เพิ่งจะติดตามความไม่สมประกอบทางความคิดของ "ด๊อกเธ่อร์ กานดา นาคน้อย" หนึ่งในปัญญาชน 112 คนแรก ที่ลงนามเสนอร่างแก้ไขม.112 ฉบับ "นิติราษฎร์" มาวันนี้ได้ข้อสรุปว่า ถึงจะมี"ด๊อกเธ่อร์" นำหน้าก็ใช่ว่าจะเป็นคน"บ้า"ไม่ได้ หมายเหตุ- กานดา นาคน้อย จบ ปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาสแตนฟอร์ด ด้วยทุนของมหาวิทยาสแตนฟอร์ดและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Hitotsubashi ในญี่ปุ่น ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวโดยทุนรัฐบาลญี่ปุ่น เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาช่วงสั้นๆให้กับธนาคารโลกและ IMF ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Purdue ในสหรัฐอเมริกา
แปลกอารัย ด๊อกเธ่อร์บางคนยังเถียงอยู่ทุกวันว่า ป่าแม่วงก์ไม่มีเสือ เพราะถ้ามีคนที่นั่นต้องโดนเสือกินไปแร้ว
นัง ดอกเท่อ ตัวนี้เวลามันโพสแต่ละประโยค ได้ค้นหาวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารจริง ๆ จัง ๆ บ้างหรือเปล่านะ หรือถือว่ามีคำว่า ดอก นำหน้า จะพล่ามจะพ่นอะไรก็ดูน่าเชื่อไปโหมดดดดดดดดดดด
กับวิธีการคิดเช่นนี้ ผมรับไม่ได้ครับ มันเหยียดหยายมผู้เสียสละที่ปกป้องประเทศชาติมากไป มันเคยเห็นเค้ายิงกันซึ่งๆหน้าหรือยัง มันไม่ได้เหมือนในหนังซักนิดเดียว นาทีนั้นใครมั่งไม่กลัวตาย?
แล้วตอนไอ้เหลี่ยมกับเมียมันทำงุบๆงิบๆเอาของหลวงมาซื้อขายกันเอง อีป้าคนนี้ออกมาโวยวายอะไรมั่งเอ่ย ติ๊กต๊อกๆๆๆ
ฝรั่ง ญี่ปุ่น ที่เป็น ดร แต่ไม่นิยมใช้ ดร นำหน้า คงเป็นเพราะเขากลัว โง่ เหมือน ดร ไทย ที่ไปเกร่ออยู่ในประเทศเขาหรือเปล่า เพราะ ดร ไทย เหล่านั้น ขนาดเขาประท้วงรัฐบาลของตัวเอง ยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเขาประท้วงเรื่องอะไร คิดเอาง่าย ๆ ว่าเขาประท้วงเรื่องเงิน เลยมาตั้งคำถามว่า ประท้วง 2 ล้าน ๆ แล้วทำไมไม่ประท้วง 3 ล้าน ๆ นี่ละมั้ง ที่ฝรั่งมันไม่อยากใช้คำนำหน้าว่า ดร เพราะมันคงกลัวเป็นแบบนี้เอง เพราะที่เขาประท้วงกันนั้น เขาประท้วงความโปร่งใสของโครงการ เขาไม่ได้ประท้วงว่ามันจะกี่ล้าน ๆ ถ้าคนมันไม่โปร่งใสถามอะไรก็ตอบไม่ได้จะให้นั่งเป็นสากกะเบือหรือไง บาทเดียวก็ประท้วง แต่ถ้าคนมันไม่มีพฤติการณ์ทุจริต จะกี่ล้าน ๆ เขาก็ไม่ประท้วง
ดร. บางคนเก่งแค่เรื่องที่ตนเองเชี่ยวชาญ พอไม่ใช่เรื่องที่ตนเองเชี่ยวชาญ ก็เทียบได้กับเด็กปัญญาอ่อนคนนึงเท่านั้น บางคนอาการหนัก ไม่เก่งเหี้ยอะไรสักอย่าง ทั้งวิชาการและโลกความจริง มีเพียงจินตนาการ
