http://www.matichon.co.th/news/204587 http://www.matichon.co.th/news/249956 http://www.matichon.co.th/news/249838 (ขอโทษพี่ๆที่ชอบตัดแปะนะครับ)
ถ้ามีแค่นักวิชาการพูดกลุ่มเดียว คนอาจไม่เชื่อ และหน่วยงานรัฐบางแห่งอาจมีข้อจำกัด ดังนั้น สมาคมประวัติศาสตร์ในบ้านเราน่าจะออกมาแสดงจุดยืน เพราะสมาคมฯ ประกอบด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมากมาย เชื่อว่าสามารถให้ความกระจ่างแก่สังคมได้” ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศกล่าว บางกลุ่มเป็นนักวิชาการร่านหรือป่าว คนถึงไม่ค่อยอยากจะเชื่อ อิอิ
แล้วไง..ร้อยปี..พันปี..ที่แล้วยังไง? วันนี้ผมเป็นคนไทย..เชื้อชาติไทย..เกิดที่เมืองไทย..ร้องเพลงชาติไทย และ รักประเทศไทย..รักนายหลวงของเรา พอแล้วครับ...ใคร่จะคิดยังไง..อะไร..ช่างแม่มมัน ผมรักประเทศไทย..ครับ.
จริงๆก็ถูกตามที่สุจิตต์มันพูดนั่นแหละครับ (ผมเองนี่โคตรเกลียดไอ้นี่เลย แต่อันใหนที่มันเป็นเรื่องจริงในทางวิชาการเท่าที่ข้อมูลในปัจจุบันมีอยู่ ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธได้) นักโบราณคดีหรือคนที่ศึกษาด้านประวัติศาสตร์มาระดับหนึ่งแทบทุกคนก็จะรู้ว่าสุโขทัยไม่ใช่ราชธานีแห่งแรกจริงๆ พอดีมีคนอธิบายรายละเอียดเรื่องนี้พอดีเลยเป็นโชคของผมที่ไม่ต้องพิมพ์อธิบายยาวๆ ก็ลองอ่านดูนะครับ
หวังว่าจะไม่ใช่แก็งค์เดียวกันกับหงอกเจียมนะเห็นชอบประวัติศาสตร์ เขียนบทความให้มติชนกับประชาไทเหมือนกัน เอาที่สบายใจอ่านบทความนักวิชาเกินพวกนี้มากไข้จะขึ้น หรือแกอินที่ได้เป็นศิลปินแห่งชาติสมัยทักษิณเป็นนายกไม่มั๊ง
^ ^ ^ ^ ขอบคุณครับ.....สำหรับข้อมูล ( ประเด็นที่ผมเอาลิงค์มา กล่าวคือผมอ่านแล้วประมาณ(เอาเอง)ว่า ผู้เขียนบทความนั้นสื่อถึงการคิดแบ่งแยกแผ่นดินไทยครับ
คงแค่เพิ่งมาระลึกชาติได้ตอนแก่จะเข้าโลงว่าตัวเองมีเชื้อสายลาว คงฟุ้งซ่านธาตุไฟเข้าแทรกตอนแก่ใกล้นอนเมรุ
ความเห็นผมคือ ตัวไอ้สุจิตต์เองคงไม่ได้คิดขนาดนั้นหรอกครับ มันก็แค่พวกที่หาจุดเด่นให้กับตัวเองด้วยการเล่นเรื่องแรงๆหรือจริงๆก็เป็นเรื่องทางวิชาการธรรมดาก็เลือกใช้คำแรงๆให้ตัวเองดูเด่น ไม่ต่างกับหงอกเจียม และบังเอิญข้อมูลประวัติศาสตร์ของไทยมันก็แต่งเติมเพ้อเจ้อมาพอสมควรตั้งแต่สมัยจอมพล ป. ก็เลยเข้าทางมัน
สุจิตต์ วงษ์เทศ : ประวัติศาสตร์อยุธยา ต้องทบทวนใหม่ ไม่ใช่ราชธานีแห่งที่สอง เพราะไม่เคยมีแห่งแรกที่สุโขทัย โอ๊ว งั้น วินโดว์สิบก็ไม่มีอะสิ เพราะไม่เคยมีวินโดว์หนึ่ง โห เข้าใจผิดมามานาน แปลว่าไม่อยากใช้วินโดว์ ก็อพยบไปใช้อะไรก็ไปสิ
ผมไม่แน่ใจว่ามันตั้งใจจะสื่อว่าราชธานีแห่งแรกคืออยุธยาแต่ตั้งใจเขียนให้วนไปวนมาดูมึนๆตามสไตล์ปกติที่มันชอบใช้หรือเปล่านะ (นักโบราณคดีเท่าที่ผมรู้จักจะเห็นค่อนข้างตรงกันคือราชธานีแห่งแรกจริงๆควรจะเป็นอยุธยาครับ รวมทั้งตัวผมเองก็เห็นแบบนั้น) ข้อมูลเพิ่มเติมครับ http://pantip.com/topic/35495255/comment2
