กรุงเทพฯ 5 ก.ย.-ทัวร์ศูนย์เหรียญ และทัวร์คิกแบ็ก (Kick back) หรือทัวร์ติดลบของกลุ่มทุนจีน แย่งทำธุรกิจผู้ประกอบการไทยในหลายกิจการ จนส่งผลถึงโครงสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น ที่มีรายงานมีการนำเข้ารถโดยสารนำเที่ยวจากจีนหลายพันคันวิ่งอยู่ในไทยขณะนี้ ติดตามในรายงานพิเศษ “ทุนจีนรุกกินรวบ ธุรกิจไทยกระเทือน” วันนี้นำเสนอเป็นตอนแรก รถโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 2,000 คัน ของผู้ประกอบการไทยหลายราย ที่เคยมีรายได้หลักจากกรุ๊ปทัวร์จีน จอดอยู่เต็มลานจอดของสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ย่านนนทบุรี เพราะไม่มีงานให้วิ่ง ไม่มีรายได้ สวนทางกับยอดนักท่องเที่ยวจีน ที่มาเที่ยวไทยปีละเกือบ 8 ล้านคน ในจำนวนนี้มากกว่าร้อยละ 70 ซื้อทัวร์จากจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ และทัวร์คิกแบ็ก รถโดยสารนำเที่ยวที่ทัวร์จีนในไทยใช้ จึงถูกผูกขาดอยู่ในเครือของนายทุนใหญ่ 2 ราย รถโดยสารนำเที่ยวหลายพันคันสับเปลี่ยนวิ่งอยู่บนถนนเส้นลาดกระบัง-มอเตอร์เวย์ ส่วนใหญ่เป็นรถสีฟ้า สีขาว และสีทอง แม้ด้านข้างรถจะรถระบุชื่อบริษัทต่างกัน แต่ล้วนเป็นรถในเครือของเจ้าของกิจการร้านจิวเวลรี่และเครื่องหนัง 2 รายใหญ่ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทยเปิดเผยว่า ตลาดรถโดยสารนำเที่ยวในกลุ่มทัวร์จีนปัจจุบันถูกผูกขาดโดยนายทุนเจ้าของกิจการร้านค้าเหล่านี้ ซึ่งนำรถบัสจากจีนกว่า 4,000 คัน เข้ามาจดทะเบียนเป็นรถนำเที่ยววิ่งรับส่งลูกทัวร์เองเกือบทั้งหมด มีรถของผู้ประกอบการไทยเข้าไปร่วมวิ่งไม่ถึงร้อยละ 10 อีกทั้งยังถูกกดราคา จ่ายค่าเช่ารวมค่าน้ำมันให้เพียงวันละ 3,500บาท ต่ำกว่าราคาปกติ ซึ่งเช่ากันในราคา 5,000 บาท ผู้อำนวยการเขตลาดกระบังบอกว่า ในพื้นลาดกระบัง มีรถโดยสารนำเที่ยววิ่งวันละ 2,000 กว่าคัน ในเส้นทางนี้ นำลูกทัวร์มาซื้อสินค้าบริษัทในเครือบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เข้ามาเปิดกิจการจำหน่ายจิวเวลรี่ เครื่องหนัง ยาบำรุงสุขภาพ ร้านอาหารในเครือ และสวนงู ที่มีการจัดแสดงโชว์งู และรีดพิษงู เป็นยาโด๊ปให้นักท่องเที่ยวจีนที่ชื่นชอบ รถโดยสารนำเที่ยวหลายพันคันบนถนนลาดกระบัง สร้างปัญหาด้านจราจรให้คนในพื้นที่อย่างมาก และมีการร้องเรียนมายังเขตลาดกระบัง ขณะที่มีข้อมูลว่า มีการนำเข้ารถโดยสารนำเที่ยวจากจีนมาใช้ในธุรกิจท่องเที่ยวในไทยทั้งรถบัสและรถตู้แล้วร่วม 7,000 คัน ในปีสองปีมานี้ ผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทยมองว่า เป็นการแย่งงาน และมีความเสี่ยงสูงที่ตลาดรถนำเที่ยวจะถูกผูกขาด และส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจรถโดยสารให้เช่าของไทยทั้งระบบ.-สำนักข่าวไทย กรุงเทพฯ 6 ก.ย.-หนึ่งในผลพวงจากขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญและทัวร์คิกแบ็ก ที่นอกจากผูกขาดตลาดรถนำเที่ยวแล้ว ยังพาลูกทัวร์จีนเข้าพักในห้องพักเถื่อนราคาถูกของเครือข่ายนายทุนใหญ่ แย่งลูกค้าจากธุรกิจโรงแรมไทย ทำรัฐสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก ติดตามจากรายงานพิเศษชุด “ทุนจีน รุก กินรวบ ธุรกิจไทยกระเทือน” วันนี้เสนอเป็นตอนที่ 2 อาคารคล้ายอพาร์ตเมนต์ 4 ตึก ในย่านลาดพร้าวแห่งนี้ ไม่ได้จดทะเบียนทำธุรกิจโรงแรมตามกฎหมาย แต่ทุกวันจะมีรถโดยสารนำเที่ยวสีเหมือนๆ กันจากเครือข่ายนายทุนใหญ่ มาต่อคิวรับและส่งชาวจีนที่นี่ไปท่องเที่ยวตามโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง ด้านล่างลักษณะเหมือนล็อบบี้โรงแรม คนไทยย่านนี้ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ที่นี่เคยเป็นอพาร์ตเมนต์มาก่อน นอกจากย่านลาดพร้าว และย่านสุขุมวิทแล้ว ในเขตห้วยขวางก็เป็นอีกหนึ่งย่านสำคัญ ที่พบว่ามีการดัดแปลงนำหอพัก อพาร์ตเมนต์ หรือคอนโดฯ เปิดให้บริการเป็นห้องพักแก่นักท่องเที่ยวโดยไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องเป็นจำนวนมาก หัวหน้าฝ่ายรายได้ เขตห้วยขวาง บอกว่า เวลาไปเก็บภาษีผู้ค้าในย่านประชาราษฎร์บำเพ็ญ และซอยย่อยที่เชื่อมต่อ จะพบคนจีนมาเช่าห้องพักรายวันในอาคารที่ไม่ได้ขออนุญาตเปิดเป็นโรงแรมเกือบทุกแห่ง เพราะราคาถูก และเดินทางสะดวก นายกสมาคมโรงแรมไทย ยอมรับโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้อง ตอนนี้ถูกแย่งลูกค้าโดยอพาร์ตเมนต์ คอนโดฯ หรือโรงแรมเถื่อน ยิ่งช่วงโลวซีซั่น ลูกค้าหายไปเกือบร้อยละ 20 เพราะมีต้นทุนถูกกว่า เช่น ที่พักหัวละ 300-500 บาท/คืน แต่ถ้าเป็นโรงแรมต้องจ่ายเป็นพัน จึงเป็นที่ต้องการของทัวร์ราคาถูก ข้อมูลจากกรมการปกครอง ทั่วประเทศมีโรงแรมจดทะเบียนถูกต้องประมาณ 10,400 แห่ง ส่วนโรงแรมผิดกฎหมายไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด ทีมข่าวนำข้อมูลนี้ไปตรวจสอบเฉพาะกับเว็บไซต์อโกด้า ผู้ให้บริการจองโรงแรมในเอเชียฯ พบมีโรงแรมในไทยที่เปิดรับจองในเว็บนี้กว่า 18,000 แห่ง สูงกว่าที่ขอจดทะเบียนกับกรมการปกครองกว่า 8,000 แห่ง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ปัญหาที่พักนักท่องเที่ยวจีนราย 3 วัน 5 วัน ราคาถูก แทนการพักโรงแรม ปัญหารถโดยสารและรถตู้นำเที่ยวร่วม 7,000 คัน ที่นายทุนใหญ่นำเข้ามารองรับลูกทัวร์จีนในไทย เป็นตัวอย่างของทัวร์ศูนย์เหรียญและทัวร์คิกแบ็ก ที่กำลังทำให้ธุรกิจทัวร์ไทยในไทยได้รับผลกระทบ ทัวร์ศูนย์เหรียญซึ่งเคยถูกต่อต้านมาแล้วในอดีต กลับมาทำลายระบบท่องเที่ยวในช่วงที่มีชาวจีนหลั่งไหลเข้ามาในไทยมากอีกครั้งในวันนี้ วิธีการที่เอาเปรียบ คือ ขายทัวร์แบบขาดทุน ให้มากินฟรี เที่ยวฟรี รายได้ตกอยู่เพียงกลุ่มทุนจีน แต่ที่หนักกว่า คือ ทัวร์คิกแบ็ก หรือทัวร์ติดลบ ที่นอกจากทัวร์ฝั่งไทยไม่ได้เงินแล้ว ยังต้องจ่ายเพื่อซื้อหัวนักท่องเที่ยวจีน แล้วค่อยถอนทุนคืนจากสินค้าราคาแพงภายหลังอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย สำหรับรูปแบบกลโกงของทัวร์ศูนย์เหรียญทำกันเป็นขบวนการ สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยมานานนับสิบปี โดยถือเป็นการกระทำผิดจากภายนอกประเทศ เป็นทัวร์ที่ไม่มีต้นทุน ใช้วิธีเรียกเก็บเงินค่าหัวคิวจากลูกทัวร์ แล้วเช่าเครื่องบินเหมาลำมายังประเทศไทย เมื่อมาถึงจะมีบริษัทท่องเที่ยวในไทย ทำหน้าที่เป็นนายหน้า พาไปยังสถานที่ตามจุดที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นวัด ร้านค้า หรือสถานบันเทิงในเชิงเซ็กส์ ทัวร์ลิซึ่ม ยกตัวอย่าง มีนักท่องเที่ยว 200 คน เรียกเก็บรายหัวๆละ 4 หมื่นบาท ได้กำไรหัวละ 2 พันบาท ส่วนต่าง 4 แสนบาท ซึ่งไม่ต้องเสียภาษี ก็จะไหลกลับเข้าบริษัทตัวเองในจีน ขณะที่ประเทศไทยนอกจากจะต้องสูญเสียรายได้ปีละหลายหมื่นล้านบาทแล้ว ยังส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์ของประเทศด้วย พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ย้ำว่าการแก้ปัญหานี้ต้องทำด้วยความรอบคอบ ระยะแรกต้องเร่งปราบปรามเพื่อตัดวงจรการกระทำผิด ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุมและอายัดทรัพย์ได้แล้วหลายบริษัท คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะส่งสำนวนสืบสวนให้อัยการได้ ส่วนระยะยาว ต้องหาวิธีการนำบริษัททัวร์เข้าสู่ระบบเพื่อให้เกิดการแข่งขันเสรี และให้มีการลงนามเซ็นสัญญาระหว่างบริษัททัวร์ทั้งในและนอกประเทศ เพื่อหาผู้รับผิดชอบหากเกิดความเสียหาย จากปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญที่นายกรัฐมนตรี กำชับให้ทุกฝ่ายเร่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ล่าสุด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินหน้าขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจกับบริษัททัวร์จีนในไทย ทั้งนี้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2557 จำนวน 4.6 ล้านคนและ คาดการณ์ว่าจะขยับไปถึง 9-10 ล้านคนในปี 2559 ส่งผลให้ตลาดการท่องเที่ยวเกิดการขยายตัวอย่างมาก ล่าสุดในปี 2558 เติบโตไปถึง 3.6 แสนล้านบาท ทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องเร่งดำเนินการทั้งในส่วนของการจับกุมที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องโดยทำควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ เพื่อไม่ให้สับสนต่อแนวทางของรัฐบาล โดยเฉพาะบริษัทที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย และภายในเดือนนี้จะเร่งหารือกับการท่องเที่ยวจีนเพื่อหาทางออกร่วมกันให้เกิดความยั่งยืน และสอดคล้องกับการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ เพราะจีนเป็นตลาดสำคัญที่สร้างเม็ดเงินในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ข่าว 7 สี - เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายตรวจสอบโรงแรม 3 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ เข้าข่ายนอมินีชาวต่างชาติ ในลักษณะทัวร์ศูนย์เหรียญ สร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย เข้าตรวจสอบโรงแรม 3 แห่ง ที่แรกเลขที่ 16/4 และ 5 ถนนลอยเคราะห์ 2 ที่เปิดเป็นโรงแรมให้เช่า 15 ห้อง จุดที่ 2 ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เจพีไทยกรุ๊ป เลขที่ 118 ถนนเจริญประเทศ ตำบลช้างคลาน เปิดเป็นโรงแรมและร้านอาหาร และจุดที่ 3 บริษัท คาร์เรนเทรด จำกัด เลขที่ 422/21 ถนนช้างคลาน พร้อมเก็บหลักฐานไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย นายศรัญญู มีทองคำ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า โรงแรมที่เข้าตรวจค้น เคยถูกจับกุมและสั่งระงับการให้บริการไปแล้ว แต่ยังลักลอบเปิดให้บริการอยู่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบเรื่องการชำระภาษี ว่าเข้าข่ายความผิดด้วยหรือไม่ ขณะที่ ผู้อำนวยการส่วนคดีความมั่นคง 2 สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า การมีต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของและมีผู้ถือหุ้นแทนนี้ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ เพราะทำให้คนในท้องถิ่นเสียรายได้ ชาวต่างชาติเข้ามาแย่งอาชีพ และยังมีบริษัทฯในลักษณะนี้มากกว่า 10 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในชื่อคนไทย แล้วนำทัวร์จากประเทศจีนเข้ามาพัก ซึ่งต้องตรวจสอบต่อไป เพราะยังมีการกระทำผิดในลักษณะนี้อีกหลายรูปแบบ
