมสรรพากร ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งประกอบกิจการนำเข้ารถยนต์โดยสาร เป็นจำเลย ฐานสำแดงเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์โดยสาร กรณีเมื่อเดือน ตุลาคม 2549 – กันยายน 2550 ได้นำเข้ารถยนต์โดยสารยี่ห้อ Golden Dragon รุ่นต่างๆ และอุปกรณ์จากประเทศจีน หลายครั้ง รวมมากกว่า 200 คัน โดยเจ้าพนักงานกรมศุลกากร ตรวจสอบพบว่า บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้สำแดงเท็จ ในราคาต่ำกว่าราคาจริงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 99 และ 27 โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับบริษัทจำเลย จ่ายภาษีพร้อมเงินเพิ่ม ให้แก่ กรมศุลกากร และกรมสรรพากร วงเงินรวมกว่า 232.331 ล้านบาท ศาลภาษีอากรกลาง ได้พิเคราะห์ ว่า บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นจำเลย มีพฤติการณ์ที่จะหลีกเลี่ยงอากรขาเข้า ตามพระราชบัญญัติศุลกากร จริง โดยสำแดงราคารถยนต์โดยสารปรับอากาศเป็นเท็จ ในราคาต่ำกว่าราคาจริงจึงพิพากษาให้ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ชำระค่าภาษีอากร พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมกว่า 230 ล้านบาท และให้จำเลยชำระเงินเพิ่มอากรขาเข้าด้วย ในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน นับแต่วันฟ้องรวมทั้งเงินเพิ่มอากรอีก 85 ล้านบาท แก่โจทก์จนกว่าจะชำระเสร็จ ในขณะที่ศาลมีคำพิพากษานั้น บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ก็เป็นผู้ชนะประกวดราคาโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติหรือรถเมล์ NGV พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร จำนวน 489 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ที่ได้มีการเปิดซองประกวดราคาใหม่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 อีกครั้ง แต่คำพิพาษาของศาลภาษีอากรกลางในครั้งนั้น นับเป็นศาลชั้นต้น บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ยังสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้อีกตามกฎหมาย ขณะนั้น นายสุระชัย เอี่ยมวชิระสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. ได้กล่าวถึง บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป หลังถูกศาลตัดสิน เอาไว้ว่า คำพิพากษาไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการรถเมล์เอ็นจีวี และโครงการจะยังดำเนินต่อไปตามปกติ เพราะคำพิพากษาของศาลภาษีที่มีออกมาไม่เกี่ยวกับโครงการรถเมล์เอ็นจีวี เป็นเรื่องของหน่วยงานรัฐอย่างกรมสรรพากรและกรมศุลกากรที่ฟ้องดำเนินคดีดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับขสมก.แต่อย่างใดและ คำพิพากษายังไม่สิ้นสุด บริษัทเบสท์รินยังสามารถยื่นอุทธรณ์ ในชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาได้ตามกระบวนการยุติธรรม จึงไม่อยากให้นำเรื่องโครงการรถเมล์เอ็นจีวีกับคำพิพากษามาเกี่ยวโยงกัน จนกระทั่งวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้นำรถเมล์เอ็นจีวีรุ่นใหม่ล็อตแรกเข้ามาถึงท่าเรือแหลมฉบัง กรมศุลกากรได้ตรวจพบความผิดปกติอีกครั้ง ในการยื่นเอกสารขอใช้สิทธิประโยชน์จากกรอบภาษีอาเซียนหรืออาฟต้า ยกเว้นการเสียภาษีทั้งหมดถึง 47 เปอร์เซ็นต์ โดยอ้างว่านำเข้ารถยี่ห้อซันลองจากประเทศจีน มาประกอบที่โรงงานสาขาของซันลองในมาเลเซีย จนนำไปสู่การกักรถเมล์เอ็นจีวี 99 คัน และการเดินหน้าตรวจสอบของกรมศุลกากร กับ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด อีกเป็นครั้งที่ 2 นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. เปิดเผยแผนเตรียมเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย จำนวน 1 สถานี จากสถานีแบริ่ง – สถานีสำโรง ช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า และเปิดเดินรถอีก 1 สถานี ระหว่างสถานีเตาปูน - สถานีบางซื่อ ในเดือนสิงหาคม เพื่อช่วยเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน นอกจากนี้ จะเร่งผลักดันโครงการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าอีกหลายสาย โดยเริ่มจากการลงนามสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันออก เส้นทางศูนย์วัฒนธรรมฯ - มีนบุรี หลังจากได้ประกาศผู้ชนะการประกวดราคาไปแล้ว 5 สัญญา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และจะประกาศอีก 1 สัญญาที่เหลือในสัปดาห์นี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 80,000 ล้านบาท โดยจะลงนามสัญญาได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนมีนาคม ปีหน้า ก่อนจะเริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน และเปิดให้บริการในปี 2565 ส่วนโครงการรถไฟฟ้าที่จะดำเนินการต่อไป คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนต่อขยาย เส้นทางเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ ระยะทางรวมกว่า 23 กิโลเมตร มูลค่าโครงการกว่า 131,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นรถไฟฟ้าที่ผ่านรัฐสภา และเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย เส้นทางหัวลำโพง - บางแค ที่จะเปิดให้บริการในปี 2561 ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู เส้นทาง แคราย - มีนบุรี และสายสีเหลือง เส้นทาง ลาดพร้าว - สำโรง มูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท คาดว่าจะลงนามสัญญา และเริ่มก่อสร้างภายในช่วงเดือนเมษายนปีหน้า กรมศุลฯตรวจพบหลักฐานชี้ชัดรถเมล์NGVผลิตในจีนก่อนส่งผ่านมาเลเซียเข้าไทย ชี้นำเข้า100คันแรกเข้าข่ายสำแดงเอกสารเท็จ วันนี้(13 ธ.ค.59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมศุลกากรแถลงผลตรวจสอบการนำเข้ารถเมล์ NGV ของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ยืนยันหลักฐานชี้ชัดเป็นรถที่ผลิตในประเทศจีนและส่งไปพักรถที่ประเทศมาเลเซียก่อนนำเข้ามาไทย นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ได้ชี้แจงการตรวจสอบเส้นทางนำเข้ารถเมล์ NGV ยี่ห้อ "ซันลอง” จำนวน 489 คัน พบว่าก่อนส่งมาไทย ได้มีบริษัทที่มาเลเซียสั่งนำเข้ารถ NGV ในจำนวน ราคา และหมายเลขเครื่องยนต์ตรงกัน ข้อมูลชี้ชัดว่าเป็นรถยนต์ที่ผลิตสำเร็จรูปขึ้นที่จีน ไม่ใช่ผลิตในมาเลเซียอย่างที่มีการสำแดงในเอกสาร ดังนั้นรถเมล์ NGV จำนวน 100 คันแรกที่นำเข้ามาและผ่านพิธีการศุลกากรแล้ว จึงเข้าข่ายสำแดงแหล่งกำเนิดสินค้าหรือ "ฟอร์มดี" เป็นเท็จ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายศุลกากรมาตรา 99 และ 27 ที่ต้องเสียภาษีนำเข้า 40 % และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% บวกค่าปรับอีก 2 เท่า รวมเป็นเงิน 370 ล้านบาท ส่วนรถเมล์NGVที่เหลืออีก 389 คัน มีการนำเข้ามาแล้ว 145 คัน และที่เหลืออยู่ระหว่างขนส่งมาจากมาเลเซีย ยังไม่ได้ยื่นเอกสารและผ่านพิธีการศุลกากร ทางบริษัทเบสท์รินยอมรับว่ามีความเข้าใจผิดพลาดจากบริษัทผู้จำหน่ายในมาเลเซีย จึงยอมจ่ายภาษีคิดเป็นเงินกว่า 564 ล้านบาท เพื่อขอนำรถทั้ง 389 คันออกมาก่อน เพราะหากขอนำรถ 100 คันที่มีปัญหาออกมาด้วยพร้อมกัน จะต้องจ่ายภาษีรวมกันสูงถึงเกือบ 1,000 ล้านบาท โดยขอเวลา 2-3 วันในการนำเงินมาวางประกัน ทั้งนี้ หากบริษัทเบสท์รินยื่นเอกสารและชำระภาษีครบถ้วน กรมศุลกากรก็พร้อมจะตรวจปล่อยรถให้ได้ภายใน 1-2 วัน ส่วนกรณีการสำแดงเอกสารฟอร์มดีเป็นเท็จ ที่เอกชนยืนยันว่าได้รับมาจากทางการมาเลเซียนั้น จะต้องตรวจสอบความชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามขณะนี้กรมศุลกากรได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเบสท์ริน กรุ๊ป ผู้นำเข้ารถเมล์NGVที่มีปัญหานี้ไว้แล้ว และหลังจากนี้จะตรวจสอบการนำเข้ารถยนต์อย่างเข้มงวดต่อไป กทม. 13 ธ.ค. – วันนี้มีการเปิดตัวสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในเมืองไทย โดยจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 2562 ที่ชื่อว่า “สถานีสนามไชย” ซึ่งตั้งอยู่กลางพื้นที่เกาะกรุงรัตนโกสินทร์ แนวถนนสนามไชย กรุงเทพฯ ภายในตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมไทยอย่างวิจิตรงดงาม ความสวยงามตระการตาของสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่เห็นอยู่ด้านหลังนี้ ตกแต่งอยู่ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสนามไชย รฟม.เชื่อว่าจะเป็นอีกแลนด์มาร์กสำคัญที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาเยี่ยมชมได้เป็นจำนวนมาก ความรู้สึกแรกที่เข้ามาในสถานีแห่งนี้ เสมือนกับผู้โดยสารได้เดินเข้าสู่ห้องโถงลักษณะคล้ายท้องพระโรงในพระบรมมหาราชวัง ถ่ายทอดผ่านองค์ประกอบความเป็นไทยอย่างงดงาม เช่น เสาสดุมภ์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างทางเดิน มีองค์และฐานเสาตามทำเนียบของสถาปัตยกรรมไทย ลงลายกระเบื้องเป็นดอกพิกุล ปลายเสาประดับด้วยบัวจงกลปิดทองคำเปลว พื้นและผนังจำลองมาจากกำแพงเมือง ประดับด้วยเสาเสมาของพระบรมมหาราชวัง เช่นเดียวกับพื้นเพดานที่ตกแต่งด้วยลายไทยฉลุแบบดาวล้อมเดือนอันวิจิตร สถานีสนามไชย อยู่ในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค ออกแบบตามแนวคิดที่กลมกลืนกับประวัติและความเป็นมาของการตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่อนุรักษ์เกาะกรุงรัตนโกสินทร์ และจัดแสดงพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุที่ขุดพบจากการก่อสร้างสถานีนี้ เช่น ฐานรากโครงสร้างพระราชวัง ตุ๊กตาดินเผา ถ้วย ชาม กระเบื้องดินเผาสมัยพุทธศตวรรษที่ 24-25 ปืน เหรียญโลหะสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านสถาปัตยกรรมแห่งใหม่ที่เชื่อมการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ เช่น วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง และมิวเซียมสยาม นอกจากสถานีสนามไชยแล้ว โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายยังมีรถไฟฟ้าอีก 3 สถานี ที่มีความสวยงามโดดเด่นไม่แพ้กัน เช่น สถานีวัดมังกรกมลาวาส เน้นสถาปัตยกรรมแบบไทยจีน มีหัวและท้องมังกร ลวดลายเกร็ดมังกรบนเพดาน และมีหางมังกรไล่ลำดับกัน สื่อถึงความเป็นอยู่ของชาวจีน เช่นดียวกับสถานีวังบูรพา ที่ออกแบบตามสไตล์ยุคสมัยรัชกาลที่ 5 กึ่งหอจดหมายเหตุ บอกเล่าประวัติศาสตร์ของพื้นที่ และสถานีอิสรภาพ เป็นสถาปัตยกรรมโบราณ นำลวดลายวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหารมาตกแต่ง เพิ่มกลิ่นอายความเป็นประวัติศาสตร์ทรงคุณค่าของพื้นที่ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเหล่านี้ล้วนได้รับการออกแบบที่สอดคล้องกับบริบทและวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ ถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มาเยือนเมืองไทย. – สำนักข่าวไทย
