http://pantip.com/topic/34925469 http://pantip.com/topic/34925383 http://pantip.com/topic/34925392 http://pantip.com/topic/34920660 http://pantip.com/topic/34921623 ตามนั้น บอกตรงๆ เอี้ย เอี้ย เอี้ย เอี้ย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผมฟังอดีตตำรวจ ตำรวจในปัจจุบัน ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ พูดถึงการปฎิรูปองค์กรตำรวจ ผมก็เห็นด้วยทั้งนั้น จริงๆเขาก็รู้นะว่า องค์กรมันพลาดตรงไหน แย่ตรงไหน พูดกันมานาน แทบเขียนหนังสือกันออกมาได้เป็นเล่มๆเท่าพจานุกรมแล้วมั้ง แต่ทุกอย่างมันก็ไม่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมสักที ปัญหามีแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ถ้ารบ.ชุดนี้ไม่ทำ ก็คงไม่มีวันทำได้อีกแล้ว เบื่อจนไม่รู้จะเบื่อยังไงแล้ว ถ้าวันไหนจะอยากให้ประชาชนแสดงพลัง ให้ออกไปเดินขบวนให้ปฎิรูปตำรวจนะ ผมจะไปร่วมด้วย ไม่มีข้อแม้สักนิดเลย
แฉหลักฐานเด็ดเบนซ์ซิ่งแหกด่านทางด่วน | 18-03-59 | new)ข่าวเช้า อันนี้เป็นคลิปรถคันที่ว่าตรงด่านทางด่วน ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุสลด ตั้งแต่นาทีที่ 5.40 เป็นต้นไปครับ เครดิต Drama-addict สำหรับคนที่ขี้เกียจดูหรือเน็ตไม่ดี ผมขออธิบายสรุปจากการดูและฟังนะครับ คือรถเบนซ์คันนี้ได้แหกด่านเก็บเงินขึ้นทางด่วนพระราม 4 (ด่านบ่อนไก่) เกิดขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะไปก่อเหตุชนท้ายรถเก๋ง จนเกิดเหตุสลดย่างสด 2 ศพ ครับ
รัฐบาลนี้คงปฏิรูปได้ครับแต่ว่าตอนนี้ตำรวจพยายามดึงเรื่องประมาณว่าขอจัดการกันเอง แล้วรัฐบาลเองก็คิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับทหารเลยยังไม่บังคับปฏิรูป แต่คิดว่าถ้าถึงที่สุดแล้วรัฐบาลคงจัดการเองได้เรียบร้อยแน่นอน ผมว่าตอนนี้คงรอเก็บหัวขบวนที่เป็นปัญหาใหญ่กว่าก่อนทั้งสองทางที่กำลังทำอยู่ ปล. รัฐบาลก็คงอยากทำอยู่แล้วล่ะครับมันเลยมีข่าวตำรวจฆ่าตัวตายประท้วงนายกเพื่อให้รัฐบาลไม่กล้ารีบลงมือนั่นแหละ
เรื่องนี้ ผมไม่โทษคนขับเบนซ์นะ แต่ผมจะโทษ "พ่อคนขับเบนซ์" ให้ท้ายลูกตลอด ถ้าลูกทำผิดหนแรก ยอมเอาตัวลูก ไปดำเนินคดี ไม่ใช่โยนให้คนขับรถ มันจะได้เข็ด ไม่กล้ามาขับแบบนี้ แต่คนรวยก็แบบนี้ ถนัดใช้เงินฟาดหัว แล้วส่วนใหญ่ ก็มักจ่ายให้กับตำรวจ มากกว่า ผู้เสียหายซะอีก ตำรวจก็จริง ๆ ศักดิ์ศรี ไม่รู้เคยมีกันหรือเปล่า พอเจอเงินเป็นฟ่อน เท่านั้นอะ ทำซะคดี เป็นอีกเรื่อง เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มีพ่อรวยอย่างเดียว ไม่พอ ต้องมี ตำรวจชั่ว คอยรับลูกด้วย ชนใคร เจ็บตายแค่ไหน ก็ไม่ต้องติดคุก
