เราคงจะหลงลืมกันไป "พรรคแมงสาบ" ก็มีผลงาน อันโด่งดัง อีกหลายอย่าง แต่ว่า"ดังเหมือนตด" นะจ๊ะ คือ "ดังปู๊ดด" กับ "ดังป๊าดด" ผลงานที่โด่งดัง(ปู๊ดด) ชิ้นแรกของพรรคแมงสาบก็คือ "ปรส.หกแสนล้าน" ที่ทำเอาประชาชนคนไทยต้องน้ำตา เช็ดหัวเข่า เพราะแทนที่ผลประโยชน์จากการขายทรัพย์ สินจะตกอยูในมือของประชาชนคนไทย กับตกอยู่ในมือ ของบริษัท ฝรั่งมั่งค่า แถมยังมีผลประโยชน์ทับซ้อน ซะด้วย โดยให้บริษัทที่ปรึกษาของปรส.ไปประมูล ทรัพย์สิน จากทรัพย์สินของสถาบันการเงินต่างๆประมาณ 800,000 ล้านบาท ก็ประมูลขายได้เพียง 200,000 ล้าน บาท ทำให้ประเทศไทยต้องเสียหายจากกรณีดังกล่าว ไปถึง 600,000 ล้านบาท ถ้าจะมองกันด้วยความเป็นธรรม "พรรคแมงสาบ" ก็น่าจะดำเนินการด้วยความสุจริต แต่ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศชาติต้อง เสียประโยชน์ไปถึง 600,000 ล้านบาท ก็เปรียบได้ดั่ง "นโยบายแจกหวีให้พระ" ซึ่งคนได้ประโยชน์จริงๆกับ ไม่ใช่ประชาชนคนไทยทั้งหลาย แต่ผลประโยชน์ต่างๆกับ ตกอยู่ในมือของต่างชาติ ซึ่งความเสียหายในครั้งนี้ "พรรคแมงสาบ" ก็ยังไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ความเสีย หายต่างๆ ก็ตกเป็น"ภาระของประชาชน" ที่ต้องแบกรับ มาจนทุกวันนี้ ถ้าเปรียบไปแล้ว คนที่ได้ประโยชน์จาก "นโยบายแจกหวีให้พระ" ในครั้งแรก ก็คงจะป็นบรรดา ลูกศิษย์วัดทั้งหลายนั้นเอง นายโชเซฟ ปูชอล ผู้เชี่ยว ชาญเรื่องการผายลม ได้สรุปเรื่องการผายลมครั้งนี้ได้ อย่างน่าฟังว่า "เสียงใช้ได้ แต่กลิ่นต้องปรับปรุงหน่อย" กบฯแปลเป็นไทย ให้ก็ได้ว่า มีความตั้งใจจริงในการแก้ ปัญหา แต่ยังขาดสติปัญญา จ๊ะ ผลงานที่โด่งดัง(ป๊าดด) ชิ้นที่สองของพรรคแมงสาบก็คือ "สปก 4-01" ผลงานชิ้นนี้โด่งดังไปทั่วโลก เพราะเผยแพร่ กันทั้งสื่อกระแสหลัก และสื่อทางเลือก และสื่อของประ ชาชน (อินเทอร์เน็ต) ก็ให้อิดหนาระอาใจนัก แหม !!! บางคนยังกล้าพูด "กางเกงของพี่ แต่ขี้ในกางเกง พี่ไม่รู้ว่าของใคร" อุจจาระจนเต็มกางเกงขนาดนั้น ยังกล้า ที่จะปฎิเสธ อีก ศาลก็ตัดสินออกมาแล้ว ยังมาชูคอกัน สลอน แถมเจ้าของโครงการแจกหวีให้พระ สปก.4-01 ยังได้ดิบได้ดี รับหน้าที่ใหญ่กว่าเดิม ซะอีก เฮ้อ..