มันก็ดีนะที่ตั้งเป้าหมายเรื่องรายได้จากการท่องเที่ยวให้มากขึ้น แต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าเราสามารถกำจัดพวกเกาะกินทำลายการท่องเที่ยวไปด้วย เพื่อให้รายได้กระจายไปถึงคนไทยจริงๆ ข่าว 7 สี - นักท่องเที่ยวชาวจีน ยังเดินทางมาเที่ยวไทยมากเป็นอันดับ 1 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชูท่องเที่ยว 8 กลุ่มจังหวัด กระตุ้นการท่องเที่ยวปีนี้ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดแผนทิศทางท่องเที่ยว ให้ทำรายได้ตามเป้าหมายใหม่ 2.4 ล้านล้านบาท เน้นท่องเที่ยว 8 กลุ่มจังหวัด เชื่อมโยงอาเซียน รวมทั้งจัดท่องเที่ยวเชิงกีฬาและท่องเที่ยวทางน้ำ ผลักดันให้ไทยเป็นสปอร์ตฮับและมารีน่าฮับ ตลอดจนใช้การท่องเที่ยวกลางคืน (Night Tour) ดึงนักท่องเที่ยว สำหรับปัญหาการเปิดเครือข่ายธุรกิจ แสวงหาผลประโยชน์รองรับนักท่องเที่ยวจีน ล่าสุด ได้ประสานไปยังรัฐบาลจีนร่วมแก้ปัญหา และจะออกตรวจเข้มร้านค้าและกิจการผิดกฎหมาย และขอให้บริษัทนำเที่ยว อบรมนักท่องเที่ยวจีนให้เข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีไทย คงตลาดจีนไว้ เพราะนักท่องเที่ยวจีนมาไทยปีละกว่า 7.9 ล้านคน ครองอันดับ 1 สร้างรายได้ถึง 3.7 แสนล้านบาท และนักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อวัน วันละ 5,000 บาท ****************************************** ข่าว 7 สี - ธุรกิจนำเที่ยวไทย วอนรัฐช่วยแก้ปัญหานอมินี ผู้ประกอบการจีนรุกหนัก ทำธุรกิจท่องเที่ยวแข่งกับไทย แย่งงานและรายได้จากคนไทย นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ กล่าวว่า จากการที่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในไทยเป็นจำนวนมาก ทำให้มีผู้ประกอบการจีนที่เป็นนอมินีจำนวนมาก มาแย่งทำธุรกิจท่องเที่ยวกับคนไทย ซึ่งขณะนี้มีมากถึง 70% โดยบริษัททัวร์นอมินีดังกล่าว ใช้โปรโมชั่นราคาถูกดึงคนจีนเข้ามาเที่ยวในไทย และมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนรู้เห็น ซึ่งถือเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วง เพราะบริษัทดังกล่าวมาใช้ทรัพยากรของไทย แต่ไม่ได้สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย ขณะเดียวกันยังทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวราคาถูก และยังแย่งงานมัคคุเทศก์คนไทย เพราะคนไทยไม่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้ชำนาญ ดังนั้นจึงอยากให้ภาครัฐลงมาดูแลอย่างจริงจัง สำหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศปีนี้ ภาคเอกชนมองว่า น่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการภาครัฐที่ออกมาเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะมาตรการเที่ยวช่วยไทยซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 25% ด้านกระทรวงพาณิชย์ ได้ติดตามข้อมูลและตรวจสอบพฤติกรรมการเป็นนอมินีของบริษัทต่างชาติ ที่เข้ามาทำธุรกิจท่องเที่ยวในไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต และเชียงใหม่ แต่ยอมรับตรวจสอบได้ยาก เพราะธุรกิจท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักมีต่างชาติเข้ามาร่วมทุนทำธุรกิจกับคนไทย หรือคนท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก แต่หากพบกระทำผิด หรือตั้งใจหลีกเลี่ยงกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับตั้งแต่ 1 แสน ถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เรื่องนอมินี ถ้าตั้งใจทำจริง ผมว่าถึงจะกำจัดไม่หมดเต็มร้อย แต่คงทำได้เกินครึ่ง เพราะมันเหิมเกริมกันมานานแล้ว จนแทบจะเปิดเผยตัวเอง เพราะถือว่าจ่ายใต้โต๊ะไปแล้ว เจ้าหน้าที่คงไม่มายุ่ง
แก้ปัญหาเร็วใช้ได้นะ เรื่องนักท่องเที่ยวจีนขับรถบ้านมาเที่ยวกันเองในไทย กรมการขนส่งทางบกเตรียมประกาศให้รถต่างชาติต้องขออนุญาตล่วงหน้าก่อนนำมาใช้ท่องเที่ยวในประเทศไทย นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกได้ทำการแก้ไขพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2557 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาต การอนุญาต ระยะเวลาการใช้รถ และเครื่องหมายแสดงการใช้รถที่นำเข้ามาในประเทศเป็นการชั่วคราว เพื่อใช้ในการท่องเที่ยว หรือ เพื่อการอื่นอันจำเป็นในการใช้รถ โดยหลักเกณฑ์ในการขออนุญาต เช่น ผู้จะนำรถเข้ามาใช้ในประเทศไทย ต้องแจ้งขออนุญาตล่วงหน้า มีเอกสารเกี่ยวกับรถและคนขับรถครบถ้วน มีรายละเอียดโปรแกรมการเดินทาง ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถ มีการจัดทำประกันภัยรถยนต์ หากเอกสารตามหลักเกณฑ์ครบถ้วนแล้วจึงดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมและออกเครื่องหมายแสดงการใช้รถสำหรับติดประจำรถตลอดระยะเวลาการใช้รถในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันกรมการขนส่งทางบก ได้หารือกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจปล่อยยานพาหนะที่ด่านพรมแดนในการจัดทำระบบเชื่อมโยงข้อมูลการอนุญาตระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับหน่วยงานดังกล่าว เพื่อรองรับการดำเนินการให้เป็นไปตามร่างประกาศดังกล่าว พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจรของไทย มารยาทในการขับรถ เครื่องหมายหรือความหมายของป้ายต่าง ๆ ที่จำเป็น เพื่อความปลอดภัยของทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นำรถเข้ามาใช้ในประเทศและ ผู้ใช้รถใช้ถนนในประเทศด้วย คปภ.เร่งกำหนดแผนทำประกันรถนักท่องเที่ยวต่างชาติข้ามแดนมาเที่ยวในประเทศไทย โดยขณะนี้ คณะทำงานของ คปภ.อยู่ระหว่างการกำหนดแผนการทำประกันภัยรถยนต์สำหรับรถนักท่องเที่ยวต่างชาติข้ามแดนเข้ามาในประเทศ หลังจากพบว่า มีปริมาณรถดังกล่าวข้ามแดนเข้ามาตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับประเทศพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น โดยในสัปดาห์หน้า คปภ.จะลงพื้นที่ชายแดน เพื่อตรวจสอบปริมาณรถยนต์ ลักษณะในการเข้ามาท่องเที่ยว และการซื้อประกันรถยนต์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านระบบ IT เพื่อให้คุ้มครองผู้ซื้อประกันได้ทันที เนื่องจากปัจจุบันมีข้อบังคับการประกันภัย ตาม พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถยนต์ ที่กำหนดให้รถนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นำเข้ามาวิ่งในไทย จะต้องซื้อประกันภัยภาคบังคับของไทย โดยสามารถซื้อได้ที่ชายแดนเพื่อนำรถเข้ามา นับเป็นการคุ้มครองสิทธิ์ด้านรถยนต์ตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับประเทศสมาชิกในอาเซียน ทำ Blue Card Sticker ให้กับรถยนต์จากประเทศอาเซียนที่เดินทางเข้าไทย ให้สามารถใช้ประกันภัยภาคบังคับของประเทศตนเองบังคับใช้ครอบคลุมการชดเชยสินไหมในไทยได้ด้วย แต่เงินสินไหมนั้นจะคิดตามกรมธรรม์ของประเทศนั้น ๆ ซึ่งขณะนี้มีเพียงแค่ไทยกับลาวเท่านั้นที่ปฎิบัติตามหลัก Blue Card Sticker กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้หารือกับกรมการขนส่งทางบก และผู้ประกอบการท่องเที่ยว ได้ข้อสรุปเบื้องต้น เตรียมออกกฏระเบียบนการนำรถเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ระหว่างไทยกับจีน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังหารือว่า ปัจจุบันไทยมีกฎระเบียบการการนำรถผ่านด่านเข้ามากับประเทศ มาเลเซีย ลาว และกัมพูชา ซึ่งมีพื้นที่ติดกันกับไทยเท่านั้น แต่ยังไม่เคยมีกฎหมายกับประเทศจีน ซึ่งในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาพบว่านักท่องเที่ยวจีนได้ขับรถเข้ามาท่องเที่ยวผ่านทางด่านเชียงของกว่า 5,000 คัน ซึ่งในวงหารือเห็นว่า ควรจะมีการออกระเบียบ หรือ ข้อกำหนดในการนำรถเข้ามาท่องเที่ยวกับจีน เช่นเดียวกับที่ทำกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยแนวทางอาจมีการจำกัดจำกัดจำนวนรถยนต์เข้า-ออก หรือ การให้จอดรถส่วนตัวไว้ที่ด่านและเปลี่ยนเป็นการเช่ารถในฝั่งไทย รวมทั้งรถที่จะเข้ามาในไทยจะต้องเพิ่มการประกันให้มากกว่าการประกันชั้น 3 ซึ่งได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำรายละเอียดและนำกลับมาเสนออีกครั้งในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามเห็น หากมีการวางแผนรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ดี จะช่วยกระตุ้นการเติบโตด้านท่องเที่ยวของไทยให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรถบ้านจะเป็นกลุ่มคนมีฐานะ มีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงและชอบการท่องเที่ยวแบบผจญภัย จึงไม่ใช่นักท่องเที่ยวคุณภาพต่ำอย่างที่หลายฝ่ายกังวล ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่ามีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่ขับรถส่วนบุคคลเข้ามาในประเทศของเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตามสถานท่องเที่ยวต่างๆ และสิ่งที่ตามมาก็คือปัญหาด้านการใช้ถนนในประเทศไทยที่อาจจะไม่ชินกับการขับรถเลนซ้าย ทำให้เกิดอุบัติเหตุ และปัญหาตามมาบ่อยครั้ง ซึ่งในจังหวัดเชียงรายเองก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากรถของนักท่องเที่ยวจีน ไปติดตามเรื่องนี้กับณัฐวัตร ลาพิงค์ ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ประจำ จ.เชียงราย
ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่ามีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่ขับรถส่วนบุคคลเข้ามาในประเทศของเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตามสถานที่่อ่งเที่ยวต่างๆ และสิ่งที่ตามมาก็คือปัญหาด้านการใช้ถนนในประเทศไทยที่อาจจะไม่ชินกับการขับรถเลนซ้าย ทำให้เกิดอุบัติเหตุ และปัญหาตามมาบ่อยครั้ง ซึ่งในจังหวัดเชียงรายเองก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากรถของนักท่องเที่ยวจีน กรมการขนส่งทางบกเตรียมออกประกาศคุมเข้ารถทะเบียนต่างประเทศที่เข้ามาวิ่งในประเทศไทยโดยเฉพาะ "รถบ้าน" ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมขับเข้าผ่านด่านชายแดนเข้ามาท่องเที่ยวในไทย นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ได้เตรียมเสนอร่างกฎกระทรวงและประกาศกรมการขนส่งทางบก เพื่อควบคุมดูแลรถยนต์ต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนามในกฎกระทรวงบังคับใช้ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยรถยนต์ที่จะเข้ามาไทยต้องยื่นคำร้องล่วงหน้ากับขนส่งอย่างน้อย 10 วัน และอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน โดยจัดเก็บค่าธรรมเนียม 1,000 บาท และการออกเครื่องหมายประจำรถสำหรับรถยนต์ต่างประเทศ ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และที่สำคัญจะไม่อนุญาตให้ท่องเที่ยวนำรถบ้านเข้ามาใช้ในประเทศไทย โลกโชเชียลแพร่ภาพ "รถบ้าน" ของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ขับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้หลายฝ่ายเริ่มมีความกังวลกับการนำรถบ้านขับขับมาในประเทศไทยเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย และการนำรถมาจอดในที่สาธารณะและนำของเสียไปทิ้งในที่ไม่เหมาะสมสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคนในพื้นที่ สถิตินักท่องเที่ยวชาวจีนขับรถเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยผ่านเส้นทาง R3a เข้าออกด่านเชียงของ ในปี 2557 จำนวน 4,883 คัน และในปีที่แล้วจำนวนรถยนต์จากจีนขับผ่านแดนเข้าไทยเพิ่มขึ้นเท่าตัว เป็น 9,248 คัน จำนวนนักท่องเที่ยว 43,555 คน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมหารือแนวทางร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการไม่ให้รถทะเบียนต่างประเทศเข้ามาวิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากวัฒนธรรมการขับรถและพวงมาลัยซ้ายอาจเสร้างปัญหาให้การจราจรติดขัด มากขึ้น ส่วนจะกระทบกับการท่องเที่ยวหรือไม่ยังอยู่ในช่วงศึกษาข้อมูล จากกรณีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนใช้รถบ้าน ในการเดินทางผ่านเส้นทางคมนาคมทางบก ผ่านสะพานข้ามน้ำโขงแห่งที่ 4 อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อความสะดวก แต่การนำรถบ้านเข้ามาจอดในที่สาธารณะ นำของเสีย และขยะไปทิ้งเกลื่อนกลาดตามสถานที่ต่างๆ รวมถึง การใช้รถบ้านกินอยู่ครบวงจรไม่เช่าโรงแรม ไม่ซื้ออาหาร เติมแค่น้ำมัน บางคันจอดในสถานีตำรวจ หรือในวัดหรือห้างสรรพสินค้า ใช้สาธารณูปโภคฟรี จนสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคนในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ การนำเข้ารถส่วนบุคคล ที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยนั้น ยังไม่มีข้อห้ามในการนำรถบ้านเข้ามา พลตำรวจตรี อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ บช.น.ดูแลงานจราจร กล่าวว่า ทางบช.น. ได้หารือถึงแนวทางในการควบคุมรถทะเบียนต่างประเทศที่จะเข้ามาวิ่งในกรุงเทพ มหานคร ช่วงที่มีการเปิดประชาคมอาเซียน เพราะขณะนี้ตามจังหวัดแถบชายแดนของประเทศไทยเริ่มมีรถต่างประเทศเข้ามาวิ่ง มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะมาจากประเทศจีน ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาเบื้องต้น ทาง บช.น.ได้มีการออกคำสั่งให้ทุกสน.ตรวจจับรถทะเบียนต่างประเทศที่นำมาวิ่งใน พื้นที่กรุงเทพฯทุกกรณี เพราะจะถือว่ามีความผิดเนื่องจากรถไม่ได้จดทะเบียน และนำรถที่ไม่ได้เสียภาษีในราชอาณาจักรไทยเข้ามาวิ่ง มีโทษปรับ 10,000 บาทพร้อมทั้งจะต้องยึดรถไว้เพื่อตรวจสอบหาหลักฐาน และเมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ทางบช.น.ก็จะไม่อนุญาตให้ขับรถต่อ โดยเจ้าของรถจะต้องนำรถลากเพื่อลากรถกลับไปเท่านั้น อย่างไรก็ตามขณะนี้ประเทศไทยได้มีการทำอนุสัญญาข้อตกลงการนำรถข้ามชายแดน 4 ประเทศเท่านั้นคือไทย-มาเลเซีย ไทย-ลาว ไทย-เวียดนาม ไทย-กัมพูชา เท่านั้นส่วนประเทศอื่นๆยังอยู่ระหว่างการร่างข้อตกลงร่วมกัน นอกจากนี้ บช.น.จะร่วมหารือกับทางกรมการขนส่งทางบก กรมศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อหาแนวทางที่ชัดเจนในการจำกัดรถต่างประเทศที่จะเข้ามาวิ่งในกรุงเทพมหา นคร ซึ่งจะไม่อนุญาตให้นำรถต่างประเทศเข้ามาวิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากจะส่งผลให้ปัญหาการจราจรในพื้นที่ติดขัดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะวัฒนธรรมการขับรถและ พวงมาลัยรถที่อยู่คนละส่วนมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือ ไม่ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาแนวทางร่วมกัน นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ได้เสนอข้อบังคับในการนำรถต่างประเทศเข้ามาใช้ในประเทศไทยชั่วคราว ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะประกาศเป็นกฎกระทรวงได้ในเร็วๆ นี้ โดยรถต่างประเทศที่จะขับเข้ามาในไทย จะต้องระบุรายละเอียด เส้นทางที่จะไปและระยะเวลาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งจะอยู่ได้ไม่เกิน 180 วัน พร้อมกับระบุรายละเอียดตัวถังรถ ป้ายทะเบียน และประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสาร ส่วนคนขับจะต้องมีใบอนุญาตขับรถสากล เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร และด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกครั้ง รวมทั้งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าประเทศ ในอัตรา 500 บาท สำหรับรถยนต์ และ 200 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้ ในปัจจุบันยังไม่มีการควบคุมรถต่างประเทศที่ขับเข้ามาในประเทศไทยถ้านักท่องเที่ยวมีเอกสารครบก็สามารถเข้าไทยได้เลย โดยประสานให้ขนส่งจังหวัดเข้มงวดการปฏิบัติตามกฎจราจร และการห้ามทิ้งสิ่งปฏิกูลลงบนท้องถนน หากเจ้าหน้าที่พบเห็นสามารถดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติจราจรได้ทันที
29 ก.พ.| ข่าว 16.00 น. กรมการขนส่งทางบก เตรียมบังคับใช้กฎกระทรวงให้นักท่องเที่ยวชาวจีน ต้องแจ้งขออนุญาตล่วงหน้า และทำประกันภัยชั้น 3 ก่อนนำรถเข้ามา อุบัติเหตุจากรถยนต์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาขับท่องเที่ยวในไทยที่เกิดบ่อยครั้งในภาคเหนือ ล่าสุดการขนส่งทางบกเตรียมออกกฎกระทรวง ให้นักท่องเที่ยวจีนที่นำรถยนต์เข้ามาในประเทศต้องแจ้งขออนุญาตล่วงหน้า และทำประกันภัยเพื่อลดปัญหากรณีเกิดอุบัติเหตุ
ยอมพี่จีนเค้าจริงๆ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ตลอด ออกกฏมาให้มีใบขับขี่สากล งั้นมาสอบใบขับขี่ที่ไทยเลยเป็นไง
ขณะนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนให้ความนิยมเดินทางด้วยรถยนต์ข้ามแดนมาท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะส่งผลดีต่อรายได้ต่อการท่องเที่ยว แต่ก็มีปัญหาที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้นตามมาหลายอย่าง ติดตามเรื่องนี้ได้กับคุณสแตนลี่ย์ เบนเน็ตต์ ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ศูนย์ข่าวภาคเหนือ ข่าว 7 สี - ตำรวจท่องเที่ยวบุกค้น 15 จุดทั่วเมืองพัทยา กวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญ บังคับนักท่องเที่ยวซื้อของ รับเบอร์แลนด์ ริมถนนสุขุมวิท เป็นร้านขายของที่ระลึก จากยางพารา จุดแรกที่ตำรวจท่องเที่ยวบุกเข้าตรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมการขนส่ง หลังจากมีนักท่องเที่ยวร้องเรียนผ่านนายกรัฐมนตรีว่าถูกบังคับซื้อสินค้าในเครือของบริษัทนำเที่ยว หากไม่ซื้อในร้านจะไม่ให้นำของขึ้นรถ สร้างความเดือดร้อนต่อภาคการท่องเที่ยว ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ระบุ ทัวร์ศูนย์เหรียญเข้ามาเปิดกระจายตัวตามแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้นต่อเนื่อง มีทั้งโรงแรม รถนำเที่ยว ร้านอาหาร เรือและร้านขายของที่ระลึกอยู่ในเครือ รับนักท่องเที่ยวจากสนามบิน ก็กินใช้บริษัทในเครือเงินรายได้ก็ส่งกลับบริษัทประเทศต้นทาง ไม่เข้าประเทศ สบามเจมส์ ก็เป็นอีกบริษัทที่มีการร้องเรียนเข้ามามาก นอกจากรับเบอร์แลนด์แล้ว วันนี้ตำรวจท่องเที่ยว ยังกระจายกำลังตรวจค้นกวาดล้างบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญรวม 15 จุด ซึ่งจะมีการตรวจทะเบียนการค้า ทะเบียนขนส่งและมาตรฐานการให้บริการ รวมทั้งใบอนุญาตของผู้นำเที่ยว หรือไกด์ทัวร์ด้วย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เดินหน้าจัดระเบียบการท่องเที่ยว โดยเฉพาะปัญหาต่างชาติเข้ามาตั้งบริษัทในรูปของนอมินี ให้บริการในธุรกิจท่องเที่ยวกินรวบท่องเที่ยวไทย ซึ่งล่าสุด พบว่า มีการตั้งเเล้วว่า 7 พันแห่ง โดยนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยหลังการลงพื้นที่ติดตามการประกอบธุรกิจอันมีลักษณะใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง หรือ นอมินี ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบว่า ในแหล่งท่องเที่ยวหลัก ๆ อย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ มีการตั้งบริษัทท่องเที่ยวในลักษณะนอมินี มีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มากกว่า 7,000 บริษัท และกว่า 95% ของนอมินี มีการจดทะเบียนผ่านสำนักงานบัญชี หรือ สำนักงานทนายความ โดยมีรายชื่อผู้ก่อตั้งหรือผู้ถือหุ้นซ้ำ ๆ กัน อยู่ในหลายบริษัท ซึ่งล่าสุดได้สุ่มจับและเตรียมส่งดำเนินคดีแล้ว 7-8 ราย พร้อมขอความร่วมมือสำนักงานตรวจสอบบัญชี ให้ติดตามตรวจสอบเรื่องการจดทะเบียน ตรวจสอบการจ่ายภาษีของผู้ถือหุ้น ขณะที่ ปปง.จะเข้าตรวจสอบเส้นทางการเงิน กรณีเปิดใหม่เอกชนและท้องถิ่นจะเข้าร่วมเป็นคณะตรวจสอบ สนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการกลั่นกรองการจดทะเบียนธุรกิจ ซึ่งนำร่องแล้วที่ภูเก็ต ขณะที่ในระยะกลาง และระยะยาว เตรียมปรับแก้กฎหมาย โดยได้ร่วมมือกับ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อคุมกำเนิดนอมินีต่างชาติ แนวทาง คือ การกำหนดสัดส่วนการลงทุน พื้นที่ที่จะเปิดให้เข้ามาร่วมลงทุน และประเภทธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการเติบโตทางธุรกิจของไทย ชลบุรี 13 มี.ค. – พัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาทในแต่ละปี แต่ขณะเดียวกันยังมีปัญหาบางอย่างที่ต้องแก้ไขโดยเฉพาะเม็ดเงินที่ไม่ได้ กระจายไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึงเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการ พัฒนาการท่องเที่ยว. -สำนักข่าวไทย
กรมการท่องเที่ยวเตรียมแผนรองรับนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอาจจะจำกัดนักท่องเที่ยวสถานที่สำคัญเพื่อไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเผยแพร่คู่มือแนะนำนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทยผ่านการ์ตูนพร้อมภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เช่น ภาพห้ามขับถ่ายและปัสสาวะในที่สาธารณะ ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์สถานฑูตจีนและแจกจ่ายสถานที่สำคัญต่าง ๆ กรมการท่องเที่ยว เตรียมแผนรองรับนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น โดยให้ท่องเที่ยวกระจายไปยังเมืองรองลดความหนาแน่น ส่วนปัญหานักท่องเที่ยวล้นบางพื้นที่ จนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ กำลังหารือกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อศึกษาศักยภาพการรองรับนักท่องเที่ยวในแต่ละสถานที่ ซึ่งอาจจะจำกัดนักท่องเที่ยว คาดนำร่องที่"หมู่เกาะพีพี"เป็นแห่งแรก ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า มีผู้ประกอบการ 12 ราย ทำธุรกิจเข้าข่ายลักษณะนอมินี เข้ามาทำที่พัก และร้านขายของที่ระลึกในเชียงใหม่ โดยเตรียมเรียกผู้ประกอบการ 12 รายมาชี้แจง และตรวจสอบรายละเอียดในเชิงลึก สีสันเศรษฐกิจ : คลัสเตอร์ท่องเที่ยวชายทะเลภาคตะวันออก 2016/03/25 11:29 AM ชลบุรี 25 มี.ค. – ชายหาดพัทยา จ.ชลบุรี ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ คงบ่งบอกได้ดีว่า เสน่ห์ของทะเลไทยยังคงดึงดูดเม็ดเงิน ทำให้เกิดการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจอาจไม่ได้เฟื่องฟูมากนัก แต่การท่องเที่ยวก็ยังถือเป็นเครื่องยนต์หลักที่ช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยยัง เติบโตแบบประคับประคองตัวไปได้ เห็นได้จากตัวเลขรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยในปี 2558 ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในมุมกลับกัน ประเทศอื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่ต้องการเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวเช่นเดียวกับไทย การแข่งขันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ขึ้นกับกลยุทธ์และวิธีการของแต่ละประเทศที่จะงัดออกมาสู้กัน สำหรับเมืองชายทะเลภาคตะวันออก ซึ่งมีชลบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก และยังมีทั้งระยอง จันทบุรี และตราด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ต่อเนื่องกัน รัฐบาลได้จัดให้อยู่ในคลัสเตอร์ หรือกลุ่มเดียวกัน และมีแผนที่จะพัฒนา 4 จังหวัดในคลัสเตอร์นี้เติบโตไปด้วยกัน เพื่อเสริมศักยภาพซึ่งกันและกันให้มากที่สุด ในมุมของท้องถิ่นอย่างเมืองพัทยา รวมไปถึงภาคเอกชนเองก็มองว่า การรวมตัวกันและชูจุดแข็งของแต่ละจังหวัดเป็นสิ่งที่ดี ทำให้นักท่องเที่ยวได้เลือกและใช้ศักยภาพของแต่ละจังหวัดอย่างเต็มที่ ไม่มีใครปฏิเสธว่า แนวคิดการรวมตัวของกลุ่มจังหวัดชายทะเลภาคตะวันออกเป็นเรื่องดี แต่ยังต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย เพื่อจัดวางระบบที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม โดยเฉพาะตัวกลางที่จะทำหน้าที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัดเข้า ด้วยกัน ซึ่งในมุมนี้ คุณสินไชย มองว่า น่าจะทำให้เกิดการสร้างงาน การจ้างงานใหม่ขึ้นอีกด้วย ไปคลายร้อนกันครั้งต่อไป กับความสุขใกล้ตัว จากทะเลใกล้เมือง เราอาจจะได้เดินทางไปไกลกว่าชลบุรี เพราะยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก 3 จังหวัดรออยู่ ช่วยกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ได้ทั้งความสุขและความยั่งยืนไปพร้อมกัน.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/432310 ข่าว 7 สี - สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เข้มชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร พร้อมทั้งระบุนักท่องเที่ยวต่างชาติ Over Stay ลดลงเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ พลตำรวจโทณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวระหว่างพบผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว, ผู้ประกอบการโรงแรม, มัคคุเทศน์ในจังหวัดภูเก็ต เพื่อชี้แจงมาตรการควบคุมคนต่างด้าวที่อยู่เกินกำหนดอนุญาต หรือ Over Stay ซึ่งหลังการประกาศใช้ Over Stay ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ Over Stay ลดน้อยลงถึง 39.92 เปอร์เซ็นต์ โดยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วมี 81,522 คน แต่เมื่อเดือนมีนาคม 2559 เหลือเพียงแค่ 486,947 คน ซึ่งจะช่วยให้การตรวจสอบป้องกันบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ ที่ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยังย้ำให้ผู้ประกอบการอย่าให้ที่พักพิง หรือแหล่งซ่อนตัวของอาชญากรคดีต่าง ๆ ที่เป็นชาวต่างชาติ เพื่อให้ประเทศไทยมั่นคง และปลอดภัยตามนโยบายของรัฐบาล