*รองผบก.ตร.ภ.อยุธยา สอบฝ่าไม้กั้นทางด่วน ผตห.เสียประโยชน์ไม่ตรวจแอลกอฮอล์ * การดำเนินคดีรถเบนซ์ สีดำทะเบียน ษง 3333 ที่มีนาย เจนภพ วีรพร กรรมการบริษัทบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูแห่งหนึ่ง เป็นผู้ขับขี่ด้วยความเร็วพุ่งชนรถฟอร์ด เป็นเหตุให้นาย กฤษณะ ถาวร และนางสาวธันฐภัทร ฮ้อแสงชัย นิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ลังลงพื้นที่ชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ที่ พหลโยธินขาออก ช่วงหลัก กม.ที่ 52-53 ใต้ต่างระดับบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ. สุรินทร์ ทับพันบุบผา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัวทีมพนักงานสอบสวนชุดใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการประชุมพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับรายละเอียดคดี ซึ่งได้มีการสอบปากคำแพทย์ที่ทำการรักษาตัวนายเจนภพ ที่ โรงพยาบาลบางปะอิน และ โรงพยาบาลสมิติเวช เกี่ยวกับการรักษาอาการ ส่วนประเด็นที่ประชาชนสงสัยว่าทำไมไม่มีการตรวจงัดแอลกอฮอลขณะเกิดเหตุ พ.ต.อ.สุรินทร์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รายงานว่า ได้ขอตรวจวัดแอลกอลฮอล์ นายเจนภพแล้ว แต่ทางผู้ต้องหาได้ปฏิเสธการตรวจ ซึ่งถือว่าเป็นผลร้ายของผู้ต้องหา ถึงแม้ผู้ต้องการได้ให้การปฏิเสธ แต่พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินคดีได้ ตามพรบ. จราจรทางบก ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้หลักฐานใหม่เป็นคลิปวงจรปิด รถเบนช์ ฝ่าด่านพุ่งชนไม้กัน ที่ด่านพระรามที่ 4 ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า เป็นนายเจนภพ หรือไม่สังคมออนไลน์ ในคลิปวิดีโอที่รถเบนซ์ ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร แหกด่านจ่ายเงินอัตโนมัติที่ด่านพระราม 4 จนชนไม้กั้นเสียหาย ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งภาพดังกล่าวถูกบันทึกไว้ได้เวลาประมาณ 10.48 น. ของวันที่ 13 มี.ค. 1 ชม. ก่อนที่จะมีเหตุการณ์รถเบนซ์งชนเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า สีเทาดำ ทะเบียน ฆย 6911 กรุงเทพมหานคร บนถนนพหลโยธินขาออก ช่วงหลัก กม.ที่ 52-53 ใต้ต่างระดับบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จนรถเก๋งฟอร์ดเกิดไฟลุกท่วมทำให้มีผู้เสียชีวิต
'ไม่เอาผิด'เสี่ยเบนซ์ฝ่าด่าน กทพ.อ้างไม้กั้นไม่เสียหาย | เดลินิวส์ „รองผู้ว่ากทพ.แจง "เสี่ยเบนซ์พายุ" ซิ่งฝ่าด่านพระราม 4 จุดที่ 2 จริง แต่เอาผิดอะไรไม่ได้ เพราะ "ไม้กั้น" ไม่ได้รับความเสียหาย โบ้ย "ตร.ทางด่วน" เอาผิดเรื่องขับเร็วเอง“ อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/regional/386423
