รัฐบาลกับปัญหาผู้มีอิทธิพลและการจัดระเบียบสังคม

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 สั่งห้ามผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาดวงศ์อมาตย์ พัทยาใต้ หลังปรากฏคลิปไล่นักท่องเที่ยวไม่ให้ปูเสื่อนั่ง
*****************************************************

จนท.กว่า300นายเปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าอุทยานฯภูผาเหล็ก หลังถูกบุกรุกปลูกยางพารา

วันนี้(29 ต.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้และอาสาสมัครกว่า300นาย สนธิกำลังนำอุปกรณ์เลื่อยโซ่ยนต์ ขวานและมีดพร้าเข้าตัดโค่นทำลายต้นยางพารารวม 7 แปลง พื้นที่กว่า 164 ไร่ ที่ถูกนายทุนบุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก อำเภอนิคมน้ำอูน จังหวัดสกลนคร ซึ่งในอดีตเป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำอูนและถูกนายทุนรวมทั้งชาวบ้านบุกรุกเข้ายึดครองแผ้วถางเพื่อปลูกยางพารา หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ติดป้ายประกาศเพื่อขอยึดพื้นที่ แต่ไม่ปรากฏว่ามีราษฏรในพื้นที่คัดค้านแต่อย่างใด

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบของคณะทำงาน 4 ฝ่าย ตามคำสั่งจังหวัดสกลนคร ที่ 2914/2558 ลงวันที่ 17 ก.ค. 2558 ให้ดำเนินการยึดคืนพื้นที่ดังกล่าว หลังจากพิสูจน์ทราบว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก ที่ถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกเข้ามายึดครองและทำการแผ้วถางป่าซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ ก่อนจะทำการปลูกยางพาราไว้จนเต็มพื้นที่ เป็นเหตุให้พื้นที่ป่าอนุรักษ์และพื้นที่ที่เป็นแหล่งต้นน้ำ ถูกบุกรุกทำลายลงเป็นจำนวนมาก

ขณะที่หลังจากการตัดโค่นต้นยางพาราลงแล้ว จะได้ร่วมกันปลูกป่าทดแทนเพื่อฟื้นฟูผืนป่าแห่งนี้ให้กลับมาเป็นแหล่งต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์ดังเดิม ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในความพยายามแก้ปัญหาการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า และเป็นภารกิจเร่งด่วนในการจัดการการบุกรุกพื้นที่ป่าของกลุ่มนายทุน จึงได้มีการบูรณาการร่วมกัน ในการดำเนินการ เพื่อร่วมกันคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับผืนป่าในจังหวัดสกลนครและผืนป่าทั่วประเทศ
******************************************************

สำนักข่าวไทย 25 ต.ค.-ความพยายามของคนพื้นที่ในการอนุรักษ์ ด้วยหวังให้พีพี เกาะที่ได้ชื่อว่างาม จนต้องไปยลให้ได้ก่อนตาย คงงดงามยั่งยืนถึงลูกหลาน ถูกเสริมด้วยการจัดระเบียบชายหาดของทางการ สิ่งที่เห็นผลชัดคือ ธรรมชาติฟื้นตัว นักท่องเที่ยวประทับใจมากขึ้น

เกาะพีพีสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายพันล้าน บาท เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักเดินทางยกให้เป็น 1 ในสถานที่ที่ต้องเห็นก่อนตาย แต่ความนิยมกลับทำให้คนแวะเวียนมาไม่เคยขาดสาย สิ่งที่ตามมาก็คือความเสื่อมโทรม ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เกาะสวรรค์ของนักท่องเที่ยวแห่งนี้กำลังบอบช้ำอย่างหนัก

การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลังฟื้นฟูความเสียหายจากเหตุสึนามิ อาจทำให้เกาะพีพีกำลังกลับไม่สู่จุดเริ่มต้น นั่นคือความเปราะบางที่ไร้ระเบียบ นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแต่การจัดการกลับมีช่องโหว่ เกาะพีพีจึงประสบปัญหาการจัดเก็บรายได้ที่น้อยจนไม่เพียงพอเพื่อบำรุงรักษา เกาะให้ดีดังเดิม หลายปัญหาที่สั่งสมมานานเกินการเยียวยา และเมื่อ คสช. มีมาตรการในการจัดระเบียบชายหาดทั่วประเทศ ความพยายามครั้งนี้จะกลายเป็นความหวังคืนชีวิตสู่เกาะพีพีได้อย่างไร

หน้าที่ของ จิรศักดิ์ พุทธวรรณ ในฐานะผู้ประกอบการบนเกาะพีพี ทุกวันเขาต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่มาเยือนบนเกาะแห่งนี้ ไม่ขาดสาย เวลาที่เหลือเขาทุ่มเทไปกับงานอนุรักษ์ ทำร่วมกับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวในชื่อกลุ่มพิทักษ์พีพี เป็นการลงทุนลงแรงด้วยตนเองมากว่า 10 ปีภายหลังสึนามิเข้าโจมตีที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและพื้นที่บนเกาะได้รับ ความเสียหายอย่างรุนแรง

การผูกทุ่นถูกนำมาใช้ในการจัดระเบียบการจอดเรือรอบเกาะพีพี โดยปีนี้กรมอุทยานฯ สนันสนุนเงิน 7 ล้านบาทเพื่อผูกทุ่นตามอ่าวต่างๆ ได้แก่ทุ่นจอดเรือ ทุ่นไข่ปลาวางแนวเล่นน้ำ และทุ่นห้ามเรือจอด และยังให้ข้อมูลกับผู้ประกอบการเดินเรือให้จอดเรืออย่างถูกต้องตามทุ่นที่มี การจัดเตรียมไว้ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้มาตรการจะออกมาอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ยังต้องเดินหน้าต่อไปก็คือการกำหนดให้เรือทุกลำที่มีผู้โดยสาร เกิน 25 คน ต้องติดตั้ง VMS หรือระบบติดตามเรือ ซึ่งทุกลำต้องติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 26 เม.ย.59 โดยมีกรมเจ้าท่าเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ แต่ปัญหาของเกาะพีพีไม่ได้มีแค่จำนวนเรือที่จอดอย่างไม่เป็นระเบียบเท่านั้น ผลจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็วปราศจากการควบคุม ได้สร้างอีกหลายผลกระทบให้กับนักอนุรักษ์กลุ่มนี้ต้องตามแก้ไขต่อไป แน่นอนว่ากลุ่มพิทักษ์พีพีไม่ท้อง่ายๆ พวกเขายังมีกิจกรรมอนุรักษ์อื่นๆ ทั้งการปลูกปะการังเทียม เก็บขยะใต้น้ำ และตามชายหาด หรือเป็นกลุ่มป้องกันภัย และความเปลี่ยนแปลงก็เริ่มเกิดขึ้น เมื่อผนวกกับการส่งเสริมจากภาครัฐเป็นพลังภายใต้การเป็นประชารัฐ ที่ช่วยให้การดูแลและอนุรักษ์เกาะพีพีเป็นไปอย่างเข้มแข็ง

การร่วมใจกันอาจไม่เป็นผลทันตา แต่ทรัพยากรที่ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาก็กลายเป็นสัญญาณที่ดีว่าเกาะพีพีกำลังจะกลายเป็นเกาะสวรรค์ อีกครั้งหนึ่ง

ทรัพยากรใต้น้ำไม่ใช่สิ่งเดียวที่ต้องเร่งฟื้นฟู ปัญหาที่อยู่บนฝั่งก็มีมากขึ้นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการเป็นสวรรค์ยามราตรีของนักท่องเที่ยวที่ทำให้ธุรกิจสถานบันเทิง เติบโตขึ้นเกินควร ความเป็นระเบียบยังเห็นได้ชัดเจนขึ้นบนหาดโละดาลัม และกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สวยงามของนักท่องเที่ยวขึ้นมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับหาดอื่นๆ รอบเกาะพีพี

การจัดระเบียบเกาะพีพีเริ่มต้นขึ้นตามนโยบายของ คสช. ด้วยการสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำชายหาด เพื่อมีการปรับภูมิทัศน์ของหาดทราย ด้วยการทำงานประสานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารจาก ร.พัน1 กรมเจ้าท่า และเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานฯ ผนวกกับมาตรการอื่นๆ ตามมา เกาะพีพีจึงถือเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ถูกจัดระเบียบอย่างเข้มข้น และพบว่าหลังจากการเข้ารื้อถอนพื้นที่ไป 2 คดีก็ไม่พบการบุกรุกเพิ่มเติม ซึ่งลดลงกว่าทุกปีที่มีเฉลี่ยปีละ 3-4 คดี

การดำเนินการตรวจสอบการจัดเก็บรายได้ค่าเยี่ยมชมเกาะหรือค่าเหยียบเกาะ เป็นอีกหนึ่งภารกิจเร่งด่วนที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พบว่ารายได้หายไปนับ 100 ล้านบาทต่อปี จึงมีการลงนามย้ายหัวหน้าอุทยานคนเดิมและแต่งตั้งหัวหน้าอุทยานคนใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่โปร่งใสในการจัดเก็บรายได้ ล่าสุดกรมอุทยานฯ เปิดเผยรายได้ของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ที่เพียง 10 เดือนสามารถจัดเก็บรายได้ถึง 60 ล้านบาทเศษ ผลที่เกิดขึ้นชัดเจนจนเรียกได้ว่าเป็นการคืนชีวิตของเกาะพีพี ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงก็คือคนบนเกาะทั้งผู้ประกอบการและผู้ที่มา เยือน

แม้การจัดระเบียบจะกลายเป็นความหวังที่ค่อยๆ เห็นผล แต่จิรศักดิ์ ยังไม่หยุดทำกิจกรรมเพื่อสังคม ล่าสุดเขาได้ตั้งชมรมวิทยุสมัครเล่นเกาะพีพีสร้างพลังการส่งเสียงต่อสู้ และเรียงร้องกับทุกปัญหาที่เกิดขึ้นบนเกาะแห่งนี้ และใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเพื่อเข้าถึงคนในพื้นที่ และใช้ประสานงานกับหน่วยงานของภาครัฐ

แนวคิดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เกาะพีพีเท่านั้น แต่กำลังจะจุดประกายไปทั่วประเทศเช่นเดียวกับมาตรการจัดระเบียบแหล่งท่อง เที่ยวที่กำลังเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ส่วนรวมอย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย

 

สงสัยภาษาไทยผมไม่แข็งแรง ชอบอ่านชื่อผิดเป็น"ขยะแขยง"ทุกที
------------------------------------------------------------------------------

http://www.naewna.com/politic/186289

 

ลองฟังเหตุผลของลูกสาวเสธแดงดูครัช

 

พวกมัน แค่ 15 ล้านคนเองนิ ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่นะ

 

ยัง 15 ล้าน อยู่อีกเหรอ

 

15ล้านคือจำนวนกีบ+เขา มั้งครับหลวงพี่

 

มุขนี้เล่นเอาปวดท้อง

 

ศาลมีคำสั่งพิพากษายึดคืนที่ดิน 16 รีสอร์ทภูทับเบิก สั่งให้เจ้าของและบริวารออกจากพื้นที่

 

หน่วยงานด้านการข่าว รวบรวมรายชื่อผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ ระบุมีเกือบ 100 คน รัฐบาลจะเริ่มดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง ในวันที่ 4 มี.ค.นี้ ระบุต้องให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน

หลังจากที่นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกันในการปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ โดยข้อมูลของคณะทำงานบูรณาการด้านการข่าว ซึ่งมีหน้าที่ในการกลั่นกรอง และ หาความเชื่อมโยงของกลุ่มอิทธิพลในแต่ละพื้นที่ ทั้งในส่วนของตำรวจสันติบาล การข่าวทหาร สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย ศูนย์รักษาความปลอดภัย และหน่วยข่าวในระดับพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ที่มีข้อมูลผู้มีอิทธิพลอยู่แล้ว เบื้องต้น แบ่งกลุ่มผู้มีอิทธิพล ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยกำหนดไว้ 16 กลุ่ม คือ

นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผู้เกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลงานของทางราชการ การเรียกรับผลประโยชน์จากคิวรถจักรยานยนต์ รถตู้ การเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงาน ร้านค้า สถานบริการ

การลักลอบขนสินค้าหนีภาษี บ่อนการพนัน ผู้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ มือปืนรับจ้าง ผู้เกี่ยวข้องการค้าอาวุธสงคราม ปืนเถื่อน ผู้บุกรุกที่ดินสาธารณะ และ ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

โดยเฉพาะในส่วนของมือปืนรับจ้าง เจ้าหน้าที่พุ่งเป้าไปที่คน 4 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่เป็นมือปืนรับจ้าง แต่ไม่มีพยานหลักฐาน กลุ่มบุคคลที่ "เชื่อว่า" จะมีพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้าง กลุ่มบุคคลที่อยู่ในเครือข่ายซุ้มมือปืน และกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มคนที่เคยทำผิดโดยใช้อาวุธปืน วัตถุระเบิด รวมถึงการฆาตกรรมอำพราง ซึ่งกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ เบื้องต้น มีรายงานจากหน่วยข่าวว่า มีประมาณ 100 คน

และหลังจากวันที่ 4 มีนาคมนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมาย และ ปราบปรามอย่างจริงจัง เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน

นอกจากนี้ พลเอก ประวิตร ยังได้ชี้แจงถึงการจัดระเบียบการรักษาความปลอดภัยใหม่ภายทำเนียบรัฐบาลด้วยว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข่าวด้านความมั่นคง แต่เป็นเพียงต้องการให้เพิ่มความเข้มงวดตรวจค้นบุคคล เข้า-ออก เพื่อความปลอดภัย และ มีความเป็นสากลมากขึ้น เนื่องจากทำเนียบรัฐบาล เป็นศูนย์กลางบริหารประเทศ เบื้องต้นจะจัดพื้นที่แบ่งโซนจอดรถให้เป็นสัดส่วน และ กำหนดประตูเข้า-ออก สำหรับผู้มาติดต่อราชการ และ บุคคลสำคัญ รวมถึงสื่อมวลชนด้วย

ผู้มีอิทธิพล คือ
1. นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ
2. เกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลงานของทางราชการ
3. เรียกรับผลประโยชน์จากคิวรถจักรยานยนต์ รถตู้
4. เรียกรับผลประโยชน์จากโรงงาน ร้านค้า สถานบริการ ฯลฯ
5. เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน บุหรี่ สุราเถื่อน ฯลฯ
6. เกี่ยวข้องกับบ่อนการพนัน โต๊ะพนันบอล หวยใต้ดิน ฯลฯ
7. เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ค้าประเวณี
8. เกี่ยวข้องกับการขนแรงงานต่างด้าว
9. เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงคนไปทำงานต่างประเทศ
10. เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงนักท่องเที่ยว
11. มือปืนรับจ้าง
12. รับจ้างทวงหนี้ด้วยการข่มขู่ ใช้กำลัง
13. เกี่ยวข้องการค้าอาวุธสงคราม ปืนเถื่อน
14. บุกรุกที่ดินสาธารณะ และหรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
15. รับเคลียร์คนทำผิดบนเส้นทางหลวง ทางสาธารณะ
16. เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

มือปืนรับจ้าง
เป้าหมายระดับ 1 : คนที่เป็นมือปืนรับจ้าง แต่ไม่มีพยานหลักฐาน หรือ พ้นโทษ หรือ อยู่ระหว่างดำเนินคดี
เป้าหมายระดับ 2 : บุคคลที่ “เชื่อว่า” จะมีพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้าง (ดาวรุ่ง )
เป้าหมายระดับ 3 : บุคคลในเครือข่ายซุ้มมือปืน เช่น ผู้ว่าจ้าง , ผู้จัดหา (เอเย่นต์) , ผู้ให้ความคุ้มครองมือปืน
เป้าหมายระดับ 4 : คนที่เคยทำผิดโดยใช้อาวุธปืน วัตถุระเบิด รวมถึงการฆาตกรรมอำพราง เช่น นำศพไปเผา , ถ่วงน้ำ , รับจ้างสังหารบุคคลอื่น ฯลฯ

 

มีหลายเรื่องที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่กล้าแตะเพราะกลัวมีผลต่อคะแนนความนิยม ถึงจะแตะก็แค่เพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมืองเท่านั้น

1. หาบเร่แผงลอย
2. สถานบันเทิงละเมิดกฏหมาย
3. บุกรุกป่าสงวนเพื่อทำการเกษตร
4. บุกรุกป่าสงวนทำรีสอร์ท
5. ซุ้มมือปืน
6. NGO
7. สื่อฯ

คงมีอีกแต่ผมนึกได้แค่เจ็ดข้อ

ขอสัก5 ปีเถอะครับลุงตู่ จัดการเรื่องพวกนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน

 

ข่าว 7 สี - นายกรัฐมนตรี สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบด่วน หลัง สตง.ระบุโครงการขุดบ่อน้ำบาดาล ของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอาจมีทุจริตและทำให้รัฐเสียหายกว่า100 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ สตง.ส่งหนังสือขอให้ตรวจสอบโครงการดังกล่าว เพราะพบใช้งบผิดระเบียบและอาจทุจริต

นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความกังวลสถานการณ์ภัยแล้ง โดยจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำ ด้วยการนำข้อมูลจากทุกภาคส่วนทั้งภาคพื้นและดาวเทียมเพื่อปรับพื้นที่ควบคุมและพฤติกรรมการใช้น้ำของประชาชนและน้ำทำการเกษตรเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำ เบื้องต้นไม่ได้ห้ามปลูกข้าวแต่เกษตรกรต้องยอมรับความเสี่ยงด้วยเพราะรัฐบาลมีงบประมาณจำกัด ส่วนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ยืนยันว่ามีเพียงพอถึงเดือนกรกฎาคมแต่อาจลดระดับความแรงดันน้ำทำให้ไหลอ่อนในบางพื้นที่

ขณะที่กระทรวงมหาดไทย เตรียมรับมือภัยแล้ง โดยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วนจะจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และให้ความช่วยเหลือพื้นที่เกษตรที่ได้รับความเสียหายเพื่อประคับประคองสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้

 

นโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลภายใน 6 เดือนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้เร่งดำเนินการขณะนี้เข้าสู่เดือนที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลกำหนดให้เริ่มต้นดีเดย์กวาดล้างอย่างจิรงจัง ซึ่งทางกองบังคับการปราบปราม ได้นำปฏิบัติการ “ไพร่ฟ้าหน้าใส” นำร่องลงพื้นที่ในจังหวัดท่องเที่ยว 3 แห่ง

หลังจากที่เมื่อวานนี้ พลเอกประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร-ตำรวจ ฝายปกครอง ทั่วประเทศ ดำเนินตามนโยบาบปราบปรามผู้มีอิทธิพล ผู้มีหมายจับ หลบหนี และบุคคลที่ประชาชนร้องเรียน อย่างเคร่งครัด ทั้งผู้มีอิทธิพลในระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน โดย 2 เดือนต่อจากนี้ ขอความร่วมมือประชาชน ใช้มาตรการทางสังคม กดดันผู้กระทำความผิดให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ด้านกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. ซึ่งมอบหมายให้ กองบังคับการปราบปราม เป็นหน่วยงานหลักในการลงพื้นที่ทั่วประเทศจับกุมมาเฟียที่สร้างความเดือด ร้อนให้กับประชาชน ร่วมกับกองบังคับการอื่นๆใน บช.ก.รวมแล้ว 11 หน่วยงาน ในชื่อปฏิบัติการ “ไพร่ฟ้าหน้าใส” ได้เตรียมสนองนโยบายรัฐบาลอย่างเต็มกำลัง

โดยพันตำรวจเอกพันธนะ นุชนารถ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า ปฏิบัติการ “ไพร่ฟ้าหน้าใส” มีขั้นตอนในการทำงานโดยเริ่มต้นจากหาข้อมูลผู้ที่เข้าข่ายหรือมีพฤติกรรม เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ แล้วทำการสืบสวน หากพบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลจริง ก็จะจัดกำลังลงพื้นที่ในจังหวัดนั้นๆ

ส่วนการเลือกเป้าหมาย จะเน้นพื้นที่ที่ผู้มีอิทธิพลสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน หรือคดีที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น ซึ่ง กรอบการดำเนินการจะมี 3 ช่วง ใช้เวลา 7 วัน คือ ช่วงที่ 1 กองปราบลงพื้นที่ 3 วันแรก

/ ช่วงที่ 2 เมื่อประเมินสถานการณ์แล้วก็จะให้กองบังคับการอื่นๆ ใน บช.ก. เข้าดูแลเป็นเวลา 3 วัน

และช่วงที่ 3 คือ 1 วันสุดท้าย ถ้าเหตุการณ์เบาบางจะขออนุมัติถอนกำลังให้เหลือแค่หน่วยในพื้นที่

โดยล่าสุดที่ทางตำรวจกองปราบลงพื้นที่ไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต และเมืองพัทยา ระหว่างวันที่ 18 ถึง 20กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น สามารถจับกุมผู้กระทำความผิด ตามที่ได้กำหนดไว้ 16 ฐานความผิด เกี่ยวกับอิทธิพลการเมืองท้องถิ่น ได้ 83 คดี จำนวน 103 คน ซึ่งตลอด 3 วันแรกที่ทางกองปราบลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จับกุมผู้กระทำความผิดได้ 42 คน พัทยา 33 คน และ ภูเก็ต 18 คน

ปฏิบัติการกวาดล้างผู้มีอิทธิพล ดีเดย์วันนี้เป็นวันแรก ซึ่งในบัญชีของตำรวจ พบทั่วประเทศมีผู้มีอิทธิพลกว่า 6,000 ราย

วันนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เรียกประชุมผู้บังคับหน่วย เพื่อปูพรมออกปฏิบัติการ ตามฐานข้อมูลที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีกว่า 6,000 ราย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด และฮั้วประมูลงานของรัฐ และมีมากที่สุดในภาคกลาง โดยจะเน้นการวางกำลังกดดัน และกวาดล้างปราบปราม พร้อมสั่งตรวจสอบตำรวจที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลภายใน 15 วัน มั่นใจ 2 เดือนนี้จัดการได้ไม่ต่ำกว่า 60%

ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ พบปัญหาผู้มีอิทธิพลเอาเปรียบนักท่องเที่ยวมากสุด โดยเฉพาะร้านจิวเวลี่บางแห่ง ที่หลอกขายแพงเกินจริง หรือ นำของปลอมมาขายให้นักท่องเที่ยว วันนี้ พลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จึงไปพูดคุยกับร้านเพชร, ร้านปืน และวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง ย่านวังบูรพา และขอความร่วมมือให้แจ้งเบาะแสกลุ่มผู้มีอิทธิพลกับตำรวจในพื้นที่ หรือ สายด่วน 1599 และ 191

หลังจากวันนี้เป็นต้นไป รัฐบาลจะเริ่มดำเนินการตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลือมล้ำในสังคม ด้วยการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับประชาชนจากกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่น เบื้องต้น พุ่งเป้าไปที่ 9 จังหวัด

ซึ่งข้อมูลจากกองปราบปราม ระบุว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมบุคคลเป้าหมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะคนที่มีหมายจับ คนหลบหนีคดี คนประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และ กลุ่มที่มีการซ่องสุมอาวุธ เน้นการวางกำลังกดดัน และ กวาดล้างปราบปราม โดยภาคเหนือเพ่งเล็งไปที่ จังหวัดนครสวรรค์ และ อุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น และ นครราชสีมา และ ภาคกลาง ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาคตะวันออก ที่จังหวัด ปราจีนบุรี ภาคใต้ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และ พัทลุง

โดยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ได้เรียกผู้มีอิทธิพล และ บุคคลในกลุ่มเป้าหมายทั้ง 16 กลุ่ม มาพูดคุยให้เลิกพฤติกรรม และ ทำการขึ้นบัญชีไว้แล้ว 1,000 กว่าคน แต่อย่างไรก็ตาม หากประชาชนมีข้อมูลเพิ่มเติม สามารถแจ้งเบาะแส และ ให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นได้ที่ ตู้ ป.ณ.1111 ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ หรือ สายด่วน 1599 ได้ตลอดเวลา

 

ข่าว 7 สี - เจ้าหน้าที่ทหารบุกจับเจ้าของวินจักรยานยนต์เถื่อนในย่านบางนา ที่สมาชิกวิ่งวินในพื้นที่มากถึง 130 คน โดยแต่ละคนต้องจ่ายค่าเสื้อวิน 3-4 พันบาทต่อเดือน

กำลังทหารจากกองพลทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ บุกเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 259 ซอยอุดมสุข 26 แยก 27 แขวงและบางนา หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งซ่องสุ่มของผู้มีอิทธิพลเรียกรับเงินวินรถจักรยานยนต์เถื่อน จากการตรวจค้น พบอุปกรณ์สกรีนเสื้อวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง และเสื้อที่สกรีนเบอร์เสร็จแล้ว 22 ตัว มีนายประมุข วิเชียรธรกุลอายุ40 ปี เป็นเจ้าของบ้าน รับว่ามีสมาชิกวิ่งรถจักรยานยนต์รับจ้างเถื่อนในพื้นที่ประมาณ 130 คัน โดยเรียกเก็บค่าเสื้อเป็นรายเดือนๆละประมาณ3-4 พันบาทต่อคนต่อคัน

พันเอกบุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยเรียกนายประมุขไปปรับความเข้าใจ ว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมาย และได้สั่งให้หยุดการกระทำ แต่ต่อมาอีก 1-2 วัน ก็พบว่ากลับไปกระทำความผิดแบบเดิมอีก จึงเข้าจับกุมในวันนี้ ก่อนคุมตัวไปส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และกรรโชกทรัพย์

ทหารสนธิกำลังตำรวจลุยจับผู้มีอิทธิพลตั้งวินจักรยานยนต์เถื่อนย่านบางนา ปลอมเสื้อ-ขู่กรรโชกเรียกเก็บค่าวิน ทั้งที่เคยเตือนให้หยุดแล้ว แต่ผ่านมาเพียง 2 วันก็กลับมาทำต่อ ทหารจึงเข้าจับทันที

พันเอกบุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำกำลังทหารและตำรวจ สน.บางนา กว่า 20 นาย เข้าค้นบ้านเลขที่ 259 ซอยอุดมสุข 26 แยก 27 แขวงและเขตบางนา กทม. หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งซ่องสุ่มของผู้มีอิทธิพลจัดตั้งวินรถจักรยานยนต์ เถื่อและเรียกเก็บค่าวิน

โดยสามารถยึดอุปกรณ์แท่นสกรีนเสื้อ และเสื้อวินสีส้มทั้งใหม่และผ่านการใช้งานแล้ว 32 ตัว และอุปรกณ์ในการสกรีนเสื้ออีกจำนวนหนึ่ง โดยมีนายประมุข วิเชียรธรกุล อายุ 40 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน และพบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างจำนวนหนึ่งที่อ้างว่ารอประชุมอยู่ในบ้าน จึงคุมตัวไปตรวจสอบประวัติ ที่ สน.บางนา

พันเอกบุรินทร์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ คสช. ได้เรียกเจ้าของบ้านไปปรับความเข้าใจว่า การกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายผิดกฎหมายและได้มีคำสั่งให้หยุด แต่ให้หลังพียง 2 วัน ก็ยังพบการกระทำแบบเดิมอีก จึงนำกำลังเข้าจับ และพบว่ากุมวินดังกล่าวมีสมาชิกกว่า 130 คน โดยเป็นวินเถื่อนเกินกว่าครึ่ง อีกทั้งยังมีวินอื่นๆ ที่ผู้ต้องหาเข้าไปจัดการดูแล เรียกเก็บเงินอีก 5-6 วิน ซึ่งจะตามไปดำเนินการภายหลัง และยังได้รับการร้องเรียนว่า ผู้ต้องหายังมีพฤติการณ์การขู่เรียกเก็บเงินจากวินที่ไม่ยอมด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ก่อนจะทำการสอบสวนผู้ที่ขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างที่สามารถจับกุมตัวได้ ทั้งหมด เพื่อแจ้งข้อหากกรรโชกทรัพย์ และส่งให้ สน.บางนา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

7 มี.ค. l ข่าว 19.00 น.จนถึงขณะนี้ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ยังไม่มีคำยืนยันว่า ผู้มีอิทธิพลกว่า 6,000 รายชื่อที่ คสช.รวบรวมไว้มีใครบ้าง จะมีชื่อบางคนที่กำลังตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้จริงหรือไม่

บุคคลที่มีชื่อตกเป็นข่าวว่าเป็นผู้มีอิทธิพล และถูกกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 เรียกตัวเข้าพบและพูดคุยในวันพรุ่งนี้ พากันออกมาปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลตามที่มีการระบุ

ทั้ง พลเอก ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ เสธ.ไอซ์ และ นายการุณ โหสกัล อดีต ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวผ่านสื่อบางแขนงว่า ไม่ได้มีสถานะเป็น “ผู้มีอิทธิพล” ตามที่มีข่าว โดย พลเอกไตรงค์ บอกว่า เกษียณอายุราชการมานานถึง 7 ปีแล้ว อยากอยู่เงียบๆ ขณะที่ นายการุณ บอกว่า ในช่วงรัฐประหาร ได้ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง

อย่างไรก็ดี ทั้งคู่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าถูกเรียกตัวเข้าไปที่กองทัพภาคที่ 1 ในวันพรุ่งนี้ตามที่เป็นข่าวหรือไม่ หรือหากมีการเรียกตัว จะเดินทางไปรายงานตัวหรือไม่

ทัพ1 แจงไม่มีเรียก 4 มาเฟียกรุงเทพฯ

สำหรับข่าวกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 หรือ กกล.รส.ทภ.1 เรียกตัวผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 เข้าพบและทำความเข้าใจนั้น มีการยืนยันด้วยเอกสารที่อ้างว่าเป็นเอกสารราชการ เชิญหัวหน้าฝ่ายการข่าวที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับนโยบายปราบปราม ผู้มีอิทธิพลของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

สำหรับบัญชีผู้มีอิทธิพลของ กกล.รส.กองทัพภาคที่ 1 มีชื่อ พลเอกไตรรงค์ // นายการุณ // ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า หรือ ผู้กองมนัส คนสนิทของ พลเอกไตรรงค์ และมีชื่อเป็นเจ้าของโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลก่อนหน้านี้ // และ นายชัยสิทธิ์ งามทรัพย์ ผู้กว้างขวางย่านหมอชิต

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบไปยังกองทัพภาคที่ 1 ได้รับการชี้แจงว่า ในวันพรุ่งนี้จะไม่มีการเชิญบุคคลที่มารายชื่อเป็นผู้มีอิทธิพล เข้าพบและพูดคุยตามที่เป็นข่าว ส่วนการประชุมที่มีการเปิดเอกสารทางสื่อสังคมออนไลน์ ประชุมกันไปตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม

"ประวิตร"วอนผู้มีอิทธิพล"หยุดเพี่อชาติ"

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงนโยบรายปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ โดยมีรายชื่ออดีตนายทหารและอดีตนักการเมืองในเขตกรุงเทพฯหลุดออกมาว่า ไม่รู้รายละเอียด ให้ถามจาก พลเอกธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก เพราะมีหน้าที่สอบสวนในเรื่องนี้ และได้เริ่มดำเนินการแล้ว ส่วนเรื่องจำนวน ตนไม่ทราบ และนับไม่ได้ สมองจำอะไรไม่ค่อยได้

พลเอกประวิตร บอกด้วยว่า “ต้องขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้เลิก ให้หยุด ต้องยอมกันบ้าง และรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร เพื่อให้บ้านเมืองเป็นมาตรฐานและเดินต่อไปข้างหน้า ทุกคนจะได้อยู่ร่วมกันได้”

