พอๆกัน *********************************** หลังจากที่มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ได้หารือกับ นายตีแยรี วีโต้ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสเกี่ยวกับ 3 ผู้ต้องหาชาวไทยที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในมาตรา 112 และหลบหนีไปยังประเทศฝรั่งเศส เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย ล่าสุดมีรายงานว่า นายวีโต้ กล่าวว่า ความผิดลักษณะดังกล่าวไม่มีปรากฏในระบบกฎหมายฝรั่งเศส http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1437031871
ถ้าอเมริกาคิดว่าคนพวกนี้ดีก็ขนคนพวกนี้ไปอยู่ประเทศมันให้หมด ที่นี่ประเทศไทยไม่ใช่อเมริกาและประเทศไทยไม่ใช่เมืองขึ้นอเมริกาที่มันจะมาสั่ง
ในชีวิตจริงของคนธรรมดาๆนี่แหละ ไม่ต้องถึงกับเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ระดับประเทศ ***มีเพื่อนที่รักเราคนไหนบ้าง ที่พยายามจะสอดแส่เรื่องของเรา โดยไม่ให้เกียรติกัน ***มีเพื่อนที่รักเราคนไหนบ้าง ที่พร้อมจะโอบอุ้ม คนที่ทรยศ คนที่ทำร้ายเรา
นี่คือมิตรประเทศที่แท้จริง ************************************************************************* สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีพร้อมสมเด็จพระราชินีและพระโอรสเสด็จฯ บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. เวลา 9.48 น. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก และเจ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุกพระโอรส เสด็จพระราชดำเนินบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ณ พระบรมมหาราชวัง โดยเสด็จฯเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี โดยมีประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯจำนวนมาก http://news.mthai.com/hot-news/general-news/525753.html
ลิงค์ที่ให้โหลดภาพของพระองค์ท่าน (เขาบอกเป็นภาพหายาก) รวม1094 ภาพ เครดิตจากเพจ กำลังใจจากฉัน ********************************************************************* http://www.mediafire.com/file/34xzt2xcbpl6bpg/1094+ภาพ+พระบรมฉายาลักษณ์หายาก.rar
การจะส่งตัวนักโทษหรือไม่นั้นก็เป็นเกมส์การเมืองระหว่างประเทศ (ต่อให้ผิดจริงแต่ไม่อยากส่งมีไรเปล่า อยากได้ก็เอาอะไรมาแลกสิ) ด้วยเหตุนี้ประยุทธ์ เลยส่งนักโทษที่อเมริกาต้องการ ให้จีนกับรัสเซียบ่อยๆ ถ้า ๒ ประเทศนี้ต้องการ
มัวแต่ชี้นิ้วบงการ เรื่องของประเทศอื่น แต่ลืมดูเรื่องในประเทศตัวเอง **************************************************************** ปอกเปลือก ทรราช ม็อบล้านคุณแม่ตบเท้าเดินขบวน (Million Moms March) ประชาชนชาวอเมริกันออกมารวมตัวกันเดินขบวนบนท้องถนนในเมือง Philadelphia เพื่อประท้วงการใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธปืนและความโหดร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจอเมริกัน ไม่เห็นมีพวก ngo สิทธิมนุษยชนเติมเงิน ทั้งในสหรัฐและอียูออกมาเป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชนชาวอเมริกันบ้างเลย รัฐบาลสหรัฐที่ชอบเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศอื่นๆ กลับเงียบซะงั้น? (16 ต.ค.59) ------------- https://youtu.be/Ux_36qsinc0 USA: 'Million Moms March' rallies against gun violence… YOUTUBE.COM ถูกใจ · ตอบกลับ · 42 ·
ม112 ใช้สำหรับ....มันไม่เข้าใจ พวกมันใช้คำว่า hate crime หรือ hate speech เช่น ผิวสี เป็นต้น หลายๆคนต้องเอาใจ อย่างว่านะคนพวกนี้จะทำให้ชนะหรือแพ้เลือกตั้งได้ ต้องเอาใจ เข้าใจยังคนรากหญ้า มันเป็นแค่เกม
ผมว่าเนื้อหาในวิกิพีเดีย มันก็ดูเสี้ยมๆยังไงพิกลนะ มีใครคิดเหมือนผมมั้ย? https://th.wikipedia.org/wiki/พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเฉพาะไอตรงที่ขีดเส้นใต้?!? ก็เห็นมีแค่รัฐบาลไอ้เหลี่ยมกับนอมินี่มัน เท่านั้นเอง ที่โดนหยิบเรื่องนี้มาเล่น? ไม่เห็นว่าก่อนหน้านี้คณะรัฐประหารเขาจะหยิบประเด็นนี้มาเล่น? ส่วนใหญ่ฝ่ายรัฐประหารจะอ้างเรื่องรัฐบาลเดิมคอรับชั่น กับไร้ประสิทธิภาพมากกว่า
ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรอกครับ ตั้งแต่รัฐบาลปชป. กปปส. จนถึงรัฐบาลนี้ เนื้อหาที่เขียนไว้ จะแตกต่างจากความเป็นจริงเยอะมากครับ