ขสมก.นัดประชุมบอร์ดเพื่อพิจารณาการรับมอบรถเมล์NGVที่มีปัญหาเลี่ยงภาษี หลังกรมศุลฯ ชี้เป็นรถที่ผลิตในจีน นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงการตรวจสอบการนำเข้ารถเมล์ NGV ล็อตแรก 100 คัน ซึ่งบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป ผู้ชนะการประมูลจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือ ขสมก. ได้ว่าจ้างให้บริษัทซุปเปอร์ซาร่า ดำเนินการนำเข้า กรมศุลกากรได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงจากศุลกากรมาเลเซีย พบว่ารถเมล์ทั้งหมดถูกประกอบและส่งออกจากจีนไปยังมาเลเซีย แล้วส่งออกต่อมายังประเทศไทย จึงไม่เข้าเงื่อนไขได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าตามข้อตกลงการค้าอาเซียน แต่บริษัทซุปเปอร์ซาร่า ได้ยื่นเอกสารแจ้งว่าสินค้าทั้งหมดมีต้นกำเนิดจากมาเลเซีย จึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร โดยบริษัทซุปเปอร์ซาร่า ยอมรับว่ามีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อมูลการนำเข้าจากบริษัทผู้จำหน่ายมาเลเซีย จึงได้แถลงข่าวครั้งแรกตามข้อมูลที่ได้รับ แต่เมื่อทราบข้อเท็จจริงแล้ว ก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเสียภาษีนำเข้ารถเมล์ 100 คัน และเสียค่าปรับอีก 2 เท่าของภาษีนำเข้า พร้อมค่าปรับภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 16 ล้านบาท รวมทั้งหมด 370 ล้านบาท เมื่อบริษัทฯ ชำระภาษีเป็นประกันแล้ว กรมศุลกากรจะตรวจปล่อยรถได้ภายใน 1-2 วัน ส่วนรถเมล์ NGV อีก 389 คัน ขณะนี้มาถึงไทยแล้ว 291 คัน เหลืออีก 98 คัน ยังอยู่ที่ท่าเรือมาเลเซีย โดยรถเมล์นำเข้าล็อตที่ 2 ยังไม่มีความผิด เพราะยังไม่ได้ยื่นเอกสารการนำเข้า ถ้าต้องการนำรถออกจะต้องเสียภาษีนำเข้าคันละ 1,200,000 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มคันละ 270,000 บาท รวม 389 คัน ต้องเสียภาษีประมาณ 571 ล้านบาท โดยบริษัทซุปเปอร์ซาร่า ได้ยื่นหนังสือไปยังศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังแล้ว ว่าจะชำระภาษีและวางเงินประกันรถเมล์ทั้งหมด 489 คัน รวมเกือบ 1,000 ล้านบาท ภายใน 2-3 วันนี้ ทั้งนี้ กรมศุลกากรกำลังตรวจสอบเอกสารแจ้งถิ่นกำเนิดที่บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า ยืนยันว่าได้รับการรับรองจากทางการมาเลเซีย ทั้งที่รถเมล์ไม่ได้มีต้นกำเนิดจากมาเลเซีย จึงต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ด้าน นายวีระพงษ์ วงศ์แหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ขสมก. กล่าวว่า วันนี้จะส่งหนังสือถึงกระทรวงคมนาคม และประธานคณะกรรมการ ขสมก. เพื่อให้เร่งดำเนินการให้สามารถนำรถเมล์ NGV ใหม่ 489 คัน เข้ามาใช้ให้ทันกำหนด วันที่ 29 ธันวาคมนี้ เนื่องจากหากส่งมอบรถเมล์ใหม่ไม่ทัน จะส่งผลกระทบต่อ ขสมก. และผู้โดยสาร เพราะต้นปีหน้า ขสมก.มีแผนเดินรถเมล์ใหม่ และจะต้องปรับแผนปฏิรูปการเดินรถเมล์ที่วางไว้ ซึ่งสหภาพแรงงานฯ ขสมก.ไม่ต้องการให้โครงการรถเมล์ NGV ต้องล้มไป เพราะเสียเวลามามากแล้ว รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มีทั้งหมด 30 สถานี ต้นทางอยู่ที่สถานีศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ผ่านถนนติวานนท์ก่อนเลี้ยวเข้าถนนแจ้งวัฒนะ เชื่อมต่อถนนรามอินทรา ไปสิ้นสุดปลายทางที่สถานีมีนบุรี รวมระยะทาง 34.5 กิโลเมตร สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ – บางซื่อ ส่วนสถานีหลักสี่ เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต ส่วนสถานีวัชรพล สำหรับเปลี่ยนเส้นทางไปรถไฟฟ้าสายสีเทาในอนาคต และ สถานีมีนบุรี เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน – มีนบุรี รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง มีทั้งหมด 23 สถานี ระยะทาง 30 กิโลเมตร เริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว ปลายทางสถานีสำโรง ผ่านถนนลาดพร้าว แยกลำสาลี ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่สถานีสำโรง และสิ้นสุดแนวเส้นทางบริเวณถนนปู่เจ้าสมิงพราย รถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง เป็นรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคร่อมราง มีระยะเวลาสัมปทานทั้งสิ้น 33 ปี 3 เดือน ระยะแรก จะเป็นงานออกแบบและก่อสร้างงานโยธา พร้อมติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้า 3 ปี 3 เดือน ระยะที่ 2 งานให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา 30 ปี ผู้บริหารของกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ผู้ชนะการประมูลงานออกแบบก่อสร้าง งานโยธา พร้อมติดตั้งระบบและขบวนรถไฟฟ้า ออกมายืนยันความพร้อมในการเดินหน้าโครงการ ขั้นตอนนับจากนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.จะเจรจาต่อรองราคา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณภายในเดือนเมษายน 2560 จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างได้ทันที และ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ภาครัฐจะลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และ ค่าก่อสร้างงานโยธา และค่าระบบไฟฟ้า โดยสายสีชมพูมีวงเงินรวม 53,490 ล้านบาท และ สายสีเหลือง 51,810 ล้านบาท กลุ่มบีทีเอส ยื่นขอขยายเส้นทางสายสีชมพู และสีเหลือง พร้อมคาดการณ์ในอีก 4 ปีข้างหน้า จะมีผู้โดยสารใช้บริการในโครงข่ายรถไฟฟ้าบีทีเอสเพิ่มเป็น 1 ล้าน 7 แสนคน ถึง 2 ล้านคนต่อวัน จากปัจจุบันมีผู้ใช้บริการวันละ 7-8 แสนคน หลังจากกลุ่มบีทีเอส และพันธมิตร คือบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อชื่อกลุ่ม บีเอสอาร์ ได้สัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี 34.5 กม.และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง 30.4 กม.จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือรฟม. โครงข่ายรถไฟฟ้ากลุ่มบีทีเอส สายสีชมพู แคราย - มีนบุรี 34.5 กม. ขอขยาย 2.8 กม. สายสีเหลือง ลาดพร้าว – สำโรง 30.4 กม. ขอขยาย 2.6 กม. สายสีเขียว ผู้โดยสารรวม 1.7-2 ล้านคน/ต่อวัน ใน 4 ปีข้างหน้า ล่าสุด นาย คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่ากลุ่มบีเอสอาร์ ได้เสนอขยายเส้นทางสายสีชมพูอีก 2.8 กิโลเมตรจากสถานีศรีรัช บนถนนแจ้งวัฒนะ เข้าไปยังเมืองทองธานี และต่อขยายสายสีเหลืองออกไปอีกประมาณ 2.6 กิโลเมตร จากสถานีรัชดาไปทางทิศเหนือ และสิ้นสุดที่แยกรัชโยธิน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับสถานี N10 ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่กำลังก่อสร้าง เมื่อเชื่อมต่อโครงข่ายทั้งหมดแล้วจะทำให้ระบบรถไฟฟ้าของบีทีเอส มีผู้โดยสารเพิ่มเป็น 1 ล้าน 7 แสนคน ถึง 2 ล้านคนต่อวัน จากปัจจุบันมีผู้ใช้บริการวันละ 7-8 แสนคน
ท่าเทียบเรือประมงหัวหินเตรียมความพร้อมในการรองรับขนถ่ายผู้โดยสารเรือเฟอร์รี่เส้นทางใหม่หัวหิน-พัทยา ที่ขณะนี้รอประสานงานจากบริษัทเดินเรือ เพื่อจัดตารางเข้าออกไม่ให้กระทบการการขนถ่ายสัตว์น้ำ กรมศุลฯอาจไม่ดำเนินคดีทางอาญากับ “เบสท์ริน กรุ๊ป” หลังเตรียมจ่ายภาษีกว่า 700 ล้านบาท ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศไทยกำลังกลายเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียน สิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ซึ่งถือเป็นสิ่งสาธารณูปโภคที่สำคัญที่ไทยกำลังพัฒนา อย่างเร่งด่วนนับจากนี้
“สมคิด”เป็นปธ.ลงนามก่อสร้างงานโยธา รถไฟฟ้าสายสีส้มศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี เริ่มก่อสร้างเดือนมิ.ย.60 เล็งขยายรถไฟฟ้าไปเมืองใหญ่ เชียงใหม่-ภูเก็ต วันนี้(9ก.พ.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามี พิธีลงนามสัญญาก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กับบริษัทผู้รับจ้างที่ผ่านการคัดเลือกด้านราคาทั้ง 6 สัญญา ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีสถานีเริ่มต้นจากสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT) ประกอบด้วยสถานีใต้ดิน 10 สถานี ได้แก่ สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย, สถานี รฟม., สถานีลำสาลี, สถานีศรีบูรพา และสถานีบ้านม้า รวมทั้งมีสถานียกระดับ 7 สถานี ได้แก่ สถานีสัมมากร, สถานีน้อมเกล้า, สถานีราษฎร์พัฒนา, สถานีวัดบางเพ็ง, สถานีเคหะราม, สถานีมีนบุรี และสถานีสุวินทวงศ์ รวมระยะทางประมาณ 22.57 กิโลเมตร โดยรฟม. ได้จัดให้มีการลงนามในสัญญากับผู้รับจ้างทั้ง 6 สัญญา รวมมูลค่างานโยธาทั้ง 6 สัญญา เป็นเงินกว่า 7 หมื่น 9 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลางจำนวนกว่า 5 ร้อยล้านบาท และอยู่ในกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ จำนวน 82,907 ล้านบาท สำหรับการเริ่มก่อสร้างงานโยธา จะเริ่มในเดือนมิถุนายน 2560 และกำหนดแล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2566 ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการเดินรถในต้นปี 2566 นายสมคิด เปิดเผยภายหลังการลงนามว่า ตัวเองให้สัญญาว่า โครงการรถไฟฟ้าทั้งหมด จะผ่านคณะรัฐมนตรีภายในปีนี้ ยิ่งเสร็จเร็วเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้คนไทยได้ประโยชน์มากขึ้น ลดการจราจรที่ติดขัด โดยตัวเองจะไม่ปล่อยให้อะไรล่าช้า เนื่องจากอายุตัวเองก็เริ่มมากขึ้นทุกวัน กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ใช้ นอกจากนี้จะขอให้ทาง รฟม. ทำเส้นทางรถไฟฟ้าในต่างจังหวัด เพื่อลดการจราจรที่ติดขัดด้วย อาทิ เชียงใหม่และภูเก็ต และในอนาคตจะขยายการลงทุนของบริษัทเอกชนในไทย ให้ขยายการก่อสร้างไปยังประเทศข้างเคียง เนื่องจากบริษัทเอกชนของไทย มีความสามารถเป็นอย่างมาก ข่าวดีของผู้ใช้รถไฟฟ้า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า เตรียมอนุมัติก่อสร้างจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-เตาปูน ปัจจุบันยังขาดอยู่ 1 กิโลเมตร นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประธานพิธีลงนามสัญญาก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ระหว่างการ รฟม.