ตร.ปล่อยตัวพี่เขยมหาหินหลังสอบปากคำพบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องคดีบึ้มศาลอาญา วันนี้(10 มี.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวพี่เขยของนายมหาหิน ขุนทอง หนึ่งในผู้ต้องหาขว้างระเบิดหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มาสอบปากคำ เนื่องจากพบว่าพักอยู่กับนายมหาหิน ที่จ.ยโสธร แต่จากการสอบปากคำพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เบื้องต้นจึงได้มีการปล่อยตัวไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารมีการควบคุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้เพิ่มอีก 1 คน ในคดีดังกล่าว แต่ยังไม่ได้นำตัวมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน ซึ่งคาดว่าจะพรุ่งนี้จะมีการนำตัวมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงผู้ต้องหาอีก 4 คน ที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้ด้วย โดยทั้งหมดยังถูกควบคุมตัวภายใต้กฎอัยการศึก ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ******************************************** ข่าว 7 สี - ทหารรวบผู้ต้องสงสัยร่วมขบวนการปาระเบิดหน้าศาลอาญาได้อีก 1 คน ขณะที่รองนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังทหาร ตำรวจปฎิบัติหน้าที่ดีอยู่แล้ว หลังจากศาลทหารอนุมัติออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการปาระเบิดหน้าศาลอาญาเพิ่มอีก 4 คน ตามคำร้องขอของตำรวจ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อของทั้ง 4 คน โดยทั้งหมดอยู่ในกลุ่มผู้สนับสนุนด้านการจัดหาอาวุธ และด้านการเงิน ไม่ใช่ผู้จ้างวาน โดยทั้ง 4 คนอาศัยอยู่ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, ภูธรภาค 4 และภูธรภาค 7 ทั้งนี้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจภูธรภาค 3 ได้ควบคุมตัวพี่เขยของนายมหาหิน ขุนทอง หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม จากอำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ ไปให้ตำรวจนครบาลสอบสวน แต่ก็พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดขึ้นจึงส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ทหารนำตัวกลับไป นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ได้เพิ่มอีก 1 คน เนื่องจากการข่าวของทหารพบว่าบุคคลคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในครั้งนี้ จึงกักตัวไว้ตามกฎอัยการศึก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่าฝ่ายความมั่งคงได้ยกระดับการดูแลประชาชนอย่างเต็มที่อยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังทหาร เนื่องจากตำรวจทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว ทั้งนี้ยอมรับว่า แม้จะจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ แต่ก็ยังมีความพยายามในการก่อเหตุอยู่ ซึ่งฝากไปยังกลุ่มเหล่านี้ให้ยุติการกระทำ เพราะรัฐบาลไม่ได้มาจากการเมือง แต่เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ด้านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอทุกฝ่ายอย่ากังวลว่า รัฐบาลจะจ้องเล่นงานใครหรือฝ่ายไหน หากไม่ได้กระทำความผิดก็ไม่ดำเนินการอยู่แล้ว
ข่าวไทย ตำรวจไทย ใช้ภาษาในการทำคดีไม่เคยถูก พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นไปไม่ได้ คุณไม่ใช่ศาล สอบสวนแค่นี้ ไปรับประกันเขาได้เลยหรือว่าบริสุทธิ์ ต้องบอกว่า ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่างหาก
นี่ก็หยุมหยิมอีกแล้ว ขนาดธรรมกาย บอกว่า จะไม่คืนเงินให้สหกรณ์คลองจั่นที่เป็นเงินบริจาคจำนวน 818 ล้านบาท แต่บรรดาลูกสิทธิ์ได้ช่วยกันระดมเงินผ่านกองทุนของวัดเพื่อนำมาจ่ายคืนให้กับสหกรณ์เพื่อเป็นการเยียวยาจำนวน 700 ล้านบาท ผมก็ยังไม่หยุมหยิมจับผิดว่ามันเป็น"ศรีธนณชัย"เลย กำไรเห็นๆเกือบร้อยกว่าล้านอีกต่างหาก