นับถือๆ มันสื่อว่า ร้อยพ่อพันแม่ อยุธยามีคนหลากหลายเผ่าพันธุ์ผสมผสานอยู่ด้วยกัน เหมือนร้อยพ่อพันแม่ ด้วยเหตุอย่างน้อย 2 ประการ คือ อยุธยาเป็นส่วนหนึ่งของสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์อย่างแยกออกจากกันมิได้ ซึ่งมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ อยุธยาจึงมีความหลากหลายด้วยอย่างปฏิเสธมิได้ เอกสารของชาวยุโรปสมัยพระนารายณ์ฯ บอกว่ายุคนั้นมีคนกลุ่มต่างๆ มากกว่า 20 ชาติภาษา อุษาคเนย์มีพื้นที่กว้างขวาง แต่มีคนน้อย (ตรงข้ามกับยุโรปพื้นที่น้อยมีคนมาก) จึงให้ความสำคัญการโยกย้ายถ่ายเทกวาดต้อนคนเป็นเชลยเพื่อเพิ่มประชากรในบ้านเมืองของตน (ไม่ยึดครองดินแดนตามที่มีบอกในตำราประวัติศาสตร์ไทย) อยุธยาก็เช่นเดียวกัน มีการกวาดต้อนโยกย้ายเชลยศึกบ่อยๆ เพื่อเพิ่มเติมประชากร เป็นเหตุให้มีการผสมผสานทางเผ่าพันธุ์ตลอดเวลา จึงไม่มีชาติพันธุ์ใดบริสุทธิ์ มีแต่ประเภทร้อยพ่อพันแม่ แปลว่า ไม่ใช่ชาติพันธ์ไทย
ขออนุญาตครับ.... นอกเรื่องนิดนึงครับ วินโดว์1 มีครับ..... วินโดวส์ 1.0 นั้นไม่เคยออกวางจำหน่าย รุ่นแรกที่แท้จริงนั้นเป็นรุ่น 1.01 โดยรุ่น 1.0 นั้นเป็นรุ่นที่ได้แสดงเป็นตัวอย่างที่งาน Comdex เมื่อปีพ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นเวลา 14 เดือนก่อนที่วินโดวส์ 1.01 จะวางจำหน่าย วินโดวส์ 1.02 ได้ออกวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2529 สำหรับนานาชาติซึ่งได้มีรุ่นสำหรับหลากหลายภาษาด้วยกัน วินโดวส์ 1.03 ได้ออกวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2529 ซึ่งสำหรับสหรัฐอเมริกา โดยได้เพิ่มความสามารถให้เหมือนกับรุ่นนานาชาติ และ drivers สำหรับเครื่องพิมพ์และหน้าจอเพิ่มเติม วินโดวส์ 1.04 ได้ออกวางจำหน่ายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2530 ซึ่งได้เพิ่มการรองรับสำหรับกราฟิกการ์ด VGA สำหรับเครื่องไอบีเอ็ม PS/2 เครื่องใหม่ เกร็ด[แก้] ความต้องการขั้นต่ำของวินโดวส์ 1.0 คือ MS-DOS 2.0 แรม 256KB และฮาร์ดดิสก์ แม้ว่าไฟล์คำสั่งของวินโดวส์นั้น จะเหมือนกับดอส นั้นคือ .exe แต่กลับไม่มีฟังก์ชันที่พิมพ์ว่า "This program requires Microsoft Windows" (โปรแกรมนี้ต้องการไมโครซอฟท์ วินโดวส์) ในกรณีที่โปรแกรมรันบนดอส แต่กลับออกแบบไฟล์ให้ดอสไม่รับไฟล์ดังกล่าวและแสดงข้อผิดพลาดว่า "program too large to fit in memory" (โปรแกรมขนาดใหญ่เกินว่าที่จะใส่ในหน่วยความจำ) แทน เป็นเพราะว่าวินโดวส์นั้นได้ออกแบบสำหรับการทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกันตั้งแต่เริ่มแรก จึงทำให้โปรแกรมบนวินโดวส์นั้นมีเมนูบาร์เป็นของตัวเอง ต่างกับแมคอินทอชที่สับเปลี่ยนเมนูบาร์อันบนสุดของหน้าจอ https://th.wikipedia.org/wiki/วินโดวส์_1.0 ..... ส่วนตัวผมก็ไม่ทันครับ
