เมื่อสร้างความสนใจให้เกิดข่าวในประเทศไทยได้สำเร็จ ดาเนียล รัสเซลบินตรงไปพนมเปญ วางแผนจะพบกับสมเด็จฮุนเซน และระดับสูงที่นั่น ทางกัมพูชาส่ง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศมาคุยด้วย ส่วนสมเด็จฮุนเซนหลังจากติดตามข่าว พฤติกรรมของนายดาเนียลในไทย ก็บอกว่ามีภารกิจที่สิงคโปร์ มาคุยด้วยไม่ได้ กัมพูชามองออกว่า หากพบกับนายดาเนียล แกคงพูดอะไรตอกลิ่มให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะดาเนียลมีประวัติที่เชี่ยวชาญมากในการสร้างและอาศัยความขัดแย้งในประเทศหนื่ง ไปปั่น สร้างสถานการณ์ให้อเมริกาได้เข้าไปมีบทบาท แสวงหาผลประโยชน์ และยังเชี่ยวชาญในการขยายความขัดแย้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้อเมริกามีบทบาทนำ แกทำมาเยอะ วิธีการแบบนี้ ดาเนียลทำสำเร็จมาแล้ว ในการสร้างความแตกแยกระหว่างเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จีน วิธีการตอกลิ่มถูกนำมาใช้กับประเทศอาเซียนอีกครั้ง กัมพูชามีข้อขัดแย้งระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน ดาเนียลวิ่งไปคุยทั้งสองฝ่าย กลายเป็นขุดปัญหาในการเมืองกัมพูชาอีกครั้ง มีปัญหาประชาชนถูกยิงตายในการเดินขบวน ดาเนียลรีบไปคุยกับประชาชนที่ถูกยิง แล้ววางบทบาทอเมริกาทันที พนมเปญร้อนฉ่า อเมริกากลายเป็นผู้มีบทบาท ที่ กต อเมริกาเรียกดาเนียลว่า impact player หมากที่มีอานุภาพการทำงานที่สร้างผลสั่นเสะเทือนได้ เมื่อดาเนียลไปประเทศใดในอาเซียนจะใช้วิธีการนี้เสมอ ทั้งในพม่า อินโดนิเซีย รายละเอียดเยอะมาก เขาเคยมีบทความชื่อ อันตรายจากการรวมสองเกาหลีต่ออเมริกา เมื่อดาเนียลมาไทย เขาก็ใช้วิธีการเดียวกันนี่แหละ @@@ ดาเนียล รัสเซลต้องการอะไร กัมพูชาต้องการอะไร ดาเนียลเชี่ยวชาญเรื่องการสื่อสาร นักการทูตยุคใหม่สื่อสารกับรัฐบาล ภาคธุรกิจ สื่อมวลชน และประชาชนของประเทศนั้น ประเทศไทยจะเอาตัวรอดได้ ต้องอาศัยทั้งสี่ภาคส่วน ใช้ช่องทางรัฐบาลอย่างเดียวจะแพ้เขา แล้วสถานทูตอเมริกาก็จัดงานแถลงข่าวให้ผู้สื่อข่าวซักถาม รัฐบาลกัมพูชารีบส่งนักการข่าวจัดตั้งเข้าถามทันที ฮามาก คำถามที่หนื่ง มาครั้งนี้อเมริกามีแผนการลงทุนในกัมพูชาเป็นจำนวนเท่าใด อะไรบ้าง จะช่วยให้กัมพูชาส่งสินค้าไปอเมริกาเพิ่มได้เท่าใด ดาเนียล..... เอ้อ เรื่องนี้ต้องถามแอมบาสซาเดอร์ Tod >>ทูตประจำพนมเปญ นักข่าวถามต่อ จะมีโครงการยกเลิกหนี้ให้กัมพูชาไหม ดาเนียล >>เอ้อ ต้องถามทูต Tod ไล่เลียงอยู่นาน ไม่ได้อะไร ฮุนเซนก็คงฟังอยู่ นักข่าวถามอีก