รถไฟฟ้าสีชมพู เจ๊งแน่นอน ทำไมมั่นใจขนาดนั้น มาดูได้จากรถตู้ ถามง่าย ๆ ใครมีญาติอยู่ระหว่างแครายกับมีนบุรีบ้าง!?! ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ให้ข้อคิดว่า รถไฟฟ้าสายสีชมพูมูลค่า 53,520 ล้านบาท (http://bit.ly/2rG4qj1) คงเจ๊งอย่างแน่นอน สร้างไป คนสร้างคงได้ประโยชน์ แต่จะเป็นภาระแก่สังคม กลายเป็นการ "ตำน้ำพริกละลายน้ำ" หรือไม่ ลองมาพิจารณาดูได้ แต่ทั้งนี้การมีรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 1 สายก็ล้วนเป็นสิ่งที่ดี เพียงแต่มีสายอื่นที่เร่งด่วนกว่า มีคนใช้มากกว่า กลับไมได้สร้าง อย่างนี้สมควรหรือไม่ จากการสอบถามรถตู้สาย ต.22 วิ่งระหว่างปากเกร็ดกับมีนบุรี ปรากฏว่ามีจำนวนรถตู้ 114 คัน เฉลี่ยแล้วคันหนึ่งวิ่งวันละ 4 เที่ยว รถตู้คันหนึ่งสามารถบรรทุกคนได้ 14 คน แต่ประมาณการไว้ 20 คนเผื่อมีคนขึ้น/ลงกลางทาง และคิดค่าโดยสาร 30 บาท (แต่ลงระหว่างทางมีส่วนลด แต่คิดให้เต็ม) ดังนั้นค่าโดยสารที่เก็บได้ต่อวันคือ 273,600 บาท ถ้าสมมติให้วันหยุดเก็บค่าโดยสารได้ 60% ก็จะได้รายได้ปีละ 68,892,480 บาท โดยประมาณการได้ว่ามีผู้โดยสารวันละ 9,942 คนเท่านั้น แต่ประมาณการว่าหากมีรถไฟฟ้านี้ จะมีคนขึ้นเพิ่มอีก 3 เท่าตัวรวมเป็น 39,767 คน ทั้งนี้ยังไม่คิดว่ารถประจำทางและรถตู้เดิมอาจยังอยู่แต่ลดจำนวนคนใช้บริการลงแต่ทางราชการประเมินไว้ว่าจะมีผู้ใช้บริการวันละ 130,000 คน (http://bit.ly/1Hdbzcu) ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก ในด้านการเงิน โครงการนี้มีมูลค่า 53,520 ล้านบาท แต่รายได้ที่ได้ 68,892,480 บาทนั้น โดยสมมติให้มีรายได้สุทธิเป็น 60% และมีรายได้อื่นนอกจากการเดินรถอีก 60% ของรายได้ของการเดินรถ ก็จะได้กำไรสุทธิในปีแรกที่เปิดดำเนินการประมาณ 264.55 ล้านบาท ซึ่งนับว่าน้อยมาก หากนำเงินจำนวนนี้มาหารด้วยมูลค่า ก็จะมีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำเพียง 0.49% เท่านั้น แม้ในอนาคต รายได้จะมากขึ้นก็ตาม แต่ก็ยังไม่คุ้มค่าอยู่ดี หากศึกษาจากตัวอย่างของรถไฟฟ้า BTS จะพบว่า ภายในระยะเวลา 16 ปีที่ดำเนินการ (พ.ศ.2543-2559) จะพบว่ารายได้เพิ่มขึ้น 4.3 เท่า โดยรายได้เพิ่มขึ้นเป็นแบบเส้นโค้งขึ้น แต่ในกรณีสายสีชมพู หากสมมติให้มีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 4.3 เท่าภายในเวลา 16 ปีเช่นกัน และจนครบ 30 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 5.52 เท่าของรายได้ในปีแรก ก็จะพบว่ารายได้ในปีสุดท้ายจะเพิ่มเป็น 601.82 ล้านบาท หากรายได้ในอนาคตในแต่ละปี ทอนด้วยอัตราคิดลดที่ 3% เพราะถือว่ามีรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอน จึงใช้อัตราคิดลดต่ำ ตามภาวะเงินเฟ้อ ก็จะพบว่า รายได้สุทธิโดยรวมในระยะเวลา 30 ปี เป็นเงินประมาณ 19,123 ล้านบาท โดยนัยนี้ หากรัฐบาลลงทุนทำรถไฟฟ้าสายสีชมพูนี้ด้วยเงินถึง 53,520 ล้านบาท แต่มีรายได้ไม่คุ้มค่า ก็เท่ากับนำเงินภาษีอากรของประชาชนไปให้ประชาชนเฉพาะพื้นที่นี้ใช้กันโดยไม่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง แล้วจะสร้างไปทำไมให้ขาดทุน แต่เชื่อว่าเอกชนที่ลงทุนจะไม่ขาดทุนด้วย เพราะรัฐบาลออกเงินค่าก่อสร้างงานโยธาและเวนคืนให้เสร็จ (ทำไมเป็นแบบนี้) ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1968.htm