กับผู้รับเหมาว่าตนจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบการก่อสร้างจดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วง บางซื่อ-เตาปูน ระยะทาง 1 กม.ส่วนจำนวนผู้โดยสารสายสีม่วงที่มีปริมาณน้อย เพียง 25,000 คนต่อวันนั้น เป็นเพราะจุดเชื่อมต่อ 1 กม.ยังไม่แล้วเสร็จ เชื่อว่าหลังแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ภายในเดือนสิงหาคมนี้ จะทำให้มีประชาชนมาใช้บริการสายสีม่วงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแน่นอน แต่ยืนยันว่าในระยะยาวจะให้ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจคุ้มค่า พร้อมกันนี้ ยังได้สั่งการให้ รฟม.ศึกษาการพัฒนาก่อสร้างรถไฟฟ้าในต่างจังหวัดด้วย โดยจะเริ่มใน 2 จังหวัดใหญ่ ที่มีปริมาณรถติดสะสมจำนวนมากก่อน เพื่อเร่งกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคมากขึ้น สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ลงนามในวันนี้มีทั้งหมด 6 สัญญา มูลค่าก่อสร้าง 7.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 505 ล้านบาท โดยมีกำหนดเริ่มก่อสร้างในเดือนมิถุนายนปีนี้ และจะเปิดให้บริการเดินรถช่วงต้นปี 2566 เปิดเป็นทางการแล้วสำหรับการเดินเรือข้ามอ่าวไทยเส้นทางพัทยา-หัวหิน ระยะทาง 116 กิโลเมตร กับเวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ที่ท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดการเดินเรือข้ามอ่าวไทย เส้นทางการเดินเรือพัทยา-หัวหิน หลังเปิดทดลองวิ่งตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา จนมั่นใจในความปลอดภัย และความพร้อมในด้านต่างๆ โดยเที่ยวปฐมฤกษ์คือ 10.20 น.เรือแล่นออกจากท่าเรือแหลมบาลีฮายไปยังท่าเรือเขาตะเกียบ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 113 กิโลเมตร ใช้เวลาการเดินทาง 2 ชั่วโมง และเที่ยวกลับจะเดินทางออกจากท่าเรือเขาตะเกียบ หัวหิน เวลา 14.30 น.ซึ่งมีพิธีเปิดเดินเรือเช่นกันโดยมีนายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน และ อนาคตจะขยายเส้นทางเดินเรือเฟอร์รี่เพิ่มเติมเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารรถยนต์ และสินค้าที่จะมาใช้บริการด้วย สำหรับค่าโดยสาร คนละ 1,250 บาท แต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ เก็บค่าบริการโดยคิดอัตราพิเศษคนละ 999 บาท เมืองพัทยาวางแผนขยายท่าเรือเพิ่ม เพื่อลดความแออัดท่าเรือแหลมบาลีฮาย ในพัทยาใต้ หลังรัฐบาลและเอกชน เปิดโครงการเฟอร์รี่ข้ามอ่าวไทย พัทยา - หัวหิน อย่างเป็นทางการ เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น และยังเป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางเชื่อมอ่าวไทยตอนบนบรรยากาศจะเป็นอย่างไร ติดตามได้จาก คุณสิริภัคกมณ ตรัยตรึงตรีคูณ นายกฯพอใจเปิดเดินเรือเฟอร์รี่ข้ามอ่าวไทยพัทยา-หัวหิน เชื่อช่วยเพิ่มทางเลือกท่องเที่ยวใหม่ แนะเร่งศึกษาเส้นทางอื่น วันนี้ (13ก.พ.60) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีความพอใจในความคืบหน้าของโครงการเรือเฟอร์รี่ข้ามอ่าวไทย พัทยา-หัวหิน ที่ได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้วเมื้อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยาใต้ (แหลมบาลีฮาย) จ.ชลบุรี ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างความเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งทางน้ำฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ขณะเดียวกันยังสามารถเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศได้ด้วย ดังนั้นนายกรัฐมนตรีฝากขอบคุณกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันผลักดันให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้สำเร็จ ทั้งการปรับปรุงท่าเรือและการออกเดินเรือซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางโดยรถยนต์ได้กว่าครึ่งหนึ่ง ขณะเดียวกันยังสามารถเป็นทางเลือกใหม่ของการท่องเที่ยวทางทะเล ที่เชื่อมโยงระหว่างทั้งสองฝั่ง นอกจากนี้ยังจะช่วยสร้างความเจริญให้พื้นที่โดยรอบท่าเรือกลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจได้ปีละกว่า 4,000 ล้านบาท พล.ท.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมจับมือกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อดึงดูดให้มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมทั้งเร่งรัดศึกษาความเป็นไปได้ในการเพิ่มเติมเส้นทางอื่น ๆ ทั้งบางปู-หัวหิน บางปู-พัทยา ที่กำหนดไว้ในแผน สำหรับเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชน ทั้งนี้ ในช่วงที่เปิดทดลองให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ใช้บริการฟรี ระหว่างวันที่ 1 – 15 ม.ค.60 ที่ผ่านมานั้น ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเรือเฟอร์รี่ข้ามอ่าวไทยหรือเรือรอยัล 1 เป็นเรือขนาดใหญ่ปรับอากาศ 2 ชั้น มีชั้นประหยัด 286 ที่นั่ง ชั้นธุรกิจ 44 ที่นั่ง ห้องวีไอพี 2 ห้อง ๆ ละ 8 ที่นั่ง ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยจากกรมเจ้าท่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นเปิดให้บริการวันละ 2 เที่ยว ผู้ที่สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 038 488 999
ในอีก 5 ปีข้างหน้านับจากนี้ คนกรุงเทพจะมีรถไฟฟ้าใช้ครบทั้ง10 สาย หลังรัฐบาลเดินหน้าผลักดันโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 10 สาย ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีภายในปีนี้ เพื่อเร่งเดินหน้าโครงการให้ครบตามแผนภายในปี 2565 ติดตามจากรายงาน ครม.อนุมัติว่าจ้าง BEM เดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-บางซื่อ โดยให้สามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนสิงหาคม 2560 หลังจากมีข้อร้องเรียนผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงความแออัดของสนามบินภูเก็ต ทำให้เกิดความล่าช้าในการเดินทาง ล่าสุด มีการชี้แจงถึงสาเหตุแล้ว ยืนยันจะปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต มนฤดี เกตุพันธ์ นำคณะสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบพื้นที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ที่เป็นข่าว สาเหตุที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการตรวจสัมภาระนานกว่า 30 นาที เป็นเพราะระบบตรวจด้านในอาคาร อยู่ระหว่างอัพเกรดระบบให้สามารถตรวจสอบวัตถุอันตรายได้อย่างสมบูรณ์ ตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ทำให้จำเป็นต้องติดตั้งระบบตรวจสอบสัมภาระภายนอกอาคารแทน คาดว่าการอัพเกรดในครั้งนี้จะเสร็จในเดือนมีนาคม ซึ่งจะทันรองรับปริมาณผู้โดยสารช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าช่วงนี้ ได้ประสานกับสายการบินเช่าเหมาลำ เช่น AZUL Airline และ Royal Flight Airline ให้ไปใช้อาคารผู้โดยสาร X-terminal ซึ่งรองรับได้ราว 600-700 คน ส่วนอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ก็อยู่ระหว่างการปรับปรุงด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ตเฟสแรก ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน จากนั้นก็จะมาปรับปรุงด้านทิศเหนือ จะแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยในระหว่างนี้ได้จัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร เช่น เต็นท์ทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ ,จัดรถเวียนรับส่งผู้โดยสารตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มช่องทางเข้าออกอาคาร ทั้งนี้ เมื่อปรับปรุงแล้วเสร็จจะทำให้ท่าอากาศยานภูเก็ตรองรับผู้โดยสารได้เพิ่ม จาก 6.5 ล้านคนต่อปี เป็น 12.5 ล้านคนต่อปี (ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) ในช่วงนี้ที่คนกรุงเทพต้องทนกับรถติดจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ น่าสนใจว่าหากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จทั้งหมดทั่วกรุงเทพแล้ว จะแก้ปัญหารถติดได้หรือไม่? เราไปไขคำตอบกันกับรายงานพิเศษ ปัญหาการจราจร จากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คนกรุงต้องเผชิญทุกวันนี้ ด้วยความหวังว่าเมื่อโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายสำเร็จเมื่อไหร่ ปัญหารถติดในกรุงเทพจะทุเลาลงได้บ้าง แต่ก็มีคำถามตามมา ถึงการเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางของคนกรุง จะหันมาใช้ขนส่งมวลชนแทนรถส่วนตัวหรือไม่ หากดูจากรถไฟฟ้าสายล่าสุด อย่างสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ แม้จะปรับลดราคาค่าโดยสารลงมา ก็ยังขาดทุนเกือบ 4 ล้านบาทต่อเดือน และรถไฟฟ้าบีทีเอสก็ต้องใช้เวลาเป็นทศวรรษกว่าจะคุ้มทุน เหมือนอย่างที่อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเคยกล่าวไว้ ว่าปัญหาการจราจรในกรุงเทพไม่อาจคลี่คลายได้ด้วยรถไฟฟ้าทั้ง 10 สาย แต่จะเปลี่ยนคนโดยสารรถประจำทาง ไปใช้รถไฟฟ้าแทนเท่านั้น ส่วนคนมีรถ ก็ยังขับรถเหมือนเดิม น่าสงสัยว่าสาเหตุที่ทำให้ไม่มีคนนั่งรถไฟฟ้า คืออะไรกันแน่? เป็นที่รู้กันว่า รถไฟฟ้าสายสีม่วง มีปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อ ระหว่าง สถานีบางซื่อและเตาปูน ทำให้ไม่ดึงดูดใจคนเมืองนนท์นัก แต่หากเชื่อมต่อได้สำเร็จ ก็อาจเป็นตัวเลือกท้ายๆ อยู่ดี เนื่องจากค่าโดยสารอาจแพงเกินกว่าผู้มีรายได้น้อยจะรับไหว รถไฟฟ้าจึงเป็นได้แค่เพียงทางเลือกของผู้มีรายได้ปานกลางที่ทำงานในเมืองเท่านั้น นอกจากต้นทุนด้านราคา ยังมีต้นทุนทางเวลา ที่การโดยสารขนส่งมวลชนไม่อาจบอกเวลาที่แน่นอนในการเดินทางได้ เช่น คนที่บ้านอยู่ในซอย ต้องเผื่อเวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง ออกมารอรถเมล์หน้าปากซอย เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า และไม่รู้ว่ารถเมล์จะมาเมื่อไหร่ ยิ่งรวมกับค่าเดินทางหลายต่อ ทั้งจักรยานยนต์รับจ้าง รถประจำทาง รถไฟฟ้า เป็นรายจ่ายหลักร้อยบาทต่อเที่ยว ทำให้รถส่วนตัวยังคงเป็นตัวเลือกหลักของคนเมือง ดร.