หลากหลายพฤติกรรมชาวจีน ที่ถูกพูดถึงในสังคม มีการถ่ายคลิปและแชร์ต่ออาจส่งผลร้ายต่อประเทศไทยเราเอง ติดตามจากรายงานจากคุณพรเทพ สิงหกุล นี่เป็นเพียง 1 ในหลายคลิปที่ชาวเน็ตแชร์ต่อและวิจารณ์หนักถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ตักกุ้งทานอาหารกันตามสไตล์ การ"ถ่าย อัพ แชร์" อีกหลากหลายพฤติกรรมของชาวจีน ที่ไม่ถูกใจคนไทย จนกลายเป็นเรื่องร่ำลือแบบสุดทน ทุกคลิปที่แชร์กันสนั่น ชาวจีนรับรู้และเสียใจ เพราะพวกเขารักเมืองไทยถึงได้มาเที่ยว หากมองในแง่ความแตกต่างทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม การใช้ชีวิตและเศรษฐกิจของประเทศแล้ว เราอาจต้องเข้าใจและยั้งคิด ก่อน "ถ่าย อัพ แชร์"เพราะชาวจีนเป็นนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก ที่ทั่วโลกเปิดประตูต้อนรับ ประเทศไทยจำเป็น ต้องพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างประเทศ สร้างงานสร้างเงินเข้าประเทศ ปีที่แล้วไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากถึง 2 ล้าน 2 แสน 1 หมื่นล้านล้านบาท คิดเป็น 14.5 เปอร์เซ็นต์ของ จีดีพี. แน่นอน นักท่องเที่ยวชาวจีน เป็นกลุ่มหลักที่เข้าเที่ยว ปีนี้ผ่านมา 3 เดือนมีกว่า 2 ล้านคน ที่เข้ามา ช็อป กิน เที่ยวหนักในไทย ใช้จ่ายกันประมาณ 7,000 บาทต่อคนต่อวัน เราปฎิเสธไม่ได้ ที่ต้องพึ่งนักท่องเที่ยวจีน แต่เราเลือกได้ที่จะปรับตัว หันมาคอยดูแล แนะนำพฤติกรรมไม่เหมาะสมตามสไตล์จีนได้ การเป็นเจ้าบ้านที่ดีทุกคนทำได้ เพียงแค่เข้าใจ ยอมรับและตระหนักถึงความจำเป็น "น้ำพึ่งเรือ เสือพึงป่า" ทีมข่าวสังคมรายงาน "พีพี" นำร่องรับมือปะการังฟอกขาวรุนแรง ติดตั้งอุปกรณ์วัดอุณหภูมิน้ำทะเล 10 จุด ทำป้ายห้ามนักท่องเที่ยวเดินบนแนวปะการัง และปิดเกาะยูงไม่มีกำหนดเพื่อรักษาแหล่งปะการังที่สมบูรณ์ นักวิชาการทั่วโลกมีการประเมินว่าปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวจากอิทธิพลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่จะรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี โดยปีนี้ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้เตรียมการรับมืออย่างเข้มข้น ติดตามรายงานได้จาก คุณพิชานัน อินโปธา ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการกินเที่ยวช่วงสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 9-17 เมษายน มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท นอกจากนี้ ยังต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวในประเทศอีก 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 โดยให้นำค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวในประเทศ รวมทั้งค่าที่พัก มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 15,000 บาท รวมทั้ง 2 มาตรการลดหย่อนภาษีได้ 3 หมื่นบาท ส่วนการแจกเงินช่วยเหลือข้าราชการยังไม่เสนอ เพราะรายละเอียดยังไม่เรียบร้อย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบโครงการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงิน 5 หมื่น 6 พันล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 5หมื่น 4 พันล้านบาท ในรูปแบบกระบวนการเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ พีพีพี นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ มองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 3 ของรัฐบาล ไม่ได้เป็นนโยบายประชานิยม แต่ทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดผลกระทบจากภัยแล้ง โดยการนำค่าใช้จ่ายกินเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์มาหักลดหย่อนภาษีได้ จะมีผลทางจิตวิทยา กระตุ้นให้ประชาชนท่องเที่ยวและใช้จ่ายมากขึ้น คาดว่าจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1-0.2 ถ้าหากรวมกับโครงการบ้านประชารัฐ จะช่วยดันจีดีพีในปีนี้ให้ขยายตัวได้อย่างน้อย ร้อยละ 0.2-.0.4 แต่จีดีพีทั้งปีจะขยายตัวได้ร้อยละ 3 ขึ้นอยู่กับการส่งออกด้วย
ข่าว 7 สี - ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ห่วงช่วงสงกรานต์จะมีชาวจีนขับรถยนต์ส่วนตัวมาเที่ยวกันมาก จึงสั่งให้ต้องทำประกันภัย ก่อนจะอนุญาตให้ผ่านด่านเข้ามาได้ นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้หารือกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ถึงการเดินทางเข้า-ออกของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีน ที่จะขับรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้จำนวนมาก เกรงว่าจะเกิดปัญหาทั้งการจราจร และอุบัติเหตุตามมา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่และบริษัทประกันภัย ตั้งโต๊ะรับประกันภัยที่ด่านพรมแดนเชียงของ บังคับให้รถยนต์นักท่องเที่ยวจีน ต้องทำประกันภัยทุกคัน ก่อนจะอนุญาต ให้ผ่านด่านเข้าสู่จังหวัดเชียงราย โดยอัตราเบี้ยประกันภัย จะได้รับความคุ้มครอง 30 วัน ตลอดเวลาที่อยู่ในไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน เป็นต้นไป ข่าว 7 สี - ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการกินและเที่ยว ได้รับอานิสงส์เต็ม ๆ ในช่วงวันหยุดสงกรานต์นี้ จากมาตรการของรัฐบาล ที่ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีมาจูงใจให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอย ติดตามจากรายงาน ปีนี้การจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะคึกคักเป็นพิเศษจากมาตรการที่รัฐบาลให้ประชาชนสามารถนำใบกำกับภาษีจากร้านอาหารในช่วงวันที่ 9-17 เมษายน มาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท แถมยังต่ออายุมาตรการภาษีท่องเที่ยว หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาทถึงสิ้นปี ทำให้รวมแล้ว ประชาชนจะได้ประโยชน์จากการลดภาษีกิน เที่ยว รอบนี้รวมกว่า 30,000 บาทต่อคน มาตรการกระตุ้นที่จำกัดเวลาเช่นนี้ ถือว่าถูกจริตคนไทย ทำให้เร่งการออกมาใช้จับจ่าย ซึ่งร้านอาหารต่างๆ ได้เตรียมตัวรับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับรายจ่ายของนักท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ เพราะ 30% คือค่าอาหารการกิน จึงเตรียมรับมือคลื่นมหาชนที่จะเข้าใช้บริการ ด้วยการเพิ่มพนักงานสำหรับออกใบกำกับภาษีไว้ เพื่อไม่ให้ลูกค้ารอนาน ผู้ประกอบการร้านอาหารยังหวังยอดขายจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว เนื่องจากนิสัยคนไทยส่วนใหญ่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเต็มสิทธิ์ที่มี 15,000 บาท แม้จะเห็นว่า ระยะเวลาของมาตรการแค่ 9 วันจะสั้นเกินไป ต้องการให้รัฐบาลเพิ่มเวลาเป็นไม่น้อยกว่า 15 วัน เพื่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนอย่างชัดเจน ไม่เพียงธุรกิจการท่องเที่ยวและร้านอาหารจะได้อานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายของภาครัฐครั้งนี้ แต่พ่อค้าแม่ค้าในตลาด ผู้ประกอบการในห้างสรรพสินค้า รวมทั้งเกษตรกรจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบห่วงโซ่ธุรกิจที่เกิดขึ้นด้วย อุทยานฯนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ตรวจพบทัวร์จีนเลี่ยงการจ่ายค่าธรรมเนียม พร้อมเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว วันนี้ (31 มี.ค.59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ นำเรือออกตรวจใบอนุญาตการใช้เรือ และใบนายท้ายเรือ จากเรือนำเที่ยวที่เดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต และจากจังหวัดกระบี่ ในพื้นที่รอบๆ เกาะพีพี ตามอ่าวต่างๆเช่น อ่าวมาหยา, อ่าวปิเละ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ เนื่องจากช่วงนี้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยววันละนับหมื่นคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน จากการตรวจสอบพบว่ามีทัวร์จีนพยายามหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน โดยการไม่นำนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งไปยังจุดที่เจ้าหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียม แต่ให้นักท่องเที่ยวไปว่ายน้ำดูปะการังตามอ่าวแทน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องออกตรวจและเก็บค่าธรรมเนียมจากเรือที่ไม่เข้าฝั่งเพื่อรักษาผลประโยชน์ต่อไป ด้านนายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า ภายหลังจากที่อุทยานฯได้มีการเพิ่มมาตรการในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดอุบัติเหตุทางน้ำรวมทั้งอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ป้องกันแนวปะการังเสียหาย โดยการผูกทุ่นป้องกันการทิ้งสมอ ผูกทุ่นไข่ปลา ป้องกันเรือห้ามเข้า เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ว่ายน้ำดูปะการัง แต่จากการตรวจสอบพบว่ายังมีเรือนำเที่ยวที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจึงได้มีการว่ากล่าวตักเตือน เช็กให้ชัวร์กิน-เที่ยวสงกรานต์อย่างไร ลดหย่อนภาษีได้? 2016/03/30 9:10 PM สำนักข่าวไทย 30 มี.ค.-กรมสรรพากรออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 9-17 เมษายนที่จะถึงนี้ จะมีรายละเอียดอย่างไร และค่าใช้จ่ายอะไรที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้บ้าง หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ จึงเปิดทางให้นำค่าใช้จ่าย 3 ด้าน แจ้งหักลดหย่อนภาษี ประกอบด้วย ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าแพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยว รวมทั้งค่าที่พักโรงแรม ใช้จ่ายในช่วงวันที่ 9-17 เมษายน 59 ใช้หักลดหย่อนภาษี โดยต้องใช้หลักฐานใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่า เพิ่มเท่านั้น ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเข้าอุดหนุนร้านไหน ให้ถามก่อนว่ามีใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ เพื่อใช้สิทธิในการหักลดหย่อนภาษี และร้านค้าทุกร้านต้องออกใบเสร็จให้ลูกค้าทุกครั้งหลังการชำระเงินตามกฎหมาย เพื่อนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่จ่ายจริง รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการบริโภคและท่องเที่ยวภายในประเทศ เพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และยังส่งเสริมให้ประชาชน เดินทางกลับไปเยี่ยมบุพการีและญาติผู้ใหญ่ เพื่อแสดงถึงความรัก ความกตัญญู ต่อกันในครอบครัวตามประเพณีเดิมของไทย นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ขยายเวลาแผนส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยการนำค่าใช้จ่าย 2 ด้านจากการท่องเที่ยว เฉพาะค่าทัวร์และค่าที่พักมาหักลดหย่อนตลอดทั้งปีจาก 1 ม.ค.-31 ธ.ค.59 มาหักลดหย่อนภาษีวงเงิน 15,0000 บาท/ราย หากครอบครัวใดใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวใช้เงินจำนวนมาก เปิดทางให้นำค่าใช้จ่ายช่วงสงกรานต์และการท่องเที่ยวตลอดปีมารวมกันวงเงิน ไม่เกิน 30,000 บาท โดยไม่ต้องแยกบิลให้เสียเวลา แต่แจ้งในการยื่นภาษีให้ชัดเจน ในส่วนของบริษัทเอกชน เปิดทางให้นำค่าใช้จ่ายจากการฝึกอบรม สัมมนาในประเทศให้แก่ลูกจ้าง เพื่อนำค่าใช้จ่ายค่าทัวร์นำเที่ยว ค่าอบอรม สามารถหักลดหย่อนได้ถึง 2 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง กระทรวงคลังจึงคาดว่าจะเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นได้อีกทาง หนึ่ง.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/436465 นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ยังคงกระหน่ำเที่ยวเมืองนอกต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ซึ่งในปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวชาวจีน เดินทางและใช้จ่ายเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 215,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 7.5 ล้านล้านบาท เป็นจำนวนเงินที่มากกว่าการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ในประเทศไทย ถึง 2 เท่าครึ่ง ซึ่งสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจของจีน ที่กำลังชะลอการเติบโต และตลาดหุ้นในประเทศ ที่สะท้อนกับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ จากรายงานของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (World Travel and Tourism Council) พบว่าชาวจีนมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วโลก เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2557 ถึงร้อยละ 53 รายงานฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า จีนแซงหน้าสหรัฐฯ และชาติพัฒนาอื่นๆ ครองแชมป์ชาติที่มีนักท่องเที่ยวไปเมืองนอกมากที่สุด ทั้งในแง่จำนวนการเดินทางและเงินที่ควักกระเป๋าจ่าย ระหว่างเที่ยวต่างแดน แม้เศรษฐกิจจีนในปีที่แล้ว ชะลอการเติบโตมากที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ ซึ่งก่อให้เกิดความวิตกกันว่าเศรษฐกิจจีน อาจฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดในโลกให้ซบเซาตามไปด้วย จากตัวเลขของสำนักงานบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน และองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ ทุบสถิติถึง 120 ล้านครั้ง เมื่อปีที่แล้ว หรือมีอัตราเฉลี่ยนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 10 คน มาจากจีน 1 คน รายงานระบุว่า จุดหมายปลายทาง ที่อยู่ไกลออกไป เช่น ยุโรป หรือหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก สามารถดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ออกวีซ่าง่ายๆ ซึ่งจุดหมายปลายทางหลักๆ ก็คือ อังกฤษ เยอรมนี หรือแหล่งท่องเที่ยวเกิดใหม่ อย่างไอซ์แลนด์ กลับมามองในอาเซียน+3 ญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในปีที่แล้ว เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า และยังเปิดฟรีวีซ่าแก่ท่องเที่ยว โดยยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีนในญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมานั้นเติบโตกว่าปี 2557 ถึงเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ข่าว 7 สี - ตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลังกวาดล้างเกสต์เฮ้าส์ โรงแรม และที่พัก ย่านถนนข้าวสาร 25 จุด พบส่วนใหญ่ละเมิด พรบ.คนเข้าเมือง ติดตามรายงานมะลิ แซ่ฉิ่น เบลล่า เบลล่า เป็นที่พักใจกลางซอยรามบุตรี ย่านถนนข้าวสารแห่งแรก ที่ตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลัง ฝ่ายปกครอง และตรวจคนเข้าเมือง เข้าตรวจค้นตามมาตราการจัดระเบียบ 25 จุดรอบถนนข้าวสาร หลังพบว่าปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวกว่า 800,000 คน อยู่ในราชอาณาจักรเกิน 90 วัน หรือ Overstay เป็นต้นเหตุของปัญหาอาชญากรรม และอาชญากรข้ามชาติ ที่กระทบต่อความมั่นคง เบื้องต้นพบว่า ใบอนุญาตประกอบกิจการ หมดอายุกว่า 1 ปีแล้วซ้ำยังไม่สามารถแจงยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้าพักได้ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 38 อีกทั้งไม่ถ่ายสำเนาหนังสือเดินทางผู้เข้าพัก เพื่อการตรวจสอบ ขณะที่การตรวจค้นทั้ง 25 จุด ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว บอกว่าส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาต และไม่สามารถแสดงเอกสารการเข้าพักของนักท่องเที่ยวตามข้อกำหนดได้ จึงสั่งให้เร่งปรับปรุง ก่อนปรับเป็นเงินรายละ 10,000 บาท ด้านผู้อำนวยการส่วนรักษาความสงบเรียบร้อย กรมการปกครองระบุว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบธุรกิจห้องพัก ส่วนใหญ่มักสับสนข้อกำหนดประเภทของกิจการทั้งที่ระบุชัดว่า สถานประกอบการใด ที่ไม่ใช่ที่พักรายเดือน ต้องจดทะเบียน ธุรกิจโรงแรม ซึ่งหากตรวจพบการหลีกเลี่ยง จากนี้ไปจะลงโทษทั้งจำและปรับ การหลีกเลี่ยงแจ้งการเข้าพักของนักท่องเที่ยว ถือเป็นภัยต่อความมั่นคง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล อาชญากรที่แฝงมาในคราบนักท่องเที่ยว อาจทำให้คุณ ตกเป็นเหยื่อรายต่อไป "ดร.ธรณ์" โชว์หลักฐาน อธิบดีกรมอุทยานฯ อนุมัติปิดเกาะยูง หมู่เกาะพีพี เมื่อ 22 มีนาคมนี้ เพื่อรักษาสายพันธุ์ปะการังและลดกิจกรรมท่องเที่ยว แก้ปัญหาการฟอกขาวแล้ว รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ปรึกษากรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดร.ธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ ชี้แจงกรณีการออกประกาศปิดเกาะยูง ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมูเกาะพีพี จ.กระบี่ ซึ่งเป็น 1 ใน 32 จุดที่เป็นข้อเสนอของคณะทำงานแก้ปัญหาปะการังจากการฟอกขาวปี 2559 ที่ให้ปิดแนวปะการังเพื่อลดผลกระทบและรักษาพ่อแม่พันธุ์ปะการัง โดยระบุว่าการเสนอปิดเกาะยูง มีขั้นตอนพิจารณาตั้งแต่ 9 ธันวาคม 2558 ผ่านการประชุม และมีการลงนามโดยนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เมื่อ 22 มีนาคมนี้ และมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ดร.ธรณ์ ระบุว่า สำนักอุทยานแห่งชาติ ได้พิจารณาปิดเกาะยูงด้านตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแนวปะการังสมบูรณ์ ที่จำเป็นต้องอนุรักษ์โดยกำหนดห้ามทำท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ยกเว้นการศึกษาวิจัยที่ต้องรับอนุญาตก่อน ส่วนพื้นที่เกาะยูงตะวันออกและทิศใต้ ที่มีแนวปะการังเสื่อมโทรมจากกิจกรรมของนักท่องเที่ยว กำหนดให้เป็นเขตฟื้นฟูสภาพธรรมชาติ ไม่อนุญาตให้ประกอบกิจการท่องเที่ยวทุกรูปแบบเช่นกัน ขณะนี้ อยู่ระหว่างที่ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 จังหวัดตรัง จัดทำและประเมินสถานภาพทรัพยากรอย่างต่อเนื่องปีละ 2 ครั้ง จัดทำทุนแสดงแนวเขตห้ามเข้า ซึ่งช่วงนี้จึงยังมีนักท่องเที่ยวเข้าในพื้นที่อยู่ เพราะยังต้องประชาสัมพันธ์ให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ อานิสงส์จากมาตรการ กินเที่ยวไทยหักลดหย่อนภาษี 2 ต่อ ส่งผลให้ผู้ประกอบการตื่นตัวทำโปรโมชั่น ส่วนประชาชนก็วางแผนเที่ยวไทยมากขึ้น 7 เม.ย. | ข่าว 15.00 น. เทศบาลตำบลคึกคัก จังหวัดพังงา เตรียมเอาผิดผู้ประกอบการที่ปล่อยน้ำเสียลงทะเล หลังครบกำหนดเวลาในการปรับแก้ระบบบำบัดน้ำเสีย
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เตรียมจัดระเบียบเกาะไข่ พร้อมตั้งกรรมการประ เมินทรัพยากรธรรมชาติเสียหาย เพื่อเสนอประกาศพื้นที่คุ้มครองพิเศษ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บอกว่า จากปัญหานักท่องเที่ยวล้นแหล่งท่องเที่ยวตามเกาะท่องเที่ยว จน ส่งผลเสียต่อทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง เช่น บริเวณเกาะไข่ใน เกาะไข่นอก และเกาะไข่นุ้ย จังหวัดภูเก็ต ขณะนี้จึงมีการตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย ดร.ธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านประมงจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ว่าราชการจังหวัด สำนักงานอัยการ กรมที่ดิน กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กองทัพเรือ เพื่อติดตามประเมินดูว่าผู้ประกอบการ ที่มีผ้าใบ เรือนำเที่ยว ดำเนินการถูกต้องโดยชอบหรือไม่ เพราะปัจจุบันพบจำนวนนักท่องเที่ยวมาจำนวนมาก โดยไม่มีการจัดการที่ดีพอ จนสร้างความเสียหายต่อธรรมชาติ คณะกรรมการชุดนี้จะประเมินว่าความเสียหายเข้าขั้นวิกฤตแต่ไหน โดยเฉพาะแนวปะการัง หากเข้าขั้นวิกฤตจะเสนอเป็นพื้นที่คุ้มครองพิเศษ ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าว แม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอ้างเป็นผู้ดูแล แต่โดยสภาพพื้นที่แล้วไม่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครอง อีกทั้งตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และมีลักษณะเป็นเกาะ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มีอำนาจโดยหน้าที่สามารถเข้าดูแลพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตาม การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูประเมินความเสียหายครั้งนี้ ไม่มีจุดประสงค์จะสร้างข้อพิพาทระหว่างรัฐกับรัฐด้วยกันเอง
อีกเรื่อง คือ รัฐ - เอกชน - ชาวบ้าน ได้ประโยชน์จากแหล่งท่องเที่ยวมาก เป็น การใช้ประโยชน์ อย่างเดียว ไม่ได้ ทะนุบำรุง ให้ แหล่งท่องเที่ยว ให้อยู่ในสภาพที่ดี และ มลภาวะ ที่เกิดขึ้น จาก จำนวนนักท่องเที่ยว จำนวนมาก จะไปคาดหวังจาก งบประมาณ หรือ ภาษีท้องถิ่น มาดูแล เรืื่อง การบำบัด ดูแล้วไม่เพียงพอ รัฐ ควร ใช้งบประมาณส่วนกลางเข้าไป ดูแล เรื่อง บำบัดมลภาวะ ทั้งเรื่อง น้ำ เสียง อากาศ ทัศนียภาพ ผังเมือง.......