จริงๆเรื่องชาติพันธุ์นี่ผมก็ไม่เห็นว่าประเทศชาติใหนมีแต่ชาติพันธุ์แท้ๆเพียงอย่างเดียวเลย อย่างจีนก็ผสมทั้งฮั่นและเผ่าอื่นๆมากมาย เยอรมันก็ไม่ใช่มีแต่พวกอารยันแท้ๆ อินเดียก็มีทั้งอารยัน ดราวิเดียนและอื่นๆผสมกันไป และมันก็คงเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากถ้าประเทศไทยไม่ได้ประกอบไปด้วยคนหลายเชื้อชาติผสมปนเปกันไป เพราะฉะนั้นผมถึงคิดว่าสิ่งที่สุจิตต์พูดมันไร้สาระไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดเพราะมันก็แค่เป็นเรื่องปกติที่มีกันทั่วโลกอยู่แล้ว และมันก็เป็นแค่อีกเรื่องที่มันพยายามใช้คำพูดแรงๆเพื่อให้เรื่องที่โคตรจะธรรมดาดูเด่นขึ้น เพื่อเป็นการสร้างชื่อให้กับตัวเอง และเรื่องที่โคตรจะธรรมดานี้มันจะไม่เป็นประเด็นอะไรเลยถ้ามันออกมาอธิบายเรื่องนี้โดยใช้คำพูดธรรมดาที่มนุษย์ปกติใช้อธิบายกัน
เหมือนจะผิดไปนิดนึงเรื่องภาษาไทยนะครับ ต้องบอกว่าสุโขทัยเป็นอาณาจักรแรกที่ใช้อักษรไทย ก่อนหน้านั้นมีการใช้พวกอักษรขอมบันทึกภาษาไทยกันอยู่
จริงๆจากบทความนั้นน่าจะตรงกันนะครับ เพราะมีตรงส่วนที่ว่า "จะบอกว่าสุโขทัยเป็นอาณาจักรที่ใช้ภาษาไทยแห่งแรกยังน่าจะฟังขึ้นกว่า" จริงๆเรื่องนี้สุจิตต์ก็พยายามจะตีให้ได้ด้วยซ้ำว่าศิลาจารึกที่ค้นพบนั้น ไม่ได้สร้างในสมัยสุโขทัยแต่สร้างในสมัยรัตนโกสิทร์นี่แหละ สุดท้ายหลักฐานข้อมูลต่างๆก็สามารถโต้แย้งได้โดยข้อมูลของ ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร ทำให้เรื่องนี้เงียบๆไป แต่เหมือนว่าก็ยังมีเอามาเขียนล้างสมองสาวกเป็นระยะๆ
มันแค่รับงานมา ให้เป่าหัวให้คนรุ่นใหม่ ไม่ให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชาติหรือเปล่า กลัวว่าถ้าคนรุ่นใหม่ยังภาคภูมิใจในความเป็นชาติ แล้วจะล้างสมอง ให้เผาบ้านเผาเมืองลำบาก
อันที่จริง ประวัติศาสตร์ที่เรารู้ๆกันมา มันก็อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด มีการค้นพบหลักฐานใหม่ๆ ทฤษฎีต่างๆเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา คนสมัยก่อนเค้าก็บอกเล่า ไปตามสิ่งที่เค้ารับรู้มา และหลักฐานที่ปรากฎในสมัยนั้นๆ ทำไมนักประวัติศาสตร์บางคน ต้องไปกล่าวหาว่าเค้าหลอกลวง โปรปากานดาอะไรด้วย แล้วการรับรู้ประวัติศาสตร์ที่ไม่ตรงกันผ่านยุคสมัย ทำไมต้องมีบรรยากาศการดูถูกกันด้วย นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่มีหลักฐานเยอะกว่า รู้เยอะกว่า ทำไมต้องแสดงท่าทางดูถูกคนรู้น้อยกว่า ผมล่ะไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ อยากรู้จริงๆ ในต่างประเทศที่เค้าค้นพบหลักฐานใหม่เรื่อยๆ ทฤษฎีเปลี่ยนไปตลอดเวลา เค้าจัดหลักสูตรการศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ ให้เยาวชนกันยังไง?? ถ้าให้เดา มันคงไม่ใช่การให้เด็กมาท่องจำ ประวัติศาสตร์ยุคโน้นยุคนี้ เป็นอย่างไร แต่คงเป็นการบอกเล่า การทำงานของนักประวัติศาสตร์ ว่าค้นพบอะไรบ้าง บอกเล่าประวัติศาสตร์อย่างไร? มีทฤษฎีแบบไหนบ้าง? ทฤษฎีไหนคนเชื่อถือมาก(มีหลักฐานมาก) ทฤษฎีไหนคนเชื่อน้อยๆ(มีหลักฐานน้อย) แล้วปล่อยให้เด็กใช้สติปัญญาคิดพิจารณาเอาเองว่าจะเลือกเชื่ออะไร? แต่เด็กมันจะ งง มั๊ยอ่ะ? ในเมื่อไม่มีแกนหลัก ให้จดจำ หรือเค้าสอนต่างกับไทยนะ ให้เด็กเรียนรู้ประวัติศาสตร์ใกล้ตัวก่อน น่าเชื่อถือที่สุดก่อน แล้วค่อยย้อนไปให้ไกลเรื่อยๆ ตามระดับการศึกษาที่สูงขึ้น โอ๊ยยิ่งคิดยิ่งปวดหัว จริงๆ คิดดูดีๆ พูดกันดีๆ มันก็ไม่มีเรื่องนะ อย่างกรณีนี้ ก็แค่ เปลี่ยนจาก "สุโขทัยราชธานีแห่งแรก" เป็น "อาณาจักรที่ใช้ภาษาไทยแห่งแรก" ในหนังสือประวัติศาสตร์ก็จบและ หากการรับรู้ไม่ตรงกันก็แค่เล่า อธิบายที่มาระหว่าทฤษฎีเก่าและใหม่ ก็แค่นั้นเอง ไอ้นักประวัติศาสตร์บางคน มันจะใช้คำพูดแรงๆ เชิงหาเรื่อง ให้เป็นเรื่องทำไมฟะ?
แค่พวกร่านเท่านั้นหรือเปล่าที่ชอบรังคัดรังแคกระแนะกระแหนว่าคนโน้นเอียง คนนี้คว่ำ คนนู้นดูแคลน คนนี้กดต่ำ ที่แท้ก็คงพวกร่านนี้เองแหละที่กระทำการอย่างว่าจนสร้างความหมั่นไส้ให้ขาดการยอมรับคำพูดของพวกตัวสร้างศัตรูไปทั่ว ลิเบอรัลจริงๆต้องอย่าทำตัวเลเบอร์ร่านสิคะ ใครเขาจะอ่านบทความ ใครเขาจะฟังวาทะของพวกท่านจริงมั้ย จริงมั้ย คริคริ
อันที่จริง เรื่องนี้ผมรับรู้ด้วยตนเอง ในวิชาประวัติศาสตร์ทั่วไปที่เรียนกันในปัจจุบันนี่แหละ ว่าสุโขทัยอาจไม่ใช่ราชธานีแห่งแรก เค้าก็ไม่ได้โกหกนะ เขียนอยู่โต้งๆ ใช้สติพิจารณาดู สุโขทัยรุ่งเรืองมาก่อน อยุธยามาทีหลัง แต่อยู่ในยุคเดียวกัน สุดท้ายอยุธยาเจริญแซง และกลืนสุโขทัย แต่เค้าจัดให้สุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรก .......ความรู้สึก เออ เอางั้นก็ได้....... จะว่าไปมันก็คล้ายๆ ดาวพลูโต ถูกตัดออกจากระบบสุริยะตามหลักเกณฑ์จัดจำแนกสมัยใหม่นั่นล่ะ สำหรับคนธรรมดา มันก็ไอ้เครือๆ กันเหมือนเดิม แต่นักดาราศาสตร์ยอมไม่ได้ กรณี สุโขทัย นักประวัติศาตร์ก็ยอมไม่ได้เหมือนกันล่ะมั๊ง มองในแง่ร้ายๆ หน่อยๆ ทฤษฎีของนักประวัติศาสตร์ จำพวกนึง ที่ไม่ได้รับความนิยมมาเนิ่นนาน จะได้ลืมตาอ้าปาก ได้เชื่อเสียงและการยอมรับมากขึ้น อวดเบ่งได้มาขึ้น ฟินกับอีโก้ตัวเองได้มากขึ้น โดยการโหนกระแสทางการเมืองแบบลัทธิชังชาติบูชาโลกตะวันตก ล่ะมั้ง
เรียนประวัติศาสตร์เพื่อรู้ประวัติศาสตร์ แต่ถ้าเรียนประวัติศาสตร์เพื่อชาตินิยม มันก็ง่ายที่จะบิดเข้าหาตัวเองหรือมองอะไรเข้าข้างตัวเอง และอาจไม่ได้เรื่องราวตามประวัติศาสตร์ที่แท้จริง
