นายโทนี แอบบ็อตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียไม่ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า กองทัพเรือออสเตรเลียได้จ่ายเงินให้กับลูกเรือของเรือผู้อพยพลำหนึ่ง เพื่อให้หันหัวเรือกลับไปยังอินโดนีเซีย ในการให้สัมภาษณ์สื่อในออสเตรเลียวันนี้ (12 มิ.ย.) นายแอบบ็อตต์ ไม่ปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว เพียงแต่เลี่ยงตอบว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีมาตรการที่ “สร้างสรรค์อย่างเหลือเชื่อ”ในการหยุดยั้งไม่ให้เรือผู้อพยพมาขึ้นฝั่งที่ออสเตรเลียได้ “เราได้หยุดยั้งการค้ามนุษย์ และเราจะทำทุกวิถีทางที่จำเป็น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการค้ามนุษย์จะถูกยับยั้งตลอดไป”นายแอบบ็อตต์กล่าว ก่อนหน้านี้ ตำรวจอินโดนีเซียในจังหวัดนูซา เท็งการาตะวันออก เปิดเผยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า ได้จับกุมกัปตันเรือและลูกเรือของเรือผู้อพยพลำหนึ่งเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งเชื่อว่าผู้อพยพบนเรือมาจากบังกลาเทศ เมียนมาร์ ศรีลังกา และกำลังมุ่งหน้าไปนิวซีแลนด์ แต่ถูกกองทัพเรือออสเตรเลียสกัดได้ที่เกาะแห่งหนึ่ง ห่างจากออสเตรเลียไปราว 500 กิโลเมตร ผู้อพยพบนเรือบอกตำรวจอินโดนีเซียว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองออสเตรเลียที่อยู่ประจำเรือของกองทัพดังกล่าว ได้จ่ายเงินให้กัปตันและลูกเรือคนละ 5,000 เหรียญออสเตรเลีย (ราว 130,000 บาท) เพื่อให้หันหัวเรือกลับไปยังอินโดนีเซีย โดยผู้บังคับการตำรวจในท้องที่บอกสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เขาได้เห็นเงินกับตาตนเอง และเป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่าทางการออสเตรเลียจ่ายเงินให้เรือผู้อพยพ จอน ดอนนิสัน ผู้สื่อข่าวบีบีซีที่นครซิดนีย์ วิเคราะห์ว่า การที่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว สะท้อนว่ามีการใช้เงินจริง ตามนโยบายของออสเตรเลีย ผู้อพยพหรือผู้ขอลี้ภัยจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางถึงชายฝั่งออสเตรเลียได้เด็ดขาด ....................................................................... ยูเอ็น สหรัฐ อียู ออกมาวิจารณ์หน่อยนะครับ แบบนี้เรียกว่าไม่มี มนุษยธรรมหรือเปล่า
แบบนี้ถ้าไทย มาเลย์ อินโด ใช้วิธีนี้กันหมดคงสนุกสนาน ของไทยอยู่ใกล้สุดถึงก่อนใคร ถ้าคิดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายตามสัดส่วนระยะทางคงจ่ายน้อยสุดสบายไป