เอาจริงทัวร์ศูนย์เหรียญ "นายกฯ" สั่งเข้ม ย้ำต้นตอทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทย กรมการขนส่งทางบก เตรียมประกาศเกณฑ์ สำหรับรถต่างประเทศข้ามพรมแดนเข้ามาใช้ในไทย ภายในเดือน มิถุนายน นี้ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก สนิท พรหมวงษ์ บอกถึงความคืบหน้ามาตรการควบคุมการนำรถต่างประเทศข้ามพรมแดนเข้ามาใช้ในประเทศไทย ว่า กรมการขนส่งทางบกได้ลงนามในประกาศกรมการขนส่งทางบกกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตนำรถเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแล้ว หลังจากนี้จะส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้ เพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลบังคับใช้ทันทีเมื่อพ้น 60 วัน คาดว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยกำหนดให้รถที่จะนำข้ามพรมแดน เข้ามาใช้ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวได้ ต้องเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 9 ที่นั่ง นับรวมคนขับ รถยนต์บรรทุกที่มีน้ำหนักรวมบรรทุกไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม โดยไม่รวมรถตู้, รถบ้าน, และรถจักรยานยนต์ และ อนุญาตให้นำมาใช้ได้เฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่ผ่านด่านศุลกากรเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาอุบัติเหตุและการจราจรตลอดจนการควบคุมใช้รถตามกฎหมายไทย กำหนดให้สามารถนำรถเข้ามาได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน รวมแล้วต้องไม่เกิน 60 วัน ในรอบปีปฏิทิน และต้องยื่นขออนุญาตผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ได้รับการรับรองเท่านั้น ซึ่งต้องแจ้งขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการต่อสำนักงานขนส่งจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของด่านพรมแดนศุลกากรที่จะนำรถเข้ามา
ลองไปดูการพัฒนาธุรกิจการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นดูนะครับ น่าจะเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการพัฒนาธุรกิจด้านนี้ของไทย
ตอนนี้นักท่องเที่ยวได้มีการหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวในบ้านเราอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่นั้น มีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนเป็นจำนวนมาก เราจะไปเจาะลึกพฤติกรรมของพวกเขากัน ติดตามได้จากรายงาน ข่าว 7 สี - กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชี้ น้ำทะเลสีน้ำตาลขุ่นที่หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เกิดจากน้ำทิ้ง ทำให้แพลงค์ตอนบลูมอย่างรวดเร็ว นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล โฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า จากการที่ส่วนสมุทรศาสตร์ ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำทะเลที่เปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาล ตัดกับน้ำทะเลปกติ บริเวณหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต พบว่าเป็นแพลงก์ตอนชนิด คีโตเซอรอส เหมือนเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับสาเหตุ สรุปได้ว่า การเกิดแพลงก์ตอนบลูมที่หาดป่าตอง เนื่องจากน้ำทิ้ง หรือน้ำเสียปริมาณมากที่มีไนโตรเจนฟอสฟอรัส เป็นธาตุอาหารหลงเหลืออยู่ ทำให้แพลงค์ตอนขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว และอาจเป็นน้ำทิ้งจากระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาลป่าตอง และยังมาจากบ้านเรือนริมคลอง และอยู่นอกถนนเลียบหาด ซึ่งยังไม่มีท่อรวบรวมน้ำเสีย ขณะนี้ เจ้าท่าภูมิภาคและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด จะได้ตรวจสอบข้อมูลผลการบำบัดน้ำเสียของเทศบาลต่อไป เพื่อวิเคราะห์คุณภาพน้ำทิ้ง ไปเทียบกับมาตรฐานและประเมินระบบบำบัดด้วย วันจันทร์นี้จะเก็บตัวอน่างน้ำทิ้งจากระบบบำบัดน้ำเสียที่ปล่อยลงสู่ทะเล ไปตรวจในห้องปฏิบัติการอีกครั้งหนึ่งด้วย ยอมรับว่าเป็นปัญหาน้ำทิ้งลงสู่ทะเล เฉพาะที่หาดป่าตอง แต่ที่อื่นๆอาทิ หาดกะรน ปกติดี สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ดร.วิจารย์ สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ : น้ำทะเลหาดป่าตองสีคล้ำ เพราะสาหร่ายบลูมจากน้ำเน่าเสีย
เวียดนามเค้าเริ่มพัฒนาคุณภาพนักท่องเที่ยวของเค้าเองแล้ว เมื่อไหร่ประเทศไทยจะพัฒนาคุณภาพนักท่องเที่ยวไทยบ้าง นักท่องเที่ยวเวียดนามกำลังถูกจับตามองจากคนในประเทศของตัวเอง ว่าอาจจะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเวลาไปท่องเที่ยวในต่างประเทศองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวเวียดนามได้มีการหารือเมื่อชี้แจงว่าพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักท่องเที่ยวเวียดนามนั้น มีอะไรบ้าง โดยจัดทำแผ่นพับเปรียบเทียบว่า พฤติกรรมไหนแย่ พฤติกรรมไหนดี โดยเรื่องของการแต่งกายเป็นสิ่งแรกที่ควรทำ ระบุว่า นักท่องเที่ยวเวียดนามเมื่อออกไปต่างบ้านต่างเมือง ควรแต่งการให้เรียบร้อยไว้ก่อน ห้ามพูดคุยส่งเสียงดัง ห้ามขากถุยน้ำลายในที่สาธารณะ ห้ามแซงคิว ห้ามขโมยของ และห้ามอยู่เกินเวลาวีซ่าที่กำหนด เพราะที่ผ่านมา พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้ว ถึงแม้จะไม่มากเท่ากับคนจีน แต่ก็ทำให้ชื่อเสียงคนเวียดนามในสายตาต่างชาติมัวหมองโดยกระทรวงการท่องเที่ยวเวียดนามก็ไม่อยู่เฉย จัดทำแผ่นพับ ให้ความรู้ เพื่อเปรียบเทียบว่า คนเวียดนามควรปฏิบัติอย่างไร เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงทิ้งท้ายว่า นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามต้องไม่เดินตามรอยนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่มีแต่เงิน แต่ไม่มีมารยาท ไม่น่าเคารพนับถือ จัดระเบียบ "ท่องเที่ยว" สมาคมมัคคุเทศก์ เสนอแก้ไข พ.ร.บ.นำเที่ยว
ข่าว 7 สี - กองทัพภาคที่ 4 ผนึกกำลังตำรวจท่องเที่ยว กระทรวงพาณิชย์ ลุยค้น 5 บริษัท ขายยางพาราและอัญมณี ทำทัวร์ศูนย์เหรียญในจังหวัดภูเก็ต พบจ้างงานผิดกฎหมาย สินค้าไร้ที่มา กำลังทหาร ตำรวจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสรรพกร นับร้อยนาย ได้กระจายกำลังเข้าตรวจค้น บริษัทจำหน่ายยางพาราแปรรูปและอัญมณี ย่านเศรษฐกิจภูเก็ต 5 แห่ง หลังมีผู้ร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นธุรกิจนอมินีของชาวจีน โดยจุดแรกเป็นร้าน โมเดิ้นลาเท็กซ์กลางเมืองภูเก็ต จำหน่ายสินค้าแปรรูปยางพารา การเข้าตรวจค้นวันนี้เป็นการตรวจค้นเอกสาร การจดทะเบียนบริษัท และสมุดบัญชีธนาคาร ว่าถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีการจ้างแรงงานเพื่อนบ้านผิดกฏหมาย และสินค้าที่จำหน่ายไม่มีที่มาที่ไป ส่วนบัญชีธนาคาร กรมพัฒนาธุรกิจการค้าขอเวลาสอบเส้นทางเงิน 15 วัน โดยวันนี้ได้ตรวจยึดเอกสารและสินค้าของกลางไปตรวจสอบจำนวนมาก ดูว่าเกี่ยวข้องกับ นอมินี หรือไม่ พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่า บริษัทนอมินี มีคนไทยอยู่เบื้องหลัง คอยอำนวยความสะดวก เปิดหน้าร้านจำหน่ายสินค้าโดยเงินทุนของชาวจีน และทำบริษัททัวร์ นำนักท่องเที่ยวเข้ามาแบบผูกขาด ทำให้คนในท้องถิ่นขายไม่ได้ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยง ยังบอกด้วยว่า ร้านในลักษณะนี้จะมีอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวหัวเมือง รายได้เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งตรวจสอบ สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำรวจความคิดเห็นออนไลน์ เรื่อง "ผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนต่อคนท้องถิ่นในภาคเหนือ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 พบว่าคนท้องถิ่นให้การยอมรับนักท่องเที่ยวจีนและมีการปรับตัวเข้าหากันได้ดีขึ้น ยุทธศาสตร์การจัดการเมืองท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต เพื่อเพิ่มรายได้ และความพึงพอใจแก่นักท่องเที่ยว
ททท. เผย ช่วงวันหยุดยาว 5-9 พ.ค.นี้ คาดคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 2.16 ล้านคน สร้างรายได้ 7,663 ล้านบาท ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยุทธศักดิ์ สุภสร บอกว่า ในช่วงวันหยุดยาว ระหว่างวันที่ 5-9 พ.ค.นี้ คาดว่า จะมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 2.16 ล้านคน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวสะพัดกว่า 7,663 ล้านบาท โดยแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระยะสั้น ในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก อาทิ กรุงเทพ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี สระบุรี เป็นต้น สำหรับภูมิภาคที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางอันดับ 1 ได้แก่ ภาคกลาง มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทาง 859,224 คน รายได้ทางการท่องเที่ยว 2,954 ล้านบาท อันดับ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดินทางท่องเที่ยว 402,542 คน มีรายได้ทางการท่องเที่ยว 691ล้านบาท และอันดับ 3 คือภูมิภาคตะวันออก มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยว 352,881 คน สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 1,542 ล้านบาท ข่าว 7 สี - เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เร่งทำความเข้าใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่ให้เก็บปะการังตามแนวชายหาด เพราะจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า หลังจากมีการนำภาพนักท่องเที่ยวชาวจีน กำลังเก็บปะการัง บริเวณทะเลแหวก จังหวัดกระบี่ นำใส่ถุงพลาสติก ไปแชร์ในสื่อออนไลน์ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่พอใจ เพราะมองว่าเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ นายศรายุทธ ตันเถียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว รวมทั้งนำป้ายที่เขียนเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ไปติดไว้ที่ท่าเรือ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทราบกฏเกณฑ์ต่างๆ พร้อมทั้งระบุว่าเก็บปะการัง และการให้อาหารปลาในทะเลมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มีโทษปรับเงิน 500 บาท ซึ่งไกด์นำเที่ยวและเรือนำเที่ยว ต้องช่วยแจ้งให้นักท่องเที่ยวรับทราบด้วย เพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่รู้ สำหรับเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวนับแสนคน ทำให้มีรายได้กว่า 276 ล้านบาท
อย่างอื่นเรื่องสิ่งแวดล้อมก็แก้กันไป แต่ที่ต้องแก้ก่อนตอนนี้เลย คือ ทะเล ภูเขา ของคนไทย รายได้จากการท่องเที่ยวต้องเป็นของคนไทย ไม่ใช่ให้ต่างชาติมาเปิดแข่งกะคนไทย ตอนนี้ คนภูเก็ด กระบี่ เชียงใหม่ แทบจะได้แค่เศษเงินของคนต่างชาติแค่นั้น รัฐบาลไปส่องดู ข้าราชการคนไหน หน่วยงานไหน รับเงินแล้วทำเป็นมองไม่เห้น ปล่อยให้เค้ามาเปิดกิจการแบบผิดกฏหมาย ภาษีก็ไม่จ่ายเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดของท่าน ผมเองเจอมากับตัวเอง เคยเข้าร่วมประชุมRBC ซึ่งเป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของเมืองที่มีชายแดนติดกัน ระหว่างไทยกับกัมพูชา ประชุมร่วมกันหลายครั้งจนสนิทกับข้าราชการและ จนท.ของ ฝ่ายกัมพูชาหลายคน ล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ จัดประชุมที่จันทบุรี พอพัก การประชุมเท่านั้นแหละ พี่บุนเบี้ยว (ผอ.การท่องเที่ยเกาะกง) กับนายแพทย์สาธารณสุข เกาะกงมากระซิบบอกว่าช่วยพาไปช็อปปิ้งหน่อย ไม่ขัดอยู่แล้ว พาไปทั้งโรบินสัน บิ๊กซี โลตัส เชื่อไหมในเวลาแค่สามชั่วโมงกว่าๆ เพื่อนผมสองคน จ่ายไปร่วมๆ สามหมื่นกว่าต่อคน ซื้อสินค้าอะไรก็ตามที่อยู่ทั้งในและนอกห้าง ไม่ต่อสักคำ ฉะนั้น อยากให้รัฐบาลอำนวยความสะดวกให้คนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีๆ ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย ตระหนักในเรื่องนี้ด้วย ไม่งั้นรัฐบาลจะมีเขตพัฒนาเศรษฐกิจ พิเศษไว้ทำไม คุณว่าไหม
คนมีเงินใน กัมพูชา หรือลาว แม้แต่พม่า ถ้าญาติป่วยหนัก มักมารักษาในโรงพยาบาลของไทย พวกนี้มาเช่าโรงแรมอยู่เป็นอาทิตย์ 2 อาทิตย์ บางรายเป็นเดือน มีญาติผลัดกันข้ามมาเยี่ยม มาพัก จับจ่ายใช้สอย อยากให้ช่วยดูแลความสะดวกให้ด้วย
จากกรณีมีการแชร์ภาพในโซเชียลผ่านเฟสบุ๊กของคุณ Namtalkungz Oiio และเพจของ นสพ.ภูเก็ตอันดามันนิวส์ เรื่องกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนจับปลาหลากหลายชนิดใส่ถุงพลาสติกพร้อมทั้งนำภาพมาถ่ายโชว์สัตว์น้ำจำนวนมากที่จับมาได้ บริเวณเกาะไข่ อ.เกาะยาว จ.พังงา ทำให้หลายคนออกมารุมวิจารณ์ถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสม จับปลาสวยงามในทะเลมาเก็บไว้ในถุงพลาสติก โดยล่าสุด เฟสบุ๊กของ ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คว่า ได้รับภาพนักเที่ยวต่างชาติลุยทะเลไทยที่เกาะไข่ พังงา เป็นประจำ เกาะนี้ไม่ได้อยู่ในเขตอุทยาน กรมทะเลตั้งกรรมการแก้ปัญหาก็ยังไม่เห็นผล ซึ่งอยากให้ใช้อำนาจตาม พรบ.ทะเล แต่ยังไม่เกิดขึ้น นักท่องเที่ยวอยากทำอะไรก็ทำต่อไป ไม่น่าเชื่อว่านี่คือ พื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย "พลเอกสุรศักดิ์" เร่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำรวจข้อมูลปิดเกาะท่องเที่ยว ที่มีแนวปะการัง 40 จุดที่ได้รับผลกระทบเกิดการฟอกขาวจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูง ให้แล้วเสร็จ ก่อนส่งให้รัฐมนตรีเซ็นปิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ บอกถึงสถานการณ์การเกิดปะการังฟอกขาวทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน หลังพบการเกิดการฟอกขาวของปะการังแล้ว 22 จุด ว่า ขณะนี้น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงเฉลี่ย 32-33 องศาเซลเซียส และยังไม่ลดอุณหภูมิลง โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เร่งสำรวจทางวิชาการอย่างละเอียด เพื่อจัดทำฐานข้อมูลอย่างละเอียด ในพื้นที่แต่ละเกาะที่เสี่ยงสูงในการเกิดปะการังฟอกขาวกว่า 40 เกาะก่อน เพื่อป้องกันความขัดแย้งกับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการส่งเจ้าหน้าที่ดำน้ำลงสำรวจจุดเสี่ยงเกิดปะการังฟอกขาวค่อนข้างทำได้ยากลำบากจากปัจจัยหลายๆอย่าง แต่แผนปะการังฟอกขาวใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว จากนั้น ทช.จะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาอนุมัติดำเนินการปิดเกาะทันที รัฐมนตรีทส. ยืนยันว่า หากเป็นประโยชน์ต่อการปกป้องและรักษาทรัพยากรทางทะเลไว้ ควบคู่กับ การประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการรับทราบและเข้าใจถึงความจำเป็นในการปิดเกาะ เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์และรักษาทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนในอนาคต รวมทั้ง เร่งฟื้นฟูปะการังที่เสียหายจากภัยธรรมชาติและภัยจากฝีมือมนุษย์ด้วย ปิดเกาะตาชัยไม่มีกำหนด แนวปะการังรอบชายฝั่งเสื่อมโทรมหนัก ปลุกจิตสำนึกร่วมแก้ปัญหาขยะล้นหาดพัทยา
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ การที่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจากต่างประเทศเสนอค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวแบบเหมาจ่ายในรูปแบบซื้อบริการนำเที่ยวเสริมและนำเที่ยวในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน และปัญหาการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง หรือนอมินี หวั่นกระทบการท่องเที่ยวไทย พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ และปัญหานอมินีได้สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งการแก้ปัญหานอมินีได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม และกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยลงพื้นที่ตรวจสอบ ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่เข้าข่ายเป็นนอมินีในพื้นที่กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เกาะสมุย หัวหิน เชียงใหม่ จำนวน 79 ราย พบบริษัทเข้าข่าย 6 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการต่อไป ส่วนการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญจากจีน ได้มีการทำงานร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้จากการลงพื้นที่รอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ยังพบผู้ประกอบอาชีพเป็นมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต (ไกด์เถื่อน) จำนวน 88 ราย พบผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวซึ่งกระทำผิดกฎหมาย จำนวน 39 ราย และได้มีการลงโทษผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่กระทำผิดกฎหมาย โดยสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว จำนวน 23 ราย และสั่งเพิกถอนใบอนุญาตฯ จำนวน 6 ราย พัทยา - เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการพิเศษเมืองพัทยา ไล่ตะครุบชาวจีนเข้าเมืองในฐานะนักท่องเที่ยวแต่เปิดการแสดงละครไซอิ๋วที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย เรียกเก็บเงินค่าดูจากนักท่องเที่ยวคนละ 100 บาท เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 15 พ.ค. 59 นายธงชัย เกิดสนอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการพิเศษ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีชายชาวจีนจำนวน 5 คน แต่งกายด้วยชุดเห้งเจีย ตัวละครเอกตามพงศาวดารจีนเรื่องไซอิ๋ว แล้วทำการเรี่ยไรเงินจากนักท่องเที่ยวที่สะพานท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบกลุ่มชายชาวจีนดังกล่าวกำลังแสดงละครเปิดหมวก พร้อมกับเรียกเก็บค่าชมจำนวน 100 บาทจากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่มาขึ้นเรือโดยสารและเพิ่งเดินทางกลับจากเกาะล้าน เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงตัวขอตรวจสอบ กลุ่มนักแสดงชาวจีนต่างพากันตื่นตกใจวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง แต่ก็สามารถไล่ตามจับกุมไว้ได้ 2 คนในสภาพยังสวมชุดการแสดงและหน้ากากเห้งเจียอยู่ ทราบชื่อต่อมาคือ Mr.Chen Ni Jun อายุ 38 ปี และ Mr.Xiad Shadyi อายุ 19 ปี สัญชาติจีน สอบถามเบื้องต้นทั้งคู่ไม่สามารถพูดจาสื่อสารได้ เพราะพิการหูหนวกและเป็นใบ้ ตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางพบว่าเข้ามาในราชอาณาจักรในฐานะนักท่องเที่ยว จึงควบคุมตัวส่งตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีในข้อหาเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนผลักดันออกนอกประเทศต่อไป ตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลังทหาร กระทรวงพาณิชย์ บุกตรวจสถานประกอบการ 6 แห่ง กลางเมืองเชียงใหม่ หลังถูกร้องเรียนเป็น นอมินี ทัวร์ศูนย์เหรียญของชาวต่างชาติ จุดแรกเป็นที่รีสอร์ท อีเอาท์ฟิตติ้ง ที่มี นายมูเจี่ย เกา ชาวจีน เป็นผู้ควบคุม โดยมี 2 คนไทย เป็นผู้ถือหุ้น ตามหนังสือจดทะเบียน ซึ่งทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสรรพากร ได้ตรวจยึดเอกสาร และเชิญตัวมาตรวจสอบ หลังถูกร้องเรียนเป็น บริษัทนอมินี ของทัวร์ศูนย์เหรียญ จากนั้น ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว นำกำลังเข้าตรวจร้านขายสินค้าแปรรูป จากยางพารา และหนังจระเข้ อีก 3 แห่ง พบว่ามีความเชื่อมโยงกับธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต และยังครอบครองจระเข้ เลี้ยงในสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงได้สั่งตรวจยึดไว้ พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า การตรวจสอบเอกสารที่ตรวจยึดมาจากจังหวัดภูเก็ต และเมืองพัทยา ที่มีนับร้อยกล่องคาดอีก 2 สัปดาห์จะทราบผล เช่นเดียวกับที่พบว่า มีแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลเสียต่อการท่องเที่ยวและรายได้ของประเทศ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังระบุว่า โทษการเป็นนอมินีจำคุกสูงสุด 3 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน ถึง 1 ล้าน และปรับอีกวันละ 1 หมื่น หากยังฝ่าฝืนดำเนินธุรกิจต่อไป หลังศาลมีคำตัดสิน กรมการขนส่งทางบก เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถนำรถต่างประเทศเข้ามาใช้ในประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยวชั่วคราวได้ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายนนี้ นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถนำรถยนต์ข้ามแดนเข้ามาใช้ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราว แต่ต้องแจ้งขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการต่อสำนักงานขนส่งจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของด่านพรมแดนศุลกากรที่จะนำรถเข้ามา โดยต้องนำเอกสารสำคัญมายื่นขออนุญาตผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ได้รับการรับรองเท่านั้น ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน รวมแล้วต้องไม่เกิน 60 วันในรอบปี โดยมีค่าธรรมเนียมการขออนุญาตคันละ 500 บาท และค่าเครื่องหมายแสดงการใช้รถแผ่นละ 500 บาท ซึ่งจะอนุญาตให้นำมาใช้ได้เฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่ผ่านด่านพรมแดนศุลกากรเท่านั้น ซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางบก ได้เตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยี ระบบสารสนเทศที่ทันสมัย และซักซ้อมการดำเนินการเพื่อให้บริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว รถที่จะนำข้ามพรมแดนเข้ามาใช้ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวได้ต้องเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 9 ที่นั่ง ไม่รวมรถตู้ รถที่มีน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข จะถูกบันทึกประวัติกระทำผิด ซึ่งมีผลให้ไม่สามารถยื่นขออนุญาตนำรถเข้ามาในประเทศได้อีกเป็นเวลา 1 ปี