ประวัติศาสตร์ผิดพลาด เมื่อมีหลักฐานใหม่ก็แก้ไขกันไป แต่ความจริงก็คือความจริง ว่าหน้าตัวเมียทักษิณก่อการร้ายตัวการต้อนควายแดงไล่ล่าฆ่าผู้นำประเทศ แถมจ้างวานแก๊งค์ควายเสื้อดำไล่ยิงปืน m79 ฆ่าชีวิตประชาชน ปลุกระดมต้อนควายแดงรอตกใจเผาบ้านเผาเมืองกรุงปล้นสดมภ์ เหิมเกริมส่ังควายแดงหน้ามืดล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยา เพราะไม่อยากติดคุก มีความผิดติดตัว กลับบ้านแบบเท่ห์ๆ นี่คือความจริงที่สุจิตต์ วงษ์เทศ อย่าลืมบันทึกไว้ด้วยว่า นี่คือความเลวร้ายระยำที่สุดของประเทศไทยยุคนี้ อันนี้ไม่มีชาตินิยม ความจริงล้วนๆ
สรุปก็คือต้องการลดทอนความเป็นหนึ่งเดียว ประมาณว่าอาณาจักรสุโขทัยควรจะยิ่งใหญ่ได้โดยตัวเอง ไม่ต้องไปนับญาติกับพวกอยุธยา รัตนโกสินทร์
คำว่า"ชาตินิยม"อุดมการณ์ความคิดที่สร้างชาติ การแสดงอัตลักษณ์ของจารีตประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษของคนในชาติ แต่เดี๋ยวนี้นักวิชาการหลายคนพยายามตีความหมายให้กลายเป็นอื่น พวกหัวสมัยใหม่กลับไปตีความว่าเป็นพวกพวกชาตินิยมเป็นพวกหัวเก่าอนุรักษณ์นิยมเป็นพวกสุดขั้วดักดาน ไม่ยอมวิ่งไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ เหมือนเสื้อแดงที่กำลังเอา"ทุนนิยม"หรือ"สังคมนิยม"เข้ามากลืนกินแต่บอกไปเลยคงยาก นอกจากพวกมันออกไปตั้งประเทศใหม่คนพวกนี้หลอกได้กับประชาชนที่กำลังสับสนเท่านั้น
เผด็จการในบางยุคก็ไม่ได้เอาคำว่า"ชาตินิยม" มาเพื่อแสดงอัตลักษณ์ของจารีตประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษของคนในชาติ และมองวัฒนธรรมเป็นเรื่องล้าหลังด้วย แต่แค่ต้องการเพื่อให้ประชาชนเชื่อฟังและยอมรับคำสั่งเท่านั้น ใครไม่เห็นด้วยคือไม่รักชาติ ให้ประชาชนกล้ำกลืนความทุกยากเพื่อสร้างชาติในอุดมคติของผู้นำ
Ju Jurairat ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 3 ภาพ 5 ชม. · คือแผ่นดินไทย...ชาวบ้านไทย-มุสลิม ช่วยกันตั้งเสาธงชาติไทย ที่ปลายสุดด้ามขวาน หาดเกาะยาว ตากใบ นราธิวาส. https://www.facebook.com/jurairat.sratongkham?fref=ts บางทีเราก็ยังไม่เข้าใจอะไรอีกหลายๆอย่างหรือเพราะว่าเรายังตื้นเขินเกินไป แค่เสาธงหน่วยงานรัฐในพื้นที่ก็ยังดีหมายความไม่ออกและยังคงเป็นแบบนี้ไปอีกนาน เสาธงนี้มันยิ่งใหญ่กว่าเสาธงราคาหลักแสนหน้าอำเภอเสียอีก ความเป็นชาติไม่ได้อยู่ที่เสาธงหรือธงปลายเสา มันที่คนข้างล่างมองไปที่ธงข้างบนแล้วคุณคิดอะไร ขอขอบคุณพี่น้องกลุ่มนี้จากใจจริง