ศาลในเมืองหลุยส์วิลล์ มลรัฐเคนตักกี ได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2553 ให้จำคุกนายจอห์นนี่ โลแกน สเปนเซอร์ ชาวเมืองหลุยส์วิลล์ วัย 28 ปี เป็นเวลา 33 เดือน ด้วยข้อหาข่มขู่นายบารัก โอบามา กรณีที่นายสเปนเซอร์ได้เขียนบทกวี 16 บรรทัด ซึ่งมีเนื้อหาบรรยายถึงการใช้ปืนสไนเปอร์ลอบยิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ขึ้นบนเว็บไซต์แห่งหนึ่ง สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายสเปนเซอร์ได้กล่าวคำขอโทษต่อกรณีที่เขาได้เขียนบทกวีดังกล่าว และให้การว่า ขณะที่เขาเขียนบทกวีนั้น เป็นช่วงที่เขาอยู่ในภาวะโศกเศร้าเพราะการเสียชีวิตของมารดาและได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มเชิดชูคนผิวขาว (white supremacist) ซึ่งช่วยให้เขาเลิกยาเสพติดได้ ผู้พิพากษาโจเซฟ เอ็ช.แม็กคินลีย์ จูเนียร์ ได้ตัดสินว่าบทกวีของนายสเปนเซอร์คือสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งยวด จึงถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 33 เดือน และจะถูกคุมประพฤติอีก 3 ปีหลังพ้นโทษจำคุกแล้ว สำหรับบทกวีของนายสเปนเซอร์ที่ชื่อ“สไนเปอร์”นั้นเคยถูกโพสต์ขึ้นเว็บไซต์ NewSaxon.org ของกลุ่ม white supremacist ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มนาซีใหม่ เมื่อปี 2550 และถูกโพสต์ขึ้นอีกครั้งในปี 2552 หลังจากนายโอบามาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ซึ่งจากการติดตามของหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ ทำให้สามารถจับกุมตัวนายสเปนเซอร์ได้เมื่อต้นปี 2553 โดยบทกวีดังกล่าว ได้พรรณาว่ามือปืนได้สาดกระสุนปลิดชีวิต “ทรราช” ซึ่งต่อมาได้ระบุชัดเจนว่าเป็นประธานาธิบดี ทำให้เขาถูกตั้งข้อหาจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ว่า กระทำการข่มขู่ประธานาธิบดีและข่มขู่เอาชีวิตหรือทำร้ายร่างกายผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งข้อหาข่มขู่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น ถือเป็นข้อหาร้ายแรงมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับสูงสุด 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7,500,000 บาท (เจ็ดล้านห้าแสนบาท) คดีนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกหรือไม่ โดยฝ่ายที่ปกป้องนายสเปนเซอร์ให้เหตุผลว่า ข้อความในบทกวีของนายสเปนเซอร์เพียงแค่แสดงความไม่พอใจเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายอัยการระบุว่าข้อความที่ว่า “คนผิวดำต้องตาย” (DIE negro DIE) นั้น เพียงพอแล้วที่จะยกเลิกการให้เสรีภาพในการพูดแก่นายสเปนเซอร์ นอกจากกรณีจำคุกคนเขียนบทกวีแล้วยังมีกรณีที่วัยรุ่นชาวอังกฤษถูกห้ามเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาตลอดชีวิต หลังจากเรียกโอบามาเป็นอวัยวะเพศชาย ทั้งนี้ สื่อมวลชนของอังกฤษได้รายงานเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2553 ว่า นายลุก แองเจล อายุ 17 ปี ชาวเมืองซิลโซ ในเบดฟอร์ดเชียร์ ได้ส่งอีเมล์ไปยังทำเนียบขาว หลังจากที่เขาได้ดูรายการทีวีเกี่ยวกับเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 พร้อมกับเรียกนายโอบามาในอีเมล์นั้นว่า “a prick” ซึ่งเป็นศัพท์สแลงมีความหมายถึงอวัยวะเพศชาย อีเมล์ดังกล่าวถูกสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ ดักตรวจได้ จึงส่งข้อมูลให้ตำรวจอังกฤษทำการสืบสวนสอบสวนต่อและสามารถระบุตัวคนส่งอีเมล์ได้ แม้ว่าจะไม่มีการดำเนินคดีกับเด็กวัยรุ่นชาวอังกฤษคนนี้ แต่เขาก็ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ ซาราห์ วิลคินสัน โฆษกสำนักงานตำรวจเบดฟอร์ดเชียร์ บอกว่า อีเมล์ดังกล่าวเต็มไปด้วยภาษาที่ไม่เหมาะสมและข่มขู่คุกคามจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเธอบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่ทำอะไรโง่ๆ เท่านั้น ขณะที่นายแองเจลยอมรับว่าได้ส่งอีเมล์ดังกล่าวออกไปขณะกำลังเมา และให้ปากคำต่อตำรวจว่า เขาจำไม่ได้ชัดเจนว่าได้เขียนอะไรลงไปบ้าง นอกจากนี้ยังให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเกี่ยวกับเรื่องที่เขาถูกห้ามเข้าสหรัฐฯ ว่า เขาไม่สนใจ แม้ว่าพ่อแม่เขาไม่ค่อยมีความสุขนักกับเรื่องที่เกิดขึ้น http://www.tnews.co.th/html/contents/170769/ แหม๊....ๆๆ ช่างกล้าพูดนะ ท่านโฆษกอเมริกา