ผบ.ตร.อุบรายชื่อผู้มีอิทธิพล

พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวในระหว่างแถลงข่าวประจำสัปดาห์เมื่อช่วงเช้า ถึงกระแสข่าวคณะรักษาความสงบแห่งชาติสั่งขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพลใน เขตกรุงเทพฯ 4 คนว่า ยังไม่เห็นรายชื่อผู้มีอิทธิพลว่ามีใครบ้าง แต่ในส่วนของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ทำเฉพาะส่วนของตำรวจ ขณะที่หน่วยงานอื่นไม่ทราบเ พราะมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งที่ผ่านมาได้สั่งการให้ดำเนินการตามยุทธวิธีที่กำหนด ในส่วนของผู้มีอิทธิพลที่เป็นส่วนอื่น เช่น ประชาชน หรือนักการเมืองท้องถิ่น คงต้องเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ส่วนพวกที่มีสี เช่น ทหารและตำรวจ จะแจกรายชื่อไปตามหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อตรวจสอบว่าเป็นข้อมูลเก่าหรือไม่ บุคคลผู้นั้นยังมีพฤติกรรมกระทำผิดอยู่หรือไม่

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า รายชื่อผู้มีอิทธิพลถือว่าเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ผู้ที่มีรายชื่อทุกคนเข้าข่ายความผิด 16 ฐานความผิดอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการฮั้วประมูล // ยาเสพติด // ค้าอาวุธ หรือเงินกู้นอกระบบ

 

รัฐบาลเร่งส่งเสริมกองทุนยุติธรรม ช่วยเหลือผู้ยากไร้ในกระบวนการยุติธรรม เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม

กองทุนยุติธรรม ซึ่งตั้งขึ้นตามร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม ภายใต้สังกัดของกระทรวงยุติธรรมที่มีหลักการและเหตุผลเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมโดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม2557 จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2559 หรือเป็นเวลา 1 ปี 3 เดือน มีผู้ขอความช่วยเหลือจากกองทุนแล้วทั้งสิ้น 5,983 ราย โดยกองทุนได้ให้เงินช่วยเหลือไปแล้ว 2,552 ราย โดยส่วนที่เหลือเป็นเรื่องที่ไม่เข้าเกณฑ์บางเรื่องยุติไปแล้วและบางเรืองอยู่ระหว่างดำเนินการ

ที่ผ่านมา แม้กองทุนจะมีหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุน สำหรับใช้จ่ายเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินคดีทั้งค่าจ้างทนายความค่าธรรมเนียมศาลหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆเกี่ยวกับคดีรวมไปถึงการขอปล่อยตัวชั่วคราวและการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ยังมีผู้ที่เข้าไม่ถึงกองทุนดังกล่าว อันเนื่องจากไม่ผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณา

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าในปี2559 นี้ รัฐบาลจะทบทวน เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย พร้อมวางระบบสารสนเทศให้รองรับการทำงานระดับจังหวัดกระจายอำนาจให้กองทุนทั้ง76 จังหวัด มีความเท่าเทียม เพื่อสามารถช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยผู้ที่จะขอรับการสนับสนุนจะต้องมีฐานะยากจน มีความประพฤติดี ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และไม่ซ้ำซ้อนกับการช่วยเหลือตามกฎหมายอื่น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ต้องการลดความเลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในสังคมทุกมิติโดยเฉพาะการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมที่ทุกคนสามารถต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองไม่ว่าจะมีสถานะทางสังคมอย่างไรต้องได้รับความยุติธรรมที่เท่าเทียม

พันเอกวินธัย สุวารี โฆษกคสช. เปิดเผยว่า ช่วงนี้หน่วยงานความมั่นคงเริ่มเข้มงวดดำเนินการต่อกลุ่มผู้มีอิทธิพลตามนโยบายของรัฐบาลโดยที่ผ่านมาพบมีเรื่องร้องเรียนเข้าจำนวนมากว่ามีบุคคลพยายามเอารัดเอาเปรียบบุคคลอื่นด้วยพฤติกรรมที่หลากหลายรูปแบบ และจากข้อมูลทีได้รับในบางกรณีก็พบว่ามีมูลจริง แต่บางกรณีก็พบว่าเป็นเรื่องแอบอ้างชื่อบุคคลอื่นๆ มาแอบแฝงอำพราง เพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง แต่เชื่อว่า เจ้าหน้าที่จะสามารถพิสูจน์ทราบ และเข้าถึงข้อเท็จจริงได้ตามหลักฐาน รวมทั้งจะสามารถแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ โดยอาศัยกฎหมายเป็นหลัก สำหรับรายละเอียดทั้งหมดคงเป็นเรื่องของแต่ละหน่วยแต่ละพื้นที่ ที่จะบริหารจัดการเพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย

ในขณะเดียวกันมีรายงานว่า กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 ได้มีหนังสือไปถึง ผู้บัญชาการกองพลที่1รักษาพระองค์ เชิญหัวหน้าฝ่ายการข่าว เพื่อร่วมประชุมเกี่ยวกับ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รับผิดชอบ ในวันที่ 8 มีนาคมนี้เพื่อปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ

วันนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. .. โดยปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการขอทาน พ.ศ.2484 ที่ใช้บังคับมานาน 75 ปี

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สนช. ชี้แจงว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จำแนกกลุ่มขอทานเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มขอทาน และกลุ่มวณิพกหรือศิลปินเปิดหมวกให้ชัดเจน โดยบุคคลที่ต้องการลงทะเบียนเป็นวณิพก สามารถไปลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขตซึ่งจะมีบัตรวณิพกที่สามารถประกอบอาชีพ ได้

สำหรับบทลงโทษผู้ที่ทำการขอทาน ที่กฎหมายนี้ระบุไว้มีลักษณะการกระทำ คือ การขอเงินหรือทรัพย์สินจากผู้อื่นเพื่อเลี้ยงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการขอด้วยวาจา ข้อความหรือการแสดงกิริยาอาการใดๆ การกระทำด้วยวิธีการใดให้ผู้อื่นเกิดความสงสารและส่งมอบเงินหรือทรัพย์สิน ให้ มีดังนี้

ผู้กระทำการขอทาน จำคุกไม่เกิน 1 เดือน /ปรับไม่เกิน 1หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ช่วยเหลือทำการขอทานต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน2ปี หรือปรับไม่เกิน2หมื่นบาท

ผู้แสวงหาผลประโยชน์จากผู้ทำการขอทาน จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน3หมื่นบาท หากทำกับเด็ก หญิงมีครรภ์ คนวิกลจริต คนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้เจ็บป่วย การนำผู้อื่นจากภายนอกราชอาณาจักรให้มาขอทาน เพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน5ปี หรือปรับไม่เกิน5หมื่นบาท

ทั้งนี้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวให้ใช้บังคับเพื่อพ้นกำหนด90วันนับแต่วันที่ ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา โดยในระหว่างนี้ให้ดำเนินการออกระเบียบเพื่อให้ปฏิบัติการเป็นไปตามพ.ร.บ. ฉบับนี้

มีข่าวจากกองทัพภาคที่ 1 ว่าในวันนี้จะไม่มีการประชุมเกี่ยวกับนโยบายปราบผู้มีอิทธิพลของรัฐบาลและ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขณะที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กกล.รส. ก็ยังไม่ได้เชิญผู้ที่มีรายชื่อติดโผเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่กรุงเทพฯ เข้ารายงานตัวตามที่เป็นข่าว

ทัพ 1 แจงไม่มีเรียก 4 มาเฟียกรุงเทพฯ

แม้จะมีเอกสารของทางราชการเผยแพร่ออกมา ซึ่งเป็นหนังสือเชิญหัวหน้าฝ่ายการข่าวที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเกี่ยว กับนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งดำเนินการโดย กกล.รส. กองทัพภาคที่ 1 ก็ตาม ทว่าจากการตรวจสอบไปยังกองทัพภาคที่ 1 กลับได้รับการยืนยันว่าในวันนี้จะยังไม่มีการเชิญบุคคลที่มีรายชื่อเป็นผู้ มีอิทธิพลเข้าพบและพูดคุยตามที่เป็นข่าว ส่วนการประชุมที่มีการเปิดเอกสารทางสื่อสังคมออนไลน์ ประชุมกันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม

สำหรับบัญชีผู้มีอิทธิพลของ กกล.รส.กองทัพภาคที่ 1 มีชื่อ พลเอกไตรรงค์ อินทรทัต หรือ เสธ.ไอซ์, นายการุณ โหสกุล หรือ เก่ง การุณ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ผู้กว้างขวางย่านดอนเมือง, ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า หรือ ผู้กองมนัส คนสนิทของ พลเอกไตรรงค์ และมีชื่อเป็นเจ้าของโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลก่อนหน้านี้ และ นายชัยสิทธิ์ งามทรัพย์ ผู้กว้างขวางย่านหมอชิต

"เสธ.ไอซ์-เก่ง-ธรรมนัส" ไม่รับตำแหน่งมาเฟียกรุง

ด้านบุคคลที่มีชื่อตกเป็นข่าวว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในเขตกรุงเทพฯ ต่างพากันออกมาปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลตามที่มีการระบุ

พลเอก ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ เสธ.ไอซ์ และ นายการุณ โหสกัล อดีต ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวทำนองเดียวกันว่า ไม่ได้มีสถานะเป็น "ผู้มีอิทธิพล" ตามที่มีข่าว โดย พลเอกไตรงค์ บอกว่า เกษียณอายุราชการมานานถึง 7 ปีแล้ว อยากอยู่เงียบๆ ขณะที่ นายการุณ บอกว่า ในช่วงรัฐประหาร ได้ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง

ขณะที่ ร้อยเอกธรรมนัส บอกกับ NOW26 ว่า ยังไม่มีการประสานเรียกตัวเขาจากทางกองทัพให้เข้าพบหรือรายงานตัว ซึ่งถ้าประสานมาก็พร้อมให้ความร่วมมือ ยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติกรรมเป็นมาเฟีย ขณะนี้ทำแต่ธุรกิจ

"ประวิตร" วอนผู้มีอิทธิพล "หยุดเพี่อชาติ"

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ โดยมีรายชื่ออดีตนายทหารและอดีตนักการเมืองในเขตกรุงเทพฯหลุดออกมาว่า ไม่รู้รายละเอียด ให้ถามจาก พลเอกธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก เพราะมีหน้าที่สอบสวนในเรื่องนี้ และได้เริ่มดำเนินการแล้ว ส่วนเรื่องจำนวน ตนไม่ทราบ และนับไม่ได้ สมองจำอะไรไม่ค่อยได้

พลเอกประวิตร บอกด้วยว่า "ต้องขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้เลิก ให้หยุด ต้องยอมกันบ้าง และรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร เพื่อให้บ้านเมืองเป็นมาตรฐานและเดินต่อไปข้างหน้า ทุกคนจะได้อยู่ร่วมกันได้"

 

กองกำลังรักษาความสงบ และกองพลทหารราบที่ 9 บุกค้นตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล 6 จุดในจังหวัดราชบุรี พบอาวุธปืน และสิ่งผิดกฎหมายหลายรายการ

เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังรักษาความสงบ จากศูนย์รักษาความปลอดภัย และกองพลทหารราบที่ 9 นำกำลังเข้าตรวจค้นอาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมายตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล ของรัฐบาล โดยเมื่อเวลา 6 นาฬิกาที่ผ่านมา ได้กระจายกำลังเข้าตรวจค้น 6 จุด

ผลการตรวจค้นปราบปรามผู้มีอิทธิพล จ.ราชบุรี

จุดที่ 1 บ้านนายพเยาว์ เนียะแก้ว

1.ปืนลูกซอง 2 กระบอก 2.ปืนพก .357 1 กระบอก 3.ปืนพก 11 มม. 1 กระบอก 4.ปืนพก 9 มม. 1 กระบอก 5.เงินสด 2 ล้านบาท 6.ทองคำแท่ง 1,150บาท 7.รถยนต์ปอร์เช่ รุ่นคาเย่น 8.รถยนต์โตโยต้า รุ่นแฮริเออร์ 9.รถยนต์โตโยต้า รุ่นแฮริเออร์ 10.รถยนต์โตโยต้า 11.รุ่นอัลพาร์ด รถยนต์เบนซ์ รุ่น slc250

จุดที่ 2 บ้านนายชวเทพ พรหมเอียด

1.ปืนไรเฟิล-ลูกซอง 4 กระบอก 2.ปืนพก 1 กระบอก 3.เครื่องกระสุน ลูกซอง 55 นัด 4.กระสุน .45 53 นัด 5.กระสุน .38 25 นัด 6.กระสุน .22 6 นัด 7.วิทยุสื่อสาร 6 เครื่อง

จุดที่ 3 บ้านนายวิชาญ พรหมเอียด

1.ปืนพก 14 กระบอก 2.ปืนยาว 3 กระบอก 3.เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง

จุดที่ 4 บ้านนายประสาน บุญมี

1.รถยนต์ BMW ฌช 7272 กทม. สีขาว 2.รถยนต์ เบนซ์ SLK 250 ช-9999 กทม. สีดำ 3.รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ศ-3333 กทม. สีขาว 4.ยาบ้า 19 เม็ด 5.ยาไอซ์จำนวนหนึ่ง 6.ปืนพก 3 กระบอก

จุดที่ 5 สนามยิงปืน

1.ปืนพก 11 มม. 2 กระบอก 2.ปืนพก .357 1 กระบอก 3.ปืนลูกซอง 1 กระบอก 4.ปืนพก 9 มม. 1 กระบอก 5.ปืนพก .45 2 กระบอก 6.กระสุนปืน จำนวนหนึ่ง

จุดที่ 6 บ้านนายจุมพล พันมี

1.ปืนพก จำนวน 1 กระบอก พร้อมใบอนุญาต 2.เครื่องกระสุน 106 นัด 3.โพยหวย และโพยบอลในคอมพิวเตอร์ 4.รถยนต์ฮอนด้า รุ่นaccord ป้ายแดง 5.รถกระบะ isuzu รุ่นdmax ป้ายแดง 6.รถกระบะ isuzu รุ่นhi-lander 7.จักรยานยนต์ honda 8.จักรยานยนต์ bmw mf motortad 9.จักรยานยนต์ Honda click 10.จักรยานยนต์ Forza ป้ายแดง

ด้าน พลเอกทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ให้สัมภาษณ์ถึงรายชื่อผู้มีอิทธิพลที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. กำลังเร่งปราบปรามว่า สมช. มีหน้าที่ดูในภาพรวม แต่ข้อมูลทั้งหมดมาจากประชาคมข่าวกรองที่ต้องพิสูจน์ให้ทราบ โดยขณะนี้ยังไม่เห็นรายชื่อผู้มีอิทธิพลทั้งหมด ส่วนที่เห็นมีแต่นักการเมืองและกลุ่มที่อยู่กับนักการเมืองนั้น ไม่ได้ต้องการทำให้นักการเมืองดูชั่วร้าย แต่บังเอิญว่าบุคคลเหล่านี้ไปมีอิทธิพลต่อแนวความคิดคน เพราะอาศัยแรงจูงใจต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะได้รับการเลือกตั้งเข้าไปนั่งในรัฐสภาต่อไป

8 มี.ค. | ข่าว 12.00 น. ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี เตรียมเรียกบุคคลกว่า 200 คน เข้ามาปรับทัศนคติ ตามมาตรการแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล พร้อมกำชับให้ผู้กำกับการทั้ง 20 สถานี จับตาการลักลอบกระทำความผิด

ทหารบุกตรวจค้นบ้านเครือข่ายผู้มีอิทธิพลนครปฐม 6 จุด ยึดอาวุธปืนจำนวนมากและสิ่งผิดกฎหมายเพียบ

วันนี้ (8 มี.ค. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังรักษาความสงบ (กกล.รส.) จากศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) และกองพลทหารราบที่ 9 นำกำลังเข้าตรวจค้นอาวุธปืนและสิ่งผิดกฎหมาย ตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลของรัฐบาล และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม

ทหาร ได้เข้าตรวจค้น จุดที่ 1 บ้านนายพเยาว์ เนียะแก้ว ได้ปืนลูกซองจำนวน 2 กระบอก-ปพ.357 จำนวน 1 กระบอก-ปพ.11 มม. จำนวน 1 กระบอก-ปพ.9 มม. จำนวน 1 กระบอก-เงินสด 2 ล้านบาท-ทองคำแทง 1,150 บาท-รถยนต์ปอร์เช่ รุ่นคาเยนต์ สีดำ กก 8888 นครปฐม-รถยนต์โตโยต้า รุ่นแฮริเออร์ สีขาว กจ 9911 นครปฐม-รถยนต์โตโยต้า รุ่นแฮริเออร์ สีขาว กจ 9889 กรุงเทพมหานคร-รถยนต์โตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีขาว ชฐ 9000 กรุงเทพมหานคร-รถยนต์เบนซ์ รุ่น slc 250 สีขาว ย 2108 กรุงเทพมหานคร (ป้ายแดง)

จุดที่ 2 บ้านนายชวเทพ พรหมเอียด ได้ 1. ปืนไรเฟิล-ลูกซอง 4 กระบอก 2. ปืนพก 1 กระบอก 3. เครื่องกระสุน ลูกซอง 55 นัด 4. กระสุน .45 53 นัด 5. กระสุน .38 25 นัด 6. กระสุน .22 6 นัด 7. วิทยุสื่อสาร 6 เครื่อง

จุดที่ 3 บ้านนายวิชาญ พรหมเอียด ได้ 1. ปืนพก 14 กระบอก 2. ปืนยาว 3 กระบอก 3. เครื่องกระสุน จำนวนหนึ่ง

จุด ที่ 4. บ้านนายประสาน บุญมี (บ้านพ่อตานายวิชาญ) 1. รถยนต์ BMW ฌช 7272 กรุงเทพมหานคร สีขาว 2. รถยนต์ เบนซ์ SLK 250 ช 9999 กรุงเทพมหานคร สีดำ 3. รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ศ 3333 กรุงเทพมหานคร สีขาว 4. ยาบ้า 19 เม็ด 5. ยาไอซ์ จำนวนหนึ่ง 6. ปืนพก 3 กระบอก

จุดที่ 5 สนามยิงปืน 1. ปืนพก 11 มม. 2 กระบอก 2. ปืนพก .357 1 กระบอก 3. ปืนลูกซอง 1 กระบอก 4. ปืนพก 9 มม. 1 กระบอก 5. ปืนพก .45 2 กระบอก 6. กระสุนปืนจำนวนหนึ่ง

จุด ที่ 6 บ้านนายจุมพล พันมี พบปืนพก จำนวน 1 กระบอก พร้อมใบอนุญาต-เครื่องกระสุน 106 นัด-พบโพยหวย และโพยบอลในคอมพิวเตอร์-รถยนต์ฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด ป้ายแดง-รถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ ป้ายแดง-รถกระบะอีซูซุ รุ่นไฮแลนเดอร์ ถห 5996 กรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กฉ 3155 นครปฐม-จักรยานยนต์ bmw ไม่ติดป้ายทะเบียน-จักรยานยนต์ ฮอนด้าคลิก ขมจ 420 นครปฐม-จักรยานยนต์ ฟอร์ซ่า ป้ายแดง

8 มี.ค. l ข่าว 16.00 น.ไม่ใช่ครั้งแรกกับนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล แต่ครั้งนี้ มีทั้งนายทหารและนักการเมือง ที่ชิงออกมาชี้แจงและปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ด้านเลขาฯ สมช.ระบุรายชื่อที่ปรากฏในสื่อมวลชนยังต้องตรวจพิสูจน์

 

รัฐบาลและ คสช.เดินหน้านโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลเต็มรูปแบบ โดยใช้กลไกของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กกล.รส. ทุกกองทัพภาพ หลังจากเมื่อเช้านี้ได้ประกอบกำลังร่วมกันระหว่างทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ลุยค้นผู้มีอิทธิพลจังหวัดนครปฐม

วันนี้ มีการประชุมสำนักงานเลขาธิการ คสช. โดยมี พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช.และ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กกล.รส. เป็นประธาน

ภายหลังการประชุม พันเอกวินธัย สุวารี โฆษก คสช. ร่วมกับ พันเอกหญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก ร่วมกันแถลงว่า หลังจากนี้จะเริ่มเห็นภาพการทำงานอย่างจริงจังต่อเนื่อง ขณะที่ พลเอกธีรชัย ได้ประชุมทางไกลผ่านดาวเทียม หรือ VTC กับ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ของกองทัพภาคต่างๆ โดยเน้นย้ำให้จัดระเบียบสังคมและดูแลให้สุจริตชนสามารถประกอบอาชีพได้อย่าง ปกติ ไม่ถูกเอาเปรียบหรือถูกบังคับจากผู้ที่กระทำตนเป็นผู้ที่มีอิทธิพลหรือผู้ ที่กระทำผิดกฎหมาย

นอกจากนั้น ได้สั่งการให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กกล.รส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าดำเนินการต่อผู้มีอิทธิพลในทุกพื้นที่ตามนโยบายของ คสช. และรัฐบาล ทั้งยังให้ตรวจสอบว่ามีข้าราชการในสังกัดที่มีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลหรือ ไม่ หากพบก็ให้หน่วยงานนั้นๆ ดำเนินการตามกฎหมายทันที

แจงชื่อ"เสธ.ไอซ์"ไม่ใช่ข้อมูลทางการ

ส่วนกรณีมีชื่อ พลเอกไตรรงค์ อินทรทัต หรือ เสธ.ไอซ์ // นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล อดีต ส.ส.ดอนเมือง พรรคเพื่อไทย // ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรืออดีตผู้กองมนัส อยู่ในบัญชีผู้มีอิทธิพลที่กองทัพจับตามองนั้น พันเอกวินธัย กล่าวว่า การทำงานของแต่ละหน่วยเริ่มจากข้อมูลพื้นฐานทางด้านการข่าวหรือการแจ้งแบะแส ซึ่งจะต้องพิสูจน์ความน่าเชื่อถือด้วย ยืนยันว่าข้อมูลด้านการข่าวทั้งหมด เจ้าหน้าที่จะรวบรวมเอาไว้ แต่จะดำเนินการอย่างไรต้องนำเข้าสู่กระบวนการอีกครั้ง สำหรับ พลเอกไตรรงค์ หรือเสธ.ไอซ์ ก็เป็นข้อมูลการข่าว ยังไม่มีข้อพิสูจน์อย่างเป็นทางการ

ขณะที่กำลังพล หากมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล และมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเกี่ยวข้องจริง ก็ต้องดำเนินการ

ยธ.ทำบัญชีมาเฟีย5กลุ่ม-หนี้นอกระบบมากสุด

พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยะวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลปัญหาอาชญากรรมพิเศษ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่รัฐบาลให้ความ สำคัญ โดยได้จัดทำบัญชีรายชื่อเป็น 5 กลุ่ม หรือ 5 ฐานความผิด ได้แก่ กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ // กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในเรือนจำ // กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบหนีภาษี // กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับหนี้นอกระบบ // และกลุ่มต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว โดยมีรายชื่อหลายพันรายชื่อ เฉพาะกรณีหนี้นอกระบบมีกว่า 3,000 รายชื่อ พบมากที่จังหวัดปทุมธานี และอุทัยธานี

ส่วนกลุ่มลักลอบหนีภาษี ได้แก่ ขบวนการรถหรูเลี่ยงภาษี ซึ่งตนได้จัดส่งรายชื่อ พร้อมเลขประจำตัวประชาชนมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษไปแล้ว

ข่าวค่ำ 8-3-59 : ผบ.ตร.ยอมรับ มีตำรวจบางส่วนเกี่ยวข้องกลุ่มผู้มีอิทธิพล ขณะที่นายกฯสั่งการจัดการกับทุกกลุ่ม

แม้ว่ารัฐบาลมีนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลมาอย่างต่อเนื่อง การจัดระเบียบรถสาธารณะเป็นหนึ่งในนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล แต่ปัจจุบันยังมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์รับจ้าง ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่ไปสำรวจพร้อมกับกรมการขนส่งทางบก พบมีรถที่ไม่ได้จดทะเบียนวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสาร และมีการปลอมแปลงบัตรประจำตัวผู้ขับขี่รถสาธารณะด้วย

ตำรวจพอใจผลการปราบปรามผู้มีอิทธิพล พร้อมเดินหน้าเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปราม และยืนยันว่าใช้มาตรฐานเดียวกันในการดำเนินการ โดบไม่มีการกลั่นแกล้งใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนหากพบว่าตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะยศสูงแค่ไหน หากพบผิดดำเนินการทันทีไม่มียกเว้น

พลตำรวจตรีทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการลงพื้นที่ปฏิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพลขั้นเด็ดขาด ในพื้นที่ จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่าพลตำรวจเอกจัรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พอใจผลการปฏิบัติ โดยยืนยันว่าที่ผ่านมาดำเนินการปราบปรามตลอดอยู่แล้ว แต่หลังจากที่มีคำสั่งของ คสช. ให้เวลา 6 เดือนในการแก้ปัญหา สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงยกระดับให้มีการปราบปรามเข้มข้นมากขึ้น

พลตำรวจตรีทรงพล เปิดเผยอีกว่า สำหรับกระแสที่มีประชาชนเป็นห่วงว่าการปราบปรามดังกล่าวจะเป็นการกลั่นแกล้ง คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ คสช.นั้น ตนเองยืนยันว่า การปราบปรามเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน จะไม่มีการกลั่นแกล้งใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนตำรวจที่เข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นยศสูงแค่ไหน ถ้าตรวจสอบว่าผิดก็จะดำเนินการทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น

โดยหลังจากนี้ก็จะดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดทั้ง 16 ฐานความผิด ประกอบด้วย 1.ยาเสพติด 2.ฮั้วประมูลงาน 3.การเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงานและสถานบริการ 4.คิวมอเตอร์ไซค์ รถรับจ้างที่ผิดกฎหมาย 5.ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน 6.บ่อนการพนัน หวยใต้ดิน 7.ลักลอบค้าหญิงและเด็ก 8.หลอกลวงคนไปทำงานต่างประเทศ 9.ลักลอบนำเข้า-ออกประเทศ 10.หลอกลวงต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว 11.มือปืนรับจ้าง 12.ทวงหนี้ ข่มขู่ 13.ค้าอาวุธ 14.บุกรุกที่ดินสาธารณะ 15.เรียกค่าคุ้มครองในที่สาธารณะ เส้นทางหลวงหรือเก็บส่วย 16.นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยอมรับว่า ได้ส่งรายชื่อผู้มีอิทธิพลให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ในระหว่างการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อวานนี้ และได้เน้นย้ำนโยบายการปราบผู้มีอิทธิพล ตามที่รัฐบาลสั่งการ โดยให้ทำงานร่วมกับ คสช. และตำรวจ ออกกวาดล้างโดยยึดหลักกฎหมาย หากพบว่ามีรายชื่อ ข้าราชการปกครอง หรือบุคคล ที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายก็จะเรียกไปพูดคุยทำความเข้าใจ


อย่างไรก็ตาม รายชื่อที่ คสช.ส่งไปให้ทุกจังหวัดต้องเข้าไปตรวจสอบโดยไม่มีการละเว้นไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นและบุคคลใดๆก็ตามเช่นเดียวกับพลเอกธีรชัยนาควานิชผู้บัญชาการทหารบกในฐานะเลขาธิการ คสช. ระบุจะเดินหน้าปราบปรามไปจนกว่าผู้มีอิทธิพลจะหมดไป

 

รมต.ยุติธรรม กำชับเจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เห็นผลใน 2 เดือน หากเพิกเฉย ละเลย ต้องถูกย้ายและเอาผิดทางวินัย

 

ข่าว 7 สี - รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำทีมปิดล้อมตรวจค้นบ้านผู้มีอิทธิพล ตามแผน "ยุทธการฟ้าสางชายแดน จังหวัดสระแก้ว"

เช้าวันนี้ กำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย12 จุด ของอำเภอตาพระยา และอำเภอคลองหาด ตามแผน "ยุทธการฟ้าสางชายแดนจังหวัดสระแก้ว" นำทีมโดยพลตำรวจเอกศรีวราห์รังสิพราหมณกุลรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

จุดแรก เข้าตรวจค้นที่ทำการกำนันบ้านโคกเพร็ด ตำบลทัเสด็จ อำเภอตาพระยาของนายพรายมั่นปืนยึดได้ทั้งปืนสั้นปืนยาวเครื่องกระสุนอาวุธมีดและวิทยุสื่อสารพร้อมลูกจ้างชาวกัมพูชาที่สวมบัตรคนไทย

จุดที่ 2 เป็นโรงงานที่ใช้ในการแบ่งถ่านหินบรรจุขาย พบแรงงานเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และแรงงานผิดกฎหมาย ตรวจสอบบริเวณโรงงานมีการต่อไฟฟ้ามาจากบ้านอีกหลังจึงขยายผลตรวจค้นไปจุดที่3 ซึ่งมี นายองอาจ โอชา รับเป็นเจ้าของโรงงาน

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จะต้องเพิ่มความเข้มงวดและตรวจสอบกลุ่มโรงงานขนาดย่อมซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งของการกระทำผิดที่คล้ายๆกัน

ส่วนอีก 9 จุดที่เข้าตรวจค้น นอกจากจะควบคุมตัวผู้มีอิทธิพลได้แล้วยังตรวจยึดไม้แปรรูปอีกหลายรายการและอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นไม้ที่มีการขออนุญาตอย่างถูกกฎหมายหรือไม่

ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี แถลงผลการปราบปรามผู้มีอิทธิพลบ้านหมู่1 ตำบลสนามคลี อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ที่เปิดรับจำนำอาวุธปืนยึดของกลางรวม18 กระบอก และควบคุมตัว นางฉวี เมฆวรรณกร อายุ 50 ปี ที่พยายามประวิงเวลาขณะเข้าตรวจค้น ไปแจ้งข้อหาและขยายผล

ข่าว 7 สี - คสช.และรัฐบาล เตรียมนำผู้มีอิทธิพลที่ยังไม่มีหลักฐานทำผิดกฎหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูเพื่อให้วางมือส่วนที่มีหลักฐานให้ดำเนินคดีทันที

นอกจากนี้ ยังยอมรับว่า ในรายชื่อผู้มีอิทธิพลที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติส่งให้ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะเลขาธิการคสช. ตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลนั้นมีทหารและตำรวจรวมอยู่ด้วยซึ่งจะต้องถูกดำเนินการเช่นเดียวกัน

ด้านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ยอมรับ มีตำรวจประมาณ 200 นาย เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล จึงได้เชิญนายตำรวจระดับนายพลเข้ามาพูดคุย และตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบมีความเกี่ยวข้องจะย้ายออกจากพื้นที่พร้อมลงโทษทางวินัยและอาญาต่อไป

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะรอรายงานข้อมูลของกลุ่มผู้มีอิทธิพลจากหน่วยในสังกัดวันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนส่งเลขาธิการคสช.ต่อไป

นายกรัฐมนตรีประชุมลับค่ายทหารเอาจริงมาตรการปราบมาเฟีย เชิญ "เสธ.ไอซ์" เข้าให้ข้อมูล ด้าน ผบ .ตร. สั่งด่วนเช็ครายชื่อตำรวจ-ข้าราชการ มีเอี่ยวมาเฟีย

หลังจากเมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ประกอบด้วย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมด้วยรัฐมนตรีมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ธีระชัย นาควานิช ที่บ้านพักกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อหารือเรื่องการปราบผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ

มีรายงานว่าในการประชุมภายในเพื่อหารือ ถึงแนวทางการปราบปรามผู็มีอิทธิพลครั้งนี้ได้เชิญอดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ เสธ.ไอซ์ เพื่อร่วมหารือด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระเเสข่าวว่า พล.อ.ไตรรงค์ พร้อมเเกนนำพรรคเพื่อไทย ถูกขึ้นบัญชีเป็นผู้มีอิทธิพลของรัฐบาลด้วย

ขณะเดียวกันในวันนี้มีรายงานว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้สั่งการให้สำรวจชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือข้าราชการที่อาจเกี่ยวข้องกลุ่มมาเฟียแล้ว โดยให้ส่งรายชื่อภายในวันนี้ ซึ่งจะมีการประชุมในช่วงบ่ายที่ สตช.เพื่อตรวจสอบรายชื่อเจ้าหน้าที่ ที่เข้าไปพัวพันกับการค้ายาเสพติด และผู้มีอิทธิพลอีกครั้ง ก่อนส่งรายชื่อให้กับนายกรัฐมนตรี

รายงานพิเศษ ผบ.ตร.เตรียมย้าย "ตร.-ผู้มีอิทธิพล" สัปดาห์หน้า

ผบ.ตร.ยอมรับกำลังตรวจสอบรายชื่อตร.กว่า200นาย เตรียมส่งชื่อให้ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สิน

 

ช่วงนี้เก้าอี้ตำรวจนี่เค้าเสริมสปริงกันหรือไงนะ เด้งกันไม่เว้นแต่ละวัน

ผบช.ภ.9 สั่งย้าย ผกก.-สว.จร.สภ.หาดใหญ่ไป ศปก.ภ.9 เซ่นบ่อนพนันในพท.-โยงผู้มีอิทธิพล

ผบก.ภ.จว.นครราชสีมาสั่งย้าย3ตร.สภ.เมืองโคราชช่วยราชการ เหตุมีบ่อนพนันในพท.