ภากร นครกุลเชษฐ์ ศิริพงศ์ Tnews @bunshury1 สรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน 1 ในผู้ถูกออกหมายจับคดีระเบิดศาลอาญารัชดา และเป็นผู้บรรยายแนวคิด, วางแผนการณ์ พบว่าเคยเป็นแกนนำ นปก. รุ่น 2 ทั้งยังเป็นอดีตคอมมิวนิสต์
ควบคุมตัว"เดียร์"ผู้สั่งการบึ้มศาลอาญา เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 12 มีนาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหาร ได้ควบคุมตัว นางเดียร์ ซึ่งถูกอ้างจากกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพมหานครในความผิดฐานร่วมกันปาระเบิดศาลอาญาถนนรัชดาภิเษกว่า เป็นผู้บงการให้มีการปาระเบิดในเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้แล้วเมื่อช่วงเย็นวันนี้ ที่ จ.มุกดาหาร และอยู่ระหว่างควบคุมตัวเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครเพื่อขยายผลต่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าควบคุมตัว นางเดียร์ ได้ครั้งนี้ เป็นผลจากการสอบถามขยายผลนายวิชัย อยู่สุข หรือตั้ม ซึ่งทหารควบคุมตัวได้ก่อนหน้านี้ โดยในการสอบถามนายวิชัย ยืนยันว่า นางเดียร์ ไม่น่าจะอยู่ในประเทศออสเตรเลีย อย่างที่มีการกล่าวอ้าง ทหารและตำรวจจึงประสานงานกันในการตรวจสอบกระทั่งพบความเคลื่อนไหวว่านางเดียร์ เดินทางเข้าออกระหว่างไทยและลาว บ่อยครั้ง โดยมักใช้ด่านชายแดน จ.มุกดาหาร โดยการตรวจสอบในครั้งนี้ทำให้ทราบจุดที่นางเดียร์ พักอาศัยอยู่จึงเข้าควบคุมตัวได้ในที่สุด สำหรับนางเดียร์ นอกจากการให้การซัดทอดของผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวก่อนหน้านี้แล้ว ทหารและตำรวจยังมีหลักฐานสำคัญคือ ไลน์ที่นางเดียร์ใช้ในการติดต่อกับ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง และ ไลน์ที่ น.ส.ณัฏฐพัชร์ ใช้ติดต่อสั่งการให้นายยุทธนา เย็นภิญโญ มือปาระเบิด ลงมือปาระเบิดอาร์จีดีไฟน์เข้าไปในศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก โดยในไลน์ดังกล่าวปรากฏข้อความอ้างว่านางเดียร์ จะจ่ายเงินให้หลังจากเกิดเหตุระเบิด
ผมว่าไม่ต้องยุบ คสช ดีกว่ามั๊ง เพราะว่าอยู่แล้วดีจังเก็บพวกขยะได้เยอะดี บ้านจะได้สะอาดหน่อย ขนาดลงไปใต้ดินยังขุดเจอ อยู่ต่อไปนะลุงตู่
ผบช.น.ยืนยัน จับกุมผู้ต้องหาคดีปาระเบิดศาลอาญาได้แล้ว 7 คน เร่งขยายผลสอบ เบื้องต้นไม่พบหลักฐานเชื่อมโยง 2 นายพล วันนี้ (11 มี.ค. 58) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุระเบิดหน้าศาล อาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ 7 คน จาก 9 คนที่มีหมายจับ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอให้ทหารส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน มาให้สอบปากคำในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค.นี้ โดยระบุว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงถึง 2 นายพลทหาร ตำรวจ แต่หากพบว่ามีหลักฐานจะเรียกทั้งสองคนเข้ามาชี้แจ้งอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เหตุระเบิดในครั้งนี้คาดว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับ กลุ่มที่ก่อเหตุระเบิดหลายครั้งในปี 2557 เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกัน โดยใช้ระเบิด อาร์จีดี 5 ที่ไม่มีใช้ในราชการไทยในการก่อเหตุเหมือนกัน ซึ่งเหตุจูงใจคาดว่าจะเป็นเรื่องการเมือง ส่วนกระแสข่าวเรื่องจะมีการก่อเหตุในลักษณะนี้อีก พล.ต.ท.