ประเทศไทยไม่เคยมีปมด้อยที่ต้องไปกลัวทุกชาติในโลกนี้ 20 ตุลาคม 2016 โดย แคน ไทเมือง Chai Seeho ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 ภาพ เวลาเปลี่ยน…คนไม่เปลี่ยน เห็นข่าว”ทีวีออสเตรเลีย” เอาเรื่องคนไทยเศร้าที่สูญเสีย”ในหลวง”มาล้อเลียน ผมไม่แปลกใจ เพราะพวกนี้”สันดาน”ไม่เปลี่ยน” ชาวออสเตรเลีย ไม่ได้เป็น”ผู้ดี”มาจากไหนหรอก มันเป็นพวก”นักโทษ”ที่ถูกอังกฤษนำตัวไป”ปล่อยเกาะ” แล้วก็รุกรานเจ้าถิ่น … ************************************************************************** ข้าพเจ้าเห็นว่าพระราชดำรัสวันนั้นดีมาก รับสั่งสดโดยไม่ทรงใช้กระดาษเลย ทรงเล่าถึงวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของไทยว่า “เรามีเอกราช มีภาษาของเราเอง มีตัวหนังสือซึ่งคิดค้นขึ้นใช้เอง เราตั้งกฎหมายปกครองของเราเอง ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนมา 700 กว่าปีมาแล้ว” ท่านกลางพระสุรเสียงที่ตรึงใจชาวออสเตรเลีย และ”ปัญญาชน” หลังจากรับสั่งว่า 700 กว่าปีมาแล้วทรงทำท่าเหมือนพึงนึกออก ทรงสะดุ้งนิด ๆ แล้วโค้งพระองค์อย่างสุภาพเมื่อตรัสว่า “ขอโทษ…ลืมไป…ตอนนั้นยังไม่มีประเทศออสเตรเลียเลย” แล้วทรงตรัสต่อไปว่า “แต่ไหนแต่ไรมา คนไทยเรามีน้ำใจกว้างขวางพร้อมที่จะให้โอกาสคนอื่น และฟังความคิดเห็นของเรา เพราะเราใช้ปัญญาขบคิดไตร่ตรองหาเหตุผลก่อน จึงจะตัดสินใจว่าสิ่งไรเป็นอย่างไร ไม่สุ่มสี่สุ่มห้าตัดสินใจอะไรตามใจชอบ โดยไม่ใช้เหตุผล” ************************************************************************************ ข้อความจากหนังสือ “ความทรงจำ ในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” โดย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ภาพในวันนั้นเมื่อปี 2505 http://chaoprayanews.com/blog/canthai/2016/10/20/ประเทศไทยไม่เคยมีปมด้อ/
ผมก็สงสัยเหมือนกันครับ ฝ่ายประชาธิปไตย สมุนแม้วตามแก้ไขข้อมูล ในวิกิพีเดีย ให้ถูกจริตหรือเปล่า ยิ่งเนื้อหาวิกิพีเดียกล่าวถึง นิตยสารฟอร์บ จัดอันดับให้ไทยเป็นอันดับหนึ่ง ผมยิ่งสงสัยหนักมาก มันจะต้องมีการแก้ไขข้อมูลแน่นอน มันจะใช่อันดับหนึ่งในโลกได้อย่างไรกันห๊า!? ประเทศไทยยากจน มีคนหนาวตาย ไม่มีผ้าห่มกันหนาวเพราะความจนยาก คนไทยนอนหนาวตายเกือบทุกปี ประเทศทำแต่ไร่ไถ่แต่นา ปลูกข้าว ส่งออกข้าวไปขายในต่างประเทศ ถ้าไทยมีบ่อน้ำมัน มีเหมืองเพชร ส่งออกของพวกนี้ นิตยสารฟอร์บ จัดอันดับให้ไทยเป็นอันดับหนึ่ง ก็ว่าไปอย่าง
ไปหาข้อมูลก่อนนะ ก่อนจะพูดว่า สำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ กับ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร ที่ฟรอร์บทำพลาด คือนำทรัพย์สินในความดูแล สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไปรวมซึ่งมันผิด เพราะว่าทรัพย์สินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พระมหากัษตริย์ได้รับเพียงแต่ดอกผลเท่านั้น ไม่มีสิทธิโอนจำหน่าย จ่ายแจก โดยเสรีแต่อย่างใด การใช้จ่าย จำหน่าย จ่ายแจกใดๆ ในตัวทรัพย์สิน ที่ไม่ใช้ดอกผลนั้น จะต้องผ่านคณะกรรมการ ที่มีรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเป็นประธาน คิดง่ายว่าๆ หากคุณจะใช้เงินของคุณ แล้วต้องขออนุมัติจากบุคคลอื่น นั่นใช่เงินคุณหรือไม่ ปล.กลับมาตอบอะไรบ้างก็ดีนะครับ
มันแกล้งไม่เข้าใจ หรือไม่พยายามเข้าใจ หรือจะ โง่ดักดานอย่างไม่ให้อภัยหนอ http://prachatai.com/journal/2013/04/46156
(ผมทราบดีว่า “ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” กับ “ทรัพย์สินส่วนพระองค์” นั้นเป็นคนละส่วนกัน มีหน้าที่ต่างกัน) ดังนั้นหากจะโต้แย้งอะไรก็โปรดเข้าประเด็น สนง.ทรัพย์สินฯ ไม่จำเป็นต้องวกไปถึง “ทรัพย์สินส่วนพระองค์” (เพราะไม่เกี่ยวกัน) และไม่จำเป็นต้องมาบอกซ้ำว่า 2 อย่างนี้เป็นคนละส่วนกัน มีหน้าที่ต่างกัน (เพราะทราบอยู่แล้ว) ต้องขออนุญาตเขียน “ดัก” ไว้อย่างนี้ เพราะบ่อยครั้งที่พูดเรื่อง สนง.ทรัพย์สินฯทีไร จะต้องมีคนแถไปเรื่อง “ทรัพย์สินส่วนพระองค์” ทุกที 5555555
ปล่อยให้มันเข้าใจ ว่าแม้ว เป็นเทพเจ้า ต่อไปเถอะครับ อย่าพยายามยัดเยียดความจริง ใส่สมองพวกมันเลย ช่วงนี้ พวกฝ่ายประชาธิปไตย ต้องการเสพข่าวมโน เท่านั้น เพื่อหล่อเลี้ยงให้พวกมันอยู่ได้ เพราะท่อน้ำเลี้ยง ตีบตันมานาน