มีคลิปว่าเป็นไปได้อาจจะขับแข่งกับรถอีกคัน ถ้าหากล้องดูก็จะเจอเอง แต่ไม่ว่าสาเหตุอะไร ไปติดคุกเถอะ มีเงินจ่ายแล้วไม่ต้องรับผิดนี้ไม่เอานะ
ป๋าเปลวว่าไว้ ได้โดนใจ ? … ---------------------------------- คดีธรรมดา จึงสะเทือนถึงยอดสถาบันตำรวจ! รอพิสูจน์ความจริงใจ คสช.ที่ว่า เข้ามา "ปฏิรูประบบราชการเพื่อสังคมชาติ" นั่นน่ะ ชาตินี้ หรือชาติไหน? ไอ้ที่มีเรื่องก็ย้ายไปนอนกินเงินเดือนโดยไม่ต้องทำงานเดือน-ครึ่งเดือน พอเรื่องเงียบ ก็ให้กลับไป "กินท้องที่" เหมือนเดิม หรือเวียนไปกินที่อื่นต่อนั้น เหมือนโสเภณีเวียนซ่อง...เลิกซะทีเถอะ! ถ้าคิดว่าการย้าย มีผลให้ตำรวจโดยรวม ตื่นตัว-กลับตัว-กลับใจ ซื่อตรงหน้าที่ได้จริงละก็... แค่ย้ายผู้กำกับ-สารวัตรผู้ทำคดี ไม่พอหรอก ต้องนี่เลย....ขั้นแรก ย้ายผู้บัญชาการ "ผู้รับผิดชอบ" สูงสุดในภาคนั้น ขั้นต่อไป การทำงานในภาพรวม ยังไม่สะท้อนความเข้าถึงคำว่า "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" ย้ายหรือปลด ผบ.ตร.ไปเลย! เพราะโดยกายภาค ส่วน "หาง" กระดิกเองไม่ได้ ถ้าระบบประสาททางส่วน "หัว" ไม่ส่งสัญญาณ เหมือนหนังสือพิมพ์ ถ้าฉบับไหน เจ้าของ บรรณาธิการ หรือผู้บริหาร ซึ่งเป็นส่วนหัว มีพฤติกรรมขุดทองในหน้ากระดาษ พูดง่ายๆ คือ "หาแดก" ก็ไม่ต้องสงสัยว่าส่วนหางซึ่งรับสัญญาณมาจากส่วนหัว คือบรรดา นักข่าว ช่างภาพ คอลัมนิสต์ จะไม่หาแดกตามไปด้วย! เมื่อวาน (๑๘ มี.ค.๕๙) เห็นโฆษกสำนักงานตำรวจฯ แถลง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ส่งรอง ผบ.ตร.เจ้าเก่า "พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ" ลงไปคุมคดี เห็นย้ง-ย้ายตำรวจทำคดีที่โรงพักพระอินทร์ราชา "ขุมทองภาค ๑" ออกไป ให้นายตำรวจชุดใหม่เข้ามาทำคดีแทน ก็คดี "ลูกเสี่ย" ที่ควบเบนซ์พุ่งชนรถ ๒ นักศึกษาเสียชีวิต แต่ตำรวจพระอินทร์ราชา "ไม่ทำคดี" อะไรเลยนั่นแหละ! การย้าย ก็แค่ "ซื้อสถานการณ์" เฉพาะหน้าให้ผ่านไปเท่านั้น ไม่มีผลทางขจัดโรค "ตำรวจเป็นพิษ" ให้หายขาด ตราบใด ที่ คสช.โดย "นายกฯ ประยุทธ์" ซึ่งรับผิดชอบประเทศชาติ-ชีวิตประชาชนโดยตรง "ไม่ปฏิรูประบบตำรวจ" ตามสัญญา ตราบนั้น "พิษตำรวจ" จะกลัดหนอง-รุมกินสังคมชาติ จนประชาชนปวดร้าวสุดทน จำต้องลุกขึ้น "ล้างพิษ" กันเอง ในที่สุด ถ้าต้องการ "คืนความสุขให้ประชาชน" ตามสัญญาจริงๆ นายกฯ ประยุทธ์ ควรทราบ... ความสุขประชาชนจะมีได้ ก็ต่อเมื่อนายกฯ ประยุทธ์ "ปฏิรูปตำรวจ" ก่อนเท่านั้น! พวกเศรษฐี กินดีอยู่ดี แข็งแรงทั้งนั้น แต่สังเกตมั้ย พอจะเข้าคุก-เข้าตะราง ขี้โรค จะเป็นจะตาย ต้องเข้าโรงพยาบาลขึ้นมาทันที แทบทุกคน อย่างเสี่ยเบนซ์ ตะบึงรถขึ้นทางด่วน แหกด่านเก็บเงินพระราม ๔ พุ่งชนไม้กั้น ตอน ๑๐.๔๘ น. อาทิตย์ ๑๓ มี.