กรุงเทพฯ 7 ก.ย.-ในขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญ และทัวร์คิกแบ็ก ที่ทำลายระบบการท่องเที่ยวไทย นอกจากมีการถอนทุนคืน โดยขูดรีดลูกทัวร์จีนให้ซื้อสินค้าแล้ว ในวงจรนี้ยังมีการแบ่งผลประโยชน์หมุนเวียนกันอยู่ในเครือข่ายนายทุนใหญ่ รายได้มหาศาลไม่ได้เข้าสู่ประเทศอย่างแท้จริง ติดตามจากรายงานพิเศษ “ทุนจีน รุก กินรวบ ธุรกิจไทยกระเทือน” ในจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเมืองไทยมีเพียง 30% ที่เดินทางมาด้วยตัวเอง ส่วนอีก 70% มักเลือกมากับกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ เพราะทัวร์เหล่านี้ 80% เป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือทัวร์คิกแบ็ก ทัวร์ศูนย์เหรียญ เป็นปัญหาที่สั่งสมมานานนับ 10 ปี งานวิจัยเรื่อง “ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญและผลกระทบต่อประเทศไทย” ของกองบัญชาการกองทัพไทย ชี้ชัดว่าวิธีการของทัวร์กลุ่มนี้ เริ่มต้นจากบริษัทต้นทางในจีน ขายแพ็กเกจทัวร์ราคาถูกให้แก่นักท่องเที่ยว เช่น มาเที่ยวกรุงเทพฯ และพัทยา 5 วัน 4 คืน ราคา 15,000 บาท รวมค่าเครื่องบิน ที่พัก และค่าเดินทางตลอดทริป เมื่อได้ลูกทัวร์ครบตามจำนวน ก็จะส่งต่อให้บริษัททัวร์ฝั่งไทย โดยไม่ได้จ่ายเงินใดๆ ให้ เป็นที่มาของคำว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญ ปัจจุบันพัฒนาขึ้นไปอีก เป็นทัวร์คิกแบ็ก หรือทัวร์ติดลบ คือ นอกจากบริษัทต้นทางในจีนจะไม่ให้เงินแล้ว บริษัททัวร์ฝั่งไทยยังต้องควักเงินจ่าย เพื่อ “ซื้อหัว” นักท่องเที่ยวจีนให้มาเที่ยวเมืองไทยอีกด้วย งานวิจัยระบุว่า บริษัททัวร์ฝั่งไทยทั้งรายเล็กและใหญ่ หากรับนักท่องเที่ยวจีน จากทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือทัวร์คิกแบ็ก ก็มักจะถอนทุนคืน ด้วยการให้ไกด์ พาลูกทัวร์ไปเที่ยวซื้อสินค้าร้านในเครือของนายทุนใหญ่ แพงกว่าราคาปกติ 15 เท่าตัว เช่น ร้านจิวเวลรี่ เครื่องหนัง รังนก ยาจีน สวนงู วัดเช่าพระ และโชว์ลามก บางครั้งก็ขายทัวร์เสริมให้ด้วย โดยบริษัททัวร์จะได้รับส่วนแบ่งจากยอดเหล่านี้ 40-50% ส่วนไกด์ได้รับ 5-10% งานวิจัย “ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญและผลกระทบต่อประเทศไทย” ยังชี้ด้วยว่า นอกจากบริษัททัวร์ไทยจะต้องเดินตามโครงสร้างธุรกิจที่บิดเบี้ยวแล้ว ยังมีการรุกคืบของกลุ่มทุนจีนที่เปิดบริษัทนำเที่ยวในไทยและธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งที่ใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี หรือให้คนจีนสวมบัตรประชาชนไทย แล้วเปิดสำนักงาน ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก เพื่อรับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ ใช้วิธีเจรจาบีบซื้อหุ้น หรือร่วมทุน เพื่อแลกกับการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการระยะยาว หากไม่พอใจก็จะยกเลิก หรือหันไปใช้บริการรายอื่น การทำธุรกิจของบริษัททัวร์นอมินีถือว่าร้ายแรงสำหรับประเทศไทย เพราะเงินที่ได้ทั้งหมดถูกขนกลับจีน กลุ่มทัวร์เหล่านี้แค่มาใช้ทรัพยากรของไทย โดยไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย ทีเส็บ รุกตลาดออนไลน์ จับมือ บล็อกเกอร์ต่างประเทศ ร่วมแชร์ประสบการณ์เที่ยวไทย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์เข้าไทย ให้ได้ตามเป้า กว่า 1 ล้านคน นางสริตา จินตกานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ภาพรวม 3 ไตรมาสของการดำเนินงานด้านการตลาดออนไลน์ปีงบประมาณ 59 ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเครือข่ายออนไลน์ของทีเส็บ ทั้ง ตลาดต่างประเทศ และในประเทศ ได้สร้างการรับรู้ของกลุ่มผู้ใช้จากต่างประเทศ จำนวน 19 ล้านวิว และกลุ่มผู้ใช้ในประเทศจำนวน 8.9 ล้านวิว ขณะที่เว็บไซต์ของทีเส็บ ก็ให้ข้อมูลครอบคลุมผู้ใช้ทั้ง 8 ภาษา มีผู้เข้าชมเว็บไซต์กว่า 7.8 ล้านวิว เช่นเดียวกับแอพพลิเคชั่น ที่มียอดดาวน์โหลดจำนวน 2,000 ครั้ง ซึ่งเฉพาะไตรมาส 3 แคมเปญตลาดออนไลน์ต่างประเทศ พบว่า มีงานไมซ์ เข้ามาจัดในไทย จำนวน 46 งาน จาก 16 บริษัท และลงทะเบียนเข้าร่วมแคมเปญว่า 8,000 ครั้ง โดยสินค้าและบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ร้านอาหาร ช้อปปิ้ง แหล่งท่องเที่ยว บริการเช่ารถ-รับส่งสนามบินและโรงแรม ขณะที่ไตรมาส 4 ทีเส็บ จะยังคงเดินหน้าต่อยอดแคมเปญต่างประเทศต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางเชิงธุรกิจและการท่องเที่ยว ผ่านมุมมองของบล็อกเกอร์ต่างประเทศที่มีชื่อเสียงจำนวน 10 ท่าน จาก 5 ประเทศ ได้แก่ จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน อังกฤษและออสเตรเลีย โดยคาดว่า จากการรุกด้านตลาดออนไลน์ตลอดทั้งปี จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของไทย ให้เข้าสู่เป้าหมาย จำนวนนักเดินทางไมซ์ 1,060,000 คน สร้างรายได้ 92,000 ล้านบาท ถึงเวลาที่กระทรวงการท่องเที่ยวเดินหน้าใส่เกียร์ 5 เอาจริงเอาจัง ยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวผู้ประกอบการไทย ไม่ใช่แค่มอบรางวัลมาตรฐานผู้ประกอบการ ที่พัก ร้านอาหาร หรือบริการอย่างเดียว ตอนนี้ กำลังพิจารณา ให้มีอำนาจเอาผิด ผู้ประกอบการที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่นไม่ผ่านเกณฑ์อนามัย ความสะอาดเป็นต้นได้ มีความชัดเจนมากขึ้น สำหรับการยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวผู้ปะกอบการไทย โดยนางสาววรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ (ททช.) มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย เพื่อทำการควบคุมการบริการด้านการท่องเที่ยว 4 ด้าน ได้แก่ ด้านความปลอดภัยของสถานประกอบการ, ด้านสุขลักษณะของสถานประกอบการ, ด้านการเป็นสถานประกอบการที่ถูกต้องตามกฎหมาย และด้านการเป็นสถานประกอบการท่องเที่ยวที่ประกอบธุรกิจอย่างเป็นธรรม ทั้งหมดนี้ เป็นเกณฑ์ที่จะช่วยยกระดับอำนาจการตรวจสอบมาตรฐานท่องเที่ยว และที่จะพลิกโฉมเลยคือสามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ จากปัจจุบันทำได้เพียงตรวจสอบมาตรฐานเท่านั้น ทั้งนี้ กรมการท่องเที่ยวจะมีอำนาจตรวจสอบมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวรวมกว่า 52 มาตรฐาน และยังร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าเห็นด้วย ควรจะมี พ.ร.บ.นี้ เพื่อให้กรมการท่องเที่ยวมีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายควบคุมดูแลมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวให้ดีขึ้น จากที่ผ่านมา กระทรวงและกรมการท่องเที่ยว ทำได้เพียงการให้รางวัลกับผู้ประกอบการที่รักษามาตรฐานบริการของประเทศ แต่หากผู้ประกอบการดำเนินความผิด กระทรวงจะต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันนั้นคือส่วนของผู้ที่ไม่ได้มาตรฐาน ต่อไปจะกลายเป็นทำผิด ก็ต้องปรับปรุง ส่วนผู้ที่ทำดี ได้มาตรฐาน ได้รับการยอมรับก็ต้องชื่นชม ซึ่งกรมการท่องเที่ยว ได้มอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย จัดประจำเป็นครั้งที่ 6 ในวาระ 2 ปีครั้ง โดยแบ่งเป็น ที่พัก โรงแรม ตั้งแต่ 2 ถึง 5 ดาว ทั้งหมด 15 แห่ง รีสอร์ท 3 ถึง 5 ดาว 26 แห่ง โฮมสเตย์, ด้านบริการ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก, กิจกรรมท่องเที่ยว, แหล่งการท่องเที่ยว ไปจนถึงธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ ใครไปเที่ยวที่ไหน สังเกตเห็นสัญลักษณ์ช้างแบบนี้ แสดงว่าที่พักนั้น ได้มาตรฐานที่รับรองคุณภาพ เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ ฮาลาล สำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิม และสัญลักษณ์กรมการท่องเที่ยว เป็นมาตรฐาน สำหรับธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ กรุงเทพฯ 8 ก.ย.-นอกจากปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญและทัวร์คิกแบ็กแล้ว ยังพบกลุ่มทุนจีนทำธุรกิจฉ้อฉลในอีกหลายรูปแบบ เช่น การสวมบัตรประชาชนไทย และการใช้นอมินีคนไทยจัดตั้งบริษัท ซึ่งภาครัฐกำลังกวาดล้างและหาแนวทางป้องกันแก้ไข ไม่ให้ระบบการท่องเที่ยวไทยถูกทำลาย ติดตามจากรายงานพิเศษ “ทุนจีน รุก กินรวบ ธุรกิจไทยกระเทือน” ตอนสุดท้าย กลางเดือนมิถุนายน เจ้าหน้าที่รวบ 2 ชาวจีนสวมบัตรประชาชนคนไทย และถือต่อเนื่องมา 20 ปี เปิดบริษัททัวร์จีน 18 แห่งในภูเก็ต ก่อนถูกเพิกถอนใบอนุญาต ถูกอายัดทรัพย์นับพันล้านบาท ต้นเดือนสิงหาคม ขยายผลเข้าจับกุมและอายัดทรัพย์บริษัททัวร์จีนอีก 2 แห่งในกรุงเทพฯ คือ ฝูอัน และซินหยวน ฐานอั้งยี่ สวมบัตรคนไทยจัดตั้งบริษัท เข้าข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ล่าสุด เชื่อมโยงมายังบริษัทโอเอ ทรานสปอร์ต ย่านลาดกระบัง เครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญใหญ่ที่สุดในไทย จับกุมสองกรรมการบริษัท ตรวจสอบเส้นทางการเงินก่อนมาตรการยึดทรัพย์ แม้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ยอดนักท่องเที่ยวจีนจะโตขึ้นเกือบ 1000% แต่กลับมียอดค่าใช้จ่ายต่อหัวค่อนข้างต่ำ จากระบบทัวร์ศูนย์เหรียญและทัวร์คิกแบ็ก รายได้จากการท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงตกอยู่กับเครือข่ายบางกลุ่มเท่านั้น ไม่ได้กระจายรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างแท้จริง ภาครัฐกำลังหาทางป้องกันแก้ไข ไม่ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ถูกกลุ่มทุนจีนตักตวงประโยชน์จนเสียกลไกตลาด เช่น การตรวจสอบบริษัทนอมินี การทำลายวงจรทัวร์ศูนย์เหรียญ ทัวร์คิกแบ็ก แต่หลายเรื่องก็ตรวจสอบยาก เช่น การเข้าพักในโรงแรมเถื่อน หรืออพาร์ตเมนต์ในเครือข่ายราคาถูกแทนการพักโรงแรม เพราะที่พักเหล่านี้มักรับเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ที่ตกลงกันไว้ การตรวจค้นต้องมีหมายศาล คาดว่าตอนนี้มีโรงแรมเถื่อนไม่ต่ำกว่า 10,000 แห่ง นอกจากปัญหาความมั่นคงแล้ว ยังทำให้รัฐสูญเสียรายได้ ชาวจีนหลังเปิดประเทศนิยมมาเที่ยวไทย เพราะชื่นชอบวัด วัง เกาะ หาดทราย ชายทะเล และค่าใช้จ่ายถูก นอกจากกรุ๊ปทัวร์ร้อยละ 70 ที่มักมากับทัวร์ศูนย์เหรียญและทัวร์คิกแบ็ก ซึ่งเอาเปรียบธุรกิจท่องเที่ยวไทย อีกร้อยละ 30 เป็นนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาด้วยตัวเอง วางแผนการท่องเที่ยว จองโรงแรมที่พักเอง กลุ่มนี้ทำรายได้ให้ไทยอย่างเต็มที่ ปัญหาทุนจีน รุก กินรวบ กระทบธุรกิจไทย กำลังถูกจัดระเบียบเพื่อสร้างความยั่งยืนให้รายได้การท่องเที่ยวไทยในระยะยาว เน้นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และทำธุรกิจต่อกันอย่างไม่เห็นแก่ตัว.-สำนักข่าวไทย ปปง.ยึดทรัพย์เครือข่าย "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" 1.3 หมื่นล้านบาท
เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังกันเข้าอายัดทรัพย์สินของบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต โดยเข้ายึดรถบัสนำเที่ยวกว่า 2 พันคัน หลังตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า รถบัสเหล่านี้เป็นทรัพย์สินที่ได้จากการทำทัวร์ศูนย์เหรียญ รถบัสกว่า 2 พันคันที่จอดด้านหลัง บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต ย่านลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจยึด หลังพบว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการทำทัวร์ศูนย์เหรียญ การยึดทรัพย์ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขยายผลจากการเข้าตรวจค้นบริษัทโอเอฯ และบริษัทในเครืออีก 5 แห่ง เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมออกหมายจับผู้บริหาร 2 คน ในข้อหาอั้งยี่ที่ไม่เพียงทำทัวร์ศูนย์เหรียญแล้ว ยังทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังอายัดบัญชีเงินสดกว่า 4,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินหมุนเวียนของบริษัท และบริษัทในเครืออีก 381 แห่งอีกด้วย ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ไม่เพียงการเข้าอายัดทรัพย์สินของบริษัทโอเอฯ ตามอำนาจของเจ้าหน้าที่ ปปง.เท่านั้น แต่หลังจากนี้จะขยายผลถึงบริษัทเครือข่ายเพิ่มเติม พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ดำเนินกับบริษัทนำเที่ยวทั่วไป แต่ดำเนินการกับบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญเท่านั้น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมประสานความร่วมมือกันในการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว โดยการร่วมประชุมกับหน่วยงานภาครัฐของจีน ในการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่วนอีกราย คือบริษัทฝูอัน ทราเวล จำกัด ที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปปง. แถลงการยึดทรัพย์ จากการที่ตำรวจเข้าตรวจสอบหลังพบว่า เป็นบริษัทนำเที่ยวภายในประเทศไทยต่ำกว่าทุน หรือบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ ที่มีนางถวัล แจ่มโชคชัย และนายสมเกียรติ คงเจริญ ชาวจีนที่ลักลอบสวมบัตรประชาชนของนายสมเกียรติ คงเจริญ คนไทยซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2550 ที่ผ่านมา เป็นกรรมการผู้จัดการและมีหุ้นอยู่ในบริษัทฝูอัน ซึ่งเชื่อมโยงกับบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ที่บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด ใช้บริการรถบัสโดยสารของบริษัท โอเอ โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่ารถบัสโดยสาร แต่มีข้อตกลงและเงื่อนไขจะต้องพานักท่องเที่ยวไปซื้อสินค้าตามร้านหรือสถานที่ตามที่บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด กำหนดไว้ สำนักงาน ปปง.ได้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการทำธุรกรรม ก่อนยึดทรัพย์ เป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร 92 บัญชี เป็นเงิน 4,200 ล้านบาท และรถบัสโดยสาร จำนวน 2,155 คัน มูลค่า 9,000 ล้านบาท รวมทรัพย์สิน ทั้งหมด 2,274 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 13,200 ล้านบาท หลังจากรัฐบาลมีนโยบายปราบปราม "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" ทำลายธุรกิจท่องเที่ยวไทย จนมีการจับกุมและขยายผลดำเนินการทางกฎหมายและอายัดทรัพย์สินบริษัททัวร์หลายแห่ง ล่าสุดเมื่อวานนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เปิดปฏิบัติการจับมัคคุเทศก์เถื่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และเชื่อมโยงหรืออยู่ในวงจรธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ ปฏิบัติการจับกุมมัคคุเทศก์เถื่อนชาวจีน เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และผู้แทนสมาคมมัคคุเทศก์แห่งประเทศไทย ได้แบ่งกำลังกันลงพื้นที่หลายจุด โดยเริ่มต้นจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / ท่าอากาศยานดอนเมือง และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ปรากฏว่าสามารถจับกุมมัคคุเทศก์เถื่อนได้ 6 คน เป็นมัคคุเทศก์จากบริษัทไดมอนด์ไทยทราเวล จำกัด ทำหน้าที่นำเที่ยวแทนมัคคุเทศก์ชาวไทย นักวิชาการแรงงาน กรมการจัดหางานฯ บอกกับทีมพิกัดข่าวว่า ทางกระทรวงแรงงานมีส่วนในการกำกับดูแลคนต่างด้าวเข้ามาทำงานภายในประเทศที่เชื่อมโยงกับ "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" โดยพบพฤติกรรมของบริษัททัวร์จีนบางบริษัท มักว่าจ้างให้ชาวจีนมาเป็นมัคคุเทศก์แทนชาวไทย เนื่องจากชาวจีนมีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษามากกว่าชาวไทย และสามารถบังคับให้นักท่องเที่ยวซื้อสินค้าตามร้านช้อปปิ้งทัวร์ต่างๆได้ ทั้งๆ ที่อาชีพมัคคุเทศก์เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทยเท่านั้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามัคคุเทศก์เถื่อน 6 คนที่ถูกจับกุมได้ ในข้อหาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมขยายผลไปถึงบริษัททัวร์ที่ว่าจ้างชาวจีนมาเป็นมัคคุเทศก์ เพื่อดำเนินการจับกุมในข้อหารับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงานด้วย วันนี้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาได้นำร่างบันทึกลงนามความเข้าใจร่วม หรือ เอ็มโอยู ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และองค์การส่งเสริมท่องเที่ยวของประเทศจีน หรือ ซีเอ็นทีเอ เพื่อร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาผ่านความเห็นชอบก่อนลงนามวันที่ 21 กันยายนนี้ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ร่างความร่วมมือประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือไทย-จีน เพื่อควบคุมดูแลการท่องเที่ยว การสร้างกลไกความร่วมมือจัดทำโครงการด้านการท่องเที่ยวและการจัดการเมื่อเกิดเหตุร้าย และ 3.สร้างกลไกประชาสัมพันธ์และฝึกอบรม รวมทั้งจัดการฝึกอบรมมัคคุเทศก์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบรรยายภาษาจีน นอกจากนี้ทางกรมการท่องเที่ยวยังเตรียมขึ้นบัญชีดำบริษัทนำเที่ยวไทยที่ทำธุรกิจไม่ถูกต้องและมีปัญหาด้านบริการคุณภาพแล้วกว่า 3,500 ราย เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซด์ของกระทรวงฯ จากนั้นจะจัดทำเป็นบัญชีข้อมูลให้กับจีนทราบถึงบริษัทที่ดำเนินการอย่างไม่ถูกต้องเช่นกัน ททท.เชื่อมั่น การจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญระหว่างรัฐบาลไทยและจีนส่งผลดีในระยะยาว ได้นักท่องเที่ยวคุณภาพจากจีนเพิ่มขึ้น นายสุกรีย์ สิทธิวนิช รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เชื่อว่าการเดินหน้าแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างเป็นระบบ จะช่วยจัดระเบียบการท่องเที่ยวในระยะยาว ช่วยให้นักเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวไทยแบบแพ็คเกจทัวร์ ซึ่งมีอยู่ถึงร้อยละ 40 เป็นตลาดท่องเที่ยวที่มีคุณภาพขึ้น เม็ดเงินที่ได้รับจะกระจายลงสู่ท้องถิ่น ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะกลุ่มบุคคล หากสามารถจัดระเบียบร่วมกันทั้ง 2 ประเทศได้ จะทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเติบโตได้ตามเป้าประมาณ 10 ล้านคน และ ที่สำคัญจะได้นักท่องเที่ยวจีนที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น สำหรับผลกระทบช่วงที่จัดระเบียบ ยอมรับว่า นักท่องเที่ยวจีนที่มาเป็นแพ็คเกจทัวร์ลดลงในบางพื้นที่ เช่น พัทยา และจังหวัดใกล้เคียง ส่วนหัวเมืองหลักทั้งกรุงเทพฯ จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดภูเก็ต ยังปกติ ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะขยายตลาดท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพ โดยเข้าร่วมงาน JATA Tourism Expo Japan 2016 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นงานโรดโชว์ท่องเที่ยวตลาดใหญ่ของโลก