แล้วจะมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนอย่างไร ดาเนียล ตอบอย่างมั้นใจ เรามี NGO มากมายคอยช่วย แล้วที่สำคัญนะ กัมพูชาต้องเข้าร่วมในองค์กร Trans Pacific Partnership ที่อเมริกาเป็นผู้นำ คลุม 40% ของ GDP โลกเชียวแหละ แต่พวกยูต้องยกมาตรฐานแรงงาน สิ่งแวดล้อม ดูแลสิทธิทางสมองของอเมริกา บลาๆๆๆๆๆ แล้วจะเจริญ พูดง่ายๆ แยกส่วนอาเซียน เอาเข้าไปอยู่กับอเมริกา คุยกันมันดีนะครับ หลังจากนั้นดาเนียลก็พูดถืงข้อขัดแย้งภายในของฝ่ายต่างๆในกัมพูชายาวยืด ยกตัวเองเป็นผู้จัดการปัญหา สร้างความดังได้ สร้างความสนใจให้เกิดโดยเจาะไปที่ประเด็นอ่อนไหวของประเทศนั้น ดังในกรุงเทพ ในพนมเปญ >> ต้องช่วยส่งเสริมให้แกเป็นที่รู้จักทั่วเอเซียแปซิฟิก @@@ ดาเนียล รัสเซลไปที่ไหนก็ใช้วิธีนี้เป็นปกติ ผมตามแกมานาน รวมถืงวิธีการขื้นตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีดูแลเอเซีย แปซิฟิกด้วย คุมงานยาวตั้งแต่จีนยันนิวซีแลนด์และหมู้เกาะแปซิฟิก เป็นมือเอเซียมากรุงเทพบ่อย เป็นมือทำงานลับให้ประธานาธิบดี และสภาความมั่นคง เพิ่งเปิดตัว เปิดหน้าตอนเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้ว มีเมียเป็นญี่ปุ่น เรียนหนังสือที่ลอนดอน เข้าใจยากนะครับ ส่วนใหญ่ทำงานเรื่องเกาหลีสองประเทศ ญี่ปุ่น เคยประจำที่เดน ฮาก ฮอลแลนด์ สหประชาชาติด้วย เป็นคนที่สมัยเป็นหนุ่มซ่อกแซ่กมาก ในการใช้ชีวิตดูผู้คน จีบผู้หญิงญี่ปุ่นเนี่ย 555 เป็นนักยุทธศาสตร์ฉวยโอกาสที่อเมริกาหมดหวังกับนาฟต้า และยุโรป เขียนหนังสือแนะให้หันมาที่เอเซียเพื่อเศรษฐกิจอเมริกาจะเดินได้ ช่วยเขียนแผนปฏิบัติการปักหมุดเอเซีย ตอนนี้กำลังเดินสายในอาเซียน มองหาความขัดแย้ง เพื่อให้อเมริกาได้มาปักหมุดในทุกประเทศ เมืองไทยเนี่ยถูกสเปกแกมาก แกต้องมาสุมไฟสร้างความขัดแย้งไว้ ไปพม่า ตั้งโรงงานโค้กหนื่งโรง พูดมาก พม่าโกรธไปแล้ว มาเลเซียก็ไม่เอาด้วย เครื่องบินตก อินโดนิเซีย ไปเชียร์ประธานาธิบดีคนใหม่ หวังจะเอาสัมปทานก่อสร้าง แต่อเมริกาบ่จี๊ ญี่ปุ่นกวาดเรียบ เวียดนามก็รับเรือรบและขอส่งคนไปอเมริกาเพิ่ม เมืองไทยอย่าแตกให้เขาเจาะก็แล้วกัน เพราะดาเนียลบอกว่า เขตความมั่นคงของอเมริกาไปถืงไหน เขตเศรษฐกิจอเมริกาไปถืงนั่น การทูตและความั่นคงไปด้วยกัน และ ให้ใช้จุดอ่อนกลไกภายในประเทศนั้นเพื่อปักธงอเมริกา ปักหมุดเอเซียเป็นยุทธศาสตร์การทหาร เศรษฐกิจ การต่างประเทศ และการบ่อนทำลายครับ มาใหม่นะดาเนียล รัสเซล เที่ยวหน้าส่ง รมช ดอน ไปเจอก็พอ @@@ แต่ อเมริกาก็มีจุดอ่อนเยอะ ดาเนียลด้วย แล้วคุยกัน