ฮิ....ฮิ.....เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วม๊างงงงง....... ******************************************************** ปอกเปลือก ทรราช ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 ภาพ 1 ชม. · สหรัฐกลับลำ 180 องศาจากต่อต้านหันไปสนับสนุนนโยบาย "สงครามปราบปรามยาเสพติด" ของรัฐบาลฟิลิปปินส์ หลังปธน.ดูเตอร์เตประกาศแยกทางกับสหรัฐและหันไปสานสัมพันธ์กับจีนแทน ฮิ้ววว ----------- วันที่ 24 ต.ค.59 RT พาดหัวข่าวว่า "สหรัฐขอสนับสนุนสงครามยาเสพติดของฟิลิปปินส์ ยังคงเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือต่อไป - เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงของสหรัฐกล่าว" (US ‘supports’ Philippine’s war on drugs, remains ‘steady & trusted’ partner – senior US diplomat) ต๊ะเลง เต่ง เต๊งงงงงงง... จะเอ... อ่านต่อ
โทนี คาร์ตาลุซชี่ นักวิจัยภูมิศาสตร์การเมือง วิเคราะห์ว่า ไทยเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และกองทัพ สองสถาบันที่สหรัฐฯเห็นเป็นอุปสรรคในการวางตัวนักการเมืองที่สหรัฐฯถือหางให้เข้ามามีอำนาจ สหรัฐฯเชื่อนักหนาว่าเหตุผลที่การวางตัวทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นตัวแทนอำนาจของตนเกิดการผิดพลาดและล้มเหลวมาตลอด วันที่ 16 ตุลาคม 2559 โทนี่ คาร์ตาลุซชี่ นักวิจัยภูมิศาสตร์การเมืองและนักเขียน สำหรับนิตยสารออนไลน์ “นิว อีสเทิร์น เอาท์ลุค”เขียนเรื่อง Why is the Passing of Thailand’s King a Big Deal? ไทยทริบูนนำข้อเขียนไปลงในภาคภาษาอังกฤษเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2559 ต่อมาวันที่ 21 ตุลาคม วิรัตน์ วณิชชากร แปลเป็นภาษาไทย จึงขอนำมาลงให้ผู้อ่านได้รับทราบอย่างกว้างขวาง ดังนี้..... การเสด็จสวรรคตของพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย ผู้เป็นพระประมุขของชาติ เมื่อพระชนมายุได้ 88 พรรษานั้น เป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศเกิดภายใต้ร่มพระบารมีของพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ความสำคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย เป็นสิ่งที่ยากสำหรับชาวตะวันตกจะเข้าใจ กษัตริย์ในประเทศตะวันตกมักจะปกครองประเทศแต่จากเบื้องสูง แต่พระมหากษัตริย์ไทยทรงปกครองแผ่นดินด้วยการทรงงานหนักในถิ่นทุรกันดารเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนผู้ยากไร้ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจำนวนเรือนแสนเรือนล้านจึงได้เดินทางมาน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและร่วมถวายความอาลัยกันเต็มถนนโดยรอบพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ เมื่องานพระราชพิธีพระบรมศพได้เริ่มขึ้น นอกจากเส้นขอบเขตและเสถียรภาพทางการเมือง ที่พระมหากษัตริย์พระองค์นี้สามารถทำให้เกิดมีขึ้นใหม่ได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากเหล่านักการเมืองจากพรรคต่างขั้วเกิดการปะทะกันรุนแรงล้ำเส้นเกินขอบเขตแล้ว เบื้องลึกและขอบเขตของการทรงงานยังรวมไปถึงโครงการในพระราชดำริต่าง ๆ ที่สามารถช่วยเหลือประชาชนในระยะยาวทางด้านสาธารณูปโภค การชลประทาน พลังงาน และการเกษตร ที่นักการเมืองที่ไร้วิสัยทัศน์ปฏิเสธที่จะดำเนินการด้วย หลาย ๆ ด้านของการทำการเกษตรในประเทศไทย ทั้งการแนะนำพืชพันธุ์ธัญญาหารทางเศรษฐกิจสายพันธุ์ใหม่ ๆ ไปจนถึงการริเริ่มให้มีสหกรณ์การเกษตรและโรงสีข้าวในท้องถิ่นของตัวเกษตรกรเอง ได้ถูกนำเสนอและสนับสนุนเป็นครั้งแรกด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่พื้นที่บางส่วนของพระตำหนักจิตรลดารโหฐานซึ่งเป็นสถานที่ประทับส่วนพระองค์ในกรุงเทพฯ ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นศูนย์จัดแสดงและฝึกฝนเพื่อให้ความรู้แก่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้คนทุกหมู่เหล่าสามารถเพิ่มพูนความรู้และทักษะทางเศรษฐกิจในการหาเลี้ยงชีพให้มีความหลากหลายมากขึ้น ในทางการเมือง พระปรีชาสามารถของพระองค์ในการประทับอยู่เหนือการต่อสู้กันทางการเมืองของกลุ่มอำนาจฝ่ายต่าง ๆ และความเคารพเทิดทูนไว้สูงสุดเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมที่พสกนิกรชาวไทยถวายแด่พระองค์ ได้สร้างขอบเขตทางการเมืองที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถหลีกเลี่ยงการเข่นฆ่ากันเองภายในประเทศเพราะความขัดแย้งรุนแรงในระดับที่เกิดขึ้นมาแล้วในประเทศกัมพูชา และที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศในตะวันออกกลางในขณะนี้ สำหรับศัตรูของประเทศไทยที่ต้องการให้เมืองไทยไร้ความมั่นคงหรือเกิดเหตุความวุ่นวายทางการเมือง อุปสรรคอันดับแรกซึ่งก็คือเป้าหมายหลักในการโจมตีไปด้วยในตัวก็คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนทั้งประเทศเทิดทูนไว้เหนือเกล้าฯ การเสด็จสวรรคตของพระองค์ได้เปิดช่องให้ศัตรูของชาติได้โอกาสหาหนทางทำชั่วทางใดทางหนึ่งเพื่อให้เมืองไทยเกิดความอ่อนแอซึ่งก็จะมีผลทำให้เสถียรภาพของทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดต่ำลงไปด้วย ความสำคัญของเมืองไทยต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประชากร 70 ล้านคน การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจดี และมีความหลากหลายจากทั้งทางการเกษตร ไปจนถึงอุตสาหกรรมการผลิต และเป็นประเทศเดียวในประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ ที่สามารถหลีกเลี่ยงการเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกได้ ในทางประวัติศาสตร์โลก ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดตลอดมา ในช่วงยุคล่าอาณานิคมโดยชาติตะวันตกก่อนสงครามโลก ประเทศไทยสามารถคานชาติมหาอำนาจที่กำลังล่าอาณานิคมต่าง ๆ ให้หวาดเกรงกันเอง จนประเทศชาติรอดพ้นภัยพิบัติใหญ่หลวงครั้งนั้นมาได้โดยไม่ถูกเป็นเมืองขึ้น ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง พื้นที่ประเทศไทยก็จำต้องกลายเป็นสนามรบระหว่างชาติมหาอำนาจในสมัยนั้น ภายหลังจากนั้น ประเทศไทยเป็นตัวสำคัญที่ทำให้ฝรั่งเศสต้องล่าถอยกลับประเทศออกไปจากอาณานิคมของตัวเองในแถบอินโดจีน เมื่อคราวสงครามเวียตนาม ประเทศไทยก็เป็นฐานทัพชั่วคราวให้กองทัพสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ตั้งแต่คราวความขัดแย้งในเวียตนามจบลง ประเทศไทยได้ค่อย ๆ ทะยอยลดบทบาทของตัวเองในการสนับสนุนสหรัฐอเมริกาให้มีอิทธิพลในการควบคุมประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ และมุ่งสู่การเป็นประเทศที่มีบทบาทสมดุลย์และเป็นกลาง ปัจจุบันสหรัฐอเมริกาได้พยายามที่จะกลับเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคแถบนี้มากขึ้นอีก ทำให้ภูมิศาสตร์การเมืองของประเทศไทยยิ่งมีความเด่นชัดยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อประเทศไทยพยายามหลีกหนีจากแรงกดดัน อิทธิพล และการควบคุม โดยสหรัฐอเมริกา ครั้งหนึ่งอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยมีแต่ของเก่าที่กองทัพอเมริกันโละมาให้ ปัจจุบันอาวุธในกองทัพไทยมาจากหลายประเทศ ทั้งจีน รัสเซีย ชาติยุโรป และแม้แต่ระบบป้องกันประเทศจากประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพยายามอย่างหนักหน่วงที่จะสร้างความสัมพันธ์กับนานาประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกควบคุมหรือการต้องพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงประเทศเดียว ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาเอกราชของชาติได้ด้วยดีตลอดมา ขณะนี้ ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งการค้าและความร่วมมือกันกับประเทศจีน คนส่วนใหญ่มักคิดไม่ถึงว่าประเทศจีนและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำการค้าอยู่ในทวีปเอเชียเป็นหลัก ความมั่นคงของภูมิภาคจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อทุกๆ ประเทศในแถบนี้ สำหรับสหรัฐอเมริกา ซึ่งพยายามจะล้อมกรอบและกักกันประเทศจีน มิให้กลายเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว การโยกคลอนเสถียรภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือกุญแจสำคัญในการทำให้ประเทศจีนก้าวขึ้นสู่ความเป็นมหาอำนาจได้ช้าลง และช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้อำนาจที่กำลังลดน้อยถอยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในแถบเอเชียแปซิฟิกของตนลดลงหรือหมดสิ้นรวดเร็วเกินไป การทำลายความมั่นคงในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบของจีน จะโดยการบังคับขู่เข็ญ การโยกคลอนเสถียรภาพ หรือการโค่นอำนาจแล้วสนับสนุนรัฐบาลตัวแทนก็ตาม เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสหรัฐอเมริกาในการทำการบังคับขู่เข็ญและการโยกคลอนเสถียรภาพของจีนด้วยเช่นกัน เพื่อให้ท้ายที่สุดจะสามารถโค่นอำนาจเก่า แล้วสนับสนุนนักการเมืองที่ตนถือหางให้เป็นรัฐบาลใหม่ของประเทศจีนได้สำเร็จ ...........