พนิต เห็นพ้องว่าต่อให้กรุงเทพมีโครงขายรถไฟฟ้าครบทุกพื้นที่ ตราบใดที่อัตราค่าโดยสารยังคงเป็นราคาจริง และ ไม่สามารถกะเวลาการเดินทางได้ ก็ไม่อาจเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางของคนเมืองได้อยู่ดี การใช้กลไกราคาดึงดูดผู้โดยสาร ด้วยการลดค่าโดยสาร แต่รัฐไม่ต้องจ่ายเงินอุดหนุนเลยซักบาท เป็นสิ่งที่รัฐทำได้ ด้วยการจัดเก็บภาษีกับบรรดาผู้ประกอบการ รอบๆ ที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้า เช่น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และนำเงินนี้ มาอุดหนุนค่าใช้จ่ายของระบบรถไฟฟ้า ทำให้ค่าโดยสารถูกลง จนประชาชนทุกระดับสามารถใช้บริการได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เมืองใหญ่ทั่วโลกทำอยู่ และการใช้เทคโนโลยี ยุค ประเทศไทย4.0 ในระบบขนส่งมวลชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน จะเสริมให้ขนส่งมวลชนน่าใช้งานมากขึ้น ต่อให้รถไฟฟ้าวิ่งผ่านถนนทุกสาย แต่ขาดการวางแผนเพื่อดึงผู้โดยสารไปใช้งานอย่างจริงจังแล้ว กรุงเทพก็ยังคงเป็นเมืองที่รถติดมากที่สุดในโลกอยู่ดี การแก้ปัญหาการเดินรถไฟฟ้าช่วงรอยต่อ 1 กิโลเมตร สถานีเตาปูน-บางซื่อ ล่าสุด ได้มีการลงนามสัญญาว่าจ้าง BEM เข้าบริหารจัดการแล้ว วงเงิน 918 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดเดินรถเชื่อมต่อได้เดือนสิงหาคมนี้
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับกระทรวงคมนาคม นำเสนอความสำคัญของการลงทุนด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบราง พร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ผ่านนิทรรศการระบบรางของไทยในเดือนมีนาคมนี้ กรุงเทพฯ 16 ก.พ.-ช่วงนี้เรามักจะได้ยินคำว่า กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์ ซึ่งรัฐบาลกำลังจะเสนอขายหน่วยลงทุนในปีนี้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกองทุนนี้ และอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับก่อนตัดสินใจลงทุน ติดตามจากรายงาน .-สำนักข่าวไทย นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่างสนามบินต้องมีการเพิ่มศักยภาพเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว แต่ปัญหาคือพื้นที่ของสนามบินภูเก็ตไม่เพียงพอสำหรับการขยายรันเวย์ ทำให้เกิดข้อจำกัด แล้วแผนการพัฒนาสนามบินภูเก็ต จะทำได้อย่างไร... เดือนสิงหาคม จะเปิดเดินรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน เชื่อมต่อสถานีเตาปูน-บางซื่อ หลังการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทสไทย ลงนามสัญญาว่าจ้างกับ BEM เชื่อจะมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงมากขึ้น 15-20% ส่วนสายสีม่วงยังไม่ปรับราคาค่าโดยสารขึ้น รฟม.ขอประเมินอีกครั้ง ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบว่าจ้างบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BEM ติดตั้งระบบ จัดการเดินรถไฟฟ้า และบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ระยะทาง 1 กิโลเมตร ในวงเงินจ้างรวม 918 ล้านบาท โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาว่าจ้างติดตั้งระบบรถไฟฟ้า จัดการเดินรถไฟฟ้า และบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM นายอาคม กล่าวว่า ได้ว่าจ้าง บีอีเอ็มให้เดินรถช่วง 1 กิโลเมตร เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งจะสามารถเดินรถได้ภายในเดือนสิงหาคมปีนี้ ในช่วงที่รอให้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค เปิดเดินรถ และขณะนี้งานโยธาของสายน้ำเงินส่วนต่อขยายก่อสร้างเสร็จไปแล้วประมาณ ร้อยละ 80 ส่วนช่วงเตาปูน-ท่าพระ คาดว่าจะเปิดเดินรถได้ในเดือนมีนาคมปี 2568 ซึ่งจากการประเมินคาดว่าภายหลังจากเปิดให้บริการเดินรถ 1 สถานีในเดือนสิงหาคมนี้ จะช่วยให้มีผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง เพิ่มขึ้น 15-20% ต่อวัน จากปัจจุบันมีผู้ใช้บริการประมาณ 2หมื่น 5พันคนต่อวัน ทั้งนี้ รฟม. ยังไม่พิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่ปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 14-29 บาท จากเดิมได้กำหนดอัตราค่าโดยสาร 14-42 บาท เนื่องจากมีผู้มาใช้บริการน้อยจึงต้องปรับลดค่าโดยสารลง ซึ่งหากระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วง สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินแล้ว ต้องมาประเมินกันอีกครั้ง ว่าอัตราค่าโดยสารจะมีเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แต่ในระยะเริ่มต้นยังคงใช้ราคา 14-29 บาทก่อน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ หลังจากที่รับมอบงานโยธาจากเอกชนแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้คำตอบจากกทม. จะดำเนินการรับมอบหนี้สิน และทรัพย์สินของโครงการอย่างไร แต่เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดเดินรถในช่วง 1 สถานี แบริ่ง-สำโรง ในเดือนมีนาคมนี้ กรุงเทพฯ 17 ก.พ.-ใครที่ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินไปถึงสถานีบางซื่อ และเดินทางเชื่อมต่อไปรถไฟฟ้าสายสีม่วง จากเตาปูน -บางใหญ่ ปัจจุบันการเดินทางอาจไม่สะดวกมากนัก แต่ปีนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นข่าวดี วันนี้จะพาไปสำรวจเส้นทางการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สายติดตามจากรายงาน .-สำนักข่าวไทย
“ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร” เตรียมตรวจความพร้อม ทดลองเดินรถไฟฟ้า “แบริ่ง-สำโรง” มีนาคมนี้ เตรียมเชิญ “นายกรัฐมนตรี” เปิดเต็มรูปแบบเดือนเมษายน และตั้งเป้าให้บริการฟรีถึงปี 2561 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ภายในเดือนมีนาคมนี้ กทม.จะเริ่มทดสอบการเดินรถโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง–สมุทรปราการ ระยะทาง 13 กิโลเมตร 9 สถานี เป็นเวลา 1 เดือน โดยตนจะลงพื้นที่ไปตรวจความพร้อม ก่อนจะเปิดเดินรถจริงในวันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป โดยจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานเปิดการเดินรถด้วย สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง–สมุทรปราการ ภาพรวมการก่อสร้างอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งงานโยธาและงานระบบ ส่วนงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ระบบไฟฟ้า การสื่อสาร ภาพรวมใกล้จะแล้วเสร็จครบทั้งหมด รายงานข่าวระบุว่า ในช่วงที่เปิดเดินรถจริงประชาชนไม่ต้องลงทะเบียน สามารถทดลองนั่งได้ทันทีและไม่เสียค่าโดยสารจนถึงปี 2561 ซึ่งจะเปิดให้บริการตลอดทั้งสายสีเขียวครบทุกสถานี ส่วนค่าโดยสารนั้น ประชาชนจะเสียค่าโดยสารหลังจากเปิดให้บริการตลอดทั้งสายสีเขียวครบทุกสถานี ซึ่งค่าโดยสารเป็นระบบเดียวตลอดทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว ประชาชนสามารถเดินทางจากต้นทางสายสีเขียวจาก จ.สมุทรปราการ จนถึงสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จ.ปทุมธานี ไม่เสียค่าเข้าระบบซ้ำซ้อน คาดว่าเมื่อเปิดใช้บริการทั้งระบบของรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะมีประชาชนที่ใช้บริการประมาณ 150,000-200,000 คนต่อวัน และคาดว่าประชาชนจะเปลี่ยนวิถีการเดินทาง ทำให้มีผู้ใช้บริการถึง 1 ล้านคนต่อวัน กทม. 22 ก.พ.- คับข่าว INSIDE วันนี้ อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ กลับมาทำหน้าที่พิธีกร ซักถามแขกรับเชิญ 2 ท่าน ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ คุณณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกฯ-ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ในประเด็นที่กำลังอยู่ในความสนใจ โดยเฉพาะคน กทม. พลาดไม่ได้ นั่นคือเรื่อง โครงข่ายรถไฟฟ้า เมื่อไรจะมาถึงบ้านเราเสียที.-สำนักข่าวไทย โครงการในช่วงที่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร อยู่ในตำแหน่งผู้ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย มีหลายโครงการที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว ทั้งรถไฟชานเมือง และ รถไฟทางคู่ 2 เส้นทางที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และ ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์เปิดประมูลไปอีก 5 เส้นทางติดตามได้จากรายงาน ไม่กี่ชั่วโมงหลังมีคำสั่ง คสช.ใช้อำนาจมาตรา 44 ปลดผู้บริหารการรถไฟฯ ยกชุด มีคำสั่งฉบับที่ 2 ตามมาทันที เดินหน้าโครงการรถไฟรางคู่ ยิ่งสะท้อนให้เห็นสาเหตุการย้ายผู้บริหารกับความล่าช้าของโครงการ โฆษกรัฐบาลยืนยันใช้ ม.44 ปลด "วุฒิชาติ" พ้นผู้ว่าการการรถไฟฯ เพราะมีปัญหาข้อร้องเรียนมาก โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส ยันตอนนี้ทุกคนยังบริสุทธิ์ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 10/2560 ที่สั่งปลดนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฯชุดใหม่ โดยระบุว่า ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ถึงความไม่โปร่งใสในการประมูลงานและการจัดซื้อจัดจ้างของการรถไฟฯ จึงไม่อาจเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนดังกล่าวได้ และได้ออกคำสั่งมาตรา 44 ย้ายนายวุฒิชาติ มาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลที่ร้องเรียนมา ซึ่ง ณ ขณะนี้ทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธ์ แต่หากพบการทุจริตตามที่กล่าวอ้างก็ต้องดำเนินตามกฎหมายต่อไป ส่วนการแต่งตั้งนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง มาทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าการ การรถไฟฯ เพื่อให้การลงทุนของการรถไฟฯเดินหน้าต่อไป นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เหตุผลสำคัญในการปลดผู้ว่าการ การรถไฟฯ ก็เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างโครงการลงทุนของการรถไฟฯมีความโปร่งใส และยอมรับว่าที่ผ่านมาหลายโครงการล่าช้าจากแผนมาก รายงานข่าวระบุว่า ปัจจุบันการรถไฟฯ เผชิญปัญหาขาดทุนจากการดำเนินงานอย่างหนัก โดยข้อมูลปี 2558 พบว่า การรถไฟฯมีผลประกอบการขาดทุน 1.6 หมื่นล้านบาท และมีหนี้สินสะสมสูงถึง 1.8 แสนล้านบาท สำหรับโครงการลงทุนของการรถไฟฯ ที่ว่าล่าช้ากว่าแผน คือ การเปิดประมูลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท คือ รถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร รถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ รถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ รถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ และรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน โดยทั้ง 5 โครงการ การรถไฟฯเปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลแล้ว แต่ต้องเลื่อนการประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น เพราะมีความขัดแย้งในการคัดเลือกผู้รับเหมาว่า จะให้เฉพาะรายใหญ่เท่านั้นที่ผ่านคุณสมบัติ หรือจะให้มีผู้รับเหมารายเล็กผ่านคุณสมบัติด้วย
อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน(กพร.) นายธีรพล ขุนเมือง เปิดเผยว่า พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังคน 20 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 โดยมุ่งเน้นจัดทำยุทธศาสตร์พัฒนากำลังแรงงานระบบขนส่งทางราง 5 ปี (พ.ศ. 2560-2564) เพื่อพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ โดยเฉพาะระบบขนส่งทางรางทั้งระบบของประเทศไทย ให้มีความรู้ทักษะ ความสามารถรองรับการขยายตัวของการลงทุนและการให้บริการระบบรางของประเทศไทย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและยั่งยืน เมื่อแล้วเสร็จ กพร.จะนำยุทธศาสตร์ดังกล่าว เสนอคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) เพื่อขอความเห็นชอบและเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบต่อไป กรุงเทพฯ 24 ก.พ.-คำสั่งปลดฟ้าผ่าผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และเปลี่ยนบอร์ดบริหารยกชุดเมื่อวานนี้ ทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามถึงสาเหตุและเบื้องหลัง ติดตามจากรายงานของทีมข่าวเศรษฐกิจ คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ใช้มาตรา 44 เปลี่ยนคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยยกชุด และที่สำคัญคือปลดนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟฯให้ไปเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลายเป็นกระแสที่สังคมตั้งคำถามถึงสาเหตุที่แท้จริงคำสั่งฟ้าผ่าครั้งนี้ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าอดีตผู้ว่าการรถไฟฯ ผลักดันให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่องภายในการรถไฟฯ ทั้งเรื่องรถไฟขบวนใหม่ การเร่งรัดก่อสร้างรถไฟหลายเส้นทาง แต่ในมุมมองของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเห็นว่า การรถไฟฯ ยังมีปัญหาทุกมิติ ทั้งความล่าช้าโครงการรถไฟทางคู่หลายเส้นทาง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเป็นนโยบายที่ต้องให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลทางสื่อว่า การปรับปรุงการบริหารงานของการรถไฟฯ ครั้งนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีได้รับข้อร้องเรียนจำนวนมากถึงปัญหาความไม่โปร่งใสในการประมูลงานและจัดซื้อจัดจ้าง หลังจากนี้จึงต้องเดินหน้าสอบสวน ข้อร้องเรียนต่างๆ แต่ขณะนี้ถือว่าทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้าพบการทุจริตจะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา การรถไฟฯ เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่มีงบลงทุนมากที่สุด ปีที่แล้วมีกว่า 65,000 ล้านบาท และภายใต้แผนปฏิบัติการลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง การรถไฟฯ จะรับผิดชอบโครงการลงทุนเม็ดเงินมหาศาลทั้งรถไฟทางคู่ 15 เส้นทาง วงเงินกว่า 525,000 ล้านบาท รถไฟชานเมือง 3 เส้นทาง 70,000 ล้านบาท รถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง วงเงินกว่า 700,000 ล้านบาท ขณะที่กระแสข่าวส่วนหนึ่งระบุว่า สาเหตุที่หลายโครงการลงทุนภาครัฐต่างๆ ผูกขาดอยู่กับบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่กี่บริษัท ทำให้ผู้รับเหมาขนาดกลางและเล็กรายอื่น ไม่สามารถแทรกเข้าไปได้ จึงเป็นที่มาของการร้องเรียนและคำสั่งสายฟ้าแลบครั้งนี้ จึงต้องจับตาว่าหลังจากนี้ภายในปี 2560 โครงการก่อสร้างต่างๆ ของการรถไฟฯ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องของบริษัทรับเหมางานก่อสร้างหรือไม่.-สำนักข่าวไทย กรุงเทพฯ 24 ก.พ.-หัวหน้า คสช.เตรียมออกคำสั่งแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน เป็นคณะกรรมการกับการจัดซื้อจัดจ้าง หรือซูเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง โดยนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการ ธปท. เป็นประธานฯ ปี 2559 การรถไฟแห่งประเทศไทยมีการลงทุนและเริ่มก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ไปแล้ว 2 เส้นทาง วงเงินประมาณ 37,000 ล้านบาท เส้นทางแรก คือ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร วงเงินโครงการ 26,007 ล้านบาท โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร วงเงินโครงการ 11,348 ล้านบาท ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่อีก 5 โครงการ ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปแล้ว คือ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ, ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ, ช่วงนครปฐม-หัวหิน, ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร และช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ โดยหลังมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ 11/2560 เรื่อง การกำกับการจัดซื้อจ้างจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ที่ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกับการจัดซื้อจัดจ้าง หรือซูเปอร์บอร์ดจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อเร่งรัด กำกับ และตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐนั้น ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เตรียมออกคำสั่งแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน ตามคำสั่งดังกล่าว โดยมีกรรมการ 4 คน ประกอบด้วย นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานคณะกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง นายกานต์ ตระกูนฮุน อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (จำกัด) มหาชน หรือ SCG นายมนัส แจ่มเวหา อดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง และนายสมพล เกียรติไพบูลย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสมัยที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยกรรมการทั้ง 4 คน จะทำหน้าที่ดูแลการจัดซื้อจัดจ้างโครงการรัฐ รวมทั้งโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทยด้วย.-สำนักข่าวไทย ศาลจังหวัดพัทยาสั่ง กรมศุลฯ ปล่อยรถเมล์เอ็นจีวี 99 คัน ของ "เบสท์ริน กรุ๊ป" ออกจากท่าเรือ แต่ต้องวางเงินประกันภาษีนำเข้าอัตรา 40% ของมูลค่ารถ แต่กรมศุลฯยังไม่เห็นคำสั่งศาลให้ปล่อยรถออกจากท่าเรือ นายชนิด ศุทธยาลัย ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท ซุปเปอร์ ซาร่า ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน เปิดเผยกับ NOW26 วันนี้ว่า บริษัทจะรีบดำเนินการเอารถเมล์ล็อตสุดท้ายจำนวน 99 คันออกจากท่าเรือ แหลมฉบัง หลังจากศาลจังหวัดพัทยามีคำสั่งปล่อยรถเมล์ แต่ต้องวางค่าประกันภาษี 40 % ของราคารถให้กับกรมศุลกากร และวางเงินค่าประกันความเสียหายอีกจำนวน 500,000 บาทไว้ที่ศาล คาดว่ากลุ่มบริษัทเบสท์รินจะนำรถเมล์ออกจากท่าเรือได้ในวันอังคาร หรือพุธนี้ และนำส่งมอบให้กับขสมก.ต่อไป ด้านนายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกและรองอธิบดีกรมศุลฯระบุว่า กรมศุลฯยังไม่เห็นคำสั่งศาลดังกล่าว ส่วนเงินค่าประกันภาษี 40 % ของรถ 99 คันคิดเป็นเงินประมาณ 119 ล้านบาท คดีนี้สืบเนื่องมาจาก ศาลจังหวัดพัทยา วานนี้เปิดไต่สวนฉุกเฉิน กรณีที่บริษัท ซุปเปอร์ ซาร่า จำกัด ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีให้กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมศุลกากรและพวก เป็นจำเลยที่ 1-6 เนื่องจากจำเลย ได้ยึดหน่วงรถยนต์โดยสารเอ็นจีวี จำนวน 99 คัน ที่โจทก์นำเข้าจากมาเลเซีย ไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง และพยายามจงใจให้โจทก์ชำระค่าปรับในอัตราสองเท่า นอกเหนือจากค่าภาษีอัตราปกติที่อัตรา 40% ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาคำฟ้องของโจทก์แล้ว เห็นว่าคำฟ้องโจทก์ มีเหตุผลเพียงพอ และจำเลยมีพฤติการณ์ยึดหน่วงรถโดยสารไว้จริง ทั้งๆที่จำเลยยังไม่มีหลักฐานอย่างเพียงพอว่าหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด (Form D) เป็นเท็จหรือไม่ ศาลเห็นว่ามีเหตุที่จะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ไว้เป็นการชั่วคราว ก่อนมีคำพิพากษา ด้วยเหตุนี้ ศาลจึงมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1-6 ปล่อยรถยนต์โดยสารเอ็นจีวี จำนวน 99 คันออกจากท่าเรือแหลมฉบัง และให้โจทก์วางเงินประกันภาษีนำเข้าอัตรา 40% ของมูลค่ารถยนต์แต่ละคัน โดยไม่ต้องชำระค่าปรับ รวมทั้งให้จำเลยที่ 1-6 ร่วมกันออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถยนต์แต่ละคันด้วย ที่ผ่านมาอัยการสูงสุดได้แนะนำให้ ขสมก.ชะลอรับรถเมล์เอ็นจีวีไว้ก่อนจนกว่า กลุ่มบริษัทเบสท์รินผู้ชนะการประมูลจัดหารถเมล์เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ 489 คัน จะสามารถแก้ไขเรื่องข้อพิพาททางภาษีกับกรมศุลกากร
กรมศุลกากรมึนหลังศาลจังหวัดพัทยาสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีอายัดรถเมล์เอ็นจีวี ผู้อำนวยการ ขสมก. ระบุ อาจต้องขยายเวลาส่งมอบรถเมล์เอ็นจีวี หลังศาลจังหวัดพัทยามีคำสั่งคุ้มครองบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า ซึ่งเป็นผู้นำเข้า ขสมก.เล็งขยายเวลา ส่งมอบรถเมล์ NGVผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. สุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ระบุ ขสมก.อาจต้องพิจารณาข้อเสนอของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป เรื่องการขยายเวลาส่งมอบรถโดยสารเอ็นจีวีอีก 15 วัน หลังจากศาลจังหวัดพัทยามีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของผู้นำเข้ารถเอ็นจีวี คือบริษัทซุปเปอร์ซาร่าไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา เนื่องคำฟ้องกรมศุลกากรของซุปเปอร์ซาร่ามีเหตุผลเพียงพอ และเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรมีพฤติการณ์ยึดหน่วงรถทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าเอกสารแสดงถิ่นกำเนิดหรือฟอร์มดีเป็นเท็จหรือไม่ เพราะการที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองก็เท่ากับว่ามีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้เบสท์รินไม่สามารถส่งมอบรถได้ ซึ่งต้องรอให้เบสท์รินส่งหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการมาก่อน บริษัท พีพลัสที มีเดีย ในฐานะประชาสัมพันธ์บริษัท ซุปเปอร์ ซาร่า เปิดเผยว่า เตรียมออกหนังสือเชิญสื่อมวลชนไปรับรถเมล์เอ็นจีวี ที่ถูกยึดไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 99 คัน ในวันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ หลังนายชนิด ศุทธยาลัย ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท ซุปเปอร์ ซาร่า แจ้งว่า ศาลปกครองจังหวัดพัทยา มีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทย์ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ให้ปล่อยรถยนต์โดยสารในโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 99 คัน ที่ถูกยึดไว้ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานอย่างเพียงพอว่าหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดการนำเข้ารถเป็นเท็จหรือไม่ รวมทั้งให้บริษัทฯ วางเงินประกันภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ 40 ของมูลค่ารถยนต์แต่ละคัน โดยไม่ต้องชำระค่าปรับตามประมวลระเบียบ ปฏิบัติของกรมศุลกากร พ.ศ. 2556 พร้อมออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถยนต์แต่ละคันด้วยนั้น ขณะที่นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันว่า กรมศุลกากรยังไม่ได้รับเอกสารคำสั่งคุ้มครองจากศาล จึงต้องขอรอเอกสารอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และคาดว่าเรื่องนี้จะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า ถ้าพูดถึงแท็กซี่ คนไทยหลายคนอาจจะร้อง “ยี้” เพราะในปัจจุบันจากประสบการณ์การให้บริการแท็กซี่ส่วนใหญ่ในบ้านเรา ทำให้ผู้โดยสารหลายคนรู้สึกไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ ออกแนวไม่พอใจด้วยซ้ำ ล่าสุดมีข้อมูลจากกรมขนส่งทางบก เกี่ยวกับการให้บริการรถสาธารณะในประเทศไทย ช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ถึงเดือนมกราคมปีนี้ ปรากฎว่ามีรถแท็กซี่ได้รับการร้องเรียนผ่านหมายเลข 1584 มากถึง 12,900 เคส โดย 3 เรื่องที่มีคนร้องเรียนมากที่สุด คือ ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร รองลงมา คือแสดงกริยาวาจาไม่สุภาพ และปิดท้ายที่ไม่คิดค่าโดยสารตามอัตราค่าบริการที่ถูกต้อง จากปัญหาในการให้บริการของแท็กซี่คงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมปัจจุบัน UBER หรือ GRAB ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ต่างจากอินโดนีเซียโดยราคาเริ่มต้นของแท็กซี่ที่นี่อยู่ระหว่าง 15-20 บาท คนขับแท็กซี่ส่วนหนึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม นอกจากจะปฏิเสธผู้โดยสารแล้วยังพาอ้อมเส้นทางเพื่อให้ได้ค่าบริการสูงขึ้นอีกด้วยทำให้ก่อนหน้านี้อินโดนีเซียเกิดปรากฎการณ์คล้ายๆกับไทย ที่มีคนขับแท็กซี่จำนวนมากออกมาประท้วงแสดงความไม่พอใจให้รัฐบาลห้ามแบนแอพพลิเคชั่นที่ให้บริการเรียกรถ เพราะทำให้รายได้ของคนขับแท็กซี่ลดน้อยลง ข้ามมาที่ประเทศเวียดนามแท็กซี่ที่นี่ส่วนใหญ่ค่อนข้างใหม่มีมิเตอร์ โดยค่าบริการเริ่มต้นอยู่ที่ระหว่าง 6000-10000 ดอง (9-15 บาท)เทียบกับค่าบริการบ้านเราที่35 บาท ถือว่าถูกมาก ส่วนการให้บริการในเวียดนามก็มีปัญหาอยู่บ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการปฏิเสธผู้โดยสารในระยะทางใกล้ๆ มาที่บริการแท็กซี่ที่น่าประทับใจในสิงคโปร์กันต่อ ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของราคาว่าสูงลิบลิ่ว ที่นี่แท็กซี่มีหลายแบบตั้งแต่แบบทั่วไปไปจนถึงแบบลีมูซีนคันใหญ่สีดำหรูหราแต่ละแบบราคาต่างกันถ้าเป็นแบบทั่วไปราคาจะเริ่มต้นที่ 3.00- 3.40 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 75 – 85 บาท) นอกจากนี้แต่ละเวลามีค่าบริการต่างกัน โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วนจะมีราคาสูงขึ้น 25%แถมวันหยุดนักขัตฤกษ์ยังเพิ่มค่าบริการอีกและถ้าไปขึ้นแท็กซี่ในย่านธุรกิจก็ต้องเสียค่าบริการเพิ่มอีก 3 ดอลลาร์สิงคโปร์ แต่ราคาแพงแบบนี้ก็คุ้มค่าเพราะคนขับให้บริการดีและมีมารยาท ไม่ค่อยมีปัญหาโกงค่าบริการ ส่วนในมาเลเซียแท็กซี่ที่นี่มีทั้งแบบเก่าและใหม่มีมิเตอร์ติด ราคาเริ่มต้นอยู่ระหว่าง 3 – 6 ริงกิต (ประมาณ 25 – 49 บาท) ขึ้นอยู่กับขนาดรถ แต่ว่าคนขับแท็กซีในมาเลเซียบางส่วนไม่ค่อยกดมิเตอร์เพราะฉะนั้นค่าโดยสารส่วนใหญ่จะคิดราคาเหมาที่ตกลงกันระหว่างคนขับกับผู้โดยสารขึ้นอยู่กับระยาทางใกล้ไกล มาดูแท็กซี่ในเมียนมากันบ้าง เอกลักษณ์ของแท็กซี่เมียนมาคือ ไม่มีมิเตอร์ เพราะฉะนั้นราคาจะขึ้นอยู่กับความพอใจของคนขับและผู้โดยสาร แต่ส่วนมากเริ่มต้นที่ประมาณ 1,500 จ๊าด (ประมาณ 50 บาท) แท็กซี่ที่นี่บางคันไม่มีป้ายติดว่าเป็นแท็กซี่ และไม่ค่อยเปิดแอร์ ถ้าจะเปิดต้องให้ค่าบริการเพิ่มอีก ส่วนสภาพรถค่อนข้างเก่าหน่อย ปิดท้ายที่ประเทศลาวที่นี่ไม่มีแท็กซี่ แต่จะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล หรือ Personal Car ที่ให้บริการขับรถไปในที่ๆต้องการ โดยค่าโดยสารจะขึ้นอยู่กับการตกลงตามระยะทาง คกก.รถไฟชุดใหม่เตรียมประชุมเร่งรัดโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และสะสางข้อครหาว่าการจัดซื้อในโครงการนี้ไม่โปร่งใสจริงหรือไม่
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิย้ำไม่อนุญาตให้รถแท็กซี่อูเบอร์ เข้ารับผู้โดยสารภายในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามที่มีการเผยแพร่ภาพในสังคมออนไลน์ กรณีเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้าควบคุมตัวผู้ให้บริการ แท็กซี่อูเบอร์ที่เข้ามารับผู้โดยสารชาวญี่ปุ่น โดยมีการเชิญผู้ให้บริการคนดังกล่าวออกนอกพื้นที่นั้น นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งพื้นที่ชานชาลา และถนนหน้าอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 4 เป็นพื้นที่ควบคุมความปลอดภัย ห้ามนำยานพาหนะใด มาประกอบกิจการดำเนินการโดยผิดกฎหมาย หรือแสวงหาผลประโยชน์จากผู้โดยสารเพื่อป้องกันไกด์ผี แท็กซี่เถื่อนเข้ามาเรียกรับผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้จากการตรวจสอบ พบว่า สมาชิกเครือข่ายอูเบอร์ ได้นำรถยนต์ส่วนบุคคล ทะเบียน 2 กญ 4139 กรุงเทพมหานคร เข้ามาจอด รอเปิดสัญญาณแอปพลิเคชันอูเบอร์ บริเวณชานชาลาชั้น 2 เพื่อรอรับผู้โดยสารชาวญี่ปุ่น 2 คน ไปส่งโรงแรมเลอเมอริเดียนในราคาแบบเหมาจ่าย 300 บาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการนำรถมาใช้ผิดประเภท ตามกฏหมายของกรมการขนส่งทางบก และไม่มีการเปิดมาตรมิเตอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกใบสั่งในข้อหาใช้รถผิดประเภทและปรับ 2,000 บาท รวมทั้งเชิญตัวมาทำประวัติด้วย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำสื่อมวลชนดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ด่าน ตม.สวุรรณภูมิ หลังเกิดดราม่าในโลกโซเชียลว่า ตม. ทำงานล่าช้า ทำผู้โดยสารตกเครื่อง ยืนยันไม่ได้ทำงานล่าช้า พร้อมโชว์ข้อมูลผู้โดยสารผ่านด่านตรวจคนสุดท้ายไม่ตกเครื่อง พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. เปิดให้สื่อมวลชนเข้าดูบรรยากาศหน้าด่านตรวจคนเข้ามาเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติที่ในช่วงเวลา 06.00-09.00 น. ของทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุด เป็นช่วงพีคของด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาผ่านด่าน 30-40 นาที ซึ่งตัวผู้โดยสาร ต้องเผื่อเวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง แต่ถ้าเกิดกรณีมาไม่ทัน สามารถร้องขอต่อเจ้าหน้าที่ให้ตรวจเป็นกรณีพิเศษได้ ส่วนกรณีที่ผู้โดยสารตกเครื่องเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เที่ยวบิน PG 931 สุวรรณภูมิ-พนมเปญ กำหนดเดินทางเวลา 8.30 น. มีผู้โดยสารตกเครื่อง 4 คน เป็นชาวกัมพูชา เมื่อไปดูผู้โดยสารที่ผ่านด่าน ตม.คนสุดท้าย ในเที่ยวบินเดียวกัน ไม่ตกเครื่อง จึงยืนยันได้ว่าไม่ใช่เพราะด่าน ตม.ทำงานล่าช้า แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด ได้เพิ่มความเข้มงวดตรวจตราการทำงานของเจ้าหน้าที่มากขึ้นและให้เจ้าหน้าที่ ตม.ต่างจังหวัด เข้ามาเสริมอีก 400 นาย และกำลังบรรจุบุคคลภายนอกอีก 300 อัตรา พร้อมทำความร่วมมือกับ ฮ่องกง และสิงคโปร์ ที่เดินทางเข้าไทยมาก ผ่านช่องอัตโนมัติได้ในอนาคต ซึ่งจะช่วงลดความหนาแน่นหน้าด่านได้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจง กรณีห้ามรถอูเบอร์เข้ามารับผู้โดยสารที่สนามบิน เพราะไม่ได้จดทะเบียนเป็นรถขนส่งสาธารณะ สุวรรณภูมิแจง ห้ามอูเบอร์รับ-ส่ง เพราะไม่ได้จดทะเบียนรถขนส่งสาธารณะผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ศิโรตม์ ดวงรัตน์ บอกว่า กรณีเชิญผู้ให้บริการอูเบอร์ออกนอกพื้นที่ตามที่สังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ ยืนยันเป็นไปตามหน้าที่และข้อกำหนดของ ทอท.และกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมามีไกด์ผี แท็กซี่เถื่อนเข้ามาเรียกรับผู้โดยสาร สร้างเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นต้องมีกฎ เพื่อให้สามารถจับกุมและลงโทษได้ ทั้งนี้ ในอนาคตหากรถแท็กซี่อูเบอร์มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายกรมการขนส่งทางบก ท่าอากาศยานก็พร้อมให้เข้ามารับผู้โดยสารได้ ศาลพัทยามีคำสั่งยกเลิกคุ้มครองผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี ในอนาคตอันใกล้นี้ คนกรุงเทพที่ต้องเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนหลายระบบ จะมีความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วย"บัตรแมงมุม" หรือ บัตรโดยสารเพียงใบเดียว ก็สามารถเดินทางเข้าออกได้ทุกระบบขนส่ง โดยไม่ต้องพกบัตรโดยสารหลายใบ
นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ในฐานะที่ปรึกษาการจัดทำแผนแม่บทปฏิรูปรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามแผนแม่บท จะมีการจัดสรรเส้นทางใหม่ โดยเพิ่มอีก 20-30 เส้นทาง จากปัจจุบันที่มีทั้งหมด 202 เส้นทางเป็น 269 เส้นทาง และ ลดระยะทางเดินรถจาก 40-60 กิโลเมตร ให้เหลือ 25-30 กิโลเมตร รวมทั้งปรับเปลี่ยนหมายเลขสายรถใหม่ทั้งหมด เพื่อลดปัญหาการทับซ้อนการเดินรถ ที่มีจำนวนเที่ยววิ่งและระยะทางมากเกินไป แต่ให้บริการไม่ทั่วถึง ส่วนการออกใบอนุญาตให้มีการปรับเปล่ี่ยนจากเดิมที่มีใบอนุญาต 1 ใบแต่ใช้ได้หลายสาย มาเป็นใบอนุญาต 1 ใบต่อรถโดยสาร 1 สาย โดยเสียค่าใช้จ่ายและระยะเวลาเท่าเดิม คือ อายุ 7 ปีต่อหนึ่งใบอนุญาต และเสียค่าต่อใบอนุญาตปีละ 1 พันบาท โดยกรมการขนส่งเป็นผู้ออกใบอนุญาตตรง จากเดิมที่ให้ใบอนุญาตผ่านองค์การขนส่งมวลชนหรือ ขสมก. ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการรายเดิม ทั้ง ขสมก. และรถร่วมบริการทั้งหมดทุกสาย เนื่องจากใบอนุญาตเดิมมีกำหนดเวลาหมดอายุไม่เท่ากัน คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปี จึงจะดำเนินการเสร็จสิ้น การก่อสร้างตอนทางแยกต่างระดับสระบุรี จุดเริ่มต้นของการโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา หรือ มอเตอร์เวย์ มีความคืบหน้าการก่อสร้างแล้วร้อยละ 18.2 เร็วกว่าแผนเดิมร้อยละ 5.9 มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร ตั้งเป้าเปิดให้บริการภายในปี 2563 เมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะช่วยเสริมศักยภาพด้านคมนาคมขนส่งทางถนน และระบบโลจิสติกส์ รวมทั้งแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนพหลโยธิน กับ ถนนมิตรภาพ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น ซึ่งจะเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้บริการ โดยเส้นทางนี้ จะใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที โครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน – สระบุรี – นครราชสีมา กรมทางหลวงแบ่งงานก่อสร้างเป็น 40 ตอน ลงนามสัญญาก่อสร้างแล้ว 25 ตอน ส่วนอีก 15 ตอนที่เหลือ อยู่ระหว่างรอลงนามสัญญา มีวงเงินก่อสร้างทั้งโครงการ 76,600 ล้านบาท บอร์ด รฟท.แก้ TOR รถไฟทางคู่ลบครหาล็อกสเปก โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เส้นทางบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา คืบหน้า 25% แล้ว มั่นใจเสร็จทันตามกำหนด นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือ มอเตอร์เวย์ เส้นทางบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา โดยเป็นมอเตอร์เวย์เส้นแรกของภาคอีสาน ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม ปี 2559 ระยะทาง 196 กิโลเมตร วงเงินกว่า 76,000 ล้านบาท ทั้งนี้กรมทางหลวงได้แบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 40 สัญญา ขณะนี้ได้ผู้รับเหมาครบแล้ว สามารถลงนามสัญญาไปแล้ว 25 สัญญา ที่เหลืออีก 15 สัญญาอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันที่ 14 มีนาคมนี้ คาดว่าจะสามารถลงนามครบทั้งหมดทุกสัญญาได้ภายในสิ้นเดือนนี้ สำหรับงานก่อสร้างขณะนี้คืบหน้าไปแล้ว 25% ซึ่งเป็นส่วนของงานสร้างสะพานยกระดับ การดำเนินงานเป็นไปด้วยความราบรื่น จึงมั่นใจว่า การก่อสร้างเส้นทางดังกล่าว จะแล้วเสร็จทันตามกำหนดสัญญาภายในปี 2562 และสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2563 อย่างแน่นอน ส่วนอัตราค่าผ่านทางเบื้องต้นคาดว่าจะคิดราคาประมาณกิโลเมตรละ 2 บาท 50 สตางค์ พร้อมทั้งสั่งการให้สำนักแผนงาน ศึกษาช่วงต่อขยาย เส้นทางจากจังหวัดนครราชสีมา-ขอนแก่น ไปยังจังหวัดหนองคายด้วย
กรุงเทพมหานคร เตรียมปรับปรุงรูปแบบป้ายจราจรอัจฉริยะ ที่จะสิ้นสุดสัญญาในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยติดตั้งป้ายจราจรเพิ่มรวมเป็น 50 ป้ายบนถนนสายหลัก กระทรวงการคลังเตรียมเปิดขาย Thailand Future Fund ซึ่งมีผลตอบแทนสูงถึง 7% นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยระหว่างร่วมงาน CLSA Asean forum 2017 ว่า ได้ยื่นไฟลิ่งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตของประเทศไทย หรือ Thailand Future Fund ให้ กลต.เรียบร้อยแล้ว และคาดการณ์จะเปิดขายกองทุนได้ภายใน 2-3 เดือนหลังจากนี้ โดยในเบื้องต้นจะมี 2 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทาง มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท เข้าไปอยู่ในกองทุน ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชน เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในระบบธนาคารพาณิชย์ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ผลตอบแทนของกองทุนเบื้องต้น คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 7–8% และการที่รัฐบาลเร่งเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และในอนาคตจะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงของกลุ่ม CLMV และเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้อย่างมั่นคงต่อเนื่องใน 10 ปีข้างหน้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปรับมาตรการดูแลความปลอดภัยสัมภาระ หลังถูกผู้โดยสารร้องเรียนถูกรื้อค้นสัมภาระ กรณีมีผู้โพสต์ภาพในสังคมออนไลน์ พร้อมข้อความเตือนภัยระบุว่า ได้เดินทางโดยสายการบินหนึ่งจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังเมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากสัมภาระถูกรื้อค้นถึง 8 ใบ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของประเทศ นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่งจะออกมาชี้แจง พร้อมผู้ประกอบการบริษัทการบินไทย และบริษัทบริการภาคพื้นการบินกรุงเทพ เวิลด์ไวลด์ไฟลท์เซอร์วิส หรือ BFS ที่รับผิดชอบขนสัมภาระว่า ได้ตรวจสอบเหตุการณ์ผ่านกล้อง CCTV แต่ไม่พบความผิดปกติ หรือบุคคลต้องสงสัยเข้าไปแตะต้องกระเป๋าผู้โดยสาร โดยบริษัท BFS เป็นผู้รับผิดชอบขนสัมภาระในเที่ยวบินดังกล่าว ทั้งนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ อาทิ ตรวจค้นร่างกายและยานพาหนะ ของผู้ที่จะเข้าไปในเขตการบิน เพื่อให้เกิดความรัดกุมมากขึ้น และหากพบผู้กระทำความผิด จะขึ้นบัญชีดำ และส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากผู้ประกอบการไม่กำกับดูแลพนักงาน จนก่อให้เกิดการกระทำผิด จะยกเลิกสัญญาทันที วันนี้ คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือ ซูเปอร์บอร์ดที่มี นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานเพื่อพิจารณาทางเลือกของร่างเงื่อนไขการประกวดราคา หรือ TOR ที่คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย เสนอแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางใหม่ โดยเหลือเพียงแนวทางเดียวเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้มีโอกาสเข้ามาร่วมประมูลได้มากขึ้น ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงร่าง TOR จากเดิม