มันก็พูดยากนะครับ ปรกติ อเมริกา ก็กีดกัน อยู่แล้ว ที่ขายๆ นั่น คนไทยที่นั่น หรือ คนเชื้อสายอื่น ซึ่งไม่ใช่อเมริกัน บริโภคเองมากกว่า ส่วนของอุปโภค เหมือนจ้างให้เราทำ ส่งกลับตี ตรา หรือเอาไปประกอบ แล้วกลับเอามาขาย ให้เรามากกว่า มันก็ยากที่จะเข้าใจนะครับ มาโบโร่ บุหรี่ หรือของฟุ่มเฟื่อย เหล้า หรือ ของใช้ ไฟฟ้า อิเลคทรอนิคส์ ต่างๆ มันก็เนื้อมัน ในมัน ถ้าคุณไม่นำเข้า อเมริกา ก็จะ ไม่นำเข้า สินค้าเกษตร ของเราเช่นกัน
ยกเลิกสัมปทาน... บ้านเราก็จะเป็นอิรัก 2 มั้งขอรับ... คงได้เห็นแสนยานุภาพของเหี้ยกระดับโลก... แล้วคนไทยจะเลิกกัดกันชั่วคราว เป็นกองโจรตาอยู่ มีทำมโม๊ะไชยะ เห็บส้วนเตียนหมาเป็นผู้ปลุกปั่นเงินบริจาคต่อไป...
หวังพึงจีนอย่างเดียว อาจไม่ได้ฝันหวานอย่างที่คิด เพราะไทยขาดดุลการค้า กับ จีน ถึง 3.3 แสนล้านบาท แต่เราเกินดุลกับอเมริกา ถึง 2.47 แสนล้านบาท ผมเห็นความคลั่งชาติทำให้บ้านเมืองเสียหายมามาก กระทั้งจะบอยคอตสินค้าต่างประเทศที่ จะคว่ำบาตรไทยเนื่องจากรัฐประหาร ทั้งที่เป็นหลักการที่ถูกต้องและสากล ผมเลยเอาตัวเลขดุลการค้าระหว่างประเทศ ปี 2556 ประเทศที่เกี่ยวข้อง ณ ตอนนี้มา จีน เราส่งออกเป็นอันดับ 1 ก็จริง แต่แค่เพียง 11% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดทั้วโลก ส่งออกไปประเทศจีน ประมาณ 8.24 แสนล้านบาท แต่เรานำเข้าสินค้าจากจีน สูงถึง 1.15 ล้านล้านบาท ซึ่งเราขาดดุลกับประเทศจีน ถึง 3.30 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เรานำเข้าสินค้าจากประเทศจีน อเมริกา เป็นประเทศที่เราส่งออกเป็นอันดับที่ 2 ที่สัดส่วนถึง 10%ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด เราส่งออกไปประเทศอเมริกา ประมาณ 6.94 แสนล้านบาท แต่เรานำเข้าสินค้าจากอเมริกาเพียง 4.47 แสนล้านบาท ซึ่งเกินดุลการค้า ถึง 2.47 แสนล้านบาท สหภาพยุโรป มูลค่าการส่งออกทั้งหมด ส่งออกประมาณ 6.07 แสนล้านบาทสัดส่วนประมาณ 8.7 %ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด แต่เรานำเข้าสินค้าจากยุโรป 6.75 แสนล้านบาท ซึ่งขาดดุลการค้า 6.86 หมื่นล้านบาท ออสเตรเลีย มูลค่าการส่งออกทั้งหมด ส่งออกประมาณ 3.12 แสนล้านบาทสัดส่วนประมาณ 4.52 %ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด แต่เรานำเข้าสินค้าจากออสเตรเลียเพียง 1.67 แสนล้านบาท ซึ่งเกินดุลการค้า 1.44 แสนล้านบาท มูลค่าส่งออกทั้งโลก รวม 6.91 ล้านล้านบาท นำเข้า 7.66 ล้านล้านบาท ประเทศไทยขาดดุลการค้า ประมาณ 7.56 แสนล้านบาท ระวังเขาจะบอยคอตขึ้นมาบ้างละ https://m2.facebook.com/11136216890....9998.111362168904147/786511724722518/?type=1