ต่อ...... การเล็งเป้าไปที่ประเทศไทย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่กำลังถูกสหรัฐอเมริกากระทำการสั่นคลอนเสถียรภาพ สำหรับแต่ละประเทศในภูมิภาคนี้ สหรัฐอเมริกาก็ดำเนินยุทธวิธีที่คล้ายคลึงกัน จะต่างกันเพียงเล็กน้อยโดยขึ้นอยู่กับส่วนประกอบทางเศรษฐศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ โดยการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่หน่วยงานที่ลวงพรางมาในคราบของหน่วยงานการกุศลหรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ เพื่อมนุษยธรรมและสิ่งแวดล้อม แต่มีหน้าที่หลักในประเทศนั้น ๆ คือ เป็นหน่วยต่อต้านนโยบายและการดำเนินงานพัฒนาของแต่ละประเทศ มิให้ดำเนินไปได้ด้วยความสะดวกจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีหากนโยบายนั้นจะพัฒนาประเทศให้เข้มแข็งและเจริญก้าวหน้า ซึ่งเมื่อผู้ปกครองเข้มแข็ง ประชาชนอยู่ดีกินดี ก็จะควบคุมยาก และจะเป็นการลดความสำคัญของสหรัฐอเมริกาเองในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทย เป้าหมายหลักในการโจมตีคือสถาบันพระมหากษัตริย์และกองทัพ ซึ่งเป็นสองสถาบันที่สหรัฐอเมริกาเห็นเป็นอุปสรรคในการวางตัวนักการเมืองที่สหรัฐอเมริกาถือหางให้เข้ามามีอำนาจ สหรัฐอเมริกาเชื่อนักหนาว่าเหตุผลที่การวางตัวทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นตัวแทนอำนาจของตนเกิดการผิดพลาดและล้มเหลวมาตลอดในช่วงระยะ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นเพราะการทำรัฐประหารสองครั้งสองคราโดยกองทัพไทย และการชุมนุมประท้วงบนท้องถนนโดยประชาชนจำนวนมากที่เข้าร่วมชุมนุมเพราะเชื่อว่าเป็นการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุดของประเทศ คนไทยทั่วไปทราบดีว่า เหตุผลหลักที่ทำให้ประเทศชาติยังมีเอกราชที่ไม่เคยถูกแย่งชิงไปอย่างถาวรมาตั้งแต่สมัยโบราณ คือการที่ประเทศไทยยังคงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และการมีกองทัพที่เข้มแข็ง การบ่อนทำลายหรือการทำให้ดูราวกับมีการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์และกองทัพมักถูกมองโดยประชนคนไทยส่วนใหญ่ว่าการกระทำนั้นเป็นการตั้งใจบ่อนทำลายประเทศไทยทั้งประเทศ ดังนั้น สำนักข่าวต่างประเทศอย่างซีเอ็นเอ็น และ บีบีซี ซึ่งจงใจพุ่งเป้าหมายของการรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงในประเทศไทยไปที่การวิจารณ์กองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด จึงมักถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยคนไทยด้วยความเกลียดชังกลับไป ในปี 2010 เมื่อผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ชื่อนายแดน ริเวอร์ รายงานข่าวด้วยความมั่วซั่วเรื่องการชุมนุมบนท้องถนนของประชนชนเสื้อแดงที่ฝ่ายพรรคการเมืองที่สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ก่อการชุมนุม ทำให้ประชาชนชาวไทยรณรงค์กันต่อต้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น จนกระทั่งนายแดน ริเวอร์ ถูกส่งกลับประเทศของตัวเองไปในที่สุด ทุกวันนี้ สำนักข่าวจากประเทศตะวันตกพยายามที่จะใช้ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านอันเปราะบางหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชนี้ ในการโยกคลอนเสถียรภาพของประเทศไทย และได้เริ่มแผนการรายงานข่าวเพื่อทำลายพระเกียรติยศขององค์พระรัชทายาทแล้ว การสานสัมพันธ์หรือการตัดเยื่อใยกับประเทศไทย สำนักข่าวที่ถูกมองว่ามีการพยายามทำร้ายประเทศไทยโดยการรายงานข่าวอย่างไม่เหมาะสม จะถูกตราหน้าโดยประชาชนคนไทยว่าเป็น “ศัตรู”ของไม่เพียงแต่สถาบันสูงสุด แต่จะเป็นศัตรูของประชาชนทั้งประเทศไปในทันที สำหรับชาวตะวันตกที่อาศัยอยู่ในประเทศที่สถาบันใหญ่ๆ อย่างรัฐบาล ตลอดไปจนถึงสถาบันย่อย ๆ อย่างสถาบันครอบครัว มักจมปลักอยู่ในความยุ่งเหยิงภายในประเทศของตัวอยู่แล้ว ความคิดที่ว่าประเทศทั้งประเทศจะสามารถอยู่รวมกันได้เหมือนครอบครัวใหญ่ ๆ ครอบครัวหนึ่งแบบในเมืองไทย มักจะเป็นความคิดที่แปลกประหลาดเกินจะเข้าใจได้สำหรับพวกเขา ไม่ว่าความคิดนี้อาจจะแปลกประหลาดเพียงไรก็แล้วแต่ ผลของการไม่เข้าใจความคิดนี้ว่ามันสามารถเกิดมีขึ้นได้ในประเทศอื่น ก็สามารถทำให้อิทธิพลและสถานะที่ดีที่บางประเทศอาจจะมีอยู่เก่าก่อนเหือดหายไปได้ ไม่เพียงเฉพาะกับประเทศไทย