โดยตลาดญี่ปุ่นถือเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ ตั้งเป้าหมายไว้ 1.3 ล้านคนในปีนี้ เป็นอันดับ 3 ของไทย รองจากจีน และ มาเลเซีย ข่าว 7 สี - กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินหน้าแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ จัดตั้งคณะทำงานร่วมไทย-จีน ดูแลการท่องเที่ยวของ 2 ประเทศ เน้นปราบปรามบริษัททัวร์ผิดกฎหมาย ในวันนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย และสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือกำกับดูแลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และจะร่วมกันปราบปรามบริษัททัวร์ผิดกฎหมาย เป็นครั้งแรก โดยได้ร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือไทย-จีน เพื่อสร้างกลไกควบคุมดูแลและจัดการด้านการท่องเที่ยวให้เป็นไปอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะการดูแลนักท่องเที่ยวของ 2 ประเทศ ให้ได้รับความเป็นธรรมไม่ถูกบริษัทนำเที่ยวหลอกลวง เอารัดเอาเปรียบ และมีความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศจะร่วมกันอบรมมัคคุเทศก์ เพื่อให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวได้อย่างถูกต้องอีกด้วย ด้าน นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร รองประธานมูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย ได้ขอให้ทุกฝ่ายเร่งปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะตั้งแต่ต้นปีนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมขนาดกลางและเล็ก โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญลดลงกว่า 500,000 คนแล้ว
มาสเตอร์การ์ด ได้สำรวจ 132 เมืองทั่วโลก สุดยอดจุดหมายปลายทางโลกที่มีผู้เดินทางมาเยือนมากที่สุด พบว่า กรุงเทพมหานคร ถูกจัดอันดับที่หนึ่ง เป็นเมืองที่มีผู้เดินทางมาเยือนมากที่สุดในโลก และมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก โดยมีนักท่องเที่ยว มากประมาณ 21.47 ล้านคน มากกว่า กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือน 19.88 ล้านคน และ 18.03 ล้านคน ตามลำดับ นายยูวา เฮดริค-หว่อง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ และประธานสถาบันที่ปรึกษาด้านวิชาการ ประจำศูนย์มาสเตอร์การ์ดเพื่อการเติบโตแบบองค์รวม เปิดเผยว่า เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของผู้มาเยือนมากที่สุด จำเป็นต้องเร่งหากลยุทธดึงดูด ประชากรคนชั้นกลางทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ ให้เดินทางมามากขึ้น เพราะกลุ่มคนชั้นกลางกลุ่มนี้มีกำลังการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ช่วยให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศปลายทางเติบโตได้ ด้าน นางผุสดี ตามไท รักษาการแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า รางวัลนี้ทำให้กรุงเทพมหานครได้รับการปักหมุดอยู่บนแผนที่โลก ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักประเทศไทย และเดินทางมาท่องเที่ยวมากขึ้น แม้ไทยจะเกิดวิกฤตการณ์ก็ตาม กรุงเทพฯ 24 ก.ย.-ไกด์ไทยที่พูดภาษาจีนกว่า 7,000 คน กำลังกลับมามีงานมีรายได้ หลังบางส่วนได้ทำเพียงหน้าที่ซิตติ้งไกด์ (sitting guide) หรือไกด์ที่นั่งอยู่เฉยๆ ที่ทัวร์ศูนย์เหรียญจ้างไว้ เพื่อป้องกันตำรวจจับกุม ส่วนไกด์จีนเถื่อนที่เคยแย่งอาชีพไกด์ อาชีพสงวนของคนไทย จำนวนมากไม่สามารถทำงานเช่นนี้ได้สะดวกแล้ว เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมไกด์เถื่อนชาวจีน 3 ราย ขณะมารอรับนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบินดอนเมือง เป็นคลิปตัวอย่างกวาดล้างไกด์เถื่อนชาวจีนที่มาแย่งอาชีพไกด์ไทย ซึ่งเป็นอาชีพสงวน ไกด์จีนบางส่วนยังร่วมในเครือข่ายลอยแพลูกทัวร์ ข่มขู่บังคับให้ซื้อสินค้า ดูโชว์ลามก บางเดือนตำรวจท่องเที่ยวเคยจับไกด์จีนเถื่อนได้ถึง 300 คน ไกด์ชาวไทยส่วนใหญ่บอกว่า การที่รัฐเข้ามาปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ ประกอบกับเป็นช่วงโลว์ซีซั่น อาจกระทบต่อจำนวนทัวร์จีนที่เข้ามาลดลง แต่ก็เป็นโอกาสที่ทำให้ไกด์ไทยกลับมามีรายได้มากขึ้น เดิมนักท่องเที่ยวจีนกว่า 70% มักนิยมมากับทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือทัวร์คิกแบ็ก ที่ใช้แต่ไกด์เถื่อนชาวจีน ส่วนไกด์ไทยถูกจ้างเป็นเพียง “ซิทติ้งไกด์” หรือไกด์ที่นั่งเฉยๆ มีเพื่อป้องกันกรุ๊ปทัวร์ถูกตำรวจจับ ไม่ได้ทำหน้าที่ไกด์โดยตรง หลายคนเปลี่ยนอาชีพ ส่วนที่ยังเป็นไกด์อยู่มีรายได้เพียงวันละ 1,500 บาท และค่าคอมมิชชั่นอีกเล็กน้อยจากการขายทัวร์เสริม และสินค้าที่ลูกทัวร์ซื้อเพิ่มจากร้านค้า ข้อมูลจากสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ระบุปัจจุบันมีไกด์จีนชาวไทยหมุนเวียนอยู่ในระบบเกือบ 7,000 คน แต่ที่ผ่านมาเกือบ 80% ถูกจ้างเป็นเพียงซิทติ้งไกด์ หรือไกด์อำพรางป้องกันตำรวจจับ สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพฯ ยืนยันว่าไกด์จีนชาวไทยที่มีอยู่เพียงพอรองรับท่องเที่ยวจีน และเป็นโอกาสที่ไกด์ไทยจะได้มีงานมีรายได้ และควรสนับสนุนให้ร่วมกันทำทัวร์อย่างมีคุณภาพ ไม่ซื้อหัวนักท่องเที่ยว หรือสนับสนุนทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะไกด์เถื่อนชาวจีนจะกลับมาอีกแน่นอน และเสนอให้ภาครัฐนำไกด์ไทยที่พูดภาษาจีนทั้งหมดมาทดสอบ จัดประเภทตามความสามารถด้านภาษาและประสบการณ์ รวมไว้ที่ส่วนกลาง เช่น กรมการท่องเที่ยว ไม่ต้องสังกัดบริษัท เป็นการแก้ปัญหาไกด์เถื่อนคู่ขนานไปกับการจัดระเบียบอุตสาหกรรมธุรกิจท่องเที่ยว หลังการปราบปรามเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยมีรายงานว่าไกด์จีนเถื่อนที่เคยอยู่ในระบบมากกว่า 5,000 คน บางส่วนรอดูสถานการณ์ บางส่วนเดินทางกลับประเทศไปแล้ว. – สำนักข่าวไทย เพื่อการท่องเที่ยวคุณภาพ ทุกภาคส่วนจึงผนึกกำลังยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการท่องเที่ยวไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย เตรียมจัดเจ้าหน้าที่ประจำที่ด่านพรมแดน อำเภอเชียงของ เพื่อรองรับรถยนต์นักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย ข่าว 7 สี - การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ได้ทำให้ปัญหานำเที่ยว และมัคคุเทศก์ผิดกฎหมาย ลดน้อยลง และภาครัฐ เดินหน้าขจัดทัวร์ด้อยคุณภาพ ยกระดับการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมหารือกับสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเอกชน เน้นความสำเร็จของการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ สามารถทลายเครือข่ายใหญ่ธุรกิจท่องเที่ยวที่มีลักษณะกินรวบ ผิดกฎหมาย ทั้งมัคคุเทศก์ รถทัวร์ ร้านค้าเครื่องประดับ ร้านอาหารที่อยู่ในเครือข่ายชาวต่างชาติ ที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์และให้คนไทยเป็นนอมินี ผลปรากฏว่า มัคคุเทศก์หรือไกด์เถื่อน และทัวร์เถื่อนลดลงและวันพรุ่งนี้ คณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ จะหารืออัตราค่าบริการที่เหมาะสม จัดทำราคากลาง ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อแพ็คเกจทัวร์ตามเกรดต่าง ๆ อย่างเป็นมาตรฐาน ป้องกันทัวร์ด้อยคุณภาพ ขายราคาต่ำกว่าทุน ขณะที่ การขอความร่วมมือกับประเทศจีน ในการร่วมกันขจัดทัวร์ศูนย์เหรียญ เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับจีน การตรวจลงตรา ที่สถานกงสุลมีเพิ่มขึ้น และในช่วงเดือนตุลาคม จะมีการหารือกับรัฐบาลจีนต่อไป อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน ดึงดูดใจให้นักธุรกิจและนักลงทุนทั่วโลก สนใจเดินทางมาอาเซียน จนทำให้ธุรกิจการจัดประชุมจัดงานแสดงและนิทรรศการ หรือ “ไมซ์” (MICE - Meetings Incentive Travel Conventions Exhibitions - ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมบริษัทข้ามชาติ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การประชุมนานาชาติ และการจัดนิทรรศการ) ในอาเซียน ขยายตัวอย่างรวดเร็ว คาดกันว่าในอีก 2 ปี จะมีผู้เดินทางเข้ามาร่วมประชุมสัมมนา หรือร่วมงานแสดงและนิทรรศการในอาเซียนไม่ต่ำกว่า 12 ล้านคน นักเดินทางที่เข้ามาร่วมงานไมซ์ จะใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 3-4 เท่า ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ หากสร้างความเชื่อมั่นและความนิยมได้ก็จะมีการเดินทางเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ในปีที่แล้วธุรกิจไมซ์ สร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 920,000 ล้านบาท แต่แนวโน้มโลกที่เปลี่ยนไป การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของหลายประเทศ ทำให้อาเซียน รวมถึงไทย ต้องเตรียมรองรับกลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลือในการเดินทางด้วย เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ ซึ่งจะมีสัดส่วนสูงถึง 25 % ของประชากรโลก ในอีก 10 ปีข้างหน้า การพัฒนาบุคลากรด้านไมซ์ และการสร้างมาตรฐานการจัดงานให้เป็นรูปแบบเดียวกันในกลุ่มอาเซียน รวมทั้งเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคม อินเทอร์เน็ต ตลอดจนสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง จะทำให้อาเซียน เป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ ของโลกได้ การที่จะสร้างให้อาเซียน เป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางมาของชาวต่างชาติยังต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน ไม่ใช่มุ่งแข่งขันกัน เพราะการเชื่อมโยงกันจะก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในที่สุด