รายงานพิเศษ แผนประชารัฐชู "อยุธยา" ปรับโฉมโมเดลใหม่ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว กีฬานานาชาติหลายรายการที่ไทยจัดต่อเนื่อง อย่างการแข่งขันวอลเลย์บอลเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2016 ที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ หรือจะเป็นการแข่งขันกอล์ฟ คิงส์ คัพ เอเชียนทัวร์, เจ็ตสกี เวิลด์คัพ, จักรยานยนต์ โมโตครอส เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ กรังด์ปรีซ์ ไทยแลนด์ และมวยไทย วัน เฟสติวัล รวมถึงกีฬามหาชน ที่อยู่ในกระแสคนรักสุขภาพทั่วโลกอย่างการวิ่งมาราธอน ปั่นจักรยาน และไตรกีฬา ล้วนดึงดูดให้มีผู้มาเยือนประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวในบ้านเรา ที่สำคัญคือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ข้อมูลว่า มีการใช้จ่ายสูงกว่าการท่องเที่ยวปกติถึง 7 เท่าตัว และพำนักในประเทศไทยมากขึ้น จากสถิติปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวปกติ พักเฉลี่ยคนละ 9.5 วัน ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 5,072 บาทต่อคนต่อวัน และปีนี้คาดการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 5,100 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งนักท่องเที่ยวเชิงกีฬา 3 อันดับแรก คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เอเจนซีต่างชาติบอกว่า ที่ผ่านมาพยายามนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเริ่มจากกลุ่มขนาดกลาง แต่หลายครั้งขาดการให้ข้อมูลที่ชัดเจนจากองค์กรด้านการท่องเที่ยวของไทยในต่างประเทศ และขาดแรงจูงใจในการผลักดัน ขณะที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทย อยากเห็นแผนการทำงานที่มีการประสานชัดเจนของแต่ละหน่วยงานระหว่างการท่องเที่ยวและการกีฬา ซึ่งในช่วงแรกรัฐต้องลงทุนสร้างแรงจูงใจให้เอกชนเข้ามาทำตลาด เช่น การให้การสนับสนุนยานพาหนะ และการประชาสัมพันธ์ ซึ่งการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงกีฬาของภูมิภาค ต้องมีมาสเตอร์แพลนและไม่ลืมเป้าหมายการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น เพื่อความยั่งยืนของการท่องเที่ยวไทย โดยประเทศไทยมีสนามกอล์ฟพร้อมหลักสูตรมาตรฐานถึง 300 หลักสูตร, มีเลนปั่นจักรยานมากถึง 51 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีเลนขนาดใหญ่มีมาตรฐานถึง 13 แห่ง ใน 11 จังหวัด และมีโครงการส่งเสริมและพัฒนาเส้นทางจักรยานทั่วประเทศ, ยิมมวย 5,000 แห่ง, สนามการแข่งขันรถยนต์มาตรฐาน 4 แห่ง ใน 4 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ ชลยุรี นครปฐม และสุพรรณบุรี, มีสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่รองรับการแข่งขันและจุผู้ชมได้จำนวนมากในแต่ละจังหวัด, ศูนย์ฝึกซ้อมกีฬาตามภาคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ที่สระบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา สงขลา ขณะที่ ภูเก็ต มี ธัญญะปุระ สปอร์ตคอมเพล็กซ์ใหญ่ ที่มีสระว่ายน้ำที่สหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (ฟีน่า) ให้การรับรอง รวมถึงโรงเรียนฝึกสอนมาตรฐาน และกีฬาการดำน้ำที่มีคลับสอนดำน้ำติดอันดับโลก ซึ่งส่งผลต่อยอดให้กับธุรกิจสนามกีฬา สปอร์ตคลับ อุปกรณ์กีฬา และธุรกิจเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬา นอกจากนี้ยังมีความพร้อมด้านการคมนาคมจากรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งทางรถ ทางอากาศ และทางน้ำ เช่น รถไฟลอยฟ้า รถไฟใต้ดิน รถบัสขนาดใหญ่ ด้วยเส้นทางที่เชื่อมต่อกันมากขึ้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จับมือเว็บยักษ์ใหญ่ "ไป่ตู้" พัฒนาข้อมูลสินค้าท่องเที่ยวไทย หวังดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพจากจีนเข้าไทย นายยุทธศักดิ์ ศุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. และนายหูโหย่ง ผู้จัดการทั่วไทยฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท "ไป่ตู้" (BAIDU) ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ระหว่าง ททท.กับบริษัท "ไป่ตู้" ซึ่งเป็นผู้นำนำการให้บริการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตภาษาจีน โดยมีสถิติการสืบค้นอยู่ที่กว่าหมื่นล้านครั้งต่อวัน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 500 ล้านรายทั่วโลก โดยจะร่วมมือกันพัฒนากลยุทธ์และช่องทางสื่อสารให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพของจีนผ่านบริการออนไลน์ รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลและบริการ ทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก เพื่อกระจายนักท่องเที่ยวของจีนไปยังเมืองรองต่าง ๆ โดย ททท.ตั้งเป้าที่จะขยายกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบนจากเมืองต่าง ๆ ของจีน ที่มีความสามารถในการใช้จ่ายสูง เช่น เซียงไฮ้ ปักกิ่ง กว่างโจว เซินเจิ้น ฉงชิ่ง เฉิงตู โดยไป่ตู้ จะนำเทคโนโลยีล้ำสมัย คือ ไป่ตู้แม็พ หรือ แผนที่การเดินทาง ร้านอาหารและสินค้าบริการในประเทศไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีน ได้เข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้จากตลาดคุณภาพประเทศจีนในปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 509,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปีก่อน 35.4% ลุยตรวจนอมินี จ.ภูเก็ต พบใช้บัตรประชาชนปลอม ตั้ง 17-18 บริษัท
ข่าว 7 สี - ตำรวจท่องเที่ยว เตรียมขอหมายค้น 14 บริษัทนอมินี ทำทัวร์ศูนย์เหรียญ กลางเมืองภูเก็ต พร้อมระบุตัวการใหญ่หนีออกนอกประเทศแล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นบริษัททรานลี่ เทรเวล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ขนาดใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต มีนายนายกฤชกร รุ่งมงคลนามและนายวีระชัย คำไพประพัฒน์กุล ร่วมกันถือหุ้นบริษัทท่องเที่ยว 17 บริษัท แต่ตรวจ-สอบพบว่าทั้ง 2 ไม่ปรากฏชื่อเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้าน โดยถูกต้องจึงถือว่าเป็นคนต่างด้าว การสอบสวนยังพบว่า นายกฤชกร ใช้เอกสารปลอม และให้ข้อมูลอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อขอออกบัตรประชาชน โดยการสวมสิทธิ์ ใช้ชื่อของผู้เสียชีวิตในพื้นที่ และกระทรวงมหาดไทย ได้เพิกถอนชื่อไปแล้ว แต่ทั้ง 2 คน ยังไปต่อบัตรประชาชนถึง 11 ครั้ง อีกทั้งยังนำบัตรไปขอจดทะเบียนธุรกิจการค้าด้วย ซึ่งตำรวจได้ออกหมายจับทั้ง 2 คนแล้ว ขณะที่ตำรวจท่องเที่ยว เร่งตรวจสอบเอกสารที่มาของบริษัท และพบว่าบริษัททรานลี่ ทำธุรกิจท่องเที่ยวแบบครบวงจร รวมทั้งเรือท่องเที่ยว และร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกในเครือรวม 17 แห่ง โดยรายได้กับรายจ่ายเท่ากันทุกปี เสียภาษีให้รัฐเฉลี่ย 200,000 บาทต่อปี ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว บอกว่า ในวันพรุ่งนี้จะขอหมายศาลเข้าตรวจค้นบริษัทในเครืออีก 14 แห่ง ส่วนนายวีระชัย เจ้าของบริษัท ได้นำทรัพย์สินส่วนหนึ่งหลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ซึ่ง ปปง.กำลังตรวจสอบ ส่วนการสวมทะเบียนปลอมได้ประสานกระทรวงมหาดไทย เพิกถอนชื่อและตรวจสอบว่ายังมีการสวมสิทธิ์อีกกี่ราย ตำรวจท่องเที่ยว รวบ 2 ชาวจีน สวมสิทธิ์บัตรประชาชนผู้เสียชีวิต20 ปี เปิดบริษัททัวร์ 18 แห่งในภูเก็ต มีเงินสะพัดนับพันล้าน แต่เลี่ยงภาษี เครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ เชื่อมโยงอย่างไร ติดตามจากรายงาน มะลิ แซ่ฉิ่น เรือสปีดโบ๊ท 23 ลำที่เห็นอยู่นี้ เป็น 1 ในทรัพย์สินของบริษัท ทรานลี่ เทเวิล จำกัด ซึ่งถูกตำรวจอายัดไว้ พร้อมรถบัส อีก 104 คัน หลังเข้าตรวจค้นบริษัท พบว่า 2 ผู้บริหารสวมบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มายื่นจดทะเบียนตั้งบริษัท เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ในจังหวัดภูเก็ต ก่อนขยายธุรกิจ จนมีบริษัทลูก 17 แห่งในอาคารเดียวกัน เพื่อตกแต่งตัวเลขหลบเลี่ยงภาษี แต่ 1 ใน 2 ผู้บริหาร คือนายวีระชัย คำไพประพันธ์กุล ไหวตัวทัน หลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมโอนถ่ายทรัพย์สิน ไปส่วนหนึ่ง แม้เจ้าของบริษัท จะถูกดำเนินคดี แต่วันนี้ทรานลี่ เทเวิล ยังเปิดให้บริการตามปกติ โดยอ้างเพื่อเยียวยานักท่องเที่ยว ที่ซื้อทัวร์มาก่อนหน้าแล้ว ขณะที่พาณิชย์จังหวัด สรรพกร และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังไม่ตัดสินใจแจ้งความเอาผิด หรือถอนใบอนุญาต สวนทางกับการทำงานของตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งมุ่งกวาดล้างบริษัทนอมินี ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว บอกว่า ขณะนี้ ปปง กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินของทั้ง 17 บริษัท เพื่อหาความเชื่อมโยง ทั้งตัวบุคคลและบัญชีทรัพย์สิน พร้อมกับเสนอถอนใบอนุญาตอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกัน จะขยายผล ต้นทางการสวมบัตรประชาชน ว่ามีอีกกี่ราย นอกจาก 3 ตระกูลที่ถูกจับกุมในบริษัททรานลี่ เพราะปัญหาใหญ่คือ กระทรวงมหาดไทย สั่งถอนชื่อ ทั้งนายวีระชัย และนายกฤชกร ตั้งแต่ ปี 2532 หรือ 1 ปีหลังออกบัตร แต่ผู้ต้องหา ทั้ง 2 ยังไปยื่นออกบัตรประชาชนได้ถึง 11 ครั้ง ยังมีอีกหลายบริษัทนอมินี ทำทัวร์ศูนย์เหรียญ กอบโกยรายได้จากทรัพยากรในประเทศ แต่เลี่ยงจ่ายภาษี หากไม่เข้มงวด กวาดล้าง ไม่ใช่แค่ทรัพยากรจะหมดไป แม้แต่อาชีพ ทำรายได้เข้าประเทศ ก็อาจไม่เหลือให้คนไทยเป็นเจ้าของ ไป่ตู้ชวนเปิดประสบการณ์นักท่องเที่ยวจีน เข้ามาเที่ยวเมืองไทยด้วยแอปพลิเคชั่น ไป่ตู้แมพ ที่จะรวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวไทย ทั้งการเดินทาง ร้านอาหาร สินค้าและบริการต่างๆในแบบภาษาจีน ไว้ในแอปนี้ ติดตามจากรายงาน หลังนักท่องเที่ยวจีน 38 คน ถูกลอยแพไว้ที่โรงแรมในพัทยา ก่อนตำรวจท่องเที่ยวจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวชาวจีน 38 ชีวิต ตกค้างกันอยู่ที่ลอบบี้ โรงแรมอาร์คอน วงศ์อมาตย์ หลังจากถูกไกด์นำเที่ยวปล่อยทิ้งลอยแพ ทำให้ตำรวจท่องเที่ยว ต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือ โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มนี้ ซื้อแพ็คเกจทัวร์จากบริษัท ไต วัน กั่ว ตั้ง จำกัด เมื่อ 2 วัน ที่ผ่านมา ได้ท่องเที่ยวอยู่ในกรุงเทพฯ จนกระทั่งวันเมื่อวานนี้ ไกด์พาเดินทางมาท่องเที่ยวต่อยังเมืองพัทยา มาถึงโรงแรมที่พักประมาณช่วง 3 ทุ่ม ระหว่างนั้นทางไกด์นำเที่ยวเหมือนจะเรียกเก็บเงินอะไรบางอย่างเพิ่ม จึงทำให้นักท่องเที่ยวไม่พอใจโวยวาย จากนั้นไกด์นำเที่ยวก็หนีหายไป ทิ้งนักท่องเที่ยวทั้งหมดไว้ ภายในโรงแรม พ.ต.ต.ปิยะพงษ์ บอกว่า เบื้องต้นจะได้ติดต่อทางบริษัทนำเที่ยว เพื่อสอบถามว่านักท่องเที่ยวชาวจีนทำสัญญาซื้อแพ็คเกจทัวร์กันราคาเท่าไหร่ ส่วนประเด็นที่ไกด์เรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายเพิ่ม จะต้องรอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เวลานี้ตำรวจท่องเที่ยวได้เจรจาให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าห้องพักโรงแรม ตามสัญญาที่มีการจองห้องพักไว้ให้ตามแพ็คเกจ แนะนำนักท่องเที่ยวชาวจีนแจ้งความเอาผิดกับไกด์นำเที่ยวเกี่ยวกับตาม พรบ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ แม้ภาพรวมของหลายธุรกิจจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ธุรกิจท่องเที่ยว กลับมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันถือเป็นธุรกิจเดียวที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยเหตุนี้เองภาครัฐจึงพยายามผลักดันรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้นด้วยการออกมาตรการส่งเสริมต่าง ๆ
รวบแล้ว 2 ไกด์ไทยจีน ลอยแพทัวร์แดนมังกร 38 ชีวิต เหตุไม่ยอมซื้อแพ็คเกจทัวร์สถานบันเทิงเพิ่มเติม ด้านสารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเผยนักท่องเที่ยวแฮปปี้ หลังบริษัทที่ขายแพ็คเกจทัวร์ส่งไกด์คนใหม่มาดูแล จากกรณีที่ช่วงกลางดึกวันที่ 19 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ที่นักท่องเที่ยวชาวจีน 38 ชีวิต หลังถูกไกด์ของบริษัท นิว ไท่ ว๋าน กั๋ว จำกัด ลอยแพปล่อยทิ้งไว้ที่โรงแรมอาร์คอน วงศ์อมาตย์ ถนนพัทยา-นาเกลือ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ก่อนที่ตำรวจท่องเที่ยวจะเข้าช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งหมด กระทั่งช่วงเที่ยงวันที่ 20 มิถุนายน พันตำรวจตรีปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรท่องเที่ยวพัทยา พร้อมกำลัง ร่วมกันจับกุม นางสาวนันทกานต์ กัณหาสินธุ์ อายุ 34 ปี และ นายลี จินคุณ อายุ 28 ปี สัญชาติจีน 2 มัคคเทศก์ที่รับผิดชอบกรุ๊ปทัวร์ดังกล่าว ขณะเดินอยู่บริเวณท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย จากการสอบสวนนางสาวนันทกานต์ รับสารภาพว่า ได้ลอยแพทิ้งนักท่องเที่ยวจริง เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่ยอมซื้อแพ็คเกจทัวร์สถานบันเทิงแห่งหนึ่งเพิ่มเติม จึงไม่ให้กุญแจเข้าห้องพัก ส่วนนายลี จินคุน สัญชาติจีน เป็นคนที่ทางบริษัทต้นสังกัด จัดมาทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์คู่กับตนเอง และเป็นผู้บรรยายแนะนำแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงจัดการเรื่องห้องพักและแจกกุญแจห้องให้กับนักท่องเที่ยว จากการตรวจสอบเอกสารของนายลี ไม่พบว่ามีบัตรประจำตัวมัคคุเทศก์ แจ้งข้อกล่าวหา "เป็นมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต / เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบอาชีพโดยไม่ได้อนุญาต" ส่วน นางสาวนันทกานต์ แจ้งข้อกล่าวหา "เป็นมัคคุเทศก์ยินยอมให้บุคคลอื่นซึ่งไม่มีใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์แทนตน" ก่อนคุมตัวทั้งสองคนส่งตำรวจสภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พันตำรวจตรีปิยะพงษ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเบื้องต้นได้ประสานไปยังบริษัทต้นสังกัด ส่งไกด์คนใหม่มาดูแลนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ พร้อมกับพาท่องเที่ยวตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ จากการสอบถามความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่พบว่า รู้สึกพอใจที่ทางภาครัฐและตำรวจมาดูแลรับผิดชอบเป็นอย่างดี หากมีโอกาสก็จะกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง เจ้าหน้าที่สนธิกำลังกัน 5 หน่วยงาน บุกจับบริษัททัวร์ ย่านบางชัน กรุงเทพมหานคร หลังไกด์ของบริษัททัวร์แห่งนี้มีทิ้งนักท่องเที่ยวชาวจีน 38 คน ที่มาเที่ยวในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรีเมื่อสองวันก่อน // ตรวจสอบพบเป็นบริษัทที่ถูกพักใช้ใบอนุญาต // ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมเพิกถอนใบอนุญาต พร้อมตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าเป็นบริษัทนอมินีของคนจีนหรือไม่ นางสาวซานซาน บดีภัทรกุล และนายหลิง เซี่ยน จง ถูกตำรวจกองคับการท่องเที่ยว / กรมการท่องเที่ยว / กรมพัฒนาธุรกิจการค้า / กรมสรรพากร และเจ้าหน้าที่ทหาร จับกุมนางสาวซานซาน ในข้อหาประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต และจับกุม นายหลิง เซี่ยน จง ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมตรวจยึดเอกสารเกี่ยวกับโปรแกรมการท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์ หลังนางสาวซานซาน เปิดบริษัททัวร์ ไท่ ว่าน กั๋ว ทราเวล จำกัด โดยไม่ได้รับอนุญาต การจับกุมครั้งนี้เริ่มขึ้น หลังเกิดเหตุไกด์ทัวร์ ของบริษัท นิว ไท่ ว๋าน กั๋ว บังคับขายโปรแกรมทัวร์ เมื่อนักท่องเที่ยวไม่ยอมซื้อจึงไม่ให้กุญแจห้องพัก กับนักท่องเที่ยวชาวจีน จำนวน 38 ราย ที่มาท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อสองวันก่อน โดยตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้จับกุมนางสาวนันทกานต์ กัณหาสินธุ์ มัคคุเทศก์ที่รับผิดชอบกรุ๊ปทัวร์นี้ พร้อมกับนายลี จินคุน สัญชาติจีน ที่เป็นหัวหน้าทัวร์นี้แล้วไปก่อนหน้านี้ กระทั่งขยายผลมาจับกุม นางสาวซานซาน ที่เป็นเจ้าของบริษัททัวร์ จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท นิว ไท่ ว่าน กั๋ว เปลี่ยนชื่อจากบริษัททัวร์เดิม ที่ชื่อ ไท่ ว่าน กั๋ว ที่มีการถูกพักใช้ใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัททัวร์แห่งนี้ได้นำชาวจีนมาเป็นมัคคุเทศก์ให้กับนักท่องเที่ยว ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า บริษัททัวร์แห่งนี้ ไม่เพียงบังคับขายโปรแกรมทัวร์และทิ้งนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังมีพฤติกรรมเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ ให้นักท่องเที่ยวซื้อทัวร์มาในราคาต่ำกว่าทุนอีกด้วย นายสาโรจน์ สุวัตถิกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า บริษัทไท่ ว่าน กั๋ว และ นิว ไท่ ว่าน กั๋ว ต้องสงสัยว่าอาจเป็นบริษัทนอมินีที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวแทนคนจีน เนื่องจากพบว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทนี้มีคนจีนร่วมอยู่ด้วย แต่ก็ต้องตรวจสอบรายละเอียดของการจดทะเบียน การเสียภาษีสรรพสามิต รวมถึงเส้นทางการเงินของบริษัทนี้อีกครั้งหนึ่ง ก่อนเพิกถอนใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจนำเที่ยว หลังเกิดเหตุนักท่องเที่ยวเมืองพัทยา ถูกมิจฉาชีพที่เป็นสาวประเภทสอง ฉก ชิง วิ่ง ราว ทรัพย์บ่อยครั้ง ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา จึงต้องกวาดล้างเพื่อป้องปรามไม่ให้ก่อเหตุซ้ำ ไปติดตามจากรายงาน ศิรัณพร มูลอุทก ปฏิบัติการกวาดล้างสาวประเภทของ ของตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา และอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เริ่มขึ้นกลางดึกคืนวันหยุด โดยจัดชุดเฝ้าสังเกตุการณ์ ชุดเคลื่อนที่เร็ว กระจายกำลังเข้าตรวจค้นกลุ้มเป้าหมาย สาวประเภทสองขณะใช้รถจักรยานยนต์ลาดตระเวนรอบชายหาด โดยขอตรวจค้นเอกสาร และสิ่งผิดกฎหมายที่อาจซุกซ่อนมา ได้ควบคุมตัวสาวประเภทสองจำนวน 7 คน เป็นชาวไทย 2 คน และแรงงานประเทศเพื่อนบ้านทั้งกัมพูชา และลาวอีก 5 คน นอกจากนี้ยังพบเจลหล่อลื่น และถุงยางอนามัยอีกจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มสาวประเภทสองเหล่านี้อ้างว่า ออกมาเล่นน้ำทะเล ไม่ได้มีเจตนาจะมาค้าบริการ นักท่องเที่ยวต่างชาติ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกวดขันจับกุม หลังพบสาวประเภทสองก่อเหตุอุกอาจ ตระเวนขี่รถจักยานยนต์ฉกทรัพย์ก่อนหลบหนี หญิงไทยผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า สาวประเภทสองที่ก่อเหตุ จะมาเป็นแก๊งราว 5 คน เลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย หรือจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่อยู่ในอาการมึนเมา โดยทำทีเข้าไปตีสนิท เชื้อเชิญให้ซื้อบริการ ก่อนจะลวนลาม และฉวยโอกาสฉกทรัพย์ หากเหยื่อขัดขืนจะทุบตีทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บ ข้อมูลจากตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ระบุ เหตุฉก ชิง วิ่ง ราวเกิดขึ้นแทบทุกวัน แม้เจ้าหน้าที่จะกระจายกำลังตรวจตราทั่วพื้นที่ แต่ยังมีช่องโอกาสให้แก๊งมิจฉาชีพก่อเหตุ ส่วนเหยื่อที่มักเป็นชาวอินเดีย เพราะเลือกซื้อบริการในราคาไม่สูงมากนัก สาวประเภทสองที่ถูกควบคุม เจ้าหน้าที่ได้บันทึกประวัติ ก่อนส่งไปเปรียบเทียบปรับ ตามพรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี นี่เป็นมาตรการป้องปรามไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพเหิมเกริม ก่อเหตุกู้ภาพลักษณ์ท่องเที่ยวเมืองพัทยาให้กลับคืนมา นริศร์ คงทอง ถ่ายภาพ ศิรัณพร มูลอุทก รายงาน ภูเก็ต 22 มิ.