ศรีวราห์ ยืนยันว่าขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี และเจ้าหน้าที่ก็ได้วางกำลังดูแลพื้นที่เสี่ยงโดยตลอด ด้าน ผู้ต้องหา 5 คนที่ถูกควบคุมตัวได้แล้ว คือ นายมหาหิน ขุนทอง นายยุทธนา เย็นภิญโญ และนางสาวณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง ภรรยาของนายมหาหิน นางสาวธัชพรรณ ปกครอง ภรรยาของนายยุทธนา และนายวิชัย อยู่สุข ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แถลงความคืบหน้าคดีระเบิดศาลอาญา ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว 10 คน ในจำนวนนี้ 1 คน คือ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง ยังคงให้การปฏิเสธ แม้จะมีข้อมูลยืนยันว่า วันเกิดเหตุผู้ต้องหารายนี้ ได้ร่วมวางแผน กับ นายมหาหิน ขุนทอง ,นายยุทธนา เย็นภิญโญ และนางสาวณัฎฐพัชร์ อ่อนมิ่ง ซึ่งทั้งหมดรับสารภาพซัดทอด ว่า เดียร์ สุภาพร มิตรอารักษ์ เป็นผู้จ้างวาน และยังอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การสร้างสถานการณ์อื่นในพื้นที่ กทม. ซึ่งทหารจะส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 มี.ค.นี้ ************************************************ กรุงเทพฯ 13 มี.ค.-ตำรวจยังคงเดินหน้าขยายผลจับกุมคนร้ายคดีปาระเบิดหน้าศาลอาญา หลังออกหมายจับ 9 คน และจับได้แล้ว 8 คน โดยวันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาส่วนหนึ่งมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ การทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันนี้ เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์จริงเพียง 6 วัน ที่นายมหาหิน ขุนทองและนายยุทธนา เย็นภิญโญ ขว้างระเบิดชนิดอาร์จีดีไฟว์ถูกแท่งปูนกั้นที่จอดรถภายในศาลอาญาเป็นหลุมลึกประมาณ 5 เซนติเมตร กว้าง 10 เซนติเมตร และพบกระเดื่องระเบิดตกห่างจากจุดระเบิดประมาณ 10 เมตร จุดแรกที่ทำแผน คือ บริเวณถนนรัชดาภิเษก ด้านหน้าศาลแพ่ง ที่มีการเปลี่ยนตัวคนขี่รถจักรยานยนต์ จุดที่ 2 บริเวณประตูทางออกศาลอาญา ซึ่งเป็นจุดที่นายยุทธนา ขว้างระเบิด จุดที่ 3 บริเวณด้านหน้าสำนักงานอัยการ ที่มีการยิงปะทะ จุดที่ 4 บริเวณด้านหลังสำนักงานอัยการ ที่หนึ่งในผู้ต้องหาหลบหนี และจุดสุดท้ายที่ห้องเช่าบริเวณชั้น 4 อาคารทวีวัฒน์ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่พักของผู้ต้องหา 4 คน ที่มีนายยุทธนาเป็นผู้เช่าเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 57 เพื่อใช้พักอาศัย รวมทั้งรอรับระเบิดและอาวุธปืนจากนายใหญ่พัทยา ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธุ์ วันเกิดเหตุนายมหาหินทำหน้าที่ขว้างระเบิด แต่ก่อนถึงจุดเกิดเหตุเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ได้มีการสลับหน้าที่ให้นายยุทธนาเป็นผู้ลงมือแทน เพราะนายมหาหินมีอาการเจ็บแขน นายมหาหิน และนายยุทธนา ถูกจับกุมได้หลังก่อเหตุ ทั้งคู่ต่อสู้ขัดขืนขณะถูกจับ ทำให้นายยุทธนาถูกยิง 4 นัด สอบสวนนายมหาหินให้การรับสารภาพถึงผู้ว่าจ้างและผู้ร่วมขบวนการ โดยอ้างว่า ได้ร่วมกับพวกนับ 10 คน วางแผนที่สำนักงานหมูปิ้งนมสด ขอนแก่น เพื่อก่อความวุ่นวายในกรุงเทพฯ 15 จุด สร้างสถานการณ์ให้ต่างชาติเห็นว่าไทยมีความวุ่นวายเกิดขึ้น โดยรัฐบาลทหารไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ หวังให้ยูเอ็นเข้ามาแทรกแซง นายมหาหิน นายยุทธนา และ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง รับสารภาพ แต่ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็น รวมทั้งยังพาดพิงถึงนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ ซึ่งถูกซัดทอดว่าเป็นผู้จ้างวานผ่านไลน์ ถูกทหารควบคุมตัวไว้ตามกฎอัยการศึก และคาดว่าตำรวจจะออกหมายจับนางเดียร์ในเร็วๆ นี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุชัดเจนว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุระเบิดบริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกัน ส่วนที่เลือกก่อเหตุที่ศาลอาญา เพราะเป็นสถานที่เชิงสัญลักษณ์ และเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง สำหรับคดีนี้มีผู้ต้องหาถูกออกหมายจับรวม 9 คน จับได้แล้ว 8 คน ยังหลบหนีอีก 1 คน คือ นายวีระศักดิ์ โตวังจร วันพรุ่งนี้ตำรวจจะควบคุมตัวนายยุทธนากับพวกรวม 4 คน ไปฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพ นอกจากนี้มีผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวอีก 4 คน ที่ทหารยังควบคุมตัวและอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยจะมีการส่งมอบตัวให้ตำรวจในวันที่ 15 มีนาคมนี้.-สำนักข่าวไทย