ถ้ามันคิดยังงั้น (จริง ๆ) นังดอก...เท่อ นี่คงทำมาหาแด๊กที่อเมริกาต่อไม่ได้ล่ะ เพราะ สมบัติในพิพิธภัณฑ์ของไอ้กันน่ะ มันปล้น+ลักลอบซื้อ+ขโมย มาจากประเทศอื่น ๆ แทบทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่นใน สมิทโซเนียล นั่น มีของในประเทศมันจริง ๆ จะมีถึง 20% หรือเปล่ายังไม่รู้เลย ส่วนผืนแผ่นดินที่นังดอก..เท่อ ยืนอยู่นั่น ไอ้กันก็ปล้นมาจากอินเดียนแดงที่เป็นเจ้าของดั่งเดิม ถ้านังดอก...เท่อ มีสำนึกสูงส่งดั่งที่พ่นออกจากปาก+เขียนกับมือจริง ๆ ล่ะก็ควรต้องรีบลาออกจาก หมาลัยที่มันรับจ้างสอนพรุ่งนี้เลยนะ ไม่งั้นก็แค่สักแต่ว่าเห่าหอนพ่นน้ำลายไปวัน ๆ หาสาระไม่ได้เหมือนไอ้กลุ่มนิติราดจัญไรนั่นเอง
แค่คนป่วย คนเก็บกดอ่ะ อยู่บ้านคนอื่นก็เป็นประชาชนชั้นสองต่อให้จบปริญญาเอก เลยฟาดงวงฟาดงา อหังการ แสดงความป่วย
ประเทศไทยป่วยมาก : ชาวนกหวีดผู้เกลียดชังคอรัปชั่นยิ่งชีพ เงียบเป็นเป่าสากเมื่อเงินกองทัพไปอยู่ในบัญชีภรรยาน้องชายประยุทธ ถ้าเงินภาษีไปอยู่ในบัญชีคุณหญิงพจมานป่านนี้เป่านกหวีดไม่หลับไม่นอนกันแล้ว นี่ก็อีกอันหนึ่ง ดร ผู้คลั่งญี่ปุ่น อเมริกา เห็นชาวนกหวีดเป็นหน่วยตรวจจับการทุจริตหรือไง หรือที่อเมริกาเวลาสงสัยว่ามีคนในกองทัพทุจริต เขาใช้คนอเมริกันออกไปประท้วงหรือไง ถึงมายกตัวอย่างแบบนี้ แสดงว่า ไม่รู้จริง ๆ นะเนี่ยะ ว่าที่เขาออกไปประท้วงนั้น เขาประท้วงเรื่องการบริหารประเทศของรัฐบาล จึงไปยกเอาเรื่องของตัวบุคคลมาพูดจาเสียดสีเขา ฉลาดเหลือเกินแล้วแม่เจ้าประคุณเอ้ย ถ้ายังแยกเรื่องของตัวบุคคล กับ เรื่องบริหารประเทศของรัฐบาล ไม่ได้ จะสอนหนังสือได้หรือนี่ ถ้าเป็นแบบนี้ ประเทศไทยไม่ได้ป่วยหรอก ที่ป่วย น่าจะ ด็อกเตอร์ นั่นแหละ
"นักวิชาการไม่ใช้คำนำหน้าว่า ดร." พาดพิงกันแบบนี้ ระวังกระทบชิ่ง ดร. เพียงตรีน เกลียด(เจ้า)ไทย ไอ้พวกล้มเจ้านะ
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ด๊อกอ่านเอกสารงบประมาณเป็นไหม ที่เขาเผยแพร่น่ะ มาถึงฉอดๆๆๆๆ รู้ไหมว่าเงินกว่า 70 % น่ะเป็นงบดำเนินการ ส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุน ไอ้ซื้ออาวุธเขาซอยกันแบบไหน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าไรต่อปี ไอ้ที่ว่าซื้ออาวุธให้ทหารน่ะ ได้แล้วก็ซื้ออันอื่นไม่ได้เพราะงบเต็มเพดาน กลับไปอ่านเอกสารให้เป็นก่อนนะ ขอร้องอย่ามโน แล้วระบบตรวจสอบน่ะ รู้ไหม เฮ้อ.... ด่าคนอื่น่ะด่าได้ แต่ก่อนด่าศึกษาให้รอบคอบซะก่อน
นักวิชาเกินควายแดงนี่มันพิมพ์เดียวกันหมด .... เวลาวิพากษ์วิเคราะห์เรื่องใด ๆ มันมักชอบใช้สมอง เสี้ยวเดียว (ไม่ถึงซีก) ไม่เคยมีสักตัวเดียวที่เวลาวิเคราะห์จะมอง เอ่ยถึงภาพรวมทั้งภาพ ชอบทำนิสัยเอานิ้วจิ้มไปที่จิ๊กซอว์จุดเดียวของภาพใหญ่แล้วพล่าม+พ่นน้ำลายเหม็นเน่าได้เป็นคุ้งเป็นแควชนิดครูบาอาจารย์ที่เคยสั่งสอนมันมา...ยังต้องส่ายหน้าหนี สันดานอัปรีย์แบบนี้หาที่ไหนไม่ได้ยกเว้น นักวิชาเกินควายแดงตัวจริงเสียงจริง