ประเทศไทย จะรับมือไหวไหมน๊อ คนที่ได้ประโยชน์ จาก"นโยบายแจกหวีให้พระ" ในครั้งที่สองนี้ ถ้าพูดกัน ภาษาบ้านๆ ก็คือ"เมียพระ" นั้นแหละ ที่ได้รับผลประโยชน์ ในทางพระ ถือว่าเป็น"ปาราชิก" แล้วนะจ๊ะ จะกลับมาบวช ใหม่ก็ไม่ได้ แต่ดูซิดู ยังชูคอมากันสลอน ช่างกล้ากัน เหลือเกิน ความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ก็ยังหาความ รับผิดชอบของพรรคแมงสาบไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายก็ตกเป็น "ภาระของประชาชน" อีกตามเคย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการผายลมคนเดิมได้สรุปกรณีนี้ไว้อย่าง น่าฟัง ตามเคย ถ้ามาทั้งเสียง ทั้งกลิ่น และทั้งกาก แสดงว่าอายุขัย ของการใช้งานได้หมดลงแล้ว จ๊ะ
มือใหม่หัดตัดแปะก็แบบนี้แหละ หัดอ่านข่าวให้ครบหน่อย ว่าที่มาที่ไปของข่าวเป็นยังไง ไม่งั้นเสียชื่อเกรียนหมด เอาง่าย ๆ เรื่อง ปรส ระวังเข้าตัวนะจ้ะ ไอ้จิ๋วตัวกู้ ไอ้แม้วก็อยู่ร่วมแถวด้วย ตอนผ่อนให้คนอื่นมาผ่อน แล้วอาศัยการเลือกตั้งมาเอาหน้า ใคร ๆ เขาก็รู้ทั้งบ้านทั้งเมือง
ที่ผมนับได้ ที่เขียน มาทั้งหมด มี 2 อย่างเองนี้ครับ 1. ปรส. 2. สปก. เอาเรื่องใหนดีหละ ครับ ที่จะให้กระจ่าง การกล่าวหา ว่าอันใหนดีไม่ดี คุณต้องมีข้อมูล เยอะกว่านี้ ปรส. คุณต้องอ้าง วิธีการจัดการ ขั้นตอนการดำเนินงาน ด้วย อันใหนดีไม่ดี ตัวเลขความเสียหาย ที่ประมาณการแยกสัดส่วน ตัวเลข ค่าการแลกเปลี่ยนเงินตราด้วย ไม่ใช่ ยกมาทั้งหมด ที่ได้ยินเขาพูด ส่วน สปก ต้องมีตัวเลขความเสียหาย การดำเนินงาน และการอ้างความรับผิดชอบด้วย กรณีนี้ ผมว่าเข้าในกระบวนการประชาธิปไตยนะ ทั้งแสดงความรับผิดชอบ ต่อสภา และต่อรัฐ โกงยังไง เสียหายยังไง เอามาให้ครบ ไม่ใช่ฟังคนพูดว่า เล่าว่า เป็นคุ้งเป็นแคว ของบางอย่าง ราคามันไม่เพิ่ม มันมีแต่ลดลง จนไม่มีค่า เหมือนกรณี ข้าวเน่า
1 ดอลล่าร์ เมื่อก่อน ทานข้าวได้ 2 จาน กับน้ำ 1 ขวด ภายหลัง ประกาศลอยตัวค่าเงิน 1 ดอลล่าร์ ฝรั่งมันซื้อข้าวเราได้ 5 จาน กับน้ำ 1 ขวด
แปะไม่พอ... เครดิตก็ไม่ให้เขา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=koblaodinsor&month=11-2007&group=1