งั้นเอาก่อนสุโขทัยเลยไหม...ล่ะ เชียงแสน โยนก....ก้อมีน่ะ จริงว่าตอนนั้นประเทศไทยยังไม่ได้รวมเป็นปึกแผ่นอย่างเช่นทุกวันนี้ เป็นแค่เมืองต่างๆเท่านั้น จนมาหลังๆที่มีบรรพบุรุษได้ต่อสู้แล้วรวบรวมเมืองต่างๆให้กว้างใหญ่ ยิ่งขึ้น ดูๆจากประวัติศาสตร์แล้ว เช่น อาณาจักรล้านนา อาณาจักรล้านช้าง เมืองแต่ล่ะก้อแยกเป็นเอกเทศ หลังจากที่อาณาจักรแชียงแสน โยนกนครที่ตีขอมจนกระเจิง แล้วตอนนั้น........นนนนนนนน จบดีกว่า เดี๋ยวยาว . . . ออ....ผมฝันละเมอไปนะ...คิคิคิคิคิ ปอลิง....ผมเกิดไม่ทันช่วงนั้นครับ
5555 สรุปคือห้ามคนไทยภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ ภาษา และวัฒนธรรมของเรา หากเรารับว่าความจริงแล้วสุโขทัยไม่ใช่ราชธานีแรกของไทย แต่เป็นกรุงศรีอยุธยา นายสุจิตต์ หรือคนอย่างนายสุจิตต์จะบอกว่าอยุธยาก็ไม่ใช่ เพราะตอนที่อยุธยาเป็นราชธานี บางกอกก็เป็นที่รู้จักของนักเดินเรือต่างชาติแล้ว จะภาคภูมิใจในภาษาหรือวัฒนธรรมไทย เขาก็จะบอกอีกว่ามันก็ผสมปนเปกันจากอินเดีย ขอม มอญ จีน ฯลฯ คือคนพวกนี้เขากลัวชาติไทยจะมีเอกลักษณ์น่ะครับ
นั่นสิ มีเหตุผลอะไรไม่เอารัฐก่อนหน้าสุโขทัยขึ้นมาบ้าง เอามาจากวิกิครับ ไม่แน่ใจเรื่องความถูกต้อง แต่อ่านไว้ประดับความรู้ สาเหตุการเลือกอาณาจักรสุโขทัยเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไทย นักวิชาการให้เหตุผลในการเลือกเอาอาณาจักรสุโขทัยเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไทยไว้ 2 เหตุผล ได้แก่: 1. วิชาประวัติศาสตร์มักจะยึดเอาการที่มนุษย์เริ่มมีภาษาเขียนเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ หลักฐานประเภทลายลักษณ์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งเมื่อประกอบกับการประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จึงเหมาะสมที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไทย 2. เป็นการสะดวกในด้านการนับเวลาและเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน ทั้งนี้ นักประวัติศาสตร์มีหลักฐานความสืบเนื่องกันตั้งแต่สมัยสุโขทัยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน ทว่า เหตุผลทั้งสองประการก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับกันอย่างเป็นเอกฉันท์นัก[14]
"ทว่า เหตุผลทั้งสองประการก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับกันอย่างเป็นเอกฉันท์นัก" ผมว่าเนี่ยแหละจุดเริ่มต้นแห่งดราม่า "ความเป็นไทย" คือนักประวัติศาสตร์ 2 สาย ที่ไม่ใช่แค่ถกเถียง เพื่อเพิ่มพูนความรู้ แต่เป็นถกเถียงเพื่อเอาชนะ ตอบสนองอีโก้ของตัวเอง จนกระทั้่งมีการเมืองเข้ามาจับ นับตั้งแต่ยุค จอมพล ป. เลย จากนั้นก็บานปลายเรื่อยมา ยุคปัจจุบัน คือ นักประวัติศาสตร์สายนึง ที่ไม่ได้รับความนิยมในสมัยก่อน โหนกระแสชังชาติที่จุดติดจากกลุ่มการเมืองกลุ่มนึง เพื่อให้ "ทฤษฎีที่กลุ่มตัวเองเชื่อ" ได้รับการยอมรับ >>> ความฟิน ที่ได้อวดเบ่งอีโก้ทางวิชาการ >>> อาจรวมถึงอะเจนด้าอื่นๆ เช่น ชื่อเสียงและเงินทอง