ค. คึก-แข็งเหมือนม้า ตะบึงจากดินแดง พุ่งเสยท้ายรถ ๒ นักศึกษาแถวเชียงรากน้อย บางปะอิน ตอน ๑๑.๓๐ น. ตัวเสี่ยไม่เป็นไร......... เท่าที่ผู้กำกับให้สัมภาษณ์ ที่โรงพยาบาลบางปะอิน "ไม่เห็นมีเลือดออกตรงไหน น้ำเกลือก็ไม่ต้องให้ จะตรวจเลือดก็ไม่ยอม ขอไปรักษาตัวที่ สมิติเวช" คิดดูนะ..... จากด่านพระราม ๔ ลงดินแดง ไปถึงเชียงรากน้อย ตรงบริเวณทางต่างระดับบางปะอิน เสี่ยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง สิ่งใคร่ครวญ...ต้องใช้ความเร็วเท่าไหร่? ขับด้วยสติสมบูรณ์ หรือมีแอลกอฮอล์ หรือมีสารเสพติดใดในร่าง เวลานั้น เป็นเวลาเช้าถึงเที่ยง ตำรวจบอกไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ ซ้ำเจ้าตัวไม่ยอมให้ตรวจเลือด ดังนั้น ถ้ามี...ในเมื่อไม่ใช่แอลกอฮอล์ ควรจะเป็นประเภทใด ก็ลองคิดกันดู? การที่ตำรวจพระอินทร์ราชาไปที่เกิดเหตุ แต่ไม่ทำคดีอะไรเลย คือไม่จับกุม ไม่แจ้งข้อหา ไม่ตรวจสถานที่เกิดเหตุและสภาพรถ รวมถึงสอบปากคำพยาน ก็มีประเด็นให้คิด... สมมุติเราเป็นเสี่ยเบนซ์ เมื่อขับรถชนเช่นนั้น สิ่งแรกที่ทำคืออะไร? โทร.หาแฟน...กินข้าวรึยังจ๊ะ หรือจะรีบโทร.หาคนที่คิดว่า สามารถพูดกับตำรวจที่ "สั่งท้องที่ได้"? จะสังเกตเห็นอีกอย่าง รายการนี้ เสี่ยเบนซ์ไม่เรียก "บริษัทประกัน"! ระดับลูกเสี่ยพันล้าน นั่งกระแซะถ่ายรูปคู่ยิ่งลักษณ์อะร้าอร่ามขนาดนั้น ถ้าเป็นเรา.......... จะโทร.หาใครที่จะช่วยได้....ก็คิดเอานะ!? ฉะนั้น การที่ตำรวจผู้ทำคดี มาที่เกิดเหตุแล้ว ขนาดเห็นๆ คาตา ไฟลุกท่วมรถ คนตาย ๒ คน ซ้ำคนก่อเหตุก็อยู่ตรงหน้า ถ้าไม่มี "ใบสั่ง"....... ด้วยอาชีพตำรวจ และคดีรถชนมีทุกวัน จะไม่รู้กฎหมายปากคอกเชียวหรือว่า จะต้องทำอะไรบ้าง? และ "กล้าหรือ" ที่จะเป่าคดี (โดยไม่มีปลายนวม)? ต่อเมื่อเรื่องกลายเป็นไฟเผาไหม้ตัวเองและภาพลักษณ์ตำรวจ ๕ วันผ่านไปแล้ว นายเหนือกระชุ่นตูดลงมา ถึงได้ย้ายก้นไปแจ้งข้อหา! น่าเอาโทรศัพท์เสี่ยเบนซ์มาเช็กว่า ตอนนั้น...โทร.ไปที่เบอร์ใครมั่ง? พอเข้าใจใช่มั้ยว่า เสี่ยเบนซ์แข็งแรงขนาดไหน แต่ปรากฏว่า เมื่อวาน (๑๘ มี.ค.) หลังตำรวจแจ้งข้อหา กลายเป็นขี้โรค บาดเจ็บสาหัสไปทันที ถึงขนาดต้องนอนเปล ......... ใส่รถเข็นขึ้นศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตำรวจขอฝากขังระหว่างสอบสวน ใช้เงิน ๒ แสน ประกันตัวไป ศาลสั่งยึดใบขับขี่ ห้ามขับรถ ห้ามออกนอกประเทศ เรียกตัวเมื่อไหร่ ต้องมาทันที! สิ่งที่อยากให้คิดอีกเรื่อง..... สังคมไทย เหมือนแม่น้ำโขง ไหลไปทางเดียว มีเรื่องก็จำเฉพาะหน้า พักเดียวก็ลืมรายละเอียด คดีความนั้น อีกเป็นปีๆ กว่าจะตัดสินที่ศาล เมื่อศาลตัดสิน คนก็จะฟังแค่ว่า แพ้หรือชนะ ติดคุก หรือไม่ติด? ถ้าติดก็...สาธุ...ศาลท่านยุติธรรม ถ้าไม่ติด...