แต่รวมไปถึงทั้งหมดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางและเป็นประเทศที่มีบทบาทโดดเด่นมากในกลุ่ม เหล่าประเทศที่สื่อมวลชนของตนหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำหรือรายละเอียด ไปจนถึงคำโฆษณาชวนเชื่อที่ปลุกปั่นโดยสหรัฐอเมริกา ในการเสนอข่าวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทย จะกลายเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นของประเทศไทยภายหลังช่วงเปลี่ยนผ่านแผ่นดิน ซึ่งก็พอจะมองเห็นได้ว่า จากประเทศทั้งหมดในหลาย ๆ ภูมิภาค ประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียจะกลายเป็นประเทศที่มีความเป็นมิตรแน่นแฟ้นกับประเทศไทยมากที่สุด ส่วนประเทศฝั่งตะวันตกและแม้แต่รัสเซียนั้น ดูราวกับว่าไม่ค่อยจะสนใจ หรือที่แท้ไม่มีความสามารถในการผูกมิตรกับประเทศไทย ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีบทความหนึ่งเขียนโดยสำนักข่าวอาร์ทีของรัสเซีย บทความนั้นจะต้องถูกมองโดยคนไทยว่าเป็นการรายงานข่าวเพื่อทำร้ายประเทศไทยอย่างแน่นอน ถึงแม้บทความนี้จะดูเหมือนว่าถูกเขียนขึ้น ถูกตรวจ และเผยแพร่ โดยนักข่าวระดับล่างไม่กี่คนที่ไม่มีจรรยาบรรณและความเป็นมืออาชีพ โดยการอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯและกลุ่มผลประโยชน์ แต่กระนั้นแล้ว มันก็จะทำให้ประเทศรัสเซียเสียภาพลักษณ์กันไปหมดทั้งประเทศอยู่ดี ซึ่งก็เหมือนกันกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นและบีบีซี ที่มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความรังเกียจ ทำให้อิทธิพลหรือบารมีของสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรที่ยังพอจะมีเหลืออยู่ได้รับผลกระทบในทางลบโดยการนำเสนอข่าวอย่างไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย การกระทำของสำนักข่าวที่ไร้สามัญสำนึกอย่างสำนักข่าวอาร์ทีจะกลายเป็นแรงพุ่งกระแทกกลับที่คล้ายคลึงกัน คือจะทำให้ประเทศรัสเซียเสียสถานภาพอันดีที่เคยมีอยู่ ถ้าความเป็นมืออาชีพในการเสนอข่าวจากรัสเซียยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที หากประเทศในแถบตะวันตกรวมทั้งประเทศรัสเซียคิดว่าควรจะต้องพยายามผูกมิตรกับประเทศไทยไว้ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ประเทศเหล่านั้นจะต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างระมัดระวังว่าจะต้องเข้าใจระบอบการปกครองและระบบปฎิบัติของเมืองไทยอย่างไร และควรกำหนดนโยบายของประเทศตนเองให้เข้ากับประเทศไทยได้อย่างเหมาะสม มากกว่าการบังคับให้ประชาชนคนไทยต้องมารู้สึกชอบวัฒนธรรม ระบบการเมือง และระบบเศรษฐกิจ ของตน ซึ่งจักรวรรดิมหาอำนาจต่างๆ ในอดีต ก็เคยพยายามบังคับใช้กับคนไทยมาก่อนตลอดประวัติศาสตร์ชาติไทยอันยาวนานและล้มเหลวมาตลอด http://thaitribune.org/contents/detail/302?content_id=23554&rand=1477329255
ก็ลองหมิ่นดูซิ่... "ฐาปนีย์"กราบขอขมา"กัมพูชา" หลังชาวเขมรไม่พอใจ ภาพยืนรายงานข่าวไม่เหมาะสมว่อนเน็ต http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1350463576
ขอแค่ให้เจ้าหน้าที่ตั้งใจทำงาน พยายามหาทางเอาคนเลวมาดำเนินคดี ให้ปชช.ได้เห็น แค่นี้ปชช.ก็พอใจแล้วครับ ส่วนต่างประเทศจะให้ความร่วมมือหรือไม่ ปชช.เข้าใจดี ว่าจะไปก้าวก่ายเรื่องภายในประเทศเขาไม่ได้ แต่มันก็ได้แสดงให้คนไทยได้รู้ว่า ประเทศไหนเป็นมิตรกะเราจริง แต่มันมีบางรัฐบาล ที่นอกจากทำเฉยแล้ว ยังส่งเสริมพวกนี้อีกต่างหาก อันนั้น....เลวของแท้
บางกระทู้ของพวกร่านแอ๊บกลาง ผมว่ามันจงใจแกล้งไม่เข้าใจ เหมือนจงใจล่อให้คนเข้าไปขุดหรือด่า เพื่อเป้าหมายบางอย่าง?ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเป้าหมายของมัน? เพราะดูมันเปิดช่องโหว่เยอะมาก ใครๆก็รู้ว่าทุกวันนี้มีระบบประกันสุขภาพ นอกจากพวกดักดานที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งช่วยเหลือตัวเอง ส่วนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เขาก็นำเสนอกันหลายรอบแล้ว ว่ามันต่างกับเศรษฐกิจแบบยังชีพ ถ้าไม่มีแม้แต่ค่ารักษา 30 บาท นั่นแสดงว่าสิ่งที่มีอยู่ไม่"พอเพียง"แล้ว
อเมริกา โทษหมิ่นประมาทบุคคลไม่ว่าฐานะไหน สูงสุดแค่ติดคุกครับ แต่ถ้าหมิ่นประมาท ปชต. โทษคือประหารโดยการทิ้งระเบิดสถานเดียว