ข่าว 7 สี - ตำรวจเร่งปราบปรามผู้มีอิทธิพลตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด ก็มีทั้งการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย รวมถึงการเข้าจับกุมตัวตำรวจที่สร้างอิทธิพล และหากินกับขบวนการค้ายาเสพติด

เริ่มกันตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และทหารสนธิกำลังเข้าตรวจค้นชุมชนท่าอิฐ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีบ้านเป้าหมาย 5 หลัง ที่เป็นของผู้ต้องขังในคดียาเสพติดรายใหญ่3 คน และเป็นผู้มีอิทธิพลในชุมชน การเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ สามารถยึดยาเสพติดได้จำนวนหนึ่ง พร้อมกับจับกุมผู้ต้องหา 2 คน

ต่อเนื่องด้วยการแถลงข่าวการจับกุมนายสกนพัชฒ์ ไชยมาทอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ในจังหวัดเชียงราย และพวกอีก 1 คน พร้อมกับยาบ้า 200,000 เม็ด และการจับกุมตัวนายณรงค์ ศรีวงษ์ไชย ซึ่งเป็นผู้ที่มีรายชื่อเป็นผู้มีอิทธิพลเกี่ยวกับยาเสพติด ในจังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ได้ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบ

นอกจากนี้ ยังมีการนำหมายจับในคดีฟอกเงิน เข้าจับกุมตัวดาบตำรวจธีร์ชัชอัศม์ หรือ บุญยัง เมืองกระจ่าง ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางขุนเทียน ได้ที่ร้านอาหารของดาบตำรวจบุญยัง ย่านบางบอน เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งโอรส และพบว่าผู้ต้องหาในแก๊ง มีธุรกรรมการเงินเชื่อมโยงกับดาบตำรวจบุญยัง ปีละ 3-4 ล้านบาท

โดยตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ดาบตำรวจบุญยังถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดถึง 35 ครั้ง และยังพบความเชื่อมโยงกับนายสุรเชษฐ์ ตั้งวรวัฒน์ หรือ เชษฐ์ ท่าแพ ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ย่านฝั่งธนบุรี ซึ่งจากการจับกุมตัวเมื่อวานนี้ มีการยึดกัญชา,ไอซ์, ปืนอัดลม, โพยพนันฟุตบอลและโพยหวยได้จำนวนมาก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้อายัดทรัพย์สินจำนวนกว่า 10 ล้านไว้ตรวจสอบ

ส่วนตำรวจในนครบาล พบมีรายชื่อพัวพันกับผู้มีอิทธิพล 2 นาย เป็นตำรวจที่ทำงานด้านปราบปรามยาเสพติด ของ สน.ดินแดง และตำรวจจราจร สน.บางโพงพาง ทั้ง 2 นาย ถูกเรียกมาสอบถาม และตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินแล้ว ไม่พบความผิดปกติ

พิธพงษ์ จตุรพิธพร ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน

เรื่องการปราบปรามนอมินีของต่างชาติโดยใช้คนไทยเป็นผู้ถือหุ้น ต้องยอมรับว่ามีมากขึ้นต่อเนื่อง และเริ่มขยายอาณาเขตไปในเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดต่างๆมากขึ้น ดังนั้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงเข้มมากขึ้นในการตวรจสอบ

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คุณผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ บอกว่า ในช่วงที่ผ่านมากรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา ได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจ และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าตรวจสอบ 5 บริษัทในเขตเศรษฐกิจพิเศษ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งทั้งหมดทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมรีสอร์ท อพาร์ทเม้นท์ และธุรกิจบริการอื่น ซึ่งมีการถือครองที่ดิน และมีมูลค่าการลงทุนสูง ที่สำคัญเป็นธุรกิจที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นร่วมกับคนไทย ซึ่งเป็นธุรกิจต้องสงสัยว่าอาจจะมีคนไทยแอบแฝงเป็นนอมินี

คุณผ่องพรรณ บอกว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า พฤติกรรมของผู้ถือหุ้นคนไทยมีมูลเหตุให้เชื่อว่า น่าจะเป็นการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 36 แห่งพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542

ดังนั้น กรมฯ จึงได้ให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวน สภ.สะเดา ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อเนื่อง

นอกจากนี้จาการตรวจสอบการจัดทำบัญชีของบริษัททั้ง 5 ราย พบว่า มีข้อบกพร่องในการจัดทำบัญชี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างให้บริษัทเข้าชี้แจง หากพบว่า มีการกระทำความผิดตามพ.ร.บ. การบัญชี พ.ศ. 2543 จริงจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

คุณผ่องพรรณ บอกว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะเร่งปรับปรุงแผนการตรวจสอบนอมินีให้ครอบคลุมจังหวัดที่เป็นพื้นที่เขต เศรษฐกิจพิเศษให้มากขึ้น เพราะจากการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ ทำให้กรมฯได้ทราบข้อมูลสำคัญของช่องทางการกระทำผิดในธุรกิจนอมินีว่า ปัจจุบันธุรกิจของชาวต่างชาติที่ต้องการจะใช้คนไทยเป็นนอมินีได้ขยายการลง ทุนไปสู่จังหวัดที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือชายแดนไทยที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน จากเดิมจะเน้นที่การประกอบธุรกิจในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเท่า นั้น

ดังนั้นขอเตือนคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศ ไทยอย่างหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งจะต้องได้รับโทษหนักคือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 – 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน

 

ทีมโฆษก คสช. แจงปราบมาเฟีย ไร้วาระทางการเมืองแอบแฝง ตาม "จตุพร" ตั้งข้อสังเกต ย้ำยึดกฎหมายอย่างเท่าเทียม

พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ส่วนงานรักษาความสงบ คสช. และทีมโฆษก คสช. เปิดเผยว่าการดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในการดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อทำให้ประชาชนปลอดภัย ที่กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องโดยดำเนินการกับ 16 กลุ่มความผิดอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งหากมีข้อมูลมาจากประชาชนในพื้นที่พาดพิงถึงใคร และมีหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด พร้อมยืนยันไม่มีเรื่องการเมือง ร่างรัฐธรรมนูญ ประชามติแอบแฝง ตามที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ตั้งข้อสังเกตแต่อย่างใด

พ.อ.ปิยพงศ์ ยังได้เรียกร้องเชิญชวนให้ประชาชนแจ้งเบาะแส หรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุดด้วย

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับ เรียกนายตำรวจยศพลตำรวจโท เกี่ยวข้องผู้มีอิทธิพลมาพูดคุยแล้ว แต่ยืนยันว่าจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะที่ พลตำรวจเอกศรีวราห์ ระบุมีนายตำรวจยศพลตำรวจโทมากกว่า 1 นายอยู่ในบัญชีผู้มีอิทธิพล

พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับได้เรียกนายตำรวจยศพลตำรวจโทที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีผู้มีอิทธิพลมาพูดคุยแล้ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบในรายละเอียดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องตามที่มีการร้องเรียนหรือไม่ เนื่องจากบางข้อมูลอาจจะเป็นข้อมูลเก่า และจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่หากพบว่ามีความผิดเกี่ยวข้องกับ 16 มูลฐาน ก็จะดำเนินการทางวินัยและอาญา

ส่วนจำนวนและยศของตำรวจจะมีมากน้อยเพียงใด ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด เนื่องจากเป็นความลับ

ด้าน พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ระบุว่า ขณะนี้ได้ตรวจสอบรายชื่อผู้มีอิทธิพล 6,000 รายชื่อ ที่ทางรัฐบาลได้ส่งมาให้ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยอมรับว่ามีนายตำรวจยศพลตำรวจโทมากกว่า 1 นาย ลงไปถึงตำรวจชั้นผู้น้อย รวมประมาณ 200 นาย ยืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง พร้อมกับระบุว่ายังไม่มีนายตำรวจคนใดมาวิ่งเต้นในการขอถอนรายชื่อออกจากบัญชีผู้มีอิทธิพล

ข่าว 7 สี - ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยอมรับได้เรียกนายตำรวจยศพลตำรวจโทที่มีรายชื่อเป็นผู้มีอิทธิพลเข้ามาพูดคุย หากพบว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับ 16 มูลฐานความผิดก็จะดำเนินการทางวินัยและอาญา

พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่าได้เชิญนายตำรวจยศพลตำรวจโทที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีผู้มีอิทธิพลมาพูดคุยแล้ว โดยจะต้องมีการตรวจสอบในรายละเอียดว่า มีความเกี่ยวข้องตามที่มีการร้องเรียนหรือไม่ เนื่องจากบางข้อมูลอาจเป็นข้อมูลเก่า ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่หากพบว่ามีความผิดเกี่ยวข้องกับ 16 มูลฐานความผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการทางวินัยและอาญา

ขณะที่พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบรายชื่อกว่า 6,000 รายชื่อที่ คสช.ส่งมาให้ในจำนวนนี้มีรายชื่อข้าราชการตำรวจกว่า 200 รายชื่อ ยืนยันว่าจะไม่มีการกลั่นแกล้งตรวจสอบไปตามพยานหลักฐานเท่านั้น

ทหารมณฑลทหารบกที่ 26 จ.บุรีรัมย์ ซักซ้อมกำลังพล เพื่อสนับสนุนการกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล

 

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)กล่าวถึงความคืบหน้าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลว่า เป็นที่พอใจ ทุกกองบัญชาการได้เอาตำรวจที่มีรายชื่อเกี่ยวข้องผู้มีอิทธิพล 16 ฐานความผิดออกจากพื้นที่มาช่วยราชการที่แต่ละกองบัญชาการแล้วเพื่อความสบายใจของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตำรวจที่ถูกย้ายมีประมาณเกือบ 100 นายโดยใครที่มีชื่อจะถูกเรียกให้ออกนอกพื้นที่มาช่วยราชการทั้งหมด ต้องควบคุมความประพฤติดูแลไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.)เป็นดูแลเรื่องนี้พร้อมเดินหน้าปราบปรามมือปืนรับจ้างและผู้มีอิทธิพลต่อเนื่อง

"สำหรับตำรวจที่มีชื่อพัวพัน 16 ฐานความผิดเช่น เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรียกรับผลประโยชน์ หากตรวจสอบแล้ว มีความประพฤติดี ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก ก็ให้โอกาสกลับเข้ามาทำงานได้ เบื้องต้นให้ย้ายออกนอกพื้นที่ก่อนพร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะถ้าย้ายออกมาเฉยๆ พอกลับไปก็เป็นเหมือนเดิมอีก ถ้าใครที่เลิกพฤติกรรมไม่ดีแล้วต้องให้ความเป็นธรรมเขา ราบชื่อส่วนใหญ่เป็นตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคต่างๆ ส่วนกลางยังไม่มี การปราบปรามครั้งนี้มีแม่ทัพภาคเป็นเจ้าภาพ แม่งานซึ่งจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันใครทำผิดก็ว่ากันไปตามความผิด ยืนยันไม่เข้าข้างตำรวจด้วยกันแน่นอน " ผบ.ตร.กล่าวในตอนท้าย

สำหรับมาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพล วันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งย้ายตำรวจที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลออกนอกพื้นที่ประมาณ 100 นาย

โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)กล่าวว่า ที่ผ่านมาพอใจ ทุกกองบัญชาการที่ได้นำตำรวจที่มีรายชื่อเกี่ยวข้องผู้มีอิทธิพล 16 ฐานความผิดออกจากพื้นที่มาช่วยราชการที่แต่ละกองบัญชาการ เพื่อความสบายใจของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตำรวจที่ถูกย้ายมีประมาณเกือบ 100 นาย โดยใครที่มีชื่อจะถูกเรียกให้ออกนอกพื้นที่ทั้งหมด โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดูแล

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำรวจที่มีชื่อพัวพัน 16 ฐานความผิดเช่น เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรียกรับผลประโยชน์ หากตรวจสอบแล้ว มีความประพฤติดี ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก ก็ให้โอกาสกลับเข้ามาทำงานได้ รายชื่อส่วนใหญ่เป็นตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคต่างๆ ส่วนกลางยังไม่มี การปราบปรามครั้งนี้มีแม่ทัพภาคเป็นเจ้าภาพ

ผบช.ภ.7สั่งย้าย4ตำรวจเอี่ยวมาเฟีย

ขณะเดียวกัน วันนี้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค7 กล่าวว่า ขณะนี้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีการสั่งย้ายนายตำรวจระดับชั้นประทวน และระดับรองสารวัตร เบื้องต้นทั้งหมดมีด้วยกัน 4 นาย ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลเข้าข่ายมีความผิดตาม 16 ฐานความผิด ในการเรียกรับสินบนจากสถานบริการ โรงงาน ร้านค้า สถานประกอบการต่างๆ และลักลอบนำคนเข้าออกและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค(ศปก.ภ.) ซึ่งลงคำสั่งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ภาค 7 มีนายตำรวจระดับไหนบ้าง พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นนายตำรวจระดับชั้นประทวน และรองสารวัตร ส่วนนายตำรวจระดับที่ใหญ่กว่านี้ ยังไม่พบความผิด ส่วนฐานความผิดที่ตรวจพบส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการรับสินบน การปล่อยปละละเลยมากกว่า

เปิด"16พฤติการณ์"เข้าข่ายเป็นมาเฟีย

ขณะเดียวกันวันนี้ (16มี.ค.) เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล ในหน้าคลังภาพอินโฟกราฟฟิก
(http://www.thaigov.go.th/index.php/th/new-photos/infographic/infographic/infographic-72053) ได้เผยแพร่ภาพอินโฟกราฟฟิก “16 พฤติการณ์ที่เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล” ซึ่งจัดทำโดยสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.) ที่ระบุที่มาของข้อมูลว่ารวบรวมมาจากศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับ จ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอร.ตร.)โดย16พฤติการณ์ที่ว่ามีดังนี้

1.นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ
2.ฮั๊วประมูลงานราชการ
3.หักหัวคิวรถรับจ้าง
4.ขูดรีดผู้ประกอบการ
5.ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี
6.เปิดผ่อนการพนัน
7.ลักลอบค้าประเวณี
8.ลักลอบนำคนเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย
9.ล่อลวงแรงงานไปยังต่างประเทศ
10.แก๊งต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว
11.มือปืนรับจ้าง 12.รับจ้างทวงหนี้ด้วยการข่มขู่ใช้กำลัง
13.ลักลอบค้าอาวุธสงคราม/ปืน เถื่อน
14.บุกรุกที่ดินสาธารณะ
15.เรียกรับผลประโยชน์บนเส้นทางหลวง สาธารณะ
16.ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ในส่วนของตำรวจว่าหลังจากได้รับรายชื่อตำรวจที่เกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพล แล้ว ได้สั่งย้ายออกนอกพื้นที่ 100นาย ตั้งกรรมการสอบเพื่อควบคุมดูแล ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่กลับใจ ในขณะที่ตำรวจภูธรภาค 7 สั่งเด้งตำรวจ 4 นายเกี่ยวข้องกับมาเฟียหลังพบกระทำความผิดรับสินบนและละเลยหน้าที่

ความคืบหน้านโยบายการปราบปรามผู้มีอิทธิพล วานนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าเป็นที่น่าพอใจ หลังจากทุกกองบัญชาการย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลใน 16 ฐานความผิด ออกจากพื้นที่ให้ไปช่วยราชการแล้ว เพื่อความสบายใจของประชาชน

โดยตำรวจที่ถูกย้ายมีประมาณ 100 นาย ต้องควบคุมความดูแลไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มมาเฟียอีก ซึ่งได้มอบหมายให้ พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ เพื่อเดินหน้าปราบปรามมือปืนรับจ้างและผู้มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะถ้าย้ายออกมาเฉยๆ เมื่อกลับไปก็เป็นเหมือนเดิมอีก แต่หากกลับตัวก็มีโอกาสกลับเข้าทำงาน ใครที่เลิกพฤติกรรมไม่ดีแล้วต้องให้ความเป็นธรรม

พลตำรวจเอกจักรทิพย์ กล่าวอีกว่า รายชื่อส่วนใหญ่เป็นตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธร ในขณะที่สังกัดส่วนกลางยังไม่มี โดยการปราบปรามครั้งนี้มีแม่ทัพภาคเป็นเจ้าภาพ บูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยยืนยันว่าไม่เข้าข้างตำรวจด้วยกันแน่นอน

ย้ายตำรวจมาเฟีย 100 นาย นายกฯ เน้นให้ความเป็นธรรมหากกลับตัว

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการระแวงกันว่านโยบายปราบปรามผู้มิทธิพลจะซูเอี๋ย ซึ่งมันไม่ใช่ หากใครที่มีรายชื่อก็ต้องสอบสวนทั้งหมด ถ้ามีความผิดต้องถูกลงโทษ ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด ไม่ใช่โยนความผิด ยืนยันว่าทุกอย่างต้องจริงจังเกิดผลเป็นรูปธรรม และให้ความเป็นธรรม เพราะศาสนาพุทธสอนว่า องคุลีมาลตัดนิ้ว ถ้าทำดีก็ให้อภัย

ภาค 7 เด้งตำรวจรับสินบน พื้นที่ จ.กาญจนบุรี 4 นายเกี่ยวพันมาเฟีย

ในขณะที่ พลตำรวจโทชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูภาค7 เปิดเผยว่า ได้ลงนามในคำสั่งย้ายนายตำรวจระดับชั้นประทวน และระดับรองสารวัตร เบื้องต้น 4 นาย หลังพบว่าเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลตาม 16 ฐานความผิด ในการเรียกรับสินบนจากสถานบริการ โรงงาน ร้านค้า สถานประกอบการต่างๆ และลักลอบนำคนเข้าหรือออกเมืองผิดกฎหมาย ในพื้นที่ จังหวัดกาญจนบุรี มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 ตั้งแต่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา

พลตำรวจโทชาญเทพ กล่าวด้วยว่า นายตำรวจระดับชั้นประทวน และรองสารวัตร ที่ถูกย้ายครั้งนี้ ส่วนมากเกี่ยวพันกับการรับสินบน และการละเลยหน้าที่

รัฐบาลทำอินโฟกราฟฟิค เว็บทำเนียบฯ แจง16 พฤติการณ์มาเฟีย

นอกจากนี้ เวบไซต์ทำเนียบรัฐบาล ได้จัดทำอินโฟกราฟฟิก เผยแพร่ 16 พฤติการณ์ที่เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งจัดทำโดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) จากข้อมูลของศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วย 1.นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ 2.ฮั้วประมูลงานราชการ 3.หักหัวคิวรถรับจ้าง 4.ขูดรีดผู้ประกอบการ 5.ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี 6.เปิดบ่อนการพนัน 7.ลักลอบค้าประเวณี 8.ลักลอบนำคนเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย 9.ล่อลวงแรงงานไปยังต่างประเทศ 10.แก๊งต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว 11.มือปืนรับจ้าง 12.รับจ้างทวงหนี้ด้วยการข่มขู่ใช้กำลัง13.ลักลอบค้าอาวุธสงคราม ปืนเถื่อน 14.บุกรุกที่ดินสาธารณะ15.เรียกรับผลประโยชน์บนเส้นทางหลวงสาธารณะ 16.ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ตำรวจยังคงเดินหน้าปราบปรามผู้มีอิทธิพลโดยเฉพาะตำรวจที่เข้าไปพัวพัน ล่าสุด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ออกมาเปิดเผยว่ามีคำสั่งให้ออกตำรวจ 2 นาย เป็นชั้นประทวนและสัญญาบัตร หลังจากพบว่าพัวพันบ่อนการพนันและค้าอาวุธสงคราม ส่วนอีก 17 รายที่เกี่ยวขอ้งกับผู้มีอิทธิพล ให้มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 3

พลตำรวจโททวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า จากากรคัดกรองตำรวจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รับผิดชอบ 8 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง พบว่า มีชื่อปรากฏในบัญชีรวม 30 ราย บางรายเสียชีวิตและย้ายถิ่นฐาน

ล่าสุดคงเหลือ 17 ราย ซึ่งมีทั้งนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรและประทวน จึงมีคำสั่งให้มาช่วยราชการประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา เป็นเวลา 30 วัน ส่วนใหญ่ มีฐานความผิดเกี่ยวข้องยาเสพติด บ่อนการพนัน และค้าอาวุธปืน

นอกจากนี้ได้มีคำสั่งให้นายตำรวจสัญญาบัตร 1 นาย และประทวน 1 ราย ออกจากราชการ โดยมีพยานหลักฐานระบุความผิดเกี่ยวกับบ่อนการพนันและคดีค้าอาวุธสงครามจึง ให้ดำเนินคดีอาญาอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม รายชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปรากฏอยู่ในกลุ่มผู้มีอิทธิพล ถือเป็นส่วนน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนกำลังพลกว่า 1.5 หมื่นคน ที่สังกัดสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 ฝากเตือนเจ้าหน้าที่ อย่าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลโดยเด็ดขาด หากมีหลักฐานชัดเจน จะต้องรับกรรมโดยถูกดำเนินการตามกระบวนการขั้นเด็ดขาด โดยไม่ไว้หน้าใคร

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO กำหนดให้ วันที่ 21 มีนาคม เป็นวันป่าไม้โลก สำหรับประเทศไทย มีข้อมูลเรื่องสถานการณ์ป่าไม้ว่าเข้าขั้นวิกฤติ จนปัจจุบันเหลือป่าไม้เพียงแค่ร้อยละ 32 หรือเพียง 102 ล้านไร่ของพื้นที่ประเทศ คุณสมชัย มาเสถียร รองอธิบดีกรมป่าไม้ ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวี ถึงสถานการณ์ป่าไม้ไทย

 

ดีเอสไอสั่งฟ้องผู้ต้องหา19ราย ฐานบุกรุกที่ป่าสงวนกว่า720ไร่ในเขตอ.เขาค้อ-อ.หล่มเก่าจ.เพชรบูรณ์

วันนี้(24 มี.ค.59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพ.ต.ท.ศักกพล สุขปาน รองผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงผลการปราบปรามผู้บุกรุกที่ดินบริเวณป่าสงวนในอำเภอเขาค้อและอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื้อที่รวมกว่า 720 ไร่ สั่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว 19 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า30ล้านบาท

โดยในพื้นที่ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ดีเอสไอได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้วรวม 14 ราย คือ กลุ่มนายทุนภาคใต้ 8 ราย ร่วมกับเจ้าพนักงานของรัฐ ฝ่ายปกครองและกรมที่ดินอีก 6 ราย ที่มีการซื้อและออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ 25 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 700 ไร่ ทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้าและป่าภูเรือ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์โซนซี เพื่อนำที่ดินดังกล่าวไปแผ้วถางและปลูกยางพารา ทั้งที่ที่ดินดังกล่าวอยู่ในหลักเกณฑ์ต้องห้ามตามกฏหมาย คืออยู่ในเขตป่าสงวน อยู่ในเขตภูเขาที่มีความลาดชันเกินร้อยละ 35และมีที่ดิน 14 แปลงออกโฉนดทับลำหวยและทางสาธารณประโยชน์ และบางแปลงออกโฉนดเกินกว่าพื้นที่ทำประโยชน์

ปฏิบัติการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่
2016/03/24 6:43 PM

เชียงราย 24 มี.ค.-ทีมข่าวสำนักข่าวไทย ลงพื้นที่เกาะติดเปิดปฏิบัติการขุดรากถอนโคนเครือข่ายนายวีระ หมื่นจะดา เครือข่ายยาเสพติดใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ สามารถยึดอายัดทรัพย์สินจากการฟอกเงินค้ายาเสพติดได้มากกว่า 100 ล้านบาท และยังพบว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับกองกำลังว้า.-สำนักข่าวไทย

http://www.tnamcot.com/content/431748

ดีเอสไอ ร่วมกับกรมป่าไม้ ตรวจสอบการออกโฉนดทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติ ลำห้วย และทางสาธารณะประโยชน์ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 29 ล้านบาท รื้อรีสอร์ทเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ รับเป็นคดีพิเศษแล้ว 7 คดี เตรียมสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ 6 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

พันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกกรีมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงผลการสนธิกำลังร่วมกับกรมป่าไม้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่การแผ้วถางปลูก ยางพาราในพื้นที่ ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์โซนซี พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 บี และพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 2 เนื้อที่ประมาณ 700 ไร่ และมีการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ” ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เหตุเกิดในพื้นที่บ้านหนองเขียว หมู่ 9 คาบเกี่ยวกับบ้านซำบุ่น หมู่ 11โดยดีเอสไอ สรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้กระทำผิด 14 ราย ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 6 ราย

สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2547 ถึง 2548 กลุ่มผู้ต้องหา 8 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มทุนในพื้นที่ภาคใต้มีความสนใจที่ดินในพื้นที่ภาคเหนือ หรือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อปลูกยางพารา ซึ่งต่อมาได้รู้จักกับอดีตกำนันในพื้นที่ อำเภอเขาค้อ ทำหน้าที่นายหน้าขอซื้อที่ดินมือเปล่าจากชาวบ้านโดยการตรวจสอบบริเวณนี้ถือ เป็นพื้นที่ต้องห้ามตามกฎหมาย ไม่สามารถออกโฉนดได้ เพราะอยู่ในพื้นที่เขตเขาลาดชันเกิน 35องศา นอกจากนี้บางส่วนยังอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศมีการออกทับลำห้วยและทางสาธารณะประโยชน์ ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ ทั้งนี้คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 29 ล้านบาท

พันตำรวจตรีวรณัน กล่าวอีกว่า ดีเอสไอยังได้ทำการปราบปรามรีสอร์ทในพื้นที่โครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็กซึ่ง อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาปางก่อและป่าวังชมภู อำเภอเขาค้อ โดยพบมีการก่อสร้างอาคารและบ้านพักตากอากาศจำนวนหลายแห่ง เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการรับเป็นคดีพิเศษแล้ว 7 คดี เนื้อที่รวมกว่า 20 ไร่ ขณะนี้สอบสวนแล้วเสร็จ 5 คดีพร้อมสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่พบว่ามีการเข้าไปยึดครองที่ดินหลังมีประกาศเขต ป่าสงวนแห่งชาติ

DSI ร่วมกับ กรมป่าไม้ ปราบปรามผู้บุกรุกป่าสงวน เนื้อที่กว่า 700 ไร่ ในจังหวัดเพชรบูรณ์ วันที่ 24 มีนาคม พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ ชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัฆไพร กรมป่าไม้ พ.พวษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ ศปป.๔ กอ.รมน. ตรวจสอบพื้นที่การแผ้วถาง ปลูกยางพาราในพื้นที่ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์โซนซี ( C ) เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 บี (B) และพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 2 มีเนื้อที่ประมาณ 1,500 ไร่ เศษ และมีการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เหตุเกิดในพื้นที่บ้านหนองเขียว หมู่ที่ 9 คาบเกี่ยวกับบ้านซำบุ่น หมู่ที่ 11 ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์

 

ถ้าเพิ่มขนมาด้วย มิต้องร้อง "สุขา อยู่หนใด" เหรอครับ

 

พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดปฏิบัติการณ์ทวงคืนป่าต้นน้ำจังหวัดน่าน หลังพบมีนายทุนบุกรุกกว่า 1 หมื่นไร่ ย้ำต้องดำเนินคดีกับนายทุนอย่างเด็ดขาด

พื้นที่ป่าที่โล่งเตียน คือภูเขาที่ถูกบุกรุกตัดไม้กว่า 7,800 ไร่ เป็นป่าต้นน้ำในอำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ที่ถูกบุกรุกจนเกิดปัญหาภัยแล้ง ยังพบมีการสร้างเพิงพักหลายแห่ง รวมทั้งมีถนนตัดผ่านกลางสันเขา หลังจากบินสำรวจแล้ว พลตำรวจเอกศรีวราห์ ยังเรียกประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจและทำการร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ที่บุกรุกพื้นที่ป่าต้นน้ำน่าน จากการตรวจสอบพบว่า มีนายทุนเข้ามาบุกรุกถือครอง โดยปรับพื้นที่ทั้ง 7,000 กว่าไร่ปลูกยางพาราแทน ซึ่งต้องมีการบังคับใช้กฎหมายและจะต้องติดตามจับกุมตัวผู้ที่บุกรุกถือครองพื้นที่ป่าของรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพล

จากข้อมูลของกรมป่าไม้ยังพบว่า มีคดีที่อยู่ในระหว่างดำเนินคดีอีกกว่า 2,000 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดน่าน และพบการบุกรุกรวมกว่า 10,000 ไร่ หากคดีถึงที่สุด เจ้าหน้าที่จะทำการตัดทำลายสวนยางและเร่งฟื้นฟูผืนป่าต้นน้ำ เพื่อแก้ปัญหาความแห้งแล้งอย่างยั่งยืน

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ให้ ทหารที่มียศตั้งแต่ร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรีขึ้นไป เป็นเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามบุคคล ที่ทำความผิด หรือ มีเหตุอันควรสงสัยว่าทำผิด เช่น ข่มขืนใจ โดยทำให้กลัวว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง ทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น แสดงตนให้บุคคลอื่นเกรงกลัว ไม่กล้าร้องเรียนเพราะเกรงอันตราย

ทหารยศร้อยตรี ออกคำสั่งเรียกให้มารายงานตัว หรือมาให้ถ้อยคำ ส่งมอบเอกสารหลักฐาน จับกุมตัวบุคคลที่ทำความผิดซึ่งหน้า และควบคุมผู้ถูกจับนำส่งพนักงานสอบสวน ทำหน้าที่ ช่วยเหลือ สนับสนุน หรือเข้าร่วมในการสอบสวนกับพนักงานสอบสวน รวมถึงเข้าไปในเคหะสถานหรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจค้น บุคคลหรือยานพาหนะใดๆ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัย หรือมีเหตุอันควรเชื่อว่า อาจจะช้ากว่า จะเอาหมายค้นมาได้ จนทำให้บุคคลนั้นหลบหนี ทรัพย์สินถูกโยกย้าย ก็สามารถยึดหรืออายัดทรัพย์สิน และทำการอื่นที่ คสช.มอบหมาย

นอกจากนี้ การที่นำผู้มีอิทธิพล ที่ดำรงชีพด้วยการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ค้ายาเสพติด เป็นเจ้ามือพนัน มีพฤติการณ์ซ่องสุมอาวุธ รับประโยชน์ต่างๆ ที่ผิดกฎหมาย มาดำเนินคดีมีความยุ่งยาก ซับซ้อน หรืออาจเกิดความเสี่ยงภัยต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องกำหนดกระบวนการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาญาที่มีลักษณะดังกล่าวเป็นพิเศษ

"ประวิตร"ยืนยันตำรวจไม่เพียงพอปราบมาเฟีย

วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุม ผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ครั้งที่ 4 ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม -1 เมษายน 2559

ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามเรื่องคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ให้อำนาจทหารปราบมาเฟีย กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้า คสช. โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวสั้นๆว่าใช้ทหารดำเนินการปราบมาเฟีย เพราะจำนวนตำรวจไม่เพียงพอ

คสช.ตั้ง "ทหาร" ปราบมาเฟีย ให้อำนาจ "ร้อยตรี" จับกุม-ค้น-ยึดทรัพย์

ข่าว 7 สี - ตำรวจบุกทลายเครือข่ายโต๊ะพนันบอลออนไลน์ 18 จุด ทั่วประเทศ มีการถ่ายทอดสดปฏิบัติการส่งเข้า "วอร์รูม" เพื่อวางแผนบัญชาการอย่างใกล้ชิด ติดตามจากรายงาน