เอาละทีนี้ ร้อยถ้อยสอยกระทง "กระแนะ-กระแหน" ศาลต่างๆ นานา น้อยคนนัก ที่จะหยิบรายละเอียดที่ศาลอธิบายว่า เหตุใดจึงจำคุก เหตุใดจึงปล่อย! กรณีนี้เช่นกัน อยากให้เก็บข้อมูลที่ตำรวจทำคดีไว้ แล้วคอยดูตอนสู่ศาล ว่าตำรวจทำสำนวนไปอย่างไร ข้อหาอะไร มีเอกสาร หลักฐาน พยานอะไรไปแสดงต่อศาลบ้าง ระบบกล่าวหา ศาลเป็นเพียงผู้ตัดสิน ไม่มีอำนาจแสวงหาพยานหลักฐานเอง ฉะนั้น สำนวนที่ตำรวจ-อัยการทำขึ้นไปอันเป็น "ต้นทาง" นั่นแหละสำคัญนัก สมมุติ "สำนวนอ่อน" มันเป็นไปได้มาก ที่ศาลจะยกประโยชน์ให้จำเลย ตัวอย่างล่าสุด คดี ๓ แนวร่วม นปช.ยิง ฮ.ทหาร ช่วงเหตุการณ์เผาบ้าน-เผาเมือง ปี ๕๓ ตำรวจ-อัยการ ฟ้องศาลจังหวัดพระโขนง ปรากฏว่า ศาลชั้นต้น ยกประโยชน์ให้จำเลย คือยกฟ้อง อัยการอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คือให้ยกฟ้องอีก อัยการฎีกา..... และเมื่อจันทร์ที่ ๑๔ มี.ค.๕๙ นี่เอง ศาลฎีกาก็มีคำพิพากษาว่า....ว่าอย่างไร ช่วยอ่านกันทุกตัวอักษรหน่อยนะ แล้วจะเข้าใจ "คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าแม้เจ้าพนักงานชุดจับกุมจะพบของกลางในบ้านที่เกิดเหตุก็ตาม แต่กลับไม่ปรากฏว่า มีข้อเท็จจริงเรื่องการจับกุมดังกล่าวรายงานกลับไปยังกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) อีกทั้งหมายคำสั่งค้น ก็ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่ายึดสิ่งของใด อีกทั้งขณะตรวจค้น มีการถ่ายภาพปืนกลเล็กที่ซ่อนไว้ในถุงกอล์ฟ ที่ตรวจพบจากท่อระบายน้ำไว้กว่า ๒๐ ภาพ แต่กลับไม่มีภาพดังกล่าวส่งให้พนักงานสอบสวน และไม่มีถุงกอล์ฟหรือถุงดำ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานสำคัญ จึงให้สงสัยว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่ไม่ส่งหลักฐานดังกล่าวให้พนักงานสอบสวนใช้ประกอบคดี อันเป็นข้อพิรุธ ทั้งจำเลยทั้งสาม ให้การปฏิเสธมาตลอด มีเหตุสงสัยตามสมควร ส่วนที่โจทก์มีพยานอ้างว่า เห็นจำเลยทั้งสามใช้อาวุธสงครามยิงใส่เฮลิคอปเตอร์ของเจ้าหน้าที่ระหว่างการชุมนุมนั้น แต่โจทก์กลับไม่มีหลักฐานว่า จำเลยทั้งสามครอบครองอาวุธปืนมาแสดง พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อพิรุธสงสัยว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยแก่จำเลยทั้งสาม พิพากษายกฟ้อง" ครับ...นี่แหละ ควรจับตาการทำคดีของตำรวจให้ตลอด ไม่เช่นนั้น เมื่อถึงศาล...ที่ตำรวจปาวๆ ตรวจนั่น-จับนี่-ดิ้นไม่หลุด-หลักฐานแน่น แน่นอยู่ในปาก (ตำรวจ) แต่สำนวนกลวงโบ๋! ------------------------------- ช่วยกันเชียร์ ช่วยกันเข็น ช่วยกันดัน สักวัน คงได้เห็น ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จริงๆกันมากขึ้น. เพียงแต่ว่า จะทันได้เห็นกันในชาตินี้อ๊ะป่าว...