ย. – เป็นเรื่องที่กำลังถูกจับตามอง โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เมื่อมีกลุ่มนายทุนจีนเข้ามาทำธุรกิจทัวร์ โดยให้คนไทยเป็นนอมินี เป็นการ “กินรวบทัวร์จีน” จนทำให้ผู้ประกอบการคนในพื้นที่แทบไม่ได้รับประโยชน์ บรรยากาศภายในอุโบสถวัดแห่งหนึ่งของ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต คลาคล่ำไปด้วยกรุ๊ปทัวร์ชาวจีน ที่ต่างเดินแวะชมร้านจำหน่ายวัตถุมงคลที่ตั้งเรียงรายมากกว่าสิบร้าน พระเครื่อง วัตถุมงคล มากมายหลากหลายรูปแบบที่นำมาให้เช่า ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวจีนอย่างมาก หลายคน ตกลงเช่าพระเครื่องในราคาสูงลิ่ว ด้วยราคาตั้งแต่หลักหมื่นถึงแสนบาท โดยมีพระสงฆ์ทำหน้าที่ปลุกเสกวัตถุที่ชาวจีนเช่าซื้อแล้ว เพื่อความเป็นสิริมงคล ในทันทีทีมีการตกลงซื้อขาย เช่นเดียวกับวัดประจำตำบลราไวย์แห่งนี้ ที่ดัดแปลงอาคารอนุสาวรีย์เจ้าอาวาสให้เป็นสถานที่เช่าวัตถุมงคล ตกแต่งภายในโอ่โถง ตลอดทั้งวันมีนักท่องเที่ยวจีนทยอยเดินทางมาไหว้พระทำบุญอย่างไม่ขาดสาย พนักงานต้อนรับทั้งหมดล้วนเป็นคนจีน คอยทำหน้าที่ให้บริการเช่าวัตถุมงคล และกรุ๊ปทัวร์เหล่านี้ล้วนมีไกด์ชาวจีนเป็นผู้นำเที่ยว แทนการใช้ไกด์คนไทยตามที่กฎหมายไทยกำหนด ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา พบว่านอกจจากการเช่าซื้อพระเครื่องภายในวัดกลายเป็นโปรแกรมทัวร์ของกรุ๊ปทัวร์จีนภูเก็ตแล้ว นายทุนผู้ประกอบการต่างชาติได้ขยายการทำธุรกิจท่องเที่ยวครอบคลุมไปแทบทุกสาขาอาชีพ รวมถึงร้านจำหน่ายสินค้าของฝากและของที่ระลึกแห่งนี้ด้วย พบว่าลูกค้าเกือบ 100% เป็นทัวร์จีน ทั้งหมดนี้กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการคนไทยในพื้นที่อย่างหนักที่ต้องถูกแย่งอาชีพและสูญเสียรายได้จากการเข้ามาทำทัวร์ของบริษัทที่ใช้คนไทยเป็นนอมินี. – สำนักข่าวไทย ภูเก็ต 23 มิ.ย. – ก่อนหน้านี้มักได้ยินปัญหาการท่องเที่ยวในลักษณะที่ชาวต่างชาติใช้คนไทยเป็น “นอมินี” สร้างความเดือดร้อนต่อผู้ประกอบการคนไทย โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต ล่าสุดยังตรวจสอบพบนายุทนต่างชาติใช้วิธีการปลอมแปลงเอกสารจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทท่องเที่ยวที่มีเครือข่ายใหญ่สุดในภูเก็ต ติดตามได้จากรายงาน วันนี้เสนอเป็นตอนที่ 2. – สำนักข่าวไทย
รายงานพิเศษ : ขยายผลนักธุรกิจจีนสวมบัตรคนไทยทำทัวร์ จ.ภูเก็ต หลังตำรวจพบข้อมูลการสวมบัตรประชาชนคนตาย เปิดธุรกิจนำเที่ยวในชื่อ บริษัททรานลี่ทราเวิลจำกัด เครือข่ายเกือบ20บริษัท ทรัพย์สินกว่าพันล้านบาท ปลุกเชื่อมั่นดึงรายได้ "ภูเก็ต" เข้มปลอดภัยสร้างมาตรฐานเรือนำเที่ยว การเติบโตของการท่องเที่ยวไทยทำให้บริษัทต่างชาติบางกลุ่มเห็นโอกาสหาประโยชน์อย่างผิดกฎหมาย อย่างบริษัททรานลี่ทราเวิลจำกัดที่กระทำผิด ปลุกเชื่อมั่นดึงรายได้ "ภูเก็ต" เข้มปลอดภัยสร้างมาตรฐานเรือนำเที่ยว
วันนี้เป็นวันแรกที่กรมการขนส่งทางบก เริ่มใช้มาตรการตรวจสอบรถนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เกิน 9 ที่นั่ง เข้ามาในประเทศ โดยต้องแสดงเอกสารประกอบการใช้รถที่ชัดเจน โดยที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย พบว่า ในช่วงเทศกาลวัดหยุดยาว จะมีนักท่องเที่ยว นำรถส่วนตัวที่เกิน 9 ที่นั่ง หรือรถบ้าน เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผ่านพรมแดนเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบและต้อง ปฏิบัติตามกฎระเบียบของกรมการขนส่งทางบกให้ครบถ้วน ส่วนด่านพรมแดนเชียงของ จังหวัดเชียงราย วันนี้ยังไม่มีการนำรถบ้าน มาผ่านขั้นตอนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ แต่ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารรถยนต์นักท่องเที่ยว หรือ รถบ้านมากขึ้น ตามกฏหมายนักท่องเที่ยวที่นำรถเข้าประเทศ จะต้องมีแผนการท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่ชัดเจนมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และสามารถอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน เกินกว่านั้นจะถูกปรับวันละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท ขณะที่ นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมขนส่งทางบก กล่าวถึงประกาศที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ว่า อนุญาตให้เฉพาะรถยนต์นั่ง รวมคนขับ ต้องไม่เกิน 9 คน แต่ไม่ใช่ลักษณะเป็นรถตู้ และรถบรรทุก หรือ กระบะ ที่มีน้ำหนักรวมไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม ยกเว้นรถที่นำเข้ามาตามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย ที่ทำข้อตกลงด้านการขนส่งทางถนนไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นลาว มาเลเซีย และ สิงคโปร์ รวมไปถึงรถประจำถิ่น ส่วนรถที่ห้ามเข้าไทยนั้น คือ รถบ้าน และ รถจักรยานยนต์ หากมีความจำเป็นต้องขออนุญาตล่วงหน้าจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อพิจารณาโดยต้องยื่นเอกสารก่อนอย่างน้อย 10 วันทำการ สำหรับขั้นตอนการขออนุญาตนั้น นักท่องเที่ยว หรือ ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว จะต้องยื่นเอกสารล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการ เพื่อให้สำนักงานขนส่งจังหวัดของด่านพรมแดนนั้นๆตรวจสอบก่อน ที่สำคัญต้องแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาไทย เท่านั้น เช่น สำเนาหนังสือเดินทางอายุเกิน 6 เดือน ใบอนุญาตขับรถเกิน 6 เดือน และภาพถ่ายตัวรถ สั่งเพิกถอนใบอนุญาต"ทรานลี่ ทราเวิล" 6 บริษัทในเครือมีผลหยุดดำเนินกิจการ บริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด มีบริษัทในเครืออีกกว่า 17 บริษัทที่ทำธุรกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ หลังจากเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจจังหวัดภูเก็ต และทหารจากมณฑลทหารบกที่ 41 กว่า 100 นาย ตรวจค้นที่บริษัททรานลี่ ทราเวล จำกัด และบริษัทในเครือที่จังหวัดภูเก็ต รวม 6 บริษัท และได้อายัดทรัพย์สิน ประกอบด้วย รถบัส 115 คัน, เรือสปีดโบต 35 ลำ, รถยนต์ 117 คัน, ที่ดิน 3 แปลง และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องอีกหลายรายการ รวมมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท ทางด้านปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปปง. ลงพื้นที่และเตรียมอายัดทรัพย์สินบริษัททรานลี่ ทราเวล จำกัด เพิ่มอีกจำนวนมาก ทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงา พร้อมทั้งจะตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่ รวมถึงการชำระภาษีของกลุ่มบริษัททั้งหมดด้วย ส่วน นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม และ นายวีระชัย คำไผ่ประพันธุ์กุล ผู้บริหารบริษัทซึ่งถูกศาลจังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับในความผิดเป็นบุคคลต่างด้าวแต่อ้างว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทย ให้เจ้าหน้าที่ออกบัตรประชาชน และนำไปจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจนำเที่ยว และนายกฤชกร ได้เข้ามอบตัว ก่อนที่จะประกันตัวออกไป แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ทั้ง 2 คนน่าจะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว กรมพัฒนาธุรกิจฯเพิกถอนจดทะเบียนกลุ่มบริษัททรานลี่ฯ-เครือข่าย13บริษัท สวมบัตรคนไทยทำธุรกิจท่องเที่ยวในจ.ภูเก็ต
ไทยตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการจัดประชุม การจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายดังกล่าว สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ ทีเส็บ ได้วางกลยุทธ์เน้นการเจาะตลาดแบบออนไลน์ในปีนี้ โดยจะใช้การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสาร กับกลุ่มเป้าหมายไมซ์ทั่วโลก มีการจัดทำเนื้อหา ครอบคลุม 8 ภาษา พัฒนาเว็บไซด์ แอปพลิเคชั่น ให้กลุ่มเป้าหมายจากทั่วทุกมุมโลก เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย และสะดวกขึ้น เพื่อขยายตลาดนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดพิธีปล่อยขบวนผู้แข่งขันถ่ายทำภาพยนตร์สั้น หวังสร้างเครือข่ายผู้ผลิตภาพยนตร์รุ่นใหม่ และประชาสัมพันธ์สถานที่ในประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก นางสาววรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เป็นประธานปล่อยขบวนผู้เข้าแข่งขันถ่ายทำภาพยนตร์สั้น ประจำเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศ ที่ถ่ายทำในประเทศไทย ประจำปีนี้ ที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 32 ทีม จากผู้ส่งใบสมัครมากกว่า 200 ทีม ลงพื้นที่ 8 เขตพัฒนาการท่องเที่ยวตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2558-2560 ระหว่างวันที่ 5-10 กรกฎาคม ได้แก่ เขตอารยธรรมล้านนา, เขตอารยธรรมอีสานใต้, เขตฝั่งทะเลตะวันออก, เขตฝั่งทะเลตะวันตก, เขตอันดามัน, เขตมรดกด้านวัฒนธรรม, เขตวิถีชีวิตลุ่นแม่น้ำโขง และเขตลุ่มเจ้าพระยาตอนกลาง เพื่อให้สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยเป็นที่รู้จักแก่ผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศมากขึ้น ภายใต้แนวคิด "Best Vision Best Destination" โดยผสานความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย และสะท้อนวิถีชีวิตของไทยผ่านสื่อภาพยนตร์ โดยภาพยนตร์สั้นทั้ง 32 เรื่อง จะออกฉายในโรงภาพยนตร์พารากอน ซินิเพล็กซ์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และจะมีพิธีมอบรางวัลในวันที่ 13 กรกฎาคม ณ โรงละครแห่งชาติ การแข่งขันกีฬาระดับโลกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ วอลเลย์บอล เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ กลายเป็นตัวหนุนให้การท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือ สปอตทัวริซึ่ม ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด การท่องเที่ยวได้นำโปรแกรมการแข่งขันเข้าร่วมโปรโมทการท่องเที่ยวของไทยด้วย นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกรู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สปอร์ตทัวริซึ่ม เป็นการนำกีฬาของไทยร่วมโปรโมทไปกับการท่องเที่ยว โดยจะชูการจัดกีฬาระดับนานาชาติที่ไทยเป็นเจ้าภาพ อาทิ การแข่งขันวอลเลย์บอล เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ หรือ จักรยานทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ กอล์ฟ คิงส์คัพ เอเชี่ยนทัวร์ รถยนต์ไทยแลนด์ ซูเปอร์คาร์ เจ็ตสกี เวิลด์คัพ หรือ จักรยานยนต์โมโตครอส เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ กรังด์ปรีซ์ ไทยแลนด์ ซึ่งจัดขึ้นในหลายจังหวัด เช่น สระบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา สงขลา ชลบุรี ภูเก็ต ซึ่งล้วนเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งกลุ่มสปอร์ตทัวริซึ่ม เป็นกลุ่มของนักท่องเที่ยวคุณภาพ คือ ใชเวลาพักผ่อนอยู่ในเมืองไทย และใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งจากการนำไปเสนอขายในงาน "เดอะ เวิลด์ ลีดดิ้ง ทราเวล เทรดโชว์ หรือ งานท่องเที่ยวระดับโลก "ไอทีบี.เบอร์ลิน 2016" ที่ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อมีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก กองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศนิยมเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ จากความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ และความพร้อมด้านบุคลากรและอุปกรณ์ ปีที่แล้วสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท จากภาพยนตร์ 700 กว่าเรื่องที่เข้ามาถ่ายทำ นักการเมือง-ทัวร์จีนฮุบภูเก็ต "ประยุทธ์" สั่งตรวจสอบเครือข่ายทั้งหมด
กรุงเทพฯ 6 ก.ค.-ทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และผลกระทบด้านอื่นๆ ของการท่องเที่ยวไทย สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ผ่านความเห็นชอบกฎหมายสำคัญที่จะมาแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย ความคืบหน้าการจับกุมบริษัททัวร์รายใหญ่ที่จังหวัดภูเก็ต รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินทั้งหมดที่มีกว่า 1 พันล้านบาท รวมทั้งการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และอยู่เบื้องหลังการสวมบัตรประชาชนคนไทย พันตำรวจเอก นิติธร จินตกานนท์ รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจับกุมบริษัททรานลี่ ทราเวล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต และมีบริษัทในเครือรวม 17 บริษัท ได้แก่ บริษัททรานลี่ ทราเวิล จำกัด, บริษัทหยางกวง จำกัด, บริษัทแมนตา มารีน จำกัด, บริษัทภูเก็ต ปิง เฟรนด์ จำกัด, บริษัทเหมยลี จำกัด, บริษัทบลูเฮเว่น ไดฟ์วิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด, บริษัทเคนย่า แอนด์ แฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัทไทลี่ อิมพอร์ต จำกัด, บริษัททีแอล แบตเตอร์เวย์ จำกัด, บริษัทอินทรีมารีน จำกัด, บริษัทบลูเวฟ รีสอร์ท จำกัด, บริษัทบลูเบย์ รีสอร์ทจำกัด, บริษัทเนเชอรัลเบย์ รีสอร์ท จำกัด, บริษัทเวนิส ซีวิว จำกัด, บริษัทราชาสปา จำกัด, บริษัท สปันงาสปา จำกัด และบริษัทเซียน ชาบู ชาบู จำกัด ซึ่งทั้ง 17 บริษัท ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งหมด อยู่ภายใต้การบริหารงานและถือหุ้น โดยนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว และนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม หรือนายไอ่สาม เสียงลี สัญชาติจีน แต่ใช้บัตรประชาชนคนไทยมาจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเพื่อให้ถือหุ้นได้ 51% รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่ได้ยึดทรัพย์ของบริษัททรานลี่ไว้ตรวจสอบ ประกอบด้วย รถทัวร์ 117 คัน เรือสปีดโบ๊ท 35 ลำ และที่ดินอีก 3 แปลง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาของทรัพย์สิน พร้อมทั้งตรวจสอบว่าหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้เดินหน้ากวาดล้างบริษัทเถื่อนอย่างต่อเนื่อง นายสุธรรม เดชดี รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่าภายหลังจากไทยได้จับกุมบริษัททัวร์ผิดกฏหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งพบว่ามีชาวจีนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทำให้ตัวแทนของซีเอ็นทีเอ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลบริษัททัวร์ที่ประเทศจีน และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทยจีนได้ร่วมกันหารือ โดยตัวแทนจากประเทศจีน บอกว่ายอมรับและเคารพในกฏหมายของประเทศไทย ส่วนบริษัททัวร์ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว ก็จะกำชับไม่ให้นักท่องเที่ยวจีนซื้อทัวร์บริษัทดังกล่าวเด็ดขาด การปราบปราบป้องกันธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาใช้ตัวแทนอำพราง หรือ นอมินี มาเปิดธุรกิจในไทยแบบผิดกฏหมายนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ร่วมมือในเชิงบูรณาการกับหลายหน่วยงาน คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ กระทรวงพาณิชย์ วางมาตรการเชิงรุกเข้าตรวจสอบและจับกุม ซึ่งเข้มข้นขึ้นตามลำดับ และสามารถตรวจสอบถึงผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ ทัวร์จีน "เจนวาย" บูมในไทย ททท.เตรียมเจาะตลาดเพิ่มรายได้ ปรับภูมิทัศน์รับเมืองมรดกโลก หมู่เกาะพีพี ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมากถึง 1.6 ล้านคน ทำให้หลายสิบปีที่ผ่านมา ทรัพยากรธรรมชาติของหมู่เกาะพีพีถูกทำลายไปมาก ขณะที่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา นักวิชาการได้นำเสนอ แนวคิดพีพีโมเดลสู่การปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการ ขณะนี้ผ่านมากว่า 9 เดือน เกิดความเปลี่ยนแปลงทีดีขึ้น เกาะยูง มีแนวประการังที่สมบูรณ์ที่สุดในหมู่เกาะพีพี เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา มีความหลากหลายของชั้นปะการัง ที่นี่พบปะการังฟอกขาวเพียงร้อยละ 30 ทางอุทยานจึงประกาศให้เป็นพื้นที่สงวนหรือปิด เพื่อให้ปะการังที่นี่เป็นแหล่งพ่อแม่พันธุ์ เพราะตั้งแต่ปี 2553 ปะการังเกาะพีพีฟื้นตัวมาได้เพียงร้อยละ0.7 เท่านั้น ทุ่นไข่ปลาและธงแดง พบเห็นหลายจุดในแนวปะการังทั้งพื้นที่สงวนและควบคุม เป็นแนวทางพีพีโมเดลที่เริ่มขับเคลื่อนมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 เพื่อให้ปะการังฟื้นตัวจากการฟอกขาว โดยห้ามดำน้ำ และทิ้งสมอเรือเด็ดขาด และยังมีความร่วมมือระหว่างชาวบ้าน ผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่อุทยาน ในการเปลี่ยนแปลงเกาะพีพี เช่น การลงทะเบียนเรือท่องเที่ยวตามกฎหมาย จาก 90 ลำเป็น 1,550 ลำ สามารถจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และเก็บค่าธรรมเนียมได้ 420 ล้านบาท จากเดิม เก็บได้เพียง 24 ล้านบาท หลังจากนี้ แผนพีพีโมเดลเฟส2 จะเริ่มขึ้น ด้วยวิธี "ควบคุม ดูแล รักษา และฟื้นฟู" เช่นการจัดการน้ำเสียจากร้านค้าและที่พัก ,ขอความร่วมมืออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรวมถึงอนุรักษ์พันธุ์ปลา ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ธรณ์ ธำรงนาสวัสดิ์ ผู้นำแนวคิดพีพีโมเดล คาดหวังว่า ที่นี่จะเป็นต้นแบบ หลังจากนี้ทางอุทยานฯจะทำเรื่องขอจัดซื้อทุ่นรองรับจอดเรือท่องเที่ยว และจัดกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มในการดูแลและควบคุมในพื้นที่ปิด เช่นอ่าวมาหยา ทั้งมีจะวางแผนเปิดปิดจุดต่างๆในเกาะพีพีเพื่อให้ธรรมชาติได้มีโอกาสพักฟื้น เป้าหมายสำคัญของพีพีโมเดล คือ การฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับมาสมบูรณ์ โดยเฉพาะปะการัง แต่ต้องทำควบคู่กับการท่องเที่ยว ภายใต้การจัดการที่สอดคล้องกับระบบนิเวศ