ภาระกิจครั้งนี้เป็นหนึ่งใน "ปฎิบัติการไพร่ฟ้าหน้าใส" ภาคโอเปอเรชัน โบรกเกอร์ หรือ "ปฏิบัติการแตกหัก โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ถ่ายทอดสดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมเครือข่ายเว็บไซต์พนันฟุตบอลออนไลน์ชื่อดัง 6 เว็ปไซต์ มีเป้าหมาย 18 จุด ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งเซิร์ฟเวอร์, ที่ตั้งบริษัทเว็บไซต์คอลเซ็นเตอร์, บ้านพักเจ้าของ และเครือข่ายเว็บไซต์รวมทั้งจุดเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต จากฝั่งไทยไปยังกัมพูชา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตัดการเชื่อมต่อให้ใช้การไม่ได้

ตำรวจบอกว่า ในเว็บไซต์พนันฟุตบอลออนไลน์บางเว็บ มีคนเข้าไปเล่นพนันวันละไม่ต่ำกว่า 100,000 ราย โดยตั้งสำนักงานอยู่ในบ่อนกาสิโนฝั่งกัมพูชาแล้วเชื่อมสัญญาณอินเทอร์เน็ตกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในไทย ให้บริการนักพนันเพราะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า หลังจากถูกตำรวจกดดัน จนโต๊ะพนันต้องย้ายฐานไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านแต่ก็มีเครือข่ายบางส่วนที่ยังลักลอบเปิดในไทย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย

หลังจากตัดระบบเซิร์ฟเวอร์ก็ทำให้เว็บไซต์ใช้การไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะเดินหน้าตรวจสอบติดตาม หากพบเว็ปไซต์พนันในโลกออนไลน์อีก ก็จะตามตัดระบบให้ถึงที่สุด

เอกชัย วีระพัฒน์ ถ่ายภาพ อภิเอก บัลลังก์โพธิ์ ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน

ขณะที่การเดินหน้ามาตรการปราบมาเฟียหลังมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจเต็มในการดำเนินการในขณะนี้ มีรายงานว่า พบข้อมูลว่ามีตำรวจบางนายเป็นผู้มีอิทธิพลเองจนทำลายหลักฐานและไหวตัวทัน

มีรายงานข่าวเปิดเผยถึงเบื้องหลังการออกคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้อำนาจเต็มกับเจ้าหน้าที่ทหารในการแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียว่า เนื่องจากการปฏิบัติการร่วมระหว่างฝ่ายทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ที่่ผ่านมา เมื่อลงมือปฏิบัติการจริงแล้ว ฝ่ายทหารที่เป็นกำลังหลักของ คสช. พบอุปสรรคว่า หลายจุดผู้มีอิทธิพลที่แท้จริงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เมื่อฝ่ายปฏิบัติการ 3 ฝ่ายมีการประชุมลับเพื่อกำหนดจุดว่าจะปฏิบัติการจุดไหน เมื่อไหร่ ก็จะมีข้อมูลรั่วไปล่วงหน้า ทำให้ตำรวจบางคนในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลด้วย รู้ว่ากำลังจะถูกปฏิบัติการกวาดล้าง ก็ไหวตัวทันและไปทำลายหลักฐาน ทำให้หลายปฏิบัติการไม่สำเร็จ

รายงานระบุว่า/ เพื่อให้การทำงานปราบมาเฟียบรรลุเป้าหมาย ฝ่ายทหารจึงเสนอไปยัง คสช. ให้หาทางช่วยกำจัดอุปสรรคที่มีตำรวจร่วมปฏิบัติการออกไป ไม่เช่นนั้นข้อมูลก็จะรั่วอยู่เช่นเดิม และเมื่อมีคำสั่ง คสช.ให้อำนาจทหารดำเนินการแบบนี้ เชื่อว่าอนาคตจะได้เห็นการจับกุมผู้มีอิทธิพลที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยก็เป็นได้

 

กรมป่าไม้ ดีเดย์ส่งแผนที่ถึงมือผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมชี้เป้านายทุนรุกป่า 6 ล้านไร่ทั่วประเทศ โดยปีนี้กระทรวงมีเป้าหมายทวงคืนป่าอีก 2 แสนไร่

ร่มชายหาด และเตียงผ้าใบที่วางเรียงราย ริมชายหาดเกาะไข่ อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เสียทัศนียภาพด้านการท่องเที่ยว

ไม่นับรวมเรือนำเที่ยว ที่คอยรับส่งนักท่องเที่ยวอีกหลายสิบลำ ที่ไปจอดอยู่บริเวณแนวชายหาด จนทำให้แนวปะการังในบริเวณนี้ ถูกใบพัดเรือจนเสียหาย อีกทั้งทางจังหวัดยังเกรงว่า นักท่องเที่ยวจะเกิดอันตราย และไม่ปลอดภัยขณะลงเล่นน้ำ

จังหวัดพังงา จึงมีแนวคิดที่จะจัดระเบียบแนวชายหาดเกาะไข่ ให้มีความสวยงาม โดยจะนำทุ่นยางไปวางให้เป็นแนว แยกให้ชัดเจนว่าจุดไหนสำหรับให้นักท่องเที่ยวเล่นน้ำ จุดไหนสำหรับจอดเรือ เพราะที่ผ่านมายังมีผู้ประกอบการบางคนที่เห็นแก่ได้ ไม่ยอมทำตามกฎระเบียบ แม้จะมีการนำป้ายแจ้งเตือนไปติดไว้แล้วก็ตาม

เช่นเดียวกับที่หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต แม้จะมีการจัดระเบียบชายหาดไปเมื่อปีที่แล้ว โดยมีข้อตกลงร่วมกัน จัดพื้นที่ให้กลุ่มคนยากจน เข้ามาใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพได้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นของพื้นที่หาดทั้งหมด เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับพักผ่อนของนักท่องเที่ยวและมีความเป็นระเบียบ ไม่บดบังทัศนียภาพที่สวยงาม

หลังจากนี้มีการคาดหวังว่า พื้นที่แนวชายหาดทะเลอันดามัน ทั้งที่จังหวัดภูเก็ต และพังงา จะกลับมาเป็นระเบียบมากขึ้น และเป็นภาพที่ดีในสายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

ข่าว 7 สี - ตำรวจ-ทหาร กวาดล้างปราบปรามผู้กระทำผิดใน 16 ฐานความผิดในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคเหนือ ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้ผู้ต้องหา และ ของกลางจำนวนมาก

พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร, ปปส.ภาค 5, เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงผลการกวาดล้างปราบปรามผู้กระทำความผิดใน 16 ฐานความผิด ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม ถึง 4 เมษายน 2559 ตามนโยบายรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในพื้นที่จังหวัดแพร่ ,น่าน ,ลำปาง และตำรวจทางหลวง ได้ผู้ต้องหา 446 คน ยาบ้า 657,899 เม็ด, ไอซ์ 3 กิโลกรัม, อาวุธปืน 125 กระบอก, ไม้สัก, ไม้ชิงชัน และ เครื่องเลื่อยยนต์

ตำรวจ บอกว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย จะสนธิกำลัง เข้ากวาดล้างตามยุทธการระงับภัยให้กับประชาชน ซึ่งมีข้อหาที่ต้องปฎิบัติการ 10 ฐานความผิด และ เตรียมความพร้อมดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะปฏิบัติการต่อเนื่อง ในทุกๆ 10 วัน

 

รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตลงพื้นที่ตรวจสอบเกาะนาคาน้อย ภายหลังที่ ครอบครัว "หิรัญพฤกษ์" ออกมาระบุว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์เตรียมเข้ามาแผ้วถางพื้นที่บนเกาะ และข่มขู่

ตรวจสอบกรณี เกาะนาคาน้อย ล่าสุดจะเป็นอย่างไร สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ คุณโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต

ข่าว 7 สี - กรมป่าไม้ ห้ามปรับพื้นที่ แผ้วถางป่าที่ดิน 24 ไร่ บนเกาะนาคาน้อย จังหวัดภูเก็ต เพราะอยู่ระหว่างตรวจสอบการครอบครองเอกสารสิทธิ์

นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเกาะนาคาน้อย จังหวัดภูเก็ต พบเป็นป่าสมบูรณ์ และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบการครอบครอง และจะขอความร่วมมือให้ชะลอการปรับ และแผ้วถางพื้นที่ที่อ้างการครอบครองเอาไว้ก่อน เพราะถ้าผลสอบออกมาว่า บริษัทครอบครองที่ดิน โดยมิชอบด้วยกฎหมายก็จะมีความผิดข้อหาบุกรุกแผ้วถาง ทำให้เสียสภาพพื้นที่ป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484

แม้ว่าเกาะนาคาน้อย ยังไม่ได้ประกาศพื้นที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติหรือเป็นป่าใดๆ ตามมติ ครม.แต่พื้นที่ยังมีสภาพเป็น "ป่าสมบูรณ์" และยังต้องตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ จึงถือเป็น"ป่า"ที่กรมป่าไม้ ต้องดูแล นอกจากนี้ บนพื้นที่เกาะนาคาน้อยมีรังนกเงือกเก่า และต้นไม้ขนาดใหญ่ด้วย

ส่วนในอนาคต จะประกาศเป็นเขตป่าตามกฎหมายได้หรือไม่ ยังต้องสำรวจทางวิชาการอย่างละเอียด ดูสภาพพื้นที่ ทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่าทั้งหมด

สำหรับประเด็น"หนังสือรับรองการทำประโยชน์" หรือ นส.3 ก.ที่บริษัทนี้ถือครอง บนเกาะนาคาน้อย ที่ดินที่จะออก นส.3 ได้ ต้องไม่ใช้ที่ดินที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน อาทิ ที่ภูเขา ที่เกาะ แต่กรณีนี้ ถึงอยู่บนเกาะ แต่เป็นที่ดินของผู้มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน แม้ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ที่ดินแต่มีเอกสารสิทธิ์

ข่าว 7 สี - กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บุกจับนายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนผืนที่สมบูรณ์ที่สุดในจังหวัดระนองกว่า 1,400 ไร่

สำนักการบินอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ขึ้นบินสำรวจพื้นที่ป่าชายเลน ป่าสงวนแห่งชาติ คลองหัวเขียว และป่าคลองสุย กลางอำเภอเมือง จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด พบทั้งการบุกรุกของกลุ่มนายทุน และการทิ้งน้ำเสียลงทะเลจำนวนมาก

จากการบินสำรวจพบ บ่อกุ้งขนาดใหญ่ ใกล้กันเป็นโรงงานปลาป่นและฟาร์มเลี้ยงหมู บุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน ป่าสงวนแห่งชาติเข้าไปกว่า 1,400 ไร่ และยังพบคราบน้ำเสียที่ถูกปล่อยจากโรงงานและฟาร์มเลี้ยงหมู ลงสู่ทะเลโดยตรง

พื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกบุกรุก มีทั้งป่าผืนเก่าและผืนใหม่ ถึงแม้คณะรัฐมนตรี มีมติห้ามใช้ประโยชน์ทำกินในพื้นที่ป่าชายเลนทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2534 โดยตัดสินผู้ที่เคยครอบครองที่ป่าห้ามทำกิน แต่จนวันนี้ยังมีการฝ่าฝืน ทั้งๆ ที่ทราบดีว่าผิดกฎหมาย

นายปัญญา หนูพงษ์ เจ้าของบ่อกุ้ง ยอมรับว่า ทำผิดกฎหมายแต่ได้ลงทุนเลี้ยงกุ้งไปมาก

ส่วนโรงงานปลาป่น แม้จะอ้างมีเอกสารสิทธิ์ครอบครองผืนป่าถูกต้องแต่ก็ไม่รอดถูกดำเนินดคีโทษฐานปล่อยน้ำเสียลงทะเล ปล่อยกลิ่นรบกวนทำลายสภาพแวดล้อม และต้องพิสูจน์เอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินต่อไป

ทุกกิจการที่พบทำผิด เจ้าของนายทุนถูกจับยึดคืนผืนป่าสงวน ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 และพระราชบัญญัติป่าสงวน พ.ศ.2507 อย่างไม่ละเว้นโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี ปรับ 2 แสนบาทหรือทั้งจำและปรับ ทีมข่าวสังคม รายงาน

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดกำลังออกยึดคืนที่ดินป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่ถูกครอบครองทำนากุ้งมานานหลายสิบปี ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดระนอง โดยพบว่าบางรายไม่ได้รับการต่อใบอนุญาต แต่ยังลักลอบทำบ่อกุ้งมาอีกหลายปี

 

กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เกี่ยวกับเกาะนาคาน้อย ที่จังหวัดภูเก็ต หลังพี่ชายนักแสดงหนุ่ม ภูริ หิรัญพฤกษ์ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ว่ามีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง พยายามที่จะเข้าปรับภูมิทัศน์ผืนป่าบนเกาะนาคาน้อยจำนวน 24 ไร่ ทั้งที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ว่าได้มาถูกต้องหรือไม่ จากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ หวั่นกระทบสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ เพราะเป็นแหล่งอยู่อาศัยของนกเงือก และสัตว์นานาชนิด

ข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ในเฟสบุ๊กส่วนตัวของนายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์หรือหนุ่ย พิธีกรชื่อดัง พี่ชายนายภูริ หิรัญพฤกษ์ ดารานักแสดง โดยเรียกร้องให้พลังโซเชียล ช่วยกันแชร์ข้อความดังกล่าวฝากถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หลังจากวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา พบมีกลุ่มชายฉกรรจ์ จากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง พกอาวุธครบมือ เข้ามายังเกาะนาคาน้อย พร้อมประกาศว่าจะปรับพื้นที่บริเวณท้ายเกาะจำนวน 24 ไร่ ตามที่มีกรรมสิทธิ์ถือครองที่ดิน

นายพงศ์สุข เล่าว่า ครอบครัวหิรัญพฤกษ์ ได้ครอบครองที่ดินบนเกาะนาคาน้อยอย่างถูกต้องตามกฎหมายมา 48 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2511 โดยบิดาของตนคือ ดร.สุจิต หิรัญพฤกษ์ ได้ซื้อที่ดินจำนวน 53 ไร่ ต่อจากชาวบ้านในพื้นที่ เป็นเอกสารสิทธิ์ นส. 3 ครุฑดำ ก่อนเปลี่ยนเป็น นส 3 ก. และประกอบธุรกิจไข่มุกจนมีชื่อเสียง กระทั่งบิดาได้เสียชีวิต ที่ดินผืนนี้จึงตกเป็นของลูกหลานในตระกูล กระทั่งไม่กี่ปีมานี้มีนายทุนจากเกาะนาคาใหญ่ โทรหาตน อ้างมีเอกสารที่ดิน สค.1 บนเกาะนาคาน้อยจำนวน 24 ไร่มาขายให้ แต่ต้องมีค่าดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ที่ดิน 4 ล้านบาท ตนไม่สนใจเพราะคิดว่าไม่ถูกต้อง /ปีที่ผ่านมานายทุนกลุ่มเดิมก็มาเสนอขายให้อีกในราคา 42 ล้านบาท พบมีเอกสารสิทธิ์ที่ดินบนเกาะนาคาใหญ่มาแก้ไข และอ้างว่าเป็นที่ดินเกาะนาคาน้อย

เมื่อเห็นว่ามีการทุจริตจากหน่วยงานรัฐ จึงแจ้งให้ดีเอสไอดำเนินการ เบื้องต้นพบเป็นเอกสารปลอม อยู่ระหว่างสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ แต่ล่าสุดวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา บริษัทเอกชนที่อ้างว่าซื้อที่ดินต่อมาจากนายทุน กลับเตรียมเข้าดำเนินการปรับพื้นที่บนเกาะ มีการส่งชายฉกรรจ์เข้าพื้นที่ ตนจึงต้องออกมาปกป้องทรัพยากรแผ่นดิน

นายพงศ์สุข กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ครอบครัวหิรัญพฤกษ์ ไม่ได้เป็นคู่กรณีกับบริษัทเอกชนที่อ้างว่ามีสิทธิ์บนที่ดิน และไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นการช่วยปกปักทรัพยากรธรรมชาติ ตามที่บิดาได้กำชับให้ดูแลก่อนเสียชีวิต เพราะที่นี่ป่าสมบูรณ์มาก มีนกเงือกอาศัยอยู่จำนวนมาก ทุกวันนี้ครอบครัวก็ไม่ได้ทำธุรกิจ หรือสร้างรีสอร์ตใดๆบนเกาะ มีไว้เพื่อพักผ่อนเท่านั้น

ล่าสุดวันนี้ทางจังหวัด รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ดิน จ.ภูเก็ต ได้ลงพื้นที่เกาะนาคาน้อยอีกครั้ง พบคนงานบริษัทเอกชนที่อ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน เข้ามาทำงานในพื้นที่จริง ล่าสุดหน่วยงานรัฐขอเวลาตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินทุกแปลงบนเกาะนาคาน้อยเพื่อความกระจ่าง

นายสายันห์ สรรบรรณ หนึ่งในคนงานเฝ้าพื้นที่เกาะนาคาน้อยของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เล่าว่าเมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา ตัวเองพร้อมเจ้าของที่ดินและผู้ขายที่ดินให้ ได้พากันเดินทางมายังเกาะนาคาน้อย ก็พบกับคนของครอบครัวหิรัญพฤกษ์ได้เข้ามาสอบถามว่ามาทำอะไร พร้อมถ่ายคลิปวิดีโอพวกตนไว้ ยืนยันไม่ได้พกพาอาวุธเข้ามาในพื้นที่เพื่อข่มขู่ หรือนำรถแบ็คโฮเข้ามาแพ้วถางป่าเหมือนที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใดเพียงมาปรับพื้นที่ทำขั้นบันไดเพื่อเดินเข้าที่ดินเท่านั้น

ขณะที่นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เผยว่าขณะนี้ยังไม่มีเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดิน 24 ไร่ ของบริษัทเอกชนที่ถูกร้องเรียน แต่กรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว เรื่องอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารและพยานบุคคล โดยเจ้าของที่ดินมีสิทธิโต้แย้งสิทธิภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 24 เมษายนนี้

เจ้าหน้าที่ที่ดินจ.ภูเก็ต เผยเกาะนาคาน้อยมีพื้นที่ราว 100 ไร่หลังดูแผนที่สงวนหวงห้ามตามกฎหมายแล้วพบว่า เกาะนาคาน้อยไม่มีไม้หวงห้ามไม่มีสปก. ชาวบ้านสามารถครอบครองและขอออกเอกสารสิทธิได้ แต่ต้องจับจองก่อนปี 2537 หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบเอกสารสิทธิถือครองที่ดินบนเกาะทุกแปลง ทั้งที่ถูกร้องเรียน 24 ไร่ รวมถึงที่ดิน 53 ไร่ของครอบครัวหิรัญพฤกษ์ด้วย

ล่าสุดทางจังหวัดภูเก็ต นัดประชุมหารือข้อพิพาทที่ดินบนเกาะนาคาน้อยนัดแรก วันที่ 28 เมษายนนี้ และคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปชี้ชัดภายในต้นเดือนพฤษภาคมว่าจะเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินบนเกาะนาคาน้อยที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ และหากพบมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบจริง จะมีใครบ้างที่ต้องรับผิดชอบ

นายมานพ สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 นำกำลังร่วมกับชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดจับกุมรีสอร์ท 5 แห่ง พร้อมผู้ต้องหา 5 ราย บนภูทับเบิก อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้สำรวจและขึ้นบัญชีไว้ 95 แห่ง ว่าบุกรุกป่าและใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์

เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันบุกรุกป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยรายหนึ่งให้การว่าเป็นเจ้าของที่ดินให้นายทุนจากนอกพื้นที่เช่าทำรีสอร์ท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะขยายผลถึงนายทุนที่แท้จริงต่อไป

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะเดินหน้าตรวจยึดจับกุมรีสอร์ทที่ทำผิดกฎหมายตามบัญชีไปจนถึงวันที่ 10 เมษายนนี้ โดยไม่เกี่ยวกับรีสอร์ท 16 แห่ง ที่ศาลมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดดำเนินกิจการและออกนอกพื้นที่ไปก่อนหน้านี้ แต่จะมีการตรวจสอบว่ายังมีรายใดดื้อแพ่งอยู่หรือไม่

เพชรบูรณ์ - คณะเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาการถือครองและใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ลุยจับต่อรีสอร์ทภูทับเบิก หลังพบปลูกใกล้แปลงปลูกพญาเสือโคร่ง

กรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมทำความเห็น ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ปปช. สอบข้อเท็จจริงและวินัย เจ้าหน้าที่ปกครองและเจ้าหน้าที่ที่ดิน ที่ลงนามในหนังสือการทำประโยชน์ บนเกาะนาคาน้อย จังหวัดภูเก็ต จำนวน 12 ราย โดยพบว่า อาจจงใจรับรองการทำประโยชน์เพื่อเอื้อมีการออกเอกสาร น.ส.3ก.ได้ ทั้งที่ใช้ ส.ค. 1 ต้นเรื่องอยู่คนละเกาะกัน

มาตรการลดหย่อนภาษีช่วงสงกรานต์ โดยประชาชนสามารถนำค่าอาหารมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินคนละ 15,000 บาท ช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ เห็นผลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ผู้คนต่างหลั่งไหลมาใช้บริการร้านอาหารกันอย่างเนืองแน่น

ผู้จะขอคืนภาษีได้ ต้องเป็นผู้ที่มีรายได้และเสียภาษีเท่านั้น โดยการใช้จ่ายต้องเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 9-17 เมษายนนี้ ส่วนขั้นตอนการขอใบกำกับภาษี เมื่อเรียกพนักงานมาเก็บค่าอาหาร ให้นำนามบัตร บัตรประชาชน หรือ เอกสารที่มีรายละเอียดของผู้ที่เสียภาษียื่นให้กับพนักงาน พร้อมกับขอให้ออกใบกำกับภาษีให้ จากนั้นพนักงานจะเขียนใบกำกับภาษีแบบเต็ม นำมาให้ลูกค้าไว้ใช้หักลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา ปี 2559

ยิ่งวันหยุดยาวสงกรานต์ ถือเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายให้มากขึ้น และยังช่วยสนับสนุนร้านอาหารที่จดทะเบียนถูกต้องด้วย โดยภาครัฐคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท

 

ช่วงเช้ามืดวันนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สนธิกำลังตำรวจ ทหาร และ ฝ่ายปกครอง รวมกว่า 200 นาย เข้าตรวจค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพล อดีตนักการเมืองในจังหวัดอุทัยธานี 11 จุด เบื้องต้น พบไม้ และ อาวุธปืนจำนวนมาก

กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย นำโดย พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บุกเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายกลุ่มผู้มีอิทธิพล จำนวน 11 จุด ในจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีทั้งบ้านพักของอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานี และเครือข่าย รวมทั้งบริษัทก่อสร้าง การตรวจค้นเบื้องต้นพบไม้ซุง ไม้หวงห้าม และ ไม้แปรรูป เขาสัตว์ อาวุธปืน เครื่องกระสุนจำนวนมาก ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า ได้มาครอบครองอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

พลตำรวจเอก ศรีวราห์ ระบุว่าการเข้าตรวจค้นพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบสวนพบเบาะแสน่าเชื่อว่า เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติกรรม ครอบครองอาวุธปืน อาวุธสงคราม ปล่อยเงินกู้นอกระบบ วินรถตู้เถื่อน ซุ้มมือปืน การพนัน และยาเสพติด ซึ่งเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล จึงจำเป็นต้องเข้าตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล

ข่าว 7 สี - เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ เข้าตรวจค้นปราบปรามผู้มีอิทธิพลใน 16 ฐานความผิด ที่จังหวัดอุทัยธานี 11 จุด รวมทั้งบ้านชาดา ไชยเศรษฐ์ อดีต สส.

พลตรีนพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารราบที่ 4 พร้อมด้วยพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สนธิกำลังทหาร-ตำรวจ กว่า 500 นาย ปูพรมปิดล้อม ตรวจค้นบ้านอดีตนักการเมือง และนักการเมืองท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี 11 จุด รวทั้งบ้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ในเขตอำเภอเมืองอุทัยธานี แต่เจ้าตัวไม่อยู่ ส่วนเป้าหมายตรวจค้นอื่นๆ เจ้าหน้าที่ได้ยึดสิ่งของไปตรวจสอบประกอบด้วย งาช้าง,ซากสัตว์,อาวุธปืน,เครื่องกระสุนปืน,วิทยุสื่อสาร,เสื้อเกราะกันกระสุน และมีด ส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่รอตรวจสอบว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มีเพียง 2 คน ที่ครอบครองเสื้อเกราะกันกระสุน และมีเขาสัตว์ในครอบครอง จึงแจ้งข้อหาดำเนินคดี

พลตำรวจเอกศรีวราห์ กล่าวว่า การตรวจค้นในวันนี้ เป็นการตรวจค้นตามคำร้องขอของกองทัพ ที่อยู่ในข่ายผู้มีอิทธิพล

พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าทำการตรวจยึดรถบรรทุก 2คัน ทะเบียน 85-7919 และทะเบียน 83-1934 นครปฐม ซึ่งท้ายรถพบไม้แปรรูปต้องห้ามเต็มคัน โดยเข้าตรวจยึดได้ในพื้นที่ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี

พลตำรวจเอกศรีวราห์ เปิดเผยว่า เป็นการขยายผลจากการเข้าตรวจค้นโรงงานแปรรูปไม้ในจังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งพบไม้แปรรูปต้องห้ามหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท ส่วนการตรวจสอบของกลางที่ตรวจยึดได้ เบื้องต้นพบว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกัน

เบื้องต้นของกลางดังกล่าวจะถูกส่งไปเก็บรักษาไว้ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรับไว้ดำเนินคดี ก่อนจะมีการตรวจนับของกลางอย่างละเอียดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ได้รับทราบข้อมูลมีขบวนการแอบอ้างนโยบายจัดระเบียบพื้นที่ค้าขาย โดยเฉพาะในภาคเหนือและอีสาน ว่ารัฐบาล และ คสช.ให้เปิดพื้นที่สาธารณะเป็นถนนคนเดิน เพื่อค้าขาย หรือสั่งยกเลิกพื้นที่ค้าขายหรือในการจัดงานบุญ งานฉลองประเพณี ก็แอบอ้างเพื่อเก็บค่าเช่าที่ขาย ค่าจอดรถแพงกว่าปกติ เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่พ่อค้าแม่ค้าและประชาชน ซ้ำเติมประชาชนในภาวะเศรษฐกิจซบเซา โดยมีเป้าหมายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน จงใจป้ายความผิด และเกลียดชังรัฐบาล และคสช.ว่าเป็นผู้สั่งการ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

เบื้องต้น พบเป็นกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นหวังผลประโยชน์ในรูปเงินและทางการเมือง ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมขบวนการ จงใจสั่งการโดยพลการเกินนโยบาย โดยนายกรัฐมนตรีส่งหน่วยข่าวลงพื้นที่เพื่อตามล่าจับกุมขบวนการดังกล่าว เพื่อจัดการลงโทษหนัก พร้อมกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลควบคุม ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โดยหากพบมีการหลอกลวงประชาชนโดยการแอบอ้าง คสช.หรือรัฐบาลอีก ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องรับผิดชอบด้วย

พร้อมขอให้พ่อค้าแม่ขายหรือประชาชน พบเห็นลักษณะผิดปกติหรือผิดสังเกตเช่นนี้ ขอให้แจ้งศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล

ข่าว 7 สี - เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าตรวจสอบที่ดินของฟาร์มโชคชัย อาจมีการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินสาธารณะทั้งแปลงกว่า 3,000 ไร่ ไปติดตามจากรายงาน

ภาพถ่าย และแผนที่ทางอากาศ เป็นเครื่องมือที่ คณะทำงานกระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ลงพื้นที่ตรวจสอบการถือครองที่ดินกว่า 3,000 ไร่ ของฟาร์มโชคชัย หมู่ที่ 1 ตำบลโขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อตรวจวัดตำแหน่งพิกัด GPS ระวางพื้นที่ หลังจากชาวบ้านร้องเรียนว่า มีการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ลำรางสาธารณะ และปิดกั้นเส้นทางสาธารณะประโยชน์ โดยการออกเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินโดยมิชอบ และไม่ให้ชาวบ้านกว่า 20 หลังคาเรือน ผ่านเข้า-ออก พื้นที่ในยามวิกาล

จากการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์พบว่า ที่ดินทั้งหมดทับซ้อนอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ที่ระบุไว้ในปี 2517 ซึ่งสำนักงานที่ดินไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ ทว่ากลับมีการเอกสารสิทธิ์ถึง 200 แปลง และไม่ตรงกันกับแผนที่เมื่อนำมาวางทับซ้อนเปรียบเทียบกัน

โดยพรุ่งนี้ DSI จะเรียกเจ้าของที่ดินฟาร์มโชคชัย และชาวบ้านทั้งหมดเข้ามาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบเป็นการออกเอกสารสิทธิ์ไม่ถูกต้อง จะมีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องย้อนหลังทุกภาคส่วน เพื่อดำเนินคดีอย่างไม่ละเว้น ทีมข่าวภูมิภาครายงาน

 

จ.ภูเก็ต รื้อถอนร้านค้าหาดสุรินทร์ ปรับเป็นชายหาดเทิดพระเกียรติ

สั่งรื้อร้านโรตีสายไหม จ.พระนครศรีอยุธยา ริมถนนสายเอเชีย

รองปลัดกระทรวงยุติธรรมตรวจสอบเอกสารสิทธิฟาร์มโชคชัย เบื้องต้นพบล้ำออกนอกเขตนิคมลำตะคอง และทับที่สาธารณะประโยชน์ ยังไม่ขอระบุเนื้อที่บุกรุกเพราะมากจนน่าตกใจ เสนอเพิกถอนแล้ว 600 ไร่

พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ของฟาร์มโชคชัย ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เบื้องต้นพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิออกมานอกเขตนิคมสร้างตนเองลำตะคองโดยล้ำเข้าไปในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร (สปก.) และออกเอกสารสิทธิทับพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ซึ่งไม่มีใครสามารถเข้าไปถือครองกรรมสิทธิ์ได้ ที่ผ่านมาการตรวจสอบของกระทรวงยุติธรรม เป็นการตรวจสอบพื้นที่รอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีการบุกรุกของนายทุนรายใหญ่ ทุกพรรค ทุกสี จำนวน 17 แปลง

ส่วนจำนวนเนื้อที่ป่าที่ถูกบุกรุกยังไม่ขอระบุตัวเลขเพราะมีจำนวนมากจนน่าตกใจ จึงต้องส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน โดยผลการวิเคราะห์เบื้องต้นพบความผิด 80-90% ทั้งนี้มั่นใจว่าระหว่างการตรวจสอบเอกสารสิทธิของฟาร์มโชคชัยจะไม่เกิดเหตุกระทบกระทั่งในพื้นที่ เพราะขณะนี้หน่วยงานในจังหวัดนครราชสีมาได้เข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาแล้ว

“โดยหากพื้นที่บุกรุกใดที่ผู้ครอบครองอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์จะมอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าไปตรวจสอบ ส่วนพื้นที่ที่เป็นการถือครองมือเปล่า ไม่มีเอกสารสิทธิจะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เข้าไปตรวจสอบ”

“การตรวจสอบเอกสารสิทธิในป่าเขาใหญ่ 17 แปลง ครอบคลุมถึงการออกเอกสารสิทธิให้กับโบนันซ่า คีรีมายา และฟาร์มโชคชัย หากแก้ปัญหาการบุกรุกเขาใหญ่ได้ จะทำให้รัฐสามารถเรียกคืนพื้นที่ป่าทั่วประเทศกลับมาเป็นทรัพยากรของชาติได้ทั้งหมด เพราะผู้ครอบครองที่ดินในป่าเขาใหญ่แต่ละรายไม่ใช่นายทุนรายเล็กๆ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ากฎหมายที่มีอยู่ของส่วนราชการต่างๆ สามารถใช้แก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องเสนอใช้มาตรา 44”