โดนข้อหา "ก่อการร้าย" กันเลยทีเดียว ********************************** ติดตามความคืบหน้าคดีปาระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยภายหลังรับมอบตัวผู้ต้องหา 4 ราย วันนี้จากทหารว่า ขณะนี้ออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการนี้ไปแล้วรวม 14 คน โดยขณะนี้จับกุมได้แล้ว 12 คน ยังเหลือนายวิระศักดิ์ และนายมนูญ หรือเอนก ซานฟราน ที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งนายมนูญ นั้นนอกจากข้อหาก่อการร้ายแล้วยังมีความผิดฐานขัดหมายเรียกคสช. และมีหมายจับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตตรา 112 ฐานหมิ่นสถาบันฯด้วย และจะมีการดำเนินการขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามกระบวนการต่อไป ส่วนนายวิระศักดิ์นั้น ก็มีความผิดฐานขัดหมายเรียกคสช.เช่นกัน คาดว่ายังอยู่ในประเทศไทย ผบ.ตร.เปิดเผยด้วยว่า จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดรู้จักกับนางเดียร์ นางสุภาพร มิตรอารักษ์ มีการวางแผนร่วมกัน เบื้องต้นพบมีการจ่ายเงินกันตั้งแต่ 10,000-50,000 บาท มีการสื่อสารกันทุกรูปแบบ สรุปได้ว่าทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่าพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาก่อการร้ายอั้งยี่ ซ่องโจร กับผู้ต้องหา 5 คน คือ นายมนูญ นายนรภัทร นายเจษฎาพงษ์ นางสุภาพร และนางวาสนา พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 กล่าวว่าลักษณะการกระทำของกลุ่มบุคคลนี้ มีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมา เรียกกลุ่มองค์กรภาคีเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาปกปิดวิธีดำเนินการก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง ก็เป็นความผิดฐานอั้งยี่ ตอนนี้ได้เริ่มดำเนินการสืบสวนต่อ จะมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลออกไปยังกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง และนายทุนที่อยู่ต่างประเทศ
เตรียมประสาน จับ เอนก ซานฟราน หลังมีส่วนสนับสนุนการเงินคดีระเบิดศาลอาญา วัดใจอเมริกา เจ้าหน้าที่ทหาร ควบคุมตัว นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายวิชัย อยู่สุข และ นายนรพัฒน์ เหลือผล ผู้ต้องหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีปาระเบิด RGD 5 บริเวณหน้าศาลอาญา รัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา มาส่งมอบให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทำการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา โดย พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าจากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การภาคเสธ รับแต่เพียงว่าได้ร่วมประชุมวางแผนจริง และรู้จักกับ นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ ซึ่งเป็นผู้จ้างวานมือปาระเบิด สำหรับคดีนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 14 คน โดย 4 คนแรกถูกส่งฝากขังไปก่อนหน้านี้ และได้รับการประสานจากทางทหารว่าจะมีการส่งมอบผู้ต้องหาอีก 4 คน ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ ซึ่งมีนางสุภาพร รวมอยู่ด้วย ส่วนอีก 2 คน คือ นายวิระศักดิ์ โตวังจร ที่พบว่าเป็นผู้จัดหาวัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว ส่วน นายมนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน ที่พบว่ามีส่วนสนับสนุนทางการเงิน เจ้าหน้าที่เตรียมประสานขอให้มีการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อนำกลับมาดำเนินคดีในไทยแล้ว ขณะที่ทีมข่าว 7 สี ไปสำรวจดูบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ วันนี้ พบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่มีผลกระทบกับการใช้ชีวิตของคนทั่วไป จะมีเพียงสถานที่สำคัญทางราชการ หรือสถานที่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง ที่มีเจ้าหน้าที่ไปดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษ
ตร.เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาคดีปาระเบิดศาลระดับปฏิบัติการเพิ่มยังไม่เปิดเผยกี่ราย วันนี้(16มี.ค.58)พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเครือข่ายผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลอาญาเพิ่ม ซึ่งเป็นระดับผู้ปฏิบัติการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะมีทั้งหมดกี่คน ส่วนจะเคยมีประวัติก่อเหตุ หรือเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อนหรือไม่ ต้องตรวจสอบพยานหลักฐานอีกครั้ง นอกจากนี้ ตำรวจยังเร่งติดตามตัวนายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือ ใหญ่ พัทยา ผู้ทำหน้าที่จัดหาวัตถุระเบิด และนายมนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน ผู้ใช้จ้างวานให้ก่อเหตุระเบิด ซึ่งในส่วนของนายมนูญ ไม่พบมีการเดินทางเข้าประเทศไทยแต่อย่างใด ส่วนเงินสนับสนุนให้มีการก่อเหตุระเบิดครั้งนี้ หลักฐานยังถึงแค่ตัวนายมนูญ แต่หากพยานหลักฐานพาดพิงถึงบุคคลใดเพิ่มเติม ยืนยัน ตำรวจจะดำเนินการโดยไม่ละเว้น ******************************************************** ตำรวจประสานตำรวจสากลติดตามตัว “เอนก ซานฟราน” ผู้บงการปาระเบิดศาลอาญา หลังมีข้อมูลหลบหนีอยู่ต่างประเทศ วันนี้ (16 มี.ค. 58) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีปาระเบิดศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 14 คน จับกุมได้แล้ว 12 คน อยู่ระหว่างหลบหนี 2 คน คือนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน และนายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา ซึ่งตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ นายเอนก ซานฟราน ผู้บงการ ตำรวจได้มีการประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่ออายัดทรัพย์สิน พร้อมประสานตำรวจสากลในการติดตามตัว หลังมีข้อมูลยืนยันได้ว่าหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ส่วน นายวิระศักดิ์ โตวังจร ผู้จัดหาอาวุธ เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศ แต่ยังไม่มีเบาะแสเพิ่มเติม โดยตำรวจเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการในคดีนี้อีกหลายระดับแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ตำรวจได้แจ้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร และก่อการร้ายเพิ่มสำหรับผู้ต้องหา 5 คนแรก ประกอบด้วย นายยุทธนา เย็นภิญโญ นายมหาหิน ขุนทอง นางสาวณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง นางสาวธัชพรรณ ปกครอง และนายนรพัฒน์ เหลือผล ส่วนผู้ต้องหารายอื่น หากมีการสืบสวนแล้วพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม รวมทั้งนางสาวสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์ ผู้จ้างวานกับพวกที่ทหารจะควบคุมตัวมามอบให้ทางสตช. ในวันที่ 18 มี.ค.นี้
ภากร นครกุลเชษฐ์ ''ไปชูสามนิ้วต่อในคุกเหอะ'' @bunshury1 น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน อายุ 37 ปี พยาบาลอาสาผู้เป็นพยานคดี 6 ศพวัดปทุมฯ ขณะถูกนำตัวมาส่งที่ บช.น.