แค่บ่นน่ะครับ พวกฝรั่งตาน้ำข้าวทั้งหลายต่างก็มีดีมีเลวปนๆกันไปเหมือนกับมนุษย์ทุกชาติพันธุ์ในโลก แต่เขามีลักษณะร่วมอยู่อย่างหนึ่งคือ "Arrogance" หรือความหยิ่งทะนงยโสโอหังว่าพวกเขาอยู่เหนือชาติพันธุ์อื่น บางคนก็แสดงออกอย่างเปิดเผย บางคนก็พยายามซ่อนเร้นไว้และคบหาชาติพันธุ์เสมือนหนึ่งว่ายอมรับนับถือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน แต่ไม่ช้าก็เร็ว เมื่อไม่ระวังตัวหรือเมื่อกลับไปอยู่ใน comfort zone ของตน "Arrogance" ที่ฝังรากลึกจะโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ คนอเมริกัน อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ ล้วนแต่มี "Arrogance" อยู่ในตัว ต่างกันแต่ว่าจะเปิดเผยหรือปกปิดไว้ได้มิดเม้นเพียงใด การคบหาฝรั่งต่างชาติ เราไปแก้ไข "Arrogance" ของเขาไม่ได้แน่ ฝรั่งทุกคนมีเหมือนกันหมด แต่ที่เราต้องมีคือความสามารถที่จะแยกแยะของดีของเสีย ต้องสามารถแยก "ฝรั่งขยะ" จาก "ฝรั่งทั่วไป" ให้ได้ คนไทยเราขาดความสามารถแยกแยะนี้ หลายคนจึงมองฝรั่งสูงกว่าที่เขาเป็นอยู่จริง ทุกวันนี้ชาติไทยเราถึงได้เต็มไปด้วยฝรั่งตาน้ำข้าวที่มาเมืองไทยเพื่อหวังกระทำชำเราลูกหลานไทย พวกอาชญากรละเมิดทางเพศกับเด็กที่แปลงร่างมาในคราบครูสอนภาษา คนที่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จในบ้านเกิดเมืองนอนของตนแต่มาเดินยืดคอเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" ในบ้านเรา อาชญากรข้ามชาติ ฯลฯ เรื่องนี้รัฐบาลลุงตู่คงแก้ไขปัญหานี้ทันทีไม่ได้ ผมหวังเพียงว่าลุงตู่จะวางรากฐานให้เจ้าหน้าที่ทำกฏหมายให้เป็นกฏหมาย ตรวจสอบประวัติครูต่างชาติ ตรวจสอบต่างชาติที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน พวกที่ลักลอบเข้ามาทำงานแย่งอาชีพคนไทย พวกอาชญากรที่ใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งพำนักพักพิง ฯลฯ แค่บ่นน่ะครับ รอให้รัฐบาลเลือกตั้งแก้ปัญหานี้คงได้แค่ฝัน ไม่มีผลเพิ่มคะแนนเลือกตั้ง พวกนี้ไม่ทำหรอก
น่าจะเป็นทุกชนชาตินะครับ เมื่อไหร่ที่ชนชาติใด มีความรู้สึกว่า ชนชาติตนเจริญกว่า ฉลาดกว่า หรือมีอารยธรรมสูงกว่า ชนชาติอื่นๆ ความรู้สึกหยิ่งทะนง มองชนชาติอื่นว่าด้อยกว่าตัวเอง มันมักจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ขอแค่คนไทยเรา อย่าพลอยดูถูกชนชาติของตัวเองเป็นพอ
ครับ และจากข่าวที่ได้รับรู้กันค่อนข้างบ่อย คือ ในกลุ่มประเทศฝรั่งตะวันตก ในระยะหลายปีที่ผ่านมา ..ข่าวการออกมาใช้อาวุธทั้งปืน ทั้งมีด ..เที่ยวไล่ยิงไล่แทงผู้คนชาติเดียวกันไม่เลือกหน้า บางกรณีย์อาจเกิดจากความไม่พอใจที่ผู้อื่นที่คนทำรู้จัก มีเหตุกระทบกระทั่งกัน แต่ส่วนมากมักไม่มีเหตุส่วนตัวกันมาก่อน อยู่ๆ ก็จับอาวุธมาไล่ฆ่าคน มันให้ข้อคิดว่า ปัจจุบันพวกฝรั่งมีพฤติกรรมที่น่าจะเกิดขึ้นจากความไม่พอใจในสิ่งแวดล้อมที่บีบคั้น จนมีบางคนทนไม่ไหว ลงมือก่ออาชญากรรมโดยไม่สนใจผลสุดท้ายเลย ผมอยากจะบอกว่า ถ้าเราละทิ้งวัฒนธรรมไทยเรามากขึ้น หันไปหาความเจริญแบบเช่นเขาเพิ่มขึ้น ..ขาดจากความยึดเหนี่ยวทางใจ ละทิ้งหลักยึดประเพณีที่บรรพบุรุษดำรงรักษาไว้ให้เป็นมรดก ..เมื่อเราเจริญทางวัตถุเข้าไปเหมือนเขา สักวันหนึ่งก็อาจมีข่าว ..คนไทยที่ไม่ได้เมาเหล้าเมายา แต่อยู่ๆ คว้าปืนออกมาเที่ยวไล่ยิงชาวบ้านแบบเขาก็เป็นไปได้ครับ
โก๋แก่ ทุกวันนี้ไทยก็เริ่มเป็นแล้ววันรุ่นตีกันยิงกันตามวานเทศกาลได้นํ้าเมาวิญญาณเสือเข้าสิง ข่าวขับรถปาดหน้ากันแล้วต่อยกันยิงกันด็มีบ่อย ส่วนมากคนพวกนี้พวกหัวก้าวหน้าแทบทั้งนั้น
ใช่ครับคุณ ParaDon เห็นข่าวเรื่องแบบนี้ทีไร เศร้าใจทุกทีครับ ..เอาแต่ใจตัว ไม่ยอมพูดจากัน ตัดสินใจลงมือทำ ฯลฯ ล้วนแต่ไม่นึกถึงประเพณีดีๆ ที่พ่อแม่เฝ้าสั่งสอนกันมา ซึมซับวัฒนธรรม fast food (ขอโทษครับ) แดกด่วน เอาเร็วเข้าว่า จนต้องบาดเจ็บล้มตาย กว่าจะรู้สำนึกบางครั้งก็สายเกิน กว่าที่จะรู้ว่า การเป็นฝ่ายยอมแพ้ เป็นพวกขี้ขลาดนั้นคือผู้เก่งกว่าจากการเอาชนะใจตนเองได้
สังคมทุกวันนี้เหมือนจะเย็นชากับคนที่ด้อยกว่ากลับกันก็เข้าไปหาผลประโยชน์แบบหน้าตาเฉยหรือก็คอนซํ้าเวลามีคนล้ม
กฏหมายไทยแทบทุกข้อบทลงโทษจะมีคำว่า ไม่เกิน เสมอ สงสัยคนเขียนกฏหมายลูกมันกลัวคนทำผิดจะท้อใจเพราะโดนโทษหนัก ไม่กระทำความผิดอีกตัวเองกับพรรคพวกจะงานน้อยไม่มีงานทำกระมัง คดีเลยสุ่มหัวเลยทีนี้ ตายแล้วเกิดอีกสิบชาติก็เคลียร์คดีไม่หมด