ถึงขนาดรังแกคนตาบอดกันแล้ว ยุคคนดีปกครองบ้านเมือง จ๊ะ ยุคผม ใหญ่แค่ใหนก็จับ พอเห็นหน้าอำมาตใหญ่ แบะๆๆๆ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. นายสมชาย ปัญญ์เอกวงศ์ ประธานฝ่ายส่งเสริมอาชีพและการจ้างงาน สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มคนตาบอดผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากยี่ปั้วหรือผู้ค้ารายใหญ่เพิ่มราคาขายส่งล็อตเตอรี่แพงมากกว่าทุกช่วงที่ผ่านมา จากเดิมที่เคยส่งในราคาเล่มละ 9,000บาทหรือใบละ90 บาท แต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 9,800 บาท หรือใบละ98บาทจากราคาที่รับมาจากสำนักงานสลากเพียงเล่มละ 7,280 บาทหรือใบละ72 บาท80สตางค์เท่านั้น “กลุ่มผู้พิการตาบอดเดือดร้อนจากปรากฎการณ์สลากราคาแพงขึ้นเฉียดหมื่นบาทแบบนี้ เข้าใจว่าอาจเป็นการใช้อิทธิพลของยี่ปั๊วทั้งหลายเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ก่อนที่จะมีการปรับแก้ไขพ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลพ.ศ.2517 เพราะยี่ปั๊วเริ่มไม่แน่ใจว่าหากมีการแก้กฎหมาย อาจไม่ได้รับการต่อโควต้า จึงทำให้ต้องขายในราคาสูงเพื่อรีบโกยไว้ในขณะที่มีโอกาส”นายสมชาย กล่าว ด้านนายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก ตั้งข้อสังเกตว่า ปรากฏการณ์ยี่ปั๊วรีบโกย และการออกมาขับไล่ประธานบอร์ดกองสลากอาจเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นอาการของการดิ้นรนของกลุ่มที่คาดว่าตัวเองจะเสียผลประโยชน์ หากมีการแก้กฎหมายและมีการเรียกคืนโควตาสลาก อย่างไรก็ตาม แม้เครือข่ายจะเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย โดยคำนึงถึงผู้ค้ารายย่อยมากขึ้นทั้งการจัดสรรส่วนแบ่งรายได้ให้มากขึ้น การตั้งกองทุนรับซื้อคืนสลากที่ขายไม่หมด รวมทั้งการลดจำนวนเงินส่งเข้ารัฐให้น้อยลง แต่สิ่งที่เครือข่ายเรียกร้องมาตลอดคือ ขอให้สำนักงานสลากฯเปิดเผยร่างการแก้กฎหมายที่จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีว่าเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันเครือข่ายฯยังได้ข้อมูลระแคะระคายมาว่าอาจมีการนำสลากออนไลน์ ที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดขึ้นจากการแก้ไขกฎหมายนี้ เข้าจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงก็จะขัดกับคำพูดของพล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ ที่บอกว่าต้องการปกป้องเด็กและเยาวชน เพราะร้านสะดวกซื้อมีกระจายทั่วประเทศทุกซอกซอยโดยเฉพาะรอบสถานศึกษา ซึ่งเด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายตลอด24 ชั่วโมง “หากมองระยะยาวการแก้กฎหมายครั้งนี้ ที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์สลากใหม่ๆ ทั้งหวยบนดิน หวยออนไลน์ หวยขูด และหวยกีฬา จะทำให้สำนักงานสลากฯกลายเป็นเจ้ามือพนันรายใหญ่ที่รัฐบาลค้ำประกัน และสามารถประกอบกิจการขายหวยสารพัดผ่านระบบออนไลน์ที่ทันสมัย วันนี้อาจเริ่มจากร้านสะดวกซื้อ ในอนาคตก็สามารถพัฒนาเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตได้แน่นอน อีกไม่นานก็จะสามารถขายหวยทางโทรศัพท์มือถือเกิดบริการการพนันสะดวกซื้อโดยรัฐจับมือกับธุรกิจยักษ์ใหญ่ ถึงวันนั้นคงไม่มีความหวังจะหยุดยั้งการพนันใดๆได้ทั้งสิ้น แล้วเด็กและเยาวชนจะเป็นอย่างไร”นายธนากร กล่าว http://m.posttoday.com/articlestory/344774
อ่านเล่นๆ... https://www.gotoknow.org/posts/172037 สมัคร-เลี้ยบเมินหวยแพงป้องยี่ปั๊วแฉผู้ว่าฯ มีโควตา ... ทั้งนี้บุคคลในคณะรัฐบาลช่วงระหว่างปี 2544-2547 ยังคงรักษาระบบโควตาแบบเดิมเอาไว้ แต่ใช้อิทธิพลมืดทางการเมืองไปบีบบังคับ รีดไถ เอากำไรส่วนเกินจากธุรกิจเอกชนที่ได้รับการจัดสรรโควตาสลากมาเป็นรายได้ส่วนตัวจำนวนมหาศาล ในระหว่างปี 2544-2549 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลถูกแปรให้กลายเป็นเครื่องมือรับใช้ผลประโยชน์ส่วนตัว ของครอบครัวนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลทางการเมือง มีการนำบุคลากรที่ขาดความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และจริยธรรมในการทำงานเข้ามาบริหารองค์กร บุคคลเหล่านี้เป็นเสมือนเครื่องจักรกลสำคัญที่ส่งเสริมวัฒนธรรมการทุจริตองค์กรในห้วงเวลาดังกล่าว แม้เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 กลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังคงทำงานอยู่ในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่อไป ...
ครับอำมาตเขาใหญ่จริงๆ รัฐบาลประชาธิปไตยจะไปทำไรได้ แค่แก้รัฐธรรมนูญก็ถูกหาว่าล้มล้างการปกครองแล้วครับ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา44 “ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่างๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอำนาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทําการใดๆ ได้ ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคําสั่งหรือการกระทํา รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่ง หรือการกระทํา หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้ และเป็นที่สุด...”
โห....................................................................................................................