ททท.ได้เปิดเผยแผนการท่องเที่ยว สำหรับปีหน้า น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะ ต่อไปนี้ จะไม่เน้นปริมาณนักท่องเที่ยว แต่จะเน้นคุณภาพ และเพิ่มรายได้ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายต่อคน ทำให้เป้าปี 2560 คาดว่าจะไปแตะเกือบ ๆ 3 ล้านล้านบาทได้ นับเป็นรายได้สำคัญ เพราะคิดเป็น 1 ใน 5 ของรายได้จีดีพี ประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดทำแผนการตลาดด้านการท่องเที่ยว ประจำปี 2560 ว่า ปีหน้า ททท.ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยมีรายได้ทางการท่องเที่ยว 2.89 ล้านล้านบาทเติบโต 12% จากปีนี้ที่มีรายได้ 2.58 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดรายได้จากต่างชาติ 1.89 ล้านล้านบาท รายได้จากตลาดในประเทศ 1 ล้านล้านบาท หากเป็นไปตามเป้า จะทำให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยว คิดเป็นสัดส่วน ประมาณ 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จากในปีที่แล้ว อยู่ที่ประมาณ 16% สำหรับสัดส่วน รายได้การท่องเที่ยวในประเทศ หวังจะเพิ่มเป็น 35% จากเดิม 33%ในปีนี้ และรายได้จากต่างประเทศเป็นสัดส่วน 65% โดยในส่วนของรายได้ในประเทศ คาดว่าที่เพิ่มขึ้นมาจาก กระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศดีขึ้น การทำตลาดผ่านแคมเปญดึงดูดการท่องเที่ยวต่างๆ เศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัว และภาครัฐ สนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศอย่างเต็มที่ สถานการณ์โลก อย่างภัยก่อการร้ายที่เพิ่มมากขึ้น ก็นับเป็นปัจจัยภายนอกที่มีส่วนเข้ามา ทำให้คนไทย หันมาอยากเที่ยวในประเทศแทน รวมถึงค่าเงินเยนแข็งค่า ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการไปประเทศญี่ปุ่น เพราะต้องจับจ่ายแพงขึ้น ส่วนตลาดต่างประเทศที่เพิ่มมา 1.89 ล้านล้านบาท เป็นการเติบโตด้านรายได้ โดยหากเทียบกับปีก่อน 1.72 ล้านล้านบาท ถือว่าไม่สูงมากนัก รวมถึงสิ่งที่สำคัญ ต่อไปนี้ จะไม่พูดถึงจำนวนนักท่องเที่ยว โดยมุ่งสู่การปรับโครงสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวอย่างชัดเจน ซึ่งในอนาคตอาจจะได้เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงแต่รายได้ทางการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยจากเดิมการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 50,000 บาทต่อทริป จะเพิ่มเป็น 55,000 บาทต่อทริปในปีหน้า ซึ่งตลาดนักท่องเที่ยวที่จะเห็นรายได้เพิ่มขึ้น อาทิ ตลาดจีน ตลาดตะวันออกกลาง ที่ขณะนี้มีสายการบินเพิ่มมากขึ้น และให้ความสนใจการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ เป็นเทรนด์ท่องเที่ยว และแผนการตลาดไทย ที่มุ่งสร้างมาตรฐานสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน และฉีกจากตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน ศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร เผย ท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เตรียมเดินหน้าจัดทำโครงการ อะเมซิ่ง ไทยเทส ศูนย์ติดตามและพยากรณ์การเกษตร สำรวจการท่องเที่ยวเชิงเกษตร กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวได้ให้ความสนใจ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยที่หันมาท่องเที่ยวเชิงเกษตรมากขึ้น พบว่า ขณะนี้มีจำนวนแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรรวม 1,215 แหล่ง แบ่งออกเป็น แหล่งท่องเที่ยวของชุมชน 969 แห่ง แหล่งท่องเที่ยวของส่วนราชการ 87 แห่ง และศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.) จำนวน 163 แห่ง ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตั้งอยู่ครอบคลุมทุกภูมิภาคของไทย และที่ผ่านมาภาครัฐในการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่ ภายใต้คณะทำงานสานพลังประชารัฐด้านการท่องเที่ยว จัดทำโครงการ "อะเมซิ่ง ไทยเทส" ซึ่งเป็นโครงการการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบริโภคอาหารไทยและผลไม้ไทยเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวในปี 2559 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากนักท่องเที่ยวชาวไทยมาท่องเที่ยงเชิงเกษตร 150.08 ล้านคนต่อครั้ง จะสร้างรายได้ภายในประเทศให้กับภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1,860 ล้านบาท โดยการท่องเที่ยวเชิงเกษตรจะยั่งยืน ต้องส่งเสริมให้เอกชนร่วมกับชุมชนในการรักษาแหล่งท่องเที่ยวและวิถีชีวิตให้อยู่ในสภาพเดิมอย่างต่อเนื่อง พัฒนาความหลากหลายของการท่องเที่ยวรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ รวมทั้งการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม จัดมาตรการอำนวยความสะดวก สร้างความปลอดภัยและป้องกันการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. ยังมั่นใจตลาดยุโรปแม้จะมีความกังวลจากการแยกตัวของสหราชอาณาจักร (เบร็กซิท) แต่เชื่อว่ารายได้ท่องเที่ยวจากกลุ่มยุโรปจะยังเติบโต แต่ก็ได้มอบหมายให้ทุกตลาด โดยเฉพาะกลุ่มทำรายได้สำคัญ อาทิ เยอรมนี, ฝรั่งเศส ไปเร่งการเติบโตของรายได้ต่อหัว รวมถึงเจาะกลุ่มประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคง ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น นางสาวเด่นเดือน เหลืองเช็ง ผู้อำนวยการการ ททท. สำนักงานแฟรงค์เฟิร์ต กล่าวว่า มีแผนกระตุ้นการใช้จ่ายตลาดเยอรมนีที่ปีนี้ ททท.คาดการณ์มีนักท่องเที่ยว 8 แสนคน เพิ่มขึ้น 7.9% ใช้จ่ายเฉลี่ย 6.59 หมื่นบาท/คน/ทริป ขยายตัว 3.62% สร้างรายได้ 5.27 หมื่นล้านบาท เติบโต 11.9% โดยทำรายได้เป็นอันดับ 2 ของยุโรปรองจากรัสเซีย แต่ค่าใช้จ่ายต่อหัวยังเป็นรองอีกหลายประเทศในยุโรปจึงเตรียมแผนขยายตลาดกลุ่มกำลังซื้อสูงที่มีอยู่กว่า 68% โดยร่วมกับบริษัททัวร์ที่ให้บริการจัดโปรแกรมออกแบบเฉพาะตามที่นักท่องเที่ยวต้องการ (Individualreisen) นำเสนอบริการท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายสูงในไทย เป็นไปตามแนวโน้มของนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ของเยอรมนีที่ต้องการความยืดหยุ่น และแสวงหาความเป็นส่วนตัวมากขึ้น บริษัททัวร์เหล่านี้จึงเริ่มได้รับความนิยมแพร่หลาย โดย ททท.ร่วมมือกับบริษัท โทมัส คุ้ก กลุ่มบริษัทนำเที่ยวใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป ที่แตกไลน์บริการจับกลุ่มลูกค้าพรีเมียมด้วยเช่นกัน ในการนำเสนอสินค้าบริการหรูในไทยพร้อมมองหาเอเยนต์ทั่วประเทศที่ทำตลาดบีทูซี ที่มีเซกเมนต์หลากหลายมากขึ้น เช่น ร่วมมือกับเอสทีเอ ทราเวล ที่มีฐานลูกค้าหลักเป็นวัยรุ่น เพื่อสร้างตลาดเดินทางครั้งแรก (First Visit) มาช่วงถ่วงดุลกับตลาดเดินทางซ้ำ (Repeater) ที่เยอรมนียังมีสัดส่วนถึง 80% การเปิดตลาดเยาวชน นอกจากจะทำให้ฐานนักท่องเที่ยวกว้างขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างการรับรู้ท่องเที่ยวไทยในวงกว้างไปสู่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ตรงกับแนวทางที่รัฐบาลต้องการกระจายรายได้ท่องเที่ยวไปอย่างทั่วถึงด้วย ทั้งนี้ ททท.เริ่มสำรวจเมืองที่มีศักยภาพในกลุ่มตลาดดังกล่าว พบว่าดุสเซลดอร์ฟ เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นเมืองแห่งมหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยี มีนักศึกษาถึง 6 หมื่นคนจากประชากร 2 แสนคน และมีโอกาสเพิ่มเมื่อสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เตรียมเปิดเที่ยวบินตรงสู่สิงคโปร์ และมีเที่ยวบินเชื่อมสู่ไทยจำนวนมาก และกระจายเข้าทั้งกรุงเทพฯ, ภูเก็ต และเชียงใหม่ จึงเตรียมหารือกับสายการบินเพื่อทำตลาดร่วมกัน นอกจากนั้นจะให้ความสำคัญกับตลาดสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นประเทศที่รวมมหาเศรษฐีไว้มากที่สุด ขณะที่ขนาดตลาดไม่ใหญ่มาก ทำให้ดูแลได้ทั่วถึง อีกทั้งใช้ภาษาเยอรมนีได้ ทำให้วางกลยุทธ์คู่กันกับเยอรมันได้โดยไม่ต้องเสียทรัพยากรและเวลาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดการณ์ตลาดสวิตเซอร์แลนด์ปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยว 2.2 แสนคน ใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัว 7.69 หมื่นบาท/คน/ทริป หรือสูงกว่าเยอรมนี 1.1 หมื่นบาทต่อหัว
ประเทศในอาเซียน กระตุ้นการเจรจาความร่วมมือการใช้วีซ่า อาเซียน ในกลุ่มประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน เหมือนวีซ่าเชงเก้น ที่นำมาใช้ในสหภาพยุโรป แต่อาจจะติดปัญหาอยู่บ้าง สาเหตุสำคัญคือยังไม่สามารถเจรจาเรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่ากับบางประเทศว่าจะจัดสรรแบ่งค่าธรรมเนียมในลักษณะใด เพราะเกรงว่านักท่องเที่ยวจะเลือกทำวีซ่าเฉพาะประเทศต้นทางที่เดินทางเข้า ซึ่งประเทศปลายทางจะขาดรายได้ในส่วนนี้ไป แนวคิดการเชื่อมโยง วีซ่า ในอาเซียน มีลักษณะเดียวกับ แชงเก้นวีซ่าในกลุ่มประเทศยุโรป โดยนักท่องเที่ยว ยื่นวีซ่าเพียงประเทศเดียว สามารถเดินทางเชื่อมโยงไปยังประเทศอื่นๆ โดยไม่ต้องเสียเวลา และลดขั้นตอนความยุ่งยากในการขอหนังสือเดินทาง อีกทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นได้อย่างมาก แนวคิดการออกวีซ่าร่วมกันในอาเซียน หรือ Single Visa ไม่ใช่แนวคิดใหม่ โดยนับตั้งแต่ ปี 2556 ไทยกับกัมพูชาเห็นชอบร่วมกันให้นักท่องเที่ยวจาก 35 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม บาห์เรน แคนาดา จีน เดนมาร์ก เป็นต้น สามารถขอวีซ่าเพียงครั้งเดียว โดยอนุญาตให้พำนักในไทยได้ 60 วัน และกัมพูชา 30 วัน แต่ความร่วมมือด้านวีซ่าอาเซียน ระหว่างไทยกับประเทศอื่นๆ ยังมีความล่าช้าในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาเรื่องกฏระเบียบ เรื่องแนวทางการจัดเก็บค่าธรรมเนียม รวมถึงโครงสร้างระบบการขนส่งระหว่างประเทศของสมาชิกชาติอาเซียน และปัญหาความมั่นคง ที่ยังไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ ทั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไม่ได้รอให้แผนการใช้วีซ่าร่วมกันประสบความสำเร็จ แต่ได้ใช้ยุทธศาสตร์ ภายใต้แนวคิด Two countries one destination เช่น 1.สั่งการให้ทุกสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่มีพื้นที่ท่องเที่ยวติดประเทศเพื่อนบ้าน เปิดเส้นทางท่องเที่ยวร่วมกัน เช่น คุนหมิง ประเทศจีน เตรียมส่งเสริมการเดินทางพื้นที่สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ เชื่อมท่องเที่ยว สปป.ลาว ไทย ยูนนาน เป็นต้น 2.ทยอยเปิดเส้นทางคาราวาน 3.ทยอยเปิดเส้นทางการบินใหม่ๆ ให้ครอบคลุม ทุกเมืองหลักและเมืองรอง เช่น ดอนเมือง-หลวงพระบาง หลวงพระบาง-เลย เป็นต้น ภายใต้แคมเปญ ASEAN Connect ทรานลี่ ทราเวล บริษัททัวร์ยักษ์ใหญ่ เมืองภูเก็ต ที่ถูกปิดตัวอย่างถาวร หลังตำรวจท่องเที่ยว พบผู้บริหาร แอบสวมบัตรคนไทยจดทะเบียนธุรกิจ แผ่อาณาจักรจนครอบคลุมบริการทั้งฝั่งอันดามัน ทำให้ธุรกิจท้องถิ่น แทบไปไม่รอด เป็นบทเรียนสำคัญ ที่ชี้ให้เห็นถึงช่องว่าง การบังคับใช้กฏหมาย ของหลายหน่วยงาน ซึ่งต้องบูรณาการอีกมาก ถึงจะกวาดล้างให้หมดไปได้ ต้นเหตุที่ทำให้ทัวร์ศูนย์เหรียญ เข้ามามีบทบาทมากจนทำลายธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการธุรกิจอันดามันยอมรับว่า เป็นเพราะ 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจท่องเที่ยวท้องถิ่นโตเร็วเกินไปจนไร้ทิศทาง ต้องแย่งลูกค้ากันเอง ด้วยการลดแลกแจกแถม เป็นช่องว่างให้ทัวร์ศูนย์เหรียญ แทรกตัวเข้ามาในวงจรธุรกิจ ขนคนมาเที่ยวมากแต่กลับไร้คุณภาพ ไม่แค่แทรกตัวมาให้บริการ ทัวร์ไร้คุณภาพ ที่เติบโตราวดอกเห็ดยังปิดหูปิดตานักท่องเที่ยว ให้มาแค่กินใช้บริการในเครือ จนเสียภาพลักษณ์ท่องเที่ยวที่สร้างสมมานาน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ย้ำ หากไม่เข้มงวด ไม่แค่เสียทรัพยากรรายได้ท่องเที่ยวที่หวังจากทุกชาติก็อาจไม่เหลือ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ยอมรับว่า ไม่ง่ายที่จะเข้าไปขุดคุ้ยบริษัททัวร์ที่มีคนไทยเป็นหุ่นเชิด เปิดธุรกิจหลบเลี่ยงภาษีและกฏหมาย ซ้ำยังต้องคอยระวังหลังเรื่องภาพพจน์ ไม่ให้กระทบการท่องเที่ยว ขณะบังคับใช้กฏหมายอุดช่องว่าง แม้กฏหมายจะเขียนไว้ชัด แต่หากไม่นำมาบังคับใช้ ก็ไร้ความกลัวและหากคนไทย ยังเห็นแก่รายได้ส่วนตน ยอมเป็นหุ่นเชิดให้ทัวร์ศูนย์เหรียญ ธุรกิจท่องเที่ยวไทยในอนาคต คนไทยอาจเป็นได้แค่ลูกจ้าง หลังกระทรวงคมนาคม ใช้มาตรการเข้มงวดในการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวชาวจีน ส่งผลให้ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวน้อยลง นางสาวผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย ยอมรับว่าหลังจากกระทรวงคมนาคมเริ่มจัดระเบียบนักท่องเที่ยวจีน ที่ใช้รถยนต์เดินทางเข้ามาในเขตประเทศไทย โดยใช้เส้นทางอาร์ 3 เอ มณฑลยูนนาน ประเทศจีน-สปป.ลาว-อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า 1 เดือนที่ผ่านมา สถิติการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยโดยเส้นทางสายนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้บรรยากาศบริเวณด่านพรมแดนไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เงียบเหงาไปทันที จะมีเพียงการสัญจรไปมาของประชาชนทั่วไป และ รถขนส่งสินค้าเท่านั้น ไม่มีรถยนต์ของนักท่องเที่ยวเข้าคิวรอผ่านแดนอย่างคึกคักเหมือนที่เคยผ่านมา นอกจากนี้ ยังทำให้ตลาดการค้าบริเวณชายแดน รวมถึงธุรกิจที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวจากประเทศจีน พลอยซบเซาตามไปด้วย บางรายถึงกับปิดกิจการแล้ว ขณะที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนในโลกออนไลน์มีมากขึ้น สื่อจีนในประเทศไทยโดยสถานีโทรทัศน์ไทยซีซีทีวี ได้เผยแพร่ภาพการ์ตูนชุด ได้โปรดเข้าใจคนจีนในเฟสบุ๊ค โดยเนื้อหาเป็นการอธิบายถึงวัฒนธรรม ลักษณะนิสัยของคนจีนในแต่ละภูมิภาค ความชื่นชอบความเป็นไทยของคนจีน รวมถึงความน้อยใจที่มีต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ด้วย โดยคาดหวังว่า ทุกฝ่ายจะเข้าใจพฤติกรรมของคนจีนมากขึ้น นักท่องเที่ยวจีน บอยคอตท่องเที่ยว เชียงใหม่-เชียงราย หันไปเที่ยวภาคตะวันออกและภาคใต้มากขึ้น ส่งผลกระทบต่อ ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมทางภาคเหนือ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย เลิศชาย หวังตระกูลดี บอกว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ ได้ลดลงเนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ประกอบกับกระแสข่าวในโลกโซเชียลที่มีการประณามนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทำให้ชาวจีนกลุ่มหนึ่งเริ่มบอยคอตไม่เดินทางมาเที่ยวจ.เชียงใหม่ ส่งผลให้กิจการโรงแรมและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบระดับหนึ่ง ทั้งนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประจำคุนหมิง ได้ให้ข้อมูลว่า กรณีนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาก่อเหตุไม่เหมาะสมในประเทศไทย ทางการจีนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะได้มีมาตรการลงโทษห้ามออกนอกประเทศเป็นเวลา 10-15 ปี ในส่วนรายที่ใช้น้ำสาดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ก็ได้สั่งห้ามออกนอกประเทศโดยเด็ดขาดแล้ว นอกจากนี้ ทางการจีน ยังได้สั่งการให้มีการอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับมารยาทของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงกฎ กติกา มารยาทของการขับขี่รถยนต์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนไทย และสำหรับ การจำกัดพื้นที่ของรถยนต์ที่เดินทางมาจากประเทศจีนให้อยู่ได้เพียง จ.เชียงราย เท่านั้น ยังทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไปท่องเที่ยวทางภาคตะวันออกและภาคใต้เพื่อไปเที่ยวทะเลแทน
เชียงใหม่ 25 ก.ค. – หลังโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์นักท่องเที่ยวจีนในเชิงลบมากขึ้น ทำให้สื่อจีนเผยแพร่ภาพวาดการ์ตูนอธิบายคนไทยให้เข้าใจความเป็นมา และวัฒนธรรมของชาวจีน นี่เป็นภาพที่สื่อจีนในประเทศไทยวาดการ์ตูนชุด “ได้โปรดเข้าใจ คนจีน” จำนวน 26 ภาพ รณรงค์ผ่านเฟซบุ๊กสถานีโทรทัศน์ Thai CCTV เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่ออธิบายถึงวัฒนธรรม ลักษณะนิสัยของคนจีนในแต่ละภูมิภาค พร้อมบอกว่าคนจีนชื่นชอบประเทศไทย และยอมรับชาวจีนไม่ได้ดีไปหมดทุกคน เพียงแต่อาจต้องพยายามเข้าใจและตักเตือนในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพื่อให้เขานำกลับไปปรับปรุงและบอกต่อๆ กัน ทั้งนี้ เชื่อว่าจีนจะมีสัมพันธภาพที่ดีกับชาวไทยไปอีกยาวนาน ตลอดปี 2558 มีนักชาวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยถึง 7.9 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.14 สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 376,001 ล้านบาท ซึ่งการสำรวจระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน ปีที่ผ่านมา พบว่าไทยมีนักท่องเที่ยวประเภท FIT (เดินทางด้วยตนเอง) ร้อยละ 55.73 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.20 นักท่องเที่ยวประเภท Group Tour (นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยว) มีสัดส่วนร้อยละ 44.27 ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมด ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจีนมีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริป 46,363 บาท ส่วนแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม คือ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และกระบี่ ททท.มั่นใจว่าปีนี้ไทยจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ต่ำกว่า 509,135 ล้านบาท ซึ่งสามารถกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจได้มากกว่าปีที่ผ่านๆ มา ด้านหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งให้ผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมือนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ จ.เชียงราย และเชียงใหม่ ในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยรถยนต์ผ่านเส้นทางอาร์ 3 เอ-ด่านถาวร อ.เชียงของ จ.เชียงราย และเชียงใหม่ และสายการบินไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน สำหรับ จ.เชียงใหม่ มีชื่อติดโผ 10 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ปัจจุบันมี 9 สายการบิน จำนวน 11 เส้นทางการบินจากปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง เฉิงตู คุนหมิง หวู่ฮั่น เสิ่นเจิ้น กว่างโจว หางโจว ฉางชา และมาเก๊า บินตรงมาลงที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีที่นั่งรองรับ 513,560 ที่นั่ง/ปี. – สำนักข่าวไทย “กอบกาญจน์”ปฏิเสธชาวจีนรวมตัวบอยคอตไม่เดินทางมาท่องเที่ยวไทย ยืนยันกระทรวงฯเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา การท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ล่าสุด ทีเส็บ.เดินหน้าดึงสื่อมวลชนทั่วโลก ร่วมสัมผัสประสบการณ์การจัดงานไมซ์ในไทย เน้นกระจายรายได้ลงท้องถิ่น สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ ทีเส็บ จับมือ 4 พันธมิตร เปิดตัวกิจกรรมประจำปี TCEB International Media Familiarization trip หรือ IMFT 2016 เชิญสื่อมวลชนจากทั่วโลก ร่วมสัมผัสประสบการณ์การจัดงานไมซ์ ในเส้นทางกรุงเทพ-เชียงราย และเชื่อมต่อกับประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นการนำเสนอรูปแบบ และแนวคิดการจัดงานที่หลากหลาย ซึ่งไทยมีจุดเด่น ทั้ง การเป็นศูนย์กลาง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในภูมิภาคเอเชีย เพื่อดึงผู้เข้าร่วมประชุมท่องเที่ยวในท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ชุมชน โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ มีการใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวปกติ ถึง 3 เท่าตัว ขณะที่ครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 59 มีนักเดินทางกลุ่มไมซ์มาไทยเกือบ 500,000 คน สร้างรายได้เกือบ 40,000 ล้านบาท และล่าสุด ICCA เลื่อนอันดับไทยขึ้นมาอยู่ อันดับที่ 27 ประเทศจุดหมายปลายทางในการจัดงานประชุมนานาชาติระดับโลก ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง ตรวจยึดรีสอร์ทหรูเครือข่ายบริษัท ทรานลี่ เทเวิล จำกัด ที่ประกอบธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญเข้าข่ายอั้งยี่บนเกาะยาว พังงา