ล้านชื่อต้านล้างผิด แล้วที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. อ้างว่า "เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้บอกให้ช่วยเจาะตรวจเลือดด้วย แต่นายเจนภพปฎิเสธไม่ยอม พยาบาลจึงให้พนักงานเปลเข้ามาช่วยพูด แต่นายเจนภพบอกว่าไม่ได้ครับ ไม่ให้ตรวจ ผมกลัวเข็ม จะให้ รพ.สมิติเวช ตรวจอย่างเดียว เจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ตรวจ" ตกลงใครโกหกกันแน่ ???? เครดิต/ ทีวีไทยรัฐ อะไรยังไง?! นายเจริญ แก้วยอดหล้า ตัวแทนครอบครัว 'วีรพร' เผย 'ตำรวจ' ไม่ได้ตรวจแอลกอฮอล์และไม่ได้มีการขอตรวจคนขับรถเบนซ์ #ถามตรงๆ ดูย้อนหลัง >> ***เลื่อนชมตั้งแต่นาที่ 0.01 เป็นต้นไป***
เห็นพ่อของคนขับเบนซ์พูดแล้วรู้สึกทุเรศครับ ถือแต่หางลูกตัวเองพยายามพูดให้ดูดี พูดเพื่อให้ลูกรอด เข้าใจว่ารักลูก แต่ก็ต้องมองความจริงรอบๆด้านบ้าง ไม่ใช่มองแต่ตัวเอง คนที่ตายไปเขาก็เป็นลูกของใครคนนึงหรือเปล่าพ่อแม่เขาไม่รักเขาบ้างหรือไงตัวเองถึงได้พูดเข้าข้างแต่ลูกตัวเองได้ แบบนี้เรียกเห็นแก่ตัวของแท้
อำนาจดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีเกิดอุบัติเหตุ 2016/03/18 7:20 PM สำนักข่าวไทย 18 มี.ค.-กรณีอุบัติเหตุรถชนกันทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ขั้นตอนตามกฎหมายที่พนักงานสอบสวน มีอำนาจดำเนินการเป็นอย่างไร ติดตามจากรายงาน อุบัติเหตุคนขับรถเบนซ์ ชนนักศึกษาปริญญาโทเสียชีวิต 2 คนทำให้สังคมเกิดคำถามถึงอำนาจตามกฎหมายของตำรวจ โดยเฉพาะกรณีนี้มีการอ้างว่า คนขับรถเบนซ์ไม่ยอมให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย โฆษกกองบังคับการตำรวจจราจร ยืนยันว่า กรณีนี้เกี่ยวข้องกับกฎหมาย 2 ฉบับ คือ ประมวลวิธีพิจาณาความอาญา หรือ ป.วิอาญา และ พ.ร.บ.จราจรทางบก โดยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ปี 57 มาตรา 43 กำหนดว่า หากผู้ขับขี่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าขับรถขณะเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น หากไม่ยอมให้ตรวจวัด โดยไม่มีเหตุอันควรให้ถือว่าผู้นั้นขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งโดยทั่วไปหลังเกิดอุบัติเหตุและคู่กรณีถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล พนักงานสอบสวนสามารถร้องขอให้แพทย์ทำการตรวจปัสสาวะหรือตรวจเลือดเพื่อหา ปริมาณแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดได้ แต่หากเจ้าตัวไม่ยินยอมซึ่งถือเป็นสิทธิตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนสามารถสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นขับรถขณะเมาสุราพร้อมตั้งข้อ หาได้ โดยโทษสูงสุดกรณีขับรถขณะเมาสุราแล้วทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต คือจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ส่วนการขับรถชนผู้อื่น จนทำให้มีผู้เสียชีวิต ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือ ป.