ว่าแต่คนอื่น ไหนลองโชว์ผลงานของรัฐมารปูมาให้ดูหน่อยซิ เท่าที่กูนึกได้ 1....คืนพาสปอดแม้ว 2...เอาเงินภาษีคนทั้งประเทศจ่ายค่าจ้างโจรแดงเผาเมือง หัวละหลักหมื่นยันหัวละเกือบ 9 ล้าน ร่วมหลายร้อยล้าน 3...น้ำท่วมทั่วประเทศ แก้ปัญหาด้วยการปล่อยน้ำเขื่อนจนแห้งขอด 4...แก้ กฏหมาย และ รธน เพื่อแม้ว เพื่อพวกตัวเอง 5...กู้ 3 แสนล้น 6...กู้ 2.2 ล้านๆ (ตอนหาเสียงบอกหาเงินเก่งไว) 7...จำนำข้าว โกงแล้วเจ๊ง 7 แสนล้าน 8...ปราบม็อบด้วยระเบิดและปืนกล ฯลฯ
ปรส เนี่ย วันดีคืนดีก็ลอยมา มาตั้งแต่สมัยผมเข้าร่วมเสรีไทยใหม่ๆ เลยมั๊ง พอมีข่าวเชี่ยๆ อะไรของทางฝั่งไอ้แม้วทีไร ปรส., สปก. ก็ถูกป้อนปากกันมาทุกรอบ ไอ้ที่อธิบาย ก้อธิบายกันไป พูดพล่ามกันไป ไอ้ที่ไม่คิดจะทำความเข้าใจเชี่ยอะไร ก็พ่นกันต่อไป หายๆ ไปสักพัก เดี๋ยวมันก็มาใหม่ ล้างสมองกันเข้าไป จนสมองพวกมึงใสแวว แทบจะส่องแทนกระจกได้อยู่แล้ว ฟายก็ยังเป็นฟาย
เจอผลงานเทพทักษิณเข้าไปขรี้ไหลเลย ปชป กลายเป็นเรื่องเล็กเด็กๆไปเลย ไปดูโอลิมปิคที่จีน ดันกลับบ้านไม่ถูก จนโอลิมปิคลอนดอนก็แล้ว ที่แท้อ้างเหตุเพื่อหนีคุกหนีตาราง เพราะต้องติดคุกเลยโกหกศาล ป๊อดเรียกพ่อ ขี้ขลาดเรียกปู่ 555 ช่วงเร่ร่อนทำเก่งง่าว หลอกเสื้อแดงออกมาให้ตายข้างถนนด้วยพวกเดียวกัน หลอกโม้ เสียงปืนแตก จะกลับมานำควายแดงเข้ากรุง ที่ไหนได้นั่งแดรกไวน์รออกข่าวว่ามีเสื้อแดงตาย โชว์รูปหรา โดนนักข่าวระดับโลกไล่เรียงเรื่องราว ได้แต่ร้องโน๊ว โน๊ว โน๊ว ขายขี้หน้าไปทั่วโลก แถมใจปลาใจซิว เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น อ้างซื่อๆ บอกควายแดงทำกันเองไม่ได้สั่ง 5555 แถมท่านเทพทักษิณชอบหลอกตัวเองว่าเก่งเพื่อลบปมด้อย รวยมาเพราะกุมไข่ขอธุรกิจกับคณะรัฐประหารกับ เอาข้อมูลลดค่าเงินมาเล่นแร่แปรธาตุปกป้องธุรกิจตัวเอง ประเทศชาติจะลงนรกก็ช่างแม่งงมัน แถมอวดรวยแล้วไม่โกงประเทศชาติน้อยๆ แต่โกงเยอะๆ เพราะการเมืองคือธุรกิจ มิน่ามีลูกติดยา กะ ต้องคอยโกงให้ลูกๆ ล่าสุดเทพทักษิณคิด ลิ่วล้อทำ เอาข้าวมาจำนำ เจ๊งกันไปเกือบล้านล้านบาท ให้ค่าแรงวันละสามร้อย ธุรกิจลิ้นห้อย รออดตายทั้งแผ่นดิน ล่าสุดต่างชาติย้ายฐานกันแทบหมดสิ้น สุดท้ายควายแดงจุก ชาบูร้องโหยหวน สรุปแม่งโม้ว่าเทพที่สุดในสามโลก คนไทยจน ควายแดงกรอบ รอเป็นทาสไพร่ ให้เทพทักษิณ จังไรกว่านี้ไม่มีแล้ว