เรื่องนี้คนไทยอาจต้องตั้งสติ ดูให้ดี เพราะเรื่องนี้หลังจากที่นายรัสเซลมาพูดแล้วและไทยตอบโต้แสดงความไม่พอใจไปแล้วว่าเป็นการเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย ปรากฎว่าโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ออกมาแถลงสั้น ๆ ปฏิเสธว่าสหรัฐไม่ได้แทรกแซง เพราะแค่มาขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึกเท่านั้น เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่นายรัสเซลมาพูดเรื่องการถอดถอนยิ่งลักษณ์เลย ส่วนประธานาธิปดี และ รมต ต่างประเทศ หายหัวไปเลย ทั้ง ๆ ที่ตอนยึดอำนาจใหม่ ๆ รมต ต่างประเทศของสหรัฐเองก็ออกมาพูดย้ำอยู่นั่นแหละว่า ไทยควรจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว มันก็น่าจะมีความเป็นไปได้ว่า สหรัฐ ส่งนายรัสเซลมาเพื่อพูดกับรัฐบาลเรื่องกฎอัยการศึกเท่านั้น แต่นายรัสเซลได้รับคำสั่งจากการล็อบบียีสต์ให้เอาเรื่องการถอดถอนพ่วงเข้าไปด้วย เพราะดูแล้วเหมือนมีการเตรียมการล่วงหน้าตอนนายรัสเซลมา โดยนางยิ่งลักษณ์ไปพบและพูดเรื่องนี้ และนายรัสเซลก็เอาไปพูดที่จุฬา ถ้ามาเรื่องกฎอัยการศึกอย่างเดียว จะไปพูดที่จุฬาทำซากอะไร พูดกับรัฐบาลก็พอ และไอ้ศูนย์อะไรที่จุฬานี่ทำไมต้องเชิญนายรัสเซลไปพูด มันเหมือนกับมีการเตรียมการให้ไปพูดเรื่องนี้นั่นแหละ ประเด็นก็คือ สหรัฐอาจให้นายรัสเซลมาทำเรื่องเดียว แต่นายรัสเซลมาทำสองเรื่อง มันก็เลยเป็นเรื่อง เรื่องล็อบบียิสต์นี่ รู้สึกว่า อดีต สส ปชป จะออกมาให้ข่าว ฟังอาจารย์ปนิธาน วัฒนายากร ให้สัมภาษณ์ แกบอกว่าสถานทูตสหรัฐในประเทศไทย มีบุคลากรเป็นพันคนทำหน้าที่ต่าง ๆ อยู่ในประเทศไทยเป็นกลุ่ม ๆ มีมากมายหลายกลุ่ม จึงเป็นไปไม่ได้ที่สหรัฐจะไม่รู้ถึงเหตุการณ์และข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้น และหลายกลุ่มในสถานทูตก็ไม่เห็นด้วยที่นายรัสเซลมาพูดในลักษณะแทรกแซงไทย ไม่ใช่ว่าทั้งสถานทูตเขาเห็นดีเห็นงามกับนายรัสเซลไปหมด เพราะฉะนั้น คนไทยที่จะประท้วงสหรัฐ ผมก็สนับสนุนครับ แต่อย่าเปะปะ ไปเรื่อยเปื่อย เขาว่าการถอดถอนเป็นเรื่องการเมือง เราก็ต้องแสดงให้เขาเห็นหรือให้โลกเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่มันเป็นเรื่องการทุจริต การยกเลิกสัมปทาน หรือการบอยคอตสินค้า ผมมองว่ามันไม่มีผลหรอกครับ ประเทศเรามันนิดเดียว เศรษฐกิจเราก็เล็กมาก เผลอ ๆ ทำไปแล้วเข้าตัวเองอีก และที่สำคัญก็คือมันไม่ตรงประเด็นกับที่เขากล่าวหาเรา