วิอาญา มาตรา 131 ให้อำนาจพนักงานสอบสวน ในการรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง และพิสูจน์ความผิดหรือถูกของผู้ต้องหา หากคู่กรณีไม่ยินยอม โดยไม่มีเหตุอันควร ให้สันนิษฐานว่า ข้อเท็จจริงเป็นไปตามผลการตรวจที่จะเป็นผลเสียต่อผู้ต้องหาหรือผู้เสียหาย นั้นด้วย สำหรับกรณีที่ล่าสุด มีการเผยแพร่ภาพขณะรถเบนซ์คันดังกล่าว ก่อเหตุชนไม้กั้น ช่องทางด่วนอีซีพาส บริเวณด่านพระราม 4 นั้น โฆษกกองบังคับการตำรวจจราจร ระบุอาจเข้าข่ายทำให้เสียทรัพย์ตาม ป.อาญา ซึ่งการทางพิเศษต้องมาร้องทุกข์ เช่นเดียวกับความเสียหายทางแพ่ง ฐานไม่ยอมชำระค่าทางด่วน ด้วยข้อกฎหมายที่ชัดเจนว่าพนักงานสอบสวน มีอำนาจดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดกับกรณีคนขับรถเบนซ์ชนนักศึกษาปริญญาโท ทำให้ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนล่าสุดพนักงานสอบสวน และผู้กำกับการ สภ.พระอินทร์อินทร์ราชา ถูกย้ายด่วนออกนอกพื้นที่.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/427336
ยุคนี้ใครคุมตำรวจ หว่า............................ ผบตร คนก่อน กับ ผบตร คนนี้ ก็ใครตั้ง ตำรวจทั่วประเทศ ยุคนี้ใครตั้ง ...............
น่าเห็นใจคดีความต่างๆที่เกิดขึ้นตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรม จากระบบยุติธรรมในบ้านเราโดยเฉพาะด่านแรก ตำรวจมักมีข้อครหาในเรื่องการทำสำนวนที่มัก เอื้อ ช่วยเหลือผู้กระทำผิดที่มีอำนาจ อิทธิพล เงินทองมากกว่าบุคลธรรมดา จึงมีเสียงเรียกร้องการปฎิรูปตำรวจอย่างมากมาย เพียงแต่ภาวะปัจจุบัน ภาระการทำงานของรัฐบาลหนักหน่วงจริงๆ ในเรื่องเศรษฐกิจของประเทศที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ปัญหาความมั่นคง การเตรียมรธน.ฉบับใหม่ และวางรากฐานของประเทศในระยะยาว ผมเชื่อว่ารัฐบาลมองเห็นปัญหาและอยากทำ แต่ก็ไม่ง่ายจริงๆในระยะเปลี่ยนผ่านนี้ ที่สำคัญ เงื่อนเวลาที่ บีบเข้ามาเรื่อยๆ กลางปี 60 อีก ปีเดียวเอง
ตลกดี งั้นคดีกระทิงแดงที่เกิดในยุคปู ปูก็ต้องรับผิดชอบใช่ไหม คดีแพรว่าก็ผ่านยุคปูมาด้วย ไม่เห็นปูยุ่งอะไรเลย
เขาหมายถึง การเป็นผู้บังคับบัญชาหรือเปล่า ถ้าเอาอย่างนี้ พธม.ยึดสนามบินนี่สมชายต้องรับผิดชอบ ส่วนกำนันยึดเมืองนี่ให้ปู มันรับผิดชอบ ด้วยหรือเปล่า
โฆษก คสช. วอนสังคมอย่ากังวลคดีเบนซ์ซิ่งชนฟอร์ด แนะสังคมเสนอข่าวระมัดระวังเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ป.ป.ท. ส่งหนังสือติดตามการทำงานชุดคลายคดีเบนซ์ชนนักศึกษาป.โทเสียชีวิต จับตาทำหน้าที่ตรงไปตรงมา
โซเชียลฮือหนุน ใช้ม.44 ปฏิรูปทั้งตำรวจ อัยการ ศาล จากแง่คิด ดร.คณิต ณ นคร 19 มีนาคม 2016 โดย แคน ไทเมือง [อ่าน 630 คน , ยังไม่มีความเห็น , ID] Anchalee Sasaki Follow · 23 hrs · ต้อง ม.44 เท่านั้น สนับสนุนปฏิรูปตำรวจ โดยใช้ม.44 สนับสนุนช่วยกันแชร์