Siriwanna Jill ศาลอาญาตัดสินจำคุก 5 เดือน 2 มือปาระเบิดศาล "มหาหิน-ยุทธนา" ฐานละเมิดอำนาจศาล ไม่รอลงอาญา การดำเนินคดี ในข้อหาละเมิดอำนาจศาลนั้น เป็นอีกข้อหาหนึ่ง ตามกฎหมาย ที่ให้อำนาจศาลอาญา ดำเนินการ แยกกับคดี ร่วมกันก่อเหตุขว้างระเบิด ซึ่งเป็นอำนาจของศาลทหาร ในการพิจารณาคดี ระหว่างประกาศกฎอัยการศึก
ศาลสั่งจำคุก “มหาหิน-ยุทธนา” วางระเบิดศาลอาญาคนละ 5 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล ไม่รอลงอาญา วันนี้ (17มี.ค.58) ศาลอาญา นัดไต่สวนคำร้อง ที่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ขอให้ไต่สวน นายมหาหิน ขุนทอง นายยุทธนา เย็นภิญโญ 2 ผู้ต้องหา ที่ร่วมกันขว้างระเบิด ใส่ศาลอาญา รัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง ให้การรับสารภาพ ขณะที่ฝ่ายผู้กล่าวหาได้นำพยานเข้าไต่สวน 3 ปาก โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 ปาก ที่อยู่ในเหตุการณ์ เป็นพยานเบิกความ ต่อศาลว่า ขณะรักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณประตูทางออก ริมถนนรัชดาภิเษก เวลาประมาณ 19 .45 น. ได้มีเหตุขว้างระเบิดเข้ามาในบริเวณรั้วศาลอาญา โดยระเบิดดังกล่าวได้ตกใกล้กับป้อมประตูทางออก บริเวณลานจอดรถ ห่างจากจุดที่ยืนอยู่ประมาณ 10 เมตร แต่ตัวเองไม่เห็นผู้ก่อเหตุ และต่อมาในเวลาใกล้เคียงกันได้ทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ก่อ เหตุได้บริเวณหน้าอาคารสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) และยังมีผู้รับมอบอำนาจจากผู้ อำนวยการศาลอาญาขึ้นเบิกความอีก1ปากด้วย ล่าสุด ศาลพิเคราะห์แล้ว มีคำสั่งจำคุก จำเลยทั้งสองคนละ 5 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำละเมิดอำนาจศาล สร้างความวุ่นวายและความเดือดร้อนให้ศาล สำหรับการดำเนินคดีในข้อหาละเมิดอำนาจศาลนั้น เป็นการดำเนินคดีอีกข้อหาหนึ่งตามกฎหมาย ที่ให้อำนาจศาลอาญาดำเนินการ แยกกับคดีร่วมกันก่อเหตุขว้างระเบิด ซึ่งเป็นอำนาจของศาลทหารในการพิจารณาคดีระหว่างประกาศกฎอัยการศึก ********************************************************** ตร.ยืนยันแหวน พยานคดี6ศพจ้างวานปาระเบิดศาลอาญา โดนข้อหาก่อการร้าย-อั้งยี่ วันนี้(17 มี.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัว นางวาสนา บุษดี นายนเรศ อินทรโสภา ผู้ต้องหาร่วมวางแผนขว้างระเบิดศาลอาญารัชดา เมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา และ น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือ แหวน อดีตพยาบาลอาสา ปฏิบัติหน้าที่ในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์สลายชุมนุม ปี 2553 มายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อทำการสอบปากคำ แจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจากการสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่า สำหรับ นางวาสนา ทำหน้าที่โอนเงิน ส่วนนายนเรศเป็นเจ้าของสถานที่ที่ใช้วางแผนที่จังหวัดขอนแก่น ส่วน น.ส.ณัฏฐธิดา เป็นผู้ติดต่อจ้างวานผู้ก่อเหตุ ขณะที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากับนายนเรศฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีเครื่องกระสุนปืนและยุทธภัณฑ์ทางทหารที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ได้ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ส่วน นางวาสนาและน.ส.ณัฏฐธิดา ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันก่อการร้าย อั้งยี่ และจ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ภายหลังการสอบปากคำ ทางด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(โฆษก สตช.) จะมีการแถลงข่าวอีกครั้งโดยมีรายงานว่าพนักงานสอบสวนเตรียมขออำนาจศาลทหารออกหมายจับเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 คนด้วย
ล่าตัวไอ้เอนก ส่วนอันนี้ที่อยู่ของมัน Arch Arthachinta ไม่ต้องล่าหรอก ไปที่บ้านเลย.. ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก็ได้.. บ้านอยู่ถนน San Fellipe เมือง San Bruno ร้านราชาก๋วยเตี๋ยวเรืออยู่ถนน Clement ใน San Fran. รัฐบาลอเมริกาต้องรับผิดชอบที่คนอเมริกันเป็นผู้ก่อการร้ายมาทำลายประเทศไทย !!