แม้มาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดือนหน้าช่วงโกลเดนวีคหายไปกว่าครึ่ง แค่ผู้ประกอบการก็ยืนยันพร้อมที่จะปรับราคาตามมาตรฐานและต้องการให้รัฐเร่งปราบปรามจริงจังเพื่อผลดีในระยะยาว กรุงเทพฯ 5 ต.ค.-หลังจากช่อง 9 MCOT HD หมายเลย 30 เปิดประเด็นเรื่องปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญกระทบการท่องเที่ยวไทย ทำให้หลายหน่วยงานเร่งแก้ปัญหา วันนี้ที่ประชุมร่วมแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญเคาะราคาขั้นต่ำระดับค่าบริการท่องเที่ยว 1,000 บาท/คน/คืน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการดูแลการท่องเที่ยวแห่งชาติ ร่วมประชุมหารือกับตัวแทนสมาคมผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวภาคเอกชนแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ หลังให้เวลาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหาข้อสรุป ตามมติการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลจัดระดับการให้บริการท่องเที่ยวของไทย คือ สแตนดาร์ด ซิลเวอร์ โกลด์ และพรีเมียม โดยที่ประชุมร่วมมีมติเป็นเอกฉันท์เคาะราคาแพ็กเกจเที่ยวไทยแสตนดาร์ด หรือมาตรฐาน อยู่ที่ 1,000 บา/คน/คืน เริ่มประกาศใช้ทันที กำหนดใช้เฉพาะกับทัวร์จีนก่อน เพื่อแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ นอกจากนี้ ยังกำหนดราคา Optional หรือบริการเสริมให้ไม่เกิน 600 หยวน หรือ 3,000 บาท โดยราคานี้ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ชี้แจงว่า เป็นราคาที่ไม่ขาดทุน และไม่สูงเกินเพดานราคาที่วางไว้ ส่วนซิลเวอร์ โกลด์ และพรีเมียม รองนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้คณะทำงานกำกับดูแลด้านการท่องเที่ยวหารือกำหนดช่วงราคา และชื่อแต่ละเซ็กเมนต์ให้มีความน่าสนใจ ก่อนจะประกาศใช้อีกครั้ง ส่วนแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนจองบัตรโดยสารเครื่องบิน ผ่านระบบ Forward key ระหว่างวันที่ 1-10 ตุลาคม เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนกว่า 7.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.4 เมื่อเทียบกับปี 2558 การจัดเก็บภาษีและแก้ปัญหาไกด์เถื่อนที่ไม่มีใบอนุญาตจะต้องให้มีความชัดเจนมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย ขยายผลทัวร์ศูนย์เหรียญ 3 ผู้บริหารนอนคุกหลังวืดประกัน ติดตั้งทุ่นกันแนวเล่นน้ำ ป้องกันเรือชนนักท่องเที่ยวดำน้ำเกาะพีพี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เรียกผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับทัวร์จีนประชุมทำความเข้าใจถึงแนวทางการจัดการทัวร์ศูนย์เหรียญอีกครั้ง ขณะที่ไกด์จีนยอมรับการแก้ปัญหานี้กระทบรายได้
กว่า 2 เดือน หลังรัฐบาลปราบทัวร์ศูนย์เหรียญพบว่า นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับเข้ามาในประเทศไทย ขณะเดียวกันพฤติกรรมการท่องเที่ยวก็เปลี่ยนไปด้วย ติดตามจากรายงานคุณสรารัตน์ รัตนสุวรรณ ก่อนหน้านี้บริเวณล็อบบี้ของโรงเเรมทวินทาวเวอร์ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ขณะนี้จะเห็นว่า จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก นี่เป็นผลมาจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญของรัฐบาล ขณะเดียวกันบรรดาผู้ประกอบการโรงแรม กำลังอยู่ในช่วงปรับตัว หานักท่องเที่ยวตลาดอื่นมาทดแทน นักท่องเที่ยวจีนที่หายไป นักท่องเที่ยวจีนที่หายไปกว่า 50% จากนโยบายปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ เริ่มกลับเข้ามาภายในประเทศ ผู้ประกอบการโรงแรมเริ่มเห็นโอกาสการฟื้นตัว แต่เชื่อว่า หากจะอยู่รอดได้ ต้องหานักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นมาทดเเทน ก่อนหน้านี้ยอดจองโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพ และพัทยา ลดลงกว่า 50% แต่ตอนนี้อัตราการลดเริ่มลดลงแล้ว ซึ่งผู้ประกอบการโรงแรมกำลังอยู่ในช่วงปรับตัว และคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ผู้คว่ำหวอดในวงการทัวร์อย่าง 'ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ' นายกสมาคมโรงแรมไทยมองว่า ผลจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จากเคยมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ ก็หันมาเดินทางด้วยตนเองมากขึ้น แม้สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย แต่ผู้ประกอบการโรงแรมยังกังวลว่า ยอดจองโรงแรมช่วงตรุษจีนนี้ อาจไม่ก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว พวกเขาได้แต่หวังว่า แผนรับมือของ ททท .ในช่วงโค้งสุดท้าย จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวได้ การที่รัฐบาล ปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ อาจทำให้นักท่องเที่ยวจีน เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยน้อยลง แต่ก็เป็นโอกาสที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของไทย ต่อสายตาชาวจีนใหม่ และดึงนักท่องเที่ยวจีนที่มีคุณภาพเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงได้จัดโรดโชว์ จัดทัวร์จีนคุณภาพ ที่นครเฉิงตู ติดตามได้จากรายงาน คุณยุทธยา ตุ้มมี ขานรับแผนดึงนักท่องเที่ยว มหาดไทยออกกฎกระทรวงยกเว้นค่าวีซ่า พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขอความร่วมมือไปยังกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ให้ร่วมกันดำเนินการกับโรงแรมหรือห้องพักที่ผิดกฎหมายทั่วประเทศ ภายหลังพบว่าปัจจุบันมีโรงแรมผิดกฎหมายเฉลี่ยถึงร้อย ละ60 ของโรงแรมทั้งหมดในทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นจะร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวหลัก เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ให้กวาดล้าง หรือเร่งแก้ปัญหาโรงแรม รัฐบาลเดินหน้าจัดระเบียบโรงแรม คาดจะเข้าสู่ระบบภายใน 3-5 ปีข้างหน้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เริ่มจัดระเบียบการท่องเที่ยวไปแล้วหลายด้าน พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำลังร่วมกับกรมการปกครองของกระทรวงมหาดไทยกวาดล้างโรงแรม หรือห้องพักผิดกฏหมายทั่วประเทศ โดยขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งภูเก็ตและเชียงใหม่เร่งแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะจากการตรวจสอบโรงแรมและที่พักผิดกฏหมายที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 มีอัตราเฉลี่ยถึง 60% ของห้องพักทั้งหมด มั่นใจว่าโรงแรมและที่พักจะทยอยเข้าสู่ระบบตามกฏหมายมากขึ้น แต่จะต้องใช้เวลา คาดว่าประมาณ 3-5 ปีข้างหน้า
จังหวัดภูเก็ตทั้งภาครัฐและเอกชน เตรียมเดินหน้าพัฒนาท่าเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเรือยอชท์ ที่จะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น หลังจากรัฐบาลเดินหน้านโยบาย "มารีน่าฮับ" (Marina Hub) ผลักดันให้ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการเทียบท่าเรือสำราญและเรือยอชท์ของภูมิภาคอาเซียน บริษัททัวร์ ชี้นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาหลังปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่ยังกังวลขอรอดูความชัดเจนหลังตรุษจีนปีหน้าว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นต่อหรือไม่ ด้านเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเรียกร้องให้ทางการไทยร่วมมือกับทางการจีนมากยิ่งขึ้น นายสุรวัช อัครวรมาศ อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว กล่าวว่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นักท่องเที่ยวจีน หายไปประมาณ 50% ในเดือนตุลาคม และ 52% พฤศจิกายน โรงแรมบางแห่งในพัทยาลูกค้าจีนหายไปถึง 90 % หลังจากที่ทางการเริ่มปราบทัวร์ศูนย์เหรียญในเดือนสิงหาคมปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงมากระทบธุรกิจท่องเที่ยวด้วย โดยจะเห็นได้จากผู้ประกอบการให้เช่าเหมาลำเครื่องบินเริ่มประสบปัญหาขาดทุนตั้งแต่เดือนเมษายน เพราะต้องลดค่าเช่าเครื่องบินลงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจของจีนเอง ในช่วงเดือนธันวาคมนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเริ่มมากขึ้น นับแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยแล้วประมาณ 8.1 ล้านคน ในขณะที่ทางการพยายามออกโรดโชว์ เพื่อเพิ่มเป้าให้ได้ถึง 9.1 ล้านคน ถ้าปีนี้ทำได้เป้า ปีหน้าก็จะได้ถึง 9 ล้านคนเช่นกัน นายสุรวัชเรียกร้องให้รัฐบาลให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากทัวร์จีนลดลง และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัททัวร์เหมือนกับที่รัฐบาลยกเวินภาษีให้กับผู้ส่งออกสินค้า นายสุรวัชระบุว่า ตลาดท่องเที่ยวจีนจะมีความชัดเจนต้องรอดูหลังช่วงตรุษจีนปีหน้า นอกจากนี้ไทยยังมีคู่แข่งใหม่ๆ คือ เวียดนาม กัมพูชา และฟิลิปปินส์ ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนไปจากตลาดไทย ทูตจีนหนุนจัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่ขอร่วมมือกันมากขึ้น ด้านนายหนิง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย แสดงความสนับสนุนรัฐบาลไทยที่จัดระเบียบทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะจะทำให้ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างลูกทัวร์กับบริษัททัวร์ลงได้ และเชื่อว่า จะไม่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงมากนัก พร้อมกับเรียกร้องทั้งสองฝ่ายไทย-จีนประสานความร่วมมือใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว โดยนายหนิง ฟู่ขุย กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากปัจจุบันที่มีคนจีนออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศปีละ 128 ล้านคน ทูตจีนเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนยังจะเติบโตระดับ 6-7% แม้จะโตน้อยกว่า 10% เช่นในช่วงหลายทศวรรษก่อน แต่ก็ยังถือว่า ยังโตสูงอันดับต้นๆ ของโลก รายงานพิเศษ : ไทยตั้งเป้าศูนย์กลางท่องเที่ยวทางทะเลดึงรายได้สู่ชุมชน นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ สสปน. กล่าวว่า ได้ปรับกลยุทธ์อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE อุตสาหกรรมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประชุมข้ามชาติฯ) ของไทย โดยเน้นการดึงและจัดงานแสดงสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่รัฐบาลสนับสนุน เช่น กลุ่มอาหารและเกษตร สาธารณสุขและเทคโนโลยีทางการแพทย์ เครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ และกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยต่อยอดการลงทุนของอุตสาหกรรมดังกล่าวในไทย ให้สอดรับกับนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0 " ของรัฐบาล นอกจากนี้ จะเน้นผู้แสดงงานที่มีคุณภาพ มาร่วมจัดงานในไทยมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายจะดึงนักเดินทางในอุตสาหกรรมไมซ์ ให้ได้ 1,100,000 คน ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้ไทยไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ด้าน นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการฯ สสปน.กล่าวว่า ไทยจำเป็นต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายในอุตสาหกรรมไมซ์ให้ชัดเจน การจัดงานแสดงสินค้าต่างๆ ก็ควรเป็นไปตามเทรนด์ของโลก เนื่องจากปีนี้การแข่งขันในอุตสาหกรรมไมซ์กำลังทวีความรุนแรง และเป็นช่องทางสร้างเม็ดเงินให้ไทย
ททท.เปิดเผยเป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2560 โตร้อยละ 10 เชื่อเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว เป็นตัวผลักดันให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมากยิ่งขึ้น นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตั้งเป้าหมายรายได้ด้านการท่องเที่ยวปี 2560 เอาไว้ที่ร้อยละ 10 คิดเป็นเม็ดเงินรวมทั้งการท่องเที่ยวในประเทศ และต่างประเทศ มูลค่า 2.77 ล้านล้านบาท เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.82 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยว 34.65 ล้านคน ส่วนนักท่องเที่ยวในประเทศคาดว่าจะมีการท่องเที่ยวคิดเป็นเม็ดเงินสะพัด 9.5 แสนล้านบาท จากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้ตลาดต่างประเทศสดใส ส่วนตลาดที่น่าจะสร้างรายได้มากที่สุด ยังคงเป็นจีน รองลงมาคือรัสเซีย และมาเลเซียตามลำดับ ส่วนเป้าหมายระยะสั้น ในไตรมาสแรกปีนี้ ททท.เชื่อว่าประเทศไทยจะมีรายได้ด้านการท่องเที่ยวรวม 7.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 9.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ส่วนรายได้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 คิดเป็นเม็ดเงิน 4.9 แสนล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายของภาคการท่องเที่ยว ที่เน้นนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น ส่วนในประเทศ 3 เดือนแรกของปีคาดว่าการท่องเที่ยวจะเงินสะพัด 2.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากอากาศที่หนาวนานกว่าปกติ ส่วนปี 2559 ประเทศไทยสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยว 2.52 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ทะลุเป้าที่เคยตั้งไว้ 2.4 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เป็นจำนวน 32.59 ล้านคน สร้างรายได้ 1.65 ล้านล้านบาท ขณะที่รายได้การท่องเที่ยวในประเทศ ได้รับอานิสงค์จากเที่ยวช่วยชาติ สร้างรายได้ 8.66 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตถึงร้อยละ 8 ส่วนการพัฒนาอุตสาหกรรมบริการเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 / สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ได้ปรับแผนการผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์ ให้ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล เน้นส่งเสริมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ตอกย้ำการเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในอาเซียน ไปติดตามได้จากรายงานของคุณอโนชา อู่สุวรรณ หลายปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยังคงเป็นหลักในการนำเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทยมากมายมหาศาล แต่ต้องยอมรับว่า หากการท่องเที่ยวเติบโตต่อไปอย่างไร้ทิศทาง อาจจะสงผลกระทบต่อวิถีชุมชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับเป็นเสน่ห์สำคัญการท่องเที่ยวในบ้านเราได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อกระจายรายได้ลงสู่ชุมชน นำไปสู่ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชาติ ติดตามจากรายงาน การท่องเที่ยวไทยปี 2560 มีการประเมินไว้อย่างไร พูดคุยกับ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ พิกัดข่าวเช้านี้ต้องรู้ : คณะรัฐมนตรีมีมติปรับลดค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยว 21 ประเทศอีก 6 เดือน เพื่อหวังเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวไทย
ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย รัฐบาลจึงได้หามาตรการในรูปแบบต่างๆ เพื่อที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ล่าสุดคือการขยายมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ออกไปอีก 6 เดือน ติดตามจากรายงาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวสร้างมูลค่าเพิ่มแก่เศรษฐกิจไทยกว่า ร้อยละ17 ขณะที่เดือนมกราคม มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 1แสน 3หมื่นคนต่อวัน สร้างรายได้เกือบ1หมื่น 3 พันล้านบาท ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวอินเดีย เข้าร่วมชมงาน South Asia travel tourism and exchange 2017 หรือ ซาเต้ ที่จัดขึ้นในเมืองนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย จำนวนมาก ภายในงานมีผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว จาก 40 ประเทศ มานำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยว ที่พัก และโรงแรม ให้แก่ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวของอินเดีย ไทยเป็นหนึ่งในประเทศ ที่เข้าร่วมงานนี้ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. พาผู้ประกอบการ มาเข้าร่วม 40 ราย สำหรับปีนี้เน้นตลาดกลุ่มจัดงานแต่งงาน อีกกลุ่มใหม่ที่จะขยายตลาดคือ กลุ่มที่ชื่นชอบการเฉลิมฉลอง เช่น หนุ่มสาวอินเดียที่มาจัดงานเลี้ยงกับเพื่อนๆ ก่อนที่จะแต่งงาน รวมถึงกลุ่มนักเรียน ปีนี้ ททท. ตั้งเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวอินเดีย เดินทางมาไทย 1 ล้าน 1 แสน 9 หมื่นคน สร้างรายได้ 5 หมื่น 9 พันล้านบาท มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 49,372 บาท ต่อคนต่อทริป จากปี 2559 มีนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย 1 ล้าน 1 แสน 8 หมื่นคน สร้างรายได้รวม 5 หมื่น 4,492 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 46,081 บาท ต่อคนต่อทริป ระยะเวลาท่องเที่ยวประมาณ 7 วัน อินเดียเป็นตลาดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของไทย นอกจากจะมีอัตราการเติบโตสูงยังเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายสูงด้วย ล่าสุด ททท.เตรียมเปิดหลักสูตรปั้นนักเวดดิ้งแพลนเนอร์อินเดียมืออาชีพ ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อดึงคนอินเดียให้เข้ามาจัดงานแต่งงานในไทยเพิ่มมากขึ้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว ที่เน้นตลาดอินเดีย จำนวน 40 ราย เข้าร่วมเสนอขาย ในงาน South Asia Travel Tourism and Exchange 2017 หรือ SATTE 2017 ซึ่งเป็นงานมหกรรมซื้อขายผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ประจำปีของนิวเดลี ประเทศอินเดีย มีผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวเข้าร่วมงานมากถึง 40 ประเทศ โดยตลาดอินเดีย เป็นตลาดกลุ่มคุณภาพเป้าหมาย เป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายสูงเป็นอันดับต้น ๆ ในบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่มาจัดงานแต่งงานในไทย เฉลี่ยมีค่าใช้จ่ายสูง 5-10 ล้านบาทต่อการจัดงาน 1 ครั้ง ททท.ได้จัดทำการตลาดเชิงรุก ร่วมกับเอเจนซี่อินเดีย เพื่อดึงกลุ่มเซเลบริตี้และกลุ่มคู่รักมาจัดปาร์ตี้ในไทย เช่น ปาร์ตี้ก่อนแต่งงาน ไปจนถึงการฮันนีมูน และใช้กลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ช่วยในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของไทย และเตรียมจัดทำหลักสูตรการพัฒนาเวดดิ้งแพลนเนอร์อินเดีย ผ่านระบบออนไลน์ ใช้ระยะเวลาอบรม 20-60 ชั่วโมง ซึ่งผู้ผ่านหลักสูตร จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนเวดดิ้งแพลนเนอร์มืออาชีพของอินเดียประจำประเทศไทย เพื่อกระตุ้นตลาดให้ขยายตัวมากขึ้น ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาไทยกว่า 1,180,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 10.5% สร้างรายได้รวมกว่า 54,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% สำหรับปีนี้ ททท.ตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทย 1,195,000 คน เติบโต 7.6% สร้างรายได้ 59,000 ล้านบาท เติบโต 13.7% มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 49,372 บาท ต่อคนต่อทริป หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 7%