จะส่งผลให้การประมูลที่ผ่านมาต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามผลการประชุม ในวันนี้ วันที่ 8 มีนาคม เป็นวันครบรอบการดำเนินงานของท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งแรกของไทย นายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดเผย แผนพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการ และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นท่าอากาศยานที่รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก เป็นจุดให้บริการของสายการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาค ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการกว่า 35 ล้านคนต่อปี ถือว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสาร เติบโตแบบก้าวกระโดด สำหรับการดำเนินการพัฒนาตามแผนแม่บท ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 อาทิ งานขยายและปรับปรุงลานจอด หลุมจอดอากาศยานด้านทิศเหนือและทิศใต้, ขยายอาคารเทียบเครื่องบินด้านทิศเหนือ, ปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1, สร้างอาคารจอดรถพนักงาน และอาคารรับรองพิเศษ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้ได้ 40 ล้านคนต่อปี และรองรับปริมาณเที่ยวบินได้ 40-50 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ส่วนความคืบหน้าการปรับปรุงทางวิ่งหรือรันเวย์ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการทางการบิน โดยการปรับปรุงจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้
ความคืบหน้าแผนพัฒนารถไฟฟ้าระยะที่ 2 ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีแผนจะเสนอ ครม.พิจารณาภายในปี 2562 เน้นเจาะพื้นที่ธุรกิจ-ใจกลางเมือง หวังเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เปิดเผยว่าหลังจากที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติให้ศึกษาแผนแม่บทโครงข่ายรถไฟฟ้าเพื่อพัฒนาขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือ เอ็มแมพ ระยะที่ 2 ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายที่กำลังดำเนินการในปัจจุบัน ล่าสุดโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ ไจก้า และ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ได้เริ่มศึกษาแนวขยายเส้นทางรถไฟฟ้าเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายเดิม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาศึกษา 1 ปี จากนั้นจะศึกษาความเหมาะสมของแต่ละเส้นทางรวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และการออกแบบโครงการอีก 1 ปี รวมเป็น 2 ปี และจะเสนอคณะรัฐมนตรีในปี 2562 เพื่อพิจารณา หากโครงการมีความคุ้มค่า ก็จะก่อสร้างทันที ทั้งนี้โครงข่ายรถไฟฟ้าระยะที่ 2 นี้ จะเน้นการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายเดิมที่มีอยู่ และจะเชื่อมกับย่านธุรกิจ ใจกลางเมืองที่สำคัญ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ยืนยันกรณีการโพสต์ภาพกระเป๋าที่ถูกรื้อค้น และแม่กุญแจถูกตัดของผู้โดยสารที่เดินทางมาโดยสายการบิน พีช เอวิเอชัน ในเที่ยวบิน MM 990 ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่เกิดขึ้นที่สนามบินโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของผู้โดยสารที่โพสต์ข้อความดังกล่าว เบื้องต้นได้มีหนังสือแจ้งสายการบินให้ทราบเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้ดำเนินการตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของระบบสายพานลำเลียงทั้งหมด ซึ่งไม่พบความผิดปกติ ส่วนการสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกันยังได้มีการประชุมร่วมกับบริษัทให้บริการภาคพื้นที่ได้รับสัมปทานให้กำกับดูแลอย่างเข้มงวด หากปล่อยให้มีการกระทำความผิดดังกล่าวอีกจะพิจารณายกเลิกสัญญาได้ รวมทั้งกำลังพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยการจัดตั้งบริษัทลูกเข้ามาบริหารจัดการดูแลด้านการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารรวมทั้งดูแลรักษาความปลอดภัยด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถควบคุมและป้องกันดูแลความปลอดภัยทรัพย์สินของผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับกระบวนการลำเลียงสัมภาระผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อผู้โดยสารเช็คอิน เพื่อไปรอขึ้นเครื่องบินแล้ว สัมภาระจะถูกส่งไปตามสายพานลำเลียง เข้าไปตรวจสอบที่เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาจากจุดเช็คอิน ไปจนถึงเครื่องซีทีเอ็กซ์ประมาณ 11-15 นาที หากมีสัมภาระมาก อาจใช้เวลาถึง 20 นาที ซึ่งในขั้นตอนนี้จะไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้อง จากนั้น สัมภาระจะถูกส่งไปยังเครื่องสแกนบาร์โค้ด ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 300 เมตร ที่จุดนี้ รับผิดชอบโดยเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ด้วย ก่อนที่จะถูกส่งต่อยังสายพานคัดแยกกระเป๋า สัมภาระจะถูกส่งมาถึงบริเวณสายพานคัดแยกกระเป๋า เพื่อส่งกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน จุดนี้เป็นจุดที่มีเจ้าหน้าที่มากที่สุด โดยเป็นเจ้าหน้าที่ของสายการบินต้นสังกัด 1 คน และเจ้าหน้าที่จากฝ่ายบริการภาคพื้นอีก 1-3 คน ตามขนาดของเครื่องบิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จากฝ่ายบริการภาคพื้น ที่ได้รับสัมปทานมี 2 บริษัท คือ บริษัท การบินไทย และ บริษัท บริการภาคพื้น การบินกรุงเทพ เวิลด์ไวด์ไฟลท์เซอร์วิส หรือ บีเอฟเอส ในเครือบางกอกแอร์เวย์ส ซึ่งจุดนี้จะใช้เวลาขนถ่ายสัมภาระขึ้นเครื่องบินประมาณ 10-15 นาที จุดนี้ยังคงมีกล้องวงจรปิดเช่นเดียวกัน จากนั้น สัมภาระจะถูกส่งเข้าใต้ท้องเครื่องบิน ซึ่งจุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่สายการบิน 1 คน และฝ่ายบริการภาคพื้นอีก 1-3 คนเช่นเดียวกัน ส่วนจุดนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด เกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กับการรื้อค้นกระเป๋าและฉกทรัพย์สินมีค่าของผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประตูด่านแรกของไทย หลังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่ผู้โดยสารร้องเรียน ถูกรื้อค้นกระเป๋าในเที่ยวบินไป เมืองโอกินาว่า แต่ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่ยังแก้ไม่ตก ผู้เสียหายมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ บ้างเคราะห์ดีแค่ถูกรื้อค้น บ้างเคราะห์ร้ายทรัพย์สินถูกขโมย เฉพาะที่แจ้งความดำเนินคดีปีนี้มีไม่ต่ำกว่า 15 ราย ไม่รวมที่ร้องเรียนผ่านสื่อออนไลน์ อีกจำนวนมาก หนึ่งในผู้เสียหายที่เคยถูกรื้อค้นกระเป๋า ด้วยวิธีการไม่ต่างกันจากรายอื่น ด้วยการตัดซิป ตั้งข้อสังเกตว่า ต้นตอของปัญหา คงเป็นเพราะพนักงานเงินเดือนน้อย หรือร่วมกันทำเป็นขบวนการ ที่ผ่านมาเมื่อปัญหาเกิด สิ่งที่ผู้โดยสาร ต้องการที่สุด คือ ความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ส่วนใหญ่ผู้เสียหายต้องเดินเรื่องเองใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง หากไม่ตามเรื่องก็จะไม่มีการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ ขั้นตอนการขนสัมภาระของผู้โดยสาร ผ่านการลำเลียงจากสายพานที่จุดเช็คอินไปยังจุดขนถ่ายสัมภาระ เป็นความรับผิดชอบของท่าอากาศยาน ส่วนขั้นตอนหลังจากนั้นเป็นความรับผิดชอบของบริษัทการบินไทย และบริษัทบริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ ไฟลท์ เซอร์วิส หรือ BFS 2 (Bangkok Flight Services) บริษัทดูแลสัมภาระประมาณ 150 สายการบิน ความปลอดภัยด้านการเดินทางและทรัพย์สินของผู้โดยสาร เป็นปัญหาสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องเร่งแก้ไข ในฐานะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นประตูบานแรก ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวและเป็นกระจกบานใหญ่ สะท้อนภาพลักษณ์ของประเทศ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการขนส่งสินค้าขยายตัวตามไปด้วย ส่งผลทำให้โลจิสติกส์ข้ามชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยืนยันเหตุค้นกระเป๋าผู้โดยสารเครื่องบิน ตามที่เป็นข่าวดังในโลกโซเชียล ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยวันนี้ได้มีการหารือร่วมกันถึงเรื่องนี้ ระหว่าง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม., ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ยืนยันว่า มีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินและสัมภาระของผู้โดยสาร ตั้งแต่สายพานเคาท์เตอร์เช็คอินไปจนถึงขึ้นเครื่องบิน และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสายพานลำเลียงกระเป๋าและสายพานคัดแยกกระเป๋า ก็ไม่พบความผิดปกติ หรือมีผู้ใดแตะต้องกระเป๋าของผู้ร้องเรียนทั้ง 3 ใบ อีกทั้งระยะเวลาลำเลียงอยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงยืนยันได้ว่าการเปิดกระเป๋าไม่ได้เกิดขึ้นในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่าผู้ร้องเรียน ไม่ประสงค์จะดำเนินคดี เพราะทรัพย์สินไม่ได้เสียหาย แต่ ผู้บัญชาการ สตม.ก็ได้สั่งให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเกิดจากมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ประเทศต้นทาง และปลายทางบางประเทศ ที่มีข้อสงสัยสามารถเปิดกระเป๋าของผู้โดยสารได้ โดยทำลายระบบล็อกด้วย Master Key เพื่อความปลอดภัยทางการบิน ซึ่งเป็นข้อบังคับ ทั้งนี้ที่บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออกในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีบริการรับพันกระเป๋าสัมภาระด้วยพลาสติกใส ซึ่งจะได้ใบเสร็จรับเงิน ใช้เป็นหลักฐานเรียกร้องค่าเสียหาย และใช้แจ้งความดำเนินคดีหากพบความผิดปกติของกระเป๋าเดินทาง