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยสามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล และจากการตรวจสอบกลุ่มนักท่องเที่ยวพบว่านักท่องเที่ยวชาวจีน ยังเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ช่วงฤดูฝน หรือ กรีนซีซั่น ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจลดลงไปบ้าง แต่นักท่องเที่ยวจีนยังเป็นกลุ่มหลักที่เข้ามาในประเทศ นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ บอกว่าปีที่ผ่านๆมามีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวปีละประมาณ 800,000 คน ขณะที่ไตรมาสแรกของปี 2559 พบว่ามีจำนวนกว่า 200,000 คนแล้ว เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปี 58 ประมาณร้อยละ 40 ที่บ้านดำของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย นักท่องเที่ยวจีนยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ 3,000-4,000 คน ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางต่อมาจากจังหวัดเชียงใหม่ และ ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายอีก 1 วัน การท่องเที่ยวในไทยสามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล เพราะแต่ภูมิภาคมีความแตกต่างกัน ที่จังหวัดพัทลุง เตรียมเปิดจุดชมวิวแห่งใหม่ บริเวณหมู่ 3 ตำบลตะโหมด อำเภอตะโหมด ยามเช้ามองเห็นทะเลหมอก เมฆสวยงาม และแสงอาทิตย์ในยามเย็น จึงเหมาะสำหรับคนชอบวิวธรรมชาติ กระแสนักท่องเที่ยวจีนบอยคอตการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ และ เชียงราย ถูกพูดถึงต่อเนื่องตลอดเดือนที่ผ่านมา และเริ่มเห็นการออกมาเคลื่อนไหวของหน่วยงานต่างๆ ทั้งการทำสติ๊กเกอร์ และข้อความยืนยันว่ายังต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการบอยคอตการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยจริงหรือไม่ ตำรวจท่องเที่ยว พร้อมเจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. กรมสรรพากร และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวม 5 หน่วยงาน เข้าจับกุมบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีนท่องเที่ยวในประเทศไทยในราคาต่ำกว่าทุน โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าปฏิบัติการจับกุมรวม 6 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร และจากการตรวจสอบพบว่า ขบวนการนี้คล้ายกับบริษัท ทลานรี่ ทราเวล จำกัด ที่ถูกจับกุมที่จังหวัดภูเก็ตไปก่อนหน้าที่นี้ คือมีการสวมสิทธิบัตรประชาชนคนไทยในการเปิดธุรกิจ บริษัทฝูอัน ทราเวล จำกัด ถนนศรีอยุธยา ย่านพญาไท กรุงเทพมหานคร จุดนี้เป็นเป้าหมายแรกของตำรวจท่องเที่ยว / เจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยว / เจ้าหน้าที่ ปปง. / เจ้าหน้ากรมพัฒนาธุรกิจการค้า และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เข้าตรวจค้น หลังสืบสวนสอบสวนพบว่าเปิดบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญให้บริการนักท่องเที่ยวต่ำกว่าทุน จากการตรวจค้นในขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวของบริษัทฝูอัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นเครือข่ายของบริษัทฝูอิน อีก 5 จุด คือบ้านพักในหมู่บ้านธนากร / บ้านพัก หมู่บ้านมัณฑนา / หมู่บ้านศุภาลัยวิลล์ / หมู่บ้านเกตุนุติเชอมิเน่ / และบ้านพักในซอยจรัญสนิทวงศ์ รวม 6 จุด ก่อนจับกุมนายสมเกียรติ คงเจริญ / นางธวัล แจ่มโชคชัย / นายธนากฤต รินรัตน์ และนายภูวดล สุขเจริญ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอั้งยี่ และการสวมบัตรประชาชนคนไทยในการเปิดทำธุรกิจ คือข้อหาร่วมกันทำ ใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือกระทำการเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการอย่างใดในทะเบียนหรือเอกสารทะเบียนบ้านโดยมิชอบ พฤติการณ์ของบริษัทฝูอิน แห่งนี้คล้ายกับ บริษัท ทลานรี่ ทราเวล จำกัด ที่ถูกตำรวจท่องเที่ยวจับกุมได้ที่จังหวัดภูเก็ตก่อนหน้านี้ คือ เปิดบริษัททำธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญครบวงจร รับนักท่องเที่ยวคนจีนจำนวน 2,000 คนต่อเดือน ในราคาต่ำกว่าทุน คือเมื่อนักท่องเที่ยวเดินมาท่องเที่ยวในประเทศไทย แม้ว่าจะจ่ายเงินค่าทัวร์มาในราคาถูก จากนั้นบริษัททัวร์ และไกด์ กลับมาบีบบังคับให้นักท่องเที่ยวจ่ายเงินค่าโปรแกรมทัวร์ และสินค้าที่ระลึกในราคาแพงเกินจริงเพื่อนำส่วนต่างมาเป็นค่าทัวร์ ส่วนมัคคุเทศก์ หรือไกด์ที่ทำหน้าที่ในการนำเที่ยวของบริษัทฝูอิน มีจำนวนหมุนเวียนกว่า 500 คน ในจำนวนนี้ คาดว่า 30 คนเป็นคนจีนมาสวมสิทธิ์บัตรประชาชนคนไทย พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า วิธีการสวมบัตรประชาชนคนไทยของผู้ต้องหา คือการสวมสิทธิบัตรของคนตายในจังหวัดสุโขทั นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังตรวจสอบพบว่า นายสมเกียรติ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ยังเปิดบริษัททัวร์อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกัน ข่าว 7 สี - นี่คือคำสารภาพของ 1 ในผู้ต้องหาสวมบัตรประชาชน ที่ถูกตำรวจท่องเที่ยวจับพร้อมกับเจ้าของบริษัท ฝูอัน ทราเวล เมื่อเช้านี้ ในข้อหาสวมบัตรประชาชน จดทะเบียนธุรกิจท่องเที่ยวในราคาต่ำ เขายอมรับว่าใช้บัตรประชาชนใบนี้มากว่า 20 ปี โดยมี นางธวัล แจ่มโชคชัย กรรมการผู้จัดการบริษัทฝูอัน ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกจับพร้อมกัน เป็นคนดำเนินการให้ โดยไม่รู้มาก่อนว่าถูกสวมบัตร จากการตรวจสอบในเชิงลึก ตำรวจยังพบว่า นางธวัล ไม่ได้เป็นแค่ผู้จัดหาและสวมบัตรให้ นายธนากฤต คนเดียว แต่ยังสวมบัตรให้กับเจ้าของบริษัท และมัคคุเทศน์ในบริษัทอีกว่า 30 คน จากจำนวนที่มี 500 คน ทั้งยังมีความเกี่ยวพันกับคดีที่ พระสมชายเตชโต แจ้งร้องทุกข์ว่าถูกสวมชื่อบัตรประชาชน หลังบวชเป็นพระภิกษุเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาด้วย งานนี้ ส่วนป้องกันและปราบปรามการทุจริตการทะเบียนและบัตรกรมการปกครอง ยอมรับ สอบแล้วมีมูล จึงสั่งเพิกถอนบัตร และเอาผิดเจ้าหน้าที่ทะเบียนก่อนเบื้องต้น ส่วนจะพัวพันกับใครอีกต้องขอเวลาสอบสวน ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว บอกว่า นอกจากจดทะเบียนนำเที่ยว โดยใช้เอกสารเท็จพฤติกรรมของผู้ต้องหากุล่มนี้ ยังเข้าข่ายอั้งยี่ ฟอกเงิน ซึ่ง ปปง.กำลังรวบรวมเอกสาร เพื่อยึดทรัพย์ต่อ ถือเป็นการบูรณาการแก้ปัญหา โดยเฉพาะคดีสวมบัตรประชาชน ที่ทำลายภาพพจน์การท่องเที่ยว และสิทธิของคนไทยโดยชอบธรรม กรมการท่องเที่ยว ยอมรับ การตรวจสอบเอกสารจดทะเบียนต้นทางค่อนข้างยาก แต่หากพบก็พร้อมเพิกถอน และเอาผิดในคดีอาญา จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะไม่ว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาไทยเกิน 15 ล้านคน แต่หากเลี่ยงจ่ายภาษีก็ไร้ประโยชน์ ที่ต้องแลกกับทรัพยากรที่สูญเสียไป
กรุงเทพฯ 3 ส.ค.-ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ย่านห้วยขวาง ได้รับการขนานนามว่าเป็นนิวไชน่าทาวน์ จากการที่มีชาวจีนมาพักอาศัยและทำธุรกิจอยู่อย่างหนาแน่นตั้งแต่ปลายปี 57 จนถึงปัจจุบัน นักวิจัยจากจุฬาฯ ระบุว่าส่วนใหญ่เป็นชาวจีนรุ่นใหม่ เป็นจีนกวางสีและจีนยูนนาน และเรียกว่านักท่องเที่ยวที่ย้ายถิ่นฐานชั่วคราว ที่ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญตลอดแนวจนไปถึงจุดตัดถนนประชาอุทิศ ในยามค่ำคืนมักคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจีนที่ออกมาท่องเที่ยวหาร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก สังเกตได้จากป้ายร้านค้าต่างๆ ที่เขียนเป็นภาษาจีนเป็นส่วนใหญ่ตลอดสองข้างทาง บางคนเรียกย่านนี้ว่า นิวไชน่าทาวน์ หรือสมอล์ไชน่าทาวน์แห่งเขตห้วยขวาง ถนนสายหลัก 3 เลนนี้ยังมีตรอกซอกซอยที่เป็นแหล่งหารายได้ของธุรกิจชาวจีน ด้านล่างของแต่ละอาคารเปิดเป็นร้านหลากหลาย เช่น ร้านอาหารจีน ร้านขายของที่ระลึกจากไทย ร้านเครื่องสำอาง หมอนยางพารา สินค้าเหล่านี้เป็นที่นิยมอย่างมากของชาวจีนที่มาท่องเที่ยวหรือมาทำงานในไทยแล้วซื้อกลับไปเป็นของฝาก หรือนำไปขายต่อ สินค้าในร้านของคนไทยจะมีราคาสูงกว่า เช่น หมอนยางพารา คนไทยขายใบละ 800 บาท คนจีนขายใบละ 700 ยาหม่อง คนไทยขายแพ็กละ 400 บาท คนจีนขาย 180 บาท ซื้อมากมีส่วนลด และมีการตัดราคากันเองผ่านโซเชียลมีเดียวีแชท สินค้าไหนขายดีจะมีการซื้อมาขายแข่ง ส่วนด้านบนของอาคารมีการซอยแบ่งเป็นห้องเช่ารับผู้เข้าพักรายวัน รายเดือน ราคาตั้งแต่ 100-700 บาทต่อคืน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีนสะพายเป้ที่รู้จักกับชาวจีนที่มาทำงานและอาศัยอยู่ในไทย นักวิจัยจากสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ ศึกษาเรื่อง “ชุมชนชาวจีนรุ่นใหม่ในกรุงเทพฯ” ให้ข้อมูลว่า ชาวจีนเริ่มเข้ามาปักหลักในย่านนี้ตั้งแต่ปี 56 โดยกลุ่มนักศึกษาและครูอาสาสมัครชาวจีน จากนั้นเริ่มมีร้านอาหารและธุรกิจอื่นตามมา และเริ่มปรากฏชัดขึ้นเมื่อปลายปี 57 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อคนจีนเข้ามามาก การเสนอค่าเช่าให้แก่เจ้าของอาคารเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้เช่าจีนได้ยึดครองพื้นที่ทำธุรกิจ และคนไทยที่เคยอยู่แต่เดิมก็ต้องทยอยย้ายออกไป ร้านทำผมร้านนี้เปิดมากว่า 3 ปี มีเจ้าของเป็นคนไทย และอยู่ในพื้นที่มายาวนาน เล่าว่า เดิมมีแต่ลูกค้าคนไทย ระยะหลังตั้งแต่ปลายปี 57 จนถึงปัจจุบัน แทบจะไม่มีลูกค้าคนไทย มีแต่ลูกค้าจีน โดยเฉพาะไกด์จีน มีอยู่บ้างที่ได้ยินว่าชาวจีนจะมาเป็นช่างทำผม แต่มีข้อห้าม เพราะเป็นอาชีพสงวนของคนไทย งานวิจัยชี้ว่าในย่านห้วยขวางเป็นชาวจีนรุ่นใหม่ที่เข้ามาศึกษา มาทำงาน หรือเป็นนักท่องเที่ยวที่ย้ายถิ่นฐานชั่วคราว ส่วนใหญ่เป็นจีนกวางสี จีนยูนนาน เมื่อเห็นช่องทางก็จะเรียกครอบครัวให้ตามมาทำธุรกิจ หารายได้ เป็นการตั้งถิ่นฐานลักษณะใยแมงมุม คือกำหนดให้ถนนประชาราษฎ์บำเพ็ญเป็นศูนย์กลาง ทั้งระบบร้านค้าจีนเพื่อคนจีน และระบบโลจิสติกส์ ส่งสินค้ากลับไปขายในจีน นักวิจัยไทยตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อชาวจีนย้ายมาลงทุนทำธุรกิจในไทยเพิ่มมากขึ้น ทางการไทยมีนโยบายเชิงรุกรองรับความเติบโตและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในฐานะเจ้าของพื้นที่ในอัตราส่วนที่เหมาะสมได้แค่ไหน อย่างไร.-สำนักข่าวไทย จนท.เข้าตรวจค้นบริษัทซินหยวน ทราเวล จำกัด หลังพบคนจีนสวมบัตรเปิดบริษัททัวร์ สืบพบคนไทยอยู่เบื้องหลัง พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานตรวจสอบการฟอกเงิน เรื่องหลักๆ ที่สถานทูตจีนประจำประเทศไทย ได้เชิญสื่อมวลชนไทย ชี้แจงปมประเด็น และความสัมพันธ์ 2 ประเทศ ทั้งเรื่องทะเลจีนใต้ และกระแสบอยคอตของนักท่องเที่ยวจีนมาเมืองไทยลดลง วันนี้ไปฟังการเปิดใจ ท่าน หนิง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย รวมทั้งอุปทูตจีน ที่ยืนยันว่าแม้จะมีกระแสข่าวต่างๆ แต่ยังเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีนจะมาเมืองไทยปีนี้ เป็นสถิติทะลุ 10 ล้านคน
ข่าว 7 สี - พลตำรวจตรีสุรเชษฐ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยวพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ได้เข้าอายัดทรัพย์ บริษัท ชินหยวนทราเวล จำกัด ย่านพระรามเก้า หลังกานสอบสวนขยายผลการจับ บริษัท ฝูอัน พบว่าทั้ง 2 บริษัทมีความเกี่ยวพันกัน โดยวันนี้ นายสมเกียรติ คงเจริญ ผู้บริหารบริษัท ที่สวมบัตรประชาชนคนไทยมาจดทะเบียนบริษัท ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัว ได้เข้าชี้แจงรายละเอียดต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมกับเปิดตู้เซฟให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ภายในตู้เซฟพบว่า มีเอกสารสำคัญของบริษัทที่เกี่ยวกับการเงินและสมุดเช็คอีกนับ 10 เล่ม นอกจากนี้ยังพบถุงเครื่องประดับ ซึ่งบางส่วน นายสมเกียรติ อ้างว่าเป็นของลูกทัวร์ที่นำมาฝากไว้ พร้อมกับปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บริษัท ฝูอัน ผู้จัดตั้งมาก่อน นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้นำหนังสือเพิกถอนการจดทะเบียนธุรกิจ 2 ฉบับ มาแจ้งให้ผู้บริหารของบริษัทรับทราบ และให้หยุดดำเนินการนำเที่ยวทุกกรณี โดยที่ผ่านมาตำรวจพบว่าบริษัทแห่งนี้นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาในประเทศไทยเฉลี่ยเดือนละ 4,000-5,000 คน โดยจากนี้ทาง ป.ป.ง. จะรวบรวมทรัพย์สินของบริษัททั้ง 3 แห่ง เพื่อนำไปตรวจสอบและแยกประเภทว่ามีความเกี่ยวพันกันอย่างไร ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าทรัพย์สินที่ยึดมามีไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ไทยเตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าชนิด On Arrival 2 เท่า จาก 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท เดือนกันยายนนี้ แก้ปัญหาการต่อคิวขอวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง นักท่องเที่ยวที่จะกระทบ รวมถึงจีน อินเดีย ไต้หวัน และซาอุดีฯ กระทรวงการต่างประเทศของไทยประกาศเตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าชนิด On Arrival (ออน แอไรวัล) 2 เท่า จากเดิม 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท โดยจะเริ่มการเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่ในเดือนกันยายนนี้ ทางการไทยให้เหตุผลว่าการขึ้นค่าธรรมเนียมเป็นการแก้ปัญหาการต่อคิวขอวีซ่า ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง หลังจากที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวขอวีซ่าชนิด On Arrival กันมาก ทำให้เสียเวลาที่ด่านมากเกินไป นักท่องเที่ยวที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่าในครั้งนี้ ได้แก่จีน ,อินเดีย ,ซาอุดีอาระเบีย ,ไต้หวัน, ภูฏาน, ยูเครน ,อุซเบกิสถาน, แอนดอร์รา,ซานมาริโน ,โรมาเนีย ,มอริเชียส ,มอลตา ,ลิธัวเนีย ,ลัตเวีย ,คาซักสถาน ,เอธิโอเปีย ,ไซปรัส ,บัลแกเรีย และมัลดีฟส์ Hotels.com เผยผลสำรวจการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน พบว่า ไทยติดอันดับ 2 ของประเทศ ที่ชาวจีนนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว โดย Hotels.com ซึ่งเป็นเวปไซด์ค้นหาที่พักอันดับต้น ๆ ของโลก เผยว่า จากสถิติการจองห้องพักผ่านเว็บไซต์ Hotels.com ในสาธารณรัฐประชาชนจีน พบว่า ประเทศที่ชาวจีนนิยมเดินทางไปมากที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือ สหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยประเทศไทย ขณะที่เมืองที่ชาวจีนจองห้องพักมากที่สุด 2 อันดับแรก คือ ฮ่องกง และกรุงเทพฯ ส่วนเชียงใหม่ ติดเข้ามาในเมืองยอดนิยม 10 อันดับเป็นครั้งแรก ไทยยังติดอันดับ 6 ของประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากที่สุด โดยมีออสเตรเลียนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยญี่ปุ่น และฮ่องกง และไทยยังเป็นประเทศที่ให้การต้อนรับแบบเป็นมิตรมากที่สุด เป็นรองแค่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และออสเตรเลีย แต่ที่น่าสนใจ คือ กลุ่มที่ท่องเที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล หรือ อายุต่ำกว่า 35 ปีลงมา มีแนวโน้มเติบโตมากที่สุด โดยคนกลุ่มนี้ มีการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวต่อวันสูงถึง 474 เหรียญสหรัฐฯ หรือ ราว 16,000 บาท หรือ ใช้จ่ายเงินถึง 27% ของรายได้ต่อปีไปกับการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับชาวจีนกลุ่มอื่น ๆ
ตำรวจท่องเที่ยว ปปง.และทหาร เข้าตรวจค้นร้านจิวเวอร์รี่ 5 แห่งในเครือของบ.รอยัลเจมส์ ย่านลาดกระบัง ไปติดตามจาก สรารัตน์ รัตนสุวรรณ รัฐบาลสั่งเจ้าหน้าที่ปราบทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจัง ระบุทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย นายกรัฐมนตรี ชื่นชม เจ้าหน้าที่ในการจับกุมผู้ประกอบธุรกิจด้านทัวร์นำเข้าชาวต่างชาติ "ศูนย์เหรียญ" ที่ไม่ทำตามกฎหมายไทย เน้นสนับสนุนธุรกิจที่ถูกต้อง พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชมเชยผู้ปฏิบัติงานทุกคน ที่ช่วยแก้ปัญหาและจับกุมทัวร์ศูนย์เหรียญ พร้อมกำชับให้เร่งเดินหน้าปูพรม เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง หากพบธุรกิจที่เข้าข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ ให้แจ้งศูนย์ดำรงธรรม หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจทันที รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการประกอบธุรกิจที่ถูกกฎหมาย และจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้กระทำผิดในทุกกรณี ที่ผ่านมาตำรวจท่องเที่ยวจับกุมเจ้าของ 2 บริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ ที่นำรายได้ทั้งหมดส่งกลับจีนผ่านนายหน้า ในความผิดฐานสวมบัตรประชาชนคนไทย เข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งบริษัททัวร์ และความผิดฐานอั้งยี่ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานหลักในการยึดทรัพย์ของ ปปง. พร้อมขยายผลตรวจพบต้นทางขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่เป็นบริษัทคนไทย อาทิ รถทัวร์ บริษัทจิวเวลรี่ บริษัทเครื่องหนัง บริษัทอาหาร ยาบำรุงสุขภาพ และร้านอาหาร ในเครือ โดยให้บริษัทคนจีนนำลูกทัวร์เข้าไปใช้บริการรถทัวร์ และ ร้านเหล่านี้ จะเก็บเงินจากลูกทัวร์ที่เข้าใช้บริการเพิ่มอีกประมาณร้อยละ 35 ของเงินค่าแพคเกจทัวร์ที่เก็บไปแล้วเบื้องต้น ทำให้เงินหลายพันล้านบาทไม่ได้ชำระภาษีอย่างถูกต้อง ข่าว 7 สี - 2 ผู้บริหารบริษัทในเครือรอยัลเจมส์มอบตัวกับตำรวจ หลังถูกเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยเข้าค้นธุรกิจในเครือ 5 แห่ง ที่มีความเกี่ยวข้องกับทัวร์ศูนย์เหรียญ นางนิสา รุ่งโรจน์รังสี และนายสุวรัตน์ รุ่งโรจรังสี สองผู้บริหารบริษัทในเครือรอยัลเจมส์ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อรับทราบข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว หรือนักท่องเที่ยว และความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ หลังถูกตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ทหาร สรรพากร กรมการท่องเที่ยว และ ปปง. เข้าตรวจสอบธุรกิจในเครือ 5 แห่ง ประกอบด้วยร้านจำหน่ายอัญมณี เครื่องหนัง ยาสมุนไพร ร้านอาหาร และบริษัทรถเช่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นทั้ง 2 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมกับยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทขอประกันตัวไป การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการจับกุมบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญที่ใหญ่ที่สุดในไทย สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมาก ซึ่งจะต้องมีการระดมกวาดล้างอย่างต่อเนื่องต่อไป ข่าว 7 สี - ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมชาวต่างชาติที่หลบหนีคดีเข้ามากบดานในไทย ซึ่งเพียงแค่ 6 วันสามารถจับกุมส่งกลับประเทศได้กว่า 11,000 คน พลตำรวจโทณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลระดมกวาดล้างอาชญากรต่างชาติหลบหนีเข้าไทย คดีแรกจับกุมนางหวาง เจี่ยนหลาน, นางจาง จิงจิง และนางเจียง แหย่เหม่ย สัญชาติจีน ผู้ต้องหาที่ร่วมกันฉ้อโกงภาษีรัฐบาล 210 ล้านหยวน หรือกว่า 1,000 ล้านบาท และยังร่วมกันลักลอบนำเข้าสารทำความเย็นที่ใช้ในอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นสารต้องห้ามในประเทศจีน โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต และคอนโดมิเนียมในจังหวัดภูเก็ต รายที่สองจับกุมนายสมอลนิคอฟ สัญชาติรัสเซีย เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ผู้ต้องหาตามหมายจับสากล ข้อหาฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสารก่อสร้างของรัฐบาลและติดสินบนเจ้าหน้าที่ โดยตำรวจไปจับกุมตัวได้ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆได้แก่นายมาร์คูส แอนเดย์ ชาวเยอรมนี ผู้ต้องหาหลบหนีหนี้และหมายจับศาล โดยรายนี้จับกุมตัวได้ที่จังหวัดชลบุรี อีกรายคือนายปาทริส จิเลียนา ชาวฝรั่งเศส ผู้ต้องหาที่ข่มขืนลูกสาวแล้วถูกศาลสั่งจำคุก 15 ปี โดยรายนี้จับกุมได้ที่ย่านชนะสงคราม กรุงเทพฯ สำหรับการระดมกวดขันจับกุมชาวต่างชาติที่อยู่ในไทยเกินกำหนดระหว่างวันที่ 19 ถึง 25 สิงหาคมที่ผ่านมา สามารถจับกุมตัวได้กว่า 11,275 ราย