ไม่ได้มี อะไรมั้งครับ ช่วงนั้น มีปัญหาเขาพระวิหาร ทักษิณ รีโมท รัฐมนตรี ให้เซ็นได้ คบกันโดยผลประโยชน์ครับ ต่างคนต่างหลอกใช้ พอหมดหน้าที่ ก็ลากันไป ฝ่ายทักษิณ ก็น่าจะอาศัย เขมรบีบไทย กลับบ้านแบบเท่ห์ๆ แต่ไม่สำเร็จ ส่วนเรื่องบริหาร แบบจับไก่ในเล้า ทอดแหในสระปลาเลี้ยง เขมรคงไม่ได้มองตรงนั้น ผลประโยชน์เฉพาะหน้าคือ ปราสาทเขาพระวิหาร
สำหรับคนเป็นเกมส์ของแบบนี้ใครถีบหัวอีกคนส่งได้ก่อนย่อมได้เปรียบ แต่ผมขำกระบือไทย โดนแม้วถีบหัวหลายรอบไม่เคยจำ ยังคอยอวยอยู่ร่ำไป พวกโง่แต่ขยันแบบนี้ เสร็จงานสมควรฆ่าทิ้ง ดูตัวอย่างกันครับ
ถึง: เรียน ชาวบ้านซอยภาณุรังษี “รู้จักพอ ก่อสุข ทุกสถาน” สุภาษิตสอนใจของท่านเจ้าคุณนร ถ้าท่านอดีตนายกฯทักษิณยึดสุภาษิตของเจ้าคุณนรเป็นหลักในการดำรงชีวิต ป่านนี้ท่านก็คงไม่ต้องระเหเร่ร่อนเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำไหนนอนนั่น และคงไม่ต้องทำให้พี่น้องชาวอีสานถูกจับดำเนินคดีเผาบ้านเผาเมืองหรอกครับ ที่ผมยกสุภาษิตของเจ้าคุณนรขึ้นมาก็เพราะว่า ครั้งหนึ่งท่านอดีตนายกฯทักษิณตอนที่ยังจนๆอยู่ เคยพูดกับคุณบารอน เพื่อนรักของผมว่า “พี่ครับ ผมจน ขอผมเกิดเถิดครับ” คุณชาวบ้านซอยภาณุรังษีคงสงสัยว่าทำไมท่านอดีตนายกฯทักษิณถึงพูดอย่างนี้ ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ เรื่องเดิมมีอยู่ว่า ท่านอดีตนายกฯทักษิณท่านเอาเงินไปวางมัดจำค่าที่บริเวณบางบัว ซึ่งเป็นบริเวณที่จอดรถของขสมก.อยู่ขณะนี้ และท่านก็นำที่แปลงนี้ไปให้ ขสมก.เช่าเป็นพื้นที่จอดรถ ทั้งๆที่ยังไม่มีสิทธิขาดในการให้เช่า แต่ด้วยท่านมีศิลปะในการพูด ทาง ขสมก.จึงจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าให้ท่านไปเลยครั้งเดียวทั้งสิบปี และท่านก็นำค่าเช่าที่ทางขสมก.จ่ายให้ท่านทั้งสิบปีนี้ไปจ่ายค่าที่ส่วนที่เหลือกับเจ้าของเดิม เห็นไหมครับ ขสมก.กับท่านอดีตนายกฯทักษิณทำถูกต้องหรือเปล่า ที่นำเงินภาษีของประชาชนมาจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าถึงสิบปี ซึ่งไม่มีที่ไหนเขาทำกัน แต่ด้วยความเป็นนักเจรจาที่มีจิตวิทยาชั้นสูงของท่าน เมื่อท่านมาขอพบคุณบารอนเพื่อนรักของผม และพูดว่า “ผมจน ขอผมเกิดเถอะครับ” เพื่อนรักของผมจึงใจอ่อน และดึงเอกสารทั้งหมดที่กำลังจะไปยื่นให้กับปปป.