เตรียมรื้อร้านค้าพื้นที่แหล่งโบราณสถานอยุธยา
2016/04/21 7:59 PM

พระนครศรีอยุธยา 21 เม.ย.-เมืองมรดกโลกอย่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มักมีปัญหาการบุกรุกสถานที่โบราณสถานมานานนับ 10 ปี ล่าสุด รมว.วัฒนธรรม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าพร้อมสั่งตั้งคณะทำงานดูแลแก้ไข ให้ระยะเวลาดำเนินการภายใน 2 เดือนเพื่อจัดระเบียบสร้างภาพลักษณ์ดึงเม็ดเงินการท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น

เต็นท์ร้านค้าจำนวนมากซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังวิหารพระมงคลบพิตร ภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำลังเป็นอีกสถานที่ที่จะถูกจัดระเบียบ แก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่โบราณสถาน จากการสอบถามผู้ค้าทราบว่า รู้ข่าวจากการบอกปากต่อปากเท่านั้น ว่าจะถูกโยกย้ายไปอยู่ด้านหลังศาลากลางหลังเก่า ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะกระทบกับผู้ค้าอย่างมากเพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว เดินทางไป แต่หากต้องย้ายจริงก็ควรย้ายผู้ค้าไปอยู่รวมกันทำเป็นแหล่งสินค้าขนาดใหญ่ ปิดพื้นที่นี้ให้เป็นสีเขียวตามที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้

สำหรับพื้นที่ร้านค้าด้านหลังวิหารพระมงคลบพิตร ปัจจุบันมีผู้ค้าอยู่รวมกันมากกว่า 200 ราย และก่อนหน้านี้บริเวณริมรั้วลานจอดรถได้ถูกจัดระเบียบโยกย้ายร้านค้าบางส่วน ไปแล้วเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา จากการสำรวจรอบพื้นที่ พบว่ามีโครงสร้างของเต็นท์ที่เคยจัดเตรียมไว้จำนวนมาก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ยังไม่มีความพร้อม จึงเข้าสอบถามความคืบหน้ากับรองนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา บอกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมแผนแม่บทที่จะศึกษาจัดระเบียบพื้นที่อย่างชัดเจน

ขณะที่การจัดระเบียบร้านค้าริมถนนสายเอเชียหลังจากที่มีการรื้อถอนร้านใน จุดเสี่ยงไปจำนวนมากแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายเวลารื้อถอนส่วนที่เหลือจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม และเตรียมเจรจาจัดหาที่ขายแห่งใหม่ ที่พุทธอุทยาน หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ อำเภอมหาราช ให้เป็นศูนย์จำหน่ายโรตีสายไหมแทนพื้นที่ริมถนนเดิมต่อไป.-สำนักข่าวไทย

http://www.tnamcot.com/content/451640

 

กระทรวงยุติธรรม เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีฟาร์มโชคชัยปิดกั้นทางเข้า-ออกสาธารณะ และ ออกโฉนดที่ดินทับทุ่งเลี้ยงสัตว์ บ้านหินเพลิง-บ้านขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่าได้สั่งการให้นายอำเภอปากช่อง และ เจ้าพนักงานที่ดินสาขาปากช่อง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนของชาวบ้านแล้ว โดยแยกคณะกรรมการเป็น 2 ชุด คือ ชุดแรกตรวจสอบเฉพาะทางสาธารณะ และ อีกชุดตรวจสอบทุ่งเลี้ยงสัตว์ ซึ่งคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดต้องทำงานควบคู่กันไป โดยจะเริ่มเดินหน้าตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ และ ลงพื้นที่สำรวจชี้แนวเขตได้ภายในสัปดาห์นี้

ด้านนายภูรินท์พัฒน์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีพิเศษ 2 สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ เปิดเผยว่า คณะทำงานได้รวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ จากนั้นจะนำแผนที่ทั้งหมดมาทำแผนที่เชิงซ้อน ซึ่งจะทำให้ทราบถึงที่มาของโฉนดแต่ละแปลง และดูย้อนหลังว่าได้โฉนดมาถูกต้องหรือไม่ คาดว่าต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน

มีรายงานว่าพันตำรวจเอกดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ส่งเจ้าหน้าที่ ปปท.ลงพื้นที่ติดตามควมคืบหน้าพบว่า ที่ดินมีการเดินสำรวจออกโฉนดในช่วงปี 2548-2549 จากนี้ไปจะเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบ ว่ามีการดึงให้กระบวนการตรวจสอบล่าช้าหรือไม่ โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ปูพรมค้นบ้านมาเฟีย จนท.ลุยพร้อมกันหลายจังหวัดยึดอาวุธเพียบ

27 เม.ย.| ข่าว 16.00 น. เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการรื้อถอนร้านอาหาร ซึ่งบุกรุกที่สาธารณะหาดเลพัง-ลายัน จังหวัดภูเก็ต

 

นายกฯ ไฟเขียวทวงคืนที่ ส.ป.ก. ใช้ ม.44 สั่งผู้ครอบครองที่ดินในเขต ส.ป.ก.เกิน 500 ไร่ แสดงตัวผิดยึดคืน

จ.พระนครศรีอยุธยา สั่งย้ายร้านค้าริมถนนทั้งหมดภายใน 31 พ.ค. โดยหากไม่ปฏิบัติจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย

ข่าว 7 สี - กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตั้งหน่วย "พญาเสือ" ปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลบุกรุกป่า เริ่ม 4 พื้นที่ภาคใต้ทันที

การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ "ชุดพญาเสือ" เป็นไปตามนโยบายการปราบปรามผู้บุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนายทุน และผู้มีอิทธิพลต่างๆ โดยจะทำงานประสานกับ "ชุดพยัคฆ์ไพร" ของกรมป่าไม้ และ "ชุดฉลามขาว” ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นหัวหน้าชุด พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดอีก 21 นายที่ผ่านการฝึกด้านการสอบสวนแกะรอย การใช้อาวุธ รวมทั้งเทคโนโลยีที่ใช้ในการหาพิกัด

ภารกิจแรก ในสัปดาห์หน้าจะลง 4 พื้นที่ภาคใต้ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดระนอง ปราบปรามผู้มีอิทธิพลบุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานฯ เพื่อทำที่พักรีสอร์ท ปลูกยางพารา ค้าสัตว์ป่า รวมทั้งลักลอบตัดไม้พะยูง

 

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2559 เวลา 14.00 น. พลโท วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาค 4 พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่หาดป่าตอง ต.ป่าตอง หาดกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ หาดสุรินทร์ และหาดเลพัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง เพื่อติดตามความคืบหน้าการจัดระเบียบชายหาด ตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. และรับทราบความเดือดร้อนของประชาชน โดยมีนายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมนำตรวจพื้นที่และให้ข้อมูลในส่วนของการจัดระเบียบและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผล กระทบจากการจัดระเบียบดังกล่าว ทั้งนี้ขณะที่คณะของแม่ทัพภาค 4 เดินทางลงพื้นที่หาดสุรินทร์ พบว่ามีกลุ่มชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการรื้อถอนอาคารร้านค้าได้เข้ายื่นหนังสือกับแม่ทัพภาค 4 เพื่อให้พิจารณาช่วยเหลือเยียวยาเรื่องที่ทำกินให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ

กรมอุทยานเเห่งชาติสัตว์ป่าเเละพันธุ์พืช เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่า ส่งชุดพญาเสือตรวจยึดพื้นที่นากุ้งกว่า 3 พันไร่ พร้อมเเจ้งดำเนินคดีกับบริษัทเอกชน ฐานบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดปฏิบัติการพญาเสือพร้อมเจ้าหน้าที่กระจายกำลังเข้าตรวจยึดพื้นที่นากุ้ง ในเขตอุทยานเเห่งชาติหมู่เกาะชุมพรเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ ใน ต.ทุ่งคา อ.เมือง ของบริษัท เเซมดี-ฟาร์ม จำกัด

นายชัยวัฒน์ บอกว่า ในอดีตผู้อ้างการครอบครองเคยทำสัญญาขอเช่าเมื่อปี 34 เเต่หลังจากพื้นที่ถูกประกาศเป็นเขตอุทยานเเห่งชาติ ในปี 42 และสิ้นสุดสัญญาเช่า บริษัทขอใช้ต่ออีก 2,000 ไร่ เเต่อุทยานไม่อนุญาต ผู้ครอบครองได้อ้างเอกสารสิทธิเพื่อขอออกโฉนดที่ดิน เเต่กรมที่ดินตรวจสอบเเล้วพบว่า ได้มาโดยมิชอบ จึงยกเลิกคำขอ

หลังตรวจสอบจึงได้เเจ้งดำเนินคดีกับบริษัท ข้อหาบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ดูเเลยืนยัน จะคืนพื้นที่ให้กรมอุทยานฯทั้งหมด

ที่อุบลราชธานี ตำรวจและชาวบ้าน ต.กุดชมพู อ.บูลมังสาหาร เข้าตรวจสอบเขตป่าสาธารณะดอนคำพวง หลังพบกลุ่มชายฉกรรจน์เข้าพื้นที่ คาดว่าไปตัดต้นยางนาและพะยูง ส่วนคนร้ายหลบหนีไปได้ แต่พบของกลาง ไม้ถูกตัดเป็นท่อนจมอยู่ใต้น้ำกว่า 10 ท่อน สันนิษฐานว่า เป็นของนายทุน ก่อนส่งโรงงานแปรรูป

เจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ยวมฝั่งขวา ร่วมกันตรวจยึดไม้สักท่อน ที่ ต.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ที่สร้างไว้ในลักษณะอำพราง ซึ่งยังมีบ้านลักษณะนี้อีก 10 หลัง ที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปรื้อถอนตรวจยึดต่อไป

หลังจากที่ทาง กทม.ได้มีคำสั่งให้ผู้ค้าแผงลอยในย่านประตูน้ำในการจัดระเบียบทางเท้าเนื่องจากมีการร้องเรียนว่ากีดขวางการจราจร ขณะที่ผู้ค้าก็มีการจัดระเบียบจุดขายของแล้วแต่ทาง กทม.ก็จะขอคืนพื้นที่ ติดตามรายงานจาก ปรีชา เพาะพูล

 

ข่าว 7 สี - ที่ดินจังหวัดภูเก็ต มีมติเพิกถอนที่ดิน 24 ไร่ ของบริษัทภูเขาหกลูก จำกัด บนเกาะนาคาน้อย

ผลการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ บนที่ดินบนเกาะนาคาน้อย ตำบลป่าคลองอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ล่าสุด คณะกรรมการสอบสวนเพื่อเพิกถอนตามมาตรา 61 ได้พิจารณาสรุปเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ นส. 3 ก.เนื้อที่ 24 ไร่ ของบริษัท ภูเขาหกลูก จำกัด โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์แปลงดังกล่าวในเบื้องต้น ก่อนส่งมอบให้กรมที่ดิน เพื่อให้อธิบดีกรมที่ดิน เป็นผู้พิจารณาในการเพิกถอนอีกครั้ง โดยเจ้าของที่ดินสามารถใช้สิทธิ์ยื่นขออุทธรณ์ คำสั่งได้ใน 15 วัน

ส่วนที่ดินของครอบครัวหิรัญพฤกษ์ ที่ถือครองตามเอกสารสิทธิ์ 53 ไร่ แปลงใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการเพิกถอน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของคณะทำงานของกรมที่ดินจังหวัดภูเก็ต

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีบังคับใช้ ม.44 กับผู้ถือครองที่ดินรายใหญ่ผิดกฎหมาย

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขอให้ผู้ถือครองที่ดินแปลงใหญ่เกิน 500 ไร่ขึ้นไป มาแสดงตนภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบที่ดินและสิทธิ์ครอบครองตามกฎหมาย หากพบว่ามีการครอบครองและใช้ผิดวัตถุประสงค์ ก็จะให้นำที่ดินของรัฐมาปฏิรูปให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ทันที

ด้านนายสรรเสริญ อัตจุตมานัส เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก.กล่าวว่า พบมีการถือครองเกิน 500 ไร่ขึ้นไป ในพื้นที่ 34 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 563 ราย เป็นพื้นที่รวม 540,351 ไร่ พร้อมทั้งได้สั่งการให้ ส.ป.ก.จังหวัด ตรวจสอบอีกครั้งเพื่อทำแผนที่แนบท้าย ก่อนจะนำเสนอนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาประกาศบังคับใช้ ม.44 แก้ปัญหากับผู้ถือครองที่ดินผิดกฎหมาย เนื่องจากพบปัญหารายใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือ และมีการปกปิดข้อมูลที่แท้จริง

ทหารค้นบ้าน "วรชัย เหมะ" ยึดกระสุนปืน - บ้าน "ประชา ประสพดี" โดนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังทหารจากพล ร.2 รอ / พล ร.9 กว่า 50 นาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล และสุนัขทหารจำนวน 2 ตัว ได้เข้าทำการตรวจบ้านนายวรชัย เหมะ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย ที่อยู่ภายในหมู่บ้านเลอนีโอ ถนน รพช. เลขที่ 555 / 340 หมู่ 5 ต.บางเมือง อ.เมือง สมุทรปราการ โดยได้นำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านเอาไว้ทั้งหมด ห้ามทุกคนในบ้านเข้าออกหรือใช้โทรศัพท์ และสั่ง รปภ.หมู่บ้านห้ามนักข่าวเข้าในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด โดยใช้เวลาในการตรวจค้นนานกว่า 1 ชั่วโมง และทำการตรวจยึดลูกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 2 นัด ยึดแผ่นซีดีประมาณ 18 แผ่น วิทยุสื่อสารจำนวน 1 เครื่อง

โดยในขณะเข้าตรวจค้นนายวรชัย เหมะ ไม่อยู่บ้านได้เดินทางไปภาคเหนือหลายวันแล้ว หลังจากทหารได้นำกำลังออกหมดแล้วจึงอนุญาติให้นักข่าวเข้าในหมู่บ้านได้ตามปกติ

ขณะเดียวกันได้นำกำลังค้นบ้านนายประชา ประสพดี อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ด้วย

แหล่งข่าวจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. กล่าวว่า การเข้าบุกค้นที่จังหวัดสมุทรปราการในวันนี้เป็นไปตามคำสั่ง หน.คสช.ที่ 13/59 ที่ให้ปราบปรามผู้มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่ได้รับทราบมาว่าผู้มีอิทธิพลได้รวบรวมอาวุธเพื่อเตรียมการเคลื่อนไหว จึงได้ตรวจค้น และไม่ใช่เฉพาะบ้านนายวรชัย เหมะ หรือ บ้านนายประชา ประสพดี เท่านั้น ยังมีที่อื่นๆ อีก เป็นเรื่องของการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ไม่ใช่เรื่องของการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแต่อย่างใด และทหาร ตำรวจ บุกเข้าตรวจค้นก็พบอาวุธปืนจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ที่สมุทรปราการเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เคยเข้าตรวจค้นมาแล้วและครั้งนี้มีคนแจ้งเบาะแสถึงได้เข้าตรวจค้นอีกครั้ง

ด้านนายวรชัย เหมะ กล่าวว่า เมื่อเวลา 06.00 น. ทหารได้บุกบ้านของตนที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยไล่คนในบ้านออก ไม่ให้มีการถ่ายรูปใดๆ แล้วงัดห้องนอนของตน รื้อข้าวของภายในห้อง คาดว่าจะบุกมาจับตัว แต่บังเอิญตนและภรรยาไม่อยู่บ้าน

ทั้งนี้ตนพร้อมไปรายงานตัวที่ไหนก็ได้ขอให้นัดมา แต่อยู่ดีๆ จะมารวบตัวทำเหมือนตนเป็นโจรห้าร้อยทำให้ประเทศล่มจม ฝากบอกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ว่ามีอะไรให้ส่งคนมาคุยกับตนได้หรือเชิญไปที่ไหนก็ได้

"วรชัย" ระบุไม่ใช่มาเฟีย โวยถูกยัดเยียดอาวุธ

ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวชี้แจงถึงประเด็นเรื่องภาพถ่ายอาวุธที่ระบุเป็นของตนเองในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นบ้านพักใน จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า อาวุธดังกล่าวไม่ใช่ของตนเอง และไม่ทราบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เนื่องจากตอนที่เจ้าหน้าที่ค้นบ้าน ตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน นอกจากนี้ ยังอาจมีเจตนายัดเยียดอาวุธดังกล่าวให้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ถอดกล้องวงวรปิดที่บ้านออกหมด และไล่คนในบ้านออกไปข้างนอกขณะทำการตรวจค้น

ทั้งนี้นายวรชัยกล่าว "ผมไม่ใช่คนมีอิทธิพล ผมทำมาค้าขาย ไม่เคยใช้อาวุธ อย่ามายัดเยียดให้ตน ชายชาติทหารเขาไม่ทำกันแบบนี้ ผมไม่ใช่มาเฟียไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ"

ตลอดช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ ทหาร -ตำรวจ ยังคงปฏิบัติตรวจค้นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และเข้าค้นบ้าน 2 แกนนำนปช. ประชา ประสพดี กับ วรชัย เหมมะ พบหลักฐานซีดีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้่อแดงเป็นจำนวนมาก ติดตามรายละเอียดกับคุณปรีชา เพาะพูล สดจากพื้นที่

เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 12 พฤษภาคม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) สั่งการ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำกำลังตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง เปิดปฏิบัติการ ปากน้ำปลอดภัย ขจัดภัยผู้มีอิทธิพล เข้าตรวจค้นปราบปรามผู้มีอิทธิพล อาวุธสงคราม ยาเสพติดในพื้นที่จ.สมุทรปราการและจ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 13 จุด ในอำเภอ พระประแดง พระสมุทรเจดีย์ เมือง ปากพลี บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และอ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

พล.ต.อ.ศรีวราห์ นำกำลังเข้าตรวจสอบที่บ้านพักของนายประชา ประสพดี อดีตสส.พรรคเพื่อไทย จ.สมุทรปราการ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ด้วย หลังจากช่วงเช้ากำลังทหารตำรวจเข้าตรวจสอบบ้านพักนายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ในจ.สมุทรปราการ

มีรายงานข่าวจากทางพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าการเข้าตรวจค้นปิดล้อมบ้านพักของ นายวรชัย คาดว่าน่าจะเป็นเพราะต้องการควบคุมตัวนายวรชัย ไปปรับทัศนคติจากการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า ใช้อำนาจแบบขวาจัด

นายวรชัย เปิดเผยว่าทหารได้ยกกำลังไปที่บ้านและงัดบ้านเพื่อจะติดตามควบคุมตัวแต่บังเอิญไม่อยู่บ้าน ทหารจึงยังตรึงกำลังล้อมบ้านอยู่ และงัดบ้าน เข้าไปดึงสายโทรศัพท์ และลบภาพในกล้องวงจรปิดทิ้ง

 

นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า กทม.ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าจะทำการยกเลิกการค้าในบริเวณถนนสีลมตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2559 เป็นต้นไป โดยกทม.ได้หาพื้นที่รองรับผู้คัาดังกล่าวในพื้นที่โดยรอบเขตบางรักไว้หลายจุด อาทิ เขตยานนาวา เขตสาทร สาธุประดิษฐ์ รวมทั้งบริเวณพัฒน์พงษ์ซึ่งมีแผนค้าอยู่ 90 กว่าแผงที่รองรับผู้ค้าได้

ทั้งนี้ กทม.ได้ดำเนินการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย เพื่อคืนทางเท้าให้แก่ประชาชน ซึ่งผู้ค้าส่วนใหญ่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย ซึ่งบริเวณถนนสีลมเป็นจุดหนึ่งที่ กทม.ได้ดำเนินการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย โดยได้ยกเลิกผู้ค้าในเวลากลางวัน และให้ผู้ค้าทดลองขายในเวลากลางคืน ซึ่งมีผู้ค้าประมาณ 600 ราย ได้มาทำการค้าในบริเวณถนนสีลมทั้ง 2 ฝั่ง แต่ที่ผ่านมา กทม.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ไม่ได้รับความสะดวก ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่สามารถใช้ช่องทางจราจรช่องซ้ายสุดได้ทั้ง 2 ฝั่ง เนื่องจากเวลาค้าขายผู้ค้านำรถมาจอดขนถ่ายสินค้า ทำให้พื้นผิวการจราจรลดลง ซึ่งกทม.ได้ประกาศไปยังผู้ค้าแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล ผู้ค้าไม่ปฏิบัติตาม

นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้ทางเท้าไม่สามารถใช้ทางเท้าสัญจรไปมาได้อย่างสะดวก ซึ่งมีผู้ใช้ทางเท้าจำนวนหนึ่งได้ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ เพราะผู้ค้าตั้งวางขายบนทางเท้าทำให้เหลือพื้นที่ไม่มาก ทำให้ต้องลงมาเดินบนพื้นผิวจราจร ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน

นายวัลลภ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กทม.ได้สำรวจพบว่าผู้ค้าส่วนใหญ่ขายสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือซีดีเพลงต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ถูกกฎหมาย ในส่วนของร้านค้าที่จำหน่ายอาหาร พบว่ามีการเทน้ำทิ้งที่มีไขมันลงในท่อระบายน้ำ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาท่ออุดตันเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ และปัญหาความสะอาด

13 พ.ค.| ข่าว 15.00 น. คสช.ระบุจะเดินหน้าปฏิบัติการกวาดล้างผู้มีอิทธิพล อาชญากรรม สิ่งผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ข่าว 7 สี - จัดระเบียบประตูน้ำ ยังมีปัญหาผู้ค้านำรถเข็นขายสินค้ามาตั้งขายบนพื้นผิวถนน เขตราชเทวี เตรียมประสานเทศกิจ และตำรวจจัดการปัญหา

เขตราชเทวี นำกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจ ลงตรวจพื้นที่นอกจุดผ่อนผันการขายสินค้าบนทางเท้า ย่านประตูน้ำ หลังจากโซเชียลมีเดีย เผยภาพผู้ค้า นำแผงค้าและรถเข็นขายสินค้า ไปตั้งขายบนถนนเพชรบุรี กีดขวางการจราจร และประชดหลัง กทม.จัดระเบียบห้ามขายบนทางเท้า นอกจุดผ่อนผันไปแล้ว

สำหรับ มาตรการจัดระเบียบของ กทม.ได้ทำความเข้าใจและแจ้งเตือนผู้ค้า ห้ามนำแผงสินค้า และ รถเข็น มาขายบนพื้นผิวถนนเด็ดขาด หลังจากนี้ตำรวจ สน.พญาไท และเทศกิจ จะออกตรวจตราเข้มช่วงกลางคืน ตักเตือนพ่อค้าแม่ค้าก่อน ที่จะจับปรับ 2 พันบาท พร้อมยึดแผงค้าและรถเข็นด้วย

อย่างไรก็ตาม การจัดระเบียบแผงค้า ย่านประตูน้ำทั้งหมด ทั้งถนนเพชรบุรี และราชปรารภ ที่ตอนนี้ ยังเป็นจุดผ่อนผัน ตั้งเต้นท์สีเขียว วางหีบเสื้อผ้าขายส่ง ขายปลีก มีผู้ค้า 617 ราย จะเริ่มดีเดย์จัดระเบียบในวันที่ 1 สิงหาคมนี้และเตรียมพื้นที่รองรับ 5 แห่งได้แก่ ตลาดสิรินดา ไนท์ พลาซ่า, ซอยเพชรบุรี 23, ซอยหัสดิน, Makaza Market และห้างกรุงทองพลาซ่า

ข่าว 7 สี - ทหาร และฝ่ายปกครอง ใช้มาตรา 44 ลุยจัดระเบียบชายหาดอำเภอตะกั่วป่า ขีดเส้นตาย 15 วันต้องรื้อร้านค้าบุกรุกชายหาดออกให้หมด

ปัจจุบันร้านค้าในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ที่รุกล้ำแนวชายหาดสาธารณะมีอยู่กว่า 100 ร้านค้า จนทำให้ดูไม่สวยงาม และอาจจะเสียภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ทางฝ่ายปกครอง และทหาร จึงจะใช้มาตรา 44 จัดระเบียบชายหาดในอำเภอตะกั่วป่า หลังจากเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 แต่มีบางกลุ่มที่คัดค้าน ทั้งนี้เพื่อคืนพื้นที่สาธารณะให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปในบริเวณดังกล่าวได้ชมความสวยงาม

ล่าสุดได้ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการแล้ว และจะนำป้ายไปติดประกาศไว้ที่ชายหาด เพื่อแจ้งให้ราบว่าสัปดาห์หน้าจะเริ่มรื้ออาคาร ร้านค้า เตียง ร่มผ้าใบ โดยให้เวลา 15 วันต้องรื้อถอนออกให้หมด หากครบกำหนดยังไม่มีการรื้อถอนจะดำเนินการตามกฏหมายอย่างเฉียบขาด

ขณะที่ผู้ประกอบการบอกว่า พร้อมที่จะรื้อแต่จะต้องมีมาตรการเยียวยา เพราะทำมาหากินกันมานาน และหลังจากนี้คงลำบาก เนื่องจากทุกคนมีภาระครอบครัวที่ต้องดูแล

กทม.ประชุมผู้ค้าสีลมกลางคืน เร่งแก้ปัญหาการขายของริมทางเท้าก่อนดีเดย์ยกเลิก 1 มิ.ย.นี้ เบื้องต้นจัดซอยพัฒพงศ์ และซอยราชปรารถ 23 ไว้ให้

นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จัดประชุมผู้ค้าถนนสีลมกลางคืนราว 400 ราย เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ ก่อนยกเลิกการขายของริมทางเท้าถนนสีลม ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ โดยผู้ค้าส่วนใหญ่ยอมรับว่ามีส่วนผิด และไม่มีใครอยากทำผิดกฎหมาย ส่วนปัญหารถติดเป็นปัญหาช่วงเร่งด่วนในตอนเช้า จึงขอวิงวอนให้ กทม.เข้าใจและขอให้เลื่อนเวลาการยกเลิกออกไปก่อน

ทั้งนี้ เบื้องต้น กทม.เตรียมพื้นที่ซอยพัฒพงษ์ และ ซอยราชปรารภ23 ไว้ให้ ซึ่งใกล้จุดเดิม และไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากผู้ค้าต้องการย้ายไปขายที่อื่นสามารถแจ้งได้ ทาง กทม.จะช่วยประสานหาพื้นที่รองรับไว้ให้

ซึ่งการจัดระเบียบในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนที่ก่อนหน้ามีการจัดระเบียบการขายของริมทางเท้าในพื้นที่ ปากคลองตลาด โบ๊เบ๊ หัวลำโพง ประตูน้ำ และ สีลมช่วงกลางวันมาแล้ว

 

ปากคลองตลาด..ตลาดที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยมานาน ถึง 63 ปี วันนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้วครับ จะถูกปรับโฉมอย่างไรไปดูภาพนี้กันครับ

กระทรวงแรงงาน รวบ 4 ต่างด้าวลักลอบค้าขายแย่งอาชีพคนไทย พบ 2 รายชาวลาว เข็นรถขายผลไม้ชูสติ๊กเกอร์โดราเอม่อน อ้างสัญลักษณ์จ่ายส่วยตำรวจ 3 หน่วยงาน ขณะที่อาบังชาวอินเดียเดินขายถั่ว ค้นตัวเจอสติ๊กเกอร์จ่ายส่วยเพียบ

เมื่อวันที่26พ.ค.ที่ผ่านมา นายสุรศักดิ์ ไกยสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว กรมการจัดหางาน นำเจ้าหน้าที่ 9 คน ลงพื้นตรวจจับแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตในย่านอินทามระ สะพานควาย หลังรับแจ้งมีกลุ่มคนสัญชาติลาว เวียดนาม เข้ามาค้าขายแย่งอาชีพคนไทย จากการเข้าตรวจบริเวณสี่แยกสุทธิสาร ได้จับกุมชาวลาว 1 คน ขณะกำลังเข็นรถขายผลไม้ ชื่อนายตู่ ซายทรงเดช อายุ 30 ปี และในย่านสะพานควายได้จับกุมนายพรสวรรค์ จันทวงศ์ อายุ 28 ปี ชาวลาวเช่นกัน ยืนขายผลไม้บนรถเข็น หน้า รพ.เปาโล เมโมเรียล และยังจับกุมชายชาวอินเดีย ที่เดินขายถั่วมาเจอชุดจับกุมพอดี รวมทั้งชายอีกคนมาจากพื้นที่สูงติดชายแดนพม่าขณะกำลังขายเครื่องดื่มผสมธัญพืชอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน รวม 4 คน นำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ ดำเนินคดี

จากการสอบถาม นายตู่ ซายทรงเดช ชาวลาว บอกว่า ลงทุนซื้อรถเข็นขายผลไม้ในราคา 1,500 บาท มีรายได้เดือนละกว่าหมื่นบาท ขายมานานกว่า 1 เดือน ที่ผ่านมาเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแต่มีคนเคลียร์เป็นรายเดือน โดยมีสติ๊กเกอร์รูปโดราเอม่อน เป็นสัญลักษณ์ จึงถูกปล่อยตัวออกมา ไม่นึกว่าจะถูกจับอีก

ด้านหัวหน้าฝ่ายควบคุมตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว บอกว่า มีการส่งทีมหาข่าวตามเขตพื้นที่ต่างๆ ทั้งเขตห้วยขวาง ราชวิถี มาบุญครอง สะพานควาย ตามซอยต่างๆ จะมีการแอบขาย เข็นรถเข็นบ้าง ขับรถขายบ้าง ไม่ค่อยอยู่เป็นหลักแหล่ง ที่มากพบเป็นชาวเวียดนาม รองลงมาเป็นกัมพูชา และลาว โดยเวียดนามจะขายไอศกรีมมะพร้าวอ่อน มี 50-60 คัน ชาวลาวและพม่า จะขายผลไม้รถเข็น มีเครือข่ายเป็นกลุ่ม แต่การจับกุมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนกลุ่มนี้พูดไทยได้ จนบางครั้งอาจไม่รู้ว่าเป็นต่างด้าว และจะไม่พกบัตรประชาชน

นอกจากนี้ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ชาวลาวทั้ง 2 คน ได้นำสติ๊กเกอร์ขนาดเล็กๆ ซึ่งเป็นรูปภาพแตกต่างกัน 3 รูป โดยเป็นภาพการ์ตูนโดราเอม่อน 1 ภาพ รถยนต์ 1 ภาพ ส่วนอีกภาพเป็นสติ๊กเกอร์รูปเสื้อผ้า นำขึ้นมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู พบด้านหลังสติ๊กเกอร์มีการระบุช่วงเดือน.เม.ย.-พ.ค. จากการสอบถามแรงงานเล่าว่า เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม จากนั้นมีคนมาเคลียร์ให้จ่ายค่าคุ้มครองเป็นรายเดือน โดยอ้างว่าต้องจ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 หน่วยงาน แต่ละหน่วยจะมีสติ๊กเกอร์มอบให้ไว้แสดงถึงการเคลียร์พื้นที่ขายของโดยไม่ถูกจับกุม โดยสติ๊กเกอร์โดราเอม่อนจ่าย 500 บาทสติ๊กเกอร์รถยนต์ 500 บาท ส่วนสติ๊กเกอร์เสื้อผ้านำเข้าจ่าย 300 บาท โดยยืนยันว่าคนต่างด้าวที่ออกมาขายของต้องจ่ายทุกคน เมื่อถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีการแอบอ้าง นายพรสวรรค์ตอบว่าทุกคนรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะจ่ายแล้วไม่ถูกจับ

จากกรณีเจ้าหน้าที่จับกุมชาวต่างชาติ 4 ราย ขณะกำลังขายของริมถนน โดย 3 ใน 4 รายแสดงสติ๊กเกอร์โดราเอม่อน สติ๊กเกอร์รถยนต์ และ ส่วนสติ๊กเกอร์เสื้อผ้านำเข้า ก่อนเจ้าหน้าที่ นำตัวส่งตำรวจ สน.บางซื่อ ดำเนินคดีเป็นชาวต่างด้าวลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ล่าสุด ผบก.น.2 ทราบเรื่องนี้แล้ว พร้อมยืนยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด

จากกรณีเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานเข้าตรวจบริเวณสี่แยกสุทธิสารและสะพานควาย เจ้าหน้าที่จับกุมชาวลาว 2 คน ขณะกำลังเข็นรถขายผลไม้และยังจับกุมชายชาวอินเดียที่เดินขายถั่วมาเจอชุดจับกุมพอดี รวมทั้งชายอีกคนเป็นชาวพม่า รวม 4 ราย ขณะกำลังขายเครื่องดื่มผสมธัญพืช อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน โดย 3 ใน 4 รายแสดงสติ๊กเกอร์โดราเอม่อน สติ๊กเกอร์รถยนต์ และ ส่วนสติ๊กเกอร์เสื้อผ้านำเข้า ก่อนเจ้าหน้าที่ นำตัวส่งตำรวจ สน.บางซื่อ ดำเนินคดีเป็นชาวต่างด้าวลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดเมื่อ 26 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00น. วันที่ 27 พ.ค. ที่ สน.บางซื่อ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 เดินทางมาที่ สน.เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง

พล.ต.ต.เจริญ เปิดเผยว่า ตรวจสอบแล้วพบว่าเมื่อวานกระทรวงแรงงานจับกุม ชาวลาว 2 คน ขณะขายผลไม้ ชาวพม่า 1 คน และชาวอินเดีย 1 คน ขณะขายถั่ว ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ จากคำให้การชาวลาว 2 คนและชาวอินเดีย ให้การเหมือนกันว่ากลางเดือนที่ผ่านมา มีชายใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ ขี่รถ จยย.มา พร้อมอ้างว่าเป็นคนของเจ้าหน้าที่ มาเรียกเก็บเงิน โดยแลกเงินกับสติ๊กเกอร์ 1 ใบ

โดยบอกว่าจะนำเงินไปให้นาย เป็นค่าคุ้มครอง และบอกว่าหากใครมาจับให้แสดงสติ๊กเกอร์ดังกล่าว เป็นการแสดงว่าเคลียร์แล้ว ซึ่งรวมทั้งหมดเป็นชาย ใส่หมวกกันน็อค ขี่รถ จยย.มา 3 คน คนละครั้ง และพูดเหมือนกันทุกคน รวมชาวต่างด้าวต้องจ่ายเงินประมาณ 1,300 บาท แต่ในส่วนของชาวพม่านั้น ไม่ได้มีชายลักษณะดังกล่าวมาเรียกเก็บเงินแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามตนทราบชื่อหน่วยงานที่ชาวต่างด้าวทั้ง 3 อ้างถึงแล้ว พบว่าไม่ใช่สถานีตำรวจใน บช.น. แต่เป็นหน่วยงานอื่น ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นเพียงคำให้การ แต่ไม่มีหลักฐานระบุว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่โดยสั่งการให้ พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว ผกก.สน.บางซื่อ ทำหนังสือแจ้งข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้หน่วยงานนั้นๆ ตรวจสอบแล้ว

พล.ต.ต.เจริญ กล่าวอีกว่า เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่อ้างหน่วยงานตำรวจเพื่อเป็นช่องทางในการขูดรีดเงินจากต่างด้าว เนื่องจากกลุ่มต่างด้าวก็แอบขายของ ซึ่งผิดกฎหมาย กลัวจะถูกจับ จึงให้เงินไป โดยไม่ทราบว่าเป็นคนของเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าตำรวจ สน.บางซื่อ และตำรวจสังกัด บก.น.2 ไม่มีพฤติการณ์เรียกเก็บเงินดังกล่าว และไม่มีการใช้สติ๊กเกอร์ใดๆแทนค่าผ่านทางแน่นอน และตนยังไม่เคยทราบเรื่องดังกล่าว

สอบถามภายในท้องที่ก็ไม่เคยได้รับร้องเรียนกรณีดังกล่าว ดังนั้นหากมีใครพบเห็นพฤติการณ์ลักษณะนี้อีก ให้รีบแจ้งทันที ตำรวจ บก.น.2 ขอเป็นเจ้าภาพในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย เนื่องจากทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจเสียหายอย่างมาก

30 พ.ค.| 12.00 น. กรมทรัพยากรทางทะเลเข้าตรวจสอบสนามกอล์ฟและสถานที่พักในจังหวัดภูเก็ต ตามแผนปฏิบัติการผลิกฟื้นผืนป่าชายเลน ทวงคืนป่าชายเลนถูกบุกรุกรวม 34 จุด พื้นที่ 2,200 ไร่

 

เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. หน่วยคอมมานโดกองปราบปราม และทหารสนธิกำลังกว่า 150 นาย เข้าตรวจค้นในพื้นที่ชุมชนซอยอินทามระ 10 เขตบางซื่อ พร้อมกัน 10 จุด เพื่อกวาดล้างกดดันผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดในพื้นที่ ตามโครงการชุมชนประชารัฐร่วมใจ หลังสืบทราบว่าในพื้นที่มีผู้ค้าผู้เสพทั้งหน้าใหม่และเก่า กลับมาฝังตัวจนกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดของยาเสพติดอีกครั้ง

จากการข่าวยังพบว่ากลุ่มผู้ค้ามีอาวุธสงครามไว้ป้องกันตัว อีกทั้งเมื่อหลายปีก่อน เคยใช้ระเบิดและอาวุธสงครามปะทะกับเจ้าหน้าที่ ทำให้ปฏิบัติการครั้งนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

ผลการปฎิบัติการไม่พบว่ามีการต่อสู้ขัดขืน โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมบุคคลตามเป้าหมายได้ 2 คน จาก 8 คน บางส่วนหลบหนีออกนอกพื้นที่ไปก่อนหน้านี้นอกจากนี้ยังควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและผู้เสพได้อีก 10 คน พร้อมยาเสพติดและอุปกรณ์การเสพ ก่อนนำตัวไปสอบสวนขยายผลต่อไป

ข่าว 7 สี - กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตกว้านซื้อที่ดิน ขายให้กับกลุ่มนักธุรกิจ เตรียมนำรายชื่อเสนอให้ คสช.เร็ว ๆ นี้

จากการลงพื้นที่ปฎิบัติการของชุดฉลาดขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อตรวจค้นผู้บุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พบมีทั้งสนามกอล์ฟ ท่าเทียบเรือยอชต์และชาวบ้านบุกรุกกว่า 400 ไร่ แต่เมื่อขอตรวจสอบเอกสารสิทธิ์การครอบครองที่ดิน ปรากฎว่ารีสอร์ททุกแห่งมีเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ทุกราย

ดังนั้น ทช. จึงต้องส่งเอกสารครอบครองที่ดินทั้งหมดให้กรมที่ดินตรวจสอบถึง ที่มาที่ไปของการออกโฉนด และเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินอื่น ๆ คาดว่าจะทราบผลภายใน 45 วัน หากพบไม่ถูกต้องจะเร่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์การครอบครองที่ดินทั้งหมด

นอกจากนี้ การลงพื้นที่ครั้งนี้ยังพบมีนายหน้ารายใหญ่กว้านซื้อที่ดินในจังหวัดภูเก็ต เพื่อขายให้กับนักธุรกิจทำรีสอร์ทจำนวนมาก จึงได้รวบรวมหลักฐานส่งให้กับ คสช.ตรวจสอบว่าเป็น 1 ในพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่

เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน จับกุมแรงงานต่างด้าว 3 ราย ที่โชว์สติ๊กเกอร์รูปลูกเต๋าที่นายจ้างให้ติดตัวไว้ เพื่อป้องกันเวลาถูกตำรวจจับกุม ขณะที่ สน.พลับพลาไชย 2 ยังคงสอบปากคำทั้ง 3 คนเพื่อขยายผล

รถเข็นขายนมถั่วเหลืองของ 3 พ่อค้าชาวเมียนมาที่ถูกเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานจับกุม ยังจอดอยู่ที่สน.พลับพลาไชย 2 โดยตำรวจดำเนินคดีกับทั้ง 3 คน ตาม พ.ร.บ.การทำงานของแรงงานต่างด้าว พ.ศ.2551 และอยู่ระหว่างการสอบปากคำ โดยเฉพาะประเด็นนำสติ๊กเกอร์รูปลูกเต๋า สีส้ม ที่อ้างว่านายจ้างให้พกไว้เพื่อป้องกันการถูกตำรวจจับกุม มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยทั้ง 3 ระบุเพียงว่า เมื่อสมัครงานแล้วก็จะได้รับสติกเกอร์ดังกล่าว

ทั้งนี้ทางตำรวจได้พยายามประสานติดต่อนายจ้างที่พ่อค้าทั้ง 3 อ้างถึง ว่าสติกเกอร์ดังกล่าวได้รับมาจากที่ใด และมีหน่วยงานใดอยู่เบื้องหลังหรือไม่

เช่นเดียวกับเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานจับกุมรถเข็นของชาวต่างด้าว 4 คน บางคนได้แสดงสติ๊กเกอร์รูปการ์ตูน ที่อ้างว่าได้มาจากเจ้าหน้าที่ 3 หน่วยงาน ซึ่งผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 กล่าวว่ายังอยู่ระหว่างรอคำตอบจากหน่วยงานที่ถูกอ้างถึง แต่เชื่อว่าเป็นการกล่าวอ้างของขบวนการเท่านั้น ส่วนกลุ่มต่างด้าวทั้งหมดเตรียมผลักดันกลับประเทศ หลังพบว่าวีซ่าหมดอายุ

ศาลจังหวัดภูเก็ตสั่งจำคุกเจ้าของที่ดินที่นำเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินปลอมขอออกโฉนดที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เป็นเวลา 13 ปี 1 คน และจำคุก 8 ปี 8 เดือนอีก 1 คน โดยไม่รอลงอาญา

 

เดือนธันวาคมปีที่แล้ว คสช.เข้าจัดระเบียบพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ให้มีหาดทรายขาวสะอาด ไม่มีเตียงผ้าใบ ร้านค้าทำลายทัศนียภาพ สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งปราบปรามผู้บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด มาวันนี้ชายหาดโล่งสะอาดตา แต่ยังมี 4 ปัญหาใหญ่ที่แก้ไขยังไม่ได้

ธรรมชาติที่งดงามของเกาะเสม็ด จังหวัดระยอง เป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ หลั่งไหลมาสัมผัส ชื่นชมหาดทรายขาว น้ำทะเลสวยใส แหล่งปะการังที่สมบูรณ์ มากถึง 200,00-300,000 คนต่อปี

ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธรรมชาติที่นี่ถูกทำลาย ถูกบุกรุกเพิ่มขึ้น พื้นที่ชายหาดเต็มไปด้วย เตียง เต็นท์เกะกะ ขยะ น้ำเสียถูกปล่อยสู่ทะเลมากขึ้นจนควบคุมไม่อยู่ รีสอร์ตผุดขึ้นรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จนต้องนำมาสู่การแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ผ่านมา 6 เดือน หลายปัญหาถูกแก้ไข ชายหาดกลับมาโล่ง สบายตา ไม่มีร้านค้า สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำชายหาด แม้แต่รถรับจ้าง จักรยานยนต์รับจ้าง ถูกขึ้นทะเบียน ใส่หลังคา ให้มีความปลอดภัย ค่าโดยสารเป็นธรรมขึ้น เสียงจากร้านอาหารที่เคยอึกกระทึกครึกโครมก็เงียบสงบลงหลัง 23.00 น.

แต่ด้วยปัญหาที่มากและสะสมมานาน แม้จะจัดระเบียบกันจริงจังก็ยังแก้ไม่ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะ 4 ปัญหาใหญ่ เริ่มจากปัญหาขยะที่เพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยวันละ 16 ตัน แต่กลับไม่มีการจัดการขยะที่ดีพอ ปัญหาน้ำเสียที่ร้านค้า ที่พัก รีสอร์ต แม้แต่บ้านเรือน ช่วยกันทิ้งสิ่งปฏิกูล

รวมไปถึงปัญหาจัดเก็บภาษีท้องถิ่น ที่ทหารพบข้อมูลใหม่ แต่ละปีเก็บได้เพียง 3,000,000 บาท สวนทางกลับการเจริญเติบโตของที่นี่ ที่มีโรงแรมที่พักกว่า 3,500 ห้อง ทำให้สภาพเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่นี่ไม่พัฒนาเท่าที่ควร

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาสิทธิการถือครองที่ดิน ที่แนวเขตทับซ้อนกันระหว่างที่ราชพัสดุ กับแนวเขตของอุทยานแห่งชาติ ที่ต่างคนต่างยึดแนวเขตของตนเองจนเกิดปัญหาบุกรุกพื้นที่อุทยานเขาแหลม หญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในพื้นที่

4 ปัญหาใหญ่ที่ยังรอการแก้ไข จำเป็นที่ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพ เพื่อนำไปสู่การพัฒนา แก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน

สำนักงาน ป.ป.ส.เดินหน้าแผนประชารัฐร่วมใจสร้างชุมชนปลอดภัยยาเสพติด เตรียมเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้มาตรา 44 จัดการเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง 17 รายแรกพัวพันขบวนการค้ายา

นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เปิดเผยในวันนี้ถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนประชารัฐร่วมใจสร้างหมู่บ้านชุมชนมั่นคงปลอดภัยยาเสพติด ระหว่างปี 2559 ถึง 2560 ว่า ในส่วนของมาตรการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในแผนประชารัฐร่วมใจฯ นั้น ที่ประชุม ป.ป.ส.มีมติรับทราบมาตรการการดำเนินการ โดยเบื้องต้นเตรียมเสนอข้อมูลการพบเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง และข้าราชการที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจำนวน 17 ราย โดยจะส่งให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯพิจารณาและดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ ก่อนสงให้พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เสนอต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. ให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 44 ดำเนินการ

สำหรับพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รับที่เข้าข่ายถูกตรวจสอบดำเนินการ ก็เช่น พฤติการณ์ค้ายาเสพติดเสียเอง // คบค้าสมาคมกับผู้ค้ายาเสพติด // ยักยอกของกลางยาเสพติด // คุ้มครองเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ค้ายาเสพติด และยังรวมถึงปล่อยให้มีการค้ายาเสพติดในพื้นที่ จนหน่วยนอกพื้นที่เข้าไปจับกุม

ในการนี้ พลเอกไพบูลย์ ได้ลงนามในคำสั่งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติที่ 6/2559 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดฯ จำนวน 3 คณะ เพื่อดำเนินการให้สำเร็จตามแผนด้วย

ทหาร ร่วมกับตำรวจและฝ่ายปกครอง เดินหน้าจัดระเบียบชายหาดเฉวง เกาะสมุย หลังพบว่าผู้ประกอบการมีการุกล้ำพื้นที่จนเกิดความไม่เป็นระเบียบ โดยเข้าพูดคุยทำความเข้าใจและให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำภายใน 7 วันหากไม่ดำเนินการจะใช้มาตรการทางกฎหมาย

ทหาร ร่วมกับตำรวจและฝ่ายปกครง ลงพื้นที่บริเวณถนนสายเรียบหาดเฉวง หมู่ 2 ตำบลบ่อผุด ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยว ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อจัดระเบียบทางเท้า ฟุตบาท และชายหาดสาธารณะเพื่อความเป็นระเบียบ โดยการจัดระเบียบครั้งนี้เน้นการ จัดระเบียบตลอด สองข้างทางริมฟุตบาททางเท้า ที่มีป้ายโฆษณาวางบนทางเท้าและ สิ่งก่อสร้างที่ออกมาเกินเสาไฟฟ้า

จากการลงตรวจพื้นที่พบว่า มีผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจ นำป้ายโฆษณา โต๊ะ เก้าอี้ แผงสินค้า และสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้ามาในพื้นผิวถนนสาธารณะและทางเท้า โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออก ส่วนพื้นที่ชายหาดเฉวง

พันเอกอายุพันธ์ กรรณสูต เสนาธิการกราทหารราบที่ 25 ได้ชี้แจงให้ผู้ประกอบการโรงแรมทราบถึงการใช้พื้นที่ด้านหน้าชายหาด ได้ ร้อยละ 50 และกันเป็นพื้นที่ว่างไว้ ร้อยละ 50 ตามการขึ้นลงของน้ำ วางสิ่งของเก้าอี้ชายหาด ร่ม เริ่ม 06.00 น.และเก็บเวลา 18.00 น. สำหรับ การจัดร้านอาหาร ด้านหน้าชายหาดเริ่ม 17.00 น.และให้เก็บในเวลา 24.00 น.

ส่วนสิ่งปลูกสร้างถาวรที่อยู่บนชายหาดให้ผู้ประกอบการ รื้อถอนออก สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำมาในที่สาธารณะดังกล่าว หากไม่มีการรื้อถอก็มีความผิดตามกฏหมายอีกด้วย

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ โดยให้กำหนด ภายใน 7 วัน และเมื่อครบ 7 วันแล้วยังไม่มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออก ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการด้วยการบังคับใช้กฎหมายต่อไป

DSI ลุยตรวจสอบคดีบุกรุกป่าชายเลนบ้านกู้กู

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ และสื่อมวลชน เข้าตรวจสอบปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ของกลุ่มนายทุนที่หวังครอบครองพื้นที่อุทยานเพื่อการทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่าไร่ละ 20 ล้านบาท โดยเบื้องต้นคดีนี้ ศาลปกครองนครศรีธรรมราชได้พิพากษาให้การครอบครองพื้นที่ดังกล่าวกว่า 500 ไร่ เป็นการครอบครองโดยมิชอบ

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวที่กลุ่มนายทุน ร่วมกันออกเอกสารสิทธิ โดยอ้างการทำประโยชน์สวนมะพร้าว ซึ่งจากข้อเท็จจริง ในพื้นที่ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ใดๆ พื้นที่ซึ่งมีเอกสารสิทธิทั้งหมด ยังคงมีสภาพเป็นป่าชายหาดที่ยังคงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ซึ่งดีเอสไอจะดำเนินคดีเพื่อให้ศาลได้พิจารณาลงโทษข้าราชการ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน และพยานแวดล้อมทำให้ทราบว่า กระบวนการออกเอกสารสิทธิมีข้าราชการระดับสูง เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนที่ทำกันอย่างเป็นกระบวนการ โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดพังงา และภูเก็ตร่วมมือกัน

จากนั้นคณะของอธิบดีดีเอสไอ ได้เดินทางไปยังบ้านท่าดินแดง หมู่ 4 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง ซึ่งมีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองทุ่งมะพร้าว เพื่อทำเหมืองทราย และได้มีการเตรียมขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรามป่าไม้เพื่อทำการก่อสร้างสนามบินพาณิชย์ของเอกชนรายหนึ่ง โดยพบว่าเป็นพื้นที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีของดีเอสไอ และเป็นพื้นที่ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่ราษฎรในพื้นที่ร่วมกันปลูกป่าไว้

 

คสช.ขีดเส้นตาย 15 วัน ให้ผู้บุกรุก ริมชายหาดเขาหลัก ตำบลคึกคัก และตำบลบางม่วง อ.ตะกั่ว จ.พังงา รื้อสิ่งปลูกสร้างที่บึกรุก

เจ้าหน้าที่ จาก มทบ.45 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง ตะกั่วป่า จ.พังงา และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลคึกคัก ได้ นำป้ายติดประกาศ ให้บ้านเรือนร้านค้าที่มีการบุกรุกที่สาธารณะติดชายหาดในเขตตำบลคึกคัก และตำบลบางม่วง อ.ตะกั่วป่า ทำการรื้อถอน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ามาดำเนินคดีกับผู้ที่ยังคงฝ่าฝืนในวันที่ 17 มิ.ย.นี้

นางโสรยา พนากร ชาวบ้านหมู่ 1 บ้านปากวีป ตำบลคึกคัก บอกว่า เนื่องจากไม่มีที่ทำมาหากิน จึงได้เข้ามาประกอบอาชีพในบริเวณชายหาดร่วมกว่า 10 ปี ชีวิตของครอบครัว 10 กว่าคน ต่างฝากไว้กับร้านนี้ จึงวอนอยากให้ส่วนราชกา ผ่อนผัน หรือ เยียวยาด้วยการหาที่ทำมาหากินให้ใหม่ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ยากจนด้วย

นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า บอกว่า คสช.ได้มีคำสั่งในเรื่องการจัดระเบียบชายหาด จังหวัดพังงา ในพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.บางม่วง และ ต.คึกคัก รวม 7 หมู่บ้าน ซึ่งได้ตรวจสอบแล่วมีผู้บุกรุกที่สาธารณะทั้งสิ้น 111 ราย จึงต้องประกาศให้ผู้ประกอบการทำการื้อถอน ทั้ง เตียง ร่ม ร้านนวด ร้านอาหาร ออกไป โดยที่ผู้ประกอบการสามารถแจ้งความจำนงต่อเทศบาลตำบลคึกคัก เพื่อที่จะได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยรื้อถอนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่หากพบว่า ในวันที่ 17 มิ.ย.59 ยังคงมีผู้ฝ่าฝืนไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง ก็จะดำเนินคดีทางกฎหมายทันที

โฮมเสตย์เกาะยอ จ.สงขลา แม้เป็นธุรกิจการท่องเที่ยวที่สร้างได้ให้กับชุมชนและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสงขลา แต่ปัญหาที่เรื้อรังมาอย่างต่อเนื่องคือเรื่องการบุกรุกพื้นที่น่านน้ำทะเลสาบสงขลา และนับวันสถิติการบุกรุกก็เพิ่มมากขึ้น จากเดิมมีโฮมสเตย์เพียง 20 หลังที่ต้องรื้อถอนปัจจุบันกลับพบว่ามีจำนวนสูงถึง 67 หลังปัญหาจะลงเอ่ยอย่างไร ไปติดตามจากรายงาน คุณสุพิชฌาย์ รัตนะ ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี

"ประยุทธ์" สั่งปราบพนันบอลยูโร

 

รื้อแผงค้าสะพานพุทธ 16 มิ.ย.

กทม. 12 มิ.ย. – กรุงเทพมหานครประกาศจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย 79 จุดทั่วกรุงเทพฯ ภายในปี 2560 ขณะที่บริเวณใต้สะพานพุทธ ดีเดย์ 16 มิ.ย.นี้

หลังจากที่กรุงเทพมหานครประกาศจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย 79 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร ภายในปี 2560 ทีมข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่ไปสำรวจบรรยากาศที่ปากคลองตลาด หลังจากจัดระเบียบไปแล้ว 1 รอบ เมื่อเดือนเมษายน มีบางส่วนที่ยังคงผ่อนผันให้ขายช่วงเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 20.30 – 04.30 น. ถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ พบเจ้าหน้าที่เทศกิจประจำตามจุดต่างๆ เพื่อดูแลความเรียบร้อย แต่ยังพบมีผู้ค้าบางรายฝ่าฝืนออกมาขายบนทางเท้าหรือนอกแนวเส้นที่กำหนด

จากการสอบถามผู้ค้าบางรายบอกว่า ตั้งแต่จัดระเบียบปากคลองตลาดเข้าเดือนที่ 3 กระทบต่อยอดขายลดลงถึง 3 เท่า ลูกค้าก็หาย บางรายย้ายกลับภูมิลำเนา บางรายต้องแอบเทศกิจขายแต่ก็โดนปรับขาดทุนกันจำนวนมาก

นายพิชัย เกรียงวัฒนศิริ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยทางโทรศัพท์ ได้รับรายงานว่ามีการประชุมผู้บริหาร กทม. และมีนโยบายให้จัดระเบียบหาบเร่แผงลอยบนถนนสายหลักของกรุงเทพฯ ภายในเดือนตุลาคม 2560 ซึ่งพื้นที่บริเวณปากคลองตลาดหลังการจัดระเบียบ พบว่าเรียบร้อยขึ้นมาก แต่ยังมีบางส่วนที่ยังฝ่าฝืน ซึ่งในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ได้ขีดเส้นตายห้ามขายเด็ดขาดทั้งกลางวันและกลางคืน

นอกจากนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เทศกิจได้ประชุมร่วมกับผู้ค้าใต้สะพานพุทธฯ และสะพานพระปกเกล้า ซึ่งได้แจ้งอย่างเป็นทางการเพื่อยกเลิกการตั้งแผงค้าทั้งหมดภายในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ มีบางส่วนที่คัดค้านและขอผ่อนผัน แต่ยืนยันว่าเพื่อความเป็นระเบียบจะไม่มีการผ่อนผันเด็ดขาด เนื่องจากแจ้งมาหลายเดือนแล้ว ส่วนพื้นที่อื่นๆ ทั้งบริเวณประตูน้ำ ราชประสงค์ ถนนราชดำริ ถนนสีลม และสยามแสควร์ ภายในวันที่ 1 สิงหาคม. – สำนักข่าวไทย

กรมป่าไม้ตั้งเป้ายึดรีสอร์ท 930 แห่งให้แล้วเสร็จ ภายใน 3 เดือน นำร่องหุบเขาไฮโซเชียงใหม่ รอบแรก 5 แห่งจาก 80 แห่งพบครอบครองผิดกฎหมาย

อธิบดีกรมป่าไม้ นายชลธิศ สุรัสวดี บอกว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนน ได้ลงพื้นจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ที่เข้าตรวจสอบการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อนำไปสร้างรีสอร์ท โรงแรม บ้านพักตากอากาศ ผิดกฎหมาย ในเขตท้องที่ อ.สะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้น พบว่ามีการก่อสร้างรีสอร์ทโรงแรม บ้านพักตากอากาศ ที่ตรวจสอบพบอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติอย่างน้อย 5 แห่ง จากข้อมูลที่มีการตรวจสอบเชิงลึกไว้ราว 80 แห่ง ซึ่งมีทั้งประเภทที่เป็นการครอบครองที่ดินแบบมือเปล่า และประเภทมีเอกสารสิทธิที่ดิน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเป็นการออกโดยการเดินสำรวจโดยไม่ได้มีการแจ้งครอบครอง สค1 ตามระเบียบ

อธิบดีกรมป่าไม้ บอกว่าต้องการขยายผลตรวจสอบให้ชัดเจน และเสนอให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ในส่วนของการครอบครองแบบมือเปล่าโดยไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่อาศัยได้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายด้วย โดยขณะนี้มอบหมายให้ชุดพยัคฆ์ไพร และสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า ประสานการปฎิบัติ ร่วมกับ พอ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ชุดปฎิบัติการพิเศษ ศปป.4 กอ.รมน. และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าไม้ เพื่อนำพื้นที่ไปทำรีสอร์ทผิดกฎหมายให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาด และให้ขยายผลให้ถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ โดยตามแผนกรมป่าไม้ จะดำเนินคดีกับรีสอร์ท โรงแรมที่พักที่สำรวจไว้ 930 แห่งให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน

โดยผลสำรวจรีสอร์ท/โรงแรมของกรมป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศ พบว่าในพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง มีจำนวน 150 แห่ง ในภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรีเพชรบุรี ลพบุรี สระบุรี ปราจีนบุรี นครนายก อุทัยธานี กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก) มีจำนวนถึง 500 แห่ง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ นครราชสีมา เลย หนองคาย) จำนวน 80 แห่ง และภาคใต้ ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงาตรัง ระนอง สุราษฎร์ธานี ชุมพร) มีจำนวนโรงแรมและรัสอร์ท 200 แห่ง รวมทั้งสิ้นทั่วประเทศ 930 แห่ง

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมป่าไม้ เชิญกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการหอกเงิน(ปปง. ) เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารที่ 4 กองอำนวยการรรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. รวมทั้งตำรวจป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมผู้อำนวยส่วนป้องกันรักษาทั่วประเทศรวม 140 คน ร่วมประชุมเพื่อให้การปฏิบัติตามคำสั่งคสช./ ที่ 64/2557 เรื่องการปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และคำสั่งคสช.ที่ 66/2557 และเริ่มปฎิบัติภารกิจทวงคืนป่าทันทีนำร่องที่เชียงใหม่

กทม.ขยายเวลาให้ผู้ค้าสะพานพุทธ-สะพานพระปกเกล้าตั้งแผงจำหน่ายสินค้าถึง17ก.ค.นี้

 

เมื่อวานก็ดูข่าวนี้เหมือนกันครับ อธิบดีป่าไม้ให้สัมภาษณ์ค่อนข้างชัดเจนขีดเส้นดำเนินการให้จบภายใน 3 เดือน แต่ดูจากปริมาณรีสอร์ท 900 แห่งถือว่าหนักเอาเรื่อง ถ้าทำได้เกินครึ่งสำหรับเริ่มต้นครั้งแรกก็ถือว่าเยี่ยมแล้วครับ เพียงแต่จะทำอย่างไรให้ความเข้มงวดแบบนี้คงอยู่ตลอดไป โดยเฉพาะเมื่อนักเลือกตั้งเข้ามามีอำนาจ

 

ทหาร-ตำรวจและกรมป่าไม้ บุกตรวจ 6 จุด หุบเขาไฮโซ จ.เชียงใหม่ ดูแนวเขตรีสอร์ทหรู บ้านพักตากอากาศ หวั่นบุกรุกผืนป่า

วันนี้ (16 มิ.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูเกียรติ พงศ์ศิริวรรณ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ ร่วมประชุมกับคณะทำงานที่ประกอบด้วยเจ้าพนักงานที่ดิน ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งตำรวจและทหาร เพื่อตรวจสอบข้อมูลและทำความเข้าใจในข้อกฏหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ลงพื้นที่ตรวจสอบและใช้อุปกรณ์จีพีเอสวัดแนวเขต บ้านพัก รีสอร์ท และโรงแรม ในพื้นที่ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ หรือ หุบเขาไฮโซ รวมทั้งหมด 6 จุด ประกอบด้วย โรงแรมภูเขางาม, ไร่นราธี, บ้านกัปตัน, บ้านพักตากอากาศไม่ระบุชื่อ, รีสอร์ทโอลีฟโฮม และพงษ์พนาวาเลย์

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจในการตรวจสอบที่โรงแรมภูเขางาม ที่ปลูกสร้างคืบหน้ามากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ดูแลได้นำเอกสารโฉนดที่ดินมีชื่อของนายอินถา ชัยยา อดีตผู้ใหญ่บ้านใน ตำบลบ้านปง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยจำนองที่ดินกับนายสิทธิ ชนะค้า เป็นผู้รับจำนองในปี 2557 ก่อนจะมีการก่อสร้างในปี 2558

ด้านเจ้าพนักงานที่ดิน ระบุว่า ที่ผืนนี้ผู้ถือกรรมสิทธิ์ระบุมีการครอบครองมาตั้งแต่ปี 2492 ก่อนขอออกโฉนดในปี 2552 ซึ่งแม้จะออกภายหลังมีประกาศพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2510 แต่กฏหมายก็เปิดช่องให้ผู้ที่ครอบครองพื้นที่ขอออกโฉนดได้หากพิสูจน์ได้ว่ามีการครอบครองและทำประโยชน์อย่างต่อเนื่องมาก่อน

ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีก 5 จุด เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบพร้อมกัน ซึ่งทุกจุดได้ตรวจสอบแนวเขตเพื่อสรุปเป็นข้อมูลรอการตรวจสอบอย่างละเอียด สำหรับรายชื่อของผู้ครอบครองที่ดินทั้ง 6 จุด นอกจากบ้านพักหลังหนึ่งที่มีชื่อของนายประยงค์ ด้วงสี บิดาของพล.ต.ต.นิยม ด้วงสี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่ (ผบก.ภ.จว.แพร่) และนายอินถา ชัยยา ที่ถือกรรมสิทธิ์บนที่ดินโรงแรมภูเขางาม รายอื่นๆที่เหลือ โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ระบุเพียงว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบแนวเขต เทียบกับข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ 5 ชั้นปี ของกรมป่าไม้ หากพบมีการครอบครองเกินจากที่ระบุไว้ในโฉนดหรือรุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติก็ต้องดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

ข่าว 7 สี - เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ เข้าตรวจสอบรีสอร์ทหรู บุกรุกพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จังหวัดตราด

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ได้นำเจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ และทหารนาวิกโยธิน เข้าตรวจสอบโรงแรมซีวิว รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งบุกรุกพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่า โรงแรมดังกล่าวมีนายพิสูจน์ รัตน์วงษ์ เป็นเจ้าของ ซึ่งมีเอกสารสิทธิ นส.3 ก จำนวน 42 ไร่ แต่เป็นการออกเอกสารสิทธิเพิ่มเติม 2 ครั้ง จากเดิม 14 ไร่ เพิ่มเป็น 38 ไร่ และ 42 ไร่ จึงได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกที่ดิน ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง และจะนำป้ายไปติดประกาศ ไม่ให้ใช้พื้นที่ แต่ทางเจ้าของโรงแรม สามารถยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง ให้คุ้มครองฉุกเฉินได้