ตร.ท่องเที่ยวเดินหน้ากวาดล้างบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดค้นบริษัทย่านร่มเกล้าหลังปชช.ร้องเป็นบริษัททัวร์ด้อยคุณภาพ วันนี้(29 ส.ค.59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตำรวจตำรวจท่องเที่ยวนำกำลังเข้าตรวจค้น บริษัท เหลียนไท่ทราเวลกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ภายในหมู่บ้าน เวล่า เลขที่2/86 และ 2/87 ซอยรามคำแหง 158/1 แขวงและเขต สะพานสูง กรุงเทพมหานคร ซึ่งอาคารดังกล่าวเป็นตึกแถว 3 ชั้น 2 คูหา โดยชั้นล่างเปิดเป็นออฟฟิศบริษัททัวร์ มีพนักงานชาวไทยและจีนกว่า 20 คน หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ใช้บริการว่าเป็นบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญด้อยคุณภาพ โดยพ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่า จากข้อมูลของตำรวจทราบว่า บริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจทัวร์ ซึ่งใช้มัคคุเทศต่างชาติเป็นไกด์นำเที่ยวไปปยังสถานที่ต่างๆ โดยไม่ให้นักท่องเที่ยวมีส่วนตัดสินใจ อย่างไรก็ตามภายหลังการตรวจค้นตำรวจจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมสรรพากร ตรวจสอบเอกสาร บุคคลและโปรแกรมการนำเที่ยวรวมถึงสินค้าต่างๆ เบื้องต้นตำรวจแจ้งจ้างบุคคลต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนความผิดเกี่ยวกับบริษัททัวร์ อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ บริษัท เหลียนไท่ทราเวลกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด มีใบอนุญาตในการประธุรกิจนำเที่ยว ใช้ชื่อนางเสี่ยวเจิง แซ่หลง และนางวันเพ็ญ แซ่เล้า เป็นกรรมการบริษัท ซึ่งยังพบว่านางเสี่ยวเจิง ยังเป็นกรรมการในบริษัท โกลเบิล ทราเวล กรุ๊ป ประเทศไทย จำกัด ซึ่งมีที่ตั้งเดียวกัน แต่ต่อมาได้แจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัทให้อีกบุคคลหนึ่งที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่ไม่ได้แจ้งกรมการปกครอง และนางเสี่ยวเจิงปฎิเสธไม่ทราบที่มาของบริษัทดังกล่าว ทำให้ตำรวจพบพิรุธ จึงประสานกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเข้าตรวจสอบถึงการโอนหุ้น ซึ่งอาจจะเข้าข่ายนอมินี เพราะพบว่า สามีของนางเสี่ยวเจิงเป็นชาวจีน และยังเป็นมีความเชื่อมโยงกับ บริษัท ฝู อัน และ ซินหย่วน ทราเวล ซึ่งประกอบธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่ถูกตรวจค้นก่อนหน้านี้ ข่าว 7 สี - ตำรวจเข้าตรวจค้นบริษัทแม่ของขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญพบว่าเปิดมากว่า 30 ปี ขยายบริษัทเครือข่ายไปอีกกว่า 80 บริษัท พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบริษัท รอยัล เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่ทำกิจการทัวร์ศูนย์เหรียญ และ บริษัทจำหน่ายสมุนไพร และจำหน่ายเครื่องหนัง อีก 2 แห่ง ย่านลาดกระบัง โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบเอกสารต่างๆ ของบริษัท เพื่อนำไปใช้ประกอบสำนวนคดีการจับกุมปราบปรามบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญที่มีการจับกุมไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบเอกสารประจำตัวของพนักงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนว่ามีการเข้ามาทำงานในไทย และได้รับอนุญาตให้ทำงานถูกต้องหรือไม่ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า บริษัทที่เข้าตรวจค้นในวันนี้ ถือว่าเป็นบริษัทที่ทำทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นยุคแรกๆ ที่ดำเนินกิจการมาประมาณ 30 ปี และขยายเครือข่ายออกไปอีกเกือบ 80 บริษัท ทำให้เงินที่นักท่องเที่ยวนำมาใช้จ่ายไปตกอยู่กับกลุ่มนายทุนต่างชาติ เป็นการทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไทย โดยหลังจากนี้ จะเร่งจับกุมปราบปรามบริษัทของขบวนการที่เหลืออยู่ต่อไป นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมามีการจับกุม บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด พร้อมกับตั้งข้อหากร่วมกันกระทำการเป็นอั้งยี่และร่วมกันทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลในการกวาดล้างการใช้ตัวแทนอำพราง หรือ นอมินี ต้นตอของปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญให้หมดไป ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทท่องเที่ยวที่รับนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากมาประเทศไทย จึงอาจจะทำให้เกิดกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้ทางกระทรวงฯ วาง 4 มาตรการไว้รับมือ เรื่องแรก คือ การสื่อสารกับหน่วยงานใหญ่ด้านการท่องเที่ยวของจีนเพื่อให้รับทราบการดำเนินการของรัฐบาล โดยในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ได้ส่งจดหมายเชิญรองประธานองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวจีน (ซีเอ็นทีเอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานใหญ่ที่สุดที่กำกับดูแลการท่องเที่ยวของจีนมาเยือนไทย พร้อมกับเชิญกงสุลใหญ่ของจีนในไทยเข้าร่วมประชุมหารือ มาตรการที่ 2 หลังจากการหารือได้ข้อสรุปจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจร่วม (เอ็มโอยู) ความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เกิดการตั้งคณะทำงานและติดตามความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม มาตรการที่ 3 คือการวางแผนรับมือในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวจีนตกค้าง เป็นผลมาจากการระงับการทำธุรกรรมของบริษัทนำเที่ยวดังกล่าว หรือมีการอายัติทรัพย์สิน เช่น รถโดยสาร โดยได้ประสานกับบริษัทนำเที่ยวของไทยที่มีรถโดยสารพร้อมให้บริการทดแทนแล้ว ส่วนมาตรการที่ 4 เป็นการรับมือต่อเนื่องในระยะยาว ผ่านการแก้ไขกฎหมายประกอบ พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก ททท.สำนักงานพัทยาว่า ยอดนักท่องเที่ยวจีนลดลง 20-30% จึงสั่งการให้สำนักงานไปตรวจสอบสาเหตุให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเป็นเพราะการจับกุมทัวร์รายใหญ่ที่เข้าข่ายนอมินีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือเป็นเพราะสาเหตุอื่น ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าระบบทัวร์ศูนย์เหรียญจะเน้นให้บริการรถโดยสารขนาดใหญ่ฟรี แลกกับการนำนักท่องเที่ยวไปแหล่งช้อปปิ้งที่กำหนด ซึ่งทำให้บริษัทนำเที่ยวสามารถประหยัดต้นทุนค่ารถไปได้ราว 5 หมื่นบาทต่อกรุ๊ป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภาคเอกชนมีการเตรียมรับมือรองรับนักท่องเที่ยวแล้ว ไม่น่ามีผลทำให้ตลาดจีนลดลงแต่อย่างใด โดยเฉพาะวันหยุดประจำชาติจีนตอนเดือนตุลาคมนี้ รับทราบจากรายงานว่ายอดจองเข้ามาไทยยังคงโอเวอร์บุ๊กกิ้งอยู่ สำหรับเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยในปี 2559 วางไว้ที่ประมาณ 10 ล้านคน ข่าว 7 สี - กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินหน้าปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญทำลายการท่องเที่ยวเมืองไทย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีเอาผิดกับเครือข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญรายใหญ่ที่สุดที่ใช้คนไทยเป็นตัวแทน หรือ นอมินี จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโอเอทรานส์ปอร์ต รับลูกทัวร์ชาวจีนวันละ กว่า 2 หมื่นคน มีรถทัวร์กว่า 3 พันคัน แต่เงินได้ไม่เข้าประเทศ ล่าสุด คดีอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับผู้บริหาร ในข้อหา"ร่วมกันกระทำการเป็นอั้งยี่ และร่วมกันทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว" และเร่งสอบสวนขยายผล หาความเชื่อมโยงกับนอมินีของจีน รวมถึงประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อยึดทรัพย์ต่อไป และในภาพรวมการกวาดล้างจับกุมทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำได้ร้อยละ 80 ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ หมดปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ การท่องเที่ยวเป็นความหวังที่ภาครัฐใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ และมีการทุ่มงบประมาณผลักดันการท่องเที่ยวไปไม่น้อย ติดตามรายงานจาก คุณจุฬารัตน์ ม่วงแก้ว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตอย่างก้าวกระโดด ภาครัฐใช้งบประมาณกระตุ้นการท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท ทั้งทำการตลาด และประชาสัมพันธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยว จนปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเกือบ 30 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1.44 ล้านล้านบาท กว่า 70 % ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา ยังคงเป็นกลุ่มเดิม เที่ยวที่เดิม จึงต้องดึงไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อลดความแออัด และกระจายรายได้ไปยังท้องถิ่นต่าง ๆ ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นหลายครั้ง กระเทือนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเป็นช่วง ๆ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ ว่าการท่องเที่ยวไทยยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ดี และตอกย้ำว่าประเทศไทย เป็นอันดับ 2 ของโลก ที่นักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวมากที่สุด โดยปลายเดือนนี้ ไทยยังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมท่องเที่ยวโลกด้วย ล่าสุดปัญหา "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" กำลังจะได้รับการแก้ไข เพื่อปรับฐานธุรกิจท่องเที่ยวไทย ให้รายได้เข้าสู่ประเทศอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะที่ การท่องเที่ยวในประเทศยังเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคนไทยเริ่มมองหาที่เที่ยวใหม่ ๆ มากขึ้น แม้ประเทศไทยจะมีจุดแข็งด้านการท่องเที่ยว แต่ยังจะต้องฝ่าฝันอุปสรรคอีกมาก เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท ในปีนี้
หลังจากเปิดเส้นทาง R3A พบว่า การท่องเที่ยวทางรถยนต์โดยเฉพาะชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น แต่เมื่อกรมการขนส่งทางบกได้ประกาศหลักเกณฑ์การขออนุญาตให้รถต่างประเทศเข้าไทยก็พบว่า อยู่ระหว่างปรับตัว แต่ในระยะยาว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เชื่อมั่นว่าตลาดท่องเที่ยวทางรถยนต์จะกลับมาคึกคักอีกอย่างแน่นอน เส้นทาง R3A จากมณฑลยูนนาน เข้าลาวที่หลวงน้ำทา เข้าไทยที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย นับเป็นเส้นทางท่องเที่ยวทางรถยนต์ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ไม่เฉพาะใช้ขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่เป็นเส้นทางสำคัญที่ททท.หวังกระตุ้นให้ชาวจีนซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวหลักอันดับ 1 ที่มาเที่ยวเมืองไทยมากที่สุด โดยนักท่องเที่ยวที่นำรถยนต์ส่วนตัวมาถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพและมีรายได้ใช้จ่าย หากดูย้อนหลังตั้งแต่ปี 2556-2558 นักท่องเที่ยวชาวจีนผ่านเส้นทางนี้ มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาสูงถึง 9,248 คัน ในจำนวนนักท่องเที่ยว 58,102 คน สำหรับการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยด้วยรถยนต์ผ่านจุดพรมแดนต่าง ๆ ปัจจุบันกรมขนส่งทางบกได้มีระเบียบ กฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยนักท่องเที่ยวจะต้องยื่นเอกสารที่แปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยเท่านั้น เช่น สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาใบอนุญาตขับรถ รายละเอียดการเดินทาง หนังสือรับรองการตรวจสภาพรถ สำเนาหลักฐานการเอาประกันภัย โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ได้รับการรับรองเป็นผู้ยื่นเอกสารและขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการ ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน กรณีผู้ขับรถมีใบอนุญาตขับรถที่กฎหมายไทยไม่รับรอง จะต้องอบรมความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจร มารยาทขับรถของประเทศไทยด้วย 24 และ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจท่องเที่ยว 3 กองร้อย สนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจค้นบ.รอยัลเจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัทในเครือรวม 5 บริษัท การตรวจค้นในวันนั้น กระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย นำมาสู่การประชุมสมาคมท่องเที่ยวไทย-จีนบ่ายวันนี้ ไปติดตามจากรายงานครับ ปฏิบัติการตรวจค้นร้านจิวเวอร์รี่ ในเครือบ.รอยัลเจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล 5 แห่ง ย่านลาดกระบัง ตำรวจท่องเที่ยว 3 กองร้อย สนธิกำลังทหาร ปปง. ดีเอสไอ นำหมายค้น และหมายจับศาลอาญาในข้อหาอั้งยี่ ตรวจหาสิ่งผิดกฎหมาย ตำรวจแจ้งต่อศาลเพื่อขอหมายค้น บ.รอยัลเจมส์ เกี่ยวข้องกับ บ.ฝูอัน ทราเวล ย่านพญาไท ที่ตำรวจนำกำลังเข้าจับกุมชาวจีน 4 คน พบสวมบัตรประชาชนคนไทย เปิดธุรกิจนำเที่ยว ปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระจายกำลังเป็น 5 ส่วน ค้น 5 จุดพร้อมกัน ท่ามกลางนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก กำลังจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าภายในร้าน ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจค้น "ชาติชัย โรจน์รุ่งรังษี" บุตรชายผู้บริหารรอยัลเจมส์ ขอทราบเหตุผลการตรวจค้นครั้งนี้ กว่า 6 ชั่วโมง ของการค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย ตำรวจไม่พบอั้งยี่ ไม่พบนอมินีจีน สิ่งที่ยึดไปตรวจสอบคือ ขนมขบเคี้ยว เครื่องสำอางค์ ยาหม่องสมุนไพร และหมอนยางพารา กิตติชัย นาคเกษมถ่ายภาพ สรารัตน์ รัตนสุวรรณ เนชั่นทีวีรายงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มั่นใจรายได้ท่องเที่ยวปีนี้จะอยู่ที่ 2.58 ล้านล้าน เกินเป้าหมายที่วางไว้ หลัง 3 ไตรมาสรายได้ท่องเที่ยวโต 14% และพร้อมรับสถานการณ์ทัวร์จีนหลังจับกุมเครือข่ายศูนย์เหรียญรายใหญ่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.กล่าวถึงตลาดท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ว่า มั่นใจจะมีรายได้รวม 2.58 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีที่แล้ว และสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้คือ 2.41 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.72 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% ในประเทศ 8.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% คาดการณ์ดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นมาจากช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ประเมินว่ามีรายได้ 1.88 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 24.94 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13% รายได้ 1.25 ล้านล้านบาท เติบโต 17% และนักท่องเที่ยวในประเทศ 111 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 4% รายได้ 6.29 แสนล้านบาท เติบโต 6% ส่วนคาดการณ์ไตรมาส 4 รายได้จากการท่องเที่ยว 6.98 แสนล้านบาท เติบโต 16% แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศเดินทาง 9.01 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 15% สร้างรายได้ 4.68 แสนล้านบาท ขยายตัว 19% และตลาดในประเทศ 42 ล้านคน/ครั้ง เพิ่ม 7% รายได้ 2.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4 ตลาดจีนยังจะเป็นตลาดสร้างรายได้สูงสุด ประมาณการณ์รายได้ 1.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% แม้ว่ารัฐบาลจะวางมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างเข้มข้น และล่าสุดมีการจับกุมบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าเครือข่ายทัวร์รายใหญ่ แต่ยังประเมินว่า จะไม่ส่งผลต่อตลาดจีนในปีนี้ที่ตั้งไว้ 10 ล้านคน เชื่อว่า หากกระทบถึงขั้นเลวร้ายที่สุดนักท่องเที่ยวจีนจะหายไปในหลักแสนคนเท่านั้น ผู้ประการท่องเที่ยวยืนยันว่า ไม่มีการบังคับทัวร์จีนให้ซื้อของในร้าน ย้ำกับตำรวจท่องเที่ยว และตัวแทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า ประเทศไทย ไม่มีทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่ประชุมสมาคมท่องเที่ยวไทย-จีน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วม แหล่งข่าวในที่ประชุมเปิดเผยว่า พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลปราบปรามการเอารัดเอาเปรียบทัวร์ต่างประเทศ ขณะนี้แม้แม้รู้ว่าใครคือนอมินี แต่เจ้าหน้าที่ยังเอาผิดไม่ได้ และเมื่อทำธุรกิจร่วมหรือเข้ามาร่วม ผู้นั้นจะผิดด้วยภาวะจำยอม นอกจากนี้ จากการเจ้าร่วมประชุมของ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ได้ยืนยันว่า นักท่องเที่ยวชื่นชมรถทัวร์ไทย ว่าใหม่ และยืนยันว่า ไม่มีการบังคับให้ซื้อของในร้าน และย้ำกับตำรวจท่องเที่ยว และตัวแทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า ประเทศไทย ไม่มีทัวร์ศูนย์เหรียญ สำนักข่าวไทย 5 ก.ย.-การท่องเที่ยวถือเป็นรายได้หลักของประเทศ จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า ทัวร์ชาวจีนคือกลุ่มนักท่องเที่ยวจากเอเชียที่ใหญ่ที่สุดในบ้านเรา ณ ขณะนี้ แต่ที่กำลังเป็นปัญหาคือ รูปแบบกรุ๊ปทัวร์ชาวจีนที่มีอยู่ เกือบทั้งหมดเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือทัวร์คิกแบ็ก เกือบ 20 ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น อย่างในช่วงปี 2540 ที่ราวๆ 700,000 คน/ปี หรือร้อยละ 8 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ค่าใช้จ่ายประมาณ 34,000 บาท/คน/ทริป จนมาถึงปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 7,500,000 คน ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 48,000 บาท/คน/ทริป นำตัวเลขคำนวณแล้วน่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน คิดเป็น 360,000 ล้านบาทเลยทีเดียว จากเหตุผลที่ว่า มีแหล่งท่องเที่ยวที่แตกต่างจากในประเทศจีน ค่าครองชีพถูกกว่า และวัฒนธรรมประเพณีที่ใกล้เคียงกัน เป็นสิ่งจูงใจให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว แบ่งเป็น “กรุ๊ปทัวร์” มากกว่าร้อยละ 70 ที่เหลือร้อยละ 30 เป็นแบบเที่ยวด้วยตนเอง แต่ที่กำลังเป็นปัญหาคือ รูปแบบกรุ๊ปทัวร์ชาวจีนที่มีอยู่ เกือบทั้งหมดเป็น “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” คือ การขายทัวร์แบบขาดทุนต่ำกว่าราคาจริง เมื่อมาถึงเมืองไทยก็ส่งต่อลูกทัวร์ให้บริษัททัวร์ฝั่งไทยอีกทอด โดยไม่จ่ายค่าหัวแม้แต่บาทเดียว จึงเรียกว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ส่วน “ทัวร์คิกแบ็ก” คล้ายๆ ทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่ต่างกันตรงที่ เมื่อถึงไทย บริษัททัวร์ฝั่งไทยยังต้องควักเงินไปจ่ายเพื่อ “ซื้อหัว” นักท่องเที่ยวมาอีกต่อหนึ่ง เหตุนี้ประเทศไทยกลายเป็น “จุดหมายปลายทางราคาถูก” (Cheap Destination) ตรงข้ามกับการภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย ที่จะเป็น “จุดหมายปลายทางที่มีคุณภาพ” (Quality Destination).-สำนักข่าวไทย
เจอสูบเลือดจนหมดตูดกว่าจะรู้ตัวมันขนเงินกลับบ้านไปเท่าไหร่ไม่พอ ยังเอาเงินไปให้มันอีก ทั้งเรือ ทั้งอาวุธ จีนมิตรแท้ไทย พ่องง มึงอะ สมองสลิ่มสมองข้าราชสลิ่ม สมองเหี้.. ดีกว่า