คดีการเมืองนะครับ ไม่พอใจที่ ทหารรัฐประหาร ประกาศเป็น นายกฯ ผู้เสียประโยชน์การเมืองเจ้าไหนไม่รู้เกิดไม่พอใจ ปาบึ๊ม เป็นไง คดีการเมืองแน่นอน อย่างนี้ USA ไม่ส่งตัวแน่นอน
ผบ.ตร.แถลง “เดียร์” สารภาพหมดเปลือกรับงานจาก “เอนก ซานฟราน” วางบึ้มศาลอาญา พร้อมปฏิเสธยัดข้อหา“แหวน” วันนี้ (18มี.ค.58) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษกสตช.) และพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ร่วมกันแถลงผลการสอบปากคำ นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ และนายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปาระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า เบื้องผู้ต้องหารับงานมาจาก นายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ผู้บงการใหญ่ โดยนางเดียร์ รับสารภาพว่า เหตุที่รับงาน นอกจากจะมีอุดมการณ์เดียวกันแล้ว นายเอนกรับปากว่าจะช่วยเลี้ยงดูบุตรชาย จำนวน 2 คน สำหรับ นายเอนก ซานฟราน ตำรวจคาดว่า สาเหตุที่ต้องการก่อเหตุ เนื่องจากมีความคิดขัดแย้งและต่อต้านสถาบันเบื้องสูง และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในมาตรา 112 ซึ่งได้ไปเปิดธุรกิจร้านอาหารอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา และเคยวางแผนก่อเหตุในกรุงเทพฯ เมื่อเดือน ก.พ.จำนวน 5 จุด แต่ครั้งนั้นทำไม่สำเร็จ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งประสานขอตัวตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สำหรับ น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือ แหวน อดีตพยาบาลอาสาช่วงเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 ถูกดำเนินคดีด้วยนั้น เพราะเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้เป็นการยัดเยียดข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ******************************************************* เปิดประวัติ "แหวน" พยานสำคัญคดี 6 ศพ จ้างวานปาระเบิดศาลอาญา โดนข้อหาก่อการร้าย-อั้งยี่
อ่านเนื้อหาข่าวแล้วนี่มันสนุกจริง ๆ ตอนนี้ไอ้พวกจัญไรที่อยู่ในไลน์ “DNP แอนด์เพื่อนแม้ว” “GERRARD” ยังหนาวไปตาม ๆ กันทั้งที่อากาศเริ่มร้อนแหละ
หนาวแน่ นายเอนก ซานฟราน ดีไม่ดีสาวไปถึงตัวการใหญ่ ที่หนีคุกเร่ร่อน จะซวยกันไปเป็นแถบ แต่ไอ้ UN ตัวดีอาจแอบหนับหนุนอาวุธอยู่ก็ได้นะ แหม่ ลำดับความเห้กันไม่ถูกเลยทีเดียว
ตอนนี้กำลังดริฟว่าทหารซ้อมผู้ต้องหาให้รับสารภาพ แต่ คสช. รู้ทัน เอาแพทย์มาตรวจก่อนส่งมอบตัวให้ตำรวจแล้ว พวกที่ออกมาดริฟกำลังซวยเพราะปากดีอีกแล้ว 55555 **************************************************** ข่าว 7 สี - ตำรวจยืนยันขณะรับตัวผู้ต้องหาคดีระเบิด ไม่พบการร้องเรียนว่าถูกทำร้าย ส่วน คสช.เตรียมดำเนินคดีกับผู้ที่ออกมาให้ข่าวทหารซ้อมผู้ต้องหา จากที่มีข่าวผู้ต้องหาทีมปาระเบิดศาลอาญา ร้องเรียนผ่านศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ว่าถูกทำร้ายในระหว่างการควบคุมตัวตามกฏอัยการศึกนั้น เรื่องนี้ พลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การรับมอบตัวผู้ต้องหาจากทหารทุกครั้ง จะมีแพทย์ตรวจร่างกายและซักถามโรคประจำตัวของผู้ต้องหา ซึ่งก็ไม่มีผู้ต้องหาร้องเรียนว่าถูกทำร้าย อย่างไรก็ตาม จะตรวจสอบบันทึกการตรวจร่างกาย ทั้งของแพทย์ และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่รับตัวและจะส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำ รวมถึงตรวจร่องรอยบาดแผลตามที่ผู้ต้องหาอ้าง ขณะที่ คสช. ก็จะเตรียมดำเนินคดีกับผู้ที่ออกมาให้ข้อมูลว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 คนถูกทหารซ้อมในขณะควบคุมตัว ส่วนการตามจับกุมตัว "เอนก ซานฟราน" ผู้บงการที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนที่นายเอนกบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะอ้าง ที่จังหวัดมุกดาหาร ตำรวจได้คุมตัวนางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ เดียร์ ซึ่งเป็นผู้ที่จ้างให้ก่อเหตุปาระเบิดหน้าศาลอาญา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 6 จุด เริ่มจากการไปเบิกเงินที่ธนาคารกสิกรไทย สาขามุกดาหาร แล้วนำไปโอนให้นายมหาหิน ขุนทอง ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ อีกจุดเป็นที่บ้านเช่า หน้าเรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งนางสุภาพรนำเงินมาให้นางวาสนา บุษดี ก่อนจะทำแผนจุดย่อยอีก 3 จุด และนำตัวกลับกรุงเทพมหานคร เพื่อนำตัวไปฝากขังยังศาลทหาร ด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรองหัวหน้า คสช. เปิดเผยว่า การใช้กฏหมายนำตัวพลเรือนขึ้นศาลทหาร จะใช้กับผู้ที่กระทำให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเท่านั้น และใช้เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน
มีแต่ข่าว "เดียร์" ที่สารภาพครับ ********************************************************** แต่จากรูปนี้ทำให้รู้ว่า "การชู 3 นิ้ว เป็นอันตรายต่อการทรงตัว" นะครับ
ข่าวว่าศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนออกแถลงการณ์ระบุว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ต้องหาเหตุระเบิดหน้าศาลอาญาฯ ว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารทำร้ายร่างกาย ระหว่างการถูกควบคุมตัวช่วงวันที่ 9-15 มี.ค. 58 ไม่เหมือนรอยจี้บุหรี่ ตรงพุงคล้ายรอยตัวแมงกัดมากกว่า ตรงขาอ่อนถ้าโดนจี้ สีน่าไหม้กว่านี้ (ภาพจากทวิตเตอร์ประชาไทเจ้าเก่า https://twitter.com/prachatai ) ส่วนข้างล่างนี่เป็นภาพที่เห็นลุงกำนันกับภรรเมียจนเจนตาแต่เสื้อแดงเอามาตัดต่อเห็นๆ.. http://www.goldmarketplaza.com/index.php?topic=75162.0
ในความรู้ของแพทย์ฝึกหัดด้านอายุรกรรม ผมมองว่ารอยแดงที่ท้องเหมือนอาการแพ้มากกว่าครับ ถ้าจี้จะเป็นรอยไหม้มีรอยแผลตรงกลางเนื่องจากความร้อนของบุหรี่จะมากที่สุดตรงกลาง แต่ในรูปเป็นผื่นนูนแดง แถมถ้าเพ่งซักนิดจะเห็นเหมือนรอยแดงขวางที่หน้าท้องเหมือนรอยเกา บ่งบอกถึงอาการคัน ซึ่งไม่ใช่ธรรมชาติของรอยแผลที่เกิดจากความเจ็บ ไม่มีใครเจ็บแผลแล้วเอามือไปเกาแผลใช่ไหมครับ ส่วนที่แขนเหมือนเป็นเกาจนเกิดแผลมาแล้ว ตรงนี้บอกอะไรไม่ได้ แต่ข้อสังเกตคือ รอยบุหรี่จี้สมควรจะมีขนาดเท่ากัน เพราะบุหรี่เส้นผ่านศูนย์กลางจะเท่ากันทุกมวน แต่รอยแดงกลับเล็กบ้างใหญ่บ้างไม่เท่ากัน คิดว่าเป็นจากการแพ้มากกว่า ข้อแนะนำเอา 0.1% TA cream ทาวันละ 2 ครั้ง อาการน่าจะดีขึ้น ถ้ามีอาการคันมาก ควรให้ยา Antihistamine เพื่อลดอาการคัน
จากข่าวประชาไทเมื่อวาน มันอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ซ้อมให้รับสารภาพโดยช๊อตด้วยไฟฟ้าตั้ง ๓๐ ๔๐ ครั้งครับ ไม่ใช่จี้ด้วยบุหรี่