ป้องกันการสร้างความเสียหายรัฐวิสากิจโดยนโยบายประชานิยม คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ประชุมนัดแรกประจำปี2559 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่ประชุม คนร.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ ในขณะที่ก่อนหน้านี้สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ออกมาคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานคณะอนุกรรมการเตรียมการจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อร่าง พ.ร.บ.มีผลบังคับใช้ จะส่งผลต่อรัฐวิสาหกิจใน 4 ด้าน คือ 1. บทบาทการทำหน้าที่ของแต่ละรัฐวิสาหกิจที่ชัดเจนขึ้น ไม่ทำหน้าที่ทับซ้อนกัน 2. มีระบบการประเมินผล การเปิดเผยข้อมูล และมาตรการลดโอกาสทำนโยบายประชานิยมที่ไม่รับผิดชอบ และอาจกระทบต่อฐานะรัฐวิสาหกิจ โดยถ้ารัฐบาลใดจะให้รัฐวิสาหกิจมีนโยบายประชานิยมต้องมีข้อตกลงในการชดเชยให้รัฐวิสาหกิจ 3.การจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ (ซูเปอร์โฮลดิ้ง) เพื่อเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้เผชิญความท้าทาย สามารถแข่งขันในโลกธุรกิจรุนแรงขึ้น เช่น ธุรกิจสายการบินและโทรคมนาคม โดยบรรษัทฯ จะรับโอนหุ้นจากรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในรูปบริษัท เช่น ปตท. ทีโอที การบินไทย และ 4.ยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.นี้ไม่ใช่การแปรรูปหรือลดหุ้นในรัฐวิสาหกิจท แต่เป็นการปฏิรูปให้ยั่งยืน คนร.เร่ง7รสก.แก้ปัญหาภายในมี.ค.59 นอกจากนี้ ที่ประชุม คนร.กำชับรัฐวิสาหกิจ 7 แห่ง ซึ่งในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจมีความคืบหน้า แต่บางประเด็น ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และจำเป็นต้องติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด และจะมีการประเมินผลการดำเนินงานอีกครั้งในเดือน มี.ค.นี้ โดยให้การบินไทย ทำแผนงานและกำหนดเวลาการจัดการตัวแทนจำหน่าย (Agent) ให้มีความชัดเจน รวมทั้งชะลอการจัดหาเครื่องบินที่ยังไม่มีความจำเป็น ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องมีความชัดเจนถึงแหล่งเงินลงทุนในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยืนยันให้เอกชนร่วมลงทุนการเดินรถ
หวังว่าต่อไปรัฐวิสาหกิจจะ ***ไม่เป็นที่ให้นักการเมือง ส่งคนเข้ามาเพื่อหาช่องโกง ***ไม่ให้นักการเมือง ถือเป็นที่วางตำแหน่งตอบแทนพวกขี้ข้า ***มีผู้บริหารที่เก่งพอจะนำพาให้รัฐวิสาหกิจ เจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่เป็นภาระต้องคอยใช้เงินภาษี มาอุดหนุนอยู่ตลอด
ไม่ใช่แค่นักการเมืองเท่านั้นที่เข้ามาแทรกแซงรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการประจำก็พอๆกัน ทั้งจากกระทรวงการคลัง อัยการ ฯลฯ เข้าไปนั่งในบอร์ดของรัฐวิสาหกิจต่างๆ ความรู้ด้านบริหารจัดการไม่มีเลย แต่เป็นคนประเมินผู้บริหาร มีการเรียกรับผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม จริงอยู่ที่ความเป็นมืออาชีพทางการเงิน การคลังและกฏหมายของข้าราชการประจำบางคนเป็นความจำเป็นที่ต้องเข้าไปนั่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ แต่ในทางปฏิบัติ หลายคนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรางวัลเพื่อเข้าไปทำเงินทำทอง เป็นพวกคนบ้านๆที่ไม่ทันโลกปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว ทางผู้บริหารรัฐวิสาหกิจจำเป็นต้องดูแลข้าราชการประจำเหล่านี้ ไม่งั้นการประเมินผลงานผู้บริหารและงบประมาณจะมีปัญหา เงินของรัฐวิสาหกิจที่ต้องปันมาดูแลข้าราชการประจำเหล่านี้ปีหนึ่งๆจำนวนมหาศาล แบบถูกกฏหมายคือต้องพาไป"ดูงาน"ในประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งหลาย นอกจากบินฟรี กินฟรี พักฟรี และเที่ยวฟรีแล้ว ยังมีเงินนอกระบบติดกระเป๋าให้ช้อปปิ้งอีกด้วย แบบกึ่งผิดกฏหมายและผิดกฏหมายคือการเรียกรับผลประโยชน์จากาการจัดซื้อจัดจ้าง การบีบบังคับให้รับเด็กเส้นเข้าทำงาน ฯลฯ ทั้งนักการเมืองและข้าราชการประจำแหละครับ ที่เป็นเห็บหมัดเกาะกินรัฐวิสาหกิจของไทย
ออกกฎหมายกำกับเรื่องการใช้เงินกันเลยทีเดียว ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติร่างพระราชบัญญัติ การเงินการคลังของรัฐ เพื่อกำหนดกรอบวินัยทางการคลัง เพื่อให้การบริหารการเงินของประเทศมีประสิทธิภาพ ยั่งยืนโปร่งใสและตรวจสอบได้ ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังบอกว่า ร่างพรบ.การเงินการคลังของรัฐ พ.ศ...... เพื่อกำหนดวินัยการเงินการคลังเป็นการทั่วไป กำหนดหลักการดำเนินนโยบายการคลัง ทั้งกรอบการคลังระยะปานกลาง 3 ปี ภายใต้วินัยของการคลัง 6 ด้าน คือ กรอบรายได้ รายจ่าย แนวทางจัดทำงบประมาณ การก่อหนี้สาธารระ การบริหารสินทรัพย์ และการบริหารจัดการงบประมาณ ซึ่งกฎหมายนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานของการดำเนินนโยบายการเงินการคลังให้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะปัจจุบันการรักษาวินัยการคลังกระจายอยู่ในกฎหมายหลายฉบับ ทำให้ไม่เห็นตัวลขการใช้เงินงบประมาณของรัฐที่ชัดเจน ดังนั้นหากมีกฎหมายฉบับเดียวที่ครอบคลุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานรัฐสภา ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ องค์กรมหาชน จะทำให้สามารถกำกับการใช้เงินงบประมาณได้แบบบูรณราการ รวมถึงลดการใช้จ่ายเงินงบประมาณโดยไม่คำนึงถึงวินัยทางการคลังระยะปานกลาง คือ 3 ปี ดังนั้นอย่าง การจะออกนโยบายประชานิยมของรัฐบาล ก็ต้องแสดงถึงแนวทางการหารายได้มาชดใช้ด้วย 18 มี.ค.| ข่าว 12.00 น. กระทรวงการคลังแก้ไขกฎหมายสร้างวินัยการเงินการคลังป้องกันการนำเงินภาษีไปใช้โดยไม่ผ่านกระบวนการงบประมาณ แต่ในส่วนองค์กรที่ได้รับเงินจัดสรรตามกฎหมายเดิมไม่ได้รับผลกระทบ
เล่นอยู่ไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งออกกฎหมาย กฎระเบียบ ไม่ให้โอกาสนักการเมืองได้งาบเงินสะดวกๆแบบนี้นี่เอง นักการเมืองถึงได้หาข้ออ้างไม่ให้อยู่ต่อ ขืนให้อยู่นานๆ ไม่ว่าจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ก็อดอยากปากแห้งพอๆกัน เล่นปิดทางหากินกันแบบนี้ จะเอาแรงจูงใจจากไหนไปลงทุน(ซื้อเสียง)เลือกตั้ง
ไม่น่าแปลกใจนะครับว่าทำไมถึงได้เห็นความคิดเห็นของปชช.มากมายที่แสดงออกว่า อยากให้ลุงตู่(รัฐบาลนี้) อยู่นานๆ เพราะได้เห็นผลงาน การทำงานที่ถูกใจ สะท้อนให้เห็นถึงความเอือมระอากับระบบการเมืองที่เข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ มากกว่าจะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติจริงๆ
ผมว่าจับนักการเมืองเดิมๆเอาไปขังซัก 5 ปี ข้อหาทำชาติล่มจมจนเข้าสูวิกฤต แล้วเลือกตั้งใหม่ ห้ามพวกที่เกี่ยวข้อง ญาติ พี่น้อง บริวาร ของพวกที่ติดคุกลงเลือกตั้ง ใครทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล หัวคะแนน จับไปขังรวมกันให้หมด เลือกให้ได้คนที่ต้องทำเพื่อประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง ใครรนอกลู่นอกทางรับคำสั่งใครมาจับติดคุกอีก น่าจะเหลือคนที่เป็นตัวแทนประชาชนได้จริงๆซะที ติดคุกแล้วห้ามประกันนะวะคุณศาล ให้มันรู้เลยว่าการทรยศชาติประชาชนปลายทาวคือติดคุกสถานเดียว ไม่ใช่หาหลักฐานไม่ได้ก็ยกประโยชน์ให้ ถุย
คนที่อยู่มานาน ผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ได้เห็นพัฒนาการด้านการโกงกิน ที่มากขึ้น ซับซ้อนขึ้น ความเสียหายและมีผลกระทบต่อประเทศมากขึ้น ก็คงมีความสะใจแนวคิดของคุณโยธกา เหมือนๆกะคุณ แม้รู้ว่า มันไม่ถูกต้อง และเป็นไปไม่ได้ แต่ความรู้สึกที่ไม่เห็นทางออกในเรื่องนี้(การโกงกิน) มันเลยเกิดการอัดอั้นตันใจพิกล
คือ กระทู้นี้พูดเรื่อง การหาวิธีป้องกันเข้าหาประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจ ผมมองว่าถ้าต้นเรื่องคือนักการเมือง ก็หาวิธีไม่ให้มันคิดโกงกิน เน้นโทษแรงครับ จับติดคุกเลย แล้วให้มันหาวิธีแก้ข้อกล่าวหา ไม่ใช่หาหลักฐานจนมันยอมจำนน ซึ่งนานเกินไป แต่คุกที่กล่าวถึงคงไม่เหมือนกับคุกนักโทษทั่วไป น่าจะสบายกว่าหน่อย หลักคืออย่าให้มันใช้อำนาจบิดเบือนหลักฐานได้ โทษคือคุกสถานเดียว ดังนั้น ถ้าจะเป็นนักการเมือง อย่าแม้แต่คิดโกง คุกรออยู่ อาจต้องใช้ล้านาทั้งประเทศเป็นพื้นที่คุมขัง