ททท.เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามภูมิภาค ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการเดินทางเป็น 40 % ในปีนี้ ขณะที่สายการบินขานรับ เปิดเส้นทางบินข้ามภาค โดยไม่ต้องผ่านกรุงเทพฯ นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการ ด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผยว่า ในปีนี้ ททท.ได้ตั้งเป้าเพิ่มการท่องเที่ยวในลักษณะข้ามภูมิภาค จากปัจจุบันมีสัดส่วน 30% เพิ่มเป็น 40% และเที่ยวภายในภูมิภาค 60% ผ่านโครงการท้าเที่ยวข้ามภาค เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางข้ามภูมิภาค เช่น ชาวเชียงใหม่ เดินทางไปเที่ยวที่ภูเก็ต ชาวอุดร เดินทางมาเที่ยวพัทยา เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ เกิดเม็ดเงินสะพัดในระหว่างภูมิภาคมากขึ้น ขณะที่สายการบินขานรับ ล่าสุด ไทยแอร์เอเชีย เปิดเส้นทางบินข้ามภาค อีก 2 เส้นทาง คือ พัทยาจากสนามบินอู่ตะเภา ไป อุบลราชธานี และพัทยา – ภูเก็ต เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามภาค โดยปัจจุบันไทยแอร์เอเชีย มีเส้นทางบินข้ามภาคมากที่สุด จากฐานการบิน 6 แห่ง คือ กรุงเทพ (ดอนเมือง) ภูเก็ตเชียงใหม่ กระบี่ อู่ตะเภา และหาดใหญ่ รวม 11 เส้นทาง จำนวน 16 เที่ยวบินต่อวัน ที่น่าสนใจ คือ มีอัตราขนส่งผู้โดยสารสูงถึง 85% ในปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าอุตสาหกรรมไมซ์ปี 60 สร้างรายได้ 101,000 ล้านบาท รายงาน ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพสู่เป้ารายได้ 2.5 ล้านล้านบาท การแสดงหุ่นละครเล็ก ศิลปะการแสดงของไทยที่เชื่อมโยงกับวรรณคดีไทยรามเกียรติ์ ที่มีความอ่อนช้อย งดงาม ช่วยเรียกความสนใจจากผู้ประกอบการทัวร์นานาประเทศ โดยเฉพาะอินเดีย ที่เข้าร่วมพบปะเจรจาธุรกิจด้านการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ในงาน เอาท์บาวด์ ทราเวล มาร์ท หรือ โอทีเอ็ม (Outbound Travel Mart) ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 19 ในเมืองมุมไบ สาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ ได้เป็นอย่างดี โดยงานนี้เป็นปีที่ 17 ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. นำทัพผู้ประกอบการทั้งโรงแรมที่พัก, แหล่งท่องเที่ยว, บริษัทนำเที่ยว และหน่วยงานต่างๆ มาร่วมงาน ปีนี้มี 20 ราย เน้นขยายฐานตลาดกลุ่มจัดงานแต่งงาน และชื่นชอบการจัดงานเฉลิมฉลอง ที่มีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูง รวมทั้งเน้นทำตลาดท่องเที่ยวที่ใช้เทคโนโลยี รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เทคโนโลยีกับการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือ ฟินเทค มากขึ้น เห็นได้จากภายในงาน ผู้ประกอบการนานาประเทศนำเสนอการขายทัวร์ ผ่านระบบออนไลน์ และแอพพลิเคชั่น รวมทั้งผู้ประกอบการทัวร์ของไทย ก็พัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับซื้อทัวร์มาเปิดตัวในงานนี้เช่นกัน นางศรีสุดา กล่าวว่า ททท. มีแนวคิดจะใช้เทคโนโลยี เข้ามาช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้ผู้ประกอบการ และภายในไตรมาส 2 ปี 2560 ททท.จะผลิตหลักสูตรพัฒนาเวดดิ้งแพลนเนอร์อินเดีย สอนผ่านระบบออนไลน์ด้วย การพัฒนาตั๋วร่วมบัตรแมงมุม กระทรวงคมนาคมหารือกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมแต่งตั้งคณะทำงาน โปรโมทการท่องเที่ยวผ่านบัตรแมงมุม เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวตามแนวรถไฟฟ้าและกระจายรายได้สู่ชุมชน
โรดโชว์ดึงนักธุรกิจญี่ปุ่นจัดประชุม-สัมมนาในไทย ระบบตั๋วร่วม หรือ "บัตรแมงมุม" ที่จะเริ่มใช้กลางปีนี้ เป็นอีกหนึ่งโปรเจคที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้ามาเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพ กับการเดินทางที่สะดวกสบายด้วยระบบขนส่ง ที่มีการเชื่อมโยงในทุกระบบผ่านเพียงใบเดียว สินค้าอัญมณีของไทย สามารถดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี แต่นับจากนี้ รัฐบาลคาดหวังว่า ตัวเลขรายได้จะขยับขึ้นไปอีกร้อยละ 20 หลังออกแพคเกจมาตรการโปรโมทสินค้าอัญมณีเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยว เพื่อปั้นไทยสู่ศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับโลก ติดตามจากรายงาน ปีนี้การท่องเที่ยวไทยเน้นปลุกตลาดระดับบนให้มีการใช้จ่ายสูง ซึ่งภูเก็ตคือแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายสำคัญของกลุ่มนี้ ติดตามรายละเอียดกับ คุณบัญชา ชุมชัยเวทย์ ปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้าว่า จะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยกว่า 34 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวที่เป็นตลาดสำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง คือนักท่องเที่ยวจากยุโรป ททท.จึงวางแผนดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ด้วยการท่องเที่ยวเชิงกีฬา กับอีกเรื่อง คืออาหารไทย ที่มีการเปิดตัวโครงการ "ไทยลิเชียส" ให้นักท่องเที่ยวมาหาประสบการณ์ทานอาหารอร่อยที่เมืองไทย
งาน International Tourism Borse หรือ ITB เป็นการจัดงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ และถือว่าสำคัญที่สุดงานหนึ่งของโลก ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้ใช้เวทีนี้ให้ข้อมูลกับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วโลก โดยปีนี้ ททท. ได้ทำการตลาด เพื่อนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ด้วยโครงการเดอะลิงค์ เพื่อเชื่อมนักท่องเที่ยวยุโรปและอเมริกา ให้มาเยือนแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ในชุมชน สัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวบ้านนาเลา อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งหมด 19 ราย ตัดสินใจรื้อถอนที่พักลักษณะรีสอร์ทของตัวเองทั้งหมด เหลือไว้เพียงบางส่วนตามข้อตกลงที่อนุญาตได้ ทำให้บ้านนาเลากลายเป็นแห่งแรก ที่อาศัยในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าแล้ว ยังได้รับอนุญาตให้หารายได้จากท่องเที่ยวบนที่ดินดังกล่าวได้ จากปกติต้องเป็นอาชีพเกษตรกรรม แต่อย่างไรก็ตาม กิจการทั้งหมดของหมู่บ้าน ต้องอยู่ในกติกาที่กำหนดขึ้นร่วมกันอย่างเคร่งครัด ทีเส็บเผยผู้ประกอบการไมซ์ตื่นตัวเร่งพัฒนาสถานที่จัดงานไมซ์ ล่าสุดมีผู้ผ่านการประเมินในปีนี้ 101 แห่ง เตรียมเดินหน้าขยายแผนสู่สถานที่จัดงานแสดงสินค้า และสถานที่จัดงานพิเศษ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) เผยผลการผลักดันประเทศไทยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สู่ศูนย์กลางสถานที่จัดงานไมซ์แห่งภูมิภาคอาเซียนตามแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมไมซ์ โดยเฉพาะการสร้างมาตรฐานสถานที่สำหรับจัดการประชุม สัมมนา หรือกิจกรรมไมซ์ต่างๆ ภายใต้โครงการมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย (Thailand MICE Venue Standard) มีกลุ่มเป้าหมายคือ ศูนย์ประชุม โรงแรมและรีสอร์ท รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผ่าน 6 ยุทธศาสตร์หลัก คือ พัฒนาสถานที่จัดงานในไทยให้ได้มาตรฐานสากล พัฒนาบุคคลากร พัฒนาระบบสารสนเทศ ประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาด ผลักดันไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และขับเคลื่อนให้เกิดความยั่งยืน ในงานนี้รองนายกรัฐมนตรี พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ได้มอบตราสัญลักษณ์มาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทยให้กับผู้ประกอบการไมซ์ที่ผ่านมาตรฐานทั่วประเทศ โดยปีนี้มีสถานประกอบการผ่านการประเมินทั้งสิ้น 101 แห่ง 215 ห้อง ซึ่งถือว่าไทยอยู่ในระดับแนวหน้าอาเซียน ทีเส็บยังเตรียมยกระดับมาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ไปยังสถานที่แสดงสินค้าและนิทรรศการ รวมถึงสถานที่จัดงานพิเศษ ในพื้นที่กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ให้ได้มาตรฐานสากล ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั่วโลก และสร้างเงินสะพัดในไทยกว่าแสนล้านบาท" กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้กำหนดยุทธศาสตร์หลักในการผลักดันการท่องเที่ยวปี 2560 โดยตั้งเป้าส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางมารีนาของอาเซียน และที่นี่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