จริงๆแล้วถ้าไม่ได้จบด้านวิทยาศาสตร์ไม่ควรเรียกว่าด็อกเตอร์นะครับ คนที่ใช้คำนำหน้าว่าด็อกเตอร์ได้อย่างสมเกียรติ์ เพราะจบมาแล้วทำประโยชน์ให้สังคม ตัวอย่างเช่นนักฟิสิกส์อเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นอย่าง Dr. Michio Kaku ไงครับ ใครว่านักวิชาการฝรั่ง หรือ ญี่ปุ่น ไม่ใช้ด็อกเตอร์ อย่างนางด็อกกานดาอะไรนี่ เกิดใหม่อีกกี่ชาติก็ไม่ฉลาดเท่าเขาหรอก ดีออก
ไอ้ด๊อกโรคจิต หน้าตาวิตถาร การขุดสนามหลวง สนามหลวงควรได้รับการพัฒนาใต้ดินโดยก่อสร้างเป็นอาคารจอดรถขนาดใหญ่สำหรับรถโดยสารปรับอากาศที่เดินทางมาท่องเที่ยว และสำหรับผู้มาติดต่อราชการต่าง ๆ ตลอดจนวิสาหกิจเอกชนในพื้นที่ นอกจากนั้นยังสามารถสร้างเป็นแหล่งเชื่อมต่อสำคัญของสายรถประจำทาง สถานีขนส่งสายใต้ และอาจเป็นศูนย์รวมระบบขนส่งมวลชนระบบรางในอนาคตอีกด้วย การพัฒนาเช่นนี้สามารถทำได้ง่ายและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยมาก สนามหลวงมีขนาดประมาณ 70 ไร่ หรือ 112,000 ตารางเมตร หากใช้พื้นที่ก่อสร้างเพียง 60% โดยสร้างเป็นอาคาขนาด 4 ชั้น ก็จะมีพื้นที่รวมประมาณ 268,800 ตารางเมตร ยิ่งหากทำอุโมงค์เชื่อมต่อกับทางยกระดับในบริเวณใกล้เคียง ก็ยิ่งจะทำให้สนามหลวงกลับมา "รับใช้ประชาชน" เป็นศูนย์กลางการเดินทาง และทำให้พื้นที่ใจกลางเมืองฟื้นคืนกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง การแปลงสนามหลวงเป็นไนท์บาร์ซาร์ เราควรเริ่มต้นให้ใช้พื้นที่บริเวณสนามหลวง และรอบกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีพื้นที่รวมกันประมาณประมาณ 60,000 ตารางเมตร ซึ่งคิดเฉพาะพื้นที่ในบริเวณทางเดินรอบสนามหลวงและพื้นที่บนทางเท้ารอบอาคารศาลยุติธรรม ตลอดจนถนนราชินีและถนนหน้าหับเผยข้างอาคารศาลฯ หากนำพื้นที่ 50% มาใช้เพื่อกิจกรรมสันทนาการและไนท์บาซาร์ ก็จะกินพื้นที่ประมาณ 30,000 ตารางเมตร กรุงเทพมหานครในฐานะเจ้าของพื้นที่สามารถจัดกิจกรรมตลาดได้ทุกวัน นำรายได้เข้ามาบำรุงเกาะรัตนโกสินทร์ได้เพิ่มเติม เช่น คืนหนึ่งหากมีพื้นที่เช่าประมาณ 20,000 ตารางเมตรในระยะเวลาเริ่มต้น คิดเป็นเงินตารางเมตรละ 100 บาทต่อคืน ก็จะได้เงินประมาณปีละ 720 ล้านบาท หากหักค่าใช้จ่ายเหลือเงินกำไรสุทธิ 20% เพื่อนำมาพัฒนาเกาะรัตนโกสินทร์ให้มีความสง่างามเพิ่มเติม ก็จะได้เงินประมาณ 144 ล้านบาทต่อปี ยิ่งหากการพัฒนานี้ขยายตัว ก็ยิ่งจะได้รายได้มาพัฒนากรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้น และด้วยการจัดการที่ดี มีการบำรุงรักษาสถานที่หลังจากการใช้สอย ก็จะทำให้ภูมิทัศน์ของเกาะรัตนโกสินทร์ ยังคงความสง่างามและจะยิ่งสง่างามยิ่งขึ้น หากมีได้เงินกำไรมาพัฒนาเพิ่มเติม กิจกรรมไนท์บาซาร์นี้ควรเปิดบริการในระหว่างเวลา 