ทางด้านนายกัมพล ดาราพงษ์ ทนายความ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมารีสอร์ทแห่งนี้ เคยถูกดำเนินคดีจากปปท.มาแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องที่ดินอีก ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินคดีที่ซ้ำซ้อน

เจ้าของโรงแรมสยามบีช รีสอร์ท เกาะช้าง คืนโฉนดที่ดินกว่า 30 ไร่ให้กรมอุทยานฯใช้ประโยชน์กับสาธารณะ หลังพบบุกรุกพื้นที่ป่า

วันนี้ (16 มิ.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการส่วนจัดการต้นน้ำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 หัวหน้าชุดพญาเสือ ศูนย์ฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติ และสัตว์ป่า พร้อมด้วยนายวีระ ขุนไชยรักษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับนายบุญช่วย กุลศรีวรชัย เจ้าของโรงแรมสยามบีช รีสอร์ท เกาะช้าง พร้อมรับคืนโฉนดที่ดิน 30 ไร่ 49 ตารางวา ที่ตรวจพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ

ด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณเจ้าของโรงแรมที่มอบที่ดินแปลงนี้เพื่อให้ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ใช้เป็นต้นน้ำและรักษาความหลากหลายทางชีวิภาพ ทางกรมอุทยานฯ จะได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดโยชน์กับสาธารณะ

ทั้งนี้ หลังรับมอบคืนที่ดินจากโรงแรมสยามบีช รีสอร์ท ชุดพญาเสือได้เดินทางต่อไปยังบ้านบางเบ้า ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง เพื่อทำการรื้อถอนร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีการปลูกรุกล้ำเขตอุทยานฯ หลังจากคดีสิ้นสุดแล้ว ซึ่งในพื้นที่บ้านบางเบ้ายังมีร้านอาหารและสิ่งปลูกสร้างหลายแห่งที่ปลูกสร้างอย่างผิดกฎหมาย เข้าข่ายต้องรื้อถอน รวมทั้งโรงแรมซีฮัท รีสอร์ท ของเอกชนรายใหญ่ที่ถูกฟ้องดำเนินคดีแล้วคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

6 จุดรุกป่าหุบเขาไฮโซ เจ้าของรีสอร์ทยันออกโฉนดถูกต้อง

นายชูเกียรติ พงศ์ศิริวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 ร่วมกับคณะทำงานจากกรมที่ดิน และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบรีสอร์ท 6 แห่ง หุบเขาไฮโซ บ้านโป่งทุง หมู่ที่ 4 และบ้านแม่ฮะ หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง

ซึ่งหลังตรวจสอบนายชูเกียรติ เปิดเผยว่า บางแห่งมีเอกสารสิทธิ์ระบุว่ามีการครอบครองมาตั้งแต่ปี 2492 แต่เพิ่งมีการออกโฉนดเมื่อปี 2552 แต่จากกฎหมายมีการระบุว่าหากมีหลักฐานว่ามีการครอบครองมาก่อนการประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ สามารถครอบครองที่ดินได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถรถบุได้ว่า ที่ดินทั้ง 6 แปลงได้กรรมสิทธิ์ มาถูกต้องหรือไม่ จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

สถานการณ์การบุกรุกพื้นที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ รุนแรงไม่หยุดล่าสุดพบนายทุนรุกพื้นที่สร้างรีสอร์ตใหม่กว่า 300 แห่ง ติดตามจากรายงานคุณธนพัต กิตติบดีสกุล

"เขาค้อ" และ "ภูทับเบิก" ในจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นที่หมายตาของกลุ่มนายทุนรุกทำรีสอร์ต รองรับตลาดท่องเที่ยว จนนำมาสู่การจัดระเบียบ จี้ตรวจเอกสารสิทธ์อย่างเข้มงวด ล่าสุดชุดพยัคฆ์ไพรของกรมป่าไม้ ได้ทำการตรวจสอบ จำนวนรีสอร์ตผู้ครอบครอง บริเวณเขาค้อทั้งหมด

ทีมข่าวลงสำรวจพื้นที่เขาค้อ พบตลอดเส้นทางมีรีสอร์ตเกิดขึ้นใหม่และต่อเติมจำนวนมาก หลายแห่งก่อสร้างบนเนินเขา มีจุดชมวิว มองเห็นทัศนียภาพได้รอบด้าน ซ้ำเติมปัญหาดั่งเดิมการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเพิ่มขึ้น

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบพิกัดรีสอร์ตเกิดใหม่ พบกว่า 300 แห่งรุกเข้าไปในพื้นที่ ที่ทหารเคยขอใช้เป็นพื้นที่ทำกินให้กับชาวบ้านผู้ร่วมรบได้ทำกิน ซึ่งปัจจุบันหมดสัญญาการใช้พื้นที่ของทหารแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องเข้าตรวจสอบ ใครรุกเข้าพื้นที่ป่าสงวน จับยึดคืนแผ่นดินทุกราย โดยชุดพยัคฆ์ไพรยืนยัน ต้องเอาผิดถึงกลุ่มผู้มีอิทธิพลแต่ละพื้นที่ให้ได้

ข้อมูลที่อยู่ในมือของ กรมป่าไม้ที่ต้องตรวจจับผู้บุกรุกทำรีสอร์ตในพื้นที่ไม้สงวนทั่วประเทศมีกว่า 930 แห่ง เบื้องต้นได้ให้ทุกรายแจงเอกสารสิทธิ์ โดยจะประสานกับกรมที่ดิน ตรวจสอบการได้มาของเอกสารสิทธิ์ทุกแปลงได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่พบรายไหนไม่ชอบมาพากล ตรวจละเอียดพบครอบครองไม่ถูกต้องยึดเป็นของแผ่นดินทันที

ภายหลังการตรวจสอบเอกสารสิทธิ รุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน บริเวณสนามแข่งรถโบนันซ่า เขาใหญ่ พบหลักฐานว่ามีการรุกล้ำเขตป่าสงวนกว่า 100 ไร่ จึงขยายผลการตรวจสอบไปยังสนามกอล์ฟ เนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ และที่ดินในโครงการหมู่บ้านจัดสรร พบว่ามีการปลูกสร้างบนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิจริง แต่อาจเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ เนื่องจากเป็นการเดินสำรวจออก นส.3 ก.ในเขตป่าสงวน และต่อมาในปี 2549 มีการเดินสำรวจเพื่อออกโฉนดในเขตป่าสงวนอีกครั้ง

เบื้องต้น สันนิษฐานว่าการถือครองที่ดินของโบนันซ่าอาจมีเอกสารสิทธิที่ถูกต้องประมาณ 10% เท่านั้น

นอกจากนี้ชุดสืบสวนยังได้เร่งสืบค้นประวัติการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน 10 รายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการออก นส.3 ก.และโฉนดให้กับโบนันซ่า ทำให้พบว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้มีพฤติการณ์ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบที่ดินในจังหวัดนครราชสีมา ให้กับกลุ่มนายทุนและนักการเมืองตระกูลดังอีกหลายแปลง โดยแต่ละแปลงมีเนื้อที่ตั้งแต่ 100-1,000 ไร่

ปัจจุบันที่ดินในเขตป่าสงวนถูกนำไปพัฒนาก่อสร้างเป็นสนามกอล์ฟและหมู่บ้านจัดสรรจนไม่หลงเหลือสภาพป่าไม้

เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ประยงค์ ปรียาจิตต์ บอกว่า ป.ป.ท.จะขยายผลตรวจสอบเชิงลึกว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนได้รับผลประโยชน์ร่วม หรือมีพฤติการณ์สนับสนุนการกระทำผิดหรือไม่ เพราะหากมีเจ้าหน้าที่รัฐให้ความร่วมมือต้องเอาผิดฐานทุจริตเพิ่มด้วย

เลขาธิการป.ป.ท. กล่าวว่า จ.นครราชสีมา เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายที่ป.ป.ท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการปราบปรามการบุกรุกที่ดินหลายจุดต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่โบนันซ่า แม้จะมีชื่อเป็นพื้นที่บุคคลที่มีอิทธิพลเป็นที่รู้จักแต่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในการเข้าไปทำงาน เนื่องจาก ป.ป.ท. เน้นตรวจสอบความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งแม้บางรายอาจพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ราชการไปแล้วแต่เมื่อพบความผิดทางอาญาก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไม่มีละเว้น

ทั้งนี้ การที่มีเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ป่าหรือภูเขาทั้งที่ไม่สามารถดำเนินการได้ต้องตรวจสอบไปถึงเจ้าหน้าที่นำชี้จุด และเดินสำรวจเข้าไปในเขตป่าสงวนว่าเหตุใดจึงไม่ยับยั้งก่อนเกิดความเสียหาย แต่กลับสนับสนุนกระทั่งมีการรุกล้ำก่อสร้างในที่ป่า

กรณีนี้ อยู่ระหว่างการสอบสวนของอนุกรรมการ ป.ป.ท.

ชาวบ้านหินเพลิง หมู่ 1 ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง ร้องเรียนว่า ฟาร์มโชคชัย เฟส 4 สร้างรั้วลวดหนามปิดทางสาธารณะของหมู่บ้านหินเพลิง กับบ้านขนงพระ โดยโฉนดที่ดิน 10 แปลง ออกทับที่สาธารณะและทุ่งเลี้ยงสัตว์ "ทุ่งรกฟ้า" ทำให้ชาวบ้านต้องใช้เส้นทางอื่นอ้อมไปไกลกว่า 20 กิโลเมตร

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา วิเชียร จันทรโณทัย เรียกประชุมคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน ให้ตรวจสอบการออกโฉนดที่ดินกว่า 200 แปลง เนื้อที่กว่า 3 พันไร่ ว่าทับซ้อนที่สาธารณประโยชน์พื้นที่ริมแนวเขาใหญ่หรือไม่ เนื่องจากชาวบ้าน มีหลักฐานการออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย มาตั้งแต่ปี 2547

จากการตรวจสอบแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ระวางโฉนดที่ดินบริเวณที่ฟาร์มโชคชัย เฟส 4 ถือครอง และเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด มีการออกโฉนด 10 แปลง ทับทางสาธารณะ ความยาวของทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ในวงรอบกว่า 3 พันไร่ ต้องตรวจสอบรายละเอียดอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงของการออกโฉนดและการถือครองก่อน

เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา นายไพโรจน์ บัวน่วม เปิดเผยว่า จากรายงานของสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขาปากช่อง ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ตามเอกสารการออกโฉนดที่ดินทั้ง 10 แปลงไม่ปรากฏว่ามีโฉนดแปลงใดแสดงข้อมูลว่าติดทางสาธารณะ หรือมีทางสาธารณะผ่านพื้นที่ดังกล่าว

เมื่อตรวจสอบแปลงโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าว พบว่าเป็นการออกโฉนดทับซ้อนที่สาธารณประโยชน์ชัดเจน ถึงแม้ฝ่ายผู้ครอบครองโฉนด อาจจะมีหลักฐานโต้แย้งใดๆ ก็ตามว่าไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ ก็ยังมีปัญหาด้านข้อกฎหมายอื่น ที่ระบุชัดเจนว่าที่ดินบริเวณดังกล่าว ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ โดยเฉพาะโฉนดที่ดินบางแปลงได้ออกมาจากหลักฐาน นค.3 เมื่อตรวจสอบพิกัดตำแหน่งของแปลงที่ดิน แล้วพบว่าอยู่นอกแนวเขตพื้นที่จัดตั้งนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ตามประกาศคณะปฏิวัติ พ.ศ.2515 ซึ่งเป็นแปลงที่ดินที่ไม่สามารถออก นค.3 ได้

โฉนดที่ดินบางแปลงออกโดยวิธีการเดินสำรวจตามมาตรา 58 ประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งในขณะดำเนินการเดินสำรวจเพื่อออกโฉนดที่ดินปรากฏว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ซึ่งเป็นพื้นที่ห้ามเดินสำรวจ ไม่ว่าจะมีหลักฐานสำหรับที่ดินเดิมใด ๆ ก็ตาม

ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่าการออกโฉนดที่ดินบริเวณทุ่งรกฟ้า จึงเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และพร้อมนำเข้าสู่กระบวนการเพิกถอนโฉนด เพื่อทวงคืนพื้นที่สาธารณประโยชน์กลับมาเป็นสมบัติส่วนรวมต่อไป

หลังนาย มานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า นำกำลังช่วยรื้อถอนร้านค้าหลังครบกำหนดเส้นตายจัดระเบียบชายหาด
มานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า นำกำลังเจ้าหน้าที่ปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าช่วยชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่1 บ้านปากวีป หมู่ที่2 บ้านบางขยะ และ หมู่ที่6 บ้านบางเนียง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า หลังชาวบ้านที่บุกรุกชายหาดหลายคนได้แสดงความจำนงให้เจ้าหน้าที่ช่วยรื้อถอนเนื่องจากไม่มีกำลังทรัพย์และแรงงาน และในวันที่ 21 มิ.ย.59 หากยังพบว่ายังมีผู้ฝ่าฝืนไม่ยอมทำการรื้อถอน ก็ จะต้องมีการแจ้งดำเนินคดีทางกฎหมาย รวมถึงการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าทำการรื้อถอนออกให้เรียบร้อย ส่วนพื้นที่ที่มีนายทุนบุกรุกก็จะเป็นหน้าที่ของทางเทศบาลตำบลคึกคัก เข้าไปดูแล เนื่องจากว่ามีกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคารเข้ามาดูแลต่อไป

ในการนี้หากผู้ประกอบการท่านใดที่ยังคงมีความประสงค์ที่จะทำการรื้อร้านค้าโดยไม่มีความผิดตามกฎหมาย สามารแสดงความจำนงเพิ่มเติมให้ภาครัฐทำการช่วยรื้อได้อีก 2 วัน (19-21 มิ.ย.59) ผ่าน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เทศบาลตำบลคึกคัก เทศบาลตำบลบางม่วง ตามพื้นที่ๆได้มีการบุกรุก

แต่ก็ยังพบมีกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารหลายแห่ง ที่ฝ่าฝืนบางกลุ่มไม่ยอมทำตามระเบียบ พร้อมร้องศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้มีการคุ้มครองช่วยเหลือเยียวยา

มาตรการทวงคืนผืนป่า ที่กรมป่าไม้ ประกาศไว้ ยังคงเดินหน้าอย่างเข้มเข้มต่อเนื่อง ล่าสุด กรมป่าไม้ ได้เข้าหุบเขาไฮโซ ที่มีการสร้างรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศใน ต.บ้างปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ จำนวนมาก เจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ติดต่ามเรื่องนี้กับ คุณปฎิญญา ศรีสุภมาตุ ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ศูนย์ข่าวภาคเหนือ

 

เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำชายหาดสาธารณะใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา หลังครบกำหนดประกาศแจ้งเตือน 15 วัน

ผ่านร่าง พ.ร.บ.ครองที่ดิน ส.ป.ก. เดินหน้ายึดคืนที่นายทุนแจกเกษตรกร

สตูล 23 มิ.ย. – เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้กลุ่มนายทุนเข้าไปสร้างสถานประกอบการ อุทยานแห่งชาติตะรุเตาตรวจสอบพบว่ามีรีสอร์ทและสถานประกอบการจำนวนมากบุกรุกเขตอุทยานฯ จึงสนธิกำลังเข้าตรวจยึดรีสอร์ทหรูบนเกาะหลีเป๊ะจำนวน 3 แปลง รวมเนื้อที่กว่า 35 ไร่. – สำนักข่าวไทย

รองอธิบดีกรมทรัพยาการทางทะเลและชายฝั่ง เผยมีนักการเมืองระดับชาติ อักษรย่อ “ส” “ศ” และ “พ” อยู่เบื้องหลังการบุกรุกผืนป่าชายเลน จ.กระบี่ สัปดาห์หน้าเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบอีกหมื่นไร่ พร้อมย้ำ หากพบเจ้าหน้าที่รัฐมีเอี่ยวออกเอกสารสิทธิมิชอบ ส่งดีเอสไอ จัดการทันที

นายศักดา วิเชียรศิลป์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช. พร้อมด้วย พลโท บัญชา ทองวิลัย ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการทวงคืนผืนป่าชายเลน ที่ถูกรุกป่า ตามแผนปฏิบัติการพื้นที่เป้าหมายประจำปีงบประมาณ 2559 ว่า พื้นที่ป่าชายเลนทั้ง 24 จังหวัด จะพลิกฟื้นผืนป่า 15,000 ไร่ ซึ่งขณะนี้สามารถทวงคืนได้แล้ว 11,781 ไร่ หรือร้อยละ 78.54%

สำหรับพื้นที่ที่ยึดคืนมาได้ ส่วนใหญ่เป็นนายทุนทำนากุ้ง ส่วนรีสอร์ท ร้านอาหาร สนามกอล์ฟ พอมีบ้าง แต่ไม่มากนัก และผู้ครอบครองส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติ รวมถึงข้าราชการด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ 28-29 มิถุนายนนี้ ทาง ทช. จะลงพื้นที่ตรวจสอบผืนป่าชายเลน 10,000 ไร่ ใน จ.กระบี่ ซึ่งมีนักการเมืองระดับชาติ อักษรย่อ “ส” “ศ” และ “พ” อยู่เบื้องหลัง

โดยพลเอก ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรอง ผอ.รมน. ได้เน้นย้ำให้ กอ.รมน. บูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด และหากพบว่ามีข้าราชการช่วยเหลือในการออกเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกต้อง จะถูกดำเนินคดีด้วย โดยจะส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ดำเนินการ และเอกสารนั้นจะถูกเพิกถอนทันที ซึ่งขณะนี้มีกว่า 10 คดีแล้ว เมื่อคดีอาญาสิ้นสุดก็จะมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งต่อไป

ข่าว 7 สี - ชุดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าชายเลน ยึดคืนพื้นที่ป่า ที่ถูกบุกรุก เพื่อทำสวนปาล์ม ในอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

ชุดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าชายเลน สนธิกำลัง ทหาร ตำรวจและอาสาสมัคร 120 นาย ออกปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าชายเลน โดยเข้ารื้อถอนสวนปาล์ม 17 ไร่ ที่อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลนคลองบางผึ้ง-ป่าคลองพ่อ หมู่ 7 บ้านใต้ ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยใช้กำลังคน และรถแบ็คโฮ ทำการรื้อถอนต้นปาล์ม ที่มีอายุประมาณ 5 ปี ที่ปลูกอยู่ในพื้นที่

การปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าชายเลน ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ คลองบางผึ้ง-ป่าคลองพ่อ ครั้งนี้ เป็นนโยบายของรัฐบาล ในการปกปักษ์รักษาพื้นที่ป่าให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และระบบนิเวศน์ของป่าชายเลน ให้มีความสมบูรณ์ให้กับลูกหลาน ในอนาคตต่อไป

นายศรัทธา ทองคำ นายอำเภอคลองท่อม กล่าวว่า ตามที่รัฐบาล ได้มีนโยบายในการทวงคืนผืนป่าทั่วประเทศ ที่มีกลุ่มนายทุนและชาวบ้าน เข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ทั้งบุกรุกทำไร่เลื่อนลอย และสร้างสิ่งปลูกสร้าง ที่เป็นการทำลาย ทรัพ-ยากรป่าไม้ และสิ่งมีชีวิต ที่อาศัยอยู่ในผืนป่าชายเลน ที่ต้องทวงคืนกลับมา

 

หลังจากอธิบดีกรมป่าไม้ สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งเข้าไปบังคับใช้กฏหมายกับกลุ่มทุนที่เข้าไปครอบครองสร้างรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศ ในเขตป่าไม้ถาวรและพื้นที่ป่าสงวนฯ ตามที่ได้รับรายงาน จำนวน 970 แห่งทั่วประเทศ ล่าสุดวันนี้กรมป่าไม้โดยชุดพยัคฆ์ไพร ร่วมกับหลายหน่วยงาน เข้าไปตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายนำร่องที่แรก ในอำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งตามข้อมูลพบว่า มีรีสอร์ทบ้านพักที่เข้าข่ายกระทำความผิดมากถึง 58 แห่ง นอกจากนี้ยังพบผู้ครอบครองบางราย ติดประกาศขายที่ดินบนยอดเขาสูงชันที่ไม่น่าจะออกเอกสารสิทธิได้

"ชุดพยัคฆ์ไพร" ยึดรีสอร์ทบนเขาค้อ 58 แปลงรวมพื้นที่เกือบ 3 พันไร่ รวมวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เพชรบูรณ์ เร่งเอ็กซเรย์ให้จบภายใน 90 วัน

ผู้อำนวยการสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ นายอรรถพล เจริญชันษา บอกว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจากนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมไม้ นำชุดพยัคฆ์ไพรนำโดย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบรีสอร์ทหรู ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาโปลกหล่น อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องจากข้อมูลจากการแปลภาพถ่ายทางอากาศพบ 58 แห่งที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ

โดยเฉพาะที่เขาค้อ เพชรบูรณ์ มีการบุกรุกก่อสร้างรีสอร์ทขนาดกลางและขนาดใหญ่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่า เขาโปลกหล่น รวมพื้นที่มากกว่า2-3 พันไร่ และอ้างครอบครองเอกสารสิทธิ์ และบางแปลงก็ไม่มี คาดว่าจะมีกลุ่มนายทุนและทำกันเป็นขบวนการ โดยการตรวจรีสอร์ท 5 จุดมีทั้งที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและสร้างเสร็จบางส่วน ไม่พบแม้แต่คนงาน และไม่พบใครมาแสดงตัว ตามกระบวนการทางกรมป่าไม้ จะติดป้ายประกาศให้นำเอกสารมาแสดงและตรวจสอบตามขั้นตอน 2 ครั้งๆละ15 วัน ส่วนที่ไม่ถูกต้องจะต้องถูกเพิกถอน

นายอรรถพล บอกอีกว่า จากการติดตามยังพบการประกาศขายที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ราคาที่อ้างมีโฉนดไร่ละ 1.4 ล้านบาท แต่หากเป็นบ ภบท.5 จะตกไร่ละ 3 แสนบาท โดยกรมป่าไม้ จะเร่งตรวจสอบการถือครองโฉนดที่ดินว่ามีการออกมาโดยชอบ หรือมีการบุกรุกป่าไม้หรือไม่ โดยตามแผนจะต้องเอ็กซเรย์ทั้ง 58 แปลงให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ส่วนกรณีของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ทางวัดบอกว่ามีโฉนด และยังพบพื้นที่ด้านบนและบริเวณรอบๆมีการแบ่งแปลงพื้นที่เพื่อเตรียมทำประโยชน์อื่นๆ

ทั้งนี้กรมป่าไม้ มีแผนตรวจสอบ โรงแรม รีสอร์ท และบ้านพักตากอากาศของกลุ่มทุนในเขตป่าไม้ทั่วประเทศ ตามที่ได้รับการรายงาน จำนวน 970 แห่ง โดยกำหนดแนวทาง และขั้นตอนการดำเนินให้แล้วเสร็จภายใน 90วันโดยให้แล้วเสร็จภายใน วันที่ 30 กันยายนนี้

กรมป่าไม้ ยืนยันคดีสนามแข่งรถโบนันซ่า รุกป่าสงวนแห่งชาติ 100 ไร่ ส่วนความคืบหน้า เตรียมเพิกถอนที่ดิน

อธิบดีกรมป่าไม้ นายชลธิศ สุรัสวดี ยืนยันว่า การตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินของสนามแข่งรถโบนันซ่า จำนวน 100 ไร่ ที่รุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน จังหวัดนครราชสีมา มีความคืบหน้า แม้จะใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี เพราะกระบวนการต้องมีช่วงระยะเวลาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ หลังจากกรมป่าไม้พบการบุกรุกที่ดินในเขตป่า เมื่อส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแล้วขั้นตอนการเพิกถอนพื้นที่สนามแข่งรถทางผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการ

ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการทำงาน. กรมป่าไม้ไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงเพื่อขอให้เร่งรัดได้ แต่จะตรวจสอบไปว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนไหนและยืนยันว่าไม่ได้ช้าแน่นอน

ข่าว 7 สี - เป็นอีกครั้งที่ชุดฉลามขาว ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ออกปฎิบัติการทวงคืนผืนป่า และครั้งนี้พบชื่อนักการเมืองชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ ติดตามจากรายงานของ คุณธนพัต กิตติบดีสกุล

ปฎิบัติการครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นที่ บ่อกุ้งขนาดใหญ่เนื้อที่ 131 ไร่ หลังแปลภาพถ่ายทางอากาศ พบการบุกรุกพื้นที่ป่าคลองจิหลาด อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เมื่อเข้าตรวจสอบผู้ที่อ้างเป็นจัดการนากุ้ง ได้นำโฉนดที่ดิน 2 ฉบับ และ สค.1 อีก 1 ฉบับ ที่มีชื่อนักการเมืองชื่อดัง อดีต ส.ส.จังหวัดกระบี่ เป็นผู้ครอบครองเนื้อที่รวมกัน 42 ไร่ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนเนื้อที่อีก 89 ไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์

เจ้าหน้าที่เชื่อว่า โฉนดที่ดินทั้ง 2 ฉบับได้มาไม่ถูกต้อง เพราะโฉนดที่ดินออกมาเมื่อปี 2549 แต่พื้นที่บริเวณนี้ถูกประกาศเป็น ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองจิหลาด ตั้งแต่ปี 2510

ขั้นตอนจากนี้ นอกจากจับกุมผู้จัดการนากุ้งแล้ว ได้สั่งยึดพื้นที่ 89 ไร่ ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์มาแสดงทันที และเร่งตรวจสอบการได้มาของเอกสารกับกรมที่ดิน

พื้นที่นากุ้งที่ตรวจยึดคืนวันนี้ เป็นอีก 1 ผืนป่าชายเลนที่มีความสมบูรณ์มาก และอยู่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยว

ปฏิบัติการครั้งนี้ ไม่ได้ทวงคืนเฉพาะนากุ้งแห่งนี้เท่านั้น ยังพบรีสอร์ท 1 แห่ง และท่าจอดเรือยอชท์ 3 แห่ง บุกรุกในพื้นที่ป่าสงวน จังหวัดกระบี่ รวมเนื้อที่กว่า 10,000 ไร่ ซึ่งปฎิบัติการทั้งหมดจะดำเนินการจนถึงวันพรุ่งนี้

ชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมกำลังทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบการก่อสร้าง ท่าจอดเรือยอร์ช จ.กระบี่

 

ข่าว 7 สี - กทม.ผ่อนปรน ให้ผู้ค้าย่านสยามสแควร์ ค้าขายบนทางเท้า ได้ถึงวันที่ 1 กันยายนนี้

พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเรียกประชุมชี้แจงพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย และรถเข็น ในการจัดระเบียบทางเท้าย่านสยามสแควร์ เขตปทุมวัน ซึ่งได้ห้ามขายกลางวัน ไปนานแล้ว แต่ยังอนุญาตให้ผู้ค้ากลางคืน ตั้งแผงค้าได้ตั้งแต่ 19.00-23.00 น. ขายเสื้อผ้า รถเข็นอาหาร และสินค้าเบ็ดเตล็ด ยาวตลอดแนวทางเท้า ริมถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกปทุมวัน ถึงแยกเฉลิมเผ่า และถนนพญาไท ตั้งแต่แยกปทุมวัน ถึง สยามสแควร์ ซอย 7 รวมมีผู้ค้านอกจุดผ่อนผัน 554 ราย

หลังการหารือ กทม.ยื่นข้อเสนอ ขยายเวลาให้ผู้ค้า ถึงวันที่ 1 กันยายนนี้ เมื่อครบกำหนดให้ย้ายไปขายที่ตลาดคึกคักท่าดินแดง สายใต้ใหม่ ใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ และพงษ์พระราม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้ค้า ยังขอขายต่อถึงสิ้นปี

ดอกไม้สดปากคลองตลาด ยังคงงดงามชูช่อ ในค่ำคืนสุดท้าย ที่กรุงเทพมหานครขยายเวลาให้ผู้ค้าผลัดกลางคืน ได้ตั้งแผงค้าขาย จัดวางดอกไม้แบกะดินขายปลีกขายส่งบนทางเท้า ตลอดแนวถนนจักเพชรท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก พ่อค้าแม่ค้ากลับใจหาย นับเวลาถอยหลังก่อนสว่าง แผงค้าทุกแผง ดอกไม้ทุกช่อต้องหายไป ไม่กลับคืน ยืดเวลาผ่อนผันกันมาตั้งแต่ต้นปี กรุงเทพมหานครจ่อคิวปิดตำนานตลาดค้าดอกไม้แหล่งใหญ่ใจกลางกรุง โละแผงค้าผลัดกลางวัน ตามมาด้วยแผงค้าผลัดกลางคืน หมดเวลายื่นข้อเสนอที่ผ่อนกันมานานร่วม 6 เดือน ให้พ่อค้าแม่ค้าได้ตั้งหลักและย้ายไปหาที่ทำกินใหม่ เยียวยาเปิดพื้นที่รองรับตลาดเอกชนในพื้นที่ใกล้เคียง

พ่อค้าแม่ค้ายังคงเสียใจ และเสียดาย ความทรงจำตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมา จากตลาดขนาดเล็ก เติบโตกว้างขวางกินพื้นที่ยาวหายกิโลเมตร ค้าขายกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นพื้นที่ทำกินถาวร แต่เมื่อบ้านเมืองมีกฏกติกา ก็ต้องทำใจยอมรับปรับสภาพ ตามระเบียบของสังคม คืนทางเท้า เปิดทางสัญจรให้คนกรุง

ในอนาคตย่านปากคลองตลาด จะเชื่อมต่อระบบรถไฟใต้ดิน ขยายเส้นทางคมนาคมให้คนกรุงฯเดินทางสะดวก กรุงเทพมหานครจึงไม่มีพื้นที่เพียงพอให้พ่อค้าแม่ค้า ใช้ทางเท้าค้าขายกันอีกต่อไป ปิดฉาก ปิดตำนานถาวร ปากคลองตลาดเสน่ห์ริมบาทวิถี แหล่งค้าส่งค้าปลีกดอกไม้ขนาดใหญ่ จากนี้กทม.ได้จัดระเบียบให้เป็นสัดเป็นส่วน

พบกลุ่มแรงงานเพื่อนบ้านจำนวนมาก ลักลอบค้าขายในตลาดโบ๊เบ๊ริมคลองมหานาค เจ้าหน้าที่เร่งกวาดล้าง หลังผู้ค้าคนไทยเดือดร้อน ถูกขายตัดราคาลงสนามข่าว กับคุณวรัญญู นวกาลัญญู

ช่อง 7 สี ได้รับแจ้งจากผู้ค้ารายหนึ่งในตลาดโบ๊เบ๊กลางคืน ริมคลองมหานาค พร้อมให้เบาะแสว่า มีชาวต่างชาติหลายคน เปิดร้านขายของ ไม่ยำเกรงเจ้าหน้าที่ ทั้งที่รู้ว่าผิดกฎหมาย

ทีมข่าวได้ประสานไปยังนายอารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน ซึ่งได้มีข้อสั่งการให้เจ้าหน้าที่ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวทันที

เวลา 03.00 น.วันนี้ ชุดปฏิบัติการเตรียมความพร้อมลงพื้นที่ โดยเป็นการสนธิกำลังระหว่างกรมการจัดหางาน สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบ ออกเดินตรวจแผงค้าริมคลองมหานาค ที่ได้รับแจ้งว่ามีแรงงานชาวต่างชาติลักลอบเข้ามาทำงานค้าขายจำนวนมาก

หญิงสาวรายนี้ เป็นหนึ่งในแรงงานสัญชาติลาว ที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ ถึงแม้จะมีเอกสารเข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมาย แต่ลักษณะการทำงานไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งภายในร้านมีพนักงานขายอีกคน อ้างว่าเป็นชาวกัมพูชาแต่ไม่พกบัตร ทั้งคู่มีหน้าที่ขายของหน้าร้าน ได้ค่าแรงวันละ 300 บาท แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงเจ้าของร้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า มีเจตนาหลบหลีก เจ้าของอาจจะเป็นชาวต่างชาติ โดยเจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลต่อไป

ถัดออกไปเพียงไม่กี่แผงค้า ก็ไปเจอแรงงานที่อ้างตัวว่าเป็นชาวเมียนมา ไม่มีบัตรประจำตัว และปฎิเสธว่าไม่ได้มีหน้าที่ขายของ โดยทำแค่จัดวางสินค้าให้เป็นระเบียบเท่านั้น แต่ทีมข่าวได้เฝ้าดูพฤติกรรมอีกสักพัก ในที่สุด เมื่อมีลูกค้าเข้าร้านเธอก็ทำหน้าที่ขายของ และรับเงินจากลูกค้า ต่อหน้าต่อตา เจ้าหน้าที่

ที่เห็นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ภายในตลาดโบ๊เบ๊แห่งนี้ ยังมีร้านค้าที่เปิดขายในเคหะสถานส่วนบุคคล ที่เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจค้นโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าเป็นจุดอ่อนของพื้นที่ดังกล่าว ที่ยากต่อการปราบปราม แต่ยังไม่ละความพยายาม จะขยายผลและเร่งกวาดล้างจนถึงที่สุด

เจ้าหน้าที่ยังฝากย้ำเตือนไปยังผู้ประกอบการ ที่ไม่ใส่ใจกับการนำแรงงานเพื่อนบ้านมาทำงานที่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม เช่น การขายของแบบนี้ ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพสงวนของคนไทย เพราะถึงแม้จะเข้ามาทำงานอย่างกฏหมาย แต่ก็มีโทษตามกฎหมายที่เอาผิดได้ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ทีมข่าวสังคม สนามข่าว 7 สีรายงาน

เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าปากคลองตลาด นำดอกไม้มาเทปิดบนถนนบริเวณเชิงสะพานพุทธ ประท้วงเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร หลังถูกผลักดันให้ย้ายออกไปแผงค้าใหม่ที่ทาง กทม. จัดให้ ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ตามนโยบายไม่ให้มีผู้ค้าบนทางเท้าปากคลองตลาด ส่งผลการจราจรในบริเวณดังกล่าวติดขัดอย่างหนัก โดยเรียกร้องขอให้ชะลอการจัดระเบียบออกไปถึงปลายปีนี้ พร้อมขอเจรจากับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว กระทั่งเวลา 01.00 น. จึงสลายตัวในที่สุด โดยจะมีการนัดมาคุยพูดกันอีกครั้งในวันที่ 4 ก.ค. นี้

ปัญหาการจัดระเบียบผู้ค้าดอกไม้ย่านปากคลองตลาดยังไม่จบลงง่ายๆ ทั้งที่เมื่อวานนี้ได้มีการเจรจาอีกรอบหลังมีการชุมนุมประท้วงปิดถนน โดยในคืนนี้ผู้ค้าดอกไม้ช่วงกลางคืนนัดหมายกลับมาเปิดแผงค้ากันอีกครั้ง

 

ข่าว 7 สี - กรมป่าไม้ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าได้อีก 1 พันไร่ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ระบุเป็นจังหวัดที่มีการบุกรุกมากที่สุดในประเทศ ติดตามจากรายงาน

นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมชุดพยัคฆ์ไพร และทหาร กว่า 200 นาย เข้าตรวจสอบโรงแรม รีสอร์ส บ้านพักตากอากาศ ที่บุกรุกในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติเขาโปรกหล่น ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ทั้งที่ก่อสร้างสำเร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการก่อสร้างรีสอร์สอีกหลายหลัง โดยแบ่งพื้นที่มาก กว่า 20 แปลง บนเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่

ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการตรวจติดตามการปฏิบัติการตรวจสอบรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ที่บุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 970 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งพบว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ มีการบุกรุกป่าจากนายทุน เข้าใช้ประโยชน์สร้างรีสอร์ทมากที่สุดในประเทศ โดยบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด เพื่อพลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกัน บริเวณใกล้เคียง มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมอีก 58 แปลง จากการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ โดยเปลี่ยนสภาพป่า เพื่อปลูกพืชและสร้างถนน และในเร็ว ๆ นี้ พร้อมเข้ายึดพื้นที่การบุกรุกผืนป่าจากนายทุนทั่วประเทศทั้ง 970 แปลง ภายในกำหนด 90 วัน

หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ กรมป่าไม้โดยชุดพยัคฆ์ไพร ได้เข้าไปบังคับใช้กฏหมายกับกลุ่มทุนที่เข้าไปทำรีสอร์ทบ้านพักในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งตามรายงานพบพื้นที่เข้าข่ายกระทำความผิดมากถึง 58 แห่ง ล่าสุดวันนี้เจ้าหน้าที่กลับเข้าไปที่นั่นอีกครั้ง หลังไดรับรายงานว่าผู้ครอบครองบางรายมีพฤติกรรมขัดต่อกฏหมาย เจ้าหน้าที่จึงติดประกาศแจ้งเตือนผู้เข้าทำประโยชน์ที่มีเอกสารสิทธิ ขอให้เข้าแสดงตัวและนำเอกสารมาชี้แจงภายใน 45 วัน หากครบกำหนดยังไม่ดำเนินการ จะเข้าตรวจยึดดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต

ความคืบหน้าหลังจากที่ กทม.เดินหน้าจัดระเบียบทางเท้าที่ปากคลองตลาด และไม่ให้นำสินค้ามาวางขายตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดย กทม.ได้จัดสรรพื้นที่ใหม่ให้ผู้ค้า ซึ่งมีผู้ค้าบางรายยอมย้ายไปขายที่ใหม่ แต่บางส่วนที่ยังไม่รู้ว่าจะไปขายที่ไหนได้รับผลกระทบ และไม่พอใจจึงเกิดการประท้วงเมื่อคืนที่ผ่านมา

วันนี้เจ้าหน้าที่เทศกิจกว่าร้อยนาย ทั้งทหาร และตำรวจ ลงพื้นที่ดูแลความเรียบร้อย ขณะที่ตัวแทนผู้ค้าขอให้ กทม.ช่วยขยายเวลาอีก 3 เดือน ซึ่งรองปลัดกรุงเทพมหานคร ยืนยันไม่สามารถขยายเวลาได้ สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ค้าอย่างมาก

เมื่อเวลา 21.00 น. ที่ผ่านมา หลังจากที่เจ้าหน้าที่เทศกิจเข้ามาเจรจากับผู้ค้าดอกไม้ ที่ถนนจักรเพชร ปากคลองตลาด โดยขอความร่วมมือไม่ให้วางขายสินค้าบนทางเท้า สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ค้าอย่างมาก โดยผู้ค้าบอกว่าตนนั้นวางขายติดกำแพงบ้าน พร้อมกับตั้งคำถามว่า เหตุใดบริเวณทางเท้าอื่นๆ สามารถวางขายสินค้าได้ โดยเรียกร้องให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองปลัดกรุงเทพมหานคร และนายสมชัย ไตรพิทยากุล ผู้อำนวยการเขตพระนคร พร้อมด้วยทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เทศกิจกว่าหนึ่งร้อยนาย ลงพื้นที่ดูแลความเรียบร้อยและพูดทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ค้า หลังจาก กทม.ประกาศห้ามไม่ให้วางขายสินค้าบนทางเท้าตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคมที่ผ่านมา หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 2,000 บาท ตามพระราชบัญญัติ รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พร้อมยืนยันว่าไม่สามารถขยายเวลาได้ เนื่องจากมีการขยายเวลามาแล้วหลายครั้ง

ส่วนตัวแทนกลุ่มผู้ค้า ที่ขายดอกไม้ที่ปากคลองตลาดมานานกว่า 30 ปี บอกว่าอยากให้ กทม.เห็นใจช่วยขยายเวลาออกไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน หากเป็นไปได้ เนื่องจากยังมีผู้ค้าอีกกว่า 300 ราย ยังหาที่ขายใหม่ไม่ได้ ส่วนตลาดที่ทาง กทม.จัดสรรไว้ให้นั้น ผู้ค้าอ้างว่าไม่สามารถเข้าไปขายได้เนื่องจากไม่มีพื้นที่ว่าง และเตรียมรวมกลุ่มผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบ เข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในวันจันทร์นี้

จากกรณีเมื่อกลางดึกวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้ค้าดอกไม้ปากคลองตลาดได้ทำการปิดจราจรและนำดอกไม้เทลงบริเวณเชิงทางลงสะพานพุทธยอดฟ้า เพื่อเรียกร้องให้ขยายระยะเวลาทำการค้าขายออกไปอีก 6 เดือนหลังจากสิ้นสุดกำหนดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา วันนี้(4 ก.ค.) ได้มีการเจรจาร่วมกัน ระหว่างตัวแทนผู้ค้าดอกไม้ปากคลองตลาด และ เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน รายละเอียดติดตามจากรายงาน

นครนายก 5 ก.ค.-ทีมข่าวสำนักข่าวไทยเกาะติดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าเขาใหญ่ในเขตจังหวัดนครนายก พบพื้นที่ถูกบุกรุก 8 จุด เข้าตรวจสอบพร้อมดำเนินคดีแล้ว 3 จุด.-สำนักข่าวไทย

 

ปฏิบัติการชุดพญาเสือทวงคืนผืนป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่วันที่ 2 ยึดคืนพื้นที่ในเส้นทาง 304 วังน้ำเขียว-ปราจีนบุรี พบทุกแห่งที่จับกุมกว่า 88 ไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิการครอบครอง โดยซื้อมาจากชาวบ้านในพื้นที่

ชุดพญาเสือนำทีมโดย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดได้ทำความเข้าใจกับเจ้าของร้าน "ไก่ย่างเลิศทิพย์ " พื้นที่ 42 ไร่ ด้านหลังสร้างเป็นรีสอร์ท โดยเจ้าของร้านยินยอมให้ยึดคืนเพราะ ไม่มีเอกสารสิทธิครอบครอง

เช่นเดียวกับร้าน ร่มเย็นทับลาน บุกรุก 41 ไร่ รวมถึงร้านอาหารขวัญเรือน 5 ไร่ สร้างในเขตอุทยานฯ ซึ่งส่วนใหญ่มีเพียงใบภาษีบำรุงท้องถิ่น หรือ ภ.บ.ท. 5

เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ระบุว่า ใบเสียภาษีที่ดินไม่ใช่เอกสารสิทธิที่อ้างการครอบครองได้ และหากอ้างมติ ครม.30 มิถุนายน 2541 ว่าอนุโลมให้ประชาชนใช้พื้นที่ทำมาหากินได้ แต่ก็ห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือ จะถือว่าผิดเงือนไข ดังนั้นต้องนำที่ดินกลับคืนเป็นของรัฐ

ขณะที่ผู้ครอบครองส่วนใหญ่ ซื้อต่อเปลี่ยนมือแทบทั้งสิ้น จึงจำเป็นต้องตรวจยึด โดยมี 2 ทางเลือก คือการทำบันทึกยอมส่งคืนพื้นที่ให้กรมอุทยานฯ และส่งฟ้องดำเนินคดีต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งผู้ครอบครองจะเป็นผู้ต้องหา บุกรุกพื้นที่ป่า ในเขตอุทยานแห่งชาติทันที

"กรมป่าไม้" เดินหน้าตรวจสอบเขาค้อพบการเปลี่ยนมือรุกทำรีสอร์ทในเขตป่า ให้โอกาส 30 วัน ชี้ แจงการครอบครอง

อธิบดีกรมป่าไม้ นายชลธิศ สุรัสวดี บอกถึงมาตรการดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนที่บุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติว่า หากเป็นรีสอร์ท อาคาร บ้านพักตากอากาศ กรมป่าไม้มีเป้าหมายรวม 970 แห่งทั่วประเทศ ขณะนี้ชุดพยัคฆ์ไพร ได้ลงปฏิบัติการที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องจากพบมีการเปลี่ยนมือและก่อสร้างรายใหม่ค่อนข้างเยอะ โดยมอบหมายให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ซึ่งช่วงปลายสัปดาห์ได้ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบพบว่า จำนวน 58 แปลงมีบางรายอ้างครอบครองเอกสารสิทธิ์ ได้ส่งให้กรมที่ดินตรวจสอบการได้มาโดยมิชอบหรือไม่ แต่บางแปลงที่ไม่มีเอกสารสิทธ์ จะส่งฟ้องทันที

อย่างไรก็ตาม กรมป่าไม้ยังให้โอกาสผู้ที่ครอบครองนำมาหลักฐานมาแสดงก่อนที่จะดำเนินคดี เพราะหลายครั้งพบว่าที่เจ้าของที่ดินเป็นนักธุรกิจ และมีกิจการหลายด้าน กิจการบ้านพักตากอากาศก็จะเปิดให้ชี้แจงว่าที่ดินที่ถือครองเป็นที่ดินประเภทใด ถ้าไม่มีหลักฐานมายื่นภายใน 30 วันก็จะส่งฟ้อง ส่วนที่เหลือจะไปคุยในชั้นพนักงานสอบสวน โดยการดำเนินการพื้นที่เขาค้อ จะทำทุกแปลงไม่ว่าจะเป็นที่เอกชน ที่บุคคล และสิ่งที่เว้นให้คือผู้ยากไร้ และต้องอยู่มาก่อนคำสั่ง คสช. ปี 2557 จึงจะผ่อนผันให้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

ม.44 แก้ปัญหาที่ดิน สั่งไล่รื้อโรงแรม-รีสอร์ทรุกป่าภูทับเบิก

มาตรา 44 แผลงฤทธิ์อีกรอบ หัวหน้าคสช.เซ็นคำสั่ง 2 ฉบับซ้อนแก้ปัญหารุกป่าภูทับเบิก และครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบทั่วประเทศ

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 35/2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก ในท้องที่ตำบลวังบาล และตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์

ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ป่าภูทับเบิก ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญ แต่ถูกบุกรุกและนำไปสร้างเป็นโรงแรม สถานที่พักตากอากาศ และร้านค้าจำนวนมาก โดยสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นยังไม่มั่นคงแข็งแรงตามหลักวิศวกรรม ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัย ปิดกั้นทางไหลของน้ำ และเสี่ยงต่อการพังทลายของดินอีกด้วย

คำสั่งหัวหน้า คสช.จึงให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ สั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างออกจากป่าภูทับเบิกภายในเวลาที่กำหนด และงดเว้นการกระทำใด ๆ ในป่าภูทับเบิก // สั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสิ่งปลูกสร้างในป่าภูทับเบิกรื้อถอน ทำลาย หรือกระทำการ อื่นใดแก่สิ่งปลูกสร้าง เพื่อให้ป่าภูทับเบิกกลับคืนสภาพเดิมหรือใกล้เคียงสภาพเดิมแล้วแต่กรณี โดยให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองชดใช้หรือออกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และให้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่อยู่นอกเหนือบังคับของศาลปกครอง ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง อาญา และวินัย

ตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.ทั่วประเทศใน 30 วัน

นอกจากนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังลงนามในคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 36/2559 เรื่องมาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือที่ ส.ป.ก.โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ คปก.ตรวจสอบสิทธิที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 3 ลักษณะ คือ 1.ที่ดินที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปฯ ที่มีขนาดตั้งแต่ 500 ไร่ขึ้นไป // 2.ที่ดิน ส.ป.ก.ที่ครอบครองโดยบุคคลอื่นที่ไม่ได้รับการจัดที่ดิน ขนาดตั้งแต่ 100 ไร่ขึ้นไป // และ 3.ที่ดินที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้ส่งคืน สปก.เนื้อที่ตั้งแต่500 ไร่ขึ้นไป

คำสั่งระบุให้ผู้ครอบครองที่ดินทั้ง 3 ลักษณะยื่นคำร้องแสดงสิทธิต่อ ส.ป.ก.เพื่อตรวจสอบภายใน 30 วัน หากไม่มีการยื่น หรือเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้มีสิทธิครอบครอง ให้ ส.ป.ก.มีอำนาจสั่งให้ผู้ครอบครองออกจากที่ดิน พร้อมรื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด

6 ก.ค.| 16.00 น. เจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนร้านค้าริมชายหาดย่านเขาหลักใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พร้อมเข้าตรวจสอบแนวเขตของโรงแรมหลังมีผู้ร้องเรียนอาจบุกรุกที่ชายหาดสาธารณะ

หลังจากมีการบังคับใช้มาตรา 44 แก้ไขปัญหาผู้ถือครองที่ดิน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมยึดที่ ส.ป.ก.4-01 คืนไม่น้อยกว่า 100,000 ไร่

พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในครั้งนี้จะเน้นแก้ปัญหาพื้นที่ 3 กรณี คือผู้ถือครองรายใหญ่เกิน 500 ไร่ ที่ไม่ให้ความร่วมมือตรวจสอบที่ดิน (ซึ่งมีทั้งหมด 422 แปลง ใน 25 จังหวัดมีพื้นที่กว่า 426,300 ไร่), ที่ดินที่จัดสรรให้เกษตรกรไปแล้ว แต่มีการขายให้บุคคลอื่นตั้งแต่ 100 ไร่ขึ้นไป (จำนวน 488 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และพระนครศรีอยุธยา) และที่ดินที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แต่ไม่มีการส่งมอบคืนให้ ส.ป.ก.(จำนวน 5,906 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานี และนครราชสีมา) รวมทั้งสิ้น ใน 25 จังหวัด 429 แปลง พื้นที่ 432,765 ไร่

สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก.ออกประกาศพร้อมแผนที่แนบท้าย ส่งไปปิดประกาศในพื้นที่ ภายใน 7 วันนับตั้งแต่บัดนี้โดยผู้ครอบครองที่ดิน ต้องไปแสดงตัว พร้อมนำเอกสารหลักฐานไปยื่นคัดค้านที่สำนักงาน ส.ป.ก.จังหวัดภายใน 15 วัน หากรายใดไม่ไปแสดงตัวตามกำหนด ส.ป.ก.จะยึดพื้นที่คืน แต่ถ้ามีหลักฐาน ก็จะตรวจสอบภายใน 30 วัน หากพบหลักฐานไม่ถูกต้องหรือมีการปลอมแปลงเอกสาร จะประสานกับหน่วยงานความมั่นคง เข้ายึดพื้นที่ และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอุปสรรคต่อการทำการเกษตรทันที

นายสรรเสริญ อัตจุมานัส เลขาธิการ ส.ป.ก.กล่าวว่า ได้กำหนดแผนดำเนินงานไว้ทั้งหมดแล้ว คาดว่าจะใช้เวลา 129 วัน จะเริ่มเห็นผล โดยกำหนดเป้าหมายขั้นต่ำ ต้องยึดคืนพื้นที่ให้ได้ 25 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 1 แสนไร่ เพื่อจัดสรรให้กับเกษตรกรในรูปแบบสหกรณ์

 

กรุงเทพฯ 6 ก.ค.-รมว.เกษตรฯ สั่ง ส.ป.ก. สางปัญหาที่ดิน ตีกรอบ 129 วัน หลังนายกฯ ลงนามคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อแก้ไขปัญหาผู้ถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงรายละเอียดเรื่องนี้ว่า ตามที่กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายจัดหาที่ดินทำกินให้เกษตรกรผู้ยากไร้ ไม่มีที่ดินทำกิน และแก้ปัญหาที่ดิน ส.ป.ก. ที่ครอบครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นช่องว่างของกฎหมายที่ไม่สามารถดำเนินการอย่างได้ผลและเป็นปัญหาที่สะสมมานาน จึงสั่งการให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. ออกกฎหมายพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ถือครองที่ดินของรัฐโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อวานนี้ และนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้มีผลบังคับใช้ทันที

ตามคำสั่งมาตรา 44 มีเป้าหมาย 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.พื้นที่ที่ไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่ตั้งแต่ 500 ไร่ขึ้นไป มี 25 จังหวัด จำนวน 422 แปลง เนื้อที่ประมาณ 426,300 ไร่ 2.พื้นที่ที่จัดให้เกษตรกรแล้ว แต่ขายให้กับบุคคลอื่น เนื้อที่ตั้งแต่ 100 ไร่ขึ้นไป มี 2 จังหวัด 2 แปลง เนื้อที่รวม 488 ไร่ คือ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนครราชสีมา และ 3.พื้นที่ที่มีคำสั่งพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่ เนื้อที่ตั้งแต่ 500 ไร่ขึ้นไป ใน 3 จังหวัด คือ จังหวัดกระบี่ สุราษฎร์ธานี และนครราชสีมา จำนวน 5 แปลง เนื้อที่ 5,906 ไร่ ซึ่งทั้ง 3 กรณีนี้อยู่ในพื้นที่ 25 จังหวัด 429 แปลง เนื้อที่รวม 432,765 ไร่.-สำนักข่าวไทย

ข่าว 7 สี - หน่วยงานในจังหวัดเพชรบูรณ์ หารือถึงแนวทางเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบุกรุกพื้นที่ภูทับเบิก และศึกษาข้อกฏหมาย ในการเข้าดำเนินการ

นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือถึงแนวทางปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. แก้ไขปัญหาการครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินบนภูทับเบิก โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก โดยเฉพาะกลุ่มที่ถูกศาลตัดสินพิพากษาแล้ว และกลุ่มที่โยธาธิการและผังเมือง ตรวจอาคารมีความเห็นสั่งรื้อถอน

พร้อมกันนี้ยังหารือการถูกฟ้องร้อง หลังมีข้อมูลว่าผู้บุกรุกพื้นที่ภูทับเบิกที่เสียประโยชน์ ตั้งทีมกฏหมายต่อสู้ ในประเด็นเลือกปฏิบัติ รวมทั้งการยึดอสังหาริมทรัพย์เป็นของกลาง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า การทำงานหลังจากนี้จะง่ายขึ้น โดยทั้ง 3 หน่วย จะทำงานร่วมกัน โดยกรมป่าไม้ จะเข้าดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ตผิดกฎหมาย

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ขานรับ หลังนายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 สั่งรื้อถอนรีสอร์ทบ้านพักบนภูทับเบิก

ปฏิบัติการชุดเฉพาะกิจพญาเสือ วันที่ 3 ตรวจสอบที่ดินของสนามกอล์ฟ รอยัลฮิลล์กอล์ฟ รีสอร์ทแอนด์สปา ตำบลสาลิกา จังหวัดนครนายก หลังพบที่ดินบางแปลงกรมที่ดินออกโฉนดทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

นายธนบูรณ์ ชนะรัตน์โสภณ ผู้จัดการทั่วไป รอยัลฮิลล์กอล์ฟ รีสอร์ทแอนด์สปา ชี้แนวเขตที่ดินของบริษัทกับเขตอุทยานฯที่กรมป่าไม้เป็นผู้ล้อมรั้วให้โดยทางรีสอร์ทไม่ได้รุกล้ำให้กับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือพร้อมเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ สนธิกำลังทหาร ตำรวจ ขณะเข้าตรวจสอบ เพื่อยืนยันว่าที่ดิน 6 ไร่ 85 ตารางวาแปลงนี้ มีโฉนดที่ดินหลักฐานการครอบครองสิทธิถูกต้อง ซึ่งออกโดยกรมที่ดิน โดยซื้อต่อจากชาวบ้านตั้งแต่ปี 33 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินทำกินก่อนประกาศเขตอุทยานฯ

ด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าพื้นที่แปลงนี้ถูกหรือผิด แต่มาเพื่อดูสภาพพื้นที่จริง และนำพิกัดดาวเทียมไปให้สำนักตรวจสอบเอกสารของกรมอุทยานฯ ตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งจะทราบผลภายใน 90 วัน หากได้มาถูกต้องก็จะเพิกถอนที่ดินแปลงนี้ออกจากเขตอุทยานฯ แต่หากการออโฉนดไม่ถูกต้อง กรมอุทยานฯจะต้องแจ้งความดำเนินคดี และเสนอให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดแปลงนี้ต่อไป

ข่าวฮือฮาช่วงนี้ ไม่พ้นการประกาศใช้ มาตรา 44 เข้าไปเร่งจัดการสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต "ภูทับเบิก" ที่เกิดปัญหาเรื้อรัง ถูกนายทุนต่างถิ่นกว้านซื้อที่ทำกินของชาวม้ง สร้างรีสอร์ตหลากสีสัน แทนที่ไร่กระหล่ำปลีของชาวม้งตามมาด้วยปัญหามลภาวะ ขยะ น้ำเน่าเสีย และสิ่งปลูกสร้างไม่ได้มาตรฐานตามหลักวิศวกรรม

ก่อนอื่นเราจะไปย้อนรอย จุดเริ่มต้นของ"ภูทับเบิก"จากอดีตท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเรียกได้ว่าท่านคือ ผู้บุกเบิก เปิดตำนานภูทับเบิกให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ตั้งแต่ปี 2546 มติ ครม.กำหนดให้พื้นที่ภูทับเบิกเป็นที่อยู่อาศัย ทำกินของชาวเขาเผ่าม้ง ภูเขาทั้งลูก จึงกลายเป็นไร่กะหล่ำปลีสุดลูกหูลูกตา ทิวทัศน์สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ หลังจากนั้นได้พัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ นักท่องเที่ยวต้องมากางเตนท์นอนเท่านั้น เรียนรู้ ซึมซับวิถีชีวิตชาวม้งทุกวันจะมีรถขยะขึ้นมาจัดเก็บ นำลงไปกำจัด ที่นี่ จึงไม่เกิดปัญหามลภาวะ

ยอมรับ ช่วงที่ท่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เคยมีนายทุนมาขอสร้างรีสอร์ท แต่ท่านไม่อนุญาติ เพราะถ้าให้รายหนึ่ง รายอื่นๆก็ย่อมจะตามมา

ไม่นึกระยะหลัง ภูทับเบิกจะถูกย่ำยีรวดเร็ว ตนเคยกลับไปเยี่ยมเห็นภาพรีสอร์ทสีลูกกวาดหลากสีสัน แทนที่ไร่กะหล่ำปลีและผืนป่า ถึงกับหดหู่ทั้งๆ ที่ดินแถบนี้ ไม่สามารถซื้อขายได้เพราะไม่มีเอกสารสิทธิ๎ แต่ก็มองว่าชาวม้งอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถูกนายทุนเอาเม็ดเงินมาล่อใจ

หลังรัฐบาลประกาศใช้ ม.44 มาเร่งสะสางปัญหาภูทับเบิกสกัดกั้นกลุ่มนายทุนที่สร้างรีสอร์ท ผิดกฎหมาย ทำลายวิถีชีวิตชาวม้ง ตามมาด้วยปัญหามลภาวะมากมาย อีกทั้งช่วงนี้ ฝนตกตลอด หากรีสอร์ทแห่งใดสร้างไม่ได้มาตรฐานเสี่ยงอันตรายสำหรับนักท่องเที่ยว

ทีมข่าวได้บุกไปเปิดใจผู้นำชุมชน และ ชาวบ้าน ซึ่งมีทั้งที่เห็นด้วยและคิดต่าง กับการที่ภาครัฐจะมารื้อถอนรีสอร์ท ผิดกฎหมาย

ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 16 ต.วังบาล เผย ภูทับเบิกมีชาวม้งอาศัยทำกินมานาน หันมาปลูกกะหล่ำปลีและข้าวโพดทดแทนการปลูกฝิ่น แต่พอภาครัฐมาส่งเสริมให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ชาวม้งบางรายก็ไปกู้หนี้ยืมสินมาสร้างร้านค้า และโฮมสเตย์บางส่วนมีนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดินต่อจากชาวม้ง ให้ราคาสูงเป็นหลักล้าน

นายทุนบางรายหัวใสมาขอทำสัญญาเช่าลงทุนปลูกสร้าง แต่ที่ดินยังของชาวม้ง โดยตกลงแบ่งรายได้ผลกำไรกัน ชาวม้งก็เลือกที่รับเงินล้าน แทนรายได้จากการปลูกกะหล่ำปลี ที่ไม่แน่นอน

พอเจอรัฐบาลประกาศบังคับใช้มาตรา 44 ทุกคนที่ภูทับเบิกต่างตื่นตกใจ กลัวจะถูกรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างซึ่งลงทุนไปเยอะ ตนได้แต่บอกชาวบ้านให้รอความชัดเจนจากหน่วยงานราชการ

ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมองว่า ดีแล้วที่ภาครัฐจะเข้ามาจัดระเบียบอดีต ผู้คนที่นี่เคยอยู่กันอย่างมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ แต่พอมีรีสอร์ทเข้ามาแทนที่ คนในชุมชนกลายเป็นเห็นแก่ตัวมากขึ้น แก่งแย่งแข่งขัน อยากได้ที่ดินมาทำรีสอร์ทกันตามมาด้วยปัญหามลภาวะ ขยะล้นภูทับเบิก น้ำเน่าเสีย และปัญหาการจราจรติดขัด

สอดคล้องกับชาวบ้านอีกรายเผย ตั้งแต่มีรีสอร์ทผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เกิดปัญหาแย่งน้ำใช้ไม่เพียงพอ

ส่วนชาวม้งรายนี้เผย หากจะเข้ามารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพวกตนคงเดือดร้อน เพราะสร้างกันมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ รัฐเป็นฝ่ายเข้ามาสนับสนุนส่งเสริมให้ภูทับเบิกเป็นแหล่งท่องเที่ยว พอนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมา คนที่นี่ ก็จำเป็นต้องสร้างที่พักเพิ่มไว้รองรับ

ไม่ต่างเจ้าของรีสอร๎ทรายนี้ ตัดพ้อ กู้เงินมาสร้างมานับล้านบาทยังใช้หนี้ไม่หมด ที่ผ่านมาไม่เคยหลบเลี่ยงภาษีจ่ายภาษีให้รัฐมาตลอด พอมาเจอมาตรการเข้มก็บั่นทอนกำลังใจ ยอมรับ ที่ผ่านมาเคยมีเจ้าหน้าที่มาตักเตือน แต่ก็ไม่นึกจะถึงขั้นให้ต้องรื้อถอน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์คนปัจจุบันชี้ ที่ผ่านมาทางจังหวัดไม่ได้เพิกเฉย เคยลงพื้นที่ไปจัดระเบียบ ดำเนินการกับผู้ประกอบการรีสอร์ตราว 100 แห่งที่ผิดกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2556 ถึงปี 2557 ได้ดำเนินคดีส่งฟ้องศาลไปแล้วศาลตัดสิน ให้รื้อรีสอร์ทแล้ว 13 แห่ง

แต่หากว่ากันตามข้อเท็จจริง ทุกรีสอร์ทที่ตั้งบนภูทับเบิกล้วนผิดกฎหมาย แต่ทั้งนี้กลุ่มนายทุนได้อาศัยช่องว่างเปิดดำเนินการต่อไป ที่แย่หนักคือยังขยายกิจการออกไปอีก

การประกาศใช้มาตรา 44 เป็นโอกาสดีที่ผู้ว่าราชการจังหวัด

สามารถสั่งการ เข้าไปตรวจสอบ รื้อถอนรีสอร์ตที่ผิดกฎหมายได้ทันที ทั้งนี้ทางจังหวัดจะทำการตรวจสอบก่อน หากที่พักเป็นโฮมสเตย์ของชาวม้ง ชาวบ้านในพื้นที่อาจจะอนุโลมให้ทำกินต่อไปได้ แต่หากเป็นรีสอร์ตของนายทุนต่างถิ่น ต้องรื้อถอนทันที

ล่าสุดได้หารือกับหลายหน่วยงาน เตรียมจัดสรรพื้นที่ แบ่งโซนเป็นพื้นที่ปลูกกะหล่ำปลี ที่อยู่อาศัยของชาวม้ง และจุดบริการนักท่องเที่ยว รวมไปถึงพื้นที่ผืนป่าอนุรักษ์

ย้ำแม้จะอนุโลมให้ชาวม้ง ซึ่งลงทุนทำรีสอร์ทเลี้ยงชีพได้ แต่หากสร้างไม่ถูกหลักวิศวกรรม ทางจังหวัดเพชรบูรณ์ก็จะสั่งการให้รื้อถอน ทั้งหมดนี้ก็ด้วยว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย

ทั้งนี้ เพื่อให้ ภูทับเบิก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวงดงาม ยั่งยืนสามารถรองรับนักท่องเที่ยวในระยะยาวต่อไป