มีไว้กำกับคอนโดฯ? มีไว้ให้ข่าวทางไลน์? มีไว้... เอ่อ ก็ไม่รู้ซินะ http://www.nationtv.tv/main/content/crime/378494492/ รองผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา แจงสื่อผ่านไลน์ กรณีเสี่ยเบนช์ชนฟอร์ด ถือเป็น"ความซวย"ของพนักงานสอบสวนที่ต้องตอบคำถามสื่อเพราะไม่แม่นกฎหมาย ยืนยันทำคดีต้องไม่รีบตามกระแสเพราะเสี่ยงต่อการถุกฟ้องกลับหากผู้ต้องหายังบาดเจ็บ ระบุเป็นเพราะการยุบพนักงานสอบสวนเอาผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถไปนั่งเป็นผู้กำกับคอนโดฯ
เห็นใจตำรวจดีๆที่ต้องตากหน้าแทนพวกตำรวจชั่ว ทำให้ตำรวจดีท้อแท้หรือไม่ใหนๆกูก็ต้องอายก็ทำชั่วมันสะเลย ตำรวจดีบางคนต้องอกไหม้ไส้ขมจนเกษียนโดนตำรวจเลวขี่คอ
ถ้างั้น อีโง่ก็สมควรแสดงความรับผิดชอบบ้างเหมือนกันนะ ****************************************** เผยคำสั่งฟ้องทายาทกระทิงแดงขับรถชนคนตาย ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด หมดอายุความไปแล้ว เผยคำสั่งฟ้องคดีทายาทกระทิงแดงขับรถชนตำรวจตาย ในข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ย.56 เนื่องจากมีอายุความ 1 ปี จึงเหลือ 2 ข้อหา คือขับรถประมาทฯ และข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือฯ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการเรื่อง "ปัญหาการทุจริตในภาครัฐ" ในวันนี้ ถึงคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี ทายาทธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดัง ที่ขับรถเฟอร์รารี่พุ่งชนดาบตำรวจ สายตรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต บริเวณ ถ.สุขุมวิท 47 กลางดึก 3 ก.ย.55 โดยกล่าวว่า คดีนี้ฝ่ายผู้ต้องหาได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาด้วยและยังมีประเด็นที่ยังไม่ชัดเจนอยู่บ้าง ดังนั้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อประเด็นไหนที่ยังไม่ชัดเจน อัยการก็ต้องทำให้ชัดเจน โดยคดีขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมอยู่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีของนายวรยุทธนั้น ก่อนหน้านี้ อัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ผู้รับผิดชอบสำนวน ได้มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ 3 ข้อหา ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย , ข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน และข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ตามสำนวนการสอบสวน แต่ขณะนี้ ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ได้สิ้นสุด เมื่อวันที่ 3 ก.ย.56 เนื่องจากมีอายุความ 1 ปี จึงเหลือ 2 ข้อหา ที่รอพิจารณาคือขับรถประมาทฯ และข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือฯ http://www.nationtv.tv/main/content/crime/378494607/