18:00 – 24:00 น. และควรมีกิจกรรมเสริมเช่น การล่องเรือรอบคลองหลอด ลานการแสดงออกสำหรับคนหนุ่มสาวและศิลปิน เป็นต้น และในอนาคตยังสามารถขยายไปยังถนนมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ และอื่น ๆ ในเกาะรัตนโกสินทร์ รวมทั้งถนนราชดำเนินในและถนนราชดำเนินกลาง จนกลายเป็นตลาดไนท์บาซาร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประโยชน์จากการนี้เปิดตลาดไนท์บาซาร์ ณ เกาะรัตนโกสินทร์ ได้แก่ 1.เป็นการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย ให้ประชาชนได้ชื่นชมอาคารสถานที่สำคัญของเกาะรัตนโกสินทร์ในห้วงเวลาที่ไม่ร้อนเช่นเวลากลางวัน ซึ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความหวงแหนในสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย 2.เป็นการเปิดโอกาสให้วัยรุ่น เยาวชน คนหนุ่มสาว ศิลปิน ได้มีพื้นที่แสดงออกในเชิงสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ในพื้นที่ไนท์บาซาร์แห่งนี้ ซึ่งไม่ได้เน้นเพื่อการขายสินค้าแต่อย่างใด 3.เป็นการส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีพื้นที่ทำการค้าในราคาที่ยุติธรรมพร้อมการตรวจสอบคุณภาพสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐาน 4.เป็นสถานที่ทางเลือกเพื่อการพักผ่อนที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนในยามค่ำคืน ซึ่งจะทำให้พื้นที่นี้มีชีวิตชีวา ปลอดจากมิจฉาชีพ โดยทั้งนี้จะมีการจัดวางกำลังรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี บุตรหลานสามารถเดินทางมาได้อย่างปลอดภัย 5.เป็นการทำให้สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งนอกจากจะควรได้รับการยกย่องเชิดชูแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั้งที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ประชาชนไทยโดยทั่วไปและนักท่องเที่ยว 6.เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สะอาด ปลอดมลพิษ มีคุณภาพ ให้ชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นที่ประจักษ์ในเชิงสากล โดยไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวประเภทการให้บริการทางเพศหรืออื่นใดที่ทำให้ชื่อเสียงของประเทศชาติมัวหมอง การที่จะพัฒนาเมือง พัฒนาเกาะรัตนโกสินทร์ หรือในพื้นที่เจาะจงเช่นสนามหลวงนั้น จะต้องมีแผนแม่บทที่สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ใช่ทำโครงการแบบ "ผักชีโดยหน้า" ที่ "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" ไปวันๆ
มี"ด๊อกเธ่อร์" นำหน้าก็ใช่ว่าจะเป็นคน"บ้า"ไม่ได้... มี"ด๊อกเธ่อร์" นำหน้าก็ใช่ว่าจะเป็นคน... ใจหมาๆไม่ได้... มี"ด๊อกเธ่อร์" นำหน้าก็ใช่ว่าจะเป็นคน... ...