คืนท่านอดีตนายกฯทักษิณไป หรืออีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นประมาณ 20 ปีที่แล้ว สมัยนั้นท่านอดีตนายกฯทักษิณยังรับราชการตำรวจ และทำอาชีพวิ่งหนัง(ซื้อภาพยนตร์ไปขาย)สายภาคเหนือด้วย และมีความสนิทสนมกับพี่ประเทือง ตรีเมฆ ผู้อำนวยการสร้างหนังสมัยนั้น วันหนึ่งท่านอดีตนายกฯทักษิณต้องการจะสร้างหนังเอง จึงติดต่อให้พี่ประเทืองเป็นผู้ดำเนินการหาเงินให้ ด้วยความรักพวกพ้อง และโอบอ้อมอารี ก็รับปากไป โดยอดีตนายกฯทักษิณได้นำเช็คที่มีลายเซ็นต์ของอดีตนายกฯทักษิณมายื่นให้พี่ประเทืองกรอกตัวเลขค่าใช้จ่ายในการทำหนังทั้งหมดลงในเช็คใบดังกล่าว ซึ่งพี่ประเทืองได้เขียนตัวเลขในเช็คไป 8 แสนบาท พร้อมกับเซ็นสลักหลังเช็คของอดีตนายกฯทักษิณใบนี้ เพื่อให้ธนาคารกรุงเทพออกโอดีเงินจำนวน 8 แสนบาทออกมาใช้ก่อน หลังจากได้เงินมาแล้ว อดีตนายกฯทักษิณได้เอาไป 5 แสนบาท แบ่งมาให้พี่ประเทือง 3 แสนบาทเป็นค่าใช้จ่ายทำหนัง ต่อมาสถานการณ์บ้านเมืองไม่ดี อดีตนายกฯทักษิณมาบอกว่า ไม่สร้างหนังแล้ว ให้พี่ประเทืองนำเงินจำนวน 3 แสนบาทมาคืน ซึ่งพี่ประเทืองตอบกลับไปว่า ไม่มี ไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาให้ เพราะได้นำไปใช้จ่ายในการสร้างหนังหมดแล้ว ในเวลาเดียวกันขณะนั้นทางธนาคารกรุงเทพก็ได้โทรศัพท์ติดต่อพี่ประเทืองมาว่า เช็คของอดีตนายกฯทักษิณที่พี่ประเทืองเซ็นสลักหลังค้ำประกันไว้นั้นเด้ง พี่ประเทืองก็เลยติดต่อกลับไปหาอดีตนายกฯทักษิณว่าจะทำอย่างไร แต่ก็ได้รับคำตอบแกมขอร้องจากอดีตนายกฯทักษิณว่า “ผมขอให้พี่ประเทืองรับไปก่อน แล้วผมจะนำเงินมาจ่ายให้ทีหลัง เนื่องจากผมกำลังทำเรื่องขอกู้เงินเพื่อไปซื้อดาวเทียม หากมีคดีความเกิดขึ้น ผมจะไม่สามารถกู้เงินได้ ถ้าจบเรื่องซื้อดาวเทียมแล้ว ก็จะให้ทนายดำเนินการแก้ไขให้” พี่ประเทืองก็เชื่อใจ ตอบรับไป จวบจนผ่านพ้นไป 10 ปี อดีตนายกฯทักษิณก็ไม่ยังยอมนำเงินจำนวนดังกล่าวมาจ่ายให้ ในที่สุดพี่ประเทืองก็ต้องเป็นหนี้ และถูกธนาคารฟ้องร้องเรียกทั้งต้นและดอกเป็นเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งพี่ประเทืองไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาชดใช้ให้ ท้ายที่สุดก็ต้องถูกศาลสั่งล้มละลาย จนไม่สามารถสร้างหนัง หรือประกอบกิจการอะไรได้ ครอบครัวพี่ประเทืองต้องตกระกำลำบาก ลูกทั้ง 4 คนกำลังเรียนอยู่ ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาส่งลูกเรียน จนกระทั่งต่อมาอดีตนายกฯทักษิณได้เป็นรมต.ต่างประเทศ พี่ประเทืองก็ไปติดต่อ ขอเข้าพบเพราะหวังจะได้เงินคืน แต่ก็ไม่ได้เข้าพบ กระทั่งพี่ประเทืองเสียชีวิตลง และก่อนพี่ประเทืองจะเสียชีวิตลงในที่สุด ครอบครัวลำบากมาก ก็ได้มาฝากลูกชายทำงานกับผมที่สยามรัฐ และทำงานอยู่กับผมมาจนบัดนี้ ต่อมาท่านอดีตนายกฯทักษิณได้เป็นนายกฯ ลูกเมียพี่ประเทืองก็ได้ติดต่อขอเข้าพบ แต่ก็ไม่ได้พบเช่นเคย จนต้องเขียนจดหมายจ่าหน้าซองว่า เป็น “จดหมายของคนตาย” อดีตนายกฯทักษิณจึงได้คืนเงินให้จำนวน 8 แสนบาท แต่ไม่เคยถามถึงดอกเบี้ยที่ธนาคารบวกเพิ่มขึ้นมาอีกกว่าล้านบาทแต่อย่างใด เมื่อได้เงินจำนวน 8 แสนบาทมาแล้ว เมียพี่ประเทืองจึงนำเงินจำนวนนี้ไปจ่ายหนี้ให้กับธนาคารกรุงเทพฯ พร้อมทั้งขอร้องกับธนาคารให้ผ่อนปรนให้ ซึ่งในที่สุดธนาคารก็ยอมยกดอกเบี้ยให้ จึงสามารถปลดหนี้จำนวนนี้ลงไปได้ แต่กว่าจะปลดหนี้ก้อนนี้ซึ่งท่านอดีตนายกฯทักษิณเป็นผู้สร้างไว้กับครอบครัวพี่ประเทืองได้ ท่านอดีตนายกฯทักษิณจะรู้ไหมว่า ได้สร้างความทุกข์ให้กับครอบครัวพี่ประเทืองไว้มากมายเท่าไหร่ จากที่พี่ประเทืองมีอนาคตหน้าที่การงานก้าวหน้าอีกไกล และมีเงินสามารถเลี้ยงครอบครัวอย่างสบาย กลับต้องมาเป็นหนี้สิน และล้มละลาย กระทั่งลูกเมียต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก ที่ผมเล่าเสียยืดยาว ก็เพื่อให้คุณชาวบ้านซอยภาณุรังษีได้เห็นภาพว่า ถ้าท่านอดีต นายกฯทักษิณรู้จักพอ ก่อสุข ทุกสถาน ตามสุภาษิตของท่านเจ้าคุณนรที่ท่านให้สติเอาไว้ ป่านนี้ท่านอดีตนายกฯทักษิณก็คงไม่มีสภาพเช่นนี้หรอกครับ ใช่ไหม และประเทศเราก็คงไม่ต้องมีผู้ใดผู้หนึ่งออกมาเผาบ้านเผาเมือง ให้เห็นกันอยู่อย่างนี้ บาปกรรมมีจริงนะครับ นับถือ ชัช เตาปูน 27 พ.ค. 2553 *** โทดทีจขกท. มือมันไวไปหน่อย มะด้ายตั้งใจตอบอย่างงี้จิง ๆ โทดนะ ๆ