หนึ่งในยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวปี 2560 คือ ปั้นประเทศไทยให้เป็นฮับ มารีน่า ท่าเรือยอร์ช และเรือโดยสารขนาดใหญ่ของอาเซียน ต่อยอดธุรกิจ-สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวไทย โดยก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบ Road Map การพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญ (Yacht) และท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise) จากปัจจุบันที่ประเทศไทยมีท่าเทียบเรือ Yacht ทั้งหมด 11 แห่ง ในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตราด ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่กรมเจ้าท่าได้ศึกษาความเหมาะสม เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือ Yacht บริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน ซึ่งพบว่า มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาท่าเทียบเรือ Yacht ได้ในพื้นที่ถึง 33 แห่ง ประกอบด้วย ฝั่งทะเลอันดามัน 11 แห่ง แถบภูเก็ต กระบี่ พังงา ระนอง ตรัง และทะเลอ่าวไทย 22 แห่ง ที่ ชลบุรี จันทบุรี ตราด สงขลา ปัตตานี และสมุทรปราการ โดยรูปแบบการลงทุนจะเปิดให้ภาคเอกชนเข้าร่วมทุนพัฒนาโครงการในรูป PPP โดยรัฐบาลหวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวไทย ตามนโยบายสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจในประเทศกับนอกประเทศ โดยอาศัยศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลทั้งฝั่งอันดามัน และอ่าวไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติให้เฟื่องฟูยิ่งขึ้น เดินหน้าประเทศไทย : กลยุทธ์ธุรกิจไมซ์ปี 60 รายการ เดินหน้าประเทศไทย วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2560 พิธีกร : โศภณ นวรัตนาพงษ์ แขกรับเชิญ : วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ผลไม้ไทยมีความรสชาติ ที่ถูกใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระทรวงพาณิชย์ จึงร่วมมือกับเอกชนตั้ง magnet market หรือตลาดดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยนำทุเรียนมาจัดอีเวนท์ เพื่อเพิ่มมูลค่าการจับจ่าย ตามคุณมาสิรี กล่อมแก้ว ไปชมไอเดียของตลาดต้นแบบแห่งแรกในไทย คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพี โดยมีการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการซึ่งจะดวลความเร็วกันที่ สนามข้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติให้งบประมาณให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี เป็นเวลา 3 ปี จากการผลักดันของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งของบประมาณจากรัฐบาลปีละ 100 ล้านบาท จากค่าลิขสิทธิ์จำนวนราว 400 ล้านบาท โดยเงินส่วนที่เหลือจะเป็นภาคเอกชนที่ร่วมลงขันเพื่อให้เกิดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกรายการนี้ในประเทศไทย ด้าน เนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษาสนามช้างอินเตอร์เนชันแนลมเซอร์กิต บอกว่า ตอนนี้หลังจากที่ ครม. ได้อนุมัติให้จัดการแข่งขัน ทางเราก็ต้องเตรียมหาเงินมาทั้งหมด 900 ล้าน เพื่อให้ได้ใช้ในสามปี และทางฝั่งซีอีโอของสนามช้างก็กำลังเตรียมดำเนินการเดินทางไปพูดคุยกับดอร์นา สปอร์ต น่าจะภายในวันที่ 23-24 มีนาคมนี้ และจะได้บทสรุปทุกอย่างในเดือนเมษายน ทั้งนี้ประเทศไทยจะถูกบรรจุเข้าไปเป็นหนึ่งใน 20 สนาม ของตารางแข่งขันฤดูกาลหน้า ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนบ เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเซอร์กิตระดับ เกรดเอ ของ เอฟไอเอ็ม และเป็นเจ้าภาพรองรับการแข่งขัน เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ มาแล้ว 3 ปี ในฤดูกาล 2015-2017หากประเทศไทยถูกบรรจุเป็นหนึ่งในตารางแข่งขัน เชื่อว่าจะถูกรวมอยู่ในช่วงท้ายของฤดูกาลซึ่งอยู่ในโซนของทวีปเอเชีย เช่นเดียวกับ โมเตกิ (ญี่ปุ่น), ฟิลลิป ไอส์แลนด์ (ออสเตรเลีย) และ เซปัง (มาเลเซีย) ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมนั่นเอง ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สั่งให้ศึกษารายละเอียดเพื่อประเมินว่าโครงการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี หลัง ครม.มีมติอนุมัติงบฯให้ซื้อลิขสิทธิ์ จะกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยได้จริงหรือไม่ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.กล่าวกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (21 มี.ค.60) มีมติอนุมัติงบประมาณ 300 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์จัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี ตั้งแต่ปี 2561-2563 ว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ สตง.ติดตามการซื้อลิขสิทธิ์ รวมถึงศึกษารายละเอียดว่าโครงการดังกล่าวจะกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยได้จริงหรือไม่ และประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้ที่จะจัดงานแล้วสามารถสร้างรายได้มากกว่า 300 ล้านบาทจากที่เสียไป ซึ่งจะทำคู่ขนานไปกับการศึกษาของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทั้งนี้จะชี้แจงอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เมื่อมีการสรุปผลการประเมินของ สตง.ที่ชัดเจนแล้ว สำหรับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ที่จะใช้เป็นสนามแข่งขันถือเป็นสนามที่ได้มาตรฐานระดับโลก ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,000 ล้านบาท มีทิศทางการวิ่งแบบตามเข็มนาฬิกา มีจำนวนโค้งทั้งสิ้น 12 โค้ง จุผู้ชมได้สูงสุดถึง 50,000 คน จุดเด่นของสนามคือ ผู้ชมสามารถมองเห็นทุกส่วนของแทร็ก เมื่ออยู่บนแกรนด์สแตนท์ ซึ่งทำให้ได้อรรถรสในการชม โดยไฮไลต์ของแทร็ก มีอยู่ 5 จุด คือ ทางตรงยาวระยะทาง 1 กิโลเมตร สามารถทำความเร็วในรถระดับทัวร์ริ่งคาร์ได้ถึง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรถมอเตอร์ไซค์ ซูเปอร์ไบค์ โดยจุดนี้ถือเป็นจุดท้าทาย นักขับในการหาจุดเบรกในการแซง
การรถไฟฯ ปรับภูมิทัศน์ใหม่ตลาดนัดจตุจักร ยกระดับเป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยว เปิดตัวโลโก้เป็นครั้งแรก ชูหอนาฬิกาเป็นจุดเช็คอิน ผศ.ดร.ศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. และประธานดำเนินงานบริหารจัดการพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร กล่าวว่า การรถไฟฯ เริ่มปรับภูมิทัศน์ตลาดนัดจตุจักรใหม่ ให้เรียบร้อยเป็นระเบียบมากขึ้น เพื่อยกระดับเป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยว โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 จนถึงขณะนี้ และจะทยอยปรับปรุงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้น การรถไฟฯ ได้ปรับภูมิทัศน์บริเวณหอนาฬิกา โดยเจรจาให้ผู้ค้ารายย่อยบริเวณรอบหอนาฬิกาออกจากพื้นที่ และปรับภูมิทัศน์ใหม่ ทำสวนหย่อมเล็กๆ โดยนำล้อเหล็กของรถไฟมาทำเก้าอี้ และทำป้ายตลาดนัดจตุจักร เมื่อนักท่องเที่ยวถ่ายรูปจะมองเห็นทั้งป้ายตลาดนัดจตุจักรและหอนาฬิกา นอกจากนี้ยังปรับภูมิทัศน์บริเวณประตู 1 เป็นสวนหย่อมเล็กๆ ให้เป็นที่นั่งพักของนักท่องเที่ยวด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้นจะทยอยปรับไปเรื่อยๆ จนครบทุกประตูทางเข้าออก นอกจากนี้ยังทำความเข้าใจกับผู้ค้าห้ามวางสิ่งของล้ำพื้นที่สาธารณะ เพื่อลดอุปสรรคต่อการจราจรและความเป็นระเบียบ โดยจะประกาศระเบียบอย่างเป็นทางการต้นเดือนเมษายนนี้ ขณะเดียวกันจะพัฒนาแอพพลิเคชั่น จตุจักรแอพ แสดงรายละเอียดร้านค้าในโซนต่างๆ ให้นักช้อปหาร้านได้เร็วขึ้น โดยคาดว่าจะเปิดตัวในเดือนเมษายนนี้ เช่นเดียวกับโลโก้ตลาดนัดสวนจตุจักรที่จะนำมาใช้มากขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป สภาการท่องเที่ยวโลก คาดการณ์ไทยจะเป็นตลาดส่งออกนักเดินทางรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก แทนประเทศสเปนภายในปี 2570 พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกยินดีที่สภาการเดินทางและท่องเที่ยวโลก หรือ WTTC คาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะเป็นตลาดส่งออกนักเดินทางรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก แทนประเทศสเปนภายในปี 2570 ถัดจากจีนและอินเดีย แม้จะมีความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองเกิดขึ้นทั่วโลก ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวและเดินทางในประเทศไทยขยายตัวมากที่สุดในอาเซียนใกล้เคียงกับเวียดนาม คือ ร้อยละ 10.7 ตามด้วยฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม ส่วนภาพรวมของการท่องเที่ยว และเดินทางทั่วโลก ขยายตัวมากกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ถึงร้อยละ 3.3 เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน สร้างรายได้ทั่วโลกกว่า 263.4 ล้านล้านบาท นายกรัฐมนตรี จึงต้องการให้ภาครัฐ เอกชน และประชาสังคมใช้โอกาสนี้ ร่วมกันรักษามรดกด้านการท่องเที่ยว เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ ประเพณีวัฒนธรรม อัธยาศัยไมตรีและการบริการที่ดี รวมทั้งยกระดับคุณภาพมาตรฐานของการให้บริการให้ดีขึ้นอีกเทียบเท่าระดับสากล ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ที่พัก ห้องน้ำ โปรแกรมการท่องเที่ยว ความซื่อสัตย์ของผู้ให้บริการ การสื่อสารภาษาอังกฤษ ฯลฯ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของโลกเร็วขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ถึง 10 ปี นายกยังได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัด อำเภอ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ร่วมกันคิดและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในระดับท้องถิ่นเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ ให้แก่นักเดินทาง ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนไทยในแง่มุมที่แตกต่างกัน และใช้เวลาท่องเที่ยวให้นานขึ้น ทั้งภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ พร้อมทั้งสร้างกิจกรรมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากจังหวัดหนึ่งไปยังอีกจังหวัดหนึ่ง หรือชุมชนใกล้เคียง และเชื่อมต่อไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ภูมิภาคอาเซียน รัฐบาลขานรับสภาท่องเที่ยวโลก สู่การเป็นตลาดท่องเที่ยวรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกภายใน 10 ปี ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น ชูเอกลักษณ์